จอมยุทธ์สะท้านจิ๋ม - ตอนที่ 5
แสงแดดอ่อนๆ ในตอนเช้าที่แยงตามันทำให้เล้งเซี่ยวฮุ้นต้องฝืนลืมตาขึ้นจากการหลับ ความปวดเมื่อยภายในร่างกายที่ร้าวระบมไปทั่ว เล้งเซี่ยวฮุ้นค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนั้นมันนั่งอยู่บนเรือประมงเล็กๆ ลำหนึ่ง สืบเนื่องจากความเบื่อหน่ายในแผ่นดินใหญ่มันจึงตัดสินใจท่องทะเลทั้งๆ ที่มันเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น ผ่านไปวันที่สาม พลันมีพายุพัดโหมกระหน่ำ เข้ามาทุกทิศทุกทาง เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เรือประมงโดนพายุพัดจนล่มจมลงในที่สุด คนบังคับเรือและลูกเรือต่างกระจัดกระจายหายไปในทะเลกันหมด ส่วนตัวเล้งเซี่ยวฮุ้นเอง คว้าไม้ไว้ได้ท่อนหนึ่ง มันกอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย คลื่นที่พัดโหมกระหน่ำเข้าหาทุกทิศทุกทาง แต่มันกอดท่อนไม้ไว้แน่นประหนึ่งคนที่มันรักมากที่สุด เวลาผ่านไปพายุก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หัวของเล้งเซี่ยวฮุ้นหมุนเวียนจนมันรู้สึกมึนงง จนในที่สุดก็หมดสติไป ลืมตาอีกทีตัวมันก็นอนอยู่บนพื้นทรายที่ละเอียดรู้สึกนุ่มนวลยิ่งกว่าผ้านวมใดๆในโลกนี้ เพราะว่าทำให้มันมีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง เล้งเซี่ยวฮุ้นนอนลำดับเหตุการณ์อยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะพลิกร่างก้มลงจูบพื้นทรายตรงที่มันนอนอยู่เป็นเวลาเนินนาน ก่อนที่จะลุกขึ้นมองไปรอบบริเวณหมู่มวลแมกไม้ที่แปลกตา เขียวชอุ่มเบื้องหน้า มองออกไปไกลเบื้องหลังเป็นขุนเขาสูงตระหง่าน แนวหาดทรายขาวละเอียดนุ่มสบายเท้าทอดยาวไกลลิบ ดูเหมือนว่าจะเป็นเกาะร้างไกลโพ้นทะเลเกาะหนึ่ง เล้งเซี่ยวฮุ้นค่อยๆ เดินลากเท้าเข้าไปยังหมู่แมกไม้เบื้องหน้า ครู่ใหญ่จึงพบเห็นต้นกล้วยป่าออกผลที่กำลังสุกงอม มันไม่รีรอตรงเข้าไปทันที ไม่นานนักกล้วยนั้นก็หายหมดลงไปในกระเพาะ บัดนี้เล้งเซี่ยวฮุ้นเริ่มมีพละกำลังขึ้นบ้างแล้ว จึงตกลงใจสำรวจรอบๆ เกาะนี้ดูสักเที่ยวหนึ่งก่อน ผ่านไปสองชั่วยาม (ประมาณ 4 ชั่วโมง) มันสำรวจรอบๆ เกาะจนทั่ว ไม่พบเห็นผู้คนใดๆ มีเพียงนกหลากหลายชนิดเท่านั้นเอง เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจใจกลางเกาะที่เป็นขุนเขาดงไม้หนาทึบ ช่วงบ่ายทั้งวันมันจึงใช้เวลาสร้างกระท่อมหลังน้อยขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่ซุกหัวนอน ที่ใช้กิ่งไม้และใบมะพร้าวมาคลุมนี่เป็นผลงานครั้งแรกของมัน จึงดูไม่สวยงามเท่าไหร่นัก อย่างน้อยคืนนี้ก็ยังมีที่ซุกหัวนอนไปก่อน ผ่านไปเดือนเศษยังไม่มีเรือลำใดผ่านมายังเส้นทางนี้เลย เล้งเซี่ยวฮุ้นใช้เวลาสำรวจจนทั่วเกาะแล้ว ใจกลางเกาะเป็นป่าไม้ทีบมีน้ำตกหนึ่งแห่ง จึงเป็นแหล่งน้ำดื่มและใช้อาบน้ำได้อย่างดี วันเวลาที่ผ่านไปมันอาศัยจับนกจับปลาหาผลไม้ป่าเป็นอาหาร จนเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ อีกทั้งยังปลงตกด้วยว่าชาตินี้มันคงต้องอยู่เกาะนี้ไปคลอดชีวิตเป็นแน่ เช้าวันหนึ่งหลังจากที่เมื่อคืนก่อนมีพายุฝนกระหน่ำจนกระท่องน้อยของมันแทบพังทลาย ก่อนที่จะสงบลงเล้งเซี่ยวฮุ้นเดินทอดน่องไปตามหาดทรายขาวนวล จนกระทั่งไปถึงอีกฟากหนึ่งของตัวเกาะ ทันใดนั้นเอง มันพลันเห็นบางสิ่งบางอย่างเกยที่ริมหาดไกลๆ มันไม่รีรอช้าใช้วิชาตัวเบาเหินหาวเข้าไปทันที จวบจนมาถึงที่เบื้องหน้าเป็นร่างของคนสองคนมันดีใจมาก ที่ได้พบเห็นเพื่อนร่วมโลกเดียวกัน จึงรีบเข้าไปตรวจดูว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ทันทีที่จับต้องร่างก็พบว่าเป็นสตรีทั้งคู่ เมื่อมันพลิกร่างนางกลับมาเป็นสตรีอายุประมาณสามสิบเศษแต่งงานแล้ว อีกนางหนึ่งอายุสิบห้าสิบหก ทั้งสองเค้าหน้าใกล้เคียงกันดูเหมือนเป็นเจ้ม่วยกัน มันพบว่าทั้งสองยังมีชีวิตอยู่จึงรีบทำการรักษาทันที ไม่นานนักนางทั้งสองก็ได้สติขึ้นมา ทั้งสองดีใจมากที่ยังมีชีวิตรอดมาได้ อีกทั้งยังได้พบเพื่อนร่วมโลกอย่างเล้งเซี่ยวฮุ้น ทั้งสองได้ช่วยกันเล่าให้ฟังว่าเรือของนางเป็นเรือค้าขาย ครั้งนี้ติดตามบิดามาท่องเที่ยวด้วย มิคาดว่าเจอพายุร้ายพัดโหมกระหน่ำจนเรือล่มสลาย ไม่ทราบว่าบิดาและลูกเรือจะมีชีวิตรอดหรือไม่ เล้งเซี่ยวฮุ้นได้แต่ปลอบโยนพวกนาง ทั้งเล่าสภาพของเกาะนี้ให้พวกนางฟังคร่าวๆ ซึ่งทั้งสามคงต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่ก็ยังไม่ทราบเช่นกัน เล้งเซี่ยวฮุ้นจึงปลูกกระท่อมเพิ่มอีกหลังหนึ่ง ห่างจากที่เดิมไม่ไกลมากนัก โดยมันแยกมาอยู่กระท่อมหลังใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่า สตรีทั้งสองเป็นเจ้ม่วยกันดังคาด ผู้พี่มีนามว่าแป๊ะเจ็ง นางเป็นม่ายเนื่องจากสามีเสียชีวิตจากการถูกโจรสลัดปล้นเรือสินค้าฆ่าตาย ส่วนผู้น้องมีนามว่าแป๊ะเง็ก ผ่านไปสิบกว่าวันแล้วยังไม่มีวี่แววของเรือผ่านมายังเส้นทางนี้ให้เห็น เล้งเซี่ยวฮุ้นเองก็ไม่ย่อท้อ มันจุดกองไฟทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน เผื่อว่ามีเรือผ่านทางมาพบเห็นแสงไฟหรือควันไฟกองนี้ เช้าวันหนึ่งขณะที่เล้งเซี่ยวฮุ้นไปอาบน้ำที่น้ำตกกลางเกาะ ขณะที่มันเปลือยร่างชำระล้างร่างกาย พลันหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ประมาณยามสอง พลันได้ยินเสียงหวีดร้องดังมาจากกระท่อมสองพี่น้อง มันรีบทะยานเข้าไปทันที เมื่อเข้าไปในกระท่อม
“เกิดอะไรขึ้น”
“เล้งกงจื้อ…. คล้ายกับมีงูเลื้อยเข้ามาในห้องของเรา”
ทั้งสองพี่น้องที่ปราศจากวิทยายุทธต่างหวาดกลัว รีบเข้ามาโถมกอดเล้งเซี่ยวฮุ้นแนบแน่นโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว มันรู้สึกถึงความอบอุ่น โนมเนื้อที่แนบชิดติดร่าง อีกทั้งกลิ่นกายสาบสาวโชยเข้าจมูก จนมังกรในร่างตื่นขึ้นทันที ก่อนที่จะคิดอะไรให้ว้าวุ่นใจต่อไป มันค่อยปลอบประโลมพร้อมผลักร่างทั้งสองออกอย่างนุ่มนวล
“ท่านทั้งสองรอสักครู่ ให้ข้าพเจ้าจุดไฟก่อน”
เมื่อจุดไฟขึ้นสว่างในกระท่อมมันสอดส่ายสายตาไปทั่ว จึงพบเห็นงูน้อยตัวหนึ่งกำลังเกี่ยวตวัดพันอยู่ที่ขื่อของกระท่อม จึงใช้ดรรชีจี้ใส่จนงูนั้นตายไป พร้อมกับเขี่ยทิ้งออกไปนอกกระท่อมให้ไกล
“ไม่เป็นไรแล้วท่านทั้งสองนอนหลับต่อเถิด”
ขณะที่มันหันหน้ามากล่าวกับสองพี่น้อง ต้องลอบระงับจิตใจเป็นอย่างมากเนื่องจากทั้งสองอยู่ในชุดชั้นใน (เอี๊ยม) เท่านั้นเอง เพราะว่าต่างก็มีชุดสวมใส่เพียงชุดเดียวยามนอนจึงได้ถอดออก มันพึ่งสังเกตว่าผู้พี่ที่เป็นม่ายแม้ว่าจะอายุสามสิบเศษแล้ว นางยังคงรักษารูปร่างเป็นอย่างดี ปทุมถันที่อวบใหญ่จนแทบจะหลุดออกมาจากเอี๊ยมที่นางสวมใส่ เอวที่ผึ่งผาย ผิวที่คล้ำเล็กน้อย ส่องต้องกระทบแสงไฟ ส่วนผู้น้องมีรูปร่างที่เล็กกว่าปทุมถันแทบจะไม่ดันเอี๋ยมออกมาให้เห็น แต่ผิวนางนั้นขาวผสมชมพูสล้างต้องแสงไฟ นับว่าเย้ายวนใจได้อีกแบบหนึ่ง
“เออ……. เล้ง….เล้งกงจื้อ” เสียงของแป๊ะเจ็งผู้พี่ทำให้เล้งเซี่ยวฮุ้นตื่นจากภวังค์ มันรีบเบือนสายตาหลบหน้าแดงด้วยความอาย
“ขอโทษด้วยแม่นางทั้งสอง ข้า…ข้าพเจ้าขอตัวไปนอนก่อน ท่านทั้งสองก็นอนพักผ่อนเถิด”
มันรีบขยับร่างออกจากกระท่อมกลับไปยังกระท่อมของมันทันที แต่ทว่าคืนนั้นมันนอนไม่หลับ มโนภาพของสตรีทั้งสองทำให้จิตใจของมันลุกโชนด้วยความกระหาย มันติดอยู่บนเกาะมาเดือนกว่าแล้วไม่ได้ใกล้ชิดสตรีมานานยิ่งทำให้มันฟุ้งซ่านมากขึ้น แต่ก็พยายามข่มตาหลับเอาเมื่อตอนใกล้แจ้ง ส่วนสองพี่น้องก็นอนไม่หลับเช่นกัน แป๊ะเจ็งผู้พี่นั้นนางเป็นม่ายมาสองปีแล้ว นางถนอมร่างไม่เคยได้ใกล้ชิดกับใครอื่นอีกเลยนับตั้งแต่สามีนางเสียชีวิตไป ภาพที่นางเห็นเล้งเซี่ยวฮุ้นที่อยู่ในชุดเสื้อในที่เบาบางตัวนั้น ยิ่งตอนที่นางโถมกอดรัดเล้งเซี่ยวฮุ้น นางเองก็มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนย่อมทราบว่ามังกรของเล้งเซี่ยวฮุ้นได้ตื่นขึ้นมา ใช้หัวซุกไซ้ทิ่มแทงที่หน้าขาของนางจนนางเกิดความรู้สึกซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูก
“เจ็งเจ้…” เสียงแป๊ะเง็กผู้น้องเอ่ยปากถาม
“มีอะไรหรือ เง็กม่วย?”
“ข้าขอถามเจ็งเจ้สักอย่าง คือว่า…” นางตะกุกตะกัก แป๊ะเจ็งพลิกร่างมาโอบกอดน้องสาวพร้อมกล่าว
“มีอะไรหรือเปล่า เง็กม่วย ทำไมไม่พูดต่อ เจ้าบอกมาเถอะ” นางเร่งเร้าให้แป๊ะเง็กกล่าว
“ข้ารู้สึกแปลกๆ ตอนที่ถูกเล้งกงจื้อโอบกอด ร่างกายร้อนผ่าวไปหมด ใจเต้นระส่ำอย่างบอกไม่ถูก” แป๊ะเจ็งเลยถามต่อ
“เง็กม่วยรู้สึกชอบพอเล้งกงจื้อหรือไร?” แป๊ะเง็กอายหน้าแดง ทุบอกที่อวบใหญ่ของพี่สาวเบาๆ พร้อมกล่าว
“บ้า…เจ็งเจ้ก็ชอบเล้งกงจื้อเหมือนกัน ข้าเห็นเจ็งเจ้ลอบมองเล้งกงจื้อบ่อยๆ”
คืนนั้นทั้งสองคนอกกอดกันพูดคุยเกี่ยวกับเล้งเซี่ยวฮุ้นจนผล่อยหลับไปในที่สุด เล้งเซี่ยวฮุ้นยิ่งคิดถึงเรือนร่างของสองพี่น้องจิตใจยิ่งฟุ้งซ่านมากขึ้น มังกรของมันลืมตาผงาดขึ้นมา มันอดใจไม่ไหวจึงใช้มือขวากำมังกรไว้ก่อนที่จะรูดเข้ารูดออก พร้อมจินตนาการถึงสองศรีพี่น้อง ขณะที่เล้งเซี่ยวฮุ้นยืนหลับตาร่างพิงก้อนหินใหญ่ที่น้ำตกพร้อมกับช่วยเหลือตัวเองอยู่นั้น มันหารู้ไม่ว่าสองพี่น้องได้เดินมาเพื่อจะอาบน้ำเช่นกัน แต่นางทั้งสองพบเห็นเล้งเซี่ยวฮุ้นจึงหยุดร่างแอบดูที่หลังพุ่มไม้ห่างไปไม่ถึงห้าวา แป๊ะเจ็งผู้พี่นั้นมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน นางรู้สึกเหมือนมีอะไรมาชอนไชในถ้ำน้อยของนางจนนางต้องขมิบถ้ำเป็นการใหญ่ ยิ่งขมิบน้ำในถ้ำยิ่งหลั่งออกมา ใบหน้านางแดงซ่านด้วยความกระหายอย่างเหลือล้น ส่วนแป๊ะเง็กผู้น้องผู้ไร้เดียงสาในเรื่องนี้ นางไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายนางร้อนผ่าวไปหมดเมื่อได้เห็นภาพนั้นตรงหน้ายิ่งสงสัย
“เจ็งเจ้…. เล้งกงจื้อกำลังทำอะไร?”
“เออ…. ” แป๊ะเจ็งรู้ว่า น้องสาวยังไม่ประสีประสาในเรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย จึงครุ่นคิดหาคำตอบที่เหมาะสม
“เออ… ฮุ้นกงจิ้อกำลังชำระล้างร่างกายอยู่ก็เหมือนกับเวลาเราสองอาบน้ำ”
“อ้อ…. แล้วที่เล้งกงจื้อกำลังชำระล้างเขาเรียกว่าอะไร? ไม่เห็นเหมือนของข้ากับเจ้เลย… ”
“เออ….นี่เง็กม่วย เจ้าอย่าถามมากนักได้ไหม เดี๋ยวเล้งกงจื้อได้ยินเข้า”
ยามนั้นเล้งเซี่ยวฮุ้นหูอื้อตาลาย จึงไม่ได้ยินเสียงสตรีทั้งสองแม้แต่น้อย จนกระทั่งมังกรของมันทนทานแรงเสียดทานไม่ไหวจนยอมพ่นพิษพุ่งกระฉุดออกมา สตรีทั้งสองต่างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แป๊ะเจ็งนั้นกระสันจนร่างสั่นระริก นางปรารถนาอยากให้มังกรยักษ์ตัวนั้นพ่นพิษใส่คูหาสวาทของนางมากกว่าพ่นพิษออกมาใส่น้ำตกเช่นนั้น ส่วนแป๊ะเง็กนั้นเบิ่งตากว้างอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น แป๊ะเจ็งกลัวว่าเล้งเซี่ยวฮุ้นจะพบเห็นจึงรีบดึงร่างน้องสาวเดินออกมาในทันทีจนถึงกระท่อมที่พัก
“เจ็งเจ้…น้ำอะไรพุ่งออกมา จากท่อนเนื้อของเล้งกงจื้อ ดูน่ากลัวมาก”
“มันเป็นสิ่งที่จะทำให้สตรีมีความสุขได้มากที่สุด” แป๊ะเจ็งรำพันเหมือนคนละเมอ ครุ่นคิดถึงภาพดังกล่าว
“อะไรหรือเจ็งเจ้ ความสุข ความสุขอะไร?”
“ไม่…ไม่อะไร”
เช้าวันรุ่งขึ้นแป๊ะเจ็งบอกน้องสาวว่าจะไปอาบน้ำ ส่วนแป๊ะเง็กนั้นบอกว่าขออยู่ที่กระท่อมดีกว่า เมื่อไปถึงที่น้ำตกนางจึงค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกจนร่างเปล่าเปลือยแล้วจึงลงไปอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณเรือนร่างที่อวบอิ่มทุกซอกทุกมุม ยิ่งตอนที่นิ้วของนางลูบไล้ไปที่เนินสวาท นางยิ่งเสียวซ่านจนไม่อาจละมือออก ยิ่งคิดถึงภาพที่มังกรยักษ์ของเล้งเซี่ยวฮุ้นพ่นพิษออกมานางยิ่งเสียวซ่านมากขึ้น ขณะนั้นเอง นางได้ยินคนเดินย่ำใบไม้ตรงเข้ามา เสียงฮัมเพลงเบาๆ จึงรู้ว่าเป็นเล้งเซี่ยวฮุ้น นางตกใจมากเลยรีบลุกขึ้นหมายไปเอาเสื้อผ้ามาสวมใส่ ด้วยความเร่งรีบจึงพลัดลื่นตกลงไปยังช่วงที่น้ำไหลแรง จึงร้องดังขึ้นเล้งเซี่ยวฮุ้นได้ยินเสียงจึงรีบพุ่งร่างเข้ามา เห็นแป๊ะเจ็งกำลังว่ายสู้แรงน้ำที่เชี่ยวกราก จึงกระโดดลงไปช่วยพยุงร่างนางเข้ามายังริมฝั่งที่น้ำขังนิ่ง
“ขอบ…ขอบคุณเล้งกงจื้อ ที่ช่วยข้าไว้”
นางเอ่ยเสียงตะกุกตะกักเพราะยังตกใจอยู่ เล้งเซี่ยวฮุ้นที่กอดกระชับเรือนร่างที่อวบอิ่มเปล่าเปลือยอยู่นั้น มังกรยักษ์ของมันพลันตื่นขึ้น