ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

Xtreme Online 32 - ทดสอบ

  1. Home
  2. Xtreme Online
  3. Xtreme Online 32 - ทดสอบ
Prev
Next

XO ตอนที่ 32 – ทดสอบ

ธรรมชาติของการเมืองนั้นเป็นเรื่องของผลประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าใครจะยกอ้างคำพูดสวยหรูเพื่อชาวบ้านชาวเมืองอย่างไร สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็เพื่อการรักษาฐานเสียง สร้างขุมกำลัง เก็บเกี่ยวเงินตรา และขยายฐานอำนาจกันทั้งสิ้น ดังนั้นหากจะบอกว่าการเมืองเป็นเรื่องลึกลับดำมืด และโสโครกเน่าเหม็นที่สุดในโลกอย่างหนึ่งก็คงไม่ผิดเพี้ยน

หนึ่งในความโสโครกของการเมืองก็คือการต้อนรับเอาอกเอาใจผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย หากต้อนรับขับสู้ดีพอ ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายก็มีสิทธิเอนเอียงเป็นพันธมิตร แต่หากต้อนรับได้ไม่ประทับใจ ก็ไม่แน่ว่าอาจเปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรูได้เช่นกัน ดังนั้นนักการเมืองแต่ละฝ่ายจึงต้องพยายามต้อนรับขับสู้ผู้ยิ่งใหญ่ให้เป็นที่พึงพอใจ

การต้อนรับย่อมมีหลากหลายรูปแบบ และขึ้นกับความชอบของแต่ละบุคคล แต่ส่วนใหญ่มีหลักพื้นฐานอยู่ที่กามคุณทั้งห้า อันได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ซึ่งสิ่งที่สามารถเติมเต็มทั้งห้าอย่างนี้ได้ในคราวเดียวนั้นมักจะไม่พ้นสิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องราคะ ดังนั้นการต้อนรับขับสู้ด้วยสตรีสวยงาม หรือบุรุษหล่อเหลานั้น จึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่มีอยู่จริง แต่ความเป็นจริงนี้กลับไม่สมควรเปิดเผยออกมา ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใดก็ตาม

แม็กเข้าใจความจริงข้อนี้ เขาจึงไม่ได้มองว่าเนทีเรียนเป็นคนไม่ดี เธอแค่เพียงทำเรื่องสีเทาในโลกสีเทา มันก็เหมือนกับคนฆ่าสัตว์ที่บอกไม่ได้ว่ากระทำด้วยความโหดเหี้ยม พวกเขาเหล่านั้นเพียงฆ่าสัตว์ด้วยหน้าที่การงานเพื่อส่งเข้าตลาดเป็นอาหาร โดยส่วนตัวแล้วแม็กยังรู้สึกสะอิดสะเอียนกับพวกที่ปากบอกต่อต้านการฆ่าสัตว์ แต่กลับไปนั่งกินบุฟเฟต์เนื้อหมูเนื้อวัวเนื้อไก่ทุกวันเสียด้วยซ้ำ

“ท่านกายเวอร์ท่านเคยนั่งรถม้าแล้วหรือ?”

เนทีเรียนซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าฝั่งตรงข้ามถามพลางมองดูแม็กอย่างละเอียด เวลานี้ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถม้าระดับสูงของวังหลวงซึ่งเดินทางสู่วังหลวงเพียงลำพัง ส่วนสองทหารสาวที่หลงเสน่ห์ของแม็กเข้าไปแล้วนั้น โดนเนทีเรียนจัดให้ไปขี่ม้าคุ้มครองที่ด้านนอกเพื่อสงบสติอารมณ์เสียก่อน

“อืม ก็เคยนั่งอะไรที่คล้าย ๆ กันล่ะนะ ไม่เชิงว่ารถม้าหรอก”

แม็กตอบด้วยรอยยิ้ม แล้วพยายามฝืนใจละสายตาจากร่องนมขาวโพลนของเนทีเรียน แล้วหันไปมองออกนอกหน้าต่างเพื่อดูทิวทัศน์ของเมืองต่อ เขาเป็นคนชอบความงามของทิวทัศน์ ส่วนรถม้าหรูหราคันนี้เขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ถึงแม้มันจะดูโอ่อ่าหรูหราอลังการจนผู้คนหันมามองดูด้วยสงสัยว่าคนใหญ่คนโตท่านใดอยู่บนรถม้า แต่ว่าแม็กเติบโตมาในสังคมไฮโซร่ำรวย จึงไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องแปลกพิเศษแต่อย่างใด

“ข้าได้ยินมาว่าท่านทุ่มเงินทองประมูลทาสแข่งกับเจ้าชายวิลเลี่ยมหลายล้านเหรียญทอง ที่แท้ท่านเป็นคหบดีเศรษฐีจากที่ใดกัน?”

ปฏิกิริยาของแม็กย่อมไม่รอดพ้นไปจากสายตาของเนทีเรียน นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สะสวยแล้ว เธอยังมีพรสวรรค์ด้านการคาดเดาความชอบของผู้คน เธอจึงรับหน้าที่ของแผนกต้อนรับได้อย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอยังคาดเดาผู้คนไม่ออก

โดยปกติแล้ว ไม่ว่าจะเก็บซ่อนอารมณ์หรือความคิดเก่งแค่ไหน แต่คนเราก็มักจะแสดงนิสัยเบื้องลึกออกมาผ่านการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ ยกตัวอย่างเช่นหากเป็นคนโลภมาก ก็จะสนใจมองดูความหรูหราของทรัพย์สินด้วยแววตาแบบหนึ่ง หรือหากเป็นคนบ้าอำนาจก็จะมีตอบสนองการกระทำไปอีกแบบหนึ่ง

บุรุษหนุ่มที่ได้รับสมญานามว่าเทพธนูคนนี้นอกจากจะแสดงท่าทีไม่ใส่ใจต่อความหรูหราของรถม้าแล้ว ทั้งยังทำตัวคุ้นชินไม่เคอะเขินราวกับว่านี่เป็นเพียงเรื่องปกติไม่มีอันใดน่าตื่นเต้น นี่อาจแปลความหมายได้ว่า เขาชืดชาต่อสมบัติ หรือไม่ก็ต้องเป็นคนร่ำรวยเคยชินกับความร่ำรวยหรูหราอยู่แล้ว ดังนั้นการใช้ทรัพย์สมบัติเข้าซื้อตัว น่าจะไม่ใช่แนวทางที่ดีนัก

นอกจากนี้เขายังไม่มีทีท่าจะสนใจทหารสาวทั้งสองที่เธอนำเสนอให้ ทั้งที่เธอมั่นใจจากสายตาของเขาว่าเขาเป็นหนึ่งในบุรุษที่ชื่นชอบหญิงงาม และนั่นทำให้เธอได้คิดว่าเขาน่าจะมีมาตรฐานการมองผู้หญิงสูงส่งอยู่พอสมควรทีเดียว

เมื่อลองคิดดูแล้วนั่นก็ไม่แปลก เพราะตามข่าวสารนั้นเธอได้ทราบว่าเทพธนูกับเซเฟียหลานของแม่ทัพฟาร์อีสต์นั้นมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง อีกทั้งเทพธนูยังเป็นคนประมูลซื้อนางงามทั้งแปดจากทวีปไชนี่ไปเป็นทาสด้วย ดังนั้นหากเขาไม่คิดสนใจชายตามองผู้หญิงทั่วไปก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

“คุณเป็นพวกเดียวกันกับเจ้าชายวิลเลี่ยมหรือเปล่า เนทีเรียน?”

แม็กไม่ตอบคำถามของเธอ ทั้งยังถามกลับไปด้วยอีกคำถามหนึ่ง ซึ่งเขาเองก็คงไม่สะดวกที่จะตอบว่าเงินประมูลในครั้งนั้นเป็นเงินของพวกแปดนางงามเอง หรือต่อให้สะดวกตอบ เขาก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องตอบให้เธอรู้ สู้ปล่อยให้เธอรู้สึกว่าเป็นความลับเสียดีกว่า

“คำว่าพวกเดียวกัน ออกจะกว้างไปหน่อยนะท่านกายเวอร์ แต่ข้าสามารถตอบได้ว่าพวกเราไม่ได้เป็นศัตรูกันเสียทีเดียว … ท่านกลัวว่าพวกเราจะเป็นพวกของเจ้าชายวิลเลี่ยมและหลอกท่านไปคิดร้ายหรือ?”

เนทีเรียนยิ้มสวยแล้วตอบอย่างรวดเร็ว เธอทราบว่าคำถามมีนัยยะสำคัญ เพราะจากข่าวสารนั้นเทพธนูและเจ้าชายวิลเลี่ยมดูจะเป็นอริต่อกัน ดังนั้นหากเธอตอบว่าเป็นมิตรกัน ก็อาจจะทำให้เทพธนูตีตัวออกห่าง ดังนั้นเธอจึงตอบด้วยประโยคที่ค่อนข้างคลุมเครือ ทั้งยังถามกลับด้วยคำถามที่กระตุ้นทดสอบเชิงชาย โดยคำถามนั้นแฝงความหมายว่าเขากลัวหรือไม่

โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อเธอถามคำถามเช่นนี้ บุรุษเก้าในสิบส่วนจะแสดงท่าทีฮึกเหิมออกมาเพื่อเรียกคะแนนจากสาวงามเช่นเธอ หรือไม่ก็อาจแสดงท่าทีขลาดเขลาออกมาทางแววตาตั้งแต่แรก และสำหรับเธอแล้วไม่ว่าจะเป็นแบบแรกหรือแบบหลัง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุรุษที่ขลาดเขลาน่ารังเกียจทั้งสิ้น หากทว่าเทพธนูกลับแสดงท่าทีออกไปอีกอย่างหนึ่ง

“ผมยอมรับว่ากลัว แต่ผมกลัวว่าผมจะต้องฆ่าคนหลายคน แถมอาจจะต้องฆ่าคนสวยแบบคุณด้วยนะเนทีเรียน หากเป็นแบบนั้นคงน่าเสียดายแย่ … คุณยังไม่ตอบคำถามของผมนะเนทีเรียน”

แม็กตอบเสียงเย็นชาพร้อมกับโคจรลมปราณแผ่พลังมารฟ้าออกมากดดัน เนทีเรียนซึ่งไม่ได้เก่งกาจในเชิงยุทธ์มากนักจึงสะดุ้งโหยงตัวสั่นสะท้านระริก เธอไม่แน่ใจว่าเขาพูดเล่นหรือไม่ แต่ว่าคำพูดนั้นแฝงความเชื่อมั่นทรนงในพลังฝีมือของตนเองอย่างยิ่ง

หากว่าอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาทั่วไป เนทีเรียนคงจะต้องแอบหัวเราะขบขันในใจไปแล้ว เพราะหากเธอคิดร้ายจริง ก็คงมีกองกำลังมือดีนับร้อยคอยลงมือ และไม่เปิดโอกาสให้เขาทำอะไรเธอได้ หากทว่าชายตรงหน้านี้เป็นเทพธนูที่ถูกร่ำลือว่ามีพลังฝีมือสูสีกับแม่ทัพฟาร์อีสต์ผู้เป็นตำนานของเมือง ดังนั้นเธอจึงไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องขบขัน

“… เจ้าชายวิลเลี่ยมมาจากเมืองแบล็คฟอร์ด ซึ่งเป็นเมืองอริกับเลอองนิสต์ ข้าบอกกล่าวแค่นี้ก็คงพอกระมัง”

“คุณตอบกว้างเกินไปเนทีเรียน ผมต้องการรู้ว่าคุณ และเจ้านายของคุณ เป็นมิตรกับเจ้าชายวิลเลี่ยมในระดับไหน”

เนทีเรียนชะงักไปวูบหนึ่ง เพราะโดนเขาย้อนด้วยคำว่ากว้างเกินไป ซึ่งนั่นคือคำที่เธอใช้กับเขาในคราวแรก จากนั้นเธอจึงค่อยเค้นรอยยิ้มหวานออกมา แล้วตัดสินใจขยับย้ายไปนั่งข้าง ๆ แบบไหล่กระทบไหล่ หมายใช้เสน่ห์ของเรือนร่างทำให้บรรยากาศการสนทนาเคร่งเครียดน้อยลง

“ท่านจริงจังเกินไปแล้ว ส่วนที่ข้าตอบได้ก็คือเจ้าชายวิลเลี่ยมแสดงท่าทีให้ทุกคนเข่นฆ่าท่านจริง แต่ว่าคำร่ำลือนั้นยกท่านเปรียบเสมือนแม่ทัพฟาร์อีสต์คนที่สอง อีกทั้งแม่ทัพยังอยู่ข้างท่าน พวกผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองแม้คิดจะเอาใจเจ้าชาย แต่ก็ยังไม่กล้าลงมือ เพราะเกรงจะโดนแก้แค้น ยิ่งท่านเดินทางมาในฐานะแขกของท่านมหาอุปราชท่านก็ยิ่งปลอดภัย เพราะหากท่านเป็นอะไรไปในช่วงเวลานี้ ท่านแม่ทัพฟาร์อีสต์คงจะตามมาเค้นคอท่านมหาอุปราชแน่ ๆ”

เธอเปิดเผยความลับออกมาส่วนหนึ่ง ซึ่งความจริงสิ่งนี้ก็น่าจะคาดเดาได้อยู่แล้ว เพียงแต่หากเปิดเผยออกมาเองก็อาจจะซื้อใจเขาได้บ้าง อีกทั้งเวลานี้เธอยังโอบกอดแขนของเขาไว้ แล้วกดแนบลงบนความนุ่มนิ่มของทรวงอกอวบอิ่ม พร้อมกับแสร้งแสดงท่าทีเขินอายสั่นสะท้านบังเกิดอารมณ์รัก ซึ่งกิริยาเช่นนี้มักจะทำให้บุรุษทั้งหลายอ่อนลงเสมอ

ภายใต้สีหน้าเย็นชาของแม็กนั้น เขาแอบยิ้มร่าให้กับปฏิกิริยาของเนทีเรียน เขาไม่เกรงกลัวการลอบสังหารก็จริง แต่ว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้นกลับเป็นเพราะหากถึงคราวจำเป็น เขาเชื่อว่าเขาสามารถตรวจพบหน่วยสังหาร และหลบหนีได้ตลอดเวลา อย่างเลวร้ายเขาก็แค่หาที่ซ่อนแล้วใช้ทักษะเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาเสีย เพียงแค่นั้นก็ยากที่จะติดตามได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เนทีเรียนพูดนั้นก็มีเหตุผล เขาเชื่อว่าแม่ทัพฟาร์อีสต์จะต้องมีสายข่าวในมือไม่น้อย ข่าวที่เขาเข้าวังตามคำเชิญของมหาอุปราชฟาร์โก้นั้นก็น่าจะรับรู้เช่นกัน นี่จึงสมเหตุสมผลกับการที่มหาอุปราชถึงกับส่งทหารหลายสิบนายมาเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ เพราะหากมีเรื่องราวขึ้นมา แม่ทัพฟาร์อีสต์ก็อาจจะยกอ้างสิ่งนี้มาไล่เข่นฆ่ามหาอุปราชก็เป็นได้

“อืม ก็มีเหตุผลดี … แล้วที่มหาอุปราชส่งคุณมา ก็เพราะอยากจะดึงผมเป็นพวกเดียวกันซินะเนทีเรียน?”

แม็กพยายามทำใจเย็นไม่สนใจหนองโพนุ่มนิ่มที่เบียดกับต้นแขน เขาทำหน้านิ่งแล้วหันไปพูดเปิดโปงเนทีเรียนอย่างตรงไปตรงมา ท่าทียั่วเย้าของเธอจึงชะงักไปวูบหนึ่งเพราะคาดไม่ถึง แต่เพียงวูบเดียวเนทีเรียนก็แสดงความสามารถทางการเมืองอันยอดเยี่ยมออกมาอีกครั้ง เธอยิ้มหวานแสดงท่าทีร้อนแรงพร้อมกับออดอ้อนออเซาะราวกับว่าการถูกเปิดโปงเบื้องหลังไม่นับเป็นอย่างไรได้

“ใครบ้างไม่อยากได้คนเก่งมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน ท่านมหาอุปราชเองก็ต้องการได้เทพธนูไปร่วมงานเช่นกัน แล้วท่านคิดอย่างไรล่ะคะ?”

“นั่นซิ ถ้าผมอยู่ฝ่ายแม่ทัพฟาร์อีสต์ ผมก็จะได้เซเฟียทหารสาวสุดสวย … แล้วถ้าผมเลือกอยู่กับฝ่ายมหาอุปราชล่ะ ผมจะได้อะไรตอบแทน? ใช่เนทีเรียนหรือเปล่า?”

แม็กถามพลางใช้มือจับที่คางของเนทีเรียนขึ้นมาจ้องดวงตาคู่สวย ด้านเนทีเรียนเองก็จับจ้องมองมาด้วยท่าทีขัดเขินเอียงอาย หากทว่าแม็กทราบดีว่านั่นเป็นเพียงจริตมารยาที่เสแสร้งออกมา ไม่ว่าเธอจะแสดงได้แนบเนียนเพียงไร หากทว่าตัวเลขความรักและใคร่ที่เขารับทราบจากทักษะลับเฉพาะนั้นย่อมไม่โกหก ค่าตัวเลขเหล่านี้ยังคงอยู่ที่ 0% ไม่กระดิกขึ้นแม้แต่น้อย

“คิก คิก หากท่านต้องการ และท่านมหาอุปราชอนุญาติ ข้าก็ยินดีจะเป็นของท่าน”

เนทีเรียนโน้มริมฝีปากมาพ่นลมที่ใบหูของแม็ก พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าล่อลวงใจ ก่อนจะอ้าปากงับที่ใบหูของเขาแล้วใช้ลิ้นเลียแผ่วเบา แม้แต่แม็กที่ผ่านประสบการณ์มาไม่น้อยยังต้องขนลุกซู่ให้กับลีลายั่วเย้าราวกับนางแมวยั่วสวาท

หากเปรียบเทียบกันแล้ว ความสวยงามของเซเฟียทหารสาว ลิลลี่สาวร้านขายดอกไม้ และเนทีเรียนฝ่ายต้อนรับของวังหลวงอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หากทว่าแต่ละคนกลับแตกต่างไปคนละแบบ

เซเฟียนั้นแข็งกระด้างในแบบทหารสาว ลิลลี่นั้นเป็นสาวน้อยใสบริสุทธิ์น่าปกป้องดูแล ส่วนเนทีเรียนนั้นเปรียบดั่งนางแมวสาวที่มากด้วยเสน่ห์ยั่วราคะ ตอนนี้แม็กจึงเริ่มสนใจขึ้นมาเสียแล้ว ว่าอีกสองสาวงามประจำเมืองนั้นจะมีบุคลิกลักษณะนิสัยอย่างไร

“ทำไมต้องให้มหาอุปราชอนุญาต? คุณเบื่อหรือเปล่าที่ต้องทำงานแบบนี้? ผมว่าคนเก่งแบบคุณน่าจะได้ทำอะไรที่ท้าทายมากกว่างานนี้”

แม็กทดลองพูดแหย่หยั่งเชิง และเขาก็ได้พบเห็นความสับสนลังเลในดวงตาของเนทีเรียนวูบหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีอันแสนสั้น แต่นั่นก็ทำให้เขาทราบว่าเนทีเรียนไม่ได้มีความสุขนักกับหน้าที่การงานเช่นนี้ ซึ่งความจริงคงไม่มีผู้หญิงคนไหนมีความสุขกับหน้าที่เช่นนี้อยู่แล้ว

“ท่านกายเวอร์มองข้าผิดไปแล้ว ข้ายินดีและชื่นชอบอย่างยิ่ง ที่ได้กระทำหน้าที่นี้ภายใต้บัญชาของท่านมหาอุปราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งเลอองนิสต์”

เนทีเรียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่แม็กเชื่อว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในการเสแสร้ง ด้วยฐานะของเนทีเรียนแล้ว การที่เธอพูดแบบนี้ย่อมไม่แปลก เพราะต่อให้เธอโกรธเกลียดมหาอุปราชอย่างไร ก็คงไม่กล้าพูดออกมาให้ใครได้ยิน ไม่เช่นนั้นในยุคสมัยที่พลังอำนาจเป็นทุกสิ่ง เธออาจจะโดนเภทภัยกล้ำกลายก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้แม็กจึงเลียนแบบที่เนทีเรียนเพิ่งกระทำไป เขาโน้มหน้าไปที่ข้างใบหู พ่นลมหายใจใส่ แล้วกล่าวด้วยเสียงกระซิบสลับกับอ้าปากงับที่ใบหูขาวเนียนอย่างแผ่วเบา

“ถ้าผู้ชายคนหนึ่งมีความสามารถเก่งกาจเทียบเท่าแม่ทัพฟาร์อีสต์ และได้รับการสนับสนุนจากแม่ทัพฟาร์อีสต์ แถมถ้าชายคนนั้นได้รับการสนับสนุนลับ ๆ จากมหาอุปราช และคุณด้วย คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะไปได้ไกลขนาดไหน? คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะตอบแทนคุณได้มากมายขนาดไหน?”

เขากระซิบบอกอย่างอ้อมค้อมไม่ตรงไปตรงมา เช่นใช้คำว่าผู้ชายคนหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นตัวเขาเอง กระนั้นนี่ก็คือการเมือง เรื่องบางเรื่องเพียงพูดจาอ้อมค้อม หากผู้รับฟังเป็นนักการเมืองคนหนึ่ง ก็จะสามารถรับฟังเข้าใจในรายละเอียดได้โดยไม่ต้องสาธยายให้มากความ

เนทีเรียนเองก็มีนิสัยของนักการเมืองที่เฉลียวฉลาด แรกทีเดียวเธออาจจะคิดเพียงชักนำเทพธนูเข้าสู่สังกัดของมหาอุปราช แต่เมื่อโดนสะกิดความคิดเล็กน้อย เธอก็เริ่มมองข้ามกรอบปัจจุบันเผื่อไปยังอนาคต

ในมุมมองของเธอนั้น เทพธนูเทียบเท่าได้กับแม่ทัพฟาร์อีสต์คนที่สอง ดังนั้นหากเทพธนูได้รับการช่วยเหลือจากเธอจนเติบโตกลายเป็นแม่ทัพใหญ่อีกผู้หนึ่ง ก็เปรียบเหมือนได้ลงมือปลูกต้นไม้ใหญ่เอาไว้พึ่งพิงอีกหนึ่งต้น นี่คล้ายกับการลงทุนเพื่ออนาคตที่มีความเสี่ยงไม่สูงนัก แต่ผลตอบแทนอาจมากมายมหาศาล

“คิก คิก ท่านดูจะมีนิสัยช่างเจรจาไม่ใช่ย่อย ข้าคิดว่าข้าเริ่มจะสนใจสนับสนุนผู้ชายคนนั้นขึ้นมาแล้วซิ แต่คำถามคงต้องย้อนกลับไปว่า ชายคนนั้นจะสามารถผ่านการทดสอบให้ท่านมหาอุปราชไว้วางใจได้หรือเปล่า”

“เรื่องนี้อาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากท่านเสนาธิการสาวสวยแห่งเมืองเลอองนิสต์แล้วล่ะ”

แม็กรู้สึกเหมือนมองเห็นปลาตัวใหญ่ฮุบเหยื่อเข้าไปแล้ว คำว่าเสนาธิการดูจะทำให้เธอสนใจได้ไม่น้อย เขาจึงเดินเกมต่อด้วยการอ้าปากงับใบหูแล้วแหย่ลิ้นเข้าไปเลียระรัวจนเนทีเรียนสั่นสะท้าน เธอถึงกับตะปบมือลงบนหน้าขาของเขาแล้วลูบไล้ไปมาด้วยกิริยาเร่าร้อน

“อืม ท่านพูดอะไรใครกันที่เป็นเสนาธิการสาวสวย”

“จากคำร่ำลือว่ากันว่า เมืองเลอองนิสต์ มีสาวงามอันดับหนึ่งคือเจ้าหญิงเรนเน่ อันดับสองคือราชินีฟารินี่ อันดับสามคือเจ้าหญิงพารีส จากนั้นรองลงมาก็คือห้าสาวงามประจำเมือง เซเฟีย ลิลลี่ ฟลอร่า แซนดี้ และเนทีเรียน ผมเห็นเสน่ห์ของเนทีเรียนกับตาแล้วชักจะไม่แน่ใจว่าการจัดอันดับนี้ถูก”

“… ท่านคิดว่ามีสิ่งใดไม่ถูกต้อง?”

“ผมได้ใกล้ชิดกับเซเฟีย และลิลลี่มาแล้ว ผมคิดว่าเนทีเรียนมีเสน่ห์ร้อนแรงมากกว่าสองคนนั้น”

แม็กมองดวงตาที่ทอประกายสงสัยของเนทีเรียนแล้วยิ้มให้ ก่อนจะพูดประจบเอาอกเอาใจ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดโกหกเสียทีเดียว เพราะถึงแม้ความสวยทางกายภาพจะใกล้เคียงกัน แต่โดยนิสัยแล้วเนทีเรียนร้อนแรงกว่าเซเฟียและลิลลี่อย่างเห็นได้ชัด

ดวงตาของเนทีเรียนทอประกายหวั่นไหววูบหนึ่ง นี่เป็นอีกครั้งที่พรสวรรค์เรื่องเอาใจผู้หญิงของแม็กทำงานได้ถูกต้อง สำหรับเนทีเรียนแล้วนี่นับคำชมที่ตรงจุดตรงประเด็น เธอไม่เคยรู้สึกยินดีที่ถูกจัดอันดับความงามเท่าเทียมกับผู้อื่น เธอไม่ยินดีที่ถูกจัดเป็นแค่เพียงหนึ่งในห้าสาวงามประจำเมือง

“คิก คิก ท่านช่างปากหวานนัก ไม่ทราบว่ามีสตรีดีงามหลงไหลลมปากของท่านไปกี่คนแล้ว”

“ความจริงก็คือความจริง ไม่จำเป็นต้องเสริมแต่งหลอกลวง ดวงตาของคุณงดงามเหมือนประกายดวงดาว เส้นผมของคุณนิ่มลื่นดุจดั่งแพรไหม ใบหน้าของคุณเปล่งประกายราวกับนางฟ้ามาจุติ”

แม็กสวมบทบาทใช้ถ้อยคำราวกับนักกวี ซึ่งหากใช้คำพูดแบบนี้กับบางคนเกรงว่าอีกฝ่ายคงจะแหวะใส่ด้วยความเลี่ยน หากทว่ากับเนทีเรียนแล้วนี่กลับเป็นการโจมตีที่ตรงจุดตรงประเด็นอีกครั้ง เพราะโดยปกติแล้วเธอต้องเป็นฝ่ายหาทางเยินยอสรรเสริญเอาใจผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย เมื่อเธอโดนสรรเสริญเยินยอบ้าง เธอจึงบังเกิดความรู้สึกยินดีขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

เมื่อใช้ถ้อยคำกล่อมจนเนทีเรียนหวั่นไหวใจแล้ว แม็กก็ฉวยโอกาสรุกคืบต่อ เขายื่นมือไปจับประคองปรางแก้มและลูบไล้ทะนุถนอม ก่อนจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงไปจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากบางอวบอิ่มสีแดงสดด้วยกิริยานุ่มนวล

นั่นเป็นสัมผัสแผ่วเบาราวกับแมลงปอแตะสัมผัสผืนน้ำ หากทว่าส่งผลรุนแรงจนร่างของเนทีเรียนสั่นสะท้านปั่นป่วน เธอเหม่อมองดูเขาด้วยอารมณ์สับสนไม่ยินยอมขณะที่เขาถอนริมฝีปากออกไป

“ผมชอบกลิ่นของคุณ ผมชอบสัมผัสนุ่มนิ่มบนริมฝีปากของคุณ”

แม็กยังคงสวมบทนักกวีเอื้อนเอ่ยคำชมออกมา เนทีเรียนที่ยังไม่เคยเจอแบบนี้จึงรู้สึกร้อนวาบในทรวงอก หัวใจบังเกิดความปราถนาอยากให้เขาจุมพิตแบบเมื่อครู่อีกสักครั้ง หากทว่าเขากลับพาลนั่งนิ่งไม่ยอมกระทำต่อจนเธอสับสนปั่นป่วนไม่ทราบควรทำอย่างไรดี

เนทีเรียนรู้สึกเหมือนตนเองกลับไปเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาอีกครั้งหนึ่ง สาวน้อยที่ตัวสั่นสะท้านวาบหวามเพียงเมื่อโดนชายหนุ่มจับกุมมือข้างหนึ่งเอาไว้

“ขอจูบอีกได้มั้ย?”

เธอรู้สึกพึงพอใจอย่างแปลกประหลาดเมื่อเขาเอ่ยขออย่างสุภาพ และไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเพราะเธอเองก็ต้องการอยู่แล้ว เธอจึงพยักหน้าให้ด้วยท่าทีเอียงอายราวกับสาวน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง

เมื่อเอ่ยปากไปแล้วเนทีเรียนก็หลับตาพริ้มรอคอยขณะที่เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ใกล้เข้ามาพร้อมกับกลิ่นกายของบุรุษ จากนั้นสัมผัสแผ่วเบาที่เธอปราถนาก็ประทับลงบนริมฝีปาก

เขาจูบเธออีกครั้งอย่างแผ่วเบาในคราวแรกแรก ก่อนจะค่อย ๆ แนบประทับหนักหน่วงแล้วสอดแทรกลิ้นเข้ามาพัวพันจนเธอตัวสั่นสะท้านอ้าแขนโอบกอดรัดรั้งรอบคอของเขาโดยไม่รู้ตัว นาทีนั้นโลกทั้งใบของเธอถึงกับหมุนเคว้งราวกับพายุหมุน

เนทีเรียนเคยจูบกับบุรุษมาแล้วไม่น้อย หากทว่าเธอกล้าพูดว่านี่เป็นจูบที่เธอประทับใจที่สุด เธอจึงจูบตอบเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็น เธอแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนที่เธอขยับร่างไปนั่งคร่อมบนตักของเขาเพื่อที่จะได้จูบให้สะดวกกว่าเดิม

รสจูบร้อนแรงวาบหวามนั้นมาพร้อมกับสัมผัสแกร่งกระด้างที่ลูบไล้เล้าโลมไปทั่วเนื้อตัว ชุดราตรีสวยงามโดนปลดออกบางส่วน เธอสัมผัสได้ถึงฝ่ามือร้อนผ่าวที่ตะปบคลึงทรวงเต้าอวบอิ่ม เธอสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วของเขาที่เขี่ยสะกิดลงไปตรงจุดอ่อนไหวด้านล่างจนเปียกชุ่มฉ่ำ

เนทีเรียนส่งเสียงครางกระเส่าจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกำยำรอบแล้วรอบเล่า เธอแอ่นตัวเสนอเต้าอวบอิ่มให้เขาอ้าปากงับดูดเลียด้วยกิริยาร้อนร่าน และเธอทราบดีว่าเธอต้องการมากกว่านั้น เธอต้องการให้เขาแทรกกายเข้ามายึดครองเป็นเจ้าของเรือนร่างงามของเธอ

“ขอเชิญท่านกายเวอร์เข้าวัง”

น่าเสียดายที่เวลาแห่งความหฤหรรษ์นั้นสั้นเกินไป เนทีเรียนยังไม่ทันได้ปลดกางเกงของเขาออก ก็ได้ยินเสียงตะโกนของทหารยามหน้าวังเข้าเสียก่อน เธอจึงสะท้านเฮือกรีบขยับร่างลุกขึ้นจัดเครื่องแต่งกายและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงด้วยสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจ

ใบหน้าอันแดงก่ำ และดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอคิดอยากสานต่อเกมรักมากมายขนาดไหน หากทว่าทั้งเวลาและสถานที่ต่างก็ไม่เอื้ออำนวยเธอจึงได้แต่รีบเร่งแต่งเนื้อแต่งตัว ก่อนจะหันไปกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับชายหนุ่ม

ข้อมูลที่ได้รับมานั้นนับว่ามีคุณค่ามากพอดู ดวงตาของแม็กจึงเป็นประกายวิบวับรู้สึกคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่แน่ใจนักว่าเนทีเรียนจะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ว่าเธอจะไม่กลายเป็นศัตรู ทั้งยังจะคอยช่วยเหลือเขาในทางลับเท่าที่เธอพอจะทำได้อย่างแน่นอน

‘เนทีเรียน ทหารองครักษ์วังหลวง ระดับความใคร่ 57% ระดับความรัก 25%’

………………………………..

ความโอ่อ่าหรูหราของวังหลวงทำให้แม็กรู้สึกยินดีที่ได้ซื้อเสื้อผ้าออกงานชุดนี้มาจากร้านของลิลลี่ หากเขาไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าชุดนี้มาก่อนและเลือกใส่เสื้อผ้าของผู้เล่นมือใหม่เดินเข้ามาในวัง เขาก็อาจจะเกิดความรู้สึกต่ำต้อยไม่เข้ากันกับสภาพโดยรอบอยู่บ้าง

วังหลวงนี้เป็นสิ่งก่อสร้างเหมือนกับปราสาทในทวีปยุโรป รอบนอกเป็นกำแพงสูงแกร่งสร้างจากหินสามารถต้านทานศัตรูได้นับหมื่น อีกทั้งยังมีบึงน้ำล้อมรอบกันด้านนอกเอาไว้ ทำให้การเข้าโจมตีไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนด้านในกำแพงนั้นเป็นปราสาทสีขาวหลังใหญ่คล้ายกับปราสาทในเทพนิยาย

ตัวปราสาทด้านนอกสร้างจากหินท่าทางแข็งแกร่งทนทาน แต่ด้านในกลับเป็นหินอ่อนหรูหรา ประดับประดาไปด้วยวัตถุสิ่งมีค่า เช่นพวกรูปปั้น เพชรพลอย เกราะเหล็ก และบ่อน้ำพุ

ทุกระยะทางหนึ่งจะมีทหารองครักษ์สวมใส่เกราะสีทองหน่วยหนึ่งคอยเฝ้าดูแล โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทหารหญิงมากกว่าผู้ชาย และเขายังสัมผัสได้ว่าพวกรูปปั้นที่ดูเหมือนเป็นเครื่องประดับธรรมดานั้น ล้วนแล้วแต่มีพลังเวทย์มนตร์แปลก ๆ สถิตย์อยู่ด้วย เขาถึงกับรู้สึกว่าหากรูปปั้นเหล่านั้นขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ เขาก็คงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรด้วยซ้ำไป

เมื่อเขาทดลองแผ่ขยายประสาทสัมผัสแห่งกาลเวลาออกไป ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงวัตถุที่แฝงไปด้วยพลังมนตรา รวมถึงจุดซุกซ่อนที่มีทหารองครักษ์ซุ่มซ่อนอยู่ ตอนนี้เขาจึงค่อยตระหนักได้ว่าการลักลอบเข้าวังหลวงนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้ ต่อให้เขาสัมผัสได้จากระยะไกล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถผ่านไปได้โดยที่ผู้เฝ้ารักษาการไม่รู้ตัว

แอ๊ด ทหารองครักษ์สองนายออกแรงผลักประตูเหล็กหนาหนักเปิดออกส่งเสียงดังลั่น ก่อนที่เนทีเรียนจะผายมือเชื้อเชิญให้เขาเดินเข้าไปในประตูซึ่งดูเหมือนจะนำพาลงไปในชั้นใต้ดิน แม็กชะงักและขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะหากว่านี่เป็นแผนการร้ายเขาก็เท่ากับพาตัวเองไปตายโดยไร้ทางหนี

อย่างไรก็ตามเขายังคงเดินตามสะโพกกลมกลึงที่ส่ายยักย้ายของเนทีเรียนเข้าไปด้านในแต่โดยดี ข้างในนี้เป็นเส้นทางเล็กแคบปูด้วยหินคล้ายกับโพรงถ้ำตอนที่เขาเคยลอบเข้าไปหาเนวาน่าอยู่บ้าง เพียงแต่สว่างกว่า สะอาดสะอ้านกว่า และดูแข็งแรงกว่า แม้แต่อากาศที่ไหลเวียนในโพรงถ้ำก็ดูจะสดชื่นกว่า

เขาเดินตามไปได้ไม่นานนัก ทางเดินที่กว้างพอเพียงให้สวนกันได้ก็เริ่มขยายกว้างขึ้นเล็กน้อย และเมื่อถึงทางแยกแห่งหนึ่งเนทีเรียนก็บอกให้เขาเดินตามทหารใส่ชุดเกราะสีดำไปอีกทางหนึ่ง ในขณะที่เนทีเรียนนั้นเดินชดช้อยแยกตัวไปอีกทางหนึ่ง

เสียงประตูเหล็กที่ดูเหมือนกรงขังเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ทหารชุดเกราะสีดำผายมือเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปคนเดียว และเมื่อเขาเดินเข้าไปตามคำเชิญก็ได้พบกับพื้นดินโล่งกว้างขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอล รอบพื้นที่โล่งมีกำแพงสูงสามเมตรกั้นไว้โดยรอบ และด้านบนของกำแพงนั้นมีที่นั่งเรียงรายคล้ายกับพื้นที่ชมดูกีฬา

ประตูเหล็กที่ด้านหลังปิดลงเสียงดังสนั่น ขณะที่แม็กสังเกตเห็นผู้คนจำนวนหนึ่งบนที่นั่งทั้งหลาย บนนั้นมีแต่เพียงเนทีเรียนที่เขารู้จัก นอกจากนั้นมีแต่เพียงคนสวมใส่ชุดเกราะทหาร หรือไม่ก็ชุดเลิศหรูเหมือนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงการเมือง ซึ่งนับแล้วมีไม่เกินสิบคน

คนที่แม็กสนใจที่สุดเป็นชายวัยกลางคนผมเผ้าสีขาวโพลน เขาคนนั้นสวมใส่ชุดหรูหราสีเงินยวงนั่งบนเก้าอี้ที่ดูหรูหราที่สุดบนนั้น เนทีเรียนกำลังนั่งอยู่เคียงข้างคนผู้นั้น ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่านั่นน่าจะเป็นมหาอุปราชฟาร์โก้ เจ้านายใหญ่ของเนทีเรียน และบุคคลที่ทรงอำนาจเป็นอันดับที่สองของเมืองเลอองนิสต์

ชายผมขาวท่าทางเยือกเย็นนั้นจ้องมองมาทางแม็กและสนทนากับเนทีเรียนไปพร้อมกัน แม็กจึงลอบแผ่ขยายสัมผัสแห่งกาลเวลาออกไปเพื่อดักฟังบทสนทนา ซึ่งความจริงแล้วถึงแม้ว่าเสียงรอบด้านจะค่อนข้างดังสับสน แต่ก็ยังอยู่ในระยะสัมผัสปกติที่แม็กสามารถแอบฟังได้ แต่เขากลับพบว่าเมื่อแผ่ขยายสัมผัสออกไป กลับไม่สามารถแอบฟังได้

แม้จะได้ยินเสียงอยู่บ้าง แต่ก็ตะกุกตะกักพร่าเลือนเหมือนโทรศัพท์มีคลื่นแทรก และเขาก็ได้พบว่ามีม่านเวทย์มนต์แกร่งทรงพลังที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นกางอยู่โดยรอบกำแพงสูง ซึ่งกำแพงเวทย์นี้ดูจะมีคุณสมบัติในการป้องกันการโจมตีทุกประเภทระหว่างบริเวณที่นั่ง และบริเวณพื้นดินโล่งซึ่งดูคล้ายกับเวทีประลอง

เมื่อดักฟังไม่ได้แม็กจึงได้แต่บ่นเสียดายในใจ จากนั้นเขาจึงค่อยมองสำรวจไปรอบด้าน และทันใดนั้นเองประตูเหล็กซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มันกำลังเปิดอ้าออก พร้อมกับการปรากฎตัวของทหารในชุดเกราะสีดำนับสิบคน

ห้าในสิบของทหารเหล่านั้นสวมใส่เกราะหนัก พวกเขาถือหอกดาบและโล่ขนาดใหญ่ อีกหนึ่งสวมใส่ชุดของนักบวช สองคนเป็นนักธนู และสองคนสุดท้ายเป็นนักเวทย์ เวลานี้ทหารทั้งสิบได้กระจายตัวออกและหันคมอาวุธตรงมาทางเขา ซึ่งไม่ต้องสนทนาเจรจาให้มากความก็แปลได้ว่าแม็กต้องต่อสู้กับคนพวกนี้พร้อมกัน

แม็กแผ่ขยายสัมผัสไปสำรวจทหารทั้งสิบด้วยความสนอกสนใจ เขาไม่ได้แปลกใจมากนักกับเรื่องนี้ เพราะว่าเนทีเรียนได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับเขาเอาไว้แล้ว เธอบอกว่ารอบแรกเขาจะโดนทดสอบจากกลุ่มทหารรับจ้างชื่อดังของเมือง ทหารรับจ้างกลุ่มนี้ชื่อว่ากลุ่มนักฆ่ามังกร

กลุ่มนักฆ่ามังกรประกอบด้วยทหารรับจ้างประสบการณ์สูงจำนวนสิบนาย แต่ละนายมีพลังฝีมืออยู่ในระดับบนของคลาสสาม และมีหัวหน้าเป็นทหารรับจ้างคลาสสี่ระดับเริ่มต้น ซึ่งนับว่าสูงกว่าทหารประจำเมืองทั่วไป และว่ากันว่าทหารรับจ้างกลุ่มนี้ได้ร่วมมือกันล่าสัตว์อสูรระดับบอสมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นอย่าว่าแต่การกลุ้มรุมต่อสู้กับนักผจญภัยคนหนึ่ง

หากจะบอกว่านี่คือการทดสอบ ก็คงเป็นการทดสอบที่คนทั่วไปไม่สามารถผ่านได้ และไม่เคยปรากฎการทดสอบรับทหารองครักษ์ที่ยากเย็นเช่นนี้มาก่อน เพียงแต่ด้วยอำนาจของมหาอุปราชฟาร์โก้นั้นทุกสิ่งสามารถเป็นไปได้

เนทีเรียนบอกกับแม็กไว้ว่า หากเขาพ่ายแพ้ก็ถือว่าไม่มีคุณค่าเพียงพอให้สนทนาด้วย หรือต่อให้ได้รับชนะอย่างยากลำบากก็ไม่มีคุณค่าเพียงพอเช่นกัน เพราะมหาอุปราชเพียงสนใจกับบุคคลที่สามารถต่อกรกับระดับแม่ทัพฟาร์อีสต์ได้ และระดับแม่ทัพฟาร์อีสต์คงไม่ลำบากยากเย็นอะไรนักในการต่อสู้กับกลุ่มฆ่ามังกรทั้งสิบนี้

“ถ้าอยากถือแต้มต่อตอนเจรจา ก็ต้องแสดงของดีให้ดูซินะ เขี้ยวจริง ๆ เลยแฮะ … อืม เอาไงดีหว่า … ลองหยั่งเชิงด้วยของใหม่ดูก่อนดีกว่า ยังไม่รู้ด้วยนี่นะว่าคนพวกนี้เก่งแค่ไหน”

แม็กส่งเสียงบ่นพึมพำแผ่วเบาก่อนจะคว้าหยิบเอาคันธนูสีดำจากช่องเก็บของขึ้นมาถือกระชับในท่าเตรียมพร้อมด้วยมือซ้าย ในขณะที่มือขวานั้นหยิบเอากระบอกใส่ลูกศรมาติดไว้กับเข็มขัดหนังตรงกางเกงเพื่อเตรียมใช้งาน

เมื่อเห็นว่าแม็กหยิบคันธนูขึ้นมา ทหารรับจ้างสองนายที่ถือหน้าไม้ขนาดกลางพร้อมยิงก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม เพราะความแตกต่างของหน้าไม้และคันธนูนั้นมีความแตกต่างไม่น้อย

หากเริ่มจากศูนย์ หน้าไม้อาจเสียเวลาในการขึ้นสายมากกว่าคันธนูเล็กน้อย และอาจไม่ทรงพลังในแง่ของการประจุพลังใส่ แต่เมื่อได้ขึ้นสายแล้วจะสามารถคงสภาพพร้อมยิงเอาไว้ได้โดยไม่เปลืองเรี่ยวแรง จนกว่าจะกดกลไกปล่อยลูกธนูออกไป และตอนนี้หน้าไม้ของสองทหารรับจ้างนั้นก็มีลูกธนูขึ้นสายพร้อมยิงแล้วสามดอกด้วยกัน ดังนั้นในแง่ของความรวดเร็วและต่อเนื่องแล้ว ฝ่ายทหารรับจ้างจึงแอบยิ้มกริ่มยินดีในความได้เปรียบ

เหล่าทหารรับจ้างกลุ่มนักฆ่ามังกรนี้ไม่รู้ข้อมูลมาก่อนว่าต้องสู้กับใคร พวกเขาเพียงได้รับการว่าจ้างในราคาสูงลิบให้เผด็จศึกเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ เมื่อมองเห็นว่าคู่ต่อสู้เป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ไม่น่าเกรงขามนัก จึงบังเกิดความกระหยิ่มยิ้มยินดีขึ้นในใจอยู่บ้าง

กระนั้นด้วยประสบการณ์อันโชกโชน ทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าค่าจ้างที่สูงลิบ ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นต่อให้ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ก็ยังไม่มีใครกล้าประมาทเลินเล่อ จวบจนกระทั่งเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายเลือกอาวุธเป็นคันธนู ทหารรับจ้างทั้งสิบจึงค่อยรู้สึกคลายใจลง และแผนการจัดการก็ได้ผุดขึ้นมาในหัวอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ต้องพูดจาสื่อสาร

แผนการไม่ได้มีอะไรซับซ้อนนัก เมื่อได้รับสัญญาณเริ่มต้น พวกเขาจะใช้ความได้เปรียบของหน้าไม้ ยิงถล่มนำเข้าไปก่อน ด้วยความแม่นยำของมือธนูขมังในระยะแค่นี้ย่อมไม่พลาดเป้าโดยง่าย หากคู่ต่อสู้หลบเลี่ยงจากหน้าไม้ได้ ทหารเกราะหนักทั้งห้าก็จะสามารถเข้าประชิดตัวได้แล้ว

หากถึงเวลานั้นต่อให้อีกฝ่ายชักดาบออกมากวัดแกว่ง ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หรือต่อให้อีกฝ่ายเก่งกาจจริง ๆ ฝ่ายทหารรับจ้างก็ยังมีนักบวชช่วยรักษา และมีนักเวทย์สองคนรอถล่มด้วยของหนักตามหลัง ฝ่ายกลุ่มนักฆ่ามังกรจึงเริ่มสูดดมได้กลิ่นของเหรียญทองจำนวนมหาศาลกันแล้ว

รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากทหารรับจ้างมือฉมังทั้งสิบ มันรุนแรงเสียจนเหล่าผู้ชมที่อยู่ด้านบนบางคนสัมผัสได้ แต่ในขณะเดียวกันชายหนุ่มฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ได้แผ่บรรยากาศกดดันอันใดออกมาแม้แต่น้อย ผู้ชมส่วนหนึ่งจึงเริ่มเทใจไปฝ่ายทหารรับจ้างทั้งสิบแทน

“เริ่มได้!!!”

ทหารเกราะดำนายหนึ่งที่ยืนบนกำแพงกั้นส่งเสียงดังพร้อมกับสะบัดมือสะบัดไม้ไปมา ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวให้เยิ่นเย้อเสียเวลาว่าให้เริ่มทำอะไรทุกคนต่างก็เข้าใจได้ว่าหมายถึงเริ่มการต่อสู้ฆ่าฟันกันได้

เสียงโห่ร้องปลุกใจของทหารรับจ้างทั้งสิบดังขึ้น พร้อมกับเสียงเกราะเหล็กที่กระแทกใส่กันเพราะเริ่มขยับร่างกายทำหน้าที่ของตัวเอง เหล่าทหารเกราะหนักห้าคนวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับยกโล่ขนาดใหญ่ขึ้นป้องกันไปพร้อมกัน นักบวชเริ่มร่ายเวทย์สนับสนุนเพิ่มความสามารถให้ทหารแถวหน้า นักเวทย์สองคนเริ่มร่ายเวทย์ที่แตกต่างกัน ส่วนนักธนูทั้งสองนั้นรับหน้าที่ยกหน้าไม้เล็งไปทางเป้าหมายเตรียมเปิดฉากฆ่าสังหาร

เสี้ยววินาทีที่เริ่มขยับร่างกายนั้น ดวงตาของทุกคนกลับมองเห็นภาพอันแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง ร่างของเทพธนูขยับวูบไหวพร่าเลือน แขนและคันธนูเหมือนจะกลืนหายไปกับอากาศธาตุ จากนั้นเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดของทหารรับจ้างนายหนึ่งก็ดังขึ้นจนทุกคนแตกตื่น

ร่างของมือธนูคนหนึ่งที่เตรียมกดปุ่มกลไกยิงหน้าไม้ปลิวลิ่วราวกับโดนมือยักษ์กระชากเหวี่ยงไปด้านหลัง เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นขึ้นไปบนอากาศ และเมื่อทุกคนหันไปมองก็พบว่ามีลูกธนูดอกหนึ่งเสียบทะลุบริเวณใกล้กับหัวไหล่ขวา เมื่อดูจากที่ปลายลูกศรปักลึกเข้าไปในเกราะเหล็กและร่างเลือดเนื้อจนแทบทะลุออกไปแล้ว ก็พอจะคาดเดาได้ว่าลูกธนูดอกนี้แฝงพลังทำลายล้างมากถึงเพียงไหน

ทหารรับจ้างเก้านายที่เหลือย่อมไม่อ่อนด้อยจนลืมตัวว่าอยู่ระหว่างการต่อสู้ พวกเขาหันไปมองเพียงแวบเดียวแล้วรีบหันกลับ พวกเขาต่างพอจะคาดเดาได้จากทิศทางของลูกศรว่ามันพุ่งมาจากทางคู่ต่อสู้ แต่ปัญหาก็คือลูกธนูดอกนี้ถูกยิงออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และเหตุใดพวกเขาจึงมองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“อ๊ากกก!!!”

คำถามในใจยังไม่ได้รับคำตอบ ทหารรับจ้างทั้งหลายก็ต้องพากันสะดุ้งโหยงอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงแผดร้องอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นติด ๆ กันภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีจากคราวแรก และคราวนี้ก็คือมือธนูอีกคนหนึ่งที่เหลืออยู่ ร่างของมือธนูคนนี้โดนลูกธนูปักเข้าที่ไหล่ขวาเช่นเดียวกับคนแรก แล้วลอยละลิ่วเลือดหลั่งรินลงไปนอนโอดโอยหมดสภาพอยู่บนพื้น และวิถีของลูกธนูนั้นก็ยังคงมาจากคู่ต่อสู้เช่นเดิม

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทหารรับจ้างที่เหลือเริ่มสับสนรวนเร จากประสบการณ์อันโชกโชนนั้นการรับมือกับนักธนูสมควรไม่ใช่เรื่องยากเย็นเกินไป เพราะการยิงธนูแต่ละครั้งนั้นต้องใช้เวลาคีบลูกธนูขึ้นพาดสาย แล้วออกแรงเหนี่ยวไปด้านหลัง ปิดท้ายด้วยการหันปลายลูกศรเพื่อเล็งเป้าก่อนจะปล่อยยิง นี่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่ง

กระบวนการเหล่านี้สำหรับนักธนูทั่วไปอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวินาที ส่วนนักธนูมือขมังอาจจะใช้เวลาสองถึงสามวินาทีในการยิงครั้งใหม่ ไม่ใช่ช่วงเวลาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งวินาทีเช่นที่พวกเขากำลังเผชิญหน้า

นอกจากนี้การยิงเร็วโดยปกตินั้นจะมีจุดอ่อนที่ความรุนแรง เพราะการดึงสายให้เร็วแล้วปล่อยออกอย่างเร่งรีบนั้นจะทำให้ได้พลังส่งไม่เพียงพอ และไม่มีเวลาให้ส่งผ่านพลังพิเศษเข้าไปในลูกศร หากทว่าการยิงเร็วของชายหนุ่มคู่ต่อสู้นี้นอกจากจะรวดเร็วจนมองปลายลูกศรไม่ทันแล้ว ลูกศรที่ยิงออกมายังรวดเร็วและแฝงความรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงดูจากการที่สามารถทะลุทะลวงเกราะเหล็ก และยังหอบหิ้วร่างของเป้าหมายจนลอยลิ่วไปด้านหลังได้เกือบสามเมตรก็ทราบได้ถึงพลังทำลายล้างที่แฝงอยู่ในลูกศร

ทหารรับจ้างที่เหลือยังไม่ทันหายตื่นตระหนก เพียงไม่ถึงหนึ่งวินาทีต่อมา เสียงแผดร้องของนักบวชก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างที่ปลิวละลิ่วไปไกลกว่าสองคนแรก เพราะนักบวชผู้นี้ไม่ได้สวมใส่เกราะเหล็กของนักรบ และเป้าหมายของลูกศรนั้นก็ยังคงเป็นตำแหน่งไหล่ขวาเช่นเดิม

เพียงไม่ถึงสามวินาทีนับจากเริ่มต้น กลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็บาดเจ็บสาหัสไปแล้วสามคน สองนักเวทย์ที่เพิ่งเริ่มร่ายเวทย์จึงหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว แม้แต่นักรบเกราะหนักห้านายที่ถือโล่ก็ชะงักเท้า แล้วยกโล่ขนาดใหญ่ขึ้นบังร่างกายไม่กล้าเดินหน้าต่อแม้แต่ก้าวเดียว

สภาพของลานประลองที่สมควรเต็มไปด้วยเสียงแห่งการฆ่าฟัน กลับกลายเป็นเงียบงันลี้ลับไม่มีใครเคลื่อนไหว นักรบรับจ้างเจ็ดนายที่เหลือรอดอยู่ต่างตัวแข็งทื่อหอบหายใจหนักหน่วงด้วยความหวาดวิตก บรรดาผู้ชมที่อยู่รอบนอกก็เบิกตาโตคล้ายไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ตาเห็น เนทีเรียนเองก็นั่งตัวแข็งทื่อคล้ายกับคาดไม่ถึงว่าเทพธนูที่เธอเพิ่งได้สนิทสนมมาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

ที่ยังขยับเขยื้อนอยู่ในลานประลองนั้นมีเพียงสามทหารรับจ้างที่นอนส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ส่วนแม็กนั้นเปลี่ยนเป็นยืนแน่วนิ่งด้วยท่วงท่าปลอดโปล่งสบาย คล้ายกับว่าการเข่นฆ่าเมื่อครู่ไม่ใช่ฝีมือของตัวเองก็ไม่ปาน

นักเวทย์สองคนยืนนิ่งไม่กล้าร่ายเวทย์ ทั้งยังไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวว่าจะตกเป็นเป้าของลูกธนู ส่วนนักรบเกราะเหล็กหนาหนักทั้งห้านั้นตกอยู่ในสภาวะเคร่งเครียดมากกว่า เพราะการแบกเกราะหนัก โล่ และอาวุธอยู่ในท่วงท่าแบบนี้กินกำลังมากกว่านักเวทย์หลายเท่า ร่างที่อยู่ภายใต้เกราะเหล่านั้นจึงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแห่งความหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เวลาคล้ายเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานนัก แต่สำหรับทหารรับจ้างทั้งเจ็ดที่เหลือกลับเหมือนผ่านไปเนิ่นนานยิ่ง สุดท้ายจึงเริ่มมีคนที่แบกรับแรงกดดันอันหนักอึ้งนี้ไว้ไม่ได้ นักรบเกราะหนักนายหนึ่งซึ่งมีศักดิ์ศรีเป็นหัวหน้ากลุ่มนักฆ่ามักงรกัดฟันกรอดโยนทิ้งอาวุธในมือลงไปบนพื้น แล้วก้มหน้าซุกซ่อนอยู่หลังโล่ใบใหญ่พร้อมกับสืบเท้าเดินไปด้านหน้า ซึ่งมองดูแล้วอาจจะคล้ายกับเต่ามุดอยู่ในกระดองขนาดใหญ่อยู่บ้างแต่ก็นับว่าได้ผลดียิ่ง

โล่ขนาดความสูงเกือบสองเมตรนี้ครอบคลุมปิดกั้นจนแทบหมดสิ้น หากมองจากมุมของคู่ต่อสู้แล้ว เกรงว่าคงจะมองเห็นแต่โล่ ไม่เห็นแม้แต่ศีรษะหรือปลายเท้า ซึ่งความจริงแล้วนี่นับเป็นเรื่องยากลำบากของมือธนูอย่างยิ่ง หากจะต้องใช้ธนูโจมตีเข้าใส่ เพราะการโจมตีธรรมดาคงไม่สามารถกระทำอะไรได้ หรือต่อให้อัดพลังพิเศษใส่ลูกศรก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทะลุทะลวงการป้องกันได้ เนื่องจากอีกฝ่ายเองก็อัดพลังปราณใส่โล่เต็มพิกัดเช่นเดียวกัน

ยุทธวิธีที่ดูเรียบง่ายแต่เปี่ยมประสิทธิภาพของทหารรับจ้างนายนี้ ทำให้ผู้คนชื่นชมและเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเทพธนูจะตอบโต้เช่นไร บางคนถึงกับสงสัยว่าหากเทพธนูยิงปะทะใส่กับโล่ตรง ๆ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ลูกธนูที่แฝงพลังทำลายล้างรุนแรงจะสามารถทะลวงผ่านโล่เหล็กกล้าที่อาบด้วยพลังปราณเข้มข้นเข้าไปได้หรือไม่

เสี้ยววินาทีที่ผู้คนเบือนสายตาจากทหารรับจ้างผู้นั้นไปยังเทพธนูได้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ร่างของเทพธนูที่ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวมาก่อนกลายเป็นพริ้วไหวพร่าเลือนราวกับหมอกควัน จากนั้นก็ปรากฎเสียงแผดร้องของทหารรับจ้างที่ถือโล่ใบใหญ่เดินไปด้านหน้า ร่างใหญ่กำยำนั้นลอยละลิ่วปลิวไปด้านข้าง โล่ใบใหญ่หล่นลงกระแทกพื้นขณะที่บนไหล่ขวานั้นมีลูกศรเสียบค้างอยู่หนึ่งดอก

ผู้ชมที่ด้านบนต่างถลึงตามองด้วยความแตกตื่นเพราะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น อย่าว่าแต่เหล่าทหารรับจ้างที่เหลืออยู่บนสนามประลองที่ยิ่งบังเกิดความขลาดเขลาจนไม่กล้าขยับร่าง ทุกสายตากวาดมองมายังเหยื่อรายล่าสุดที่นอนร้องโอดโอย ก่อนจะกวาดสายตาไปยังทิศทางที่ลูกธนูสมควรถูกยิงมา และที่ตรงนั้นก็มีร่างของเทพธนูยืนสงบนิ่งไร้ความเคลื่อนไหว ส่วนคำถามที่ทุกคนงุนงงก็คือเทพธนูขยับร่างไปอยู่ตรงตำแหน่งนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

นั่นเป็นตำแหน่งที่ห่างจากตำแหน่งแรกสิบกว่าเมตร จากมุมนั้นทำให้สามารถยิงใส่ทหารรับจ้างจากด้านข้างได้โดยไม่มีโล่ป้องกัน หากให้กล่าวโดยง่ายก็คือนี่เป็นยุทธวิธีพื้นฐานของนักธนู เมื่อยิงด้านหน้าไม่ได้ก็ย้ายที่เปลี่ยนมุมยิง เพียงแต่เมื่อนักธนูเคลื่อนที่ ฝ่ายป้องกันก็สามารถเคลื่อนโล่ขยับตามไปบดบังได้ กระนั้นในครั้งนี้กลับไม่มีใครสักคนที่สังเกตเห็นหรือรับรู้การเคลื่อนไหวเปลี่ยนมุมยิง ดังนั้นทหารรับจ้างผู้นั้นจึงไม่ต่างอะไรกับเป้านิ่งเปล่าเปลือยไร้เกราะป้องกัน

นักรบรับจ้างในสนามประลองจะอย่างไรก็เก่งกาจในระดับหนึ่ง รวมถึงเหล่าผู้ชมด้านบนที่ต่างก็มีฝีมือพอตัว หากทว่าภายใต้การจับจ้องของผู้คนนับสิบ กลับไม่มีใครจับได้ว่าเทพธนูเงื้อธนูยิงได้อย่างไร พวกเขาไม่ทราบว่าเหตุใดลูกธนูจึงรวดเร็วจนมองตามหรือสัมผัสไม่ทัน พวกเขาไม่รู้ว่าเหตุใดลูกธนูจึงแฝงเร้นไปด้วยพลังทำลายรุนแรงถึงเพียงนี้ รวมถึงไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเทพธนูเคลื่อนไหวร่างกายย้ายสถานที่ได้อย่างไรโดยไม่มีผู้ใดทราบ

ยิงได้โดยไม่ต้องตั้งกระบวนท่า การโจมตีแฝงความรุนแรง เคลื่อนไหวได้ดั่งภูติผีวิญญาณ เพียงสามสิ่งนี้ก็ทำให้ผู้ชมทั้งหมดต้องรู้สึกเย็นเยียบเหงื่อตกด้วยความหวาดเสียว เพราะนี่คือคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของนักฆ่า เวลานี้ไม่มีใครสงสัยในฉายาของเทพธนูอีกแล้ว ตอนนี้พวกเขาเพียงบังเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาว่าหากตนเองต้องตกเป็นเป้าของธนูจะต้องทำอย่างไร

ผู้ชมด้านบนย่อมอยากชมดูฝีมือของเทพธนูต่อ แต่ว่าทหารรับจ้างด้านล่างที่เหลือเพียงหกนายนั้นกลับคิดไปอีกแบบ พวกเขาไม่ทราบว่ากำลังต่อสู้กับตัวอะไร แต่ไม่มีใครอยากต่อสู้โดยไม่เห็นโอกาสชนะ เหล่าทหารรับจ้างจึงไม่กล้าเคลื่อนไหว ทั้งยังไม่กล้าประกาศยอมแพ้ เพราะทราบดีว่าหากแสดงความขลาดเขลาออกมา ชื่อเสียงที่เคยกระทำไว้ก็จะมหลายหายไปสิ้น อย่าว่าแต่พวกเขาอาจจะโดนลงโทษจากมหาอุปราชด้วยอีกต่อหนึ่ง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยอดเยี่ยม เอาเถอะ การทดสอบในรอบนี้ ขอจบลงเพียงเท่านี้ พวกเราทั้งหมดดื่มให้กับเทพธนู”

ท่ามกลางความรู้สึกอึดอัดคับข้องนั้น ได้ปรากฎเสียงหัวเราะของชายผมขาวโพลนขึ้น ชายคนนั้นนั่งอยู่ข้างกายเนทีเรียน เขาคือมหาอุปราชฟาร์โก้ผู้ที่จัดการทดสอบครั้งนี้ขึ้นมานั่นเอง

มหาอุปราชฟาร์โก้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับชูถ้วยแก้วหรูหราขึ้น เหล่าผู้ชมด้านบนจึงรีบพากันลุกขึ้นยืนแล้วยกชูถ้วยแก้วขึ้นมาดื่มเช่นกัน และคำประกาศที่คล้ายกับการเว้นโทษประหารนั่นก็ทำให้เหล่าทหารรับจ้างที่เหลืออยู่ผ่อนคลายจากความตึงเครียด พวกเขาต่างทรุดร่างลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง พร้อมกับส่งสายตามองดูคู่ต่อสู้ที่ถูกเรียกว่าเทพธนูด้วยความยกย่องชื่นชม พวกเขารู้สึกได้ว่าเทพธนูยังปราณีไม่ได้ไล่ยิงพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม

เนทีเรียนซึ่งยืนดื่มไวน์อยู่ด้านบนนั้นส่งสายตาร้อนแรงลงมาให้โดยไม่คิดปิดบัง การได้ยินคำร่ำลือว่าเทพธนูเก่งกาจนั้นจะอย่างไรก็เป็นเพียงคำบอกเล่าที่ไร้อารมณ์ร่วม แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาตนเอง อารมณ์เพศหญิงที่ใฝ่หาวีรบุรุษมาอิงแอบก็พลุ่งพล่านเร่าร้อน เวลานี้เธอเพียงรู้สึกเสียดายที่ยังไม่ได้สนิทสนมกับเทพธนูให้ถึงเนื้อถึงตัวมากกว่านี้

ภายใต้ดวงตาลุ่มลึกของมหาอุปราชฟาร์โก้เองนั้นก็กำลังซุกซ่อนความลิงโลดยินดี คุณค่าของเทพธนูผู้นี้ดูจะมากกว่าที่ประเมินไว้ในคราวแรกหลายเท่า ความคิดของมหาอุปราชจึงพลุ่งพล่านถึงขีดสุด เทพธนูคล้ายกับไพ่ไม้ตายที่มองหามานาน นี่เป็นไพ่ไม้ตายที่สามารถเติมเต็มความยิ่งใหญ่ของตนเองได้ หัวสมองของมหาอุปราชจึงเริ่มคิดคำนวณถึงมูลค่าที่ตนเองจะทุ่มเทเพื่อซื้อเทพธนูเข้ามาเป็นพวก และในขณะเดียวกันก็ยังลอบวางแผนเผื่อไว้อีกทางไปด้วยพร้อมกัน หากเทพธนูไม่ยอมเข้าเป็นพวก มหาอุปราชก็จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อลอบสังหารไม่ให้ไปอยู่กับฝ่ายตรงข้ามโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตามขณะที่ทุกคนกำลังยืนขึ้นเพื่อยกย่องชื่นชมต่อเทพธนูนั้น ผู้ที่ถูกเรียกขานเป็นเทพธนูกลับยืนกระพริบตาปริบ ๆ มองดูสภาพรอบข้างด้วยความงุนงงคล้ายยังไม่ทราบว่าตนเองได้รับชัยชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขามองซ้ายมองขวารอบหนึ่ง แล้วจึงค่อยส่งเสียงบ่นพึมพำกับตนเองในใจว่า

‘อ้าว จบแล้วเหรอ? เวรกรรม … เร่งเวลาแล้วเคลื่อนไหวมากไปจนสมองวูบอีกแล้วซิเรา ดีนะตอนที่วูบไม่มีใครเข้ามาทำอะไรไม่งั้นแย่แน่’

……………………………………………………………

Related

Prev
Next

Comments for chapter "Xtreme Online 32 - ทดสอบ"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved