ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

Xtreme Online 12 - เผ่าพันธุ์ใหม่

  1. Home
  2. Xtreme Online
  3. Xtreme Online 12 - เผ่าพันธุ์ใหม่
Prev
Next

XO ตอนที่ 12 – เผ่าพันธุ์ใหม่

รอบด้านมีแต่ความมืดมิดที่มองไม่เห็นแม้แต่มือตนเอง รอบด้านไม่มีสิ่งใดไม่มีแม้แต่สายลมพัดผ่าน ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกว่าปะทะกับอากาศทั้งที่มั่นใจว่าตนเองกำลังร่วงดิ่งลงไปเบื้องล่าง … เขากำลังดิ่งลงไปยังความมืดที่ให้ความรู้สึกราวกับไร้ก้นบึ้ง

ช่วงแรกนั้นเขายอมรับว่ารู้สึกแตกตื่นหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจำได้แค่ว่ากำลังมีเซ็กส์กับแม่หมอพยากรณ์คนสวยไปหนึ่งยก หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนโดนกระชากเข้ามาอยู่ในที่มืดนี้

กระนั้นหลังจากร่วงดิ่งลงมาได้สักพักใหญ่ เขาก็เริ่มหายตื่นกลัว เพราะเริ่มสำนึกได้ว่านี่เป็นแค่เกม อย่างดีเขาก็แค่ตายแล้วก็ไปเกิดใหม่ ดังนั้นต่อให้มันน่ากลัวสักแค่ไหน มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขามากนักอยู่แล้ว

“… มันจะลึกไปถึงไหนล่ะนี่”

แม็กส่งเสียงบ่นพลางพยายามเปิดหน้าจอของระบบเพื่อตรวจสอบ แต่เขากลับพบว่าไม่สามารถเปิดหน้าจอได้ เขาจึงลองทดสอบร่ายเวทย์ที่ให้แสงสว่างได้ออกมาแทน

“Holy Light (แสงศักดิ์สิทธิ์)”

เขายกมือขึ้นร่ายเวทย์พื้นฐานของนักบวช นี่คือเวทย์ที่ใช้ปัดเป่าลบล้างความมืด มีสรรพคุณเป็นแหล่งกำเนิดแสง และทำร้ายบั่นทอนพวกสิ่งมีชีวิตธาตุมืดและธาตุวิญญาณเป็นหลัก แต่จะไม่มีผลกับคนหรือสิ่งมีชีวิตทั่วไป

แสงศักดิ์สิทธิ์สว่างวาบออกมาจากกลางฝ่ามือเป็นกลุ่มแสงสีขาวบริสุทธิ์ขนาดเท่าลูกบอลลูกหนึ่ง มันทำให้เขามองเห็นแขนขาของเขาเป็ฯเงาวูบ ก่อนจะลอยพุ่งขึ้นไปด้านบนด้วยความเร็วจนเห็นเป็นจุดสีขาว แล้วหายวับไปในพริบตา

แม็กเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความงุนงง แต่เขาทราบดีว่าที่แท้แล้วบอลแสงไม่ได้หายไปไหน มันลอยอยู่กับที่ แต่เป็นเขาต่างหากที่ร่วงหล่นลงมาข้างล่างด้วยความเร็วสูงจนดูเหมือนบอลแสงบินหนีหายไปด้านบน ดังนั้นคำถามถัดมาที่เขากังวลก็คือ เขาจะร่วงลงไปกระแทกพื้นตายหรือไม่?

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอดังอึกเมื่อนึกถึงเรื่องตาย เขาเคยอ่านเจอว่าความเจ็บในเกมนั้นจะมีเพียงแค่ 20% ของโลกจริง ซึ่งก็คงถือเป็นข่าวดี แต่จะยังไงเขาก็ยังไม่อยากทดสอบรับความเจ็บปวดของการร่วงลงไปกระแทกพื้นจนตาย

“เอาไงดีฟะ … คิด สิ คิด …”

แม็กพยายามใช้หัวคิดว่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี้อย่างไร แต่คิดเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก คว้ามือไปรอบด้านก็ไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยว จะเรียกไอเท็มอะไรมาใช้ก็ทำไม่ได้ เพราะเปิดหน้าจอระบบไม่ได้ สิ่งที่เขาเหลือก็น่าจะมีเพียงแค่เวทย์มนตร์

เมื่อนึกถึงเวทย์มนตร์ เขาก็นึกได้ว่าเขาเป็นถึงนักบวชระดับหก หรือที่เรียกว่า Angelus (เทวฑูต) ดังนั้นน่าจะมีอะไรบางอย่างที่สามารถกระทำได้ และเมื่อได้ใช้สติครุ่นคิดสักหน่อย เขาก็เริ่มนึกถึงเวทย์มนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการบินซึ่งเป็นเวทย์ของนักบวชระดับสูง

“Angelus Wing (ปีกแห่งเทวฑูต)”

ร่างของชายหนุ่มเปล่งแสงสีเงินอ่อนจางออกมาเมื่อเวทย์มนตร์โดนเรียกใช้ จากนั้นปีกแห่งเทวฑูตซึ่งมีสีเงินสว่างเรืองรองก็งอกออกมาจากกลางหลังสองคู่ และมันก็เริ่มสยายออกจนเห็นเป็นปีกนกขนาดใหญ่สวยงามทรงพลัง นี่เป็นเวทย์ระดับสูงที่ยังไม่เคยปรากฎว่ามีผู้เล่นครอบครองมาก่อน … หากทว่าปัญหาก็คือ เจ้าตัวกลับไม่ทราบว่าจะบังคับให้มันขยับบินได้อย่างไร!!!

“ขยับซิเว้ย เฮ้ย”

แม็กส่งเสียงด้วยความหงุดหงิด หากทว่าปีกทั้งสี่ข้างนั้นเพียงขยับแผ่วเบาเหมือนไร้เรี่ยวแรง ร่างของเขาจึงยังคงดิ่งลงไปเบื้องล่างเหมือนลูกนกที่ร่วงหล่นจากรังรวง

“เหวอ!!!”

หลังจากพยายามกระพือปีกอยู่เนิ่นนานแต่ไม่ประสบผล เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกจนต้องส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นเสียงร้องก็ขาดหายเพราะร่างของเขาร่วงหล่นลงไปในของเหลว ของเหลวเหนียวหนืดนั้นจึงหลั่งไหลเข้ามาในปากส่วนหนึ่งจนเกิดฟองอากาศพรั่งพรูออกมา

ยังดีที่เขาเคยมีประสบการณ์ดำน้ำอยู่บ้าง พอเริ่มได้สติก็เลยรีบปิดปากกลั้นหายใจ ปล่อยให้ร่างกายทิ้งดิ่งลึกลงไปในของเหลวที่เหนียวหนืดกว่าน้ำตามน้ำหนักตัวที่ทิ้งดิ่งลงมา ถึงแม้ว่าจะเจ็บสักหน่อย แต่ก็ยังโล่งใจที่ตกลงมาในน้ำที่ลึกพอสมควร ไม่เช่นนั้นเขาคงได้กระแทกพื้นตายทั้งที่มีปีกติดตัวอยู่เป็นแน่

นี่เป็นอีกครั้งที่เขาอยู่กับความมืดสนิท ที่ดีกว่าเดิมก็คือการร่วงหล่นที่เหมือนจะไร้จุดจบของเขาได้หยุดลงแล้ว แต่ที่แย่ก็คือไอ้ของเหลวเหนียวหนืดพวกนี้มันให้ความรู้สึกเย็นเยียบแปลก ๆ ทั้งยังรู้สึกเหมือนพวกมันพยายามเกาะติดชอนไชเข้ามาในร่างของเขาด้วย

ความรู้สึกพิลึกเหมือนโดนปลิงเกาะไปทั่วตัวแบบนี้ทำให้เขาแตกตื่นจนแทบแหกปากร้องออกมา แต่จะแหกปากร้องก็คงไม่ได้เพราะกลัวมันหลุดเข้ามาในปาก จึงต้องรีบควบคุมสติตัวเองขยับแขนขาเพื่อแหวกว่ายพาตัวเองไปยังทิศที่คิดว่าเป็นด้านบน เขารู้ดีว่าอันตรายยังคงอยู่ เพราะหากว่าเขาขึ้นไปข้างบนไม่ทัน เขาคงต้องขาดอากาศหายใจตายในนี้เป็นแน่

‘หือ … ขาดอากาศหายใจเหรอ?’

แม็กเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างขณะครุ่นคิด เพราะเขาพบว่าเขาไม่ได้ขาดอากาศหายใจอย่างที่ควรเป็น ถึงแม้เขาจะกลั้นหายใจอยู่ก็ตามที

เมื่อได้สำรวจร่างกายตัวเอง เขาก็พบว่าหน้าอกของเขายังขยับขยายและหดตัวลงสลับไปมาเหมือนกับตอนหายใจตามปกติ ทั้งที่เวลานี้เขาปิดปลั้นไม่ได้หายใจทางปากหรือจมูก นี่ราวกับว่าเขาหายใจได้ทางผิวหนัง หรือไม่ก็คือเขาไม่ได้หายใจจริง ๆ

นั่นเป็นความสงสัยที่ยังไม่มีคำตอบ แต่เขาก็ไม่ได้ครุ่นคิดใส่ใจกับมันมากนัก เพราะหลังจากพยายามแหวกว่ายอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็โผล่พรวดพ้นของเหลวเหนียวหนืดพวกนี้ขึ้นไปด้านบนได้สำเร็จ แต่เขาก็ยังพบว่าไอ้ของเหลวพวกนี้มันเหมือนกับพยายามจะดึงเขาลงไปด้านล่างตลอดเวลา

“Holy Light (แสงศักดิ์สิทธิ์)”

แม็กร่ายเวทย์สร้างบอลแสงขึ้นมาอีกครั้ง เพราะรอบด้านยังคงมืดมิดไร้ซึ่งแสงอันใด และเมื่อบอลแสงปรากฎขึ้น เขาก็ได้พบเห็นว่าของเหลวที่ตนเองแช่อยู่ครึ่งตัวนั้นเป็นของเหลวเหนียวหนืดสีแดงดำ … พวกมันแลดูคล้ายกับเลือด

กรี๊ซซซซซซซ … ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดก็แผดร้องดังออกมาจากรอบบริเวณจนเขาสะดุ้งเฮือก บรรดาของเหลวเหนียวหนืดคล้ายเลือดกระเพื่อมไหวเป็นลูกคลื่น พวกมันเปิดทางแหวกออกเป็นช่องใหญ่เมื่อสัมผัสเข้ากับแสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินนั้นเข้า

แม็กได้แต่ตื่นตะลึงนิ่งอยู่กับที่ เวลานี้เขากำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ โดยที่ปีกทั้งสี่ข้างกำลังกระพืออยู่แผ่วเบา รอบข้างมีของเหลวสีแดงดำที่แหวกออกไปราวกับเกรงกลัวต่อบอลแสงที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นมา

ถึงแม้ว่าประสบการณ์ในการเล่นเกมจะต่ำต้อย แต่จะอย่างไรเขาก็พอคาดเดาได้ว่าไอ้ของเหลวพวกนี้คงจะเป็นอะไรสักอย่างที่สังกัดธาตุมืด ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีปฏิกิริยาต่อบอลธาตุแสงของเขามากมายถึงเพียงนี้

เมื่อคิดได้ว่าของเหลวเหล่านี้น่าจะไม่ปลอดภัยและต้องเคลื่อนไหวหลบหนี ปีกทั้งสี่ข้างก็เริ่มกระพือตีอากาศนำพาร่างของเขาลอยลิ่วขึ้นไปด้านบนทั้งที่เขาไม่ได้บังคับสั่งการ เวลานี้เขาจึงเริ่มจับทริคในการสั่งการได้บ้างแล้ว

ปีกทั้งสี่ข้างกระพือเบาลง ทำให้ร่างของเขาหยุดลอยค้างอยู่ในอากาศทันทีเมื่อเขาคิดไปว่าจะหยุดตรงตำแหน่งนี้ และเมื่อเขาคิดจะไปด้านหน้า ปีกทั้งสี่ข้างก็กระพือนำเขาไปยังทิศทางนั้น และเมื่อทดลองซ้ำไปมาอีกสี่ห้ารอบ เขาก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า เขาไม่จำเป็นต้องบังคับปีกพวกนี้เหมือนแขนขา เขาเพียงแค่คิดว่าจะพุ่งตัวไปทางไหนก็เพียงพอแล้ว

“ยะฮู้!!!”

ทั้งที่ยังไม่ทราบว่าตนเองหลุดมาอยู่ที่ใด เขากลับยังมีอารมณ์สนุกสนานส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นไปกับการเหินบินไปมาบนอากาศด้วยปีก เพราะนี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่น่าตื่นเต้น ถึงแม้ว่าในโลกภายนอกจะมีอุปกรณ์การบินที่เรียกว่าเครื่องเจ็ตสำหรับสวมใส่ใช้คนเดียว แต่เท่าที่เขาเคยลองนั้นมันไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนใช้ปีกบินแบบนี้

“… แล้วนี่มันที่ไหนหว่า? หน้าจอระบบก็ยังใช้งานไม่ได้เหมือนเดิม …”

หลังจากลองเหินบินเล่นในความมืดได้สักระยะ เขาก็เริ่มหันมาสนใจสถานการณ์ของตนเองอีกครั้ง แต่มองไปโดยรอบก็มองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืด เขาจึงทดลองสร้างบอลแสง แล้วยิงปล่อยออกไปรอบทิศทาง และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ พวกมันค่อย ๆ กลายเป็นจุดแสงที่เล็กลงกระทั่งหายลับไปในความมืดที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากที่ทดลองบินวนไปมา แล้วปล่อยบอลแสงได้อีกราวเกือบสิบรอบ เขาก็ต้องเกือบถอดใจเมื่อบอลแสงเหล่านั้นล้วนแล้วแต่สูญหายไร้ร่องรอยไปในความมืด แต่แล้วในการทดลองครั้งสุดท้ายนั้น บอลแสงที่ปล่อยไปทิศทางหนึ่งได้ปะทะเข้ากับบางอย่างจนแตกกระจายออก และนั่นทำให้เขาทราบว่าทิศทางนั้นมีอะไรบางอย่าง

แม็กรีบบินไปยังทิศทางนั้นทันที ถึงแม้จะยังไม่ทราบว่านั่นคืออะไร แต่อย่างน้อยการมีอะไรบางอย่างก็ยังดีกว่าความเวิ้งว้างไร้สิ้นสุด

เขาเสกบอลแสงขึ้นมาอีกครั้ง และควบคุมมันไว้ใกล้ตัวขณะที่ค่อย ๆ บินลอยเข้าไปใกล้กับอะไรบางอย่างที่แลดูใหญ่โต มันคล้ายกับเสาหินขนาดใหญ่สูงลิบที่มีสีขาวหม่น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของมันน่าจะไม่ต่ำกว่าสามสิบเมตร

แม็กบินวนสำรวจรอบสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นเสาหินรอบหนึ่ง ก่อนจะพบว่าสิ่งที่เหมือนเสาหินนี้ไม่ได้มีแค่ต้นเดียว ท่อนล่างของมันจมอยู่ในของเหลวเหนียวหนืดสีแดงดำ ส่วนด้านบนนั้นยังไม่เห็นว่ายาวยืดขึ้นไปถึงไหน แต่เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นเสาที่ใช้ค้ำยันอะไรบางอย่าง เขาจึงตัดสินยิงบอลแสงขึ้นไปด้านบนเพื่อเบิกทาง พร้อมกับค่อย ๆ บินทะยานขึ้นไปด้านบนอย่างระมัดระวัง

เมื่อขึ้นไปได้ระยะหนึ่ง ลักษณะของสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นเสาหินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย มันมีสิ่งที่คล้ายกับข้อต่อ จากนั้นก็มีสิ่งที่คล้ายกับเสาหินสีขาวหม่นต่อจากข้อต่อนั้นอีกชั้น แต่คราวนี้มันเอนลงไปจนแทบขนานกับพื้นไปอีกทางด้านหนึ่ง

“นี่มันเหมือนกระดูก? … ไม่ใช่มั้ง?”

แม็กรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาเมื่อรู้สึกสะกิดใจว่าสิ่งนี้ไม่น่าจะใช่เสาหิน และมันเหมือนกับกระดูกเสียมากกว่า เพียงแต่นั่นไม่น่าจะใช่เพราะว่ามันใหญ่โตเกินไป หากว่านี่เป็นกระดูก ก็คงต้องเป็นกระดูกของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ภูเขาสักลูก ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้นอกจากในโลกแฟนตาซี … จากนั้นเขาก็ได้คิดว่า ก็นี่แหละคือโลกแฟนตาซี

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยความกริ่นเกรง แต่เขายังคงตัดสินใจลอยตัวไปตามแนวของสิ่งที่เหมือนกระดูกนี้อย่างช้า ๆ จนกระทั่งลอยไปหยุดลงตรงกลางระหว่างสิ่งที่คล้ายกระดูกจำนวนห้าชิ้น

“หืม … คล้ายจริง ๆ แฮะ … นี่มันคล้าย … กระดูกมือของคน?”

หลังจากมองสำรวจได้อีกครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังสั่นกลัว แม้แสงจากเวทย์มนตร์จะไม่สว่างเพียงพอ แต่เขาก็พอประเมินคาดเดาได้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นคล้ายกับกระดูกมือ และกระดูกมือนี้ก็วางหงายอยู่บนสิ่งที่เหมือนกับกระดูกขา

“Holy Light (แสงศักดิ์สิทธิ์)”

แม็กสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อระงับความแตกตื่น จากนั้นก็รวบรวมความกล้าเรียกใช้เวทย์บอลแสงอีกครั้ง หากทว่าคราวนี้เขาหน่วงมันไว้ พร้อมกับเร่งเร้าส่งพลังเวทย์เข้าไปเรื่อย ๆ จนลูกพลังที่ปกติมีขนาดเท่าลูกบาสค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นทีละน้อย

จวบจนกระทั่งเมื่อมันมีขนาดใหญ่โตราวกับรถบัสหนึ่งคัน แสงสว่างที่สาดส่องออกมาก็แลดูคล้ายกับพระอาทิตย์ดวงน้อย และเมื่อความมืดมิดถูกขับไล่จนมองเห็นวัตถุที่เขาสงสัย ชายหนุ่มก็ถึงกับแทบหยุดหายใจ

“กระดูกยักษ์!!!”

แม็กเบิกตาโพลงพูดออกมาราวกับละเมอ เพราะสิ่งที่เขาเห็นเบื้องหน้านั้นคือซากกระดูกที่ใหญ่โตราวกับยักษ์ปักหลั่นตนหนึ่ง เวลานี้เขาลอยตัวอยู่ที่บริเวณกระดูกซี่โครงของมัน และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปด้านบน เขาจึงค่อยพบว่านั่นเป็นกระโหลกสีขาวหม่นขนาดใหญ่ยักษ์ที่สามารถอ้าปากงับช้างเข้าได้ไปสักห้าตัวในคำเดียว

ที่น่าแปลกใจก็คือที่บริเวณกระดูกคอ และข้อมือของโครงกระดูกนี้ปรากฎโซ่สีดำขนาดมหึมารัดพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับเกรงกลัวว่าเจ้าโครงกระดูกนี่จะลุกขึ้นมา

เขาหยุดนิ่งลืมตาค้างอยู่เนิ่นนานพอดู กระทั่งเมื่อเห็นว่าไม่มีอันตรายอะไร จึงค่อยเริ่มบินใกล้เข้าไปใช้มือแตะโครงกระดูกยักษ์สีขาวหม่นนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เขาสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความสนอกสนใจ ก่อนจะพบว่าที่กระดูกทรวงอกของมนุษย์ยักษ์ตนนี้ มีหอกสามง่ามขนาดใหญ่ยักษ์ปักเสียบคาอยู่ กระดูกบางส่วนโดนเสียบแทงจนทะลุไปด้านหลัง แต่นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีส่วนใดชำรุดเสียหายหรือเสื่อมสภาพอีก

“สามง่ามของยักษ์อีกตัวงั้นเหรอ?”

แม็กถามตัวเองพลางนึกภาพมนุษย์ยักสองตัวต่อสู้กัน เขาร่อนลงไปยืนบนส่วนด้ามของสามง่ามขนาดยักษ์ แล้วพยายามประเมินขนาดรูปร่างของมนุษย์ยักษ์ทั้งสองตน หรือบางทีอาจจะมีมากกว่าสอง และทันใดนั้นเขาก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความรู้สึกเย็นเยียบราวกับตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง เพราะได้ยินเสียงทุ้มต่ำราวกับภูติผีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“… หึ หึ … ตัวข้าไม่ใช่เผ่าพันธุ์กระจอกแบบนั้นหรอกนะเจ้าหนู …”

เมื่อสิ้นเสียงที่คล้ายกับจะดังก้องไปทั่วหล้านั้น ก็พลันปรากฎดวงแสงสีเงินขนาดใหญ่คู่หนึ่งปรากฎขึ้นที่ด้านบน และเมื่อเขาหันไปมองก็ได้พบว่านั่นเป็นแสงที่เปล่งออกมาจากเบ้าตาอันกลวงโบ๋ของกระโหลก

นอกจากแสงในเบ้าตาแล้ว เขายังพบว่าส่วนปากและขากรรไกรของกระโหลกนั้นขยับเบา ๆ ขณะที่ส่งเสียงพูดออกมา และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาแตกตื่นจนแทบฉี่ราด

หนี!!! นั่นคือความคิดเดียวที่แวบผ่านเข้ามาในหัวสมอง แม้จะยังไม่รู้ว่านั่นเป็นมิตรหรือศัตรู แต่ว่าแค่รังศีอำมหิตที่แผ่พุ่งออกมาก็เพียงพอแล้วจะทำให้เขาหวาดกลัวจนต้องถอยหนีออกไปก่อน และเมื่อสมองคิดหนี ปีกทั้งสี่ข้างก็ขยับวูบนำพาร่างของเขาพุ่งถอยฉากห่างออกมาอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูดอกหนึ่ง

“เอ๊ะ!!!”

อย่างไรก็ตามแม็กกลับต้องส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ เพราะเมื่อครู่เขาคิดว่าเขาบินถอยห่างออกไปได้พอสมควรแล้ว หากทว่าเวลานี้เขากลับพบว่าเขายังยืนอยู่บนอาวุธสามง่ามอยู่เช่นเดิม

ความแปลกพิสดารของเหตุการณ์ทำให้เหงื่อผุดออกมาจากใบหน้า ทั้งที่ร่างกายกำลังเย็นเฉียบจากผลของรังสีฆ่าฟัน แต่จะอย่างไรเขาก็ยังพุ่งตัวหลบหนีไปอีกครั้ง

คราวนี้เขาพุ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ทั้งยังพุ่งด้วยความรวดเร็วกว่าเดิม หากทว่าหลังจากที่คิดว่าเขาพุ่งออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว เขากลับยังคงพบว่าเขายังยืนอยู่ที่เดิมบนอาวุธสามง่ามชิ้นนั้น

ความพยายามที่สูญเปล่าทั้งสองครั้งทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก นอกจากเงยหน้าขึ้นมองดูหัวกระโหลกที่มีแสงสีเงินเปล่งออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้าง เขายังไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาแน่ใจว่านี่เป็นเพราะมนุษย์ยักษ์ตนนี้ เขาจึงตัดสินใจยืนนิ่งรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อนจะตัดสินใจทำอะไร เพราะมั่นใจว่าต่อให้เขาพยายามหนีอีกสักร้อยรอบ ก็คงหนีไปไหนไม่พ้น

“หึ หึ น่าสนใจนี่เจ้าหนู ฉลาดมากที่ไม่ใช้แรงหนีอย่างไร้ประโยชน์ เพราะต่อให้เจ้ารวดเร็วสักเพียงใด เจ้าก็ไม่มีทางรวดเร็วไปกว่ากาลเวลาได้ หึ หึ ฮ่า ฮ่า”

เบ้าตากลวงโบ๋ที่มีแสงสีเงินนั้นก้มลงมามองเขา ส่วนกระดูกคางและฟันที่ไร้เลือดเนื้อนั้นขยับหัวเราะกระแทกกันดังกุกกัก นั่นคล้ายกับฉากสุดสยองในหนังผีเรื่องหนึ่ง หากทว่านี่เป็นความสยองที่สัมผัสได้โดยตรง แม็กจึงเริ่มรู้สึกเหมือนแข้งขาอ่อนแรงจนแทบทรุด

“แล้วนี่เจ้าเป็นใครกันเจ้าหนู จึงสามารถลงมายังสถานที่ซึ่งลึกที่สุดของนรกมืดได้ … อาา … นี่มันผ่านมากี่หมื่นปีกันแล้วนะ ที่ข้าไม่ได้พบเจอผู้คนจากภายนอก”

น้ำเสียงแข็งกร้าวทรงพลังนั้นเอ่ยถามพร้อมกับปลดปล่อยความรู้สึกฆ่าฟันออกมาอย่างต่อเนื่อง แม็กที่ต้องยืนรับความรู้สึกนั้นโดยไม่อาจหลบหนีกำลังรู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นลูกกบที่ได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่ต่อหน้าพญาอสรพิษตัวหนึ่ง

“เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ข้าถามไม่ได้ยินหรือไงกัน!!!”

เมื่อแม็กไม่ตอบคำถาม เจ้าโครงกระดูกนั้นก็ตวาดถามด้วยความโกรธเกรี้ยวจนเขาสะดุ้งโหยง กว่าจะสงบจิตใจอ้าปากตอบคำถามได้ ก็ผ่านไปครู่ใหญ่แล้ว

“… เข้ามาที่นี่ได้ยังไง … ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ผมอยู่ของผมดี ๆ ก็หลุดเข้ามาในนี้”

“หือ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่เจ้าจะบอกว่าอยู่ดี ๆ เจ้าก็โผล่มาสถานที่หวงห้ามที่สุดในสามโลกได้งั้นรึ เจ้าเพียงอยู่เฉย ๆ ก็โผล่เข้ามาในสถานที่ซึ่งถูกควบคุมจากมหามนตราโบราณได้อย่างงั้นหรือ เจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องตลกหรือไง”

โครงกระดูกยักษ์ส่งเสียงตวาดพร้อมกับปล่อยความคิดฆ่าฟันออกมาอีกครั้ง ทั้งยังรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่าจนสองขาของแม็กอ่อนแรงต้องทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ล้มลงไป เขาก็พยายามสูดลมหายใจระงับความแตกตื่น แล้วลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้งด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวน้อยลงกว่าเดิม เพราะจะอย่างไรเขาก็ได้คิดแล้วว่านี่เป็นเพียงแค่เกม ถึงแม้มันจะเหมือนจริงสักเพียงใด แต่นี่ก็เป็นแค่เกม

“… เอาแต่ตวาดอยู่ได้ มันหนวกหูไม่ใช่หรือไง คุยกันดี ๆ เป็นมั้ย ถือว่าตัวใหญ่กว่าแล้วจะรังแกกันได้หรือไง”

แม็กส่งเสียงต่อว่ากลับไปอย่างตรงไปตรงมา เจ้ากระดูกยักษ์นั้นก็ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีความกล้าถึงเพียงนี้ มันจึงชะงักอึ้งไปวูบหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะลั่นจนอากาศรอบข้างสั่นสะเทือนปั่นป่วน และที่ให้ความรู้สึกหลอกหลอนที่สุดก็คงเป็นเสียงกึกกึกของฟันที่กระแทกเข้าหากันเป็นระยะนั่นเอง

“หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า นั่นซินะ เจ้านี่มันช่างน่าสนใจจริง ๆ ก็ได้ เรามาคุยกันดี ๆ ก็แล้วกัน จะอย่างไรเจ้าก็เป็นคู่สนทนาคนแรกของข้าในรอบหมื่นปีที่ผ่านมา … เอาล่ะ เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร เจ้ามนุษย์ตัวน้อย … ไม่ซิ อย่างน้อยเจ้าก็มีพลังแห่งเผ่าเทพ เจ้าสามารถเสกสรรค์ปีกแห่งเทวฑูตได้ ก็นับว่าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา”

“ผมตอบไปแล้ว ว่าไม่รู้ว่าเข้ามาได้ยังไง อยู่ดี ๆ ก็หลุดเข้ามาในนี้แล้ว”

“อืม … ฟังจากน้ำเสียงของเจ้าแล้ว ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก … แต่อยู่เฉย ๆ เจ้าคงเข้ามาที่นี่ไม่ได้แน่ เจ้าจงบอกมาซิว่าก่อนหน้าที่จะหลุดเข้ามาในนี้เจ้าทำอะไรมา เจ้าอาจจะไม่รู้ตัว แต่ว่ามันต้องมีสาเหตุบางอย่างแน่นอน”

“… เอ่อ … ก่อนหน้านี้ … ผมพบกับแม่หมอพยากรณ์ … แล้วแม่หมอพยากรณ์ก็พูดอะไรแปลก ๆ … อืม เธอพูดเหมือนกับว่าจะมองหาพรสวรรค์ของผมที่ซ่อนอยู่ … นาฬิกาทรายสีดำอะไรก็ไม่รู้”

แม็กนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ทีแรกเขาไม่อยากตอบคำถามเจ้ากระดูกนี้สักเท่าไหร่ แต่พอนึกไปว่ามันอาจจะสามารถบอกสาเหตที่เขาหลุดมาที่นี่ได้ หรือไม่ก็อาจจะสามารถส่งเขาออกไปข้างนอกได้ เขาจึงเปลี่ยนใจลองนึกและเล่าเรื่องให้ฟัง โดยไม่ได้พูดเรื่องที่เขาทำอะไรกับแม่หมอออกมา

“แม่หมอพยากรณ์งั้นรึ หรือว่าจะเป็นลูกหลานของเจ้าอพอลโล เจ้าเด็กงี่เง่าที่คลั่งการทำนายทายทัก? … นางคนนั้นสามารถทำนายอนาคตได้งั้นหรือ?”

“ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกใคร รู้แต่ว่าเธอรู้อะไรล่วงหน้าไปหมด เช่นรู้ว่าผมจะไปหาเพราะอะไร แต่นอกจากนั้นก็พูดอะไรไม่รู้แปลก ๆ เข้าใจยาก”

แม้จะไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเทพกรีกมากนัก แต่แม็กก็อดแปลกใจเล็ก ๆ ไม่ได้ ที่โครงกระดูกนี้เรียกเทพองค์หนึ่งเหมือนเป็นเด็กน้อย

“พรสวรรค์ของเจ้างั้นหรือ?”

โครงกระดูกยักษ์ทวนคำที่แม็กเล่าให้ฟัง หลังจากนั้นก็หยุดนิ่งทำท่าครุ่นคิดอีกเนิ่นนาน ก่อนจะจ้องมองเขาด้วยดวงตากลวงโบ๋สีเงินอีกครั้ง และคราวนี้อะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น

บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปคล้ายกับมีกระแสลูกคลื่นที่มองไม่เห็นโหมกระหน่ำ เขารู้สึกเหมือนกับกำลังลอยคออยู่ในทะเลท่ามกลางคลื่นยักษ์ หากทว่าที่นี่ไม่มีคลื่นน้ำอันใด มีแต่เพียงสัมผัสที่เหมือนกับคลื่นซึ่งเหวี่ยงสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง

สุดท้ายแล้วเขาก็ทนรับความรู้สึกเช่นนี้ไม่ไหว แม็กพยายามกลั้นอะไรบางอย่างที่ย้อนกลับออกมาทางลำคอ หากทว่าฝืนต้านทานไม่ไหว ได้แต่ปลดปล่อยออกมาด้วยการอาเจียน ก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่ง แล้วล้มลงนอนแผ่หราอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงหมดสภาพ

เขาแทบขยับตัวไม่ไหว ได้แต่มองดูดวงตาสีเงินกลวงโบ๋ที่อยู่ด้านนั้นแล้วนิ่งเงียบ และน่าแปลกที่ดวงตาสีเงินคู่นั้นกำลังทอประกายแปลกประหลาด นั่นคล้ายกับว่ามันกำลังแตกตื่นสุดระงับ ทั้งยังตื่นเต้นยินดีอย่างที่สุด และหลังจากนั้นสิ่งที่แม็กสงสัยก็ได้ถูกยืนยันด้วยเสียงหัวเราะร่วนอย่างมีความสุขของเจ้าโครงกระดูก

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่แล้ว นี่คือพรสวรรค์ของเจ้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุดโอกาสฟื้นกลับของข้าก็มาเยือน ใช่แล้ว นี่คือพรสวรรค์ของเจ้า นั่นเป็นสิ่งเดียวกับพรสวรรค์ของข้า พรสวรรค์ของจ้าวแห่งสรรพสิ่ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

โครงกระดูกนั้นส่งเสียงหัวเราะเนิ่นนาน เสียงหัวเราะนั้นเสมือนว่าจะดังกึกก้องไปทั่วทั้งสามโลก หากทว่าแม็กยังคงได้แต่นอนนิ่งหมดสภาพไม่เข้าใจอยู่ดีว่านี่มันคือเรื่องราวอะไร ความรู้สึกเหมือนคลื่นลมปั่นป่วนเมื่อครู่นั้นคืออะไร และเจ้าโครงกระดูกนี่คือใครกันแน่

“หึ หึ เจ้าหนูเอย ข้าพอจะคาดเดาเรื่องราวได้บ้างแล้ว แม่หมอพยากรณ์ที่เจ้าพบเจอ ข้าคิดว่าคงเป็นลูกหลานของเจ้าอพอลโลขี้แย นั่นเป็นความสามารถในการค้นหาพรสวรรค์ของเป้าหมาย ทั้งยังสามารถกระตุ้นให้พรสวรรค์ของเป้าหมายตื่นขึ้น ซึ่งในที่นี้ทำให้ดวงจิตของเจ้าโดนส่งมายังสถานที่แห่งนี้ สถานที่ซึ่งสามารถทำให้พรสวรรค์ของเจ้าตื่นขึ้นได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“พรสวรรค์อะไร? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย?”

“หึ หึ เจ้าอาจจะไม่รู้ตัว หรืออาจจะรู้ตัวแต่ไม่กล้าเปิดรับมัน … จะอย่างไรข้าก็ได้ทดสอบแล้วว่าเจ้ามีพรสวรรค์นั้นจริง เมื่อครู่นี้ข้าได้ทำให้กาลเวลารอบตัวเจ้าปั่นป่วนสับสน บางส่วนรวดเร็ว บางส่วนเชื่องช้า และบางส่วนหยุดนิ่ง และหากว่าเจ้าเป็นเพียงคนธรรมดา เมื่อตกอยู่ในห้วงกาลเวลาสับสนเช่นนี้ ร่างกายหรือจิตของเจ้าจะแตกเป็นเสี่ยงทันที เพราะไม่สามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงได้ ที่เจ้าแค่อาเจียนออกมานี่ถือว่าดีมากแล้ว”

เจ้าโครงกระดูกส่งเสียงอธิบายพร้อมกับหัวเราะร่วน แต่ว่าคนฟังยังคงงุนงงอยู่ดี เขาไม่เข้าใจว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่กาลเวลาจะเร็วบ้างช้าบ้าง แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่เขาเข้าใจ และสิ่งนั้นก็คือว่าหากเขาไม่มีพรสวรรค์อะไรที่ว่า เมื่อครู่เขาคงต้องตายไปกับการทดสอบแล้ว เขาจึงมั่นใจอย่างหนึ่งว่าเจ้าโครงกระดูกนี้เป็นพวกเลือดเย็นไม่เห็นคุณค่าของชีวิต

“หากเจ้ายังไม่เชื่อ เจ้าก็ลองนึกย้อนไปดู ว่าที่ผ่านมา เจ้าเคยเจอเหตุการณ์แปลก ๆ เช่น สามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของบางอย่างล่วงหน้าในช่วงเวลาสั้น ๆ มาแล้วกี่ครั้ง”

“…”

เมื่อเจอคำถามนี้แม็กก็ได้แต่อ้ำอึ้งไปชั่วขณะ เพราะว่าความจริงแล้วก็คือ เขาเคยเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ แนวนี้มาแล้วหลายครั้ง บางครั้งเขาสามารถสัมผัสได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกอึดใจหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่เขายิงธนูโดนเซเฟีย ก็เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าเธอจะพุ่งออกมาจากตำแหน่งไหน และเมื่อไหร่ เขาจึงสามารถยิงดักทางล่วงหน้าได้

หรือแม้แต่ตอนที่โดนไอ้บ้ากล้ามสตรองไล่ต่อย เขาก็มองเห็นล่วงหน้า จึงสามารถหลบหลีกได้ทั้งที่ไม่ได้ฝึกการต่อสู้มาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม สัมผัสล่วงหน้านี้เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีอันตรายถึงตัว หรือไม่ก็ช่วงที่มีสมาธิสูง

“หึ หึ ข้าเดาถูกล่ะซิ นั่นล่ะคือพรสวรรค์ของเจ้า มันคือพลังที่สามารถสัมผัสและควบคุมกาลเวลา แต่เจ้าอย่าได้สับสนกับการพยากรณ์กิ๊กก๊อกนั่นเข้าเสียล่ะ เพราะนั่นมันคนละเรื่องกัน”

“… มันก็รู้ล่วงหน้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

“ต่างกันคนละเรื่องเลยล่ะเจ้าหนู การพยากรณ์นั้นเป็นสิ่งไม่แน่นอน สิ่งที่เห็นเป็นเพียงกระแสของสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นที่สุด แต่ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป เพราะอาจโดนตัวแปรที่คาดเดาไม่ถึงบางอย่างแทรกแซงได้ ส่วนการควบคุมกาลเวลานั้น หากเก่งกาจพอ เจ้าจะมองเห็นสิ่งที่จะเกิดอย่างจริงแท้ในอนาคต ซึ่งนั่นถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้”

“เอ่อ … ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”

“หือ เจ้านี่โง่งมกว่าที่คิดนะ แต่เอาเถอะ วันนี้ข้าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จะยอมอธิบายให้ฟังก็ได้ … ข้าจะยกตัวอย่างล่ะกัน … เอาล่ะ เจ้าคิดว่าหากเจ้ายืนอยู่บนหน้าผาที่มีนกอยู่เต็มไปหมด แล้วโยนก้อนหินทิ้งลงไปในผาลึก เจ้าว่าก้อนหินนั้นจะเป็นยังไงต่อ”

“ก็ … ตกลงไปในหน้าผา”

“หึ หึ ถูกต้อง นั่นคือการพยากรณ์ … แล้วถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นโยนอาหารให้นกเล่า”

“โยนอาหารนก? … ก็อาจจะโดนนกโฉบกินก่อนตกลงไปมั้ง อืม แต่ก็ไม่แน่ ขึ้นกับว่าอาหารเป็นแบบไหน ถ้าน้ำหนักมากก็อาจจะกินไม่ไหว ต้องปล่อยให้ตกลงไปอยู่ดี หรือถ้าโยนตอนกลางคืน พวกนกก็อาจจะมองไม่เห็น ถ้ากลางวันอาจจะเห็น”

“ฮ่า ฮ่า ฉลาดนี่ นั่นล่ะคือการพยากรณ์ที่มีตัวแปรที่คาดไม่ถึงมาแทรกแซง”

“แล้วเวทย์กาลเวลาอะไรนี่มันต่างกันยังไง? มันจะไม่มีตัวแปรแทรกแซงหรือไง?”

“ไม่มี หากเจ้ามองเห็นนกโฉบกิน ต่อให้เจ้าโยนในเวลาค่ำคืน ที่ไม่มีนกสักตัว เหตุการณ์ก็จะเป็นไปตามที่เจ้ามองเห็น … เอาเถอะ เสียเวลามามากเกินไปแล้ว เรามาเข้าเรื่องสำคัญดีกว่า เจ้าผู้สืบทอดของข้า ข้าสัมผัสได้ว่าการเชื่อมต่อของจิตเจ้าเริ่มอ่อนลง เราอาจมีเวลาอีกไม่มากนัก”

แม็กยังคงงง ๆ กับคำอธิบายของโครงกระดูก และยิ่งต้องมางงอีกรอบเมื่อโดนเรียกว่าผู้สืบทอด ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มีความเป็นมายังไง

“เจ้าจะต้องช่วยเหลือข้า ตัวข้าถูกเหล่าบุตรทั้งสามทำร้ายจนเสียท่า พวกมันสำนึกว่าไม่อาจทำลายล้างจิตวิญญาณของข้าได้ หนึ่งในบุตรของข้าจึงใช้ตรีศูลอาวุธคู่ใจของมันกดผนึกข้าอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของขุมนรก เจ้าต้องช่วยเหลือข้ารวบรวมโลหิตของบุตรทั้งสามของข้ามา เพียงแค่หยดเดียวก็เกินพอ และเมื่อใดก็ตามที่นำหยดโลหิตของทั้งสามมาสัมผัสกับสามง่ามเล่มนี้ ผนึกจะพังทลาย ข้าจะเป็นอิสระอีกครั้ง และข้าจะไปแก้แค้นพวกมัน”

เจ้าโครงกระดูกอธิบายยืดยาวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นชิงชัง น้ำเสียงนั้นบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่ารู้สึกคับแค้นต่อบุตรทั้งสามมากเพียงใด

“อืม ผมก็อยากจะช่วยนะ แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องในครอบครัวมากไปหน่อย ผมคนนอกขี้เกียจยุ่ง”

“หึ หึ เอาเถอะ ข้าไม่ให้เจ้าช่วยโดยไม่ได้รับอะไรหรอกน่า ข้ารับรองว่าข้าจะมอบสิ่งที่ล้ำค่าเพียงพอที่จะทำให้เจ้ายินยอมช่วยเหลือข้าได้ … อืม เวลาใกล้หมดสิ้นแล้วซินะ เอาล่ะ ข้าขอมอบให้เจ้าเลยก็แล้วกัน”

โครงกระดูกหัวเราะจนฟันกระทบกันดังกึกกึกอย่างน่าสยดสยองอีกครั้ง และทันทีหลังจากที่พูดจบ ร่างของแม็กที่นอนแผ่หราก็กระตุกเฮือกและส่งเสียงแผดร้องเจ็บปวด

แม็กยกมือขึ้นกุมศีรษะทั้งสองข้าง ซึ่งเวลานี้รู้สึกเหมือนมีคลื่นเสียงความถี่สูงระดมใส่ดังวิ้ง ๆ ถี่ยิบ ภาพของอะไรมากมายปรากฎวาบขึ้นมาภาพแล้วภาพเล่า และนั่นเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวจนเขาต้องดิ้นพราดสุดชีวิต มันเจ็บถึงขนาดที่เขาต้องยกมือขึ้นต่อยกระแทกพื้นแรง ๆ เพียงเพื่อแบ่งปันความเจ็บปวดจากศีรษะมาที่มือบ้างสักเล็กน้อย

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดกว่าที่อาการเจ็บปวดจะทุเลาลง เวลานี้แม็กนอนแผ่หราหอบหายใจหมดสภาพ ทั่งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ปีกเทวฑูตเลือนหายไปนานแล้ว แม้แต่ชีวิตก็รู้สึกราวกับว่าใกล้จะดับสูญลงไปด้วย

“ฮ่า ฮ่า สำเร็จ นับว่าข้าเลือกคนไม่ผิด ตอนนี้ข้าได้กระตุ้นสมองของเจ้าเพื่อให้สามารถใช้เวทย์กาลเวลาได้ เจ้าอาจจะเรียกว่าเวทย์ หรือพลังจิตก็แล้วแต่ แต่สมองของเจ้าก็สามารถรับมันเข้าไปได้ เหลือก็แต่เพียงฝึกฝนและเรียนรู้เท่านั้น เอาล่ะคราวนี้ ก็จงกลายมาเป็นผู้สืบสายเลือดเดียวกับข้าเสีย”

เจ้าโครงกระดูกหัวเราะร่วนเหมือนไม่สนความเป็นตายของคนอื่น จากนั้นมันก็อ้าปากออกแล้วปล่อยให้วัตถุสีเงินรูปร่างเหมือนหยดน้ำลอยออกมา เพียงแต่นั่นอาจจะเป็นหยดน้ำที่ใหญ่เกินไปสักหน่อย เพราะมันมีขนาดเทียบเท่ากับกระเป๋าเดินทางสักใบ

“จงรับมันไป แล้วกลายเป็นผู้สืบสายเลือดแห่งจักรพรรดิคนที่สิบสี่ และเมื่อเจ้ารับมันเข้าไปแล้ว จงอย่าบอกให้ใครรับรู้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะโดนล่าล้างทำลายให้สิ้นซาก เพราะเจ้าสืบสายเลือดแห่งเผ่าพันธุ์ที่หายสาปสูญ เผ่าพันธุ์ที่เหล่าเทพมารหวาดกลัว มันคือเผ่าพันธุ์แห่งไททัน เผ่าพันธุ์ที่เคยปกครองทั่วหล้าในอดีตกาล”

โครงกระดูกยังคงหัวเราะไม่หยุดยั้ง หยดสีเงินนั้นร่วงหล่นลงไปทับชะโลมร่างที่เจ็บเจียนตายของแม็ก โดยที่เจ้าตัวไม่สามารถขยับหลบหลีกได้อย่างที่อยากทำ จากนั้นของเหลวสีเงินนั้นก็ค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วราวกับหยดใส่ฟองน้ำ

แรกทีเดียวนั้นมันเป็นความรู้สึกเย็นสบายจนหายเจ็บปวด แม็กจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ได้โหดร้ายเกินไป หากทว่าเพียงพริบตาเดียวความเย็นสบายก็กลายเป็นความเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง

ร่างกายของเขากลายเป็นแข็งทื่อเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก และที่ร้ายกว่าก็คือเวลานี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะดิ้นรนหรือแผดร้องออกมา

“หึ หึ ยอดเยี่ยม รับสายเลือดบริสุทธิ์แห่งอดีตกาลอันทรงพลังเข้าไปแล้วยังไม่แตกดับ ถือว่าข้าเลือกคนไม่ผิด ฮ่า ฮ่า เอาล่ะสุดท้ายนี้ข้าจะให้รางวัลครึ่งนึงกับเจ้าเสียก่อน ข้าจะฝากจิตวิญญาณแห่งไททันลำดับที่สิบสามซึ่งได้ชื่อว่าเลอโฉมที่สุดกับเจ้า และข้ายินดีที่จะบอกต่อเจ้าว่านางยังเป็นสาวพรหมจรรย์ นางจะช่วยฝึกฝนให้เจ้าแข็งแกร่งขณะอยู่ในโลกแห่งจิต หากภายในยี่สิบปีนี้เจ้าสามารถช่วยเหลือข้าได้ ข้าจะมอบร่างเนื้อของนางให้แก่เจ้า และปล่อยให้นางเป็นอิสระจากข้า แต่หากไม่สำเร็จ นางจะทำลายวิญญาณของเข้าจนแตกดับ แล้วกลับมาหาข้าอีกครั้ง ฮ่า ฮ่า ลาก่อน บุตรของข้า ไททันลำดับที่สิบสี่”

แม็กรับฟังคำพูดของอีกฝ่ายด้วยความเคืองแค้น เขาแอบสาบานว่าจะไม่ยอมช่วยไอ้โครงกระดูกบ้านี่เด็ดขาด ไม่ว่ามันจะเป็นใคร หรือจะตอบแทนเขาอย่างไรก็ตาม หากทว่าเมื่อปรากฎร่างอ้อนแอ้นสีเงินจืดจางร่างหนึ่งขึ้นที่เบื้องหน้าเขาก็ต้องตื่นตะลึง

นั่นเป็นสตรีที่มีความงามไม่ด้อยกว่าอะโฟรไดท์ หรือแอสโมดิอุสที่เขาเคยครอบครอง ทั้งยังอาจจะเหนือกว่าในบางอย่าง ใบหน้าและดวงตาสีเงินของเธอสวยซึ้งจนเขาแทบหลงไหลในทันทีที่ได้เห็น ผมของเธอเป็นสีเงินประกายยาวสลวย ผิวกายก็ผุดผ่องเป็นยองใย ทรวดทรงองค์เอวที่อวบอัดหนั่นแน่นนั้นก็ช่างปลุกเร้าอารมณ์หื่นของเขาเสียจนเขาแทบลืมเลือนความเจ็บปวด

เพียงได้เห็นรูปโฉมของเธอคนนี้ แม็กก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาอยากครอบครองร่างกายของเธอ ต่อให้ต้องยอมกัดฟันช่วยไอ้โครงกระดูกบ้านี่ เขาก็ยังรู้สึกว่ามันคุ้มค่าหากได้ช่วยสาวงามผู้นี้ให้เป็นอิสระ แต่เมื่อคิดอีกครั้งว่าหากอีกยี่สิบปีในเกม เขาไม่สามารถทำได้สำเร็จแล้วต้องโดนเธอฆ่าฟันนั้นก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที

“… ข้าชื่อไดโอนี เป็นไททันลำดับที่สิบสาม ข้าเป็นตัวตนที่เหล่าเทพมารไม่เคยล่วงรู้มาก่อน จึงยังคงอยู่รอดมาถึงบัดนี้ นับแต่นี้ข้าจะทำตามคำสั่งของนายท่าน ข้าจะเกาะติดจิตวิญญาณของเจ้า เพื่อฝึกฝนให้เจ้าแข็งแกร่งเพียงพอเพื่อปลดปล่อยนายแห่งข้า”

สตรีงดงามนามไดโอนีหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึก ก่อนจะกลายเป็นละอองแสงสีเงินหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขา หลังจากนั้นแม็กซึ่งเจ็บปวดจนไร้ความรู้สึกก็ค่อย ๆ หมดสติลง และภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก็คือภาพของหัวกระโหลกขนาดใหญ่ซึ่งมีดวงตาสีเงินกำลังหัวเราะและตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คอยก่อนเถอะ เจ้าซุส เจ้าโพไซดอน และเจ้าฮาเดส ใกล้จะได้เวลาที่ข้าจะได้ชำระความที่พวกเจ้าใส่ความข้าแล้ว ข้าจะทำให้พวกเจ้าเจ็บปวดเจียนตาย ข้าจะประกาศนามแห่งข้าเหนือสามโลก นามแห่งโครนอส”

…………………………………………

“ไอ้โครงกระดูกเฮงซวยย!!! ไอ้โครนอส!!!”

แม็กลุกพรวดขึ้นมาร้องตะโกนเสียงดังด้วยความเจ็บแค้น ก่อนจะชะงักด้วยความงุนงง เพราะเบื้องหน้าของเขานั้นเป็นท้องทะเล และหาดทรายอันสวยงามเวิ้งว้างแห่งหนึ่ง

เสียงคลื่นที่ซัดสาดดังครืนแผ่วเบาทำให้อารมณ์ของเขาสงบลง ความขุ่นข้องใจและความเจ็บปวดที่ผ่านมาคล้ายจะเลือนหายไปจนหมดสิ้น ตอนนี้เขาพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงชายหาด ซ้ำยังสวมใส่แค่เพียงกางเกงว่ายน้ำขาสั้นเสียด้วย

แม็กหันมองไปรอบกายก็ไม่พบเห็นผู้ใด เขาเห็นเพียงบ้านน้อยหลังหนึ่งอยู่ห่างจากหาดทรายเข้าไปราวหนึ่งร้อยเมตร เขาเห็นต้นมะพร้าวที่เอนลู่ไปตามลม และนั่นเป็นภาพในธรรมชาติสมัยก่อน ที่เขารู้ดีว่าไม่มีอีกแล้วในโลกยุคปัจจุบันที่เขาใช้ชีวิตอยู่ ที่นั่นเป็นเพียงโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี

ความรู้สึกสงบทำให้เขาหายเคร่งเครียด รู้สึกเหมือนโลกนี้ไม่มีเรื่องสลักสำคัญอะไรอีก เวลานี้เขาแค่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรก็ยังได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาลุกขึ้นนั่งไม่นานนัก ก็ปรากฎเงาของใครคนหนึ่งเดินออกมาจากทางบ้านน้อยหลังนั้น และเมื่อเข้ามาใกล้ แม็กก็พบว่านั่นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่อาจจะอายุใกล้เคียงกับเขา ชายคนนั้นจัดว่าหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย ขนาดตัวเขาเองที่ถือได้ว่าหล่อมากแล้วในโลกแห่งความเป็นจริง ก็ยังเทียบกับชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้

“สวัสดีครับคุณแม็ก ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ปล่อยให้รอ พอดีเด็ก ๆ งอแงนิดหน่อย ภรรยาของผมก็เลยไม่สะดวกหยิบน้ำผลไม้มาต้อนรับ ผมก็เลยต้องเข้าบ้านไปหยิบมาให้เอง เชิญครับดื่มเสียหน่อย คุณเพิ่งผ่านเรื่องเครียด ๆ มา นี่เป็นน้ำจากผลเลโมน่ามีสรรพคุณช่วยผ่อนคล้าย มีรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ คล้ายกับผลส้ม … อืม ผมก็ลืมไป โลกยุคปัจจุบันไม่มีผลส้มจริง ๆ ให้ชิมแล้วนี่นะ”

ชายหนุ่มคนนั้นเดินมาถึงก็ยื่นแก้วน้ำซึ่งมีน้ำผลไม้สีเหลืองออกส้มมาให้ ทั้งยังยิ้มให้อย่างเป็นมิตรจนแม็กออกอาการงงยิ่งกว่าเดิม เพราะน้ำใจไมตรีและท่าทีเป็นกันเองที่หยิบยื่นให้ ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าชายคนนี้เป็นเพื่อนที่คบหาสนิทสนมกันมานาน

“เอ่อ … ขอบคุณครับ … แต่ เอ่อ … ที่นี่มันที่ไหน แล้วผมมาที่นี่ได้ยังไง … อ๊ะ อร่อยแฮะ”

แม็กรับแก้วน้ำเลโมนาที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน จากนั้นก็กล่าวขอบคุณ แล้วลองยกขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะยกขึ้นดื่มแบบพรวดเดียวหมดแก้ว เพราะนั่นเป็นรสชาติที่อร่อยเสียจนอยากจะขออีกสักสิบแก้ว

“ผมบอกแล้วว่าอร่อย … ส่วนคำถามของคุณ ผมต้องขออภัยล่วงหน้า และขอตอบว่านี่เป็นการแทรกแซงผู้เล่นในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเราพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด แต่ว่านี่ออกจะเป็นเหตุฉุกเฉินอยู่สักหน่อย ทางเราจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้”

“อะไรนะ การแทรกแซงผู้เล่น?”

“ใช่ครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลระบบ คุณอาจจะเรียกผมว่า GM 008 ก็ได้ครับ ผมเป็นคนตัดสินใจแทรกแซงเรียกคุณมาสนทนากันก่อน เพราะว่าคุณเพิ่งได้รับอะไรบางอย่างที่ทั้งเป็นประโยชน์อนันต์ และเป็นโทษมหาศาล”

“เอ่อ สวัสดีครับคุณ GM 008 … แล้วอะไรล่ะ ที่บอกว่าผมเพิ่งได้รับมา? หรือว่าไอ้พลังอะไรที่ผมได้มาจากไอ้โครงกระดูก เอ๊ย ไอ้โครนอสนั่น”

“ไม่ครับ นั่นเป็นทักษะระดับสูงก็จริง แต่เราไม่ถือว่านั่นเป็นข้อผิดพลาด พลังสายกาลเวลาที่คุณได้รับ ถึงจะเป็นทักษะระดับสิบดาว แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในเนื้อเรื่องของเกม แม้แต่เผ่าพันธุ์ไททันระดับสิบดาวที่คุณได้มา ก็ถือเป็นเนื้อเรื่อง”

“อ้าว แล้วคุณ GM หมายถึงอะไรกันแน่? ผมชักจะงงแล้ว”

“ไม่ต้องรีบร้อนครับ ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณเข้าไปในเขตของน้ำตกแห่งสรวงสวรรค์ หน้าต่างระบบของคุณถูกปิดล๊อคไว้ตามเนื้อเรื่อง จนกว่าคุณจะผ่านเงื่อนไข คุณก็เลยไม่ได้เห็นประกาศเตือนว่าคุณได้อะไรมาบ้าง ลองเปิดดูก่อนซิครับ”

GM หมายเลขแปดคนนั้นอธิบายอย่างใจเย็นพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม แม็กจึงรีบเรียกเปิดหน้าต่างระบบซึ่งเปิดไม่ได้มาแล้วสักระยะ เวลานี้เขาจึงค่อยรับรู้ว่าที่เปิดหน้าต่างระบบไม่ได้ก็เพราะติดเงื่อนไขบางอย่าง

‘พรแบ่งปัน จากเทพีอะโฟรไดทีทำงาน – ท่านได้รับทักษะพยากรณ์ระดับ 10 ดาว จาก ซิบิลคาร่า’
‘พรดึงดูด จากปีศาจราคะแอสโมดิอุสทำงาน – ท่านได้รับทักษะหยั่งรู้สภาพระดับ 10 ดาว จากซิบิลคาร่า’
‘ท่านได้รับการถ่ายทอดทักษะเวทย์มนตร์แห่งกาลเวลา ระดับสิบดาว สามารถใช้งานเวทย์กาลเวลาได้’
‘ท่านถูกบังคับเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ เป็นเผ่าพันธุ์ไททัน ระดับสิบดาว เลเวลของท่านจะถูกปรับกลายเป็นระดับหนึ่งใหม่’
‘ท่านได้รับเทพีแห่งผืนดิน ไดโอนี เผ่าพันธุ์ไททัน ระดับ 1200 เป็นวิญญาณติดตาม’
‘ท่านถูกบังคับให้รับภารกิจระดับสิบดาว ปลดปล่อยโครนอส’
…

“… ทักษะพยากรณ์? ทักษะหยั่งรู้สภาพ? … ซิบิลคาร่า? หมายถึงแม่หมอพยากรณ์คนสวยนั่นเหรอ?”

“ใช่ครับ ซิบิลคาร่าคือชื่อของเธอ เธอเป็นแม่หมอพยากรณ์ที่สืบเชื้อสายและความสามารถมาจากเทพองค์หนึ่ง และทักษะปัญหาที่ผมกำลังจะพูดถึง ก็คือทักษะพยากรณ์นี่เอง”

“เอ่อ … แล้วมันเป็นปัญหายังไงครับเนี่ย ผมชักจะงงแล้วนะคุณ GM”

“ค่อย ๆ ฟังนะครับ อาจจะเข้าใจยากสักหน่อย ก่อนอื่น ผมคิดว่าคุณแม็กคงจะรู้จักคำว่าพยากรณ์มาบ้างแล้ว จากโครนอส”

“เอ่อ ก็ใช่ แต่ก็ยังงงอยู่ คนเราจะรู้อนาคตได้ยังไง ในเมื่อมันยังมาไม่ถึง”

“ถูกต้องครับ การพยากรณ์ไม่ใช่การรู้อนาคต แต่เป็นการคาดเดาอนาคตด้วยข้อมูลที่มี นั่นต่างจากพลังจิต ที่มองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต”

“… อ้าว ก็แม่หมอเขาบอกเรื่องในอนาคตได้ไม่ใช่เหรอ?”

“คุณแม็กรู้จักการพยากรณ์อากาศมั้ยครับ? คุณเชื่อพยากรณ์อากาศแค่ไหน”

“ก็พอจะรู้บ้าง ที่หาข้อมูลอุณหภูมิ ความกดอากาศ ทิศทางลม แล้วเอามาคำนวณว่าอากาศจะเป็นยังไงใช่มั้ย ไอ้นั่นน่ะก็เชื่อได้แบบครึ่ง ๆ ล่ะมั้ง ถูกบ้างผิดบ้าง”

“ถูกแล้วครับ นั่นเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการพยากรณ์ สำหรับคุณคาร่า หรือแม่หมอพยากรณ์ก็เช่นกัน แต่ต่างกันที่เธอไม่ได้เป็นคนคำนวณเรื่องราว เธอแค่เพียงสามารถเข้าถึงผลลัพธุ์ของการพยากรณ์ จากระบบพยากรณ์ของเขาได้ เธอมองเห็นคำพยากรณ์ผ่านทางภาพนิมิตที่ระบบส่งให้”

“… เอ่อ จะบอกว่าคุณมีระบบพยากรณ์ของคุณ แล้วแม่หมอพยากรณ์ก็แค่รับเอาภาพพวกนั้นไปดูใช่มั้ย?”

“ถูกต้องครับ นั่นเป็นทักษะระดับ 10 ดาว เพราะแม้จะไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสก็มากกว่า 95% เพราะว่าระบบพยากรณ์ของเรานั้นจะเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเล็กเป็นฝุ่นผง หรือสิ่งที่สัมผัสไม่ได้ จากนั้นก็จะนำมาคำนวณผลกระทบที่เป็นไปได้ จนสามารถพยากรณ์อนาคตได้อย่างน่าทึ่ง เพราะมันมีข้อมูลทุกอย่าง ไม่เหมือนการพยากรณ์อากาศที่มีการแทรกแซงจากตัวแปรที่ไม่รู้หลายอย่าง”

“โอเค คุณมีระบบพยากรณ์ แล้วส่งภาพไปให้แม่หมอ แล้วยังไงต่อ”

“นี่เป็นทักษะระดับสิบดาวที่ไม่สมควรมีผู้เล่นคนไหนได้ไป แต่ว่าร้อยคำนวณพันคำนวณก็ยังมีจุดผิดพลาด และจุดผิดพลาดที่ว่าก็มาจากทักษะที่คุณได้มาจากอะโฟรไดท์ และแอสโมดิวส์ จนสามารถเรียนรู้ทักษะจากคนอื่นได้ คุณจึงได้ทักษะนี้มาอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้แต่ระบบพยากรณ์เองก็ยังคาดไม่ถึง”

“มันมีส่วนดีไม่ดีกับผมยังไง?”

“ส่วนดีก็คือ คุณจะเห็นภาพพยากรณ์จากระบบของเรา คุณอาจจะรู้ว่ามีใครคิดร้ายกับคุณ อาจจะรู้ว่าหนทางข้างหน้าเป็นยังไง แต่ข้อเสียก็คือคุณจะเห็นภาพนิมิตตลอดเวลา จนทำอะไรไม่ได้เลย”

“ผมไม่เข้าใจ”

“คุณรู้มั้ยครับ ว่าทำไมซิบิลคาร่าถึงตาบอด?”

“… เกี่ยวกับทักษะนี้เหรอ?”

“เกี่ยวครับ เกี่ยวโดยตรงเลย เพราะหากมีทักษะนี้ คุณจะเห็นแต่ภาพนิมิตจากระบบพยากรณ์ นั่นเป็นภาพที่เห็นจากมุมมองบุคคลที่สาม และหากว่าตาของคุณยังเห็นอยู่ สองภาพนั้นก็ทับซ้อนกัน จนการแปลความผิดเพี้ยน … หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ หากคุณเปิดตามอง ก็จะเห็นสองภาพซ้อนกัน จนทำอะไรไม่ได้”

แม็กพยายามนึกภาพตามแล้วก็เริ่มรู้สึกหวาด ๆ ขึ้นมา เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่หมอถึงต้องตาบอด

“เอ่อ ฟังดูน่ากลัวนะนั่น … ดังนั้นคุณก็เลยแทรกแซงเรียกผมมาเพื่อเอาทักษะคืนงั้นเหรอ?”

“เปล่าครับ ทางเราจะพยายามไม่แทรกแซงเท่าที่เป็นไปได้ เราจะไม่เรียกทักษะคืน แต่เราเพียงแค่จะบอกข้อมูลที่ถูกต้องให้คุณเตรียมตัว หากคุณต้องการเก็บทักษะไว้ เราก็ไม่ห้าม เพราะทางเราถือว่าได้แจ้งเตือนไว้แล้ว หากคุณมีปัญหาจนต้องลบตัวละครทิ้ง ผมก็ถือว่าเป็นทางเลือกของคุณเอง”

“… เอ่อ … ฟังเหมือนผมไม่มีทางเลือกเลยนะครับคุณ GM”

“ผมเข้าใจครับ นี่เป็นทักษะระดับสิบดาวที่ถือได้ว่าโกงมาก ๆ แต่หากคุณอยากใช้ ก็คงต้องหลับตาตลอดเวลา แล้วเคลื่อนไหวตามภาพนิมิต ซึ่งนั่นก็ไม่ง่ายเลย แล้วอีกอย่างที่สำคัญก็คือ คุณยังเป็นคนพิเศษที่มีพลังจิตเกี่ยวข้องกับการหยั่งรู้มาจากโลกข้างนอกด้วยอีกทางหนึ่ง ดังนั้นบางกรณีคุณอาจจะต้องเห็นเป็นสามภาพซ้อนทับกัน”

“… เดี๋ยวนะ คุณบอกว่าผมเป็นมนุษย์พลังจิตงั้นเหรอ?”

“ใช่ครับ ขออภัยที่ผมล่วงเกิน แต่นี่เป็นการตรวจสอบสุขภาพตามข้อตกลงในการเล่นเกมตั้งแต่ต้น และการมีพลังจิตในยุคสมัยของคุณถือเป็นเรื่องธรรมดา คุณอาจเป็นกรณีพิเศษ อยู่บ้าง คุณเป็นคนที่มีพลังทำให้โครนอสสนใจได้ ถึงแม้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงคุณจะมีพลังจิตแค่ระดับสามจากสิบระดับ ซึ่งเป็นระดับเหนือกว่าคนปกติไม่มาก คุณสามารถมองเห็นเรื่องราวบางอย่างที่ยังไม่เกิดได้โดยไม่สามารถควบคุม นี่เป็นรายงานจากสถาบันวิจัยพลังจิตตอนคุณอายุสิบขวบ”

“ลืมไปแล้วนะเนี่ย ว่าเคยโดนพ่อจับไปตรวจพลังจิต … แต่สุดท้ายก็เหมือนจะถูกตีตราว่าเป็นระดับพลังที่ไร้ประโยชน์นี่นะ … เอ๊ะ เดี๋ยว … เมื่อกี้พูดว่า ยุคสมัยของคุณถือเป็นเรื่องธรรมดา งั้นเหรอ? หรือว่าคุณ GM จะเป็น NPC?”

“เปล่าหรอกครับ อืม จะว่าไปก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าผมเป็นบันทึกความทรงจำของคนหนึ่งเมื่อหนึ่งร้อยสิบสองปีก่อนของโลกข้างนอก ผู้ชายคนนั้นเป็นคนเคลียร์เกมเวอร์ชั่นก่อนหน้าได้สำเร็จ จึงได้รับรางวัลนี้ และนั่นก็กลายมาเป็นผม”

“… มีงี้ด้วย?”

“เอาเถอะครับ นี่ออกจะอยู่นอกเรื่องไปสักหน่อย เอาเป็นว่าคุณแม็กคิดยังไงครับ จะเก็บทักษะพยากรณ์ต่อไปหรือเปล่า?”

“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ไม่เอาหรอก เห็นสองภาพพร้อมกันแบบนั้นปวดหัวตายชัก … อืม แต่ก็น่าเสียดายแฮะ ทักษะระดับสิบดาวแน่ะ … เอาเหอะ สรุปว่าช่วยลบทักษะนี้ทิ้งให้ผมหน่อยก็แล้วกัน”

“แน่ใจนะครับ ว่าจะลบทักษะนี้? ลองคิดอีกรอบ แล้วช่วยยืนยันด้วย”

“ลบเลย ไม่คิดแล้ว”

“ตกลงครับ”

แม็กยืนกรานหนักแน่นเพราะเกรงว่าหากเล่นเกมด้วยไอดีเดิมไม่ได้ เขาก็จะชวดจากสาวสวยถึงสามนาง ไม่ว่าจะเป็นอะโฟรไดท์ แอสโมดิอุส แองจี้ หรือแม้แต่ไดโอนีที่เพิ่งได้รับมา และนี่คือเรื่องสำคัญที่สุดที่เขาไม่ยอมสูญเสียไปเด็ดขาด

‘ทักษะพยากรณ์ระดับ 10 ดาว กำลังจะถูกลบทิ้ง กรุณายืนยันการลบ’

หลังจากนั้นข้อความของระบบก็เด้งเตือนขึ้นมา แม็กลังเลเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะกดลบทักษะทิ้งด้วยความรู้สึกว่าแบบนี้แหละดีแล้ว ต่อให้มันน่าเสียดายมากแค่ไหนก็ตามที

“การลบทักษะเรียบร้อยนะครับ เอาล่ะ คราวนี้ผมก็ต้องขออนุญาติแทรกแซงเรื่องที่สอง”

“หา? มีอะไรต้องแทรกแซงอีกเรอะ”

“ขอโทษจริง ๆ ครับ แต่นี่เป็นเรื่องจนปัญญาของเราเหมือนกัน คือ เราลบทักษะนี้ไปแล้ว แต่ว่าคุณแม็กอาจจะได้รับมันมาใหม่อีกก็ได้ เมื่อผมส่งคุณกลับไปเจอกับซิบิลคาร่า … คุณแม็กเข้าใจนะครับ”

GM หนุ่มหล่อคนนั้นผงกศีรษะขอโทษอย่างสุภาพ แม็กซึ่งกำลังหงุดหงิดเล็กน้อยจึงค่อยใจเย็นลง และเมื่อได้คิดเขาก็พบว่านั่นเป็นความจริง เพราะหากว่าเขากลับไปเจอแม่หมอ เขาก็คงอดใจไม่ไหวฟัดเธออีกเป็นแน่

“… ก็จริงนะ เอ่อ แล้วที่ว่าแทรกแซงนี่คือยังไง? คงไม่ใช่ห้ามผมมีอะไรกับแม่หมอนะ แบบนั้นไม่ยอมเด็ดขาด”

“ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่าเรื่องนี้คุณคงไม่ยอมแน่นอน ผมจึงแค่จะเสนอการบล๊อค ไม่ให้ทักษะของคุณสามารถเรียนรู้ทักษะพยากรณ์ได้”

“งั้นก็โอเค ผมไม่สนหรอกไอ้ทักษะน่ากลัวนี่”

“ขอบคุณครับที่เข้าใจ เอาล่ะครับ เรื่องที่สาม เนื่องจากเราจำเป็นต้องทำการแทรกแซงทำให้คุณเสียประโยชน์ถึงสองเรื่อง ดังนั้นทางเราขอตอบแทนด้วยการเสนอทักษะระดับสิบดาวให้คุณสองทักษะ”

“พูดจริงดิ?”

“แน่นอนครับ แต่ผมขอตัดทักษะบางอย่างที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงได้ออกไป เหลือแค่ทักษะระดับสิบดาวจำนวน 43 อย่าง ซึ่งทางระบบจะสุ่มให้ตามลักษณะนิสัยของคุณเอง”

“ขอเลือกเองไม่ได้เหรอ?”

“ถ้าเลือกเอง ต้องลดเหลือแค่ 1 ทักษะนะครับ”

แม็กพยายามต่อรอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล เขาจึงบอกให้จีเอ็มจัดการสุ่มเลือกเสี่ยงดวงเอาสองทักษะดีกว่า เพราะจะอย่างไรก็เป็นทักษะระดับสิบดาวที่หายากอยู่แล้ว

‘ได้รับทักษะ Negate Magic (ลบล้างเวทย์มนตร์) – ทักษะเรียกใช้ระดับสิบดาว สามารถลบล้างทำให้พลังพิเศษทุกชนิดที่สัมผัสร่างกายกลายเป็นไร้ผลโดยสิ้นเชิง พลังที่ถูกลบล้างส่วนหนึ่งจะกลายมาเป็นพลังสะสมของผู้เรียกใช้ ข้อควรระวัง ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางกายภาพได้ และขณะเรียกใช้จะไม่สามารถใช้พลังพิเศษได้’

‘ได้รับทักษะ Ruler (ผู้ควบคุม) – ทักษะเรียกใช้ระดับสิบดาว เพิ่มค่าพลังทุกอย่างให้ตนเอง 100% และภายในระยะรัศมีสามร้อยเมตรรอบตัว เพิ่มค่าพลังทุกอย่างให้กับพันธมิตร 50% ลดค่าพลังทุกอย่างของผู้ที่ไม่ใช่พันธมิตรลง 25% ข้อควรระวังหากผู้เรียกใช้เสียชีวิต ทักษะจะถูกยกเลิกทันที’

เมื่อการสุ่มทักษะสิ้นสุดลง ก็ปรากฎประกาศข้อความของระบบเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ แม็กจึงรีบหันไปอ่านด้วยความสนใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เดี๋ยวนะ นี่แน่ใจเหรอว่าเป็นทักษะระดับสิบดาว ไอ้ทักษะ Ruler ก็ดูเหมือนจะดีนะ แต่มันเทพจริงเหรอ ยิ่งไอ้ทักษะลบล้างเวทย์มนตร์นี่ทำไมมันดูกระจอกจัง?”

แม็กบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ซึ่งหากว่ามีคนติดเกมสักคนมาได้ยินคำพูดนี้ เขาคนนั้นคงต้องวิ่งเข้ามาจับแม็กกดถ่วงน้ำแล้วกระทืบซ้ำอย่างแน่นอน เพราะว่าทักษะทั้งสองอย่างนี้ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบกับการต่อสู้อย่างรุนแรงสมแล้วกับทักษะระดับสิบดาว

“ผมยืนยันได้ครับว่านี่คือทักษะที่มีผลกระทบสูง อย่างเช่นทักษะแรก Negate Magic คุณแม็กอย่าลืมนะครับ ว่านี่คือโลกเวทย์มนตร์ที่มีพลังพิเศษเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเวทย์มนตร์ ปราณ พลังจิต ดังนั้นหากมีใครสักคนสามารถต่อต้านพลังพิเศษเหล่านี้ได้ คุณคิดว่ามันจะส่งผลกระทบรุนแรงถึงขนาดไหน ผมไม่สามารถยกตัวอย่างได้ เพราะอาจจะเป็นการชี้นำเกินไป แต่ผมยืนยันได้เลยครับ ว่าหากคุณใช้สิ่งนี้ให้ดี มันจะเป็นทักษะที่เรียกได้ว่าโกงสุด ๆ ทีเดียว”

“… อืม แล้วทักษะที่สองนี่ล่ะ?”

“ทักษะที่สอง Ruler ทักษะนี้นับเป็นทักษะในฝันของอาชีพเกือบทุกสาย ผู้เล่นจะมีค่าพลังเพิ่มขึ้น 100% และนั่นไม่ได้หมายความเก่งขึ้นเพียงแค่สองเท่าตามตัวเลขแบบตรงไปตรงมา แต่หากคำนวณแล้วการเพิ่มพลังทุกอย่างขึ้น 100% จะทำให้เก่งขึ้นเป็นสิบเท่าร้อยเท่า แถมยังเพิ่มความสามารถให้พันธมิตร และลดฝ่ายตรงข้ามไปด้วยพร้อมกัน เรียกว่าเป็นตัวแปรสำคัญในสงครามเลยทีเดียว”

“ไม่เข้าใจอ่ะ ค่าพลังเพิ่ม 100% มันก็แค่กลายเป็นสองเท่าไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ครับค่าพลังที่เป็นตัวเลขเพิ่มขึ้นแค่สองเท่า แต่ประสิทธิผลในการใช้งานจริงจะต่างกันเป็นสิบเท่าร้อยเท่า ยิ่งระดับสูงยิ่งส่งผล ยิ่งมีค่าพลังสูงยิ่งส่งผล ในเกมนี้คนที่มีค่าความแข็งแกร่งต่างกันเกินสิบหน่วย ก็แทบจะเรียกได้ว่าคนละระดับแล้ว อย่าว่าแต่ต่างกันเป็นร้อยหน่วย”

“อืม งั้นเหรอ … งั้นก็คงจะดีมั้ง”

แม็กนั่งฟังแล้วครุ่นคิด อีกฝ่ายอธิบายมีเหตุมีผลน่าเชื่อถือ แต่เพราะเขาไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการเล่นเกมนัก เขาจึงยังนึกภาพเหล่านี้ไม่ออก

“ดีแน่นอนครับ เชื่อผมได้เลย เอาล่ะครับ คุณแม็กมีคำถามอะไรเพิ่มเติมมั้ยครับ หากไม่มี ผมจะได้ส่งคุณกลับไปยังกระโจมของซิบิลคาร่า”

“เอ่อ เดี๋ยวนะ แล้วไอ้เควสของโครนอส นี่คือยังไง?”

“เรื่องนี้ผมบอกไม่ได้ครับ”

“โธ่ นิดนึงน่า ใบ้ให้หน่อยก็ดี อย่างน้อยก็บอกหน่อยว่าถ้าปล่อยออกมาแล้วจะเป็นยังไงต่อ”

“ผมก็อยากบอกนะ แต่ผมบอกไม่ได้จริง ๆ และที่สำคัญ การปลดปล่อยมีหลายรูปแบบ หลายแนวทาง ผลที่ออกมาเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายจากการกระทำ ดังนั้นต่อให้ผมบอกได้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะบอกยังไงเหมือนกัน”

“อืม ๆ งั้นก็หมดแล้วล่ะ ขอบคุณครับคุณ GM 008 ช่วยส่งผมกลับไปได้เลย”

“ไม่มีปัญหาครับ ทางผมเสียอีกที่ต้องขอโทษกับการแทรกแซง”

แม็กลุกขึ้นยืนแล้วผงกหัวขอบคุณต่อ GM หนุ่มคนนี้ ในขณะที่เขาเองก็ผงกหัวตอบ จากนั้นร่างของแม็กก็เริ่มเบาวูบกระจายกลายเป็นอณูแสง และก่อนที่เขาจะถูกส่งกลับไปยังที่เดิม เขาก็มองเห็นเด็กน้อยน่ารักน่าชังสองคนวิ่งกระโดดไปกอดกับ GM หนุ่มคนนั้น แล้วร้องเรียกพ่อจ๋า

ภาพใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขของจีเอ็มหนุ่มทำให้แม็กรู้สึกสะท้อนใจบางอย่าง เพราะจากบทสนทนานั้นทำให้เขาทราบว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงบันทึกความทรงจำของบุคคลในอดีตคนหนึ่ง นั่นไม่ใช่มนุษย์เช่นตัวเขา และไม่ใช่ NPC ที่ไม่มีชีวิต

อย่างไรก็ตามขณะที่แม็กกำลังจับจ้องมองดูความอบอุ่นของสามพ่อลูก จีเอ็มคนนั้นก็หันมาทำท่าเหมือนจะนึกอะไรได้ จีเอ็มหนุ่มพูดประโยคทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค ก่อนที่ภาพทุกอย่างที่แม็กมองเห็นจะเลือนหายกลายเป็นแสงสีขาว

“อ๊ะ แย่จัง ผมก็ลืมแนะนำชื่อตัวเอง เอาไว้หากเจอกันอีกก็ทักได้นะครับ ผมชื่อริว”

…………………………………………..

ข้อมูลพื้นฐานของตัวละคร
ชื่อ : Guyver เผ่าพันธ์ : Titan(ไททัน) ระดับ : 1
ทรัพย์สิน: 28,980 เหรียญทอง – 10 เหรียญเงิน – 1,000 เหรียญทองแดง
พลังชีวิต : 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังเวทย์ : 5,630 / 10,000 (class limited)
พลังจิต: 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังปราณ: 10,000 / 10,000 (class limited)
ความแข็งแกร่ง : 100 (class limited)
ความคล่องแคล่ว : 100 (class limited)
ความอดทน : 100 (class limited)
ความฉลาด : 100 (class limited)
ความแม่นยำ : 100 (class limited)
ความโชคดี : 100 (class limited)
อาชีพ : Angelus (นักบวช คลาส 6)

…………………………………………..

Related

Prev
Next

Comments for chapter "Xtreme Online 12 - เผ่าพันธุ์ใหม่"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved