ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

Xtreme Online 28 - เนโครมันเซอร์

  1. Home
  2. Xtreme Online
  3. Xtreme Online 28 - เนโครมันเซอร์
Prev
Next

XO ตอนที่ 28 – เนโครมันเซอร์

เสียงครืดทึบหนักดังมาจากด้านบน ประตูทางเข้าห้องลับดูเหมือนจะปิดลงตามกลไกการทำงานของมัน แสงสลัวที่พอจะมีอยู่บ้างในคราวแรกจึงกลายเป็นมืดสนิท แต่ยังดีที่เส้นทางลึกลับสีดำมืดซึ่งทอดยาวลงไปเบื้องล่างแห่งนี้ยังมีอากาศไหลผ่านอยู่บ้าง อากาศจึงไม่ถึงกับเหม็นอับชื้นจนทานทนไม่ได้

แม็กเดินลงไปทีละก้าวด้วยความระมัดระวัง แม้จะมืดมิดสิ้นแสง แต่ภายใต้ดวงตาของเผ่าไททันที่ผนวกกับเคล็ดปราณระดับสูงนั้นก็ไม่ได้ต่างอันใดกับการเดินใต้แสงไฟ อีกทั้งสัมผัสที่แผ่ขยายยืดยาวไปตามโพรงลึกนี้ยังติดตามร่างของเจ้าชายวิลเลี่ยมที่เดินนำลงไปได้อย่างแจ่มชัดโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มมองสังเกตเวลาปัจจุบันจากหน้าจอระบบก่อนแวบหนึ่ง ตอนนี้ยังเป็นเวลายามสาย และนั่นทำให้เขาทราบว่ายังมีเวลาให้ทำอะไรอีกเยอะพอสมควร อย่างน้อยก็ก่อนจะถึงเช้าวันใหม่

ก่อนหน้าที่เขาจะลอบติดตามเจ้าชายวิลเลี่ยมนั้น เขาได้ออกจากค่ายทหารทิศตะวันออก นำจดหมายแนะนำตัวไปยังกองทะเบียนของเมือง และในเนื้อหานั้นก็คือการรับรองและฝากฝังจากแม่ทัพฟาร์อีสต์ ซึ่งเป็นแม่ทัพในตำนานของเมืองเลอองนิสต์

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เปิดอ่านและเห็นตราประทับ ก็แสดงท่าทีตื่นเต้นสงสัย ก่อนจะรีบฉีกยิ้มเปลี่ยนจากท่าทีเย็นชาไปเป็นมากเคารพนบนอบมิตรภาพในทันที จากนั้นแม็กก็ถูกเชิญให้เข้าไปนั่งรอในห้องรับรองแขกคนสำคัญของกองทะเบียน อีกทั้งยังได้รับการต้อนรับอย่างเต็มที่ราวกับคนใหญ่คนโต

เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยนั้นย่อมได้รับทราบข่าวการประลองมาแล้วล่วงหน้า ทั้งยังทราบคลื่นลมทางการเมือง ว่าแม็กจะต้องได้ตำแหน่งสำคัญไม่น้อยในอนาคต สำหรับทหารที่สามารถต่อกรได้สูสีกับแม่ทัพฟาร์อีสต์ และได้รับการเรียกขานจากแม่ทัพว่าเป็นหลานเขยนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้เป็นแม่ทัพในอนาคตอันใกล้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการยื่นไมตรีเอาไว้ย่อมเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง

อย่างไรก็ตาม กองทะเบียนยังคงต้องการเวลาในการจัดการยื่นเอกสาร พวกเขาบอกว่าเอกสารจะถูกจัดส่งเข้าวังไปอย่างเร่งด่วนที่สุด แต่ก็จะต้องรอคำตอบจากทางในวัง ซึ่งอาจกินเวลาหนึ่งถึงสองวันเป็นอย่างน้อย และนั่นทำให้แม็กต้องเปลี่ยนแผนลองฝึกการใช้พลังปราณในการปฏิบัติการลอบสังหารเจ้าชาย เพราะหากจะให้บุกเข้าไปในวังเพื่อคุ้มครองแปดนางฟ้าก็ดูจะไม่เหมาะสม

แม็กเดินเลี้ยวซ้ายที่ทางแยกสามแพร่งตามเจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าหญิงเนอวาน่า โดยพยายามรักษาระยะห่างที่หนึ่งร้อยเมตรแบบไม่ขาดไม่เกิน เพราะหากเกินระยะนี้สัมผัสอันยอดเยี่ยมจะกลายเป็นพล่าเลือนจนจับไม่ได้ แต่หากเข้าไปใกล้กว่านี้เขาก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะจับสัมผัสเขาได้หรือไม่ เนื่องจากร่างศพของเผ่าเทพที่เนอวาน่าควบคุมอยู่นั้นน่าจะมีประสาทสัมผัสรวดเร็วไม่น้อย

เขาบ่นอุบอิบอยู่บ้างที่ประสาทสัมผัสแห่งกาลเวลานั้นต้องใช้สมาธิควบคุมอย่างมาก อีกทั้งยังมีข้อจำกัดเรื่องระยะทาง และหากว่ามีผู้เล่นคนอื่นมาได้ยินเสียงบ่นแบบนี้เข้า แม็กคงจะต้องโดนจับเอาหัวไปโขกกับกำแพงสักหลายครั้ง เพราะความสามารถสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ในระยะไกลขนาดนี้นั้น เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งความสามารถที่สุดแสนจะน่ากลัวอย่างหนึ่ง

ระหว่างทางนั้นเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเมืองแบล็คฟอร์ดแทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันนัก มีก็แต่เพียงเจ้าชายวิลเลี่ยมที่พยายามลวนลามเนื้อตัวซากศพของเผ่าเทพสาวที่พี่สาวของเขาควบคุมอยู่ และดูเหมือนว่าเจ้าหญิงเนอวาน่าจะไม่ค่อยสนใจปกป้องเนื้อตัวอะไรมากมายนัก

ยังดีที่ระหว่างทางไม่มียามเฝ้ารักษาการณ์ให้เห็น แม็กจึงไม่ต้องหาทางหลบเลี่ยง ซึ่งพอจะเดาได้ว่านี่คงจะเป็นเส้นทางลับที่ไม่ควรให้ผู้คนล่วงรู้ อีกทั้งยังลึกลับและเก็บซ่อนกลไลการเปิดไว้ด้านใน จึงไม่ได้มีการจัดเวรยามเอาไว้ให้เหนื่อย

เสียงประตูเหล็กเก่าแก่ส่งเสียงแหลมดังเอี๊ยดอ๊าดเมื่อถูกเปิดออก จากนั้นเจ้าชายและเจ้าหญิงก็เดินลึกเข้าไปในนั้นแล้วปิดประตูลง แม็กที่ติดตามอยู่จึงได้แต่ไปหยุดยืนรอที่หน้าประตูด้วยความอับจนปัญญา เพราะหากเขาพยายามเปิดประตูออกก็เป็นที่ทราบได้ว่าอีกฝ่ายจะต้องรู้ตัวแน่นอน แต่ว่าหากเขาไม่เปิดประตูก็คงไม่สามารถตามเข้าไปได้ลึกกว่านี้

แวบแรกนั้นเขาคิดจะลงมือทำลายประตูแบบเงียบ ๆ แต่ก็เกรงว่าหากมีคนอื่นตามมาอีก ก็อาจจะโดนเปิดเผยว่ามีคนบุกรุกดังนั้นจึงได้แต่หยุดคิดว่ามีอะไรบ้างที่เขายังไม่ได้ใช้ออกมา

ทักษะเวทย์ของนักบวชไม่น่าจะช่วยอะไรในกรณีนี้ ทักษะร่างแยกก็ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ ตอนนี้เขาถึงกับคิดอยากไปร่ำเรียนวิชาสะเดาะกุญแจของพวกหัวขโมยไว้ เผื่อว่าต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้อีกครั้ง

เขาใช้เวลาคิดเพียงไม่นานก็ฉีกยิ้มนึกถึงสิ่งหนึ่งที่สามารถใช้งานได้ ถึงจะยังไม่มั่นใจนักเพราะทักษะนั้นไม่ได้ถูกออกแบบให้นำมาใช้ในสถานการณ์เช่นนี้โดยเฉพาะ แต่เขาคิดว่าน่าจะทดลองดูสักครั้ง เพราะสิ่งสำคัญที่คาร่าเคยบอกไว้ก็คือจินตนาการอันกว้างไกล

‘เคล็ดแสงอรุณรุ่ง หนึ่งในเคล็ดปราณสวรรค์อำไพ ปราณระดับเก้าดาว’

เมื่อโคจรพลังและเรียกใช้ทักษะเคล็ดปราณนี้ ร่างของแม็กก็แปรสภาพกลายเป็นแสงขาวนวลซึ่งเป็นลักษณะของธาตุแสง ความจริงแล้วนี่คือเคล็ดปราณที่บัญญัติขึ้นจากเผ่าเทพ เพื่อแปรสภาพร่างทั้งร่างให้เป็นธาตุแสงซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อธาตุความมืด เพื่อชำระล้างความชั่วร้ายชั่วคราว หากทว่าที่แม็กนำมาใช้งานในตอนนี้กลับเป็นการนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์อีกอย่างหนึ่ง

ร่างธาตุแสงนั้นลอยวูบตรงไปยังประตูเหล็ก ก่อนจะลอยทะลุผ่านไปราวกับเดินผ่านหมอกควัน หรือหากกล่าวให้ถูกก็ถือประตูยังคงเป็นประตู หากทว่าร่างกายเลือดเนื้อของแม็กได้เปลี่ยนไปเป็นธาตุแสงที่ไม่สามารถจับต้องได้ และประตูก็มิได้สังกัดธาตุความมืด จึงไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านกัน เวลานี้แม็กจึงลอยเหนือพื้นอยู่ด้านหลังประตูเหล็กบานใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เขาไม่ได้เดินอยู่ หากทว่าลอยอยู่เหนือพื้น เพราะไม่สามารถสัมผัสพื้นได้ ยังดีที่การลอยตัวในครั้งนี้มีหลักการควบคุมคล้ายกับตอนที่เขาเรียกใช้ปีกแห่งเทวฑูต หรือก็คือแค่เพียงคิดว่าจะไปทางใด ร่างนี้ก็จะลอยไปทางนั้นด้วยตัวเอง ไม่ต้องขยับแขนขาหรือก้าวเดินให้เหนื่อย

แม็กแสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะทดลองยื่นมือทะลุผ่านเข้าไปในผนังหินแล้วดึงเข้าออกด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ร่างของเขาคล้ายมีตัวตน คล้ายไม่มีตัวตน เขายังสามารถควบคุมร่างกายและแขนขาได้ หากทว่าไม่สามารถสัมผัสสิ่งใดได้ ตอนนี้เขามีสภาพคล้ายกับพวกวิญญาณ ซึ่งมีเพียงเวทย์ธาตุที่สัมผัสทำร้ายได้

แต่ว่าร่างนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เมื่อเขาทดลองทิ้งตัวมุดลงไปที่พื้นหินจนมิดร่าง เขาก็พบกับความรู้สึกอึดอัดยากจะบรรยาย มันเหมือนกับว่าทุกส่วนในร่างของเขากลายเป็นหินจนทานทนไม่ไหว ต้องรีบผุดโผล่ขึ้นมาจากพื้นหินแล้วสลายร่างแสงนี้ด้วยความหวาดกลัว เขาตั้งใจว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกเด็ดขาดหากไม่จำเป็น

แน่นอนว่าร่างนี้ย่อมมีประโยชน์ของมัน แต่คงไม่เหมาะสำหรับการทำงานลับ ๆ ล่อ ๆ เพราะว่ามันเป็นร่างธาตุแสงที่เปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อปราบธาตุมืด ดังนั้นหากนำไปใช้ในงานที่ต้องหลบซ่อน ก็คงจะเป็นจุดสนใจเกินไปจนไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาคนอื่นได้ เขาจึงแอบเสียดายอยู่บ้างที่เจ็ดวิถีมารฟ้าไม่มีท่าร่างธาตุมืดอะไรแนวนี้บ้าง

นึกถึงตอนนี้แม็กก็ต้องรีบก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า เพราะเจ้าชายวิลเลี่ยมใกล้จะหลุดออกไปจากระยะสัมผัสเต็มที และเมื่อเดินต่อไปเรื่อย ๆ แม็กก็ได้พบว่าโพรงถ้ำแห่งนี้เริ่มขยายใหญ่ขึ้น ทั้งยังมีอากาศสดชื่นกว่าเดิม และมีแสงไฟจากพืชเรืองแสงแทนคบเพลิงวางอยู่เป็นระยะจนแทบไม่มีปัญหาเรื่องแสงสว่างสำหรับคนทั่วไป

เจ้าชายวิลเลี่ยมเดินลัดเลี้ยวไปทางซ้ายอีกครั้งและล่วงลึกลงไป ในขณะที่แม็กได้เห็นว่าหากเลี้ยวขวาไป จะเป็นที่โล่งกว้างคล้ายกับห้องโถง และที่ตรงนั้นมีกองกำลังทหารนับพันคนกำลังนั่งสนทนาฝึกซ้อมกันด้วยความคึกคักกระเหี้ยนกระหือรือ ซึ่งพอจะเดาได้ว่านี่คงเป็นทหารหาญจากเมืองแบล็คฟอร์ดที่ถูกตระเตรียมไว้ก่อเหตุยึดเมืองในเวลาอันใกล้นี้

แม็กแอบโผล่หน้าไปมองสำรวจแวบหนึ่งด้วยความเป็นห่วงลุงฟาร์อีสต์และเซเฟีย เนื่องจากทหารเหล่านี้ดูจะแข็งแกร่งใช่เล่น อีกทั้งยังมีชุดเกราะ อาวุธ และอุปกรณ์ในการตีเมืองมากมาย ทั้งยังแสดงอาการคึกคักเข้มแข็งเต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจ

เขามองสำรวจครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามเจ้าชายวิลเลี่ยมลึกลงไปใต้ดินอีกครั้ง เขาใช้ร่างธาตุแสงทะลุผ่านประตูเหล็กที่ปิดลงกลอนอีกสองครั้ง และคราวนี้เขาค้นพบจากประสาทสัมผัสว่าสถานที่แห่งนี้เป็นส่วนที่ลึกที่สุดในโพรงถ้ำ มันเป็นห้องที่มีประตูเหล็กขนาดใหญ่ปิดกั้นไว้ตรงส่วนแคบที่สุด แล้วขยายใหญ่เข้าไปเป็นโพรงขนาดความสูงสามเมตร กว้างห้าเมตร ลึกเกือบสิบเมตร ส่วนด้านในนั้นมีข้าวของวางระเกะระกะสุมทุมดูยิ่งเหยิง

“เจ้านางปีศาจ นี่แกออกไปวางแผนชั่วอะไรกับเมืองนี้อีกล่ะ”

เสียงอ่อนระโหยโรยแรงแต่เปี่ยมด้วยความเคียดแค้นของสตรีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านในห้อง และแม็กเองก็ยังไม่กล้าเข้าไปด้านในจึงได้แต่รอคอยแอบฟังอยู่ด้านนอกประตู

จากประสาทสัมผัสที่แผ่ขยายออกไป ทำให้แม็กทราบว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นผู้หญิงวัยประมาณสี่สิบ ใบหน้านั้นมีเค้าลางของความงามในวัยสาวอยู่ไม่น้อย หากทว่าสภาพบาดเจ็บทรุดโทรม และผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั้นทำให้แลดูคล้ายกับยายแก่สติไม่ดีเสียมากกว่า

“คิก คิก นี่เจ้ายังไม่ตายอีกหรอกหรือ ยายแก่โสโครก แกน่าจะสงบปากสงบคำเงียบ ๆ ไว้นะ เพราะที่ข้าไว้ชีวิตแกจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากขอบคุณที่ให้อาศัยสถานที่สมาคมผู้บงการศพนี่เป็นฐานทัพลับหรอกนะ คิก คิก อืม จริง ๆ ก็แค่อยากจะให้แกอยู่ถึงวันที่เมืองนี้โดนกองทัพอัดเดทถล่มมากกว่านะยายแก่ คิก คิก”

“แก!!! นางมารร้ายเนวาน่า ไอ้ศิษย์ทรยศ ไอ้ …”

“โถ ๆ ไม่เอาน่า ท่านเองก็เป็นแค่ยายแก่โง่งม ต้องใช้เวลาศึกษาสามสิบปีกว่าจะได้เป็นผู้บงการศพระดับห้า แต่ข้านั้นมีพรสวรรค์บรรลุได้ถึงระดับห้าในเวลาแค่ไม่ถึงสิบปี แบบนี้ใครกันแน่ที่ควรจะเป็นศิษย์ ใครควรจะเป็นอาจารย์ อืม แต่ก็ขอบคุณนะ ที่ช่วยชี้ทางให้ข้าบรรลุได้ถึงขั้นที่ห้าน่ะ ถือเป็นบุญคุณอย่างสูงเชียวล่ะยายแก่”

“เจ้าเป็นสิ่งผิดพลาดที่สุดในชีวิตของข้าเนวาน่า ข้าไม่ควรเลยจริง ๆ ข้าไม่ควรดื้อรั้นสั่งสอนวิชาการบงการศพให้แก่สายเลือดต้องสาปอย่างเจ้า เจ้ามันเลวร้ายไม่ต่างอะไรกับมารดาและบิดาของเจ้า”

“จุ๊ ๆ สายเลือดต้องสาปอะไรกัน ท่านน่าจะเรียกว่าสายเลือดแห่งจักรพรรดิมากกว่านะ ท่านพ่อของข้าน่ะเป็นถึงว่าที่จักรพรรดิ ในขณะที่แม่ของข้านั้นเป็นถึงราชินิแห่งชนเผ่าเนโครมัน เผ่าพันธุ์ที่เก่งกาจที่สุดในการบงการซากศพเชียวนะ คิก คิก”

“เจ้าก็เหมือนแม่ของเจ้า โหดเหี้ยม บ้าคลั่ง อำมหิต วิปริต คิดเปลี่ยนโลกทั้งใบให้กลายเป็นสวรรค์ของเผ่าอันเดท (Undeath) แม่ของเจ้ารวมถึงชนเผ่าจึงโดนไล่ล่ากำจัดจนหมดสิ้น … อ๊ากกกกกก”

หญิงวัยกลางคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะเจ้าหญิงเนวาน่าใช้ร่างของเทพสาวที่แลดูงดงามบริสุทธิ์หวดขาเตะใส่ใบหน้าจนเลือดสาดกระเด็น

“ข้าจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกัน แต่ข้าชอบฟังเสียงกรีดร้องของเจ้ามากกว่านะ คิก คิก เอาล่ะ คุยกันตรงไปตรงมาก็แล้วกัน นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ข้ารับปากว่าจะช่วยดูแลลูกสาวคนสวยของเจ้าเป็นอย่างดี หากเจ้ายินยอมชี้ทางให้ข้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะขึ้นไปเป็นผู้บงการศพระดับหกได้ บอกไว้ก่อนนะว่าลูกสาวของเจ้าน่ะเชื่อฟังและเทอดทูนข้ามากเลยเชียวล่ะ”

“แก จะทำอะไรลูกสาวข้า”

“เปล่านี่ ก็บอกแล้วไงว่าจะดูแลเป็นอย่างดี เพราะลูกสาวเจ้าทั้งสวยทั้งเก่ง สืบทอดมาจากแม่ไม่น้อย ข้าก็เลยจะเก็บเอาไว้ใช้งานก่อน ขนาดไอ้น้องชายไม่รักดีจะขอไปเป็นนางบำเรอ ข้ายังปฏิเสธด้วยนะ แบบนี้ยังจะมาทำหน้าดุใส่ข้าอีกเหรอ คิก คิก เอ้ารีบตอบมาซะ ว่าจะบอกหรือไม่บอก”

“…”

บทสนทนาในห้องทำให้แม็กตีความได้ว่าหญิงวัยกลางคนนั้นคงจะเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ และที่นี่ควรจะเป็นพื้นที่ของสมาคมผู้บงการศพของเมืองเลอองนิสต์ และเจ้าหญิงเนอวาน่าคงจะเป็นลูกศิษย์ของหญิงวัยกลางคน กระนั้นส่วนที่น่าสนใจที่สุดดูจะเป็นเรื่องที่ลูกสาวของหญิงคนนี้สวยนั่นเอง

หญิงวัยกลางคนซึ่งบาดเจ็บจากอะไรบางอย่างโดนจับมัดด้วยโซ่ขึงไว้ในห้องอย่างแน่นหนา นอกจากนี้ในห้องยังมีเตียงนอนห้าเตียงเรียงรายกัน หนึ่งเตียงนั้นว่างเปล่า ในขณะที่อีกสี่เตียงนั้นมีร่างไร้ชีวิตเหมือนมนุษย์ หากแต่มีสีผมและสีดวงตาเป็นสีฟ้า พวกเธอต่างก็มีใบหน้าสะสวยและรูปร่างสะโอดสะอง ซึ่งเดาได้ว่านั่นน่าจะเป็นซากร่างอันสมบูรณ์ของหญิงสาวเผ่าเทพที่เหลือ

เจ้าชายวิลเลี่ยมคล้ายจะไม่แยแสสนใจหญิงวัยกลางคนและบทสนทนาอันใด เขาเพียงเดินไปนอนบนเตียงแล้วโอบกอดลูบไล้ซากศพไร้ชีวิตสี่ร่างสลับไปมาด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม ดูเหมือนว่าคำขอก่อนหน้าของเขาที่ว่าอยากได้ศพเทพสาวนั้นจะไม่ได้พูดเล่นหรือโกหก

แรกทีเดียวเขาคิดว่าเจ้าชายคนนี้วิปริตไม่น้อย หากทว่าเมื่อลองสัมผัสลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว เขาพบว่าซากร่างของเทพสาวนั้นแทบไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวสวยสะคราญที่นอนหลับอยู่

ใบหน้าสวยสง่านั้นยังคงมีเลือดฝาด ทรวงอวบอิ่มเด้งขึ้นลงไปตามจังหวะการหายใจซึ่งไม่ควรจะมีในร่างคนตาย ผิวพรรณทุกสัดส่วนก็ล้วนแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต แม้แต่อาการตอบสนองของร่างกายที่กระตุกสะท้านเมื่อโดนเล้าโลมก็แทบไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่ยังมีชีวิตอยู่

หากไม่บอกให้ทราบก่อน เกรงว่าเขาเองก็อาจจะคิดว่าพวกเธอยังมีชีวิต พวกเธอดูเหมือนหญิงสาวที่นอนหลับฝันหวานกลางวัน และนี่ควรจะเป็นผลลัพธ์ของแหวนระดับเจ็ดดาวที่เจ้าชายวิลเลี่ยมจัดหาไว้ให้ เพียงแต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ หากถอดแหวนนั่นออกแล้ว ร่างของพวกเธอจะอยู่ในสภาพอย่างไร จะกลายเป็นเน่าเฟะทันที หรือว่าจะค่อย ๆ เสื่อมสลายไปทีละน้อยตามกาลเวลา

“นังแก่หน้าโง่รีบตอบมาเสียที ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากเจ้ายอมบอกทางสู่ระดับหก และรับสัญญาทาสยอมช่วยเหลือรับใช้ราชวงศ์แบล็คฟอร์ด ข้าจะถอนพิษให้เจ้า ไม่แก้แค้นที่เจ้าร่วมกันฆ่าแม่ข้า เจ้าจะได้เจอหน้าลูกสาวของเจ้าอีกครั้ง ข้าเสียดายคนเก่งเช่นเจ้า หากไม่แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าตายไปอย่างช้า ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าคงอยู่ได้ไม่เกินคืนนี้แล้ว”

เจ้าหญิงเนวาน่ายื่นข้อเสนอให้ด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมแฝงพลังอำนาจ ซึ่งนั่นดูเหมือนจะเป็นข้อเสนอครั้งสุดท้ายที่จะมอบให้ แต่หญิงวัยกลางคนนั้นยังคงแสดงสีหน้าเหยียดหยามไม่ยินยอม คล้ายกับว่าไม่มีอะไรที่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของเธอได้ แม้ว่าจะเอาชีวิตของลูกสาวมาต่อรองก็ตามที

“ข้าไม่มีทางทำร้ายเมืองเลอองนิสต์ที่ข้ารัก ข้าไม่มีทางคิดร้ายต่อพระราชากีแลนที่เคยช่วยชีวิตข้าและลูกสาวไว้ และข้าไม่มีทางร่วมมือกับปีศาจร้ายอย่างพวกเจ้าเด็ดขาด!!!”

“โถ ๆ งั้นก็แล้วแต่เจ้า ข้าเองก็เบื่อหน่ายที่จะเกลี้ยกล่อมเจ้าแล้ว แต่เจ้าจงรู้ไว้เถอะ ไม่ว่าเจ้าจะยอมเป็นทาสช่วยเหลือข้าหรือไม่ สุดท้ายแล้วเมืองเลอองนิสต์ก็ต้องเป็นข้าแบล็คฟอร์ด พระราชากีแลนต้องโดนประหาร เจ้าหญิงเรนเน่ลูกสาวสหายรักของเจ้าจะต้องกลายเป็นนางบำเรอให้น้องชายข้า กระทั่งเมื่อน้องข้าเบื่อหน่ายนางจะโดนนำไปเป็นนางบำเรอในหอนางโลม และข้าจะเปลี่ยนเมืองแห่งนี้ให้กลายเป็นเมืองแห่งอันเดท ให้ประชาชนกลายเป็นทหารอันซื่อสัตย์ของแบล็คฟอร์ด”

เนวาน่ากล่าวจบก็ใช้นิ้วชี้จิ้มลงไปที่หน้าผากของหญิงวัยกลางคน จากนั้นเสียงกรีดร้องเจ็บปวดของหญิงวัยกลางคนก็ดังลั่นออกมาพร้อมกับอาการทุรนทุรายอีกครั้ง

หากทว่าคราวนี้แม็กสัมผัสได้ถึงกระแสเวทย์ธาตุมืดที่แทรกผ่านเข้าไปในร่าง แล้วกระตุ้นจนวัตถุสีดำมืดคล้ายหนอนนับร้อยตัวในร่างนั้นกัดกินอวัยวะภายในอย่างหนักหน่วง

รอจนผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เนวาน่าจึงค่อยดึงนิ้วเปื้อนเลือดออกมาดูดเลีย แล้วแสยะยิ้มราวกับฆาตกรโรคจิต หญิงวัยกลางคนจึงค่อยหยุดร้องและหายจากอาการทุรนทุราย หากทว่าแม็กสัมผัสได้ว่าเธอคนนี้คงจะตายตกในไม่ช้า อย่างมากก็คงอยู่ได้ไม่เกินสองถึงสามชั่วโมง เพราะอวัยวะภายนั้นเสียหายยับเยินไปหมดแล้ว

“คิก คิก ข้ารำคาญเจ้าเต็มทีแล้วเหมือนกัน ถึงจะน่าเสียดาย แต่ในเมื่อเจ้าไม่ยอม ข้าก็ต้องเสี่ยงทำลายสมองของเจ้าส่วนหนึ่ง จากนั้นภายใต้มนตร์สะกด เจ้าจะมองเห็นข้าเป็นลูกสาวของเจ้า และสอนทุกอย่างที่เจ้ารู้ก่อนที่เจ้าจะตายตกในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา”

เจ้าหญิงเนวาน่าในร่างสาวเผ่าเทพหัวเราะสะใจ ในขณะที่หญิงวัยกลางคนกระอักเลือดออกมาจนชุ่มเต็มพื้น จากนั้นร่างอ้อนแอ้นของเผ่าเทพก็ค่อย ๆ ก้าวเดินไปหยิบรื้อค้นอะไรบางอย่างออกมาจากกล่องไม้แถวนั้น

“เอาไปซะ นี่คือเทียนหอมกระตุ้นรัก ขอเพียงเจ้านำไปจุดไฟ หากใครได้กลิ่นก็จะเกิดอาการกำหนัดอยากร่วมเพศอย่างหนักจนสติเลอะเลือน ที่เหลือเจ้าจะวางแผนยังไงก็เรื่องของเจ้า ไสหัวไปได้แล้ว ข้าจะกลับร่างจริงเพื่อพักผ่อนเสียที”

เธอหยิบเทียนสีชมพูออกมาสี่แท่ง แล้วยื่นโยนให้เจ้าชายวิลเลี่ยมซึ่งกำลังนอนกอดลวนลามซากศพของเทพสาวนางหนึ่ง จากนั้นเนวาน่าจึงขยับนำพาร่างของเทพสาวไปนอนบนเตียงที่ว่างอยู่ แล้วก็สงบนิ่งไป ซึ่งคาดเดาได้ว่าเธอคงจะปล่อยการควบคุมออกแล้ว เพียงแต่ว่าร่างกายที่แท้จริงของเธอจะอยู่ที่ใดนั้น ยังเป็นคำถามที่ตอบไม่ได้

เจ้าชายวิลเลี่ยมพอได้รับเทียนสีชมพูซึ่งเรียกว่าเทียนหอมกระตุ้นรักก็ดวงตาลุกวาว เขาถลันลุกพรวดเลิกสนใจร่างไร้ชีวิตอันสวยงามของเทพสาวทั้งห้า แล้วเปิดประตูโครมครามวิ่งแจ้นออกมาจากห้องด้วยความคึกคักอักโข ไม่รู้เลยสักนิดว่ายมฑูตกำลังรอคอยอยู่ข้างนอกนั่น

แม็กยิ้มเหี้ยมเกรียมอยู่ในเงามืดเหนือประตูเหล็ก เขาอยู่ในท่ายืนสองขาเหยียบเหลี่ยมมุมของผนังตะปุ่มตะป่ำทรงตัวเอาไว้ ในขณะที่สองมือนั้นถือคันธนูสีดำเล็งลูกศรสีเงินคมกริบไปยังบริเวณต้นคอของเจ้าชายวิลเลี่ยม

พลังเวทย์ธาตุแสงไหลผ่านเข้าไปในลูกศรตามสรรพคุณของมัน แต่ที่เพิ่มพูนเข้ามาก็คือพลังปราณที่มหาศาลยิ่งกว่าพลังเวทย์
และนั่นทำให้เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าเจ้าชายซึ่งเป็นนักรบมือดีจะต้องสิ้นชีพในคราวเดียวโดยไม่ทันได้ส่งเสียงร้องแม้สักครึ่งคำ

อย่างไรก็ตามเจ้าชายดูจะยังไม่ถึงฆาต เพราะลูกธนูยังไม่ทันได้ปลดปล่อยออก ประตูเหล็กห้องหนึ่งก็เปิดออกมา และบานประตูก็ปิดมุมยิงพอดิบพอดี แม็กจึงได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ ได้แต่ปล่อยให้เจ้าชายวิ่งเตลิดจากไปด้วยความเสียดาย

“เฮอะ เจ้าน้องชายที่น่าตาย แทนที่จะตั้งใจทำหน้าที่ ก็ยังมัวแต่จะหาผู้หญิงมาเพิ่ม หรือว่าจริง ๆ แล้วข้าควรจะห้ามปรามมันสักหน่อย?”

เมื่อประตูเหล็กนั้นปิดลงอีกครั้ง หญิงสาวร่างบอบบางในชุดคลุมสีดำสนิทก็เดินออกมาพร้อมกับเสียงบ่นด่า และนั่นทำให้แม็กเชื่อว่าเธอคนนี้คงจะเป็นเจ้าหญิงเนวาน่าพี่สาวของเจ้าชายวิลเลี่ยม เจ้าหญิงอันดับหนึ่งของเมืองแบล็คฟอร์ด

เธอหันหลังให้จึงไม่ทันสังเกตเห็นการเล็งธนูของแม็ก แต่สัมผัสของแม็กทำให้ทราบได้ถึงใบหน้าและสรีระร่างกายของเนวาน่าได้อย่างละเอียด ใบหน้านั้นเป็นรูปไข่เรียวที่งดงามกว่าซากร่างของนางฟ้าทั้งห้า ดวงตาและเส้นผมนั้นเป็นลอนสีน้ำตาล เรือนร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลเปี่ยมความงดงามผิดกับลักษณะนิสัยอันโหดเหี้ยมอย่างไม่น่าเชื่อ หากให้เทียบแล้วเนวาน่ามีเสน่ห์และความงดงามด้อยกว่าสุดยอดร้อยแปดสาวงามเพียงหนึ่งหรือสองขั้นเท่านั้น

โดยรวมแล้วเธอถือว่ามีเสน่ห์เหนือกว่าเซเฟียแม่สาวยอดนักรบ ใกล้เคียงกับแองจี้ในเกม แต่ด้อยกว่าสุดยอดสาวงาม เพียงแต่เพิ่มบรรยากาศของความลึกลับโหดเหี้ยมเย็นชาเอาไว้ และตอนนี้สิ่งที่แม็กกำลังคิดหนักก็คือ เขาควรจะปล่อยลูกธนูให้เสียบกลางหลังเพื่อเข่นฆ่าเนวาน่าดีหรือไม่

ในสภาพที่เธอไม่ทันระวังสังเกตเห็นเช่นนี้ เขามั่นใจเต็มร้อยว่าจะสามารถจัดการเธอได้ง่ายดายยิ่งกว่าเจ้าชายวิลเลี่ยมเสียอีก เพราะสัมผัสได้ว่าเนวาน่านั้นไม่ใช่สายนักรบที่มีร่างกายแข็งแกร่ง ทั้งไม่ได้สวมใส่เกราะป้องกันอันใด เธอมีแต่เพียงผ้าเนื้อบางที่ปิดคลุมปกป้องร่างกายเอาไว้ และพลังมนตราธาตุมืดอันเข้มข้นของเนโครมานเซอร์เท่านั้น

คำตอบก็คือเขาไม่แน่ใจว่าควรฆ่าเธอตรงนี้หรือไม่ เพราะเขากับเธอไม่เคยมีความแค้นโดยตรงกันมาก่อน แต่หากเป็นเจ้าชายวิลเลี่ยม เขาจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะปลดปล่อยยิงธนู เพราะเจ้าชายนั้นแสดงท่าทีคุกคามต่อเขาและผู้หญิงของเขาโดยตรง เขาจึงไม่รู้สึกผิดและคิดว่าเขามีเหตุผลมากพอที่จะกระทำ

อย่างไรก็ตามสำหรับเนวาน่านั้น ถึงแม้เธอจะวางแผนชั่วร้ายบุกเมืองเลอองนิสต์ แต่ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว นี่ก็คือสงคราม เป็นเรื่องบุญคุณความแค้น และการเมืองภายในเกม ซึ่งเขายังไม่ได้ตกลงใจเลือกว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหนกันแน่

เขาอาจจะเอาใจช่วยเมืองเลอองนิสต์มากกว่า เพราะว่าเขาเริ่มเล่นเกมที่นี่ ทั้งยังชื่นชอบแนวทางการปกครองของพระราชากีแลน เขาชื่นชอบแม่ทัพฟาร์อีสต์ และเป็นห่วงเซเฟียซึ่งเป็นทหารของเมืองเลอองนิสต์ เพียงแต่ว่านั่นทำให้เขามีเหตุผลที่จะยิงเข่นฆ่าทำร้ายผู้หญิงที่ไม่เคยทำร้ายเขาโดยตรงมาก่อนเชียวหรือ

หากนับกันตามเหตุผลแล้ว ต่อให้เขาฆ่าเนวาน่าในตอนนี้ เขาก็เชื่อว่าแผนการร้ายจะยังคงดำเนินการต่อไป โดยมีเจ้าชายวิลเลี่ยมไปเป็นหัวขบวน แต่อาจจะลดทอนความร้ายกาจของกำลังรบลงไปไม่น้อย หรือต่อให้เขาจัดการเนวาน่า แล้วจัดการเจ้าชายต่อ ทางแบล็คฟอร์ดก็คงจะทุ่มกำลังที่มากมายมหาศาลกว่ามาเพื่อแก้แค้นให้เจ้าหญิงเจ้าชายอยู่ดี

ความคิดมากมายเหล่านี้วูบผ่านเข้ามาในหัวสมอง ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะผุดวาบขึ้นมาในหัวสมอง และนั่นก็ทำให้แม็กยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เขาเก็บคันธนูแล้วดีดพุ่งตัวเข้าหาเนอวาน่าจากทางด้านหลัง กว่าที่เธอจะรู้สึกตัวถึงอันตราย ลำคอขาวผ่องก็ทำท่าจะโดนมือของของเขาคว้าจับแล้ว

กระนั้นเนวาน่าก็ใช่จะเป็นไก่อ่อนไร้พิษสง โดยปกติแล้วนักเวทย์ในเกมที่มีร่างกายอ่อนแอ มักจะร่ายเวทย์เกราะป้องกันใส่ร่างตัวเองไว้เสมอเพื่อซื้อเวลาไว้รับมือ เนวาน่าเองก็เช่นกัน เธอได้ร่ายเวทย์สร้างเกราะคุ้มกายด้วยธาตุมืดแฝงคำสาปเพื่อป้องกันเอาไว้แล้วสามชั้น ฝ่ามือที่ทำท่าจะขย้ำลงบนลำคอจึงชะงักค้างกลางอากาศ พร้อมกับคำสาประดับต่ำสามอย่างที่ย้อนกลับไปเล่นงานผู้ลงมือจู่โจม

การป้องกันระดับนี้ถือว่ามากเกินพอสำหรับป้องกันและจัดการให้นักฆ่ามือดีตายตกได้ แต่สำหรับแม็กซึ่งมีปราณสวรรค์อำไพซึ่งมีสรรพคุณชะล้างธาตุมืดนั้น คำสาประดับต่ำทั้งสามก็เปรียบได้กับมดตัวน้อยที่ไต่สร้างความรำคาญบนฝ่ามือ และเขาเพียงแค่เร่งพลังปราณขึ้นเล็กน้อย คำสาปเหล่านั้นก็สลายหายไป พร้อมกับฝ่ามือที่ทะลวงผ่านเข้าไปตะปบจับที่ต้นคอของเนวาน่าจนเธอตัวกระตุกสะท้านแล้วสลบเหมือดไป

แม็กรีบอุ้มประคองร่างของเจ้าหญิงเนวาน่าที่อ่อนปวกเปียกไม่ให้หล่นกระแทกพื้น จากนั้นก็โอบอุ้มร่างของเธอด้วยสองมือเดินพาร่างไร้สตินั้นเข้าไปในห้องที่เธอเพิ่งก้าวเดินออกมา และพร้อมกันนั้นดวงตาสีฟ้าก็ทอประกายวาววับขณะจับจ้องมองสำรวจใบหน้า และเรือนร่างงดงามของเธออย่างละเอียดยิบแทบทุกตารางนิ้ว

ประตูเหล็กปิดลงอีกครั้ง ร่างงามของเจ้าหญิงสุดโฉดถูกโยนลงไปบนเตียง ตามด้วยเสียงสวบสาบของเสื้อผ้าอาภรณ์ที่โดนถอดปลดออกอย่างเร่งรีบจนร่างงามบนเตียงกลายเป็นเปล่าเปลือย … เจ้าหญิงเนวาน่าธิดาคนโตแห่งเมืองแบล็คฟอร์ดที่ผู้คนหวาดเกรง กลับต้องอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างอันใดกับเด็กสาวอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงกำลัง

เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เดินตามเกมของผู้อื่น เขาไม่ได้เป็นฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม และไม่ต้องการเป็นปีศาจร้ายที่ทำร้ายฆ่าคนล้างเมือง หากทว่าเขาจะเป็นคนที่คอยตักตวงผลประโยชน์จากสงครามระหว่างสองเมืองนี้ให้มากที่สุด และเวลานี้เขากำลังจะเรียกใช้งานทักษะที่ไม่ค่อยได้ใช้งานอย่างหนึ่งเพื่อให้ตัวเองได้รับประโยชน์เสียก่อน และนี่คือทักษะได้รับมาจากแอสโมดิอุสตั้งแต่วันแรก

……………………………

เจ้าชายวิลเลี่ยมวิ่งไปตามทางเดินอันเล็กแคบด้วยความตื่นเต้นคึกคัก ประตูที่ล๊อคด้วยอาคมถูกเปิดแล้วปิดลงอย่างรวดเร็วยิ่ง สองมือหอบหิ้วเทียนหอมสีชมพูทั้งสี่แท่งเอาไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สามารถนำไปใช้กับเจ้าหญิงเรนเน่ได้ เพราะเธอเป็นลูกสาวของราชินีภูติน้ำแข็งที่มีความสามารถทางด้านการต่อต้านคำสาป หากทว่าเทียนเหล่านี้สามารถนำไปใช้มอมประสาทแปดนางงามได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะสาวงามนามเตียวเสี้ยนที่งดงามเทียบเท่ากับเจ้าหญิงเรนเน่

เจ้าชายยื่นมือไปกดกลไกตรงผนังหินเพื่อเปิดประตูทางลับขึ้นจากทางใต้ดิน จากนั้นเสียงครืดก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาในโพรงถ้ำ โลงศพหินขนาดใหญ่กำลังขยับเปิดทางออกไปสู่โลกภายนอก และนั่นคล้ายกับแสงแห่งความหวังสำหรับเจ้าชาย วันนี้เตียวเสี้ยนนางฟ้าจากทวีปไชนี่จะต้องไม่รอดมือเขาอย่างแน่นอน

“เดี๋ยวก่อน!!!”

ร่างกำยำชะงักกึกทันทีเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง มือที่ยื่นเหยียดเตรียมผลักประตูออกไปยังสุสานมืดด้านนอกนั้นก็ชะงักไปเช่นกัน จากนั้นเจ้าชายก็ค่อย ๆ หันกลับมามองดูด้วยใบหน้าขมวดมุ่นคล้ายไม่เข้าใจ เพราะที่อยู่เบื้องหน้านั้นคือร่างจริงของพี่สาวที่เขารักและหวาดกลัว ใบหน้านั้นเหมือนเดิม แววตาก็เหมือนเดิม แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือเขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่แปลกไปจากปกติ

“มีอะไรหรือท่านพี่”

“ข้าลืมอะไรบางอย่างไป แปดนางงามที่มาจากทวีปไชนี่ที่เจ้าพูดถึง พวกนางคือเตียวเสี้ยน และเจ็ดนางงามสกุลเทียนใช่หรือไม่?”

“พี่รู้จักพวกนางด้วยงั้นหรือ?”

“ข้าถามว่าใช่หรือไม่?”

เนวาน่าส่งเสียงตะคอกด้วยความเย็นชา เจ้าชายวิลเลี่ยมจึงค่อยยิ้มออกเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับท่าทีวางอำนาจแบบนี้ มากกว่าท่าทางแปลกประหลาดเมื่อครู่

“ใช่ครับท่านพี่”

“ถ้างั้นก็วางมือจากพวกนางซะ ปล่อยพวกนางไปก่อน อย่างน้อยจนกว่าเราจะตีเมืองเลอองนิสต์ได้ เจ้าห้ามแตะต้องพวกนางเด็ดขาด”

“หา? ทำไมล่ะท่านพี่?”

“นี่เป็นคำสั่ง!!!”

เจ้าชายพยายามทักท้วง แต่เจ้าหญิงเนวาน่ากลับส่งเสียงเย็นชาใส่ เจ้าชายจึงสะดุ้งโหยงตื่นตกใจ และรีบผงกศีรษะรับคำสั่ง เพราะทราบดีว่าการทำให้พี่สาวโกรธนั้นเป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้ทำให้บิดาโกรธ

“ได้ครับท่านพี่ แต่ว่าช่วยบอกเหตุผลสักหน่อยได้หรือไม่ … หรือว่าพวกนางเป็นคนของท่านพี่”

“เอาเป็นว่าเจ้าจงไปทำตาม แล้วห้ามถามถึงเรื่องนี้อีก ตอนนี้พวกนางกำลังถูกข้าหลอกใช้ให้ทำงานอย่างหนึ่งอยู่ มันเป็นความลับสุดยอด เจ้าห้ามถามถึงพวกนางอีกเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”

“ครับ ท่านพี่ … เอ่อ แล้วเทียนหอมพวกนี้”

“เอาคืนมาซะ แล้วเจ้าก็รีบไปทำตามแผนการให้ดีอย่าให้มีปัญหา”

“แต่ท่านพี่ ข้าขอเทียนไว้ใช้กับคนอื่นได้หรือไม่?”

“เจ้าโง่ หน้าที่หลักของเจ้าคือการทำให้เจ้าหญิงเรนเน่ประทับใจ แต่เจ้ามัวแต่แสดงท่าทีเจ้าชู้จีบผู้หญิงไม่เว้นวัน วันนี้ข้าขอสั่งเจ้าว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่นอีก เจ้าต้องแสดงความมุ่งมั่นให้เจ้าหญิงเห็น … อ้อ ข้าได้ข่าวว่าเจ้าทำเรื่องงี่เง่าอย่างการตั้งประกาศจับผู้หญิงผมแดงคนหนึ่งด้วยใช่หรือไม่”

“เอ่อ … ครับท่านพี่ ข้าชื่นชอบนางคนนั้น”

“ข้าไม่สน เอาเป็นว่าเจ้าจงยกเลิกประกาศ และลงประกาศขอโทษว่าเข้าใจผิด เจ้าหญิงเรนเน่จะได้มองเจ้าใหม่ ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว นี่คือคำสั่ง!!!”

เนวาน่าพูดตัดบทแล้วคว้าเอาเทียนหอมสีชมพูเหล่านั้นกลับมา จากนั้นร่างงามในชุดคลุมสีดำก็เดินกลับลงไปในทางลับโดยไม่ตอบคำถามอะไรอีก เจ้าชายวิลเลี่ยมจึงได้แต่ยืนอ้าปากค้างฝันสลาย เพราะนั่นหมายความว่าแผนการครอบครองเตียวเสี้ยนนั้นไม่สามารถทำได้ เขาจึงเหลือแต่เพียงเจ้าหญิงเรนเน่เพียงเป้าเดียว

ถึงแม้จะรู้สึกผิดปกติแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่เจ้าชายไม่ทราบว่าผิดปกติตรงไหน เขาจึงหันหลังกลับและพยายามหาเหตุผลสนับสนุน ก่อนจะปักใจเชื่อว่าพี่สาวคงจะเกรงเขาทำเสียเรื่องจนโดนพ่อลงโทษ จึงบอกให้ห้ามทำอะไรออกนอกลู่นอกทางจนกว่าจะยึดเมืองได้

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็จะยึดเมืองให้สำเร็จ ครอบครองเจ้าหญิงเรนเน่ แล้วจึงค่อยครอบครองเตียวเสี้ยนตามไปด้วยอีกคน ส่วนนางงามสกุลเทียนทั้งเจ็ดนั้นหากได้ก็ดีหากไม่ได้ก็ช่าง

เจ้าชายส่งเสียงหัวเราะด้วยความสำราญขณะเดินออกไปขึ้นรถม้า และในขณะเดียวกับที่โลงศพขยับปิดช่องทางลับนั้น เจ้าหญิงเนวาน่าที่เดินหอบเทียนสีชมพูลงไปตามทางเดินก็กำลังส่งเสียงหัวเราะเยาะขบขันอยู่เช่นกัน

…………………………..

ร่างงดงามของเจ้าหญิงเนวาน่าเดินลัดเลาะไปตามทางเดิน แล้ววนสำรวจเข้าไปในพื้นที่ฝึกซ้อมด้วยรอยยิ้ม เธอโบกมือทักทายทหารชุดเกราะสีดำสองนายซึ่งรีบยืนแสดงความเคารพตามระเบียบวินัย พวกเขาพากันเบ่งกล้ามแสดงความเข้มแข็งของเพศชาย เพราะเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ทหารว่าเจ้าหญิงซึ่งมีศิริโฉมงดงาม และมีร่างกายอวบอิ่มอ้อนแอ้นผู้นี้มีรสนิยมความชอบพออย่างไร

หากนายทหารใดหล่อเหลาเป็นที่พึงพอใจ ก็มักจะโดนเจ้าหญิงเรียกหาอ้างว่าไปทำภารกิจส่วนตัว แต่ทุกคนรู้กันดีว่านั่นคือภารกิจบำบัดความใคร่ และแม้ว่าจะยังไม่เคยได้ยินว่ามีคนได้ร่วมรักกับร่างที่แท้จริงของเจ้าหญิง หากทว่าการได้ร่วมรักกับร่างกายอันงดงามของเผ่าเทพที่เจ้าหญิงควบคุมนั้นก็ถือได้ว่าน่าลิ้มลองไม่ใช่น้อย

เจ้าชายวิลเลี่ยมคลั่งเซ็กส์เพียงใด เจ้าหญิงเนวาน่าก็ไม่ได้แตกต่างกัน ต่างกันก็เพียงแค่เนวาน่านั้นเลือกใช้ร่างศพแทนที่จะใช้ร่างจริงของตัวเอง บางครั้งถึงกับเรียกหาทหารหนุ่มร่างกำยำเข้าไปพร้อมกันห้านายเพื่อบำบัดความใคร่เสียด้วยซ้ำ จึงเป็นที่น่าแปลกใจไม่น้อย ที่วันนี้เจ้าหญิงเพียงเดินสำรวจรอบหนึ่ง แล้วเดินหายกลับเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามเพียงลำพัง เหล่านายทหารที่หวังจะได้ระบายความกลัดมันจึงต่างต้องพากันผิดหวัง

ร่างอ้อนแอ้นของเจ้าหญิงเนวาน่าเดินลัดเลาะผ่านประตูบานแล้วบานเล่า ก่อนจะหยุดลงที่หน้าประตูห้องพักส่วนตัวแล้วมองสำรวจรอบกายด้วยท่าทีระแวดระวังแวบหนึ่ง จากนั้นร่างงามของสตรีเพศก็พร่าเลือนเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย แล้วเปลี่ยนไปเป็นร่างกำยำสมส่วนของบุรุษใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่งในชุดสีดำรัดรูปของผู้หญิง และนั่นก็คือแม็ก

“เวร ลืมไปว่าน่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

แม็กก้มลงมองร่างตัวเองแล้วสะดุ้งโหยง รีบควานหาเสื้อผ้าของผู้ชายมาสวมใส่ยกใหญ่ เขาเพิ่งยกเลิกทักษะทำให้ร่างกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แต่ว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นไม่เกี่ยวด้วย

‘มายาราคะ (Lust Illusion) – เมื่อเรียกใช้ จะสามารถปลอมแปลงเพศ รูปร่างลักษณะ และหน้าตา ได้ตามต้องการเป็นเวลาสามสิบนาทีเพื่อยั่วเย้าหลอกล่อเหยื่อ’

แม็กเพิ่งลองใช้ทักษะมายาราคะที่ได้มาจากแอสโมดิอุส แทนที่จะไล่ฆ่าเจ้าชาย เขากลับเลือกที่จะใช้ทักษะเปลี่ยนเป็นร่างของเจ้าหญิงเนวาน่า แล้วตามไปออกคำสั่งให้เจ้าชายวางมือจากเตียวเสี้ยน เจ็ดพี่น้องสกุลเทียน รวมไปถึงให้ยกเลิกประกาศจับของหมิวด้วย ซึ่งนี่นับว่าเป็นหนทางที่ละมุนละม่อมที่สุดในเวลานี้แล้ว

การใช้ทักษะนี้นั้นจะต้องจินตนาการใบหน้าและรูปร่างของเป้าหมายให้ละเอียด แต่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถปลอมแปลงเสื้อผ้าได้ เมื่อครู่เขาจึงจับเจ้าหญิงเนวาน่าที่หมดสติถอดเสื้อผ้าเพื่อสำรวจเรือนร่าง รวมถึงยึดเอาเสื้อผ้าของเธอมาสวมใส่เพื่อให้สมจริงด้วย แน่นอนว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น เพราะเขาไม่นิยมการข่มขืนกระทำชำเราต่อผู้หญิง เขาถือว่าการร่วมรักควรจะมาจากความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย หากเธอไม่ยินยอมเปิดทางให้ เขาก็จะไม่ดื้อดึงงับเข้าปาก

แม็กยืนนิ่งครู่หนึ่งเพื่อโคจรลมปราณมารฟ้าคร่าเทวะ จากนั้นครู่เดียวร่างมนุษย์ของเขาก็ปรากฎปีกค้างคาวสีดำงอกออกมาจากกลางหลัง ใบหน้าและรูปร่างของเขาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไม่แตกต่างอะไรกับปีศาจระดับสูงตนหนึ่ง ถึงเวลาเล่นละครหลอกลวงเจ้าหญิงเนวาน่าแล้ว

ประตูเหล็กถูกเปิดออกแล้วปิดลง เจ้าหญิงเนวาน่านั่งขดตัวชันเข่าปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง เธอใช้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องมองมาด้วยความระแววระวังไม่ไว้วางใจ และเธอก็คงไม่ทำตัวสงบเสงี่ยมเช่นนี้ หากว่าภายในห้องนอนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นั้น มีร่างของเผ่าปีศาจอยู่อีกแปดร่างคอยคุมเชิงอยู่

นี่คือเคล็ดเก้าร่างอวตารของปราณมารฟ้าคร่าเทวะ แม็กเรียกใช้ทักษะนี้ เพราะต้องการคนมาควบคุมเจ้าหญิง เนื่องจากไม่ทราบว่าเธอจะฟื้นคืนสติขึ้นมาเมื่อไหร่ ดังนั้นเขาจึงต้องเรียกใช้เคล็ดปราณนี้ทั้งที่ความจริงแล้วมีเพียงร่างเดียวก็ถือว่าเกินพอที่จะควบคุมผู้ใช้เวทย์มนตร์ไร้พละกำลังคนหนึ่ง

คนฉลาดอย่างเนวาน่าย่อมไม่คิดงอมืองอเท้าเป็นเชลย ก่อนหน้านี้เธอได้พยายามแอบใช้ทักษะของผู้บงการศพ เพื่อทำการควบคุมซากศพเผ่าเทพไปแจ้งข่าวให้ทหารมาช่วยเหลือแล้ว หากทว่าร่ายมนตราเพียงแวบเดียว หนึ่งในปีศาจพวกนี้ก็หวดฝ่ามือตบใส่จนแก้มของเธอแดงก่ำราวกับล่วงรู้ว่าเธอกำลังคิดแอบทำอะไร

เนวาน่าย่อมพยายามทดลองอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่เธอคิดจะทำอะไร ก็เป็นต้องโดนตบจนแก้มบวมตุ่ยทุกครั้งไป เธอจึงได้แต่เลิกรายอมรับสภาพนั่งนิ่งเงียบรอคอย เพราะเธอพยายามไถ่ถามเจรจาแล้ว แต่ปีศาจพวกนี้ไม่ตอบ พวกมันเพียงบอกให้รอจ้าวแห่งมารฟ้ามาจัดการ

เมื่อปีศาจตนที่เก้าเข้ามาในห้อง เนวาน่าจึงมองดูด้วยความสนใจ เพราะรู้สึกว่าปีศาจตนนี้จะแตกต่างจากตนอื่นพอสมควร เธอจึงเกิดความสงสัยว่านี่คือจ้าวแห่งมารฟ้าตามตำนานที่เคยอ่านผ่านตามาหรือไม่

“เจ้าคือจ้าวแห่งมารฟ้าหรือ เจ้าจับข้าเช่นนี้ เจ้าต้องการอะไร เจ้าไม่รู้หรอกหรือ ว่าข้าคือเจ้าหญิงเนวาน่า บุตรีลำดับหนึ่งแห่งเมืองแบล็คฟอร์ด”

เนวาน่าเชิดหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งถือดี นี่เป็นเพราะเธอถูกหล่อหลอมให้เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าเวลาใดคนของราชวงศ์แบล็คฟอร์ดจะไม่แสดงท่าทีหวั่นเกรงออกมา

“หึ หึ เจ้าจงระมัดระวังคำพูดสักหน่อย ความเย่อหยิ่งของเจ้า รวมถึงคำพูดของเจ้า อาจจะทำให้กองทัพมารฟ้านับแสนตนของข้ายกพลไปถล่มเมืองของเจ้าก็เป็นได้ หรือหากไม่เชื่อข้าจะส่งเจ้าพวกนี้ไปลิ้มลองเลือดของเหล่าทหารข้างนอกนั่นให้ดูสักครั้ง”

แม็กที่สวมรอยเป็นจ้าวแห่งมารฟ้า หัวเราะเสียงเหี้ยมเกรียม พร้อมกับโคจรพลังปราณมารฟ้าคร่าเทวะแผ่พลังสังหารออกมากดดัน เหล่าร่างอวตารที่เหลือก็พากันเร่งเร้าพลังด้วยความคึกคัก เพราะพวกมันเองก็เบื่อหน่ายที่ต้องนั่งจับเจ่ารอคอยในนี้ พวกมันย่อมต้องการออกไปเข่นฆ่าผู้คนมากว่า

ความมั่นใจและแรงกดดันของการฆ่าฟันนั้นทำให้เนวาน่าหน้าซีดแทบสลบเหมือด เขาพูดโกหกอย่างแนบเนียน และสร้างสภาวะกดดันอีกฝ่ายได้อย่างแนบเนียนยิ่งกว่า เพราะปราณมารฟ้านั้นโดดเด่นในเรื่องบีบคั้นกดดันผู้คนอยู่แล้ว ต่อให้เขาเองจะไม่มั่นใจนักว่าเขาในตอนนี้จะสู้กับกองทัพได้ก็ตาม

เนวาน่าไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะแข็งกร้าวถึงเพียงนี้ โดยปกติแล้วแค่เธอยกชื่อเมืองแบล็คฟอร์ดขึ้นมากล่าวอ้าง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องเกิดความหวาดเกรงระย่นระย่อกันทั้งนั้น หากทว่าในวันนี้นอกจากปีศาจเหล่านี้จะไม่สนใจแล้ว ยังแสดงท่าท่ีกระเหี้ยนกระหือรืออยากฆ่าล้างบางทำลายเมืองแบล็คฟอร์ดเสียอีก

เธอย่อมไม่ได้ปักใจเชื่อว่าอีกฝ่ายมีกำลังพลนับแสนอย่างที่กล่าวอ้าง แต่ว่าความน่าหวาดกลัวที่อีกฝ่ายแสดงออก ทำให้จิตใจเธอเอนเอียงไปทางเชื่อมากกว่าไม่เชื่อ และจากสายตาของเธอนั้น ปีศาจเหล่านี้เพียงตนเดียวน่าจะสามารถรับมือกับทหารหาญของเธอได้หลายร้อยคน ดังนั้นหากอีกฝ่ายมีกำลังพลเพียงแค่สักพันตน เมืองแบล็คฟอร์ดคงจะเกิดความสูญเสียจนแทบถล่มทลาย

เมื่องัดกันด้วยความแข็งแกร่งไม่ได้ ตามหลักการก็คือต้องใช้ไม้อ่อนเข้าเจรจา เนวาน่าพยายามครุ่นคิดค้นหาว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร จึงเข้ามาจับควบคุมเธอไว้ และที่เธอสงสัยยิ่งกว่าก็คือปีศาจเหล่านี้เข้ามาในฐานลับนี้ได้อย่างไรโดยไม่มีใครรู้ตัว ทั้งยังสามารถเข้ามาได้ถึงส่วนที่ลึกที่สุด พวกมันลอบเข้ามาแล้วกี่ตน และพวกมันจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับแผนการตีเมืองเลอองนิสต์หรือไม่

“งั้นท่านมารฟ้า ท่านต้องการอะไรจากข้า?”

เนวาน่าหันมากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลงโดยไม่เต็มใจนัก และนั่นก็ทำให้เหล่าร่างอวตารที่อยากออกไปฆ่าฟันแสดงท่าหงุดหงิดไม่พอใจออกมา เนวาน่าจึงยิ่งรู้สึกเอนเอียงไปว่าปีศาจเหล่านี้มีความสามารถเพียงพอกระทำได้ตามที่พูด

“ข้าสนใจพลังแห่งสายเลือดต้องสาปของเจ้า พลังแห่งเนโครมันเซอร์ และคำสาป”

แม็กเดินเข้าไปใกล้ร่างงามที่นั่งขดตัวบนเตียง เขายื่นปลายนิ้วที่มีเล็บแหลมตามลักษณะของเผ่าปีศาจ ไปลูบไล้ตามปรางแก้มของเนวาน่า และมองดูเธอด้วยสายตาราวกับจะจับเธอกลืนกิน

เนวาน่าสั่นสะท้านไปกับสัมผัสนั้นเล็กน้อย หากทว่าเธอเองก็ใช่ว่าจะเป็นสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาในห้องหอ ถึงแม้ว่าร่างจริงของเธอจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ว่าเธอเคยผ่านเกมรักมาแล้วไม่น้อยโดยอาศัยสัมผัสรักผ่านร่างซากศพ เธอจึงรับรู้ได้ถึงความปราถนาที่อีกฝ่ายถ่ายทอดมาทางสายตา

เธอตัดสินใจใช้เสน่ห์ของเรือนร่างสตรีเข้าต่อรอง อย่างน้อยหากปีศาจตนนี้ปราถนาในเรือนร่างของเธอ เธอก็จะมีแต้มไว้ต่อรองมากขึ้น เธอจึงใช้ดวงตาสีน้ำตาลที่หรี่ปรือเมียงมองยั่วเย้าคล้ายจะเสนอสนอง ในขณะที่ด้านล่างนั้นเธอลดมือและเข่าซึ่งปิดบังเรือนร่างลงเล็กน้อยจนเห็นทรวงอกส่วนบน

“แล้วท่าน … สนใจพลังของข้า หรือว่าร่างกายของข้ามากกว่ากันล่ะ คิก คิก”

เนวาน่าหว่านเสน่ห์ร้อนแรงในแบบที่ผู้ชายทุกคนต้องอ่อนระทวยหลอมละลาย และเสน่ห์อันมากล้นของเธอก็ได้ผลเสมอมาโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่น่าเสียดายที่วันนี้อีกฝ่ายถือไพ่เหนือกว่ามากเกินไป

“มารฟ้าครอบครองทุกสิ่ง ไม่ว่าจะพลังของเจ้า ร่างกายของเจ้า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของข้า”

แม็กตอบด้วยน้ำเสียงถือดี ก่อนจะคว้าข้อมือกระชากร่างงามขึ้นมาหันหลังให้แล้วสวมกอดจากด้านพลัง พร้อมกับใช้สองมือมารตะปบเคล้นคลึงทรวงเต้างามและปลายถันสีน้ำตาลอ่อน

เนวาน่าเบิกตาค้างก่อนจะส่งเสียงครางตัวอ่อนระทวย เธอไม่ทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะลงมือโดยไม่พูดไม่จา แต่ที่น่าพรั่นพรึงกว่าก็คือลีลาเล้าโลมนั้นยอดเยี่ยมกว่าใครที่เธอเคยเจอจนสติของเธอแทบหลุดลอยไปตามจังหวะการบีบขยี้ของเขา

‘เนวาน่า ระดับความใคร่ 45% ระดับความรัก 24%’

สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ นอกจากลีลารักอันร้ายกาจแล้ว เธอยังโดนทักษะด้านรัก ๆ ใคร่ ๆ เล่นงานไปด้วยพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว ความใคร่อันดำมืดจึงพุ่งทะยานจนหยุดไม่อยู่ แม้แต่ความรักอันบริสุทธิ์ที่เธอไม่เคยรู้สึกก็ยังเพิ่มไต่ระดับขึ้นมาจนเธอรู้สึกอบอุ่นวาบหวามแปลกประหลาดไม่เข้าใจตัวเอง

“อืมมมม อือออออ อืมมมมมมมม อือออออ”

ความรู้สึกอบอุ่นแปลกประหลาดนั้นทำให้ร่างกายและจิตใจของเธอตอบสนองอย่างอดไม่ได้ และเมื่อเธอเปิดใจตอบสนอง ทักษะของอะโฟรไดทีและแอสโมดิอุสก็ยิ่งเล่นงานหนักหน่วงขึ้นไปอีกขั้น เพียงโดนเล้าโลมไม่ถึงห้านาที ร่างงามก็ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ใบหน้าแดงก่ำอันเป็นลักษณะของสตรีร้อนรัก แม้แต่แววตาที่ทอประกายดุร้ายตามปกติวิสัย ก็ยังกลายเป็นทอประกายร้อนแรงวาบหวามออกมา

‘เนวาน่า ระดับความใคร่ 96% ระดับความรัก 39%’

สองมือนุ่มตะปบไปด้านหลังลูบไล้ไปตามผิวแกร่งของเผ่าปีศาจด้วยเร่าร้อน เธอแอ่นอกอวบตูมเสนอต่อสองมือที่บีบเคล้นคลึงหนักหน่วง และในขณะเดียวกันเธอก็แอ่นเอียงใบหน้าไขว่คว้าควานหารสจูบอันร้อนแรงที่เธอปราถนา

ปีศาจตนนั้นตอบสนองคำร้องขอ เขาก้มหน้าลงมาประกบปากแล้วจูบสอดลิ้นที่เรียวเล็กกว่ามนุษย์ทั่วไปเข้ามาพัวพันดูดดื่ม และพร้อมกันนั้นมือข้างหนึ่งของเขาก็ลดต่ำลงไปเล้าโลมที่ด้านล่าง สติของเนวาน่าจึงกลายเป็นขาวโพลน ร่างงามแอ่นกระตุกสะท้านรอบแล้วรอบเล่าไม่หยุดยั้ง ก่อนจะกระตุกเฮือกถึงจุดสุดยอดคานิ้วมือของปีศาจตนนั้นภายในเวลาไม่นาน ลีลาของเขาช่างร้ายกาจจนเธอแทบไม่อยากเชื่อ

“จงสอนหนทางแห่งการเป็นผู้บงการศพ และการใช้คำสาปให้ข้า แล้วข้าจะมอบความสุขที่เจ้าปราถนา”

เสียงกระซิบของปีศาจที่ดังอยู่ข้างหูคล้ายเสียงที่ดังก้องมาจากแดนไกล เธอไม่แน่ใจนักว่าความสุขที่เจ้าปีศาจพูดถึงนั้นคือสิ่งเดียวกับที่เธอปราถนาหรือไม่ เพราะสิ่งเดียวที่เธอต้องการในเวลานี้ก็คือแท่งเนื้อแกร่งอวบใหญ่ที่ฝ่ามือนุ่มนิ่มของเธอบีบขยำอยู่ เธอเพียงอยากให้มันทะลวงหยั่งลึกทำลายพรหมจรรย์ที่เธอพยายามเก็บไว้มานาน เธอสาบานได้ว่าไม่เคยรู้สึกต้องการร่วมรักกับใครอย่างหนักหน่วงเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเลย

“อือออ … เรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการสอนสักหน่อย”

เนวาน่าพูดตอบด้วยน้ำเสียงกระเส่า เธอมีความคิดคล้อยตามที่เขาร้องขอ หากทว่าการเป็นผู้บงการศพหรือคำสาปนั้นใช่ว่าจะเรียนรู้กันได้ง่าย ๆ ยกตัวอย่างเช่นเธอเองก็ใช้เวลายาวนานถึงสิบปี กว่าที่จะเรียนรู้มาได้ถึงระดับนี้

“เรื่องเวลาไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องสนใจ เจ้าเพียงสอนสิ่งที่เจ้ารู้ออกมา … เดี๋ยวนี้”

ปีศาจที่เธอหลงไหลกลับไม่ยอมรับฟัง เนวาน่าจึงเชิดปากเล็กน้อยด้วยความแง่งอน หากเป็นเวลาปกติ เธอคงจะต้องลงมือสั่งสอนใครก็ตามที่กล้าขัดใจเธอไปแล้ว หากทว่าเมื่อเป็นเขาคนนี้ทำ เธอกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย เธอจึงค่อย ๆ พยายามสูดลมหายใจรวบรวมสติ ตั้งใจว่าจะลองสอนเบื้องต้นให้เขาสักเล็กน้อย รอให้เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายดายด้วยตัวเองจะดีกว่า

“การเป็นผู้บงการศพ สิ่งแรกที่ต้องกระทำก็คือการสัมผัสให้ได้ถึงความตาย ความตายเป็นส่วนหนึ่งของความมืด หากสัมผัสถึงความตายไม่ได้ ก็ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งถัดไปได้”

เนวาน่ากล่าวเป็นการเป็นงานพลางขยับนิ้วมือวาดอักขระสีดำมืดคล้ายรูปหัวกระโหลกไว้บนอากาศอันว่างเปล่าทั้งที่ยังคงโดนเขาโอบกอดอยู่ นั่นคืออักขระพื้นฐานแห่งศาสตร์มืด มันคืออักขระที่เต็มไปด้วยความเย็นเยียบน่าสะอิดสะเอียน มันคืออักขระแห่งความตายและการสิ้นสูญ

สิ่งที่เธอทำนั้นนับว่าเป็นพื้นฐานที่สุดแล้วสำหรับทุกคนต้องการเรียนรู้ศาสตร์ด้านมืด หากทว่าในเหล่าผู้เล่นทั้งหมดมีเพียงแค่สี่ในร้อยที่สามารถสัมผัสกับอักขระแห่งความตายได้ การร่ำเรียนศาสตร์มืดหรือการเป็นนักเวทย์จึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่หลายคนคิด

แม็กมองดูอักขระตัวนั้นแทบไม่กระพริบตา จากนั้นความรู้สึกที่เหมือนกับตอนจ้องมองดูอักขระแห่งแสงทั้งหกสิบสี่ตัวในวิหารของนักบวชก็ กลับคืนมาอีกครั้ง อักขระเหล่านี้แปลกประหลาด หากมองไม่เห็นก็แล้วไป แต่หากมองเห็นอักขระเหล่านั้นจะประทับตราตรึงจนไม่สามารถลืมเลือนได้

“แบบนี้ซินะ”

เขามองดูแล้วขยับมือวาดอักขระสีดำแบบเดียวกันออกมาโดยไม่ผิดเพี้ยน นั่นคืออักขระแห่งความตาย เพียงแต่ธาตุความมืดในตัวอักขระนั้นดูจะเข้มข้นยิ่งกว่า และแผ่ความตายออกมามากกว่าที่เนวาน่าวาดออกมาเสียอีก

เนวาน่าแสดงความตื่นตกใจออกมาในคราวแรก นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขาวาดอักขระได้ แต่เป็นเพราะอักขระนั้นแลดูอาถรรพ์เปี่ยมพลังมากกว่าของเธออย่างเห็นได้ชัด กระนั้นเธอก็คิดว่านี่เป็นเรื่องสมเหตุสมผล เพราะอีกฝ่ายเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สังกัดธาตุมืดอยู่แล้ว

ภายหลังจากที่แม็กทดลองใช้อักขระแห่งความตายเป็นครั้งแรก ประสาทสัมผัสของเขาก็เริ่มรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง สิ่งเหล่านั้นให้ความรู้สึกเหมือนอักขระแห่งความตายที่เขาเพิ่งแสดงออก เพียงแต่ตำแหน่งของมันอยู่ห่างออกไปนอกห้องนี้ และจุดแห่งความตายห้าจุดนั้นดูเหมือนจะนอนเรียงรายกันในห้องที่ซากร่างของเทพสาวทั้งห้าอยู่ นอกจากนั้นยังมีอีกจุดหนึ่งที่ยังไม่เป็นความตายที่แท้จริงแต่ก็นับว่าใกล้เคียง ซึ่งนั่นสมควรจะเป็นหญิงวัยกลางคนที่โดนทำร้ายจนเกือบตาย

แม็กคาดเดาไม่ผิด นั่นคือสัมผัสแห่งความตายที่ติดอยู่บนซากศพซึ่งจะไม่มีวันจางหายไป จนกว่าซากศพนั้นละเสื่อมสลายหมดสภาพ และนี่คือทักษะพื้นฐานที่สุดของผู้บงการศพ มันคือทักษะในการค้นหาซากศพหรืออันเดทที่อยู่รอบกาย

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการศพ คลาส 1 Undertaker (สัปเหร่อ)’
‘ได้รับทักษะ Undead Friend (มิตรสหายของอันเดท) ทักษะติดตัว ค่าพลังชีวิตและพลังเวทย์สูงสุดเพิ่มขึ้น 1% ต่อหนึ่งซากศพที่สัมผัสได้ ลดโอกาสที่เผ่าอันเดทจะโจมตีก่อน’

เมื่อผ่านเงื่อนไขระบบก็ส่งข้อความบ่งบอกทันที และนี่หมายความว่าแม็กได้เป็นผู้บงการศพคลาสหนึ่ง ซึ่งถูกเรียกว่าสัปเหร่อเรียบร้อยแล้ว

“สอนได้ดี ต่อไปซิ”

แม็กยิ้มพอใจ ก่อนจะซุกหน้าลงไปจูบไซร้ซอกคอและขยำขยี้ทรวงเต้าของเนวาน่าแล้วบอกให้เธอสอนต่อไป ความเสียวซ่านร้อนแรงที่แผ่ซ่านเนวาน่าไหนเลยจะสอนต่อได้ เธอจึงบีบมือขยำแท่งเนื้ออวบแกร่งของเขาเป็นเชิงประท้วง แต่กว่าเขาจะยอมหยุด เนวาน่าก็ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยเพลิงไฟแห่งความใคร่อีกครั้งแล้ว

“อืมมม บทเรียนที่สองต้องใช้ซากศพ ของสัตว์ที่มีกระดูก … เปิดกล่องตรงนั้น ในนั้นมีซากหนูอยู่”

เนวาน่าครางอืมแล้วชี้นิ้วไปที่กล่องใบหนึ่งในห้อง หนึ่งร่างอวตารจึงเดินดุ่มไปหยิบกล่องแล้วโยนซากศพของหนูสองร่างที่ยังไม่เน่าเปื่อยลงไปบนพื้น

“ผู้บงการศพระดับสอง จะต้องเข้าใจอักขระความมืดอีกสองตัว ได้แก่ผุพัง และความน่าสะพรึง”

เธอมองไปทางซากร่างหนู ก่อนจะขีดเขียนอักขระเวทย์ความมืดขึ้นมาหนึ่งตัว อักขระนั้นให้ความรู้สึกน่าพรั่นพรึงคล้ายจิตสังหาร จากนั้นก็วาดอักขระตัวที่สองแล้วชี้ไปที่ซากศพของหนูตัวหนึ่ง จากนั้นร่างของเจ้าหนูขนาดเท่ากำปั้นก็บวมเป่งพองขึ้นมาอย่างน่ากลัว ก่อนจะระเบิดออกดังตูมจนเศษเลือดเศษเนื้อพุ่งกระจาย เหลือไว้แต่เพียงกระดูกชิ้นเล็ก ๆ บนพื้น

ยังดีที่หนึ่งในร่างอวตารดูจะรังเกียจความสกปรก จึงได้จัดการสร้างม่านพลังปราณจำกัดขอบเขตระเบิดเอาไว้แล้ว สิ่งที่เสียหายจึงถูกจำกัดไว้ให้เพียงแค่พื้นห้องที่แตกเป็นหลุมขนาดเท่าลูกบาส แม้แต่เสียงระเบิดก็ไม่ดังเท่าที่ควร

“ไม่เลวนี่ คิดจะใช้เสียงระเบิดเรียกคนมาช่วยซินะ”

แม็กยิ้มและพูดจี้ใจดำจนเนวาน่าสะดุ้งโหยง เธอคิดเรียกหาคนมาช่วยอย่างที่เขาพูดจริง ๆ และเขาไม่พูดเปล่าแต่จับเธอหมุนตัว แล้วจัดการอ้าปากกัดใส่นมเต้าของเธอจนเจ็บแปลบ เธอสะดุ้งโหยงพยายามผลักไสเขาออกไป หากทว่าเรี่ยวแรงที่มีเพียงน้อยนิดย่อมไม่เพียงพอให้ป้องกันตัวเองได้ เขี้ยวแหลมคมของเผ่าปีศาจยังคงฝังลงไปในเนื้อเต่งจนเธอหลับตาปี๋เจ็บปวด

หากทว่าเพียงครู่เดียวเธอกลับต้องสะท้านเฮือกด้วยความเสียวซ่านจนต้องสูดปากร้องซี้ด เขี้ยวแหลมคมของเผ่าปีศาจที่มีสรรพคุณกระตุ้นอารมณ์นั้นทำให้เธอลืมเลือนความเจ็บ ทั้งยังรู้สึกดีจนต้องกดศีรษะของเขาเข้าหา ด้วยหวังว่าเขาจะฝังคมเขี้ยวลงไปในร่างให้ลึกกว่าเดิม

ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงค่อยถอนคมเขี้ยวออกมา ทิ้งรอยจ้ำแดงสดสองรอย และรอยฟันเล็ก ๆ บนเต้านม แต่เพียงครู่เดียวแผลนั้นก็ค่อย ๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วตามสรรพคุณของน้ำลายแห่งปีศาจในช่วงเวลาการร่วมรัก

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย หากเจ้าทำอีกครั้ง ข้าจะให้เจ้ากลายเป็นของเล่นของสมุนข้า แต่หากเจ้าร่วมมือข้าจะมอบความสุขที่เจ้าไม่เคยคิดจินตนาการได้แก่เจ้า”

เขาใช้เขี้ยวปีศาจกระตุ้นจนเนวาน่าตัวสั่นสะท้านร่องรักชุ่มฉ่ำแฉะเยิ้ม จากนั้นจึงหันไปวาดอักขระสองตัวที่เนวาน่าเพิ่งสอนให้ และก็เป็นเช่นเดิม อักขระตัวแรกนั้นสร้างความรู้สึกน่าหวาดกลัวได้ยิ่งกว่า ส่วนอักขระตัวที่สองนั้นก็ทำให้ซากศพของหนูตัวน้อยแตกระเบิดอย่างรุนแรงยิ่งกว่าของเนวาน่าเกือบสิบเท่า แต่ยังดีที่ร่างอวตารได้จำกัดพลังทำลายเอาไว้แล้ว

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการศพ คลาส 2 Corpse Bury (ผู้ระเบิดซากศพ)’
‘ได้รับทักษะ Undead Friend ระดับกลาง (มิตรสหายของอันเดท) ทักษะติดตัว ค่าพลังชีวิตและพลังเวทย์สูงสุดเพิ่มขึ้น 2% ต่อหนึ่งซากศพที่สัมผัสได้ ลดโอกาสที่เผ่าอันเดทจะโจมตีก่อน’

เนวาน่ามองดูผลลัพธ์ด้วยความไม่อยากเชื่อนัก เธอรู้สึกราวกับปีศาจตนนี้กำลังเล่นตลกกับเธอ เธอรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นผู้บงการศพระดับสูงอยู่แล้ว เพียงแต่กำลังกลั่นแกล้งเล่นตลกกับเธอ หากทว่าเธอก็ยังคงสอนเขาต่อไป เพราะเธอรู้สึกว่าไม่ควรขัดใจปีศาจตนนี้

อักขระของคลาสสามนั้นมีอยู่ด้วยกันสี่ตัว ซึ่งมุ่งเน้นที่การปลุกและควบคุมซากศพ ขั้นแรกคือการทำสัญญาให้ศพเชื่อฟังคำสั่ง ขั้นที่สองคือปลุกให้มันตื่น ขั้นที่สามคือมอบพลังแก่มัน และขั้นที่สี่ก็คือการปลดปล่อยซากศพ เพื่อรับพลังส่วนหนึ่งคืนมา

แม็กเรียกใช้อักขระเหล่านี้ปลุกศพของแมว ให้มันวิ่งพล่านไปทั่วห้องแล้วกระโจนไปมาด้วยความปราดเปรียวราวกับแมวป่ากระหายเลือด ซึ่งผิดกับแมวของเนวาน่าที่ไม่แข็งแรงปราดเปรียวเท่า เมื่อแมวสองตัวกัดกัน แมวของเนวาน่าจึงแพ้พ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แม็กจะร่ายเวทย์ปลดปล่อยซากศพแมวให้มันกลับไปนอนแน่นิ่งเช่นเดิม

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการศพ คลาส 3 Corpse Conductor (ผู้บงการซาก)’
‘ได้รับทักษะ Undead Friend ระดับสูง (มิตรสหายของอันเดท) ทักษะติดตัว ค่าพลังชีวิตและพลังเวทย์สูงสุดเพิ่มขึ้น 3% ต่อหนึ่งซากศพที่สัมผัสได้ ลดโอกาสที่เผ่าอันเดทจะโจมตีก่อนอย่างมาก’
‘ได้รับทักษะ Decay Control (ชะลอการเสื่อมผุพัง) ทักษะติดตัว ศพในครอบครองจะลดอัตราการเสื่อมสลายลงอย่างมาก’

เมื่อผ่านไปหนึ่งขั้น เนวาน่าก็ได้รับรางวัลที่เธอใคร่ปราถนา เขาอ้าปากงับฝังเขี้ยวลงไปบนเต้าเต่งอีกข้างที่ยังไม่มีรอยกัด พร้อมกับดูดเลียปลายถันไปพร้อมกันจนเธอตัวสั่นสะท้านระริก น้ำหล่อลื่นไหลเอ่อออกมาเยิ้มเต็มร่องรัก ก่อนที่เขาจะอ้าปากให้เธอสอนต่อ

สำหรับอักขระของคลาสสี่นั้น ได้เพิ่มขึ้นมาเป็นแปดตัว แต่โดยรวมแล้วก็คือการสร้างเส้นใยแห่งความมืดเข้าบงการซากโครงกระดูก ซึ่งพวกมันจะกลายเป็นทหารโครงกระดูกที่สามารถถืออาวุธและแข็งแกร่งกว่าซากซอมบี้ที่มีเนื้อเปื่อยเน่าติดตัวอยู่ แต่ปัญหาก็คือในห้องนี้ไม่มีซากโครงกระดูก

เนวาน่าหัวเราะคิกคักพอใจ ที่แม็กแสดงท่าทีมึนงงในเรื่องนี้ ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นผู้บงการศพมาก่อน เพราะการสร้างซากโครงกระดูกนั้น ความจริงเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ ที่ผู้บงการศพมากประสบการณ์ควรทราบ แต่อีกใจหนึ่งก็เธอก็อิจฉาต่อความก้าวหน้าอันรวดเร็วนี้ไม่ได้

เธอยิ้มให้แล้วหันไปร่ายเวทย์ระเบิดศพใส่ซากของแมวน้อยจนเลือดเนื้อกระจายเหลือแต่โครงกระดูก แล้วชี้นิ้วให้เขาดู แม็กจึงค่อยเข้าใจว่าที่แท้แล้ว เขาสามารถสร้างร่างกระดูกได้จากซากศพด้วยการใช้เวทย์ระเบิดศพนั่นเอง

ตอนนี้เขาทดลองสร้างทหารโครงกระดูกจากซากแมว และก็ได้พบว่าเจ้าแมวตัวนี้สงบเสงี่ยมไม่บ้าคลั่งเหมือนคราวแรก มันดูคล้ายจะมีสติปัญญารับฟังคำสั่งได้ดีกว่า ทั้งยังให้ความรู้สึกแข็งแกร่งกว่าเกือบเท่าตัว ทั้งที่ไม่มีร่างเลือดเนื้อหรือเส้นเอ็นไว้ยึดเหนี่ยว และเมื่อเขาทดลองอักขระระเบิดกระดูก แรงระเบิดนั้นก็รุนแรงกว่าสี่ถึงห้าเท่า จนร่างอวตารที่ทำหน้าที่สร้างกำแพงปราณขมวดคิ้วนิ่วหน้า

สรุปแล้วในระดับนี้เขาสามารถสร้างทหารโครงกระดูกออกมาได้ โดยที่พวกมันจะมีค่าพลังชีวิตสูงสุดเท่ากับ 10% ของพลังเวทย์สูงสุดที่เขามี มีค่าพลังความแข็งแกร่ง ความคล่องแคล่ว ความอดทน เท่ากับ 15% ของความฉลาดของเขา ในขณะที่ค่าความฉลาด ความแม่นยำ และความโชคดีของทหารโครงกระดูกจะมีค่าเท่ากับ 1 เสมอ ส่วนระดับสติปัญญานั้นถือว่าต่ำแต่จะเชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างดี

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการศพ คลาส 4 Bone Conductor (ผู้บงการกระดูก)’
‘ได้รับทักษะ Skeleton Commander – ทักษะติดตัว นักรบโครงกระดุกที่ถูกเรียกจะมีค่าพลังทุกอย่างเพิ่มขึ้น 10%’
‘ได้รับทักษะ Undead Aura – เรียกใช้เพื่อเพิ่มค่าความสามารถของ Undead ทุกประเภท 15% และลดความสามารถของเผ่าที่ไม่ใช่ Undead ลง 5%’

“นี่ … ข้ามีข้อเสนอ หากท่านยอมทำงานให้แบล็คฟอร์ด ท่านจะได้เป็นสามีของข้า และมีโอกาสที่จะได้สืบทอดราชบัลลังก์แทนเจ้าน้องชายโง่เง่าของข้า พวกเราสองคนจะบงการกองทัพซากศพด้วยกัน ปราบเหล่ากบฎไปทั่วทังทวีป”

ถึงตอนนี้เนวาน่าเริ่มอิดออดเล็กน้อยเพราะไม่แน่ใจว่าควรสอนทักษะในระดับคลาส 5 ซึ่งเป็นข้อจำกัดของเธอหรือไม่ เธอจึงพยายามยื่นข้อเสนอให้เขา ซึ่งความจริงนั่นนับเป็นข้อเสนอที่ดีเยี่ยมอย่างมากแล้วในความเห็นของเนวาน่า หากเขารับปากเธอก็จะกลายเป็นภรรยาของเขา และเขาก็อาจจะได้รับโอกาสสืบทอดอำนาจของราชวงศ์แบล็คฟอร์ด หากทว่าเขายังคงทำท่าไม่สนใจใยดีนัก

“ข้าไม่ทำงานให้ใคร จงสอนต่อไปได้แล้ว”

ปีศาจตนนี้ปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด จากนั้นก็กอดจูบลูบไล้จนเธอสติเลื่อนลอย และยอมสอนทักษะของคลาสห้าให้เขาแต่โดยดี

ระดับคลาสห้านั้น มีอักขระแห่งความมืดเป็น 16 ตัว โดยส่วนใหญ่จะเป็นอักขระที่มุ่งเน้นเสริมพลังอันเดท และลดพลังฝ่ายตรงข้าม รวมไปถึงความสามารถในการบงการศพที่ยังไม่เน่าเปื่อย ซึ่งจะพิเศษกว่าการบงการศพเน่าเปื่อย และโครงกระดูกอย่างมาก

ในระดับขั้นนี้ แม็กสามารถใช้โครงกระดูกแมวหรือสัตว์อื่น ๆ สร้างขึ้นมาเป็นนักรบกระดูกรูปร่างเหมือนคนได้ แต่ว่าเป็นนักรบที่แกร่งกว่าก่อนหน้า พวกมันในตอนนี้จะมีสติปัญญามากขึ้น มีทักษะและสามารถใช้อาวุธต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าดาบ มีด โล่ เกราะ ธนู หรือแม้แต่คฑาเวทย์ ความถนัดแต่ละตัวของพวกมันจะขึ้นกับอักขระเวทย์ที่ใช้งาน

ส่วนการบงการศพที่ยังไม่เน่าเปื่อยนั้น มีเงื่อนไขว่าศพนั้นจะต้องยังไม่เน่า หรือก็คือต้องเพิ่งตาย หรือไม่ก็ต้องถูกรักษาสภาพด้วยเวทย์มนตร์บางอย่าง และข้อดีก็คือศพนั้นมีความสามารถแทบจะใกล้เคียงกับคนผู้นั้นขณะมีชีวิต พวกมันจะมีสติปัญญาสูงกว่าอันเดททั่วไป ทั้งยังสามารถใช้ทักษะที่คนผู้นั้นมีตอนมีชีวิตได้ และเชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างดี

ในส่วนหลังนี้เอง ที่แม็กต้องโอบอุ้มเนวาน่าเดินไปยังห้องที่มีศพของเทพสาวทั้งห้าอยู่ ในคราวแรกนั้นเนวาน่าแอบยิ้มเยาะเพราะมีความลับที่เธอยังไม่ได้บอก และเรื่องนั้นก็คือการจะใช้ศพที่มีเจ้าของแล้วนั้น จะต้องทำลายพันธะสัญญาเดิมออกเสียก่อนจึงจะกระทำได้ ซึ่งการทำลายพันธะสัญญานั้นไม่ง่ายนัก และศพของเทพสาวทั้งห้านั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในพันธะสัญญาของเธอ

อย่างไรก็ตาม เขาได้ทำให้เธอแตกตื่นจนหน้าถอดสีอีกครั้ง เพราะเพียงแค่เขาร่ายเวทย์ทำสัญญาใส่โดยไม่คิดอะไร พันธะสัญญาที่เธอเพียรสร้างไว้อย่างแข็งแกร่งก็แตกสลาย ศพของเทพสาวทั้งห้ากลายไปเป็นของเขา ก่อนจะลุกขึ้นมายืนด้วยท่าทีแข็งแกรงกระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าตอนที่เธอปลุกขึ้นมาอีก

ส่วนอักขระสุดท้าย แม็กได้ทดลองเข้าควบคุมหนึ่งในร่างเทพสาวอย่างเบ็ดเสร็จ และเขาก็ได้พบว่าร่างนี้ไม่ต่างอะไรกับร่างที่มีชีวิต เขาสามารถได้ยิน มองเห็น ได้กลิ่น รับรส และสัมผัสได้ทุกอย่างที่อยู่รอบกาย ตอนนี้เขาทราบแล้วว่าทำไมเนวาน่าจึงชื่นชอบการใช้ร่างศพไปร่วมรักกับผู้อื่น

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการศพ คลาส 5 Necromancer (ผู้บงการศพ)’
‘ได้รับทักษะ Skeleton Commander ขั้นกลาง – ทักษะติดตัว นักรบโครงกระดุกที่ถูกเรียกจะมีค่าพลังทุกอย่างเพิ่มขึ้น 25%’
‘ได้รับทักษะ Undead Aura ขั้นกลาง – เรียกใช้เพื่อเพิ่มค่าความสามารถของ Undead ทุกประเภท 20% และลดความสามารถของเผ่าที่ไม่ใช่ Undead ลง 10%’

ถึงตรงนี้เนวาน่าแตกตื่นจนไม่ทราบว่าจะแตกตื่นยังไงแล้ว เพราะเธอได้สอนสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้มานับสิบปีจนหมดสิ้นแล้ว จึงไม่สามารถสอนอะไรได้อีก และไม่ทราบว่าเป็นเคราะห์ดีหรือร้าย ที่หญิงวัยกลางคนใกล้ตายคนนั้นมองเห็นภาพหลอนนึกว่าลูกสาวมาหา จึงตะโกนเรียกให้ไปหยิบเอาม้วนบันทึกอักขระลับที่เก็บซ่อนไว้ออกมาก่อนจะขาดใจตายไป

หนึ่งในร่างอวตารเดินไปเลาะกำแพง แล้วหยิบเอาม้วนบันทึกสีซีดออกมาแผ่กางบนโต๊ะ เนวาน่าถึงกับตาลุกวาว เพราะนี่คือบันทึกการฝึกฝนอักขระในระดับคลาสหกที่เธอตามหามานาน เธอจึงนั่งจรดจ่อมองดูเก็บเกี่ยวทุกตัวอักษร ด้วยเกรงว่าปีศาจจะเปลี่ยนใจไม่ยอมให้เธอเรียนรู้ด้วย

แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเล็ก ๆ ที่เขาไม่มีทีท่าจะขัดขวางไม่ให้เธอเรียนรู้อักขระสุดแสนสำคัญนี้ ทั้งยังนั่งนิ่งมองดูบันทึกอักขระราวกับตกอยู่ในภวังค์ ซึ่งนั่นแปลว่าเขาสัมผัสได้ถึงพลังในตัวอักขระแล้ว เนวาน่าย่อมไม่คิดยอมแพ้ เธอจึงรีบรวบรวมสมาธิสัมผัสให้ได้ถึงพลัง หากทว่ายิ่งเพ่งมองเม็ดเหงื่อก็ยิ่งซึมออกมาจากใบหน้า

เธอยังไม่อยู่ในระดับที่สามารถสัมผัสถึงพลังจากอักขระระดับสูงเหล่านี้ได้ เพราะสัมผัสธาตุมืดยังอยู่แค่ระดับ Master ไม่ใช่ระดับ Natural อย่างที่แม็กเป็น ดังนั้นยิ่งเธอฝืนเพ่งมอง พลังเวทย์ธาตุมืดในตัวกลายเป็นพลุ่งพล่านจนหน้าซีดตัวกระตุกสะท้านลงไปนอนหมอบหอบหายใจเหนื่อยอ่อน

น่าแค้นที่เนวาน่ามองเห็นปีศาจตนนั้นนั่งอยู่ในภวังค์พร้อมกับยกมือขึ้นขีดเขียนอักขระเวทย์อย่างโปรดโปร่งต่อเนื่อง และความไม่ยินยอมนี้ทำให้เธอบังเกิดความคิดฆ่าฟันขึ้นมา เธออาจจะชื่นชอบเจ้าปีศาจตนนี้กว่าใครอื่น หากทว่ามันอาจจะเป็นศัตรูตัวร้ายของเมืองแบล็คฟอร์ดในอนาคต อีกทั้งยังอาจจะก้าวล้ำเหนือกว่าเธอในแง่ของการบงการศพ และนั่นคืออัตตาที่เธอยึดมั่นจนไม่ยอมปล่อยวาง

เธอลอบมองสำรวจก่อนจะพบว่า พวกปีศาจอีกแปดตนที่เหลือนั้นอยู่ห่างออกไปพอสมควร และเวลานี้เธอนั่งอยู่เหนือช่องทางลับที่สามารถหลบหนีออกไปได้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจลงมือ ทั้งที่รู้สึกฝืนใจตนเองไม่น้อย

มือหนึ่งของเนวาน่ากระชากจี้ห้อยคอซึ่งบรรจุเวทย์คำสาปที่รุนแรงที่สุดขนานหนึ่ง มันคือคำสาปหนอนนรกระดับเจ็ดดาว ในขณะที่อีกมือหนึ่งนั้นยื่นไปคว้าเอาม้วนบันทึกเตรียมเปิดกลไกหลบหนีไปตามช่องทางลับ และหากไม่มีอะไรผิดพลาดปีศาจตนนี้จะต้องโดนคำสาปจนศาสตร์มืดตีกลับเนื่องจากอยู่ในห้วงภวังค์ซึ่งนับเป็นห้วงความเป็นตาย

น่าเสียดายที่การตัดสินใจของเนวาน่านั้นคล้ายอยู่ในการคาดการณ์ของอีกฝ่ายไว้แล้ว แค่เธอเริ่มขยับตัว ร่างของเทพสาวสองร่างที่นอนแน่นิ่งจนเธอคิดว่าโดนปลดปล่อยการควบคุมไปแล้วนั้นก็คว้าจับสองมือของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา การลงมือจู่โจมและหลบหนีของเธอจึงล่มลงไปโดยไม่ทันได้ลงมือด้วยซ้ำ

พวกปีศาจทั้งแปดตนที่ยืนกระจายตัวห่างออกไปก็หันมาแสยะยิ้มและหัวเราะเยาะเย้ย เวลานี้เนวาน่าจึงทราบแล้วว่าอีกฝ่ายแสร้งเปิดช่องว่างให้เธอ เริ่มจากการให้พวกปีศาจทั้งแปดออกไปอยู่ห่าง ๆ แกล้งเปิดทางให้เธอลงมือ แต่ได้ทิ้งร่างของเทพสาวสองร่างเอาไว้ใกล้ ๆ โดยก่อนหน้านี้แสร้งทำทีเป็นปลดปล่อยการควบคุมออกไปแล้ว ทั้งที่ความจริงเพียงสั่งให้สองเทพสาวนอนนิ่งรอรักษาความปลอดภัย

ร่างอวบอิ่มของเนวาน่าโดนเหวี่ยงกดลงไปบนพื้นจนเธอเจ็บปวดร้องโอดโอย แต่เธอก็ยังพยายามเงยหน้ามองดูจ้าวแห่งมารฟ้าทำการขีดเขียนอักขระที่ไม่คุ้นตาทั้งสามสิบสองตัวจนครบถ้วนเผื่อว่าจะสามารถจับพลังอันใดได้บ้าง แต่ผลลัพธ์ก็คือเธอไม่สามารถจับพลังของอักขระระดับสูงเหล่านี้ได้เลย

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการศพ คลาส 6 Death Bosom(ผู้ใกล้ชิดความตาย)’
‘ได้รับทักษะ Skeleton Commander ขั้นสูง – ทักษะติดตัว นักรบโครงกระดุกที่ถูกเรียกจะมีค่าพลังทุกอย่างเพิ่มขึ้น 40%’
‘ได้รับทักษะ Undead Aura ขั้นสูง – เรียกใช้เพื่อเพิ่มค่าความสามารถของ Undead ทุกประเภท 30% และลดความสามารถของเผ่าที่ไม่ใช่ Undead ลง 15%’
‘ได้รับทักษะ Undead King – เพิ่มโอกาสที่อันเดทเป็นกลาง หรือฝ่ายศัตรูจะยินดีรับฟังคำสั่ง’
‘ได้รับทักษะ Sacrified – เรียกใช้เพื่อบูชายัญทหารอัดเดท และเรียกอันเดทระดับสูงออกมารับใช้’

แม็กนั่งนิ่งซึมซับสัมผัสของพลังแห่งความตายอยู่เนิ่นนาน ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงศาสตร์ด้านมืดที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่าง และนี่คงต้องขอบคุณสัมผัสธาตุมืดระดับธรรมชาติที่ได้มาจากแอสโมดิอุส รวมไปถึงพลังปราณมารฟ้าคร่าเทวะ ที่ทำให้เขาสามารถเรียนรู้ศาสตร์มืดได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้

“… สรุปว่าเจ้าเลือกหนทางนี้ซินะเนวาน่า”

ผ่านไปครู่ใหญ่ กว่าที่เขาจะหันมองรอบกายและมองเห็นเนวาน่าโดนศพของสองเทพสาวกดไว้กับพื้น และนั่นทำให้เขาได้ทราบว่าเนวาน่ายังคงคิดร้ายกับเขา ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องมองเธอเป็นพวกเดียวกันอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้

เนวาน่ามองตอบด้วยสายตาเคียดแค้นพลุ่งพล่าน ทั้งที่เธอเองก็รักใคร่ชอบพอกับเขา แต่ว่าด้วยแนวคิดที่แตกต่างทำให้เธอเลือกทางเดินอีกแบบหนึ่ง ซึ่งแม็กก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัว เขาเพียงแค่รู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้คนสวยอย่างเนวาน่ามาเข้าฮาเร็มส่วนตัว

แม็กยื่นมือไปหยิบเอาม้วนบันทึกแห่งเนโครมันเซอร์ออกมา เนวาน่าพยายามเกร็งมือยึดม้วนบันทึกไว้ แต่ว่าศพของเทพสาวบิดมือจนเธอเจ็บปวดต้องยอมปล่อยให้ม้วนบันทึกที่เธอหวงแหนหลุดมือไป

“ม้วนบันทึกนี่ ควรจะเป็นของคนอื่น … และเมื่อเลือกที่จะเป็นศัตรู เราก็จะเป็นศัตรูกัน”

เขาพูดเสียงเหี้ยมใส่ และออกคำสั่งให้ลากร่างของเนวาน่าขึ้นไปบนเตียงนอน จากนั้นการลงโทษที่เนวาน่าเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเธอถือเป็นการลงโทษหรือไม่ก็เกิดขึ้น มันคือสิ่งที่เธอใคร่ปราถนาเช่นเดียวกับเขา

เนวาน่านอนแผ่หราหลับตาพริ้ม ร่างงามอ่อนปวกเปียกปล่อยให้เขาจูบซุกไซร้ไปตามซอกคอ และเคล้นคลึงฟอนเฟ้นสองเต้าอย่างย่ามใจ เต้านมอวบใหญ่ยุบเข้าแล้วเด้งออกขณะที่มือหยาบกระด้างเสพความหยุ่นนุ่มด้วยความเพลิดเพลินใจ

“อาาา อืมมมม โอววววว อูววววววส”

เธอร้องครางโดยไม่คิดอดกลั้นเก็บอาการ ความกระสันที่แล่นพล่านแปลบปลาบไปทั่วทรวงอกทำให้เธอคลั่ง เขาก้มหน้าลงใช้ลิ้นโลมเลียไปตามร่องนมและทรวงอกอวบด้วยลีลานุ่มนวลวาบหวามผิดกับที่เธอคาดไว้ จากนั้นก็อ้าปากงับขบกัดเบา ๆ พร้อมกับใช้สองมือขยำเคล้นคลึงความอวบเต่งแบบไม่หยุดพัก

เนวาน่าแอ่นอกอวบพร้อมกับกดศีรษะของเขาเข้าหาทรวงอก ใบหน้าแดงก่ำด้วยรสรักสะบัดไปมาด้วยความเสียวกระสัน ถึงตอนนี้เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอคิดผิดหรือไม่ แต่เธอก็รู้ใจตัวเองดีว่า ปีศาจตนนี้เก่งกาจเกินไป และจากการสั่งสอนของตระกูลนั้น ทำให้เธอยกตระกูลแบล็คฟอร์ดมาก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นไม่ว่าเธอจะชื่นชอบจนถึงขั้นหลงไหล เธอก็จะยังคงคงเลือกสังหารเขาอีกครั้งหากมีโอกาส นี่คือแนวคิดที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

“ซี้ดดสสสส … อา … อูวววสสสส อะ โอววววว”

เจ้าหญิงคนสวยสะท้านกระตุกอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วของเขาแหย่เข้ามาในร่าง เขากดเข้าแล้วลากออกซ้ำไปซ้ำมาจนสะโพกผายส่ายเด้งร่อน ใบหน้างามยิ่งมายิ่งบิดเบี้ยวเหยเก เธอสูดปากจิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังของเขาสุดแรง ขณะที่ร่างงามกระตุกเฮือกสะท้านสุดตัว เพราะโดนเขาส่งขึ้นสวรรค์ไปแล้วหนึ่งรอบ

เนวาน่านอนตัวอ่อนระทดระทวย ทรวงเต้าอวบอิ่มเด้งกระเพื่อมไปตามจังหวะการหายใจหอบถี่หนักหน่วง ในขณะที่เขาลุกขึ้นจับสองขาของเธอถ่างออกจนสุด แล้วจรดจ่อความแกร่งกร้าวร้อนลวกเข้าไปยังประตูสู่สรวงสวรรค์

ความคับแน่นทำให้เนวาน่าหน้าเบี้ยวเหยเก จิกมือลงไปบนแผ่นหลังแกร่งกระด้างของเผ่าปีศาจ เธอรู้สึกเจ็บจนอยากหวีดร้อง หากทว่าเวลาเดียวกันนั้นความหฤหรรษ์ก็ได้ก่อตัวฮือโหมขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเธอเองเริ่มจะไม่แน่ใจว่าควรออกแรงผลักไสเขาออก หรือเหยียดสองขาให้ถ่างอ้ากว่าเดิมดี

“อ๊อยย … อ๊อยยย … อูยยยย …”

เนวาน่าตัวกระตุกสะท้านร้องเสียงหลงตามจังหวะที่เขาออกแรงกดแทรกร่างเข้ามา และเมื่อเขาขย่มร่างกดหนัก ๆ ไม่ถึงสิบครั้ง ความใหญ่โตอวบอ้วนก็แทรกลึกหายเข้าไปจนมิดลำ ทำเอาเจ้าหญิงที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมวิปริตต้องแหงนหน้าเริ่ดสะบัดไปมาด้วยอารมณ์ทางเพศอันร้อนแรง

เธอส่งเสียงครางซี้ดซ้าดเมื่อเขาเริ่มขยับโยกสะโพกเนิบนาบแต่หนักหน่วง ก่อนจะเริ่มเร่งเสียงครางเมื่อเขาโหมกระเด้าราวกับพายุกระหน่ำใส่ และเพียงไม่นานนักความร้อนแรงของลีลารักก็ทำให้เธอพุ่งทะยานไปถึงจุดสุดยอด แล้วส่งเสียงร่ำร้องซี้ดซ้าดแว่วหวาน

หลังเสร็จสมไปหนึ่งรอบ เขาก็จับเธอพลิกไปเป็นท่าคลานสี่ขา แล้วกระแทกใส่จากด้านหลังจนเธอส่งเสียงร้องซี้ดซ้าดอีกครั้ง หากทว่าคราวนี้ไม่ใช่เขาคนเดียวที่กระทำ เหล่าปีศาจที่มาด้วยกันได้ห้อมล้อมเข้ามาพร้อมกับอวดร่างเปลือยเปล่าที่แข็งแกร่งกำยำด้วยพลังทางเพศ

ขณะที่โดนร่วมรักจากทางด้านหลัง ปากของเนวาน่าก็โดนของปีศาจตนหนึ่งยัดใส่เข้ามาจนสุด ในขณะที่เนื้อตัวของเธอนั้นกำลังโดนลวนลามด้วยมือจำนวนนับไม่ถ้วน และนั่นทำให้อารมณ์ของเธอพุ่งพรวดขึ้นไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จนต้องส่งเสียงหวีดร้องสุขสมติด ๆ กันอีกรอบ

แน่นอนว่าเธอย่อมไม่ได้รับการหยุดพัก เพราะปีศาจทั้งเก้าตนนั้น สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาเสพสมเล้าโลมกับเรือนร่างอันงดงามของเธอโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สติของเธอจึงยิ่งมายิ่งเลื่อนลอยว่างเปล่าเพราะรับความสุขที่ทะลักทะลายเช่นนี้แทบไม่ไหว แต่เธอก็ทราบดีว่าเขาคงไม่หยุดลงในห้วงเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน

…………………………

Related

Prev
Next

Comments for chapter "Xtreme Online 28 - เนโครมันเซอร์"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved