The Paradox & The Zodiac by Buta - The Zodiac บทที่ 5.6 จักราศูนย์
The Zodiac บทที่ 5.6 จักราศูนย์
‘ ไกรวิทย์ จานีส และเรอินะ…พวกเจ้าจงกลับออกไปก่อน…แต่จงปล่อยร่างเด็กหญิงผู้นี้เอาไว้ เรามีสิ่งที่ต้องทำตามคำขอร้องของเด็กหญิงนามพิมพ์มาดาผู้นี้..’
‘อะไรนะ….’
ผม ส่งจิตอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจเมื่อได้รับรู้ถ้อยคำที่ไกอาเปล่งออกมาใน วินาทีสุดท้ายก่อนที่ผม จานีส และเรอินะ จะนำร่างน้องพิมที่ยังคงหลับไหลออกไปจากมิตินิรกาลแห่งนี้
‘เด็ก น้อยไกรวิทย์ ตลอดเวลาที่พวกเจ้าสนทนากันในมิตินิรกาลแห่งนี้ จิตที่ดำรงอยู่ในร่างเด็กหญิงวัย 10 ปีนางนี้ได้ติดต่อกับเราตลอดเวลา จิตของนางรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและได้ขอร้องให้เราหาทางช่วยเหลือให้นาง สมปราถนา สิ่งที่นางต้องการนั้นอยู่ในวิสัยที่เรากระทำได้และตัวนางเองก็ยอมรับ เงื่อนไขที่เราบ่งบอกออกไป ดังนั้นเราจึงต้องรั้งร่างและจิตของเด็กหญิงผู้นี้เอาไว้ก่อน และจะส่งนางกลับตามพวกเจ้าในออกไปในทันทีที่เราช่วยนางเสร็จสิ้น..’
‘ท่าน ไกอา…ท่านจะบอกจานีสให้รู้ได้ไหมว่าน้องพิมปรารถนาสิ่งใด และเหตุใดท่านไกอาผู้อยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวงในจักรวาลแห่งนี้จึงยอมรับ คำขอของนาง’
จานีสส่งจิตที่สำรวมสอบถามไปยังมวลจิตแห่งไกอาที่แผ่ปก คลุมอยู่ในมิตินิรกาล ด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความสงสัย ซึ่งเป็นข้อสงสัยเดียวกันที่กำลังเกิดในใจขึ้นกับผม ขณะที่คลื่นจิตของไกอาส่งตอบมาด้วยกระแสจิตที่ราวกับจะแฝงความขบขันเอาไว้ เลือนราง
‘จิตของเด็กน้อยจานีสเจ้าเต็มไปด้วยความกระหายในการเรียน รู้ เราชื่นชมเจ้ายิ่ง และเราก็รับรู้ดีว่าในส่วนลึกในใจของเจ้ามีความไม่พอใจเราอยู่ เนื่องจากเจ้าเห็นว่าเราไม่ช่วยเหลือพวกเจ้าในการต่อสู้กับจักรราศี ไม่ว่าจะบ่งบอกความเคลื่อนไหวของจักรราศรีที่เรารับรู้กระจ่างแจ้ง หรือการแนะนำหนทางให้เด็กน้อยไกรวิทย์ไปผนึกจิตวิญาณร่วมกับร่างแห่งจิตของ เทพวิรุณปักขะในมหาอาณาจักรปราณที่ล่มสลายอยู่ใต้พื้นพิภพ เรากล่าวถูกต้องหรือไม่?’
‘จานีสไม่กล้า…’
จิตจานีสส่งออก มาอย่างตะกุกตะกักเมื่อรับรู้ว่าทุกซอกมุมของจิตตนเองไม่มีสิ่งใดปิดบังจิต จักรวาลที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่จักรวาลก่อกำเนิดนี้ได้
‘เด็ก น้อยจานีส เราบอกเจ้าได้ว่า การที่เรายอมสนองคำขอของเด็กหญิงนางนี้นั้น เนื่องจากสิ่งที่นางขอมิได้เป็นไปเพื่อตนเองหรือทำร้ายผู้ใดทั้งสิ้น สิ่งที่นางต้องการไม่ขัดต่อกฎธรรมชาติที่พวกเจ้าดำรงอยู่ และที่สำคัญที่สุด การที่นางถือกำเนิดมาเป็นทาริกาอสุระ ผู้ครอบครองพลังแห่งธารอสุระ อันเป็นพลังแห่งธรรมชาติที่ก่อเกิดรองรับทุกสรรพสิ่ง จึงเท่ากับนางคือผู้ที่สืบทอดพลังบริสุทธิ์แห่งไกอาที่เป็นพื้นฐานของชีวิต ทั้งมวล ในสภาพนี้หากเรามีจิตปัจเจกและร่างกายที่ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่เช่นมนุษย์ เราก็คงจะถือได้ว่านางคือบุตรีแห่งเรา ดังนั้นสิ่งที่นางร้องขอเราจึงสามารถตอบสนองนางได้ บัดนี้พวกเจ้าจงกลับออกไปจากมิตินิรกาลนี้ได้แล้ว นางจะตามพวกเจ้ากลับออกไปในเวลาอึดใจเดียวหลังจากพวกเจ้าพ้นออกจากม่านปฏิ สาร….’
ก่อนที่จิตของไกอาจะถ่ายทอดถ้อยคำทั้งหมดออกมา ร่างของน้องพิมที่ยังคงหลับใหลตลอดเวลาที่อยู่ในมิตินิรกาลพลันเกิดแสงสว่าง เรื่องเรืองรอบกาย จนกลืนร่างเด็กหญิงเอาไว้ภายใน และเลื่อนลอยเข้าไปสู่ม่านหมอกสีขาวกึ่งกลางห้องจนหายลับไปพร้อมกับจิตสุด ท้ายของไกอาที่ถ่ายทอดออกมา แสงสว่างที่เรืองรองในห้องพลันมืดสนิท มีเพียงแสงสว่างเรืองรูปวงกลมของประตูทางเข้าของมิตินิรกาล สาดออกมาให้เห็นทางเดินหินที่ทอดไปยังวงกลมแสง ซึ่งผมรู้ดีว่านั่นคือตำแหน่งของม่านปฏิสารที่จะนำ ผม จานีส และเรอินะ กลับไปสู่โลกภายนอก แต่การที่ร่างกายน้องพิมหายลับไปพร้อมกับจิตของไกอา ทำให้จิตที่ผูกพันกับน้องพิมของผมสะท้านอย่างรุนแรงจนร่างขยับวูบเพื่อไปใน ทิศทางที่น้องพิมหายลับไปอย่างลืมตัว แต่มือน้อยๆ ข้างหนึ่งคว้าข้อมือผมและฉุดเอาไว้พร้อมกับเสียงทางจิตที่หวานใสของเรอินะ ดังขึ้น
‘พี่เอ…ไม่ต้องตามไปหรอก เรอินะเชื่อว่าสิ่งที่น้องพิมปราถนาจะต้องได้รับจากท่านเทพไกอาอย่างแน่นอน นี่เป็นความปราถนาของน้องพิม และภายใต้การดูแลของท่านเทพไกอา จะไม่มีทางเกิดอันตรายใดๆ กับน้องพิม เราออกไปรอน้องพิมด้านนอกเถอะ..’
‘พี่ เอ…เรอินะพูดถูกแล้ว จริงดังเช่นที่ท่านไกอาบอก น้องพิมคือทาริกาอสุระผู้ครอบครองธารอสุระ นางคือมนุษย์หนึ่งเดียวที่สืบทอดพลังงานบริสุทธิ์แห่งไกอา การที่ท่านเทพไกอารับตัวนางไปจึงมีแต่คุณประโยชน์ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น..พวกเรากลับออกไปเถอะ…’
จิตจานีสที่ดังขึ้นตามเรอินะ พร้อมกับมือเรียวนุ่มนวลของร่างใหม่ที่ก่อกำเนิดจากวิชาเทพผนึกจิตกุมมืออีก ข้างของผมไว้ ดวงตาที่ส่งประกายแวววาวของหญิงสาวผู้งดงามทั้งสองสบตาผม ก่อนดึงร่างผมให้ก้าวเดินไปตามพื้นหิน ทำให้ผมต้องถอนใจออกมาเบาๆ พยายามตัดใจที่สับสนห่วงกังวลน้องพิมออกจากสมอง และก้าวเดินไปพร้อมกับจานีสและเรอินะกันจนมาถึงหน้าม่านแสงรูปวงกลมที่จะนำ ออกไปสู่โลกภายนอก..แต่ทันใดนั้นปราณในร่างผมก็สัมผัสได้ถึงกระแสพลังปราณ มหาศาลที่ดำรงอยู่ภายนอก ประสบการณ์ในการต่อสู้ผมบอกให้รู้ในทันทีว่าปราณนั้นเป็นปราณที่รุนแรงและ กราดเกรี้ยวที่สุดที่ผมเคยประสบมาในชีวิต ผมสูดลมหายใจโคจรปราณผนึกจิตก่อเกราะนิลกาฬขึ้นพร้อมส่งจิตบอกหญิงสาวทั้ง สองข้างกายในทันที
‘จานีส เรอินะ…ระวังไว้ พี่สัมผัสได้ถึง…….’
ยัง ไม่ทันที่ผมจะส่งจิตจบสิ้นข้อความ ผมก็ต้องชะงักคำพูดเมื่อรับรู้ว่าไม่จำเป็นที่ผมจะต้องส่งจิตเตือนหญิงสาว ทั้งสองแม้แต่น้อย เพราะร่างจานีสและเริอินะที่ข้างกายผมกำลังกระจายปราณออกจากร่างพร้อมกัน เกราะปราณสีส้มเรืองรองของเรอินะส่งประกายเจิดจ้าราวเปลวเพลิง สะท้อนเกราะปราณแก้วผลึกใสของจานีสที่ก่อตัวขึ้นพร้อมกันจนเกิดม่านแสงสีส้ม ระยิบระยับ ทำให้ผมรับรู้ในทันทีว่าทั้งจานีสและเรอินะก็รับรู้ถึงปราณที่รุนแรงก่อตัว อยู่ภายนอกเช่นเดียวกัน และได้ผนึกปราณในร่างขึ้นเต็มที่เพื่อรอรับการโจมตี
‘พี่ จานีส…ระวังไว้ ปราณจักราคู่ของพี่จานีสแม้จะทรงพลังทำลายมหาศาล แต่พลังของมันเหมาะสำหรับการต่อสู่ตัวต่อตัว ต่างจากธนูสลายจิตของเรอินะที่กระจายออกไปในทุกทิศทาง เรอินะเห็นว่าพี่จานีสควรผนึกม่านพลังแห่งปราณจักราคู่เป็นเกราะปกป้องพวก เราไว้ แล้วให้เรอินะใช้ธนูสลายจิตโจมตีศัตรูภายนอกเป็นการหยั่งกำลังก่อน…’
จิต ของเรอินะส่งออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง สะท้อนห็เห็นถึงประสบการณ์ในการต่อสู้ของเทวนารี ดวงตาสุกใสของหญิงสาวจับจ้องม่านพลังเบื้องหน้าเขม็ง ขณะที่มือขวาของอดีตเทวนารีแห่งราศรีธนูปรากฏประกายแสงวาบออกมาเป็นรูปคันศร มือซ้ายผนึกมวลปราณขึ้นเป็นกลุ่มก้อนพร้อมที่จะส่งออกไปในวิชาธนูสลายจิตได้ ทุกขณะ
‘เรอินะกำหนดถูกต้องแล้วจานีสเห็นด้วย…พี่เอระวังไว้ เมื่อเราออกไปภายนอก จานีสเชื่อว่ามวลพลังทั้งหมดจะโจมตีเราในทันที แต่ม่านปราณจักราคู่ที่ปกป้องเราเหมือนโล่ควรจะป้องกันได้ระยะหนึ่ง และเมื่อศัตรูต้องป้องกันตนเองจากธนูสลายจิตของเรอินะ พี่เอก็จะสามารถทำลายล้างพวกมันด้วยกาฬปราณในคราวเดียว….’
จิตจา นีสส่งออกมาอย่างหนักแน่น ด้วยสำเนียงราวกับแม่ทัพสั่งการกองทัพให้ต้านทานศัตรู จิตผมสัมผัสได้ถึงมวลปราณรูปกงจักรที่ก่อตัวซ้อนเป็นแผ่นผืนเบื้องหน้า เกราะปราณแก้วผลึกใสที่ห่อหุ้มร่างเปลือยเปล่างดงามของจานีสไว้ทอประกายเจิด จ้าจนแทบไม่สามารถจับตารมองตรงๆ ได้ ซึ่งแม้จะอยู่ในภาวะพร้อมต่อสู้เช่นนี้ จิตส่วนหนึ่งผมก็ยังอดยินดีไม่ได้เมื่อพบว่าเด็กสาวที่ไร้ปราณผู้เคยดำรง ชีวิตอยู่ด้วยพลังจากผลึกมังกรและประสบภัยจนกลับกลายเป็นคนพิการนั้น บัดนี้เด็กสาวคนนั้นได้กลับกลับมาเป็นผู้ทรงปราณที่เทียบเทียมเหล่าเทวนารี แห่งจักรราศี และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างผมไปจนกว่าชีวิตจะจบสิ้น ผมผนึกสมาธิรวมศูนย์ไว้กับปราณภายในไม่ให้แผ่กระจายออกไปนอกร่าง สูดลมหายใจลึก ก่อนส่งจิตออกไปอย่างจริงจัง
‘เรอินะ จานีส ตามพี่มา…’
‘ไม่ได้..พี่เออยู่ด้านหลัง คอยใช้กาฬปราณโจมตีพวกมันในครั้งเดียว ครั้งนี้ให้เรอินะเป็นผู้นำเถอะ…’
เร อินะส่งจิตห้ามผม ขณะที่ร่างงามปราดเปรียวในเกราะปราณยกสองแขนขึ้นพาดมวลพลังไว้บนคันธนูแสง ก่อนพุ่งวาบออกจากก้าวออกจากม่านปฏิสาร…โดยมีจานีสและผมถลันร่างตามออกไป ด้วยปราณในร่างที่ผนึกเต็มกำลัง
——————————————-
ท่าม กลางความเงียบสนิทของถ้ำกว้าง ร่างของรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี ปณิตรา ลอยตัวอยู่กลางอากาศในชุดเกราะปราณหลากสีสัน กึ่งกลางของหญิงสาวทั้งสี่ เป็นร่างของเซี่ยวเล้งผู้เคยเป็นเทวนารีแห่งราศีมังกร ในชุดเกราะปราณมังกรฟ้า สองแขนขาวผ่องยื่นออกดูดรับพลังปราณที่เกิดจากการผสมผสานปราณของหญิงสาวทั้ง สี่รอบกาย ก่อเกิดมวลปราณมหาศาลขึ้นสองขุมผนึกรวมในร่างพร้อมที่จะโจมตีในทันทีที่ ศัตรูปรากฏกาย ดวงตายาวเรียวด้วยเชื้อชาติชาวจีนของเซี่ยวเล้งทอประกายวูบวาบ ขณะจับจ้องไปยังความเคลื่นไหวของม่านปฏิสารเบื้องล่าง ปราณแห่งอดีตธิดามังกรฟ้าสัมผัสได้ถึงขุมพลังที่กำลังผนึกตัวพร้อมจะทะลัก ออกมาทุกขณะจิต
‘พี่ริน พี่กิฟท์ น้องทิพย์ น้องนิว ระวังไว้ พวกมันกำลังจะออกมาแล้ว เซี่ยวเล้งสัมผัสได้ถึงมวลปราณมหาศาลอีกขุมหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง ทันทีที่เซี่ยวเล้งผนึกพลังทั้งหมดในวิชามังกรวิบัติโจมตี พลังที่ซ่อนอยู่นั้นจะพุ่งออกมาตอบโต้พวกเราอย่างแน่นอน เซี่ยวเล้งมั่นใจว่าคนผู้นี้ต้องเป็นผู้ที่มีพลังปราณเข้มแข็งที่สุดและเป็น ผู้นำของกลุ่ม ดังนั้นเมื่อเซี่ยวเล้งโจมตีแล้วขอให้ทุกคนแยกย้ายไปอยู่ด้านบนม่านปฏิสาร เพื่อเตรียมจัดการคนผู้นี้ เซี่ยวเล้งจะจัดการพวกที่เหลือเอง…ระวัง มันออกมาแล้ว’
จิตที่เครียดเขม็งของเซี่ยวเล้งส่งออกไปอย่างร้อนรน ขณะที่หญิงสาวทั้งสี่นางขานรับอย่างพร้อมเพรียง ปราณทั้งหมดในร่างถูกส่งเป็นเส้นสายไปยังใจกลางฝ่ามือทั้งสองข้างของเซี่ยว เล้งจนรวมตัวเป็นลูกกลมแสงในมือทั้งสองข้าง แต่ก่อนที่เซี่ยวเล้งจะเคลื่อนลูกกลมทั้งสองมารวมกัน ร่างสตรีงามนางหนึ่งในชุดเกราะปราณสีส้มสดใสก็ถลันวูบออกมาจากม่านปฏิสาร พร้อมประกายแสงเรืองรองเป็นเส้นสายแผ่กระจายออกไปในทุกอณูของอากาศ..
‘ผนึกปราณสู่เกราะ…ระวังให้ดี นั่นคือธนูสลายจิตแห่งนารีธนู…’
จิตเซี่ยวเล้งตวาดเตือนออกมาอย่างร้อนรนขณะผนึกมวลพลังในมือทั้งสองผสานเข้าเป็นหนึ่งแล้วผลักออกไปยังร่างของนารีธนูเบื้องล่าง
………….เปรี้ยง….เปรี้ยง……
เสียง ระเบิดกึกก้องเมื่อมวลปราณแห่งวิชามังกรวิบัติที่กราดเกรี้ยวรุนแรงจากการ ผสานปราณร่วมกับรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และปณิตา ทำลายม่านแสงนับหมื่นของธนูสลายจิตเป็นช่องทะลวงลงไปยังเป้าหมาย แต่ก่อนที่พลังจะกระทบร่างนารีธนู ร่างสตรีงามในชุดเกราะโปร่งใสก็ถลันวูบมาเคียงข้าง สองมือยกขึ้นสูงผนึกพลังปราณรูปจานสองวงซ้อนขึ้น ปะทะกับพลังมังกรวิบัติอย่างหักโหม
…………ตูม……………..
ปราณ ที่เกรี้ยวกราดรุนแรงสุดขีดของมังกรวิบัติกระหน่ำลงไปยังม่านพลังเบื้องล่าง จนม่านพลังรูปจานทั้งสองแตกกระจาย เสียงระเบิดดังกึกก้องพร้อมแรงปะทะกระจายออกรอบด้านจนฝุ่นที่ปกคลุมพื้นถ้ำ กระจายขึ้นบดบังการมองเห็นของทุกคนไปอย่างสิ้นเชิง หัวใจเซี่ยวเล้งเต้นระทึกเมื่อรับรู้ว่าปราณรูปจานที่ก่อเกิดเบื้องล่างนั้น คือปราณของผู้ใด หญิงสาวสูดลมหายใจลึกยาวก่อนส่งจิตตวาดกึกก้อง
‘ทุกคนแยกย้ายกันโจมตี นั่นคือปราณจักราคู่แห่งเทวนารีราศีตุลย์…เซี่ยวเล้งจะจัดการคนที่ซ่อนอยู่หลังเทวนารีทั้งสองเอง…’
ริน ลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และปณิตา ขานรับคำสั่งการของเซี่ยวเล้งพร้อมกัน ร่างงามทั้งสี่ทะยานขึ้นกลางอากาศ แยกออกเป็นสองสาย แต่ทันใดนั้นแสงเรืองรองเป็นสายก็พุ่งวาบออกจากร่างนารีธนูที่เบื้องล่าง แยกย้ายพุ่งเข้าใส่ริรลดาและอัจฉริยาราวกับมีชีวิต ขณะเดียวกันมวลพลังอีกขุมหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นกลางอากาศ พลังรูปจานสองวงที่คมกริบถูกสะบัดออกจากร่างสตรีงามที่ห่อหุ้มร่างในเกราะ ปราณโปร่งใส เข้าหาทิพย์วารีและปณิตาด้วยความเร็วราวประกายไฟ
รินลดา ขบกรามแน่น สองมือหญิงสาวผนึกปราณจิตมารขึ้นวาดเป็นวงล้อมรอบร่างกายก่อม่านพลังสีดำปก คลุมตนเองและอัจฉริยาเอาไว้ ขณะที่แสงจากธนูสลายกายพุ่งวาบเข้าหา พลังที่แหลมคมนับไม่ถ้วนพยายามทะลวงม่านป้องกันจิตมารของรินลดา ที่เร่งเร้าปราณต้านทานเอาไว้สุดกำลัง
‘น้องกิฟท์…จัดการมันเลย’
ริน ลดาส่งจิตบอกหญิงสาวข้างกายผู้เติบโตพร้อมกันมาราวกับพี่น้องแท้ๆ อัจฉริยาพยักหน้ารับพร้อมผนึกอัคคีเทพขึ้นสุดตัว ก่อนสะบัดมือส่งปราณเพลิงที่ร้อนแรงขนสามารถหลอมละลายโลหะฝ่าม่านมิตรมารออก ไปยังนารีธนู…
………แซ่ดดดดดดดด…………….บรึม….
อีก ด้านหนึ่งทิพย์วารีและปณิตารับรู้ถึงการโจมตีของพลังรูปจานคมกริบพุ่งวาบ เข้าหาด้วยความแหลมคมพอที่จะตัดทุกสิ่งออกเป็นสองส่วน ทิพย์วารีถลันร่างวูบฉุดร่างปณิตาให้ลอยขึ้นพร้อมกัน สองมือหญิงสาวส่งประกายสีฟ้าแตกกระจายออกราวใยแมงมุมแผ่เข้าครอบคลุมพลังรูป จานทั้งสองสายที่พุ่งเข้าหาจนพลังนั้นถูกกักอยู่ในร่างตาข่ายแสงของนาคบาศก์ แต่ความรุนแรงของพลังที่หมุนวนทำให้ตาข่ายนาคบาศก์สั่นสะเทือนราวกับจะฉีก ขาดออกได้ทุกขณะ
‘พี่ทิพย์…ผนึกมันไว้ นิวจะจัดการเทวนารีผู้นี้นี่เอง…’
ร่าง ของปณิตาพลันถลันวูบลงมาเบื้องล่าง สองมือหญิงสาวผนึกพลังน้ำแข็งนิรันดร์ขึ้นสุดตัวแล้วผลักพลังปราณที่เย็นจัด ราวความเย็นในขุมนรกอเวจีลงไปยังตำแหน่งของศัตรูที่เลือนลางอยู่ในกลุ่มหมอก จากฝุ่นที่คละคลุ้งเบื้องล่าง…
……………..ตูม……………..
พริบ ตาเดียวกันร่างของเซี่ยวเล้งก็ทะยานขึ้นกลางอากาศฝ่าข้ามขึ้นเหนือวงต่อสู้ ของทุกคน ปราณทั่วร่างผนึกเปี่ยมล้นก่อมายาภาพเป็นมังกรฟ้าแผ่พ่งพลังเรี้ยวกราดสุด ขีดไปยังบุคคลที่ผนึกปราณอยู่เบื้องหลังศัตรูที่บัดนี้อดีตธิดามังกรฟ้ามั่น ใจแล้วว่าคือนารีธนูและตุลยาเทวี สองเทวนารีแห่งจักราศรี คลื่นจิตที่แฝงพลังปราณเปี่ยมล้นตวาดก้องออกไปจนสะเทือนไปทั้งถ้ำกว้าง
“เราเซี่ยวเล้งผู้เคยดำรงฐานะธิดามังกรฟ้าแห่งราศรีมังกรขอแก้แค้นให้พี่เอ …เทวนารีแห่งจักราศรีอันต่ำช้ารับไว้…มังกรวิบัติ”
_______________________
คลื่น เสียงที่เกิดจากการปะทะปราณกับศัตรูที่รอคอยอยู่ภายนอกดังกึกก้องไปทั่ว… จิตที่กราดเกรี้ยวของจานีส เรอินะ ดังผสานกับจิตของศัตรูก่อเป็นสำเนียงสับสนจนผมไม่สามารถจับใจความได้ พลังปราณจักราคู่และธนูสลายจิตของหญิงาวทั้งสองปะทะกับพลังปราณมหาศาลที่ กระแทกเข้ามาด้วยอำนาจทำลายล้างที่สามารถบดขยี้ร่างของผู้ทรงปราณทุกคนในโลก ให้สลายเป็นธุลีได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยปราณเหนือโลกในระดับเดียวกับเหล่าเทวนารีของจานีสและเรอินะ ทำให้หญิงสาวทั้งสองยังคงสามารถต้านทานพลังนั้นเอาไว้ได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ ผมผนึกกาฬปราณในร่างกระจายไปทุกเซลของร่างกาย พร้อมกับรับรู้ว่ามีพลังปราณมหาศาลอีกขุมหนึ่งกำลังทะยานขึ้นเหนืออากาศข้าม การต่อสู้ของเรอินะและจานีสตรงเข้ามาหาผม
ผมสูดลมหายใจลึกกาฬปราณแผ่ พุ่งละอองสีดำสนิทปกคลุมทั่วร่าง จนบดบังเกราะนิลกาฬที่ผมผนึกขึ้นไปสิ้น ผมทะยานร่างขึ้นไปยังขุมพลังที่กำลังโถมลงมาราวแผ่นฟ้าถล่ม แต่ทันใดนั้นจิตผมก็รับได้ถึงคลื่นจิตที่คุ้นเคยตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ แฝงความโกรธเกรี้ยวสุดขีด
“เราเซี่ยวเล้งผู้เคยดำรงฐานะธิดามังกรฟ้าแห่งราศรีมังกรขอแก้แค้นให้พี่เอ …เทวนารีแห่งจักราศรีอันต่ำช้ารับไว้…มังกรวิบัติ”
‘เซี่ยวเล้ง’
ผม อุทานออกมาทางจิตด้วยความตระหนกสุดขีดเมื่อรับรู้ว่าการต่อสู้แลกชีวิตด้วย ปราณที่เกิดขึ้นเบื้องหน้านั้น กลับเป็นการต่อสู้ของหญิงสาวทุกคนที่ล้วนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผม แต่ดูเหมือนเสียงที่เกิดจากจิตที่ตื่นตระหนกของผมจะไม่สามารถถ่ายทอดออกไป ให้เหล่าหญิงงามทุกคนที่กำลังจรดจ่อกับการทำลายคู่ต่อสู้ได้ยิน และหยุดการแลกชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่อึดใจข้างหน้าได้ ผมตัดสินใจผนึกปราณทั้งหมดในร่างมายังกล่องเสียงและระเบิดพลังคลื่นเสียงออก มาด้วยวิชาปราณแห่งตระกูลนาม คชสีห์กัมปนาท อันเป็นวิชาที่มุ่งผนึกปราณแฝงคลื่นเสียงมุ่งทำลายสมาธิและปราณของคู่ต่อสู้ ไปพร้อมกัน
‘ทุกคนหยุดไว้ เดี๋ยวนี้ นี่พี่เอ…อย่าต่อสู้กันเอง…’
คลื่น เสียงที่แผงปราณเปี่ยมล้นกระแทกออกจากร่างของผมราวกับเป็นวัตถุที่สามารถ สัมผัสได้ กระจายออกไปทุกทิศทางจนกระแทกกับผนังถ้ำเกิดเสียงสะท้อนกึกก้อง พร้อมกับร่างของเหล่าหญิงสาวทุกคนที่กำลังแลกชีวิตกันสะท้านเฮือกกับปราณ เสียงที่พุ่งเข้าแทรกไปยังประสาทการได้ยินทุกส่วน ความเงียบเกิดขึ้นอึกใจหนึ่งท่ามกลางเสียงสะท้อนของปราณคชสีห์กัมปนาท ก่อนที่คลื่นจิตของทุกคนจะอุทานออกมาพร้อมๆ กัน
‘……………..พี่เอ…………………..’
ผม สูดลมหายใจลึกยาวเพื่อฟื้นฟูปราณที่สูญเสียไปจากการผนึกพลังทั้งหมดไปกับการ ผนึกปราณแฝงคลื่นเสียงจนสามารถผ่านเข้าสู่ประสาทการรับรู้ของทุกคน จนส่งผลทำให้การต่อสู้ยุติลงในในทันที ก่อนส่งจิตกระจายออกไปในม่านฝุ่นหนาทึบที่เกิดจากการปะทะของมวลปราณมหาศาล เมื่อครู่ที่ผ่านมา
‘ทุกคนหยุดอยู่ในที่ที่ตนเองอยู่….’
‘พี่เอ…พี่เอปลอดภัยรินดีใจเหลือเกิน แต่ทำไมพี่เอจึงไปอยู่ร่วมกับเทวนารีราศรีตุลย์และธนูที่เป็นศัตรูของพวกเราได้’
จิตที่แฝงความห่วงกังวลและความโล่งใจเอาไว้อย่างชัดเจนของน้องรินระล่ำระลักส่งออกมาในทันทีที่ผมส่งปราณเสียงออกหยุดการต่อสู้
‘น้อง พิม น้องกิฟท์ น้องทิพย์ น้องนิว เซี่ยวเล้ง ที่ทุกคนกำลังต่อสู้อยู่ คือจานีส และเรอินะผู้เคยเป็นเทวนารีราศรีธนูแต่ตอนนี้เรอินะได้มาอยู่ฝ่ายเราแล้ว
…ตอนนี้พี่ขอให้ทุกคนมารวมกันที่หน้าม่านปฏิสารพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ทุกคนรับรู้พร้อมกัน…’
ทันที ที่ผมส่งจิตออกไปจบ ร่างงามในเกราะปราณของน้องพิม น้องกิฟท์ น้องทิพย์ น้องนิว และเซี่ยวเล้งก็โฉบวูบผ่านม่านฝุ่นมายังตำแหน่งที่ผมบอก พร้อมกับที่จานีสและเรอินะ ก็ทิ้งร่างลงยืนข้างผม
‘พี่เอ…’
ร่างบอบ บางของน้องกิฟท์เป็นร่างแรกที่โถมเข้ากอดผมในทันทีที่ปลายเท้าสัมผัสพื้นถ้ำ พร้อมระล่ำละลักเรียกชื่อผมด้วยความดีใจ เรือนกายเด็กสาวเปลือยเปล่าขาวโพลงจากการสลายเกราะปราณออกจากร่าง ทำให้เรอินะที่ด้านข้างผมจับจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาแปลกใจ แต่ยังไม่ทันที่อดีตเทวนารีแห่งราศีธนูจะส่งจิตออกมา ร่างน้องริน น้องทิพย์ น้องนิว และเซี่ยวเล้งก็ทิ้งตัวลงสลายเกราะปราณที่ปกคลุมร่างออกพร้อมกันและถาโถม เข้าล้อมผมไว้ ส่งจิตออกมาดังเซ็งแซ่ จนผมต้องยกมือขึ้นเป็นสัญญาน ก่อนส่งจิตออกไปอย่างนุ่มนวล
‘พวกเราทุกคน ก่อนอื่นพี่ขอให้พวกเรารู้จักกับเรอินะผู้เคยเป็นเทวนารีแห่งราศีธนู แต่บัดนี้นางได้ละทิ้งฐานะนั้นเพื่อมาอยู่ร่วมกับพวกเราแล้ว’
ดวงตา ของเหล่าสตรีแห่งบ้านคชสีห์ทุกคู่หันมาจับจ้องร่างของเรอินะที่ยืนอยู่ข้าง ผมด้วยแววตาตื่นเต้นแฝงความประหลาดใจ ขณะที่เซี่ยวเล้งกลับเป็นคนแรกที่อุทานออกมาเมื่อเห็นดวงหน้างามคมคายของเร อินะเป็นครั้งแรกหลังจากม่านฝุ่นเริ่มจางลง หญิงสาวผู้เป็นอดีตธิดามังกรฟ้าโถมร่างเข้ากอดเรอินะแน่น ส่งจิตออกมาด้วยความปลื้มปิติ
‘เรอินะ นี่เรอินะจริงๆ เซี่ยวเล้งดีใจที่สุดที่ได้พบน้องสาวที่เซี่ยวเล้งรักอีกครั้ง’
สองแขนเรอินะกอดตอบเซี่ยวเล้งแน่น ดวงตาสะท้อนประกายน้ำตาออกมา ขณะที่ส่งจิตสั่นเครือตอบ
‘พี่ เซี่ยวเล้ง.. เรอินะก็ดีใจเหลือเกินที่ได้กอดพี่เซี่ยวเล้งอีกครั้ง เรอินะนึกว่าพี่เซี่ยวเล้งถูกศัตรูสังหารไปแล้ว ดีที่พี่เอใช้วิชามังกรวิบัติออกมาในการต่อสู้กับเรอินะ ทำให้เรอินะรู้ว่าพี่เซี่ยวเล้งยังคงมีชีวิตอยู่ เรอินะไม่รู้จะบอกพี่เซี่ยวเล้งได้อย่างไรว่าเรอินะดีใจเพียงใด…’
‘พี่ก็ดีใจ และที่สำคัญเราไม่ต้องเผชิญหน้ากันอีกต่อไปแล้วในเมื่อเรอินะกลับใจมายืนอยู่กับพี่เอ.. แต่..เอ๊ะ….’
เซี่ยวเล้งอุทานออกมาเบาๆ ดวงตาเรียวยาวคู่งามเปล่งประกายยินดี.. ก่อนส่งจิตที่แฝงสำเนียงหยอกเย้าออกมาเบาๆ
‘พี่ สัมผัสปราณในร่างเรอินะได้ว่านี่คือการโคจรของกาฬปราณอย่างแน่ชัด..นี่หมาย ความว่าท่านเทวนารีแห่งราศรีธนูผู้ดื้อรั้นไม่ยอมใคร โดนพี่เอเย็ดทำลายพรหมจรรย์ไปแล้ว…พี่เอนี่ไม่เคยปล่อยให้สาวงามรอดควยไป ได้เลยนะ’
‘พี่เซี่ยวเล้ง…ไม่เอาแล้ว…อย่าล้อเรอินะแบบนี้สิ..’
ใบ หน้างามคมคายของเรอินะแดงกล่ำด้วยความอาย ซุกหน้าเข้ากับทรวงอกเต่งสล้างของเซี่ยวเล้งแน่น ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน ซึ่งต่างพากันมาล้อมร่างหญิงสาวและส่งเสียงทักทายทำความรู้จัก
‘เอ๊ะ..ว่าแต่พี่จานีส..ทำไมพี่จานีสถึงสวมเกราะปราณ…แล้วเมื่อกี้..หรือว่า…’
จิต ที่แฝงสำเนียงแปลกใจของน้องนิวดังแทรกขึ้น ทำให้ทุกคนหยุดการสนทนากับเรอินะและหันไปยังร่างจานีสที่ยืนยิ้มน้อยๆ อยู่ข้างผมในชุดเกราะปราณแก้วผลึกกระจ่างใส จนเปิดเผยเรือนกายงดงามทุกสัดส่วนราวกับไม่ได้สวมใส่สิ่งใดป้องกันสายตาแม้ แต่น้อย…
‘จริงสิ…รินมัวแต่ตื่นเต้นกับเรอินะ..เลยลืมนึกไปว่า เมื่อครู่นี้เราปะทะกับผู้ทรงปราณระดับสูงสุดยอดสองคน คนหนึ่งก็คือเรอินะ ดังนั้นอีกคนหนึ่งก็ต้องเป็นจานีส..หมายความว่าจานีสสามารถใช้ปราณได้แล้ว และยังเป็นปราณแห่งเทวนารีราศรีตุลย์อีกด้วย..นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน’
‘พี่ รินพูดถูก เมื่อครู่นี้เซี่ยวเล้งปะทะกับปราณจักราคู่ของเทวนารีราศรีตุลย์อย่างไม่ผิด พลาด และเกราะปราณแก้วผลึกที่พี่จานีสสวมอยู่ แม้เซี่ยวเล้งจะ
ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็รู้ว่านี่คือเกราะปราณคู่กายของเทวนารีแห่งราศรีตุลย์..เซี่ยวเล้งงงไปหมดหมดแล้ว…’
จิต ของน้องรินและเซี่ยวเล้งที่ประสานออกมาพร้อมกัน ทำให้หญิงสาวทุกคนหันมาจับจ้องร่างจานีสเป็นตาเดียว จนจานีสต้องถอนใจเบาๆพร้อมกับสลายเกราะปราณที่ปกคลุมร่างและอยู่ในร่างกาย เปลือยเปล่าเช่นเดียวกับทุกคน เช่นเดียวกับเรอินะที่สลายเกราะปราณออกทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยว เล้ง ดวงหน้าอดีตเทวนารีแห่งราศรีธนูแดงฉานด้วยความอาย และซุกหน้ากับอกเต่งตึงของอเซี่ยวเล้งโดยไม่ยอมสบตากับผู้ใดทั้งสิ้น
ภาพ สตรีงามเปลือยเปล่าทั้งเจ็ดเบื้องหน้าผม ทำให้พลังชีวิตจากผลึกมังกรอัคคีในร่างผมปะทุขึ้นจนผมต้องรีบระงับจิตที่ ปั่นป่วนเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่ความต้องการจะส่งผลกระทบต่อหญิงสาวทั้ง เจ็ด และเริ่มทบทวนความทรงจำเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทุกคนรับ รู้ร่วมกัน แต่ผมก็ต้องงงงันวูบเมื่อพบว่าความทรงจำที่เกิดขึ้นหลังจากการผ่านมาปฏิสาร เข้าไปดูเลือนลางราวกับอยู่ในกลุ่มเมฆหมอกหนาทึบ ทั้งที่มันเพิ่งผ่านมาไม่เกินหนึ่งชั่วยาม ผมพยายามระงับสติก่อนส่งจิตปะติดปะต่อความทรงจำให้ทุกคนได้ร่วมรับรู้ เริ่มตั้งแต่ตอนที่แยกกัน การผ่านเข้ามาในที่นี้ตามมาด้วยการปะทะกับตุลยาเทวี จนผมถูกวิชาจิตราสูญครอบงำวิญญาณ จานีสและน้องพิมถูกปราณจากบริวารตุลยาเทวีทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่ได้เรอินะได้เข้ามาช่วยป้องกันเอาไว้ ตามมาด้วยการที่ผมหลุดออกมาจากจิตราสูญและต่อสู้กับตุลยาเทวีจนเป็นฝ่ายได้ เปรียบ แต่กลับทำให้เรอินะต้องถูกบังคับด้วยกฏแห่งจักราศรีให้มาต่อสู้กับผมแทน และต้องเผชิญกับการลอบทำร้ายของตุลยาเทวีที่แฝงร่างโจมตี จนผมและเรอินะบาดเจ็บสาหัสจนใกล้ดับสลาย แต่สภาวะดังกล่าวกับสอดคล้องกับเงื่อนไขการผ่านเข้าสู่ม่านปฏิสารโดยบังเอิญ ทำให้ทุกคนถูกดูดเข้าไปภายใน ซึ่งรวมทั้งตุลยาเทวีที่ถูกม่านปฏิสารสะท้อนจิตราสูญมาทำลายตนเองจนสูญสิ้น วิญญาณ หลงเหลือแต่ร่างกายที่ว่างเปล่า
ผมเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ให้น้องริน น้องกิฟท์ น้องทิพย์ น้องนิว และเซี่ยวเล้งฟังอย่างละเอียด แต่เมื่อการเล่าดำเนินมาถึงเหตุการณ์หลังผ่านเข้าสู่ม่านปฏิสาร ความทรงจำผมกลับรางเลือนราวกับถูกบางสิ่งปิดกั้นเอาไว้ แต่ผมก็ยังคงพยายามส่งจิตบอกเล่าความทรงจำออกไปให้ทุกคนได้ร่วมรับรู้
‘พี่ จำเรื่องหลังจากผ่านม่านปฏิสารเข้าไปได้เลือนลาง เท่าที่พี่จำได้ก็คือพอพี่รู้สึกตัวขึ้นก็พบว่าตัวเองปราศจากปราณ ชีพจรตีบตันใกล้สูญสลาย เรอินะเองก็เช่นกัน ในตอนนั้นจานีสได้ขอให้พี่เย็ดเรอินะเพื่อทำลายพรหมจรรย์ให้พลังจากผลึกรา ศรีกระจายออกมาทะลวงจุดตีบตันในร่าง แต่จักรปราณในร่างพี่กลับไม่สามารถก่อกำเนิดพลังเกื้อหนุนให้ควยพี่แข็งตัว ได้ ตอนนั้นพวกเราทุกคนทอดอาลัยต่อชีวิต แต่ร่างกายพี่ที่ปราณสูญสลายกลับได้รับพลังชีวิตลึกลับหนุนให้ควยพี่แข็งตัว จนสามารถอาศัยพลังจากผลึกราศีในร่างเรอินะกรุยจุดตีบตันของปราณในร่างได้ สำเร็จ และถ่ายทอดกาฬปราณไปสู่เรอินะ…หลังจากนั้นพี่ตรวจร่างกายของจานีสกลับพบ ว่าจักรปราณในร่างจานีสสูญสลายสิ้นกลับกลายเป็นคนพิการ พี่จึงตัดสินใจใช้วิชาเทพผนึกจิตสลายร่างของจานีสมารวมกับพี่เพื่อถ่ายไปยัง ร่างที่ปราศจากจิตของตุลยาเทวี จนร่างนั้นสลายเข้าร่วมกันก่อกำเนิดร่างของจานีสขึ้นใหม่ในสภาพที่สมบูรณ์ เช่นมนุษย์ปกติ พร้อมกับถ่ายทอดกาฬปราณเข้าสู่ร่างจนจานีสสามารถใช้ปปราณจักราคู่ของเทวนารี ราศรีตุลย์ได้ หลังจากนั้นพวกเราจึงพากันกลับออกมา และได้ปะทะกับพวกน้องริน น้องกิฟท์ น้องทิพย์ น้องนิว และเซี่ยวเล้งด้วยความเข้าใจผิดเมื่อครู่นี้..’
ตลอดเวลาที่ผมถ่าย ทอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังม่านปฏิสาร ใบหน้าของเรอินะแดงฉานเมื่อผมเล่าถึงช่วงที่ผมทำลายพลังจากผลึกราศี ซึ่งแม้ผมจะไม่ได้เล่าในรายละเอียดแต่ทุกคนก็รับรู้ในทันทีว่านั่นคือการ ทำลายพรหมจรรย์ที่สูงค่าของเทวนารี อากัปกริยาของเรอินะทำให้เซี่ยวเล้งยิ้มออกมาและสวมกอดหญิงสาวผู้เคยร่วม อยู่ในจักราศรีไว้แน่น ก่อนกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู จนทำให้เรอินะยิ่งหน้าแดงฉานขึ้นไปอีก
ตลอดเวลาที่อธิบายสิ่งที่ เกิดขึ้น หญิงสาวทุกคนต่างตั้งสติรับฟังการถ่ายทอดของผมอย่างตั้งใจ ซึ่งแม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะดูยากต่อการทำความเข้าใจสำหรับมนุษย์ธรรมดา แต่สำหรับหญิงสาวทั้งห้าผู้ดำรงตนอยู่ในโลกแห่งปราณและผ่านประสบการณ์ของ วิชาเทพผนึกจิตที่ผมเคยใช้ในการรวมร่างเหมียวกับหนูนิดเมื่อสองปีที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทันที
‘พี่เอ… จานีสยังสับสนมากเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังม่านปฏิสารนั้น ในความจำของจานีสทุกสิ่งที่พี่เอเล่าเป็นความจริง แต่จานีสกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดหายไปและบางสิ่งไม่สมเหตุผล… มันเหมือนกับว่ามีบางอย่างหายไปจากความทรงจำของพวกเรา…’
จิตจานีสส่งออกมาอย่างลังเลา ตามมาด้วยจิตของเรอินะที่แฝงน้ำเสียงงุนงงเช่นเดียวกัน
‘จริง อย่างที่พี่จานีสบอก เรอินะจำได้ว่าเรอินะมอบพรหมจรรย์ให้พี่เอด้วยความเต็มใจ แต่เรอินะกลับจำไม่ได้ว่าทำไมเรอินะจึงรักพี่เอ ทั้งที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก และตอนนี้หัวใจของเรอินะกลับเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อพี่เอ ทั้งที่เรอินะไม่เคยให้ความสนใจกับเพศตรงข้ามมาก่อน…’
จิตของเรอิ นะและจานีสที่บอกถึงความรู้สึกเดียวกับที่ผมรับรู้ ทำให้ผมอดกังวลใจขึ้นไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญในการเฉลยปริศนาให้สามารถอธิบาย ได้ด้วยเหตุผล และสิ่งนั้นกลับไม่ปรากฏอยู่ในความทรงจำที่ผมมีอยู่ แต่ก่อนที่ผมจะส่งจิตตอบจานีสและเรอินะ เสียงที่ตื่นตระหนกของน้องนิวก็ดังแทรกขึ้น
‘พี่เอ…แล้วน้องพิม…น้องพิมอยู่ที่ไหน’
__________________________________
ทันที ที่ร่างขอไกรวิทย์ เรอินะ และจานีส ก้าวล่วงพ้นจากม่านปฏสารออกไปสู่โลกปกติ ร่างของพิมพ์มาดาที่ยังส่องลอยอยู่ในมิตินิรกาลก็พลันเรืองแสงขึ้นในความมืด พร้อมกับคลื่นจิตที่อ่อนโยนแห่งไกอาดังขึ้น
‘เด็ก น้อยพิมพ์มาดา..ผู้ ครองจิตของเทวนารีแห่งอดีตกาล ทาริกาอสุระผู้ครอบครองธารอสุระอันเป็นพลังทีกำเนิดจากเราไกอา เด็กน้อยพิพม์มาดาเจ้าเปรียบได้ดังธิดาแห่งเรา เจ้ามั่นใจในคำขอร้องที่เจ้าขอต่อเรานี้หรือไม่..’
คลื่นจิตของไกอาแผ่กระจายไปทั่วมิตินิรกาล ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่จิตแผ่วเบาของเด็กหญิงจะดังขึ้นอย่างลังเล
‘ท่าน ไกอา พิมพ์ไม่เข้าใจที่ท่านไกอาบอกมาเลย แต่พิมพ์มั่นใจและแน่ใจในความต้องการของพิมพ์ที่จะมอบธารอสุระในร่างกายของ พิมพ์ให้พี่เอโดยเร็วที่สุด มิฉะนันแล้วหากปราศจากปฐมธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่รวมเป็นหนึ่ง พี่เอก็จะไม่สามารถต่อต้านจักรราศรีได้..
‘มารดา เทพ มารดาอสูร ธิดานาคราช และทาริกาอสุระ ต่างครอบครองปฐมธาตุศักดิ์สิทธ์ทั้งสี่แห่งพิภพ อุทกเทพ อุทกมาร วารีนาคราช และธารอสุระ เมื่อผสานเป็นหนึ่งเดียว พลังปราณแห่งเทพเจ้าจะก่อกำเนิด แต่สำหรับไกรวิทย์แล้ว ตราบใดที่จิตของเด็กน้อยนั้นยังไม่สามารถหลอมรวมกับจิตแห่งเทพวิรุณปักขะได้ อย่างสมบูรณ์ และปราศจากจิตแห่งปราณของเทพวิรุณปักขะที่คงค้างอยู่ในซากของมหาอาณาจักร ปราณมาหนุนเสริม การปะทะกับเทพเจ้าเช่นเทพสุรัสวดีนั้น ก็เฉกเช่นกับการขว้างมวลธุลีใส่หินผา ไม่มีทางที่จะต่อต้านนางได้ อย่าว่าแต่การปะทะกับสองมหาเทพสูงสุดแห่งพิภพเลย…เด็กน้อยพิมพ์มาดาเจ้าจะ ……’
คลื่นจิตที่ปราศจากอารมณ์ใดๆ ของไกอาถ่ายทอดออกมายังจิตของพิมพ์มาดาอย่างต่อเนื่องราวสายน้ำ แต่ก่อนที่คลื่นจิตจะถ่ายทอดออดมาจบสิ้น จิตของพิมพ์มาดาก็ดังขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
‘พิมพ์ตั้งใจแน่วแน่แล้ว…ท่านไกอากรุณาช่วยพิมพ์ด้วย…’
‘เด็ก น้อยพิมพ์มาดา เราไม่สามารถยุ่งเกี่ยวใดๆ กับเหล่ามนุษย์เช่นเจ้าได้ ดังนี้นสิ่งที่เราจะทำนั้นจึงไม่ใช่การช่วยเหลือใดๆ เพียงแต่ในเมื่อร่างเจ้ามาอยู่ในมิตินิรกาลที่ปราศจากเวลานี้ เราสามารถเคลื่อนไหวกฏธรรมชาติของกาลอากาศได้ตามต้องการ เจ้าเป็นเพียงแต่ร่างและจิตที่บังเอิญเข้ามาอยู่ในการเปลี่ยนแปลงของกาล อากาศในที่นี้เท่านั้น….จงสงบจิตให้ดี.และจำไว้ว่าจิตของเจ้าจะต้องประสบ ความว่างเปล่าแห่งกาลเป็นการทดแทนต่อการเปลี่ยนแปลงกาลอากาศนี้…’
‘พิมพ์พร้อมยอมรับทุกประการ ขอให้พิมพ์สามารถช่วยเหลือพี่เอได้เท่านั้น พิมพ์ก็พอใจแล้ว…’
‘ถ้าเช่นนั้น…เด็กน้อยพิมพ์มาดาเจ้าจงสงบใจ…เราจะก่อกาลอากาศในมิตินิรกาลนี้แล้ว’
ทัน ที่ที่คลื่นจิตแห่งไกอาถ่ายทอดเสร็จสิ้น..ประกายแสงเรืองรองที่ห่อหุ้มร่าง พิมพ์มาดาไว้ก็ทวีความเข้มข้นขึ้นจนก่อตัวเป็นผลึกแก้วใส ร่างเปล่าเปลือยของเด็กหญิงสั่นไหวเป็นระลอกราวคลื่นน้ำก่อนกระจายออกเป็นผง ธุลีเวียนว่อนอยู่ในลูกกลมแก้วและหมุนไปภายในด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง จนเร็วเกินกว่าสายตามนุษย์จะจับความเคลื่อนไหวได้ แต่ความเร็วนั้นยังเพิ่มขึ้นราวกับไม่มีวันสิ้นสุด ภาพที่ปรากฏจากภายนอกกลับกลายเป็นลูกกลมที่ค่อยๆ มืดสลัวลงทีละน้อยจนหายวับไป พร้อมกับที่คลื่นจิตของไกอาดังขึ้นราวจะรำพึงกับตนเอง
‘มวล สารแห่งกายและจิตเจ้าเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเทียบเท่าแสง…มวลสารในมิตินิร กาลก็ เคลื่อนสวนทางด้วยความเร็วเดียวกัน…กาลอากาศที่เด็กน้อยพิมพ์มาดาสถิตย์ อยู่จะเคลื่อนไปข้างหน้า สวนทางกับกาลอากาศในมิตินิรกาลที่ย้อนทวนกลับ..เด็กน้อยเจ้าจะได้สิ่งที่ เจ้าปราถนา แต่จิตเจ้าจะต้องประสบความโดดเดี่ยวตามระยะเวลาที่เจ้าได้มา…นี่คือ กฏธรรมชาติที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้…’
ความมืดกลับมาปก คลุมมิติ นิรกาลอีกครั้งหนึ่ง มีเพียงลูกกลมที่สถิตย์มวลสารของร่างและจิตพิมพ์มาดาซึ่งเคลื่อนหมุนวนด้วย ความเร็วแสงอยู่ภายใน โดยปราศจากผู้ใดรับรู้
————————————–
‘พี่เอ…แล้วน้องพิม…น้องพิมอยู่ที่ไหน’
จิต ที่ตื่นตระหนกของน้องนิวซึ่งมีความใกล้ชิดกับน้องพิมเป็นพิเศษมาโดยตลอด ดังขึ้นในจิตผมและหญิงสาวทุกคนที่ห้อมล้อมผมอยู่ ทำให้ผมสะท้านใจเฮือกขึ้นมาเมื่อระลึกได้ว่าน้องพิมได้เข้าสู่ม่านปฏิสาร พร้อมกันกับผมและจานีส แต่ดูเหมือนจิตของผม จานีส และเรอินะ กลับไม่ได้ระลึกถึงน้องพิมแม้แต่น้อย จนน้องนิวต้องส่งจิตมากระตุ้นเตือน จิตผมทวนความทรงจำถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในมวลอากาศทรงกลมหลังม่านปฏิสาร แต่ดูเหมือนภาพที่ผมระลึกได้นั้นมีเพียงร่างน้องพิมทีหมดสติไปตลอดห้วงเวลา ทั้งหมด และมื่อผมพยายามระลึกถึงการกลับออกมานอกม่านปฏิสาร ความทรงจำผมกลับไม่มีภาพน้องพิมกลับออกมาด้วยกันแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่ผมจะทิ้งน้องพิมผู้เป็นหนึ่งใน สตรีที่ผมรักเอาไว้เบื้องหลังเช่นนี้
‘พี่เอ…ทำไม จานีสถึงจำไม่ได้เลยว่าน้องพิมกลับออกมากับเราด้วยหรือไม่…’
‘น้อง พิมคือเด็กหญิงที่ผ่านเข้าในม่านปฏิสารพร้อมพี่เอ จานีส และเรอินะ…ข้อนี้เรอินะจำได้แน่นอน แต่ตลอดเวลาน้องพิมสิ้นสติ แต่เรอินะก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมน้องพิมถึงไม่กลับออกมากับพวกเรา…’
จา นึสและเรอินะส่งจิตสั่นสะท้านไปด้วยความวิตกเช่นเดียวกันกับผมออกมา สมองผมพยายามทบทวนความทรงจำอย่างสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่าความทรงจำบางส่วนของผมที่เกี่ยวกับน้องพิมถูกลบทิ้งไปอย่าง สิ้นเชิง จนผมต้องส่งจิตตอบไปอย่างสับสน
‘พี่จำได้ว่าพี่ได้เชื่อม จิตกับน้องพิมที่คงอยู่ในร่างเด็กชั่วขณะหนึ่ง แต่พี่กลับจำไม่ได้ว่าได้คุยอะไรกับน้องพิม ..นี่เกิดอะไรขึ้น…’
‘พี่ เอ ตอนนั้นจานีสบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังจำได้ว่าพี่ได้เชื่อมควยกับหีน้องพิมเพื่อติดต่อกับจิตน้องพิมใน ร่าง…และได้สื่อจิตกันอยู่ช่วงหนึ่งจริงๆ..แต่จานีสก็จำไม่ได้เหมือน…ดู ราวกับว่ามีความทรงจำบางอย่างของพวกเราขาดหายไปในที่นั้น..’
จิตของ จานีสบ่งย้ำถึงความทรงจำที่ถูกตัดตอนไปในชั่วขณะที่ผมอยู่ทรงกลมหลังม่านปฏิ สาร ผมสูดลมหายใจลึกก่อนหันไปทางน้องนิวและส่งจิตออกไป
‘น้องนิว…บอกพี่ได้ไหมว่านับตั้งแต่พวกเราแยกจากกัน จนเดี๋ยวนี้เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว..’
น้อง นิวสบตาผมด้วยแววตาครุ่นคิด..ซี่งเป็นลักษณะประจำตัวของเหมียวเพื่อนร่วมคณะ ที่กลับมาเป็นเมียรักและรวมร่างจิตวิญญาณกับหนูนิดจนเกิดเป็นน้องนิว แต่บุคลิกบางประการของเพื่อนรักผมยังคงอยู่ในร่างนั้น ซึ่งรวมทั้งความกระหายในการใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหาดังเช่นแววตาที่ผมเห็นอยู่ เบื้องหน้านี้
‘พี่เอ…เวลาทั้งหมดคือ 1 ชั่วโมง 23 นาที…เท่าที่นิวประเมินเหตุการณ์ทั้งหมดที่พี่เอเล่ามา อย่างน้อยมันต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง..แต่เวลาที่ผ่านไปจริงกับเป็นเพียงชั่วโมงเศษ พี่เอกำลังคิดเรื่องการบิดเบือนของกาลอากาศในวิชาเมตาฟิสิคส์ใช่ไหม’
ผม พยักหน้ารับการตั้งข้อสังเกตของน้องนิวโดยไม่แปลกใจเลยที่หญิงสาวสามารถ สันนิษฐานความคิดของผมได้ เพราะรู้ดีว่าด้วยพื้นฐานการศึกษาของเหมียวที่เรียนมาร่วมกับผมมาตลอด และการใช้ชีวิตร่วมกันมาจนปัจจุบัน ไม่มีความคิดใดของผมที่จะรอดพ้นการสังเกตที่ละเอียดอ่อนของน้องนิวได้
‘พี่ คิดว่าสิ่งที่เกิดกับพี่ จานีส เรอินะ และน้องพิม ต้องมีการบิดเบือนของกาลอากาศขึ้นหลังม่านปฏิสารนั้น แต่มันเดิกดขึ้นได้อย่างไร…เรื่องนี้…’
‘พี่เอ…ดูนั่น’
เสียง ของน้องทิพย์ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งหันหน้าเข้าหาม่านปฏิสารดังขึ้นในจิตของทุก คน ทำให้ผมต้องชะงักการถ่ายทอดจิต พร้อมกับที่สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องม่านปฏิสารพร้อมกัน และพบว่าอากาศที่โปร่งใสของม่านปฏิสาร กลับเป็นขุ่นมัวด้วยหมอกเรืองแสงสีขาว…และในชั่วอึดใจแสงนั้นก็สว่างจ้า ขึ้นจนส่องสว่างเจิดจ้า จิตผมสัมผัสได้ถึงจิตดวงหนึ่งที่กำลังเคลื่อนออกมาจากม่านปฏิสาร
‘นี่ เป็นลักษณะเดียวกันกับสภาพก่อนที่พี่เอ จานีส และเรอินะจะออกมาเลย….ทิพย์สัมผัสจิตดวงหนึ่งได้จิตนั้นเป็นจิตของผู้ที่ ปราศจากปราณ…พี่เอคิดว่าจิตนั้นจะเป็นของน้องพิมหรือเปล่า..’
จิต น้องทิพย์ส่งออกมาเบาๆ กับผม แต่ทุกคนที่ยืนอยู่หน้าม่านปฏิสารก็ได้ยินเช่นกัน..และผมเองก็รู้ดีว่าความ คิดของหญิงสาวทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ล้วนตั้งความหวังให้ร่างที่กำลังจะผ่านออก มานั้นคือร่างน้องพิม เช่นกัน
ท่ามกลางสายตาทั้ง 7 คู่ที่จับจ้อง ปลายเท้าขาวสะอาดของสตรีนางหนึ่งค่อยๆ ผ่านออกมาจากหมอกเรืองแสงของม่านปฏิสาร ตามมาด้วยร่างกายเปลือยเปล่าขาวโพลงของเด็กสาวแรกรุ่นที่ผ่านออกมาหยุดนิ่ง อยู่เบื้องหน้า พร้อมกับเสียงอุทานด้วยความยินดีของทุกคนดังขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน
‘น้องพิม’
ใบ หน้าเด็กหญิงที่ผมแสนรักหันไปรอบๆ อย่างงุนงงแว่บหนึ่ง ก่อนประกายตานั้นจะเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นร่างน้อยโถมเข้าหาผมพร้อมส่งเสียง ร้องออกมาด้วยความดีใจ
‘พี่เอ….’
ผมอ้าแขนออกเตรียมกอดร่าง เด็กหญิงไว้ในอ้อมอก แต่ยังไม่ทันที่น้องพิมจะกระทบร่างผม ร่างน้องพิมกลับชะงักอยู่ในท่าที่กำลังเตรียมโถมเข้าหา ราวกับเวลาของน้องพิมหยุดชะงักลงชั่วขณะ ดวงตาที่เบิกโพงปิดลงทันทีก่อนที่ร่างนั้นจะเริ่มทรุดฮวบลงกับพื้นถ้ำ แต่โชคดีที่น้องนิวซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดรีบโถมเข้าโอบร่างน้องพิมเอาไว้ทัน และส่งเสียงเรียกด้วยความตกใจ
“น้องพิม น้องพิม..เป็นอะไรไป..”
ผม รีบปราดเข้าไปหาน้องนิวที่กำลังประคองร่างเปล่าเปลือยของน้องนิวไว้ในอ้อม แขน ขณะที่น้องนิวค่อยๆ ย่อร่างลงปล่อยให้ท่อนล่างน้องพิมสัมผัสพื้นในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอน ร่างกายส่วนบนของเด็กหญิงอิงอยู่ในอ้อมแขนน้องนิวที่ประคองร่างเด็กหญิงเอา ไว้ ขณะที่ผม และหญิงสาวทุกคนพยากันทรุดตัวลงเคียงข้าง
“น้องพิม…เป็นอะไรไป…ตื่นเถอะ…”
น้อง นิวพยายามสั่นร่างน้อยๆ ที่ประคองไว้และส่งเสียงเรียกอย่างร้อนรน ขณะที่น้องทิพย์รีบเอื้อมมือไปกุมชีพจรข้อมือน้องพิมไว้และส่งปราณเข้าตรวจ สอบ ก่อนที่จะส่งจิตออกมาเบาๆ
‘พี่เอ…ร่างกายน้องพิมเป็นปกติทุกอย่างไม่มีส่วนใดบาดเจ็บ…แต่…เอ๊ะ..ทำไม’
จิตที่แฝงความแปลกใจของน้องพิมอุทานออกมาเบาๆ และรีบส่งจิตต่อออกมาอย่างร้อนรน
‘พี่เอ…ดูร่างกายน้องพิม…เห็นอย่างที่ทิพย์เห็นหรือเปล่า…’
ผม หันสายตาไปพิจารณาร่างน้องพิมตามคำบอกของน้องทิพย์ด้วยความงุนงง แต่แล้วผมก็ต้องสะท้านใจเฮือกเมื่อพบความผิดปกติของร่างน้องพิมเบื้องหน้า
ดวง หน้าน้องพิมที่ผมคุ้นเคยปรากฏต่อสายตา แต่ใบหน้านั้นกลับดูเหมือนว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบางประการที่ดูคุ้นตาผม พวงแก้มของเด็กหญิงวัย 10 ปีที่เคยกลมเป็นพวง ดูเหมือนจะยุบตัวลงจนทำให้ใบหน้ากลมแป้นที่แสนน่ารักของน้องพิมเปลี่ยนรูปไป เล็กน้อย แต่เมื่อผมเลื่อนสายตาต่ำลงมาที่ร่างท่อนบนผมก็ต้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อพบว่าทรวงอกที่แบนราบของน้องพิมนั้นกลับผลิบานตูมตั้งด้วยสัณฐานราวผล ส้มขนาดเล็ก ปลายยอดสีชมพูจัดชูช่ออวดความงามของทรวงอกเด็กสาวแรกรุ่นที่แม้จะดูด้วยตาก็ ยังรับรู้ได้ถึงความหยุ่นตึงยามสัมผัส..ต่ำลงไปสะโพกอวบอิ่มกลมกลึงปรากฏ อยู่แทนที่สะโพกเด็กหญิงวัย 10 ปีที่ผมคุ้นตา จนเกิดแนวคอดของช่วงเอวราวกับเด็กสาววัย 12-13 ปี.. และเมื่อสายตาผมเคลื่อนไปยังตำแหน่งกึ่งกลางสะโพก สิ่งที่ปรากฏกับสายตาทำให้ผมต้องชะงักการหายใจไปชั่วขณะ เมื่อพบกับภาพเนินรักไร้ขนของน้องพิมที่เคยคับแคบจนผมไม่อาจฝ่าแก่นกายลงไป ได้ กลับขยายตัวเป็นเนินอิ่มอูมอย่างเห็นได้ชัด สองแคมรักตึงแน่นไปด้วยกลีบเนื้อเปล่งปลั่งสีชมพูสดใส รับกับสะโพกที่ขยายตัวออกไปยังต้นขาอวบแน่นไปด้วยเนื้อหนังที่สมบูรณ์ เรียวตรงไปจรดปลายเท้า..ภาพที่เห็นเบื้องหน้าแม้จะเป็นร่างน้องพิมอย่างแน่ ชัดแต่ร่างนี้กับไม่ใช่ร่างน้องพิมที่ผมคุ้นเคยอย่างแน่นอน ความทรงจำของผุดภาพหนึ่งขึ้นมาในสมอง…ซึ่งผมรู้ในทันทีว่านี่คือร่างของ…
‘พี่เอ…พี่เอ…นี่คือน้องพิม น้องพิมที่พวกเราเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่คลองน้อย….’
จิต สั่นสะท้านของน้องทิพย์ดังขึ้นในจิตผม ตอกย้ำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ความทรงจำผมระลึกได้นั้นถูกต้องไม่ผิดพลาดแม้แต่ น้อย ร่างเปลือยเบื้องหน้าผมคือร่างของน้องพิมในวัย 12 ปี ที่ผมเคยรับความบริสุทธิ์เอาไว้ ในคืนก่อนที่ผมจะย้อนเวลากลับมา ซึ่งน้องทิพย์ก็คือบุคคลเดียวที่อยู่ร่วมกับผมและเคยเห็นเรือนร่างเปล่า เปลือยนี้มาก่อน….
‘พี่เอ…ดูที่หีน้องพิมอีกที…นั่นใช่สิ่งที่รินคิดไว้หรือเปล่า..’
จิต น้องรินส่งออกมายังจิตผมอย่างแผ่วเบา ทำให้ผมต้องหันไปจับจ้องกลีบเนื้อโหนกนูนของน้องพิม อย่างพิจารณาอีกครั้ง และพบว่าร่องรักของเด็กหญิงปรากฏหยดเลือดสีแดงคล้ำก่อตัวขึ้น และค่อยๆ แผ่ออกอย่างช้าๆ จนเอ่อล้นออกมาจากร่องรัก
‘พี่เอ..นั่นมันประจำเดือน…น้องพิมมีประจำเดือนแล้ว นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน…’
จิต น้องนิวส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ แต่ก่อนที่ผมจะส่งจิตตอบ จานีสก็เคลื่อนกายผ่านผมมาทรุดร่างอยู่ข้างน้องพิม และส่งจิตออกมาเบาๆ
‘พี่ เอ และพวกเราทุกคน…ร่างน้องพิมนี้ไม่ใช่น้องพิมที่พวกเราคุ้นเคยกัน…แต่นี่ ก็คือน้องพิม อย่างไม่ผิดพลาด จานีสเชื่อว่าสิ่งที่พี่เอสงสัยเรื่องกาลอากาศหลังม่านปฏิสารนั้นน่าจะเป็น ความจริง แต่ผู้เดียวที่จะตอบได้มีแต่ตัวน้องพิมเองเท่านั้น และพี่เอคงต้องทำหน้าที่นี้’
‘พี่จานีส….ตอนนี้เซี่ยวเล้งงงไปหมด แล้ว….ถ้าเซี่ยวเล้งดูไม่ผิดตอนนี้น้องพิมเติบโตจากเด็กหญิงวัย 10 ปี ไปเป็นเด็กหญิงวัยแรกรุ่นที่มีประจำเดือน ที่พี่เอสามารถเย็ดและรับเอาธารอสุระในร่างน้องพิมมาได้แล้วใช่หรือไม่..’
เซี่ยว เล้งส่งจิตถามจานีสด้วยน้ำเสียงผสมกันระหว่างความประหลาดใจกับความมุ่งหวัง ที่จะเห็นผมรับเอาธารอสุระในร่างน้องพิมเข้ามาผสานปฐมธาตุทั้งสี่ในร่าง แต่ก่อนที่ผมจะส่งจิตออกไป จิตของจานีสก็ดังขึ้นอย่างอ่อนโยน
‘เซี่ยว เล้ง เข้าใจถูกต้องแล้ว ตอนนี้ร่างของน้องพิมพร้อมสำหรับให้พี่เอเย็ด และวารีