ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

Xtreme Online 27 - วิญญาณกาฝาก

  1. Home
  2. Xtreme Online
  3. Xtreme Online 27 - วิญญาณกาฝาก
Prev
Next

XO ตอนที่ 27 – วิญญาณกาฝาก

“พวกเจ้าเริ่มพิธีกรรมเถอะ ข้าเตรียมพร้อมแล้ว”

บุรุษวัยกลางคนเจ้าของดวงตาเด็ดเดี่ยวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ใบหน้านั้นขาวซีดอมโรค เขาถูกมัดมือมัดเท้าอย่างแน่นหนาด้วยโซ่แกร่งในท่านั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่กลางห้องโถง สถานที่แห่งนี้อยู่ในเขตหวงห้ามชั้นบนสุดของวังหลวงแห่งเมืองเลอองนิสต์ เสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นเลิศหรูแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ฐานะที่ไม่ธรรมดา ในขณะที่บนศีรษะซึ่งเต็มไปด้วยผมสีดำสลับขาวนั้นมีมงกุฏสีทองวาววับอร่ามสวมอยู่

“ตามพระประสงค์องค์ราชากีแลน … พวกเราเริ่มพิธีกันเถอะ นี่คือช่วงเวลาแห่งความศักดิ์สิทธิ์”

หญิงสูงวัยในชุดนักบวชระดับสูงน้อมศีรษะด้วยความเคารพนบนอบต่อบุรุษผู้นั้น ก่อนจะพูดเปิดเผยออกมาว่าที่แท้แล้วบุรุษผู้นี้คือใคร ที่แท้บุรุษท่าทางอมโรคหน้าซีดเซียวราวกับซากศพคนนี้กลับเป็นพระราชากีแลน ท่านเป็นราชาของเมืองเลอองนิสต์องค์ปัจจุบันซึ่งมีข่าวว่าป่วยด้วยอาการประหลาดมาเนิ่นนานกว่าห้าปีแล้ว

“รบกวนพวกท่านแล้วซิสเตอร์มาเรีย หลวงพ่อจอห์นสัน และไฮพรีสแองจี้”

ส่วนนักบวชหญิงสูงวัยในชุดนักบวชสีน้ำเงินเข้มผู้นี้ก็คือซิสเตอร์มาเรียผู้รับผิดชอบดูแลวิหารอำนวยพรในฐานะบาทหลวงหญิง ส่วนนักบวชระดับสูงอีกสองคนที่ยืนห้อมล้อมองค์ราชาเป็นสามเหลี่ยมนั้นเป็นชายวัยกลางคนหนึ่ง และหญิงสาววัยรุ่นอีกหนึ่ง

ชายวัยกลางคนท่าทางมากเมตตาในชุดนักบวชสีดำนั้นเป็นผู้ดำรงตำแหน่งบิชอป หรือนักบวชคลาสสี่ จากเมืองท่าไวท์พอร์ทซึ่งถูกเชิญมาช่วยเหลือพิธีกรรมครั้งนี้เป็นการลับโดยเฉพาะ ท่านนี้คือบาทหลวงจอห์นสัน

ด้านหญิงสาววัยรุ่นผมสีทองหน้าตาสะสวยนั้นก็คือแองจี้นักบวชคลาสสาม หรือไฮพรีส ลูกศิษย์คนโปรดของซิสเตอร์มาเรีย และน้องสาวบุญธรรมของแม็กนั่นเอง

สองบาทหลวง และหนึ่งนักบวชระดับสูง ต่างหยิบยกคฑาเวทย์ศักดิ์สิทธิ์สีเงินขึ้นมาถือ พร้อมกับเอ่ยร่ายคาถาขีดเขียนสร้างชุดอักขระเวทย์แห่งแสงซึ่งมีสรรพคุณขับไล่ความชั่วร้ายออกมาพร้อมกัน หากทว่าแต่ละคนกลับร่ายอักขระที่ไม่เหมือนกันออกมา

วงแหวนสีขาวขนาดรัศมีหนึ่งเมตรปรากฎขึ้นโดยที่ราชาอยู่ตรงตำแหน่งกึ่งกลาง ส่วนนักบวชทั้งสามนั้นยืนอยู่บริเวณชายของของวงเวทย์พอดี และเมื่อการร่ายเวทย์เสร็จสมบูรณ์ ชุดอักขระเวทย์ที่แตกต่างของสามนักบวชก็เปล่งแสงสีเงินอบอุ่น กระตุ้นเร้าจนวงแหวนเวทย์บนพื้นเปล่งแสงสว่างจ้าราวกับว่านี่คือเขตแดนแห่งสรวงสวรรค์ และนี่คือพิธีกรรมชำระล้างและขับไล่วิญญาณชั่วร้ายระดับสูง

พระราชากีแลนที่อยู่ตรงใจกลางกระแสเวทย์ชำระล้างกระตุกเฮือกสะท้านรุนแรงขึ้นมาคราวหนึ่ง ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวราวกับต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทรมาณแสนสาหัส หากทว่าด้วยเกียรติยศแห่งราชาแล้ว ราชากีแลนเลือกที่จะไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียวให้เสื่อมเสียพระเกียรติ

อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นดูจะต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ทั้งยังรวดร้าวรุนแรงเกินไป และพระราชากีแลนในวัย 52 ปีนั้นก็มิใช่ยอดนักดาบเวทย์มนตร์ที่ยังหนุ่มแน่น ร่างทั้งร่างจึงกระตุกสั่นเทิ้มเด้งไปมาอย่างรุนแรงจนเหงื่อชุ่มไปทั่วร่าง ก่อนที่เสียงโอดครวญแผ่วเบาจะหลุดรอดออกมาจากปาก

สามนักบวชที่ยืนล้อมรอบนั้นแม้จะไม่ได้เจ็บปวดด้วย หากทว่าการร่ายเวทย์ระดับสูงเช่นนี้ก็สิ้นเปลืองพลังอย่างยิ่ง ใบหน้าของเหล่านักบวชจึงเริ่มชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ทั้งยังมากด้วยความเคร่งเครียด เพราะว่าสิ่งที่กำลังต่อกรด้วยดูจะเข้มแข็งกว่าที่คิด

ทั้งสามสบสายตากันแวบหนึ่ง ดวงตาของบาทหลวงจอห์นสันมองดูแองจี้ด้วยความชื่นชมที่เด็กสาวผู้นี้สามารถร่ายมนตราศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงระดับนี้ จากนั้นทั้งสามก็เร่งเร้าเวทย์แห่งแสงออกมามากขึ้น จากนั้นก็พลันปรากฎเสียงหวีดร้องเจ็บปวดอีกเสียงหนึ่งดังออกมาจากร่างขององค์ราชา หากทว่านั่นกลับไม่ใช่เสียงขององค์ราชา

เสียงกรีดร้องนั้นแหลมสูงจนฟังไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี และตอนนี้ต้นตอของเสียงก็ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงขับไล่จนไม่สามารถอยู่ได้อย่างปกติสุข ใบหน้าขาวซีดซีกซ้ายขององค์ราชาปรากฎก้อนอณูสีดำคล้ายใบหน้าของคนผู้หนึ่งผุดออกมา นั่นคล้ายกับใบหน้าของซากศพผุเปื่อยเน่าเฟะ แต่ทุกคนทราบดีว่านั่นไม่ใช่ร่างเลือดเนื้อ หากแต่เป็นวิญญาณคำสาปที่ทำตัวเป็นกาฝากเกาะทำร้ายองค์ราชาอยู่ภายใน

เสียงสวดสรรเสริญเทพผู้สร้างดังขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งถูกเร่งเร้าจนเกิดประกายแสงไปทั่วทุกอณูในห้องหับ และนั่นทำให้เจ้าวิญญาณร้ายยิ่งส่งเสียงกรีดร้องกระตุกดิ้นพล่านเจ็บปวด หากทว่ามันกลับยังคงดื้อดึงเกาะยึดเหนี่ยวอยู่กับวิญญาณขององค์ราชาโดยไม่ยอมปล่อยออก ความเจ็บปวดจึงส่งผ่านเข้าไปทำให้ใบหน้าขององค์ราชาบิดเบี้ยวซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม

เห็นได้ชัดว่าเจ้าวิญญาณร้ายสีดำนั้นเจ็บปวดทรมาณถึงเพียงไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ยอมปลดปล่อยวิญญาณขององค์ราชาให้เป็นอิสระ แม้ว่านักบวชทั้งสามเร่งเร้ามนตราธาตุแสงกว่าเดิม จนร่างวิญญาณสีดำโดนดึงหลุดพรวดออกมาจากร่างกาย หากทว่านั่นเพียงทำให้นักบวชทั้งสามยิ้มยินดีได้วูบเดียว

นั่นเป็นเพราะวิญญาณสีดำยังคงไม่ยอมปล่อย การลากดึงนั้นจึงทำให้ดวงวิญญาณสีขาวอ่อนจางขององค์ราชาหลุดจากร่างออกมาด้วยเล็กน้อย และนั่นหมายความว่าต่อให้พิธีกรรมในครั้งนี้สามารถไล่วิญญาณได้ แต่ก็อาจทำให้วิญญาณขององค์ราชาหลุดออกจากร่างจนสวรรคตได้เช่นกัน

ความแตกตื่นหวาดหวั่นทำให้นักบวชทั้งสามลดพลังศักดิ์สิทธิ์ลงโดยไม่รู้ตัว และนั่นก็ทำให้เจ้าวิญญาณร้ายสีดำได้โอกาสแสยะยิ้มมุดกลับเข้าไปในร่างขององค์ราชาตามหลังวิญญาณสีขาวไปอย่างกระชั้นชิด

นักบวชทั้งสามซึ่งเหงื่อซึมเต็มใบหน้าพากันหันมามองหน้ากันแล้วทอดถอนหายใจ เพราะต่างก็รู้ดีว่าพิธีกรรมในครั้งนี้ล้มเหลวแล้ว สองบาทหลวงและหนึ่งไฮพรีสอาจจะมีความสามารถพอที่จะกระชากเอาคำสาปวิญญาณร้ายออกมาจากร่างขององค์ราชาได้ หากทว่าพวกเขาไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของวิญญาณองค์ราชาได้ เพราะจิตวิญญาณคำสาปนี้ยึดติดกับร่างองค์ราชายาวนานเกินไป

“ไม่สำเร็จหรือคะ ท่านบาทหลวงจอห์นสัน ซิสเตอร์มาเรีย แองจี้”

เสียงหวานไพเราะแฝงความห่วงใยดังขึ้น ร่างอ้อนแอ้นบอบบางของหญิงสาวสวมใส่อาภรณ์สูงศักดิ์นางหนึ่งลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ในมุมมืดของห้องหับ เธอรีบเดินเยื้องย่างเข้ามาปลดโซ่ตรวนที่ยึดแขนขาขององค์ราชาออก ในขณะที่องค์ราชาที่เกือบได้ไปเยือนยมโลกนั้นกำลังนั่งหอบเหนื่อยเจ็บปวดใบหน้าซีดเซียวยิ่งกว่าเดิมราวกับว่าอาจจะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ

“ขออภัยด้วยเจ้าหญิงเรนเน่ คำสาปวิญญาณกาฝากนี้ร้ายกาจเกินไป พวกมันถึงกับใช้ดวงวิญญาณของคนระดับอุปราชเวทย์แห่งเมืองแบล็คฟอร์ดเป็นกาฝาก หากพวกเราฝืนทำต่อ วิญญาณร้ายอาจจะโดนกระชากออกมาก็จริง หากทว่าวิญญาณขององค์ราชาก็อาจจะต้องย่ำแย่ไปด้วย”

ซิสเตอร์มาเรียหันมาก้มศีรษะแสดงความเคารพให้แก่หญิงสาวสูงศักดิ์ในชุดสีฟ้า นี่คือเจ้าหญิงเรนเน่รัชทายาทอันดับหนึ่งของเมืองเลอองนิสต์ซึ่งได้รับคำกล่าวขานว่ามีรูปโฉมงดงามไม่แพ้ผู้ใดในใต้หล้า และคำกล่าวขานที่ว่านั้นก็ไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริงนัก เพราะเพียงแค่พิศมองดูดวงตาสีฟ้าที่งดงามดุจท้องทะเลนั้น เหล่าบุรุษต่างก็ต้องบังเกิดความลุ่มหลงกันโดยไม่มีละเว้น

“ท่านพ่อ …”

เจ้าหญิงเรนเน่ส่งเสียงสะท้านสงสารต่อผู้เป็นบิดา เธอนั่งลงคุกเข่าซุกหน้าลงไปบนฝ่ามือขาวซีดไร้เรี่ยวแรงขณะที่ดวงตาทั้งสองเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ในขณะที่ผู้เป็นบิดาซึ่งยังคงมีสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวนั้นยื่นมืออีกข้างมาลูบเรือนผมสีฟ้าที่นุ่มประหนึ่งแพรไหมเพื่อปลอบประโลมบุตรี

“… ช่างเถอะลูกรัก … ให้พ่อได้พักสักหน่อย แล้วเราค่อยลองกันใหม่ … อืมมม”

องค์ราชากีแลนกล่าวปลอบประโลม ก่อนจะค่อย ๆ เสียงอ่อน และหลับตาพร้ิมเข้าสู่ห้วงนิทราเนื่องจากเจ็บปวด ทั้งยังสูญเสียพลังชีวิตไปไม่น้อยในพิธีกรรมดังกล่าว ซึ่งนั่นทำให้นักบวชทั้งสามต้องมองดูองค์ราชาและเจ้าหญิงด้วยความเวทนา เพราะต่างก็ทราบดีว่า สภาพร่างกายอันอ่อนแอย่ำแย่ขององค์ราชานั้นคงไม่สามารถทานทนพิธีกรรมในครั้งหน้าได้อย่างแน่นอน หรือต่อให้ยอมแพ้ไม่กระทำพิธีกรรม ร่างกายก็จะยังคงโดนกัดกร่อนด้วยคำสาปวิญญาณกาฝากจนไม่รอดอยู่ดี

“ท่านพ่อพักผ่อนก่อนเถอะ ทหาร”

เจ้าหญิงเรนเน่กล่าวพลางโบกมือเรียกทหารองครักษ์คนสนิทที่ยืนรักษาการณ์อยู่ในห้อง จากนั้นร่างขององค์ราชาก็ถูกโอบอุ้มไปวางลงบนเตียงขนสัตว์อันอุ่นนุ่ม ก่อนที่เจ้าหญิงเรนเน่จะเดินตามไปคลุมผ้าห่มลวดลายมังกรให้แก่องค์ราชา

ทุกคนเงียบกริบไม่อาจพูดจา ทั้งทราบว่าไม่ควรพูดจาอะไรในเวลานี้ เพราะอาจจะรบกวนต่อการพักผ่อนขององค์ราชา ในห้องจึงมีแต่ความเงียบงัน รอจนกระทั่งเจ้าหญิงตัดใจเดินออกมาจากห้อง นักบวชทั้งสามจึงค่อย ๆ เดินตามออกมา เพียงทิ้งเหล่าองครักษ์คนสนิทไม่กี่คนเอาไว้เฝ้ารักษาความปลอดภัยในห้อง

“ท่านบาทหลวงจอห์นสัน ซิสเตอร์มาเรีย คุณแองจี้ ในนามของเจ้าหญิงแห่งเมืองเลอองนิสต์ ข้าขอกล่าวขอบพระคุณที่พวกท่านได้พยายามยื่นมือช่วยเหลือองค์ราชาแห่งเมืองเลอองนิสต์ โดยเฉพาะท่านบาทหลวงจอห์นสันที่อุตส่าห์เดินทางไกลมานานนับเดือนเพื่อการนี้”

เมื่อออกมานอกห้อง เจ้าหญิงเรนเน่ก็หันมาก้มศีรษะกล่าวขอบคุณด้วยท่าทางมากมารยาทตามแบบฉบับของชนชั้นสูง นักบวชทั้งสามจึงทั้งรู้สึกดีที่อีกฝ่ายไม่ขุ่นเคือง ทั้งยังรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่กล้ารับคำขอบคุณ เพราะยังไม่สามารถช่วยเหลือองค์ราชาได้

