ผีดุ - ตอนที่ 1
### ตอนที่ 1 ###
เย็นวันนั้นพนักงานทุกคนกระวีกระวาดเก็บของบนโต๊ะอย่างรวดเร็วเพราะต่างก็รีบเตรียมตัวไปงานเลี้ยงของบริษัทซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งสถานที่จัดก็เป็นชั้นล่างของบริษัทเหมือนทุกๆปีที่ผ่านมา สาวๆต่างพากันขยับตัวเพื่อเข้าไปแต่งหน้าในห้องน้ำเพราะต้องรีบลงไปจองที่นั่งด้านหน้าเพื่อชมการแสดงต่างๆ
“พี่อ้อยไปก่อนเถอะ ไก่เสร็จแล้วจะรีบไปค่ะ” เสียงใสๆของไก่ พนักงานสาวซึ่งบรรจุเป็นพนักงานเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาบอกเพื่อนวัยอาวุโสกว่าซึ่งมายืนเร่งเธอเพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันคนอื่น
“มาขยันอะไรตอนนี้เล่า ดูซิ คนอื่นเค้าลงไปกันหมดแล้ว” เพื่อนต่างวัยยังคงยืนบ่นอยู่ข้างๆ ไก่ยิ้มให้
“พี่ลงไปก่อนเถอะนะ งานนี้เร่งจริงๆ เดี๋ยวจะเตรียมประชุมพรุ่งนี้ไม่ทัน นะคะ”
อ้อยส่ายหัวด้วยความเอือมระอาในความเอาใจใส่งานของรุ่นน้องเกินเหตุ
“งั้นพี่ลงไปก่อนแล้วเธอรีบตามลงไปนะ พี่จะกันที่ไว้ให้” อ้อยกำชับ
“ตกลงค่ะ” ไก่พยักหน้ารับคำก่อนจะก้มหน้าลงทำงานต่อ
ห้องทำงานเงียบสงบเพราะพนักงานทั้งหมดลงไปงานเลี้ยงข้างล่าง เหลือเพียงสาวน้อยวัย22 ซึ่งพึ่งรับปริญญามาหมาดๆนั่งทำงานเงียบๆอยู่เพียงคนเดียว แสงไฟซึ่งเหลือเพียงดวงเดียวเหนือโต๊ะทำงานเธอ ทำให้มุมอื่นๆของห้องทำงานมืดสลัวลงด้วยเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ไก่ก้มหน้าทำงานอยู่บนโต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยกองเอกสาร แต่เธอต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินอยู่ด้านหลัง สาวน้อยหันไปมองดูก็ไม่เห็นอะไร จึงหัวเราะกับตัวเองเพราะคิดว่าหูฝาดไป ก่อนจะหันกลับมาทำงานต่อ
ฉับพลัน!!เธอก็ต้องหันขวับมาอีกครั้งเพราะคราวนี้ได้ยินเหมือนมีเสียงคนกระซิบเบาๆ แต่เมื่อเธอหันมา เสียงนั้นก็เงียบลง ไก่เริ่มเกิดความกลัวเพราะตอนนี้มีเพียงเธออยู่คนเดียวในห้องนั้น แล้วเสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงของใครซักคนซึ่งเธอแน่ใจว่าเธอไม่ได้หูฝาดแน่ๆ เธอค่อยๆหันกลับมาทำงานต่อพลางชำเลืองมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง ความคิดย้อนกลับไปหาเมื่อครั้งที่เธอเข้าทำงานที่นี่ใหม่ๆ…
“ไก่ นั่งทำงานคนเดียวจนดึกอย่างนี้ทุกวันไม่กลัวเหรอ” พี่อ้อย ซึ่งนั่งติดกับเธอเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสาวน้อยมักจะทำงานจนดึกบ่อยๆ
“ไม่กลัวหรอกค่ะ…” เธอหัวเราะตอบ “…นี่มันที่ทำงาน คนออกจะเยอะแยะ คงไม่มีผู้ร้ายมาปล้นกันจนถึงที่ทำงานหรอกค่ะ”
“พี่ไม่ได้หมายถึงผู้ร้ายหรือโจรซักหน่อย…” อ้อยกระซิบแล้วชะงักคำพูดพลางมองซ้ายมองขวา ไก่ขมวดคิ้ว
“อ้าว แล้วพี่อ้อยหมายถึงอะไรล่ะคะ” เธอถามงงๆ
“เธอไม่กลัวผีเหรอ” อ้อยกระซิบอีกครั้ง ไก่ทำหน้าแปลกใจก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ไม่หรอกค่ะ…” เธอปฏิเสธ “…ผีมีจริงที่ไหน ไก่อยู่หอมาตั้งแต่เด็ก ยังไม่เคยถูกผีหลอกเลย”
“อย่าทำเป็นพูดไป…” อ้อยพูดเสียงจริงจัง มองซ้ายมองขวา “…เค้าบอกว่าที่นี่มีผีด้วยนะ แล้วก็ดุมากด้วย”
ไก่ทำหน้าเหรอก่อนจะยิ้มให้รุ่นพี่
“ที่นี่น่ะเหรอคะผีดุ…” เธอทวนคำพูด พลางมองไปทั่วๆห้องซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเลคโทรนิคทันสมัย “…ไฮเทคขนาดนี้มีผีด้วยเหรอคะ”
อ้อยไม่ได้หัวเราะด้วย
“อย่าพูดเป็นเล่นไป…” อ้อยทำหน้าจริงจัง “…เค้าว่ากันว่าเคยมีคนถูกฆ่าตายที่นี่ รู้สึกว่าจะถูกยามยิงนั่นแหล่ะ เห็นบอกว่าโดนยิงจนพรุนเลย” ไก่หันหน้ามามอง
“เป็นโจรเหรอคะ” เสียงหัวเราะของเธอลดลงเพราะรู้สึกว่าเพื่อนรุ่นพี่พูดจริงจัง
“ก็ไม่เชิงเป็นโจรหรอก…” อ้อยพูดพลางนึก “…พี่ก็ไม่รู้นะ เห็นเค้าบอกว่ามันจะเข้ามาปล้ำพนักงานในนี้ แต่บังเอิญยามเดินขึ้นมาตรวจความเรียบร้อยพอดี ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องก็เลยเข้ามา ยามเค้าให้การกับตำรวจว่ามันกอดปล้ำพนักงานผู้หญิงอยู่ เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ พอยามตะโกนบอกให้มันหยุด มันกลับหยิบมีดจะวิ่งเข้ามาแทงเค้า เค้าก็เลยชักปืนยิงมันจนหมดกระสุน…”
อ้อยเล่าให้รุ่นน้องซึ่งนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“…รู้สึกว่าจะโดนยิงตายตรงนั้นแหล่ะ…” เธอชี้ไปที่พื้นห้องซึ่งเยื้องโต๊ะของเธอทั้งสองเข้าไปด้านใน ไก่มองตามอย่างลืมตัวแต่ก็ไม่เห็นร่องรอยอะไร “…ไม่มีรอยอะไรแล้ว…” อ้อยพูดเหมือนรู้ใจ “…บริษัทจัดการเปลี่ยนพรมใหม่ทั้งหมดแล้ว เธอมาทีหลัง ถ้าไม่เล่าให้ฟัง เธอก็ไม่รู้เรื่องหรอก”
“แล้วยังไงอีกคะ” คราวนี้ไก่ถามอย่างตั้งใจเพราะบริเวณที่เกิดเหตุ ห่างจากโต๊ะเธอแค่ไม่กี่เมตรเอง
“โอ๊ย เรื่องนี้ใหญ่มากแต่เอ็มดีเค้าขอให้ทุกคนปิดเรื่อง คงไม่อยากให้คนนอกรับรู้เรื่องอย่างนี้มั๊ง ยามคนนั้นรอดตัวไปเพราะน้องคนที่โดนเค้าให้การตรงกันกับยาม ส่วนผู้ชายคนนั้น ตำรวจพยายามตามหาญาติ แต่ก็ไม่มี เลยจัดการส่งศพไปไว้ที่วัด ไม่รู้ป่านนี้เผาไปแล้วหรือยัง” อ้อยเล่าอย่างสนุกปาก แต่ไก่เริ่มยิ้มไม่ออก
“ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นเลยเหรอคะ” ไก่ยังข้องใจเพราะเป็นไปได้ยังไงที่มีคนเข้ามาในบริษัทโดยผ่านยามขึ้นมาถึงชั้นบนนี้ได้
“ไม่รู้อะไรเลย…” อ้อยพูดพลางส่ายหน้า “…ตำรวจสันนิษฐานว่าคงเป็นพวกโรคจิตอะไรทำนองเนี้ย”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับที่พี่อ้อยบอกว่าผีดุด้วยล่ะคะ” ไก่ถามเบาๆ อ้อยชำเลืองไปรอบๆอีกครั้ง
“เค้าบอกกันว่าตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมาตาย มีคนเห็นผู้ชายคนนึงเดินไปเดินมาในห้องนี้ แต่พอตั้งใจมองก็ไม่เห็นมีอะไร บางคนก็รู้สึกเหมือนมีคนมาถูกตัว โดยเฉพาะพวกที่อยู่ทำงานตอนเย็น เจอกันเกือบทุกคนเลย” อ้อยพูดเบาๆเหมือนกลัวใครได้ยิน พลอยทำให้ไก่ซึ่งตั้งใจฟัง ต้องพลอยมองซ้ายมองขวาไปด้วย
“ไม่ใช่ว่าพี่อ้อยเห็นไก่ทำงานดึกๆแล้วไม่อยากให้ทำงาน ก็เลยแต่งเรื่องขึ้นมาให้ไก่กลัวใช่มั๊ยคะ” สาวน้อยถามเสียงอ่อยๆเพราะเรื่องผีกับผู้หญิงนี่เป็นของคู่กันอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่กลัว แต่เรื่องที่ฟังก็ทำให้รู้สึกหวาดๆไปเหมือนกัน
“จะมาขู่ให้เธอกลัวทำไม ดูสิ…” อ้อยทำเสียงดุพลางชี้แขนของเธอซึ่งเห็นเส้นขนลุกชัน “…พี่พูดเองยังกลัวเองเลย แล้วคนที่โดนเค้าเล่าให้ฟังแต่ละอย่าง มันน่าขนลุกและก็น่าขยักแขยงทั้งนั้นเลย” เธอทำท่าขนลุก ไก่ยิ้มแหยๆ
“อะไรคะ” ไก่ถามเบาๆ อ้อยนิ่งคิด
“บางคนรู้สึกเหมือนมีคนมาลูบที่ต้นขาจนไปถึงเป้ากางเกงเลย บางคนก็รู้สึกว่ามีคนเอามือมาลูบที่หน้าอก บางคนโดนหนักกว่านั้นอีก รู้สึกว่ามีมือมาขยำหน้าอกแรงจนรู้สึกได้เลยล่ะ” อ้อยเล่า ไก่ทำตาโต
“ผีอะไรอย่างนั้น นั่นมันผีบ้ากามแล้ว” ไก่เริ่มหัวเราะได้อีกครั้งเพราะรู้สึกว่าเรื่องเล่าเริ่มเหลวไหล แต่อ้อยยังทำหน้าจริงจัง
“ก็ไอ้คนที่ถูกยิงมันเข้ามาในห้องนี้ทำไมล่ะ ไม่ใช่เพราะมันบ้ากามหรอกเหรอ…” อ้อยพูด ไก่นั่งเงียบ “…ถ้ายามไม่เข้ามาเห็นซะก่อน น้องคนนั้นก็คงโดนมันจัดการเรียบร้อยไปแล้ว ทีนี้พอมันถูกยิงตายกลายเป็นผี เธอว่ามันจะเปลี่ยนนิสัยหรือเปล่าล่ะ” อ้อยย้อนถาม ไก่ยิ้มจืดๆ
“แล้วทำไมเค้ายังไม่ไปผุดไปเกิดซะทีล่ะคะ” ไก่ถามและยิ้มกับคำถามไร้สาระของตัวเอง อ้อยส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ คงยังรออะไรอยู่มั๊ง ถึงยังไม่ไปเกิดซะที” สองสาวทำตาปริบๆ มองหน้ากันและไม่ได้พูดอะไรกันเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
วันเวลาผ่านไป เธอลืมเรื่องที่เพื่อนรุ่นพี่เล่าให้ฟังอย่างสนิทเพราะเธอนั่งทำงานคนเดียวจนดึกดื่นมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยเจออะไรอย่างที่อ้อยเล่าให้ฟังแม้แต่ครั้งเดียว จนเชื่อว่าเรื่องที่อ้อยเล่านั้นเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาให้เธอกลัวเท่านั้นเอง แต่คืนนี้มันดูแปลกๆไปเพราะรู้สึกว่าห้องทำงานเงียบกว่าทุกวันที่เธอเคยอยู่ มีเพียงเสียงแอร์เบาๆ มันเงียบเสียจนเธอได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจตนเองเต้น สิ่งเกิดขึ้นกับเธอเมื่อสักครู่นี้ทำให้เรื่องที่เพื่อนรุ่นพี่เล่าให้ฟังย้อนกลับมาในความคิดเธออีกครั้ง
เสียงเปิดประตูทำให้เธอสะดุ้ง หันไปมองเห็นพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอยิ้มให้กับตัวเอง รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อน
“ลืมของเหรอคะ” เธอเอ่ยปากถาม พลางมองอย่างสงสัยเพราะรู้สึกไม่คุ้นหน้ากับพนักงานคนนี้เลย คงเป็นเจ้าหน้าที่ของอีกฝ่ายหนึ่งมั๊ง
ร่างนั้นเดินมานั่งที่โต๊ะริมประตู เธอถอนหายใจโล่งอก คงเป็นพนักงานฝ่ายขายซึ่งเธอไม่คุ้นเคย เพราะโต๊ะที่ชายคนนั้นนั่งเป็นพื้นที่ของฝ่ายการเงินซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายมักจะมานั่งเพื่อเบิกค่าใช้จ่ายอยู่เสมอๆ เจ้าหน้าที่คนนั้นคงจะลืมของอะไรไว้แล้วขึ้นมาหยิบ ก่อนจะกลับลงไปในงานเลี้ยงต่อ
ไก่ยิ้มให้กับความปอดแหกของตัวเอง ไม่น่าฟังเรื่องที่พี่อ้อยเล่าเลย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพี่อ้อยเล่าเรื่องน่ากลัวอย่างนั้นให้เธอฟังทำไม หรือเป็นธรรมเนียมของที่นี่ก็ไม่รู้
นึกถึงพี่อ้อย เธอเงยหน้าเพื่อจะถามพนักงานคนนั้นว่างานข้างล่างเป็นยังไงบ้าง ก็ต้องเพ่งตามองที่เก้าอี้ตัวนั้นอีกครั้งเพราะไม่มีคนนั่งอยู่ที่นั่น เธอลุกขึ้นยืนทันที เพื่อมองหาว่าชายคนนั้นเดินไปไหนแล้ว จะว่าออกจากห้องไปแล้ว เธอก็ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งที่เธอเห็นก็คือเก้าอี้ตัวนั้นอยู่ในสภาพเก็บเรียบร้อยเหมือนไม่มีคนนั่งมาก่อน ทั้งๆที่เธอเห็นกับตาว่าชายคนนั้นดึงเก้าอี้ออกมานั่ง และห้องนั้นก็ไม่มีเหลี่ยมมุมที่จะซ่อนตัวได้แม้แต่นิดเดียว
เธอค่อยๆทรุดตัวลงนั่งช้าๆ หรือว่าตาฝาด แต่ภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยิน มันยืนยันชัดเจนว่ามีคนเข้ามาในห้อง แต่คนๆนั้นหายไปไหนแล้ว วูบหนึ่งของความคิด หรือว่าสิ่งที่พี่อ้อยเล่าให้ฟังนั้นมันเป็นเรื่องจริง คิดอย่างนั้นแล้วเธอแทบอยากจะเก็บของแล้วลงไปข้างล่างหรือกลับบ้านไปเลย แต่พอมองงานบนโต๊ะซึ่งยังกองอยู่ ถ้าวันนี้เธอทำไม่เสร็จ แล้วพรุ่งนี้มีการถามถึง เธอจะอธิบายเหตุผลที่เธอทิ้งงานแล้วกลับบ้านให้คนอื่นฟังว่ายังไง
ไก่คิดทบทวนไปมาก่อนจะก้มลงทำงานต่อทั้งๆที่รู้สึกเสียววูบไปหมด เธอเข้าใจความหมายที่พี่อ้อยเคยบอกว่าขนลุกไปหมดทั้งตัวแล้วเพราะตอนนี้เธอก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน พยายามเพ่งความคิดความรู้สึกกับงานตรงหน้าให้มากที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นๆ
ทันใดนั้น!!! เธอรู้สึกเหมือนกับมีคนมายืนอยู่ข้างๆ หันขวับไปดูแต่ก็ไม่เห็นใคร จึงหันหน้ากลับมาทำงานต่อ แต่ในความรู้สึก มันเหมือนกับมีใครมายืนประชิดด้านหลังเธอจนแทบรู้สึกถึงลมหายใจที่รดลงมาที่ต้นคอ ไก่พยายามคิดว่าตัวเองอุปทาน ก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือทั้งๆที่มือสั่นจนแทบอ่านลายมือไม่ออก ลมหายใจนั้นเลื่อนจากต้นคอช้าๆวนมาด้านหน้าจนมาถึงเนินอกของเธอ เธอชำเลืองมองที่หน้าอกตัวเองแต่ก็ไม่เห็นอะไร แต่ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่ มันค่อยๆชัดเจนขึ้นจนรู้สึกเหมือนใครซักคนกำลังลากริมฝีปากวนเวียนไปมาบริเวณเนินหน้าอกของเธอจนเธอขนลุกซู่ ริมฝีปากนั้นเหมือนจะทะลุผ่านเสื้อของเธอเข้าไปข้างใน
ไก่สะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากนั้นเม้มเอายอดทับทิมสีชมพูอ่อนซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเสื้อชั้นใน ปลายลิ้นจากภายในริมฝีปากนั้นตวัดเบาๆบนหัวนมซึ่งค่อยๆแข็งตัวชูชันขึ้นมาสู้ลิ้นที่ไล้เลียจนรู้สึกถึงความเย็นจากน้ำลายที่ปลายลิ้นนั้น เธอขยับตัวบนเก้าอี้อย่างอึดอัด วางปากกาแล้วลองสัมผัสหน้าอกตัวเองบริเวณที่รู้สึกเสียวปล๊าบอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่มือของเธอสัมผัสถูกนั้นไม่มีอะไรนอกจากเสื้อของตัวเอง แต่ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่ ริมฝีปากนั้นยังคงขบเม้มสลับกับแหย่ปลายลิ้นออกมาวนเวียนไปมารอบหัวนมเธออย่างต่อเนื่อง และเริ่มขยับข้างจากซ้ายเป็นขวาสลับไปมาจนเม็ดทับทิมบนยอดทั้งสองลุกชันขึ้นมาจนเธอเองยังมองเห็นเป็นตุ่มดันเสื้อออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ไก่บิดตัวไปมาบนเก้าอี้ด้วยความเสียวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอเย็นวาบไปทั้งร่างเมื่อรู้สึกว่ามีมือมาลูบบริเวณทรวงอกก่อนจะเคล้นคลึงเบาๆทั้งสองเต้าผ่านทั้งเสื้อและยกทรงตัวจิ๋วเข้าไปเหมือนเธอไม่มีสิ่งใดปกปิดร่างกายไว้ มือทั้งคู่บีบเคล้นสองเต้าหนักหน่วงขึ้นก่อนจะค่อยๆลากลงไปด้านล่างช้าๆ เธอสะดุ้งเฮือก พยายามปัดมือนั้นทั้งๆที่มองไม่เห็น แต่มันยังคงลากปลายนิ้วลงไปจนสัมผัสเนินเนื้อด้านล่างอย่างเต็มฝ่ามือ เธอรู้สึกเหมือนถูกไฟชอร์ตไปทั้งร่าง พยายามปัดมือไปมาบริเวณเนินเนื้อนั้น แต่ความรู้สึกยังคงเหมือนเดิม มือนั้นลูบไปมาจนทั่วโหนกเนื้อ สัมผัสเส้นไหมดำขลับที่ขึ้นเต็มเนินหน้าขานั้นอย่างแผ่วเบา ไก่ครางเบาๆด้วยความเสียว เธออยากจะหยุดการกระทำของอะไรซักอย่างที่กำลังทำกับเธออยู่ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ริมฝีปากและปลายลิ้นที่กำลังดูดเม้มหัวนมซึ่งแข็งเป็นไต ค่อยๆลากลงไปด้านล่างผ่านลำตัวของเธอช้าๆ ไก่มองตามอย่างกระวนกระวาย เพราะพอจะรู้ว่าความรู้สึกนั้นมันจะไปหยุดที่ตรงไหน และก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ เธอสะท้านไปทั้งร่าง ช่วงล่างซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ แอ่นขึ้นมาอย่างลืมตัว เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากนั้นไปหยุดและคลึงไปมาบริเวณเนินเนื้อซึ่งปกคลุมไปด้วยเส้นไหม เธอแทบจะกรีดร้องเมื่อรู้สึกว่าปลายลิ้นนั้นเกลี่ยขึ้นลงตามรอยผ่ากลางลำตัวของเธอ บางครั้งก็เน้นบริเวณติ่งเนื้อด้านบนซึ่งเป็นจุดไวต่อการสัมผัส เธอตัวงออีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากนั้นมาประกบอยู่ตรงติ่งเนื้อด้านล่างและเม้มเอาติ่งเนื้อซึ่งตอนนี้แข็งตัวขึ้นมาเป็นเม็ดนั้นเข้าไปไว้ในปากและใช้ปลายลิ้นเกลี่ยเล่นไปมา
ท่อนขาที่พยายามหนีบแน่นด้วยความกลัวค่อยๆถ่างอ้าออกอย่างลืมตัว สัมผัสที่ได้รับทำให้ร่องรักหลั่งน้ำจากภายในเอ่อซึมออกมา เหมือนริมฝีปากนั้นจะรู้ ปลายลิ้นตวัดฉกเข้าใส่ติ่งเนื้อเร็วขึ้น เธอเริ่มส่งเสียงคราง ร่างแอ่นตัวรับกับริมฝีปากที่ดูดกินน้ำรักที่หลั่งออกมาอย่างทะลักทลายจนเธอรู้สึกเฉอะแฉะไปหมดทั้งง่ามขา ตอนนี้เธอแบะขาทั้งสองออกจนกว้างรับการดูดเลียจากริมฝีปากและปลายลิ้นลึกลับนั้นอย่างเต็มที่ ทรมานจากอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังปีนขึ้นยอดเขา กำลังจะตกไม่ตกแหล่
ทันใดนั้น!!! เธอรู้สึกว่าริมฝีปากและปลายลิ้นนั้นถอนออกจากเนินเนื้อซึ่งเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำรักที่หลั่งจากช่องรักของเธอ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่และรู้สึกว่ามีมือที่มองไม่เห็นจับขาของเธอแยกออกจากกันขึ้นไปวางไว้บนพนักวางแขนซ้ายขวาจนต้นขาทั้งสองของเธอแยกออกจากกันเป็นรูปตัววี กำลังรู้สึกงงว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็ต้องสะดุ้งเพราะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาตวัดเขี่ยขึ้นลงตามรอยแยกกลางลำตัว สัมผัสที่ได้รับมันทำให้เธอรู้สึกเสียวจนต้องแอ่นตัวขึ้นรับจนก้นลอยพ้นจากเก้าอี้ สิ่งนั้นเกลี่ยวนไปมาจนเธอขมิบน้ำรักหลั่งออกมาด้วยความเสียว ร่องรักที่ปิดสนิทค่อยๆอ้าแย้มออก
ฉับพลันเธอก็สะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวดเมื่อรู้สึกว่าสิ่งนั้นได้ดันตัวเองแทรกเข้ามาในรอยแยกกลางลำตัวของเธอ สัมผัสแรกมันเหมือนเป็นท่อนไม้ขนาดเขื่องแต่ก็ไม่แข็งกระด้างเหมือนท่อนไม้ มันทั้งแข็งและหยุ่นในตัวเอง เธอกรีดร้องเสียงลั่นพยายามขยับตัวหนีแต่ร่างของเธอกลับไม่สามารถขยับได้อย่างที่ใจเธอคิด เธอก้มลงไปมองแต่ก็ไม่เห็นอะไร แต่ในความรู้สึกนั้น สิ่งนั้นยังคงดันเข้ามาในตัวเธออย่างต่อเนื่องจนรู้สึกว่ามันเข้ามาในตัวเธอจนหมดแล้ว เธอรู้สึกคับแน่นไปหมดทั้งหว่างขา เจ็บปวดจนแทบสลบไสล น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวและความเจ็บปวด
สิ่งนั้นเข้ามาอยู่นิ่งในร่างของเธอ จนเธอเริ่มคลายอาการเจ็บ คงเหลือเพียงความรู้สึกคับแน่นทั่วเนินเนื้อช่วงล่าง ขณะที่เธอยังรู้สึกเกร็งกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ริมฝีปากเดิมก็วกกลับมาไล้เลียสองเต้าที่แข็งเป็นไตเนื่องจากไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน ปลายลิ้นแตะเบาๆที่ปลายยอดก่อนจะเม้มดูดหัวนมที่ชูชันแข็งตัวขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเสียวสลับซ้ายขวาไปมาจนเธอครางออกมาเบาๆ ร่างกายโดยเฉพาะช่วงล่างบริเวณเนินรักเริ่มคลายตัวลงจากอาการเกร็ง ซึ่งเหมือนกับสิ่งนั้นจะรับรู้ มันค่อยๆดึงตัวออกจากร่องรักของเธอช้าๆจนหลุดออกเกือบหมด แต่ทำให้เธอเกิดความเสียวจนต้องแอ่นตัวตาม ซึ่งก็ได้จังหวะกับที่มันดันตัวเองกลับเข้ามาในร่างของเธออีกครั้งจนเธอรู้สึกว่าส่วนปลายของมันกระทบส่วนที่ลึกที่สุดในร่างของเธอ ซึ่งสร้างความเสียวกระสันให้เธอจนต้องครางออกมา
จากนั้นมันก็เริ่มรูดตัวเองเข้าออกในร่องรักของเธออย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะ ถึงตอนนี้ไก่หายจากอาการเจ็บแล้ว สิ่งที่ยังคงอยู่คือความเสียวกระสันทั่วทั้งร่องรักที่กำลังถูกสิ่งนั้นยัดเยียดตัวเข้ามา สองเต้าถูกบีบเคล้นจนแทบแหลกเหลวคามือ เธอเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดเนื่องจากอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ร่องรักที่ขมิบน้ำรักออกมาชโลมสิ่งนั้นทำให้การเข้าออกของมันคล่องตัวขึ้น เธอร้องครวญครางนั่งพาดขาอยู่บนพนักแขนทั้งสองข้าง ก้นลอยพ้นจากเก้าอี้เด้งรับการบดกระแทกของสิ่งนั้นอย่างลืมตัว ร่างของเธอเริ่มเกิดอาการเกร็งด้วยความเสียวที่ได้รับ เสียงครวญครางของเธอดังระงมทั่วห้องก่อนจะกรีดร้องด้วยความเสียวกระสันเฮือกสุดท้าย
ไก่ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ ร่องรักของเธอขมิบตอดอย่างไม่เป็นจังหวะ หลั่งน้ำแห่งความสุขไหลออกมาอย่างทะลักทลาย เธอนั่งหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย ในขณะที่ยังรู้สึกว่าสิ่งนั้นยังคงดันเข้าออกในร่องรักของเธอ แต่เริ่มที่จะเร่งความเร็วขึ้นจนเธอรู้สึกร้อนไปหมดทั้งเนินรัก เธอรู้สึกว่าสิ่งนั้นเริ่มขยายตัวขึ้นมาอีกในร่องรักของเธอจนรู้สึกคับแน่นไปหมด ตอนนี้สิ่งนั้นมันมุดเข้าออกในร่องของเธอเร็วถี่ยิบ เธอเริ่มเกิดความเสียวขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่สามารถควบคุมได้ สิ่งนั้นกระแทกตัวเข้าออกในร่องรักของเธออีกห้าหกครั้งก่อนจะดันตัวเองเข้ามาในร่างของเธอจนสุด
ไก่สะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าสิ่งนั้นฉีดอะไรบางอย่างเข้ามาในตัวเธอ มันอุ่นวาบไปหมดทั้งเนินเนื้อ สัมผัสที่ได้รับจากของเหลวนั้นทำให้เธอถึงจุดสุดยอดอีกครั้งอย่างรุนแรง ร่างของเธอเกร็งรับความร้อนจากสิ่งนั้นที่ยังคงทะลักเข้ามาในร่างของเธออย่างท่วมท้นเหมือนกับจะไม่มีวันหมด
จนเมื่อสิ่งนั้นได้ปลดปล่อยของเหลวร้อนระอุเข้ามาในตัวเธอทั้งหมด เธอจึงทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้งด้วยความเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ ร่างของเธอมีเหงื่อเกาะพราวเหมือนคนวิ่งจนหมดแรง รู้สึกว่าสิ่งนั้นค่อยๆถอนตัวออกจากร่องรักซึ่งถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกว่าร่องรักของเธอที่เคยปิดสนิท บัดนี้มันเปิดอ้าออกเพราะขนาดของสิ่งนั้นที่ยัดเยียดตัวเข้ามาในร่องรักของเธอ และยังรู้สึกถึงหยาดของเหลวที่ฉีดพ่นเข้ามาในร่างของเธอจนเต็มท้องน้อย หญิงสาวค่อยๆลดต้นขาลงจากพนักแขนและนั่งทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างงุนงง
“อ้าว ไก่ยังไม่เสร็จอีกเหรอ นี่พี่ขึ้นมาตามนะเพราะเห็นตั้งนานแล้วยังไม่ลงไปอีก…” เสียงอ้อยดังขึ้นทำให้เธอตื่นจากภวังค์ “…แล้วเป็นอะไรล่ะนั่น เหงื่อเต็มตัวเชียว แอร์ก็ไม่ร้อนนี่นา” อ้อยทำหน้าสงสัย
“เปล่าค่ะ นั่งเขียนนานๆก็เลยรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ” ไก่ยิ้มเซียวๆให้ อ้อยมองหน้า
“เก่งนี่…” อ้อยชม พลางมองห้องหวาดๆ “…นั่งอยู่คนเดียว เป็นพี่นะ ลงไปข้างล่างเป็นคนแรกตั้งแต่แรกแล้ว แล้วไม่กลัวเหรอ”
“กลัวอะไรคะ” ไก่ย้อนถาม อ้อยมองไปรอบๆ
“ก็..กลัวผีไง” อ้อยกระซิบตอบ ไก่ยิ้มให้
“ไม่กลัวหรอกค่ะ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย” เธอตอบทำให้เพื่อนรุ่นพี่มองหน้า
“อย่าทำเป็นพูดเล่นไป เดี๋ยวถูกหลอกแล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือนนะ” อ้อยทำหน้าลอกแลก
“ไก่ไม่กลัวถูกผีหลอกหรอกค่ะ แล้วไก่ว่านะ…” เธอหันไปดูรอบๆห้อง “…ต่อไปคงไม่มีผีอีกแล้วล่ะค่ะ”
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ” อ้อยถามด้วยความสงสัยเพราะเห็นรุ่นน้องพูดด้วยความมั่นใจ
“ไก่ก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น คล้ายๆกับว่าเค้าได้สิ่งที่เค้าอยากได้แล้ว ก็ไม่มีอะไรค้างอยู่อีกแล้ว” เธอตอบ รุ่นพี่ยิ่งงง
“อะไรล่ะที่เค้าอยากได้ แล้วเธอรู้ได้ยังไง” อ้อยซักละเอียดยิบ
“ไก่ตอบไม่ถูกหรอกค่ะ มันแวบขึ้นมาแค่นั้นเอง เราลงไปงานกันดีกว่าค่ะ ไก่ไม่อยากทำต่อแล้ว ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยมาทำก็ได้” เธอตอบพี่ที่ทำงานพลางลุกขึ้นยืนโดยมีอ้อยมองดูอย่างแปลกใจ
หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเดินขัดๆ เนินเนื้อของเธอระบมไปหมดและคล้ายกับยังมีสิ่งนั้นแทรกตัวอยู่ตรงรอยแยกกลางลำตัวของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดให้เพื่อนรุ่นพี่ฟังเพราะพูดไปใครจะเชื่อว่าเธอถูกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นข่มขืนและเขาก็คงไปที่อื่นแล้วเนื่องจากได้ทำสิ่งที่อยากทำจนเสร็จตามที่ตั้งใจไว้แล้ว…
==========