จอมยุทธ์สะท้านจิ๋ม - ตอนที่ 4
ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว ดวงตะวันลับฟ้าความมืดเข้ามาแทนที่ ท้องฟ้าปราศจากเมฆหมอก ดวงดาวเริ่มทอประกายแสง ค่ำคืนนี้ท้องฟ้าสว่างเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง เล้งเซี่ยวฮุ้นเดินทอดน่องชื่นชมบรรยากาศรอบข้างที่เป็นป่าละเมาะ ก่อนเข้าหมู่บ้านโซ่วจิว ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ นอกเมืองโซวโจ
“คืนนี้ช่างร้อนยิ่งนัก…เมื่อไรจะถึงตัวหมู่บ้านสักทีจะได้อาบน้ำให้ชื่นอุรา” ได้ยินเสียงมันพึมพำให้ตัวเองฟัง ชั่วครู่ใหญ่เล้งเซี่ยวฮุ้นได้ยินเสียงน้ำตกดังกระทบโสต
“ช่างโชคดีจริง..มีน้ำตกอยู่บริเวณนี้ด้วย ต้องอาศัยก่อนเข้าหมู่บ้านจะดีกว่า..”
ด้วยความเร่งรีบจึงใช้วิชาตัวเบาพุ่งร่างคล้ายหมอกควันหายไปจากที่ที่ยืนอยู่ในพริบตา เสียงสายน้ำกระทบครืนๆ ดังใกล้เข้ามาจนเล้งเซี่ยวฮุ้นหยุดร่าง ที่เบื้องหน้าเป็นแอ่งน้ำไม่ใหญ่มากนัก กว้างประมาณสามวาเศษ น้ำตกไหลรินมาจากช่วงบน เสียงน้ำกระทบครืนๆ จนพูดคุยกันไม่ได้ยินชัดเจน ไอความเย็นที่พุ่งเข้ามาสัมผัสร่าง เล้งเซี่ยวฮุ้นรู้สึกสดชื่นคลายร้อนทันทีทันใด มันรีบจัดแจงถอดเสื้อผ้าออกจากร่าง เพื่อลงแช่น้ำให้เย็นชื่นฉ่ำอุรา ขณะที่กำลังถอดเสื้อ โสตประสาทพลันได้ยินเสียงคนเดินตรงเข้ามาจึงหยุดถอดเสื้อ พุ่งร่างขึ้นไปซ่อนตัวบนกิ่งไม้ใหญ่ข้างแอ่งน้ำชั่วครู่ สายตามันพลันเห็นคนเดินตรงเข้ามาหนึ่งคน ใกล้เข้ามาจนเห็นเรือนร่างได้ชัด จากแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ แลเห็นสตรีสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง วงหน้ารูปกลมมลถักผมเปียดูอายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปี
“นี่..ก็เริ่มมืดแล้ว ทำไมจึงมาสถานที่นี้คนเดียว? ช่างอันตรายยิ่งนัก ไกลจากหมู่บ้านพอสมควรอยู่ด้วย” เสียงมันพึมพำเบาๆ พลันได้ยินเสียงสตรีนางนั้นกล่าวดังสดใสเบาๆ
“ช่างร้อนยิ่งนัก…ต้องรีบอาบน้ำก่อนมีเวลาแค่หนึ่งชั่วยาม(สองชั่วโมง) เดี๋ยวเตี่ยจะด่าว่าอาบน้ำนาน” ได้ยินเสียงตะโกนมาไกลๆ
“แชยี้..รีบอาบเร็วๆ เข้า เดี๋ยวจะดึกเสียก่อน”
“ทราบแล้วเตี่ย..อย่าเร่งมากนัก”
“เสร็จแล้วตะโกนเรียกเตี่ยด้วย”
“โอย..เด็กเดี๋ยวนี้ช่างเอาใจยากเสียเหลือเกิน นึกอะไรก็ไม่รู้จะมาอาบน้ำที่นี่ เออ..มีลูกคนเดียวก็อย่างนี้” เล้งเซี่ยวฮุ้นนึกในใจ
“อ้อ..ที่แท้มาสองคน ฮืม..ช่างเป็นสตรีที่ไม่เบาทีเดียว..”
มันยังคงนั่งบนกิ่งไม้มองดูสตรีนางนั้นอยู่ เห็นนางเริ่มถอดรองเท้าถุงเท้าออก จากนั้นก็เสื้อผ้า และสุดท้ายเอี๊ยมแดงก็หลุดมากองที่พื้น นางหันหลังให้เล้งเซี่ยวฮุ้นจึงเห็นแผ่นหลังที่ขาวโพลน รูปร่างโค้งเว้าได้***ส่วนสมวัยสาวและสะโพกที่อวบอิ่ม นางก้มร่างลงจัดเก็บเสื้อผ้ากองแอบไว้ข้างโขดหินก่อนที่จะยืนหันร่างกลับมา
“อา…ช่างงดงามสมวัยสาวสิบเก้าจริงๆ”
เล้งเซี่ยวฮุ้นเพ่งมองดูเรือนร่างของสตรีสาว ปทุมถันที่เริ่มเบ่งบานของวัยสาวขาวอมชมพู เม็ดบัวสีแดงอมชมพูที่ปลายถันทั้งสองข้าง ดูน่าเข้าไปสัมผัสจับต้องยิ่งนัก ต่ำลงมาเอวคอดลงก่อนจะถึงสะโพกที่ผึ่งผาย โค่นขาที่อวบอิ่มลงไปถึงน่องที่เรียวเล็กลงไปถึงปลายเท้า เลือดในกายเล้งเซี่ยวฮุ้นลุกซู่ขึ้นทันทีทันใด เหงื่อกาฬเริ่มไหลรินออกมันรู้สึกรุ่มร้อนอยู่ในใจ
“อา…ช่างทรมานดีแท้ ข้าจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว…”
สตรีนางนั้นค่อยๆ หย่อนเรือนร่างแช่ลงไปในแอ่งน้ำ แหวกว่ายเล่นอย่างสุขใจ ยินเสียงนางร้องเพลงคลอเบาๆ เล้งเซี่ยวฮุ้นได้แต่นั่งมองอย่างอิจฉาตาร้อน ตัวมันเองก็ร้อนเหนียวไปทั้งตัว
“โอย..วันนี้ช่างเป็นวันที่แสนทรมานยิ่งนัก ทรมานกายไม่พอแถมทรมานใจอีก..”
มันได้แต่รำพันอยู่ในใจ นั่งมองดูสตรีสาวอาบน้ำ มองไปทางซ้ายมือห่างออกไปยี่สิบวา เห็นร่างเงาเรือนรางนั่งเอนพิงก้อนหินปากคาบกล้องดูดยาแดงวาบๆ พ่นควันออกมาเป็นระยะ คิดว่าคงเป็นบิดาของสตรีสาวคนนี้ หันกลับมามองที่สตรีสาวอีกครั้ง นางนั่งพิงก้อนหินริมแอ่งน้ำ เสียงน้ำไหลซู่ซ่าคลอกับเสียงเพลงแผ่วเบาที่นางร้องออกมา มือทั้งสองลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างช่วงบนที่พ้นน้ำ ปทุมถันขาวอวบแน่นเคร่งครัด มีหยดน้ำเกาะแพรวพราวสะท้อนแสงจันทร์ ช่างละลานตาน่าชวนมอง พลันยินเสียงนางร้องอุทาน พุ่งมือขวาผ่านน้ำลงไปที่หว่างขาทั้งสอง
“อุ้ย..เจ้าปลาบ้า ที่อื่นมีตั้งมากมายไม่รู้จักไปมุดมามุดเข้าถ้ำของข้าได้อย่างไร?” เล้งเซี่ยวฮุ้นหัวร่อในใจ แทบตกต้นไม้
“ฮา..ฮา..เจ้าช่างเป็นปลาที่โชคดีอะไรเช่นนี้..” เห็นนางยังร้องอุทานอยู่ ก่อนที่จะลุกขึ้นมาที่ขอบแอ่งน้ำ
“เจ้าปลาบ้า..ไม่มีที่ไปหรือไร? ทำไมจ้องจะมุดที่นี่อยู่เรื่อย”
มือซ้ายพาดปิดปทุมถันทั้งสอง มือขวาของนางกางปิดที่หว่างขา นางนั่งลงบนก้อนหินแผ่นใหญ่ที่ราบเรียบริมแอ่ง แสงจันทร์สว่างไสว แลเห็นร่างนางได้ชัด เล้งเซี่ยวฮุ้นมองดูนางค่อยๆ เอานิ้วกลางล้วงแหย่เข้าไปในถ้ำน้อยที่หว่างขาของนาง คิดว่านางคงต้องการดูว่ามีปลาหลงเข้าไปหรือไม่? พลันได้เสียงนางอุทานแผ่วเบา
“ดีที่ไม่มีเล็ดลอดเข้าไป เอ..แต่ถ้ามันเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหนอ..”
เห็นนางเหลียวซ้ายแลขวาก่อนที่จะนั่งเอนพิงก้อนหินใหญ่ แสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบผิวเนื้อขาวเนียนของนางดูโดดเด่นท่ามกลางต้นไม้นานาพันธ์ โขดหินแอ่งน้ำตกที่ไหลรินลงมาจากเบื้องบน หัวใจเล้งเซี่ยวฮุ้นเต้นแรงขึ้นๆ จนแทบออกมาจากอก สายตามันจ้องมองลงมาข้างล่าง สตรีสาวนางนั้นนั่งเอนหลังพิงก้อนหิน เรียวขาทั้งสองของนางถ่างกางออกเล็กน้อยชันหัวเข่าขึ้น มือขวานางล้วงลงไปที่หว่างขา มือซ้ายกุมถันซ้ายขวา บีบคลึงสลับไปมาระหว่างปทุมถันทั้งสอง มือขวานางเริ่มขยับช้าๆ ก่อนที่จะเร่งเร็วขึ้นๆ มือซ้ายนางบีบคลึงเคล้นถันทั้งสองอย่างเมามันในอารมณ์ ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนคนถูกทรมาน ยินเสียงนางครวญคราง
“อูย…อาา…ทำไมเสียวเช่นนี้…อาา..ซี๊ดดด…” มือขวานางขยับเร็วขึ้นแรงขึ้น มือซ้ายบีบขยำถันตัวเองจนแทบจะแหลกเหลวคามือ เสียงนางร้องครางกระเส่ากระชั้นถี่ขึ้นๆ จนที่สุด
“ซู๊ดดด….อูยยย….อาา..าา..า…” นางค่อยๆ ผ่อนแรงมือทั้งสองลงช้าๆ จนสงบแน่นิ่ง ยินแต่เสียงหอบหายใจดังกระชั้นถี่ๆ
“อาา…” นางคลายมือซ้ายออกจากปทุมถัน และชักมือขวาออกจากหว่างขา อย่างช้าๆ เหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง
“แชยี้…อาบน้ำเสร็จหรือยัง?” เสียงตะโกนไกลๆ สตรีสาวชันร่างขึ้น ก่อนร้องตอบ
“จะเสร็จอยู่แล้วเตี่ย รอสักครู่..”
นางเดินลงไปแช่ร่างในแอ่งน้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าแล้วจึงเดินจากไป เล้งเซี่ยวฮุ้นทิ้งร่างลงมาสู่พื้นดิน มันยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ จึงหันร่างเดินทางเข้าหมู่บ้านที่อยู่ข้างหน้ายินเสียงมันพึมพัม
“เข้าถึงหมู่บ้านวันนี้ คงนอนไม่หลับเป็นแน่แท้….”