“ท่านหญิงเรนเน่กล่าวเช่นนี้ข้าคงรับไว้ไม่ได้ ที่ข้าเดินทางมานานนับเดือนนั้น เพราะข้าเคารพเลื่อมใสต่อองค์ราชากีแลน เพียงแต่น่าเสียดายที่ความสามารถของข้ายังมีไม่มากพอ”

บาทหลวงจอห์นสันเอ่ยปากพลางส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น การที่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากได้นั้นนับว่าทำให้รู้สึกย่ำแย่พอควรแล้ว แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็นคนที่เคารพเลื่อมใสทั้งยังเคยมีพระคุณอย่างสูง บาทหลวงจอห์นสันจึงยิ่งรู้สึกย่ำแย่ยิ่งกว่าอีกหลายเท่า

“พวกท่านอย่าได้กล่าวโทษตัวเองเลย หากพวกท่านรู้สึกผิดไม่สบายใจ ข้าก็คงจะยิ่งไม่สบายใจไปด้วย พวกท่านทำเต็มที่แล้ว ถึงแม้ไม่สำเร็จข้าก็รู้สึกติดค้างหนี้บุญคุณเหลือเกิน”

เจ้าหญิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจจนนักบวชทั้งสามนึกเวทนาเอ็นดู นี่เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของเจ้าหญิงเรนเน่รัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งเมืองเลอองนิสต์ ซึ่งก็คือเธอเป็นผู้นำอันเฉลียวฉลาด เป็นนักปกครอง และนักการเมืองที่ยอดเยี่ยม ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ผู้คนไม่ต้องการให้เธอเป็นผู้ปกครองเมืองก็คือเธอเป็นสตรีเพศเท่านั้น

เธอมีดวงตาสีฟ้าบริสุทธิ์และใบหน้าที่อ่อนหวานน่าเอ็นดูเช่นเดียวกับมารดาผู้ล่วงลับ ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจไม่มีใครทราบว่าที่แท้ในใจเธอคิดอะไร หากทว่าทุกท่วงท่าของการแสดงออกนั้นล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกบริสุทธิ์จริงใจน่าเชื่อถือยากจะบังเกิดความคิดต่อต้านออกมา

“ท่านหญิงไม่ต้องกังวล ข้าขอสัญญาว่าครั้งหน้าข้าจะทำให้ดีกว่านี้ … เพียงแต่ … ข้าไม่แน่ใจนักว่าสภาพร่างกายขององค์ราชาจะพร้อมเมื่อไหร่ …”

บาทหลวงจอห์นสันยิ้มตอบ และกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังจริงจัง ก่อนจะกลายเป็นกระอักกระอ่วนในช่วงหลัง เพราะในความหมายของประโยคก็คือ ไม่ทราบว่าองค์ราชาจะฟื้นฟูสภาพร่างกายให้พร้อมพิธีกรรมได้ก่อน หรือว่าจะทานทานต่อคำสาปไม่ไหวและสิ้นชีพไปเสียก่อน

“ท่านบาทหลวงจอห์นสัน ท่านพูดสามารถพูดตรงไปตรงมากับเราได้ ท่านคงเกรงว่าท่านพ่ออาจจะมีสภาพไม่พร้อมรับพิธีกรรมนี่กระมัง … ซิสเตอร์มาเรียข้าหวังว่าท่านอาจจะพอช่วยบอกข้าได้ ว่าท่านพ่อยังมีเวลาเหลืออยู่อีกมากเพียงใด”

เจ้าหญิงเรนเน่เก็บซุกซ่อนความหนักใจแล้วยิ้มละไมด้วยท่วงท่าน่าชม ก่อนจะหันไปมองซิสเตอร์มาเรีย เพราะมาเรียนั้นได้ทำการค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับคำสาปวิญญาณกาฝากนี้มาเนิ่นนานจนสมควรจะมีข้อมูลวินิจฉัยได้

“ท่านหญิงเรนเน่ … คำสาปวิญญาณกาฝาก คือการใช้วิญญาณอาฆาตของคนใกล้ตายฝังเข้าไปเป็นกาฝากดูดซับพลังชีวิตของเหยื่อ คำสาปนี้นับเป็นคำสาปต้องห้ามที่สาปสูญ โดยปกติแล้วผู้โดนคำสาปมักจะมีชีวิตอยู่รอดได้ไม่เกิน 3 เดือน ส่วนฝ่าบาทที่มีสุขภาพแข็งแรงยอดเยี่ยมนั้นสามารถทานทนมาได้มากกว่าห้าปีนั้นถือว่าเหลือเชื่อแล้ว เพียงแต่มองจากสภาพปัจจุบัน ข้าเกรงว่าเวลาขององค์ราชาจะเหลืออีกเพียงไม่เกินหนึ่งเดือน”

“… หนึ่งเดือน … วิธีการรักษาไม่มีวิธีการอื่นอีกหรือซิสเตอร์มาเรีย”

ดวงตาเจ้าหญิงทอประกายเศร้าสร้อยเมื่อเอ่ยทวนช่วงเวลาที่เหลืออยู่ นักบวชทั้งสามรู้สึกได้ว่ามองเห็นประกายน้ำตาในดวงตาสีฟ้านั้นวูบหนึ่ง หากทว่าเพียงวูบเดียวเจ้าหญิงรัชทายาทอันดับหนึ่งก็เก็บความเศร้านั้นเอาไว้ภายในและพยายามสนทนาอย่างเป็นการเป็นงาน

“โดยปกติแล้ว พวกเราสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ขับไล่วิญญาณอาฆาตที่เป็นกาฝากได้ หากทว่าในกรณีขององค์ราชานั้น พระองค์ทรงรู้ตัวช้าเกินไปจนวิญญาณถูกฝังรากลึกยากแยกออก รวมถึงวิญญาณอาฆาตนั้นไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา แต่เป็นถึงอุปราชเวทย์ไร้พ่ายแห่งเมืองแบล็คฟอร์ด ความเข้มแข็งของวิญญาณจึงยากรับมือได้ด้วยวิธีการปกติ”

“ซิสเตอร์มาเรีย ท่านพูดราวกับว่ายังมีวิธีการอื่นอีก?”

“ใช่แล้วท่านหญิง ยังมีวิธีการอื่นอีก หากทว่าวิธีการนี้มีก็เหมือนไม่มี เพราะมันคือการใช้มีดในตำนานระดับแปดดาว มีดที่สามารถตัดแบ่งแยกวิญญาณได้ มันคือมีดตัดวิญญาณที่ถูกสร้างโดยฮาเดสเจ้าแห่งนรก”

ซิสเตอร์มาเรียมองดูดวงตาที่ปรากฎความหวังของเจ้าหญิงด้วยความละอายใจวูบหนึ่ง เพราะข่าวสารที่ว่านี้แม้จะเรียกได้ว่าความหวัง หากทว่าการตามหามีดในตำนานเช่นนี้ให้เจอนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร และก็เป็นดั่งที่เธอคาดเอาไว้ เมื่อเจ้าหญิงได้ยินรายละเอียด ความหวังที่ปรากฎในดวงตาสีฟ้านั้นก็เลือนหายไปและโดนแทนที่ด้วยความเศร้าสร้อยน่าเวทนา

เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนเพิ่งเห็นแสงไฟนำทางในความมืด หากทว่าเพียงวูบเดียวแสงที่ว่านั้นก็เลือนหายวับไป เพราะคำว่าอาวุธแปดดาวนั้นใช่ว่าจะสรรหามาใช้กันได้โดยง่าย โดยปกตินั้นแม้แต่ระดับแม่ทัพหรือราชาของเมืองหนึ่งอย่างมากก็มีเพียงอาวุธระดับเจ็ดดาวไว้ใช้งาน อาจจะมีบ้างที่เป็นราชาหรือแม่ทัพของเมืองใหญ่จึงจะมีอาวุธระดับแปดดาวของเทพปีศาจไว้ในครอบครอง

“ถ้าหากว่า … ถ้าหากว่ามีมีดตัดวิญญาณนี่ ซิสเตอร์มาเรียคาดว่าโอกาสช่วยเหลือท่านพ่อจะมีมากแค่ไหน?”

“ท่านหญิง หากมีของสิ่งนี้ พวกเราจะสามารถกระทำพิธีและตัดแบ่งแยกวิญญาณกาฝากออกจากร่างได้โดยง่าย ข้ากล้าสาบานว่าหากมีมัน องค์ราชาจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”

“ข้าเข้าใจแล้ว … แองจี้สหายข้า … เจ้ามีอะไรต้องการบอกข้าหรือเปล่า”

เจ้าหญิงกล่าวพลางทอดถอนใจยอมแพ้ แต่แล้วเธอก็หันไปสังเกตเห็นท่าทีคล้ายอยากเสนอคล้ายลังเลของแองจี้เข้าเสียก่อน และในฐานะของผู้นำที่ดีนั้น เรนเน่ย่อมไม่พลาดที่จะทดลองสอบถามความคิดเห็นที่อาจจะมีค่านั้น

แองจี้ชะงักเล็กน้อยเพราะไม่คาดว่าจะโดนสังเกตออกว่าเธออยากพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งความจริงเธอเองก็กำลังลังเลเช่นเดียวกับซิสเตอร์มาเรีย เธอจึงไม่กล้าพูดออกมา เพราะเธอยังไม่แน่ใจนัก ว่าสิ่งที่เธออยากนำเสนอนั้นจะสามารถช่วยเหลือองค์ราชาได้จริงหรือไม่

ซิสเตอร์มาเรียเองก็ดูจะเข้าใจในความลังเลนี้ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพยักหน้าให้แองจี้พูดออกมา เพราะได้คิดว่าอย่างน้อยหากเจ้าหญิงมีความหวังอยู่บ้าง ก็น่าจะดีกว่าความมืดหม่นไร้หนทางเช่นในเวลานี้

“เจ้าหญิงเรนเน่ ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจนัก มันอาจจะมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่ข้าขอถามความคิดเห็นของท่านบาทหลวงจอห์นสันเสียก่อน”

เมื่อได้รับคำอนุญาติจากซิสเตอร์มาเรีย แองจี้ก็หันไปบอกกล่าวกับเจ้าหญิง แล้วค่อยหันไปส่งสายตาเป็นเชิงคำถามต่อบาทหลวงจอห์นสัน

“เจ้าถามเถอะ ศิษย์เอกของมาเรีย”

“ท่านเคยพบเจอ และเคยร่วมงานกับไฮบิชอปเอลเก้น (บาทหลวงระดับสูงชื่อเอลเก้น) ผู้นำแห่งมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ธาเรีย ข้าจึงอยากถามท่านว่าหากเป็นท่านเอลเก้น จะสามารถแก้ไขคำสาปวิญญาณกาฝากนี้ได้หรือไม่?”

“ไฮบิชอปเอลเก้นงั้นหรือ … ท่านคือผู้นำแห่งเหล่านักบวชในเวลานี้ เป็นผู้เดียวที่ดำรงฐานะนักบวชคลาสห้า และเป็นเสาหลักของเหล่านักบวช … หากทว่าการจะเดินทางไปพบท่านเอลเก้นนั้นคงทำไม่ได้ เพราะสุขภาพของท่านเอลเก้นก็ไม่สู้ดีนัก แต่หากจะให้เคลื่อนย้ายองค์ราชากีแลน ก็เกรงว่าจะยากลำบากยิ่งกว่า”

“ท่านบาทหลวงคะ การเดินทางย่อมเป็นไปไม่ได้ ข้าเพียงสงสัยว่านักบวชระดับไฮบิชอปนั้นจะสามารถช่วยเหลือองค์ราชาได้หรือไม่”

แองจี้ถามถึงผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดแห่งนักบวชในเวลานี้ ซึ่งตำแหน่งของนักบวชนั้น ก็เหมือนกับอาชีพอื่น ๆ คือมีระดับคลาสเป็นการแบ่งระดับ โดยเท่าที่มีประกาศอย่างเป็นทางการในปัจจุบันนั้น จะเริ่มจากคลาส 1 นักบวชฝึกหัด (Acolyte), คลาส 2 นักบวช (Priest), คลาส 3 นักบวชระดับสูง (High Priest), คลาส 4 บาทหลวง (Bishop) และ คลาส 5 บาทหลวงระดับสูง (High Bishop)

ไฮบิชอปเอลเก้นนั้นเป็นนักบวชคลาสห้าอย่างเป็นทางการเพียงคนเดียวในปัจจุบัน ส่วนบาทหลวงจอห์นสันและซิสเตอร์มาเรียนั้นเป็นนักบวชคลาสสี่ ในขณะที่แองจี้นั้นเป็นผู้เล่นคนแรกและคนเดียวที่อยู่ในระดับคลาสสาม เพียงแต่นี่นับเฉพาะข้อมูลอย่างเป็นทางการซึ่งมีการขึ้นทะเบียนกับทางโบสถ์เท่านั้น

บาทหลวงจอห์นสันรับฟังคำถาม แล้วทำท่าครุ่นคิดเคร่งเครียด ก่อนจะตัดสินใจบอกกล่าวทำลายความหวังอีกหนึ่งอย่างของเจ้าหญิงเรนเน่ออกมา

“อืม … ท่านเอลเก้นนั้นมีความกล้าแข็งและศรัทธาต่อท่านเทพผู้สร้างอย่างเปี่ยมล้น แต่ข้าก็ยังไม่มั่นใจนักว่าท่านเอลเก้นจะสามารถช่วยเหลือองค์ราชากีแลนได้โดยไม่ได้รับอันตราย … ไม่ ข้าไม่คิดว่าเขาสามารถช่วยได้”

แองจี้รับฟังแล้วหยุดนิ่งด้วยความลังเลวูบหนึ่ง แต่เมื่อหันไปมองดูดวงตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของเจ้าหญิงเรนเน่แล้ว เธอจึงค่อยตัดสินใจบอกกล่าวออกมาต่อ และท่าทีนั้นก็ทำให้บาทหลวงจอห์นลืมตาโตด้วยความแตกตื่น เพราะหากสิ่งที่แองจี้พูดเป็นความจริง ก็จะนับเป็นเรื่องราวสะเทือนโลกแห่งนักบวชอย่างรุนแรงยิ่ง

“… เช่นนั้นแล้วแล้วในความคิดของท่าน หากมีนักบวชที่ระดับสูงกว่าไฮบิชอปเอลเก้น ท่านคิดว่าคนผู้นั้นจะสามารถช่วยเหลือองค์ราชาได้หรือไม่?”

“หรือเจ้าจะบอกว่าเจ้ารู้จักกับนักบวชระดับสูงกว่าไฮบิชอปเอลเก้น?”

“รบกวนท่านตอบมาก่อน ว่าในความคิดเห็นของท่าน นักบวชคลาสหก แองเจลัส (ตัวแทนเทวฑูต) จะมีความสามารถมากพอช่วยเหลือองค์ราชาได้หรือไม่”

“โอ … เจ้ารู้จักงั้นหรือ … ข้า … ข้าไม่ทราบ … นักบวชคลาสหก แองเจลัส … ข้าไม่ทราบจริง ๆ ข้าไม่ทราบว่านักบวชผู้เป็นตัวแทนเทวฑูตนั้นจะมีพลานุภาพแห่งศรัทธาอันดีงามสูงส่งถึงเพียงไหน ข้าทราบเพียงว่าหากแม้แต่ตัวแทนแห่งเทพผู้นั้นยังกระทำไม่ได้ ก็คงไม่มีใครสามารถกระทำได้แล้ว”

“ถ้าอย่างงั้นก็อาจจะมีค่าควรให้ทดลองดูมั้งคะ”

“แน่นอน!!! ได้โปรด หากเจ้าสามารถติดต่อตัวแทนเทวฑูตท่านนั้นได้ ได้โปรดให้ข้าได้ไปแสดงความเคารพนบนอบต่อท่านผู้นั้นสักครา ข้าเพียงปราถนาที่จะสัมผัสความศรัทธาอันบริสุทธิ์และอยากรับฟังคำแนะนำต่อวิถีชีวิตจากตัวแทนเทวฑูตสักครั้งในชีวิต”

บาทหลวงจอห์นสันเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงวิงวอนขอร้อง ดวงตาของท่านทอประกายระยิบระยับคาดหวัง เพราะสำหรับนักบวชผู้สูงส่งด้วยศรัทธาแล้ว จุดมุ่งหมายของพวกเขาก็คือการบรรลุตัวแทนเทวฑูตเพื่อใกล้ชิดพระเจ้า ดังนั้นเมื่อได้รับรู้ว่ามีโอกาสได้พบเจอกับผู้ที่อยู่ในจุดนั้น จิตใจจึงปิติเอ่อล้นราวกับพ่อค้าเจอขุมสมบัติ

“ข้าก็ต้องขอร้องเจ้าอีกคนแองจี้สหายข้า ได้โปรดเชื้อเชิญให้ท่านตัวแทนเทวฑูตผู้สูงส่งมากศรัทธานั้นมาทำการเยียวยารักษาท่านพ่อของข้าด้วยเถอะ ขอเพียงแค่ท่านผู้นั้นยอมยื่นมาเข้าช่วยเหลือข้าก็ยินดีที่จะมอบให้ได้ทุกอย่างที่ต้องการ ถึงแม้ว่าท่านผู้นั้นอาจจะไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนก็ตามที ได้โปรดเถิดแองจี้”

เจ้าหญิงเรนเน่เองก็คล้ายได้เห็นแสงไฟกลางทะเลคลั่งอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะเดินเข้าไปจับกุมมือของแองจี้แล้วบีบกระชับร้องขอ แองจี้จึงต้องแค่นยิ้มแล้วพยักหน้าออกมา เพราะเธอเองก็คาดว่าไว้แล้ว ว่าหากเธอเปิดเผยความจริงที่ว่ามีนักบวชคลาสหกออกมา เธอจะต้องเจอเข้ากับเหตุการณ์ทำนองนี้

สำหรับผู้ฝักใฝ่ในศาสนาแล้ว คำว่านักบวชคลาสหกนั้นมีอิทธิพลอย่างที่คนภายนอกคาดไม่ถึง เพราะนั่นถือเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่อยู่ใกล้กับพระเจ้ามากที่สุด และหากนับกันถามกฎเกณฑ์ของศาสนานี้แล้ว นักบวชที่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุด จะมีสิทธิเป็นผู้นำแห่งมหาวิหารธาเรีย หรือก็คือเป็นผู้นำแห่งจิตวิญญาณ เป็นผู้นำแห่งศาสนาธาเรียในโลกแห่งนี้

แองจี้ย่อมทราบว่าพี่ชายบุญธรรมนั้นไม่มีความสนใจเป็นผู้นำทางศาสนาอย่างแน่นอน เธอจึงปรึกษากับทางซิสเตอร์มาเรียว่าไม่ควรประกาศเรื่องนี้ออกไป ทั้งยังอ้างว่าแม็กนั้นเป็นพวกรักสันโดษไม่ต้องการมีชื่อเสียง และด้วยเหตุผลนี้ซิสเตอร์มาเรียจึงยิ่งมองแม็กในทางที่ดีกว่าเดิม เพราะมองว่าเขาไม่สนใจชื่อเสียง

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงเหตุผลครึ่งเดียวที่เธอไม่ต้องการเปิดเผยศักดิ์ฐานะอันยอดเยี่ยมของพี่ชายบุญธรรมสุดที่รัก และเหตุผลอีกครึ่งที่เหลือนั้นกำลังทำให้เธอลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเธอได้สัมผัสถึงความคาดหวังอันสูงลิบของบาทหลวงจอห์นสันและเจ้าหญิงเรนเน่ ที่พากันคาดว่านักบวชคลาสหกนั้นเป็นสุดยอดแห่งนักบวชอันบริสุทธิ์ดีงามและสูงส่ง

แม้พี่ชายของเธอจะเป็นคนดี และเป็นคนเก่ง แต่ว่าเขาไม่ใช่แม้แต่เศษเสี้ยวของคำสรรเสริญเหล่านี้เด็ดขาด เขาไม่เคยนิยมศรัทธาต่อเทพผู้สร้างซึ่งเป็นพระเจ้าในเกมนี้เสียด้วยซ้ำ!!!!

…………………………

“หึ หึ ออกมาจากเขตวังซะที อีกเดี๋ยวเถอะเจ้าชายตัวแสบจะได้เห็นดีกัน”

แม็กส่งเสียงหัวเราะเหี้ยมราวกับปีศาจร้าย ในขณะที่ดวงตาซึ่งเปล่งประกายสีเงินนั้นจับจ้องมองดูรถม้าเลิศหรูจากยอดคอหอยชมวิวกลางเมืองโดยไม่วางตา รถม้าสีดำคันนั้นสลักลวดลายสีทองตามแบบฉบับศิลปะของเมืองแบล็คฟอร์ด ทั้งยังมีนักรบเกราะเหล็กยี่สิบกว่าคนคอยอารักขา จึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าข้างในนั้นควรจะเป็นเจ้าชายวิลเลี่ยม

อย่างไรก็ตามแม็กไม่ได้อาศัยการคาดเดาเพื่อลงมือตามแผน หากทว่าเขากำลังใช้เคล็ดเนตรทิพย์ หนึ่งในปราณสวรรค์เจ็ดวิถี ซึ่งเคล็ดความบทนี้จะทำให้ดวงตาเป็นสีเงิน และทำให้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ทั้งยังสามารถมองทะลุสิ่งกีดขวางที่ไม่หนามากนัก และมองผ่านภาพมายาหลอกลวงได้

แม้ว่ายอดหอคอยและประตูวังจะห่างกันเกือบสองร้อยเมตร หากทว่าปราณอันยอดเยี่ยมนี้ก็ทำให้แม็กมองเห็นทะลุผนังรถม้าเข้าไป เขามองเห็นเจ้าชายวิลเลี่ยมนั่งโอบกอดเล้าโลมสองสาวงามอยู่ในรถม้า ในขณะเดียวกันนั้นที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็มีสาวงามอีกสองนางที่คอยรินสุราแล้วยื่นให้ ดูไปแล้วเจ้าชายวิลเลี่ยมคงไม่ได้คาดคิดแม้แต่น้อยว่าวันนี้มีใครบางคนกำลังวางแผนฆ่าฟันตนเองอยู่

แม็กรอคอยสำรวจดูทิศทางของรถม้าครู่หนึ่ง ก่อนจะพุ่งตัวจากหอคอยลงไปบนหลังคาอาการบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยพลังพื้นฐานที่มากพอควร ผนวกกับพลังปราณที่ยอดเยี่ยมทั้งสี่สายทำให้การวิ่งกระโจนข้ามไปตามหลังคาผู้คนนั้นง่ายดายยิ่ง ระยะห่างสองถึงสามเมตรนั้น เขาเพียงถีบเท้าส่งตัวเล็กน้อย ร่างก็ลอยละลิ่วข้ามผ่านไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเหยียบย่ำลงไปบนหลังคาอย่างแผ่วเบาเพราะลมปราณระดับสูงทำให้ร่างกายเบาหวิวราวกับขนนก

ทางหนึ่งวิ่งอ้อมไปด้วยวิชาตัวเบา อีกทางหนึ่งก็เปิดประสาทสัมผัสแห่งกาลเวลาจับตาดูเจ้าชายวิลเลี่ยมในรถม้าจากระยะห่างเกือบร้อยเมตรมากด้วยสิ่งกีดขวาง ไม่ว่าเจ้าชายจะเลี้ยวไปยังตอกซอยใด หรือเร่งความเร็วสลับช้าเพื่อคอยสังเกตคนแอบตามซับซ้อนเพียงใด แม็กก็ยังคงติดตามอยู่ห่าง ๆ

องครักษ์สังเกตการณ์นอกเครื่องแบบหลายสิบคนที่ติดตามรอบนอกไม่สามารถสังเกตเห็นได้ เพราะอยู่นอกระยะสายตา และนี่คือครั้งแรกที่แม็กนำเอาทักษะสัมผัสแห่งกาลเวลาอันยอดเยี่ยมมาใช้ในการลอบติดตามอย่างเป็นการเป็นงาน

สัมผัสแห่งกาลเวลาของแม็กในเวลานี้นั้น ทำให้เขาสามารถขยายสัมผัสถึงคนหรือวัตถุทำให้ทราบรูปร่างได้ทั้งที่มีสิ่งกีดขวาง ทั้งยังสามารถรับฟังคลื่นเสียงได้ ถึงแม้จะยังมีข้อจำกัดเรื่องระยะทางที่ทำได้ไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร แต่แค่นี้ก็ถือว่าเป็นทักษะที่สุดแสนจะน่าหวาดกลัวของผู้ถูกล่าแล้ว

หลังจากที่รถม้าของเจ้าชายวิ่งย้อนวนไปมาในเมืองครู่ใหญ่จนแน่ใจว่าไม่มีใครติดตามแล้ว รถม้าคันนั้นก็หักเลี้ยวออกจากเมืองไปทางประตูทิศเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ราบโล่งยากจะติดตามได้ และการกระทำอันลึกลับนี้ดูจะแปลความได้อย่างเดียวว่า เจ้าชายวิลเลียมคงจะคิดไปทำเรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ บางอย่างที่ไม่สามารถบอกกล่าวกับผู้คนได้

แม็กยืนยิ้มในมุมมืดของกำแพงเมืองทิศเหนือครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัววิ่งลัดเลาะไปตามตรอกซอยตรงไปทางประตูเมืองทิศตะวันตก เพราะจากการดักฟังคำสนทนาในรถนั้น ทำให้เขาทราบเป้าหมายที่แท้จริงของเจ้าชายเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าการเดินทางจะยอกย้อนเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วเป้าหมายของรถม้าก็คือสุสานมืด ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางประตูทิศตะวันตกนั่นเอง

ทั้งที่เป็นช่วงเวลาก่อนเที่ยงที่มีแสงแดดเจิดจ้า หากทว่าบรรยากาศในสุสานมืดนั้นกลับหนาวยะเยือกได้อย่างน่าแปลกประหลาด สถานที่แห่งนี้มีหมอกอ่อนจางปกคลุมตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศแลดูขมุกขมัว หลุมศพมีป้ายหินที่วางเรียงรายนับพันหลุมตามธรรมเนียมความเชื่อทางฝั่งตะวันตกก็มีส่วนทำให้บรรยากาศกลายเป็นวังเวงเวิ้งว้างวิเวกวิเหวโหวไม่น้อย

แม็กค่อย ๆ พุ่งลัดผ่านพุ่มไม้ในสุสานมืดเพื่อพรางตัว เขารู้สึกขนลุกเกรียวทั้งที่ปกติแล้วไม่ใช่คนกลัวเรื่องพวกนี้ ซึ่งเขาก็คงไม่หวาดกลัว หากประสาทสัมผัสของเขาทำให้เขาทราบว่าในสุสานมืดแห่งนี้ มีจุดพลังงานคล้ายกับสิ่งมีชีวิตกระจายอยู่เต็มไปหมด แต่ที่แตกต่างก็คือจุดพลังงานพวกนี้ไม่ได้มีพลังชีวิตอันอบอุ่น หากแต่เป็นขุมพลังอันเย็นเยียบของธาตุมืด และขุมพลังแต่ละจุดที่ว่าก็ดูเหมือนจะอยู่ใต้ดินตรงตำแหน่งหลุมฝังศพแต่ละหลุมนั่นเอง

‘ซอมบี้? พวกเผ่าอันเดด (Undead)? ปกติมันเป็นแบบนี้ป่าวหว่า’

ชายหนุ่มได้ศึกษาเกมมาบ้างแล้ว จึงทราบว่าในเกมนั้นมีพวกซอมบี้หรือซากศพที่สามารถเคลื่อนไหวได้ และพวกนี้นับเป็นเผ่าพันธุ์อันเดดที่ไม่ยอมตาย เพียงแต่ที่เขายังไม่รู้ก็คือ โดยปกติแล้วศพที่จะถูกนำมาฝังในสุสานมืดนี้ ควรจะถูกนำไปผ่านพิธีกรรมชำระล้างตามความเชื่อ เพื่อไม่ให้มีใครนำไปเป็นซอมบี้ได้ ดังนั้นการที่แต่ละศพในสุสานมืดมีพลังธาตุมืดแอบแฝงอยู่นั้นจึงไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาเด็ดขาด

หากเรื่องนี้ถึงหูเจ้าหน้าที่บ้านเมือง คงจะต้องเกิดการประกาศสภาวะฉุกเฉิน ระดมกำลังทหารและเหล่านักบวชเพื่อเตรียมกวาดล้างขุมพลังเหล่านี้แล้ว หากทว่าเรื่องนี้ยังคงเป็นความลับที่ไม่มีใครรู้ เนื่องจากไม่มีใครสามารถสัมผัสถึงขุมพลังใต้ดินได้ และคงไม่มีใครบ้าหาเรื่องขุดศพขึ้นมาสำรวจ เรื่องนี้จึงยังคงเป็นความลับที่ไม่มีใครอื่นรับรู้

แม็กย่อมไม่ทราบความจริงข้อนี้ และเขาก็ยังไม่ได้คิดจะสนใจเรื่องอื่นนอกจากหาตำแหน่งจัดการกับเจ้าชายวิลเลี่ยม เขาจึงค่อย ๆ ลัดเลาะพุ่มไม้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอกับตัวอาคารเก่าแก่ขนาดเล็กที่สร้างด้วยหินหลายสิบแห่ง ซึ่งมองดูจากภายนอกแล้วก็คล้ายกับสถานที่จัดเก็บศพของคนมีอันจะกินธรรมดา หากทว่าภายใต้สัมผัสอันคมกริบของแม็กนั้น เขาพบว่าหนึ่งในตัวอาคารเหล่านี้มีไอความมืดเข้มข้นพวยพุ่งออกมาอย่างที่บรรยากาศภายนอกเทียบไม่ติด

ด้วยความสงสัยทำให้เขาแง้มประตูเข้าไปสำรวจด้านใน ก่อนจะพบว่าข้างในนั้นเป็นเพียงห้องเล็ก ๆ ขนาดสามเมตรคูณสองเมตร ตรงกลางมีสิ่งที่เหมือนโลงศพที่สร้างด้วยหินปิดฝาไว้หนึ่งโลง และเขาก็ยังไม่แน่ใจนักว่าควรจะลองเปิดฝาโลงศพขึ้นมาสำรวจดูหรือไม่ ซึ่งหากเป็นโลกจริงเขาคงไม่ทำเรื่องลบหลู่คนตายแบบนี้แน่ หากทว่านี่คือในเกมที่อาจจะมีปริศนาบางอย่างให้แก้ไข เขาจึงทดลองเปิดแง้มฝาโลงออกด้วยใจระทึก ก่อนจะพบว่ามันเป็นเพียงโลงศพอันว่างเปล่าโลงหนึ่ง

ทันใดนั้นแม็กก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมา เพราะว่าได้ยินเสียงควบม้าจำนวนมากดังขึ้นทั้งยังพุ่งตรงมาทางอาคารหลังนี้ และจากประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของเขานั้นทำให้ทราบว่าที่ด้านนอกก็คือขบวนรถม้าของเจ้าชายวิลเลี่ยมนั่นเอง เขาจึงยิ่งแตกตื่นไม่ทันคิดว่าตนเองจะมาอยู่ในสถานที่ซึ่งอีกฝ่ายต้องการมา

ความแตกตื่นแรกยังไม่ทันจางหาย ความแตกตื่นที่สองก็ตามมาติด ๆ เพราะแม็กสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนอยู่ใต้พื้นอาคารแห่งนี้ หรือหากจะพูดให้ถูกก็คือใต้อาคารแห่งนี้มีทางลับ และใครคนนั้นกำลังเดินมาตามทางเดินซึ่งน่าจะเปิดเข้ามาในห้องเล็ก ๆ นี้พอดี

จะทะลวงออกไปก็ใช่ที่ จะรอให้ถูกพบเจอในนี้ก็ไม่ใคร่เหมาะสม แม็กจึงมองซ้ายมองขวาก่อนจะหยิบฉวยเอาผ้าคลุมศีรษะสีดำปิดบังใบหน้าเอาไว้ แล้วตัดสินใจมุดลงไปนอนในโลงศพหินแล้วขยับปิดฝาโลงไว้อย่างเรียบ ๆ ร้อย ๆ จากนั้นก็ปิดกลั้นลมหายใจ นอนโคจรพลังลมปราณรอคอย ซึ่งพลังปราณระดับสูงนี้ทำให้เขาสามารถกลั้นหายใจได้อย่างยาวนานยิ่ง

สองมือของเขามีโซ่ทิวากาลอาวุธระดับแปดดาวรอสำแดงเดชอยู่ ไม่ว่าใครก็ตามที่เปิดฝาโลงออก จะต้องโดนโซ่เส้นนี้ทะลวงทำลายชีวิตเป็นอับดับแรก ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเจ้าชายหรือทหารองครักษ์คนใดก็ตาม

“พวกเจ้ารักษาความปลอดภัยข้างนอก ข้าจะเข้าไปเคารพสุสานบรรพชนสักพักใหญ่”

ได้ยินเสียงเจ้าชายวิลเลี่ยมดังขึ้นจากด้านนอก จากนั้นก็เป็นเสียงเปิดตามด้วยปิดประตู และจากสัมผัสของแม็กนั้นทำให้เขาทราบว่าเจ้าชายวิลเลี่ยมเข้ามาในนี้เพียงคนเดียว และบางทีนี่อาจจะเป็นจังหวะเหมาะที่จะลงมือจัดการเจ้าชายก็เป็นได้ หากว่าไม่มีใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้จากพื้นดินด้านล่างเสียก่อน

เจ้าชายคล้ายจะรับรู้อยู่แล้วว่ามีทางลับใต้ดิน เขาจึงยืนนิ่งเงียบรอคอย และเพียงไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงครืดดังขึ้น โลงศพที่แม็กนอนอยู่ภายในขยับเขยื้อนไปด้านข้างทีละน้อย ก่อนจะเปิดเผยบันไดหินที่อยู่ด้านล่างซึ่งทอดยาวลึกลงไปจนประสาทสัมผัสของแม็กสำรวจได้ไม่ถึง

“เจ้ามาช้าวิลเลี่ยม”

เสียงหวานสดใสเหมือนสาวรุ่นเสียงหนึ่งดังขึ้น ที่น่าแปลกก็คือเจ้าของเสียงนั้นคล้ายกับไม่ได้เคารพต่อศักดิ์ฐานะเจ้าชาย อีกทั้งยังแสดงอารมณ์ตำหนิออกมาเสียด้วยซ้ำ และที่แปลกยิ่งกว่าก็คือเจ้าชายที่เย่อหยิ่งเอาแต่ใจกลับไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองหรือรำคาญใจ หากทว่าแสดงท่าทีเคารพนบนอบคล้ายเกรงกลัวต่อเจ้าของเสียงอยู่บ้าง

“ข้าขออภัยท่านพี่”

เจ้าชายวิลเลี่ยมกล่าวพลางก้มศีรษะด้วยท่าทีมากมารยาท แม็กจึงต้องใช้สัมผัสสำรวจหญิงสาวคนนั้นด้วยความสงสัย นั่นเป็นผู้หญิงวัยไม่เกินยี่สิบ หน้าตาสะสวย รูปร่างอวบอิ่มเต็มไปด้วยความโค้งเว้า ความงดงามนั้นแม้จะไม่เทียบเท่าสุดยอดร้อยแปดสาวงาม แต่ก็ถือได้ว่าใกล้เคียงกับระดับของเซเฟียนักรบสาวคนสวยทีเดียว

ที่น่าแตกตื่นก็คือแม็กสัมผัสได้ว่าหญิงสาวในเสื้อผ้าบางเบานางนี้มีเส้นผมและดวงตาสีฟ้า ซึ่งนั่นเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าเทพแบบเดียวกับอะโฟรไดที และกระแสเวทย์ธาตุแสงที่ไหลเวียนในร่างก็บ่งบอกว่านี่คือเผ่าเทพนางหนึ่ง แต่ที่น่าแปลกก็คือแม็กสัมผัสได้ว่าดวงตาของหญิงสาวนางนี้ดูจะเหม่อลอยไร้ชีวิต ทั้งยังสัมผัสได้ว่าในส่วนสมองของเธอนั้นมีแต่พลังธาตุมืดเข้มข้นอัดแน่นอยู่ ซึ่งนี่ไม่น่าจะเป็นสภาพปกติของเผ่าเทพ

“สถานการณ์เป็นยังไง?”

“ยังคงเป็นไปตามแผนครับท่านพี่ องค์ราชาโดนคำสาปของท่านพี่เข้าไปจนย่ำแย่คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินหนึ่งเดือน พวกมันเชิญบาทหลวงจอห์นสันมาช่วยซิสเตอร์มาเรีย แต่ก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ส่วนเจ้าหญิงเรนเน่นั้นถึงจะยังไม่ยินยอม แต่ก็คงจะฝืนแรงกดดันทางการเมืองไม่ได้ มหาอุปราชฟาร์โก้ ราชินีฟีโอร่า แม่ทัพทิศเหนือนอร์ดีน แม่ทัพตะวันตกเวสเตอร์ ตกลงสนับสนุนข้าให้เป็นคู่ครองของเจ้าหญิงแล้ว”

“เฮอะ เจ้าอย่าได้เชื่อถือไอ้เจ้าลิ้นสองแฉกฟาร์โก้มากนัก มันใฝ่ฝันที่จะครองบัลลังก์ราชาเมืองเลอองนิสต์มาเนิ่นนานแล้ว และมันเองก็คลั่งไคล้หลงไหลเจ้าหญิงเรนเน่ที่เจ้าหมายปองเช่นกัน ข้าไม่เชื่อว่ามันจะไม่มีแผนการตามหลัง”

“ข้าจะจดจำไว้ท่านพี่ แต่ข้ารับรองว่ามันจะไม่มีทางได้สิ่งที่มันต้องการ ไม่ว่าจะบัลลังก์ราชา หรือแม้แต่เจ้าหญิงเรนเน่”

“อย่าได้พลั้งเผลอ ไม่เช่นนั้นหากผิดพลาด ท่านพ่อคงจะพิโรธ และเจ้าคงจะย่ำแย่แล้ว”

หญิงสาวนางนั้นพูดไม่มีหางเสียง ในขณะที่เจ้าชายที่เย่อหยิ่งกลับต้องมาพูดจาสุภาพเรียบร้อย และเมื่อหญิงสาวคนนั้นพูดถึงท่านพ่อ เจ้าชายที่ไม่เคยเห็นหัวผู้ใดก็ถึงกับหน้าซีดตัวสั่นสะท้าน

จากประโยคสนทนาเหล่านี้ทำให้แม็กที่แอบซ่อนอยู่ในโลงศพเชื่อว่าเธอน่าจะเป็นพี่สาวร่วมบิดาของเจ้าชาย และนั่นแปลว่าเธอมีศักดิ์ฐานะเป็นเจ้าหญิงของเมืองแบล็คฟอร์ด ซึ่งจากข้อมูลที่เขาเคยสืบค้นมานั้น เจ้าชายวิลเลี่ยมเป็นลูกชายอันดับหนึ่ง จึงได้ตำแหน่งรัชทายาทตามธรรมเนียมเมือง แต่ว่าเจ้าชายยังมีพี่สาวหนึ่งคนชื่อว่าเจ้าหญิงเนวาน่า ซึ่งอาจจะเป็นเธอคนนี้ก็ได้

“ข้า … ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องราวผิดพลาด เมืองเลอองนิสต์จะต้องเป็นของพวกเรา … ว่าแต่ท่านพี่เนวาน่าเตรียมแผนสำรองไปถึงไหนแล้ว”

“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง พี่เตรียมการมาแล้วห้าปี ทหารของพวกเราลักลอบเข้ามาซุ่มซ่อนในอุโมงค์ลับแล้วราวสองพันนาย ส่วนทหารที่ชายแดนตะวันออกอีกสองหมื่นห้าพันนายก็รอรับคำสั่ง แม่ทัพฟาร์อีสต์คงโดนกดดันจนทำอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากนั้นเรายังมีผู้บงการศพคลาสสองและคลาสสามหนึ่งร้อยสิบสองคน ศพระดับต่ำที่ผ่านพิธีกรรมพร้อมเป็นซอมบี้อีกหนึ่งพันสี่ร้อยศพ กองพันทหารโครงกระดูกอีกสามร้อยตน และเรายังมีศพของเผ่าเทพคลาสห้าที่สุดแสนจะแข็งแกร่งอีกห้าร่าง รับรองว่าใครก็ต้านไม่อยู่”

“ท่านพี่ข้าขอศพของเผ่าเทพสักร่างได้หรือไม่”

“คิก คิก อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะต้องการศพไปทำสิ่งใด เจ้านี่ช่างวิตถารนัก แม้แต่ศพไร้ชีวิตก็ยังคิดจะย่ำยีหรือไร แต่คำตอบคือไม่ได้ นี่ถือเป็นอาวุธร้ายของข้าผู้บงการศพ ไม่ใช่ตุ๊กตาบำบัดความใคร่ให้เจ้า”

“ข้าเองก็อยากทดลองของแปลกใหม่บ้าง ศพของเผ่าเทพสาวแต่ละศพก็สวยงามมีเสน่ห์ยั่วเย้า ข้าคงจะเสียดายมาก หากว่าพวกท่านพี่ไม่ได้แหวนรักษาสภาพไอเท็มระดับเจ็ดดาวห้าวงที่ข้าขวนขวายหามาให้ ความสวยงามของเทพสาวเหล่านี้คงจะต้องเน่าเปื่อยแล้ว”

“อ้อ พูดทวงบุญคุณซินะ แต่ก็จริงของเข้า หากไม่ได้แหวนรักษาสภาพ ความงดงามของเทพสาวเหล่านี้คงจะถูกความเน่าเปื่อยทำลายไป และข้าก็คงไม่สามารถรับสัมผัสเลือดเนื้ออันวาบหวิวผ่านทางซากร่างพวกนี้ได้”

จากคำพูดนั้นทำให้แม็กทราบว่านี่คงจะเป็นเจ้าหญิงเนวาน่าอย่างไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่นี่อาจจะไม่ใช่ร่างจริงของเธอ ดูเหมือนว่านี่คงจะเป็นร่างศพไร้ชีวิตของเผ่าเทพคลาสห้า และโดนบงการควบคุมด้วยทักษะของเนโครมานเซอร์ผู้บงการศพที่อยู่ที่ไหนสักแห่ง

นอกจากนี้ข้อมูลเรื่องกำลังทหารและซอมบี้นั้นกำลังทำให้แม็กสมองพองโต เขาไม่แน่ใจนักว่าจำนวนนี้ถือว่ามากหรือไม่ แต่น้ำเสียงมั่นใจของอีกฝ่ายนั้นทำให้เขาเชื่อว่ามันคงมากพอที่จะบดขยี้กองกำลังของเมืองเลอองนิสต์ได้ไม่ยากนัก

รับฟังถึงตอนนี้เขาก็ได้รับทราบว่าไม่ใช่เพียงเจ้าชายวิลเลี่ยมที่คิดวิตถารกับศพ เพราะเจ้าหญิงเนวาน่าเองก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก แล้วควบคุมร่างของเผ่าเทพสาวไปโอบกอดจูบปากกับเจ้าชายอย่างดุเดือดเร่าร้อน ด้านเจ้าชายเองก็ลงมือลูบคลำขยำขยี้ไม่ได้หยุด เพียงพริบตาเดียวเสื้อผ้าบางเบาบนร่างอวบอิ่มของเทพสาวก็หลุดลุ่ยจนเปลือยเปล่า

ฉากวาบหวิวและเสียงครวญครางของเจ้าหญิงเนวาน่าทำให้แม็กงุนงงสงสัย ว่าซากศพนั้นสามารถรับรู้สัมผัสได้ด้วยหรือ และทักษะของผู้บงการศพนั้นจะสามารถรับสัมผัสผ่านร่างซากศพได้เหมือนทักษะเก้าร่างอวตารของเขาด้วยหรือไม่

เสียงครวญครางด้านนอกยิ่งมายิ่งดังกระเส่า ร่างเทพสาวโดนจับยืนโก้งโค้งแนบใบหน้าลงบนโลงศพที่แม็กซุกซ่อนอยู่ ในขณะที่เจ้าชายวิลเลี่ยมนั้นกำลังโหมกระแทกจากด้านหลังถี่ยิบ

เจ้าหญิงเนวาน่าส่งเสียงร้องสาแก่ใจ หากทว่าร่วมรักกันเพียงไม่ถึงสิบวินาที เจ้าชายไก่อ่อนก็ส่งเสียงครางเสร็จสมไปก่อน เจ้าหญิงในร่างเทพสาวซึ่งหน้าแดงก่ำอารมณ์คุกรุ่นจึงแสดงท่าทีหงุดหงิด หันไปผลักเจ้าชายจนล้มกลิ้งลงไปกับพื้นด้วยความโกรธเคือง

“เฮอะ เจ้านี่มันยังไร้น้ำยาเหมือนเดิม ไม่เคยพัฒนาเลยสักนิด จงตามข้ามา เจ้าบอกว่าอยากได้ยาเสน่ห์ใช่หรือไม่ ว่าแต่เจ้าจะต้องการมันไปเพื่ออะไร ในเมื่อเจ้าหญิงเรนเน่นั้นเป็นเผ่าภูติน้ำแข็งที่ทานทนต่อคำสาป”

เจ้าหญิงเนวาน่าส่งเสียงด่าด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหมุนตัวหยิบเสื้อผ้าไปสวมใส่บนร่างซากศพของเทพสาว แล้วเดินย่ำเท้าลงไปในทางใต้ดิน ก่อนที่เจ้าชายจะรีบสวมใส่เสื้อผ้าแล้ววิ่งตามลงไปพร้อมกับตอบคำถาม

“ข้าไม่ได้คิดใช้งานกับเจ้าหญิงเรนเน่ เพียงแต่ข้ากำลังหมายตาแปดสาวงามจากทวีปไชนี่อยู่ แม้พวกนางจะเป็นทาสมีเจ้าของแล้ว แต่พวกนางก็ต้องตกเป็นของข้าอยู่วันยังค่ำ ข้าจะใช้ยาเสน่ห์ให้พวกนางหลงไหลข้า และข้าจะไปฆ่าเจ้าของพวกนางให้มันตายตก จนกว่ามันจะยอมยกพวกนางให้ข้า ฮ่า ฮ่า”

เสียงหัวเราะของเจ้าชายวิลเลี่ยงดังก้องสะท้อนไปมาในทางลับขนาดพอดีคนเดินผ่าน ในขณะที่แม็กซึ่งซุกซ่อนอยู่ในโลงศพนั้น ค่อย ๆ ผลักฝาโลงออก แล้วลุกขึ้นมาเดินตามเข้าไปในทางลับด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบดุจดั่งจอมมาร เขารู้สึกว่าเจ้าชายวิลเลี่ยมและเขานั้นช่างมีความคิดเห็นตรงกันเสียเหลือเกิน … เขาเองก็อยากเชือดเจ้าชายทิ้งเช่นกัน

…………………………………………………..

Related

Prev
Next

Comments for chapter "Xtreme Online 27 - วิญญาณกาฝาก"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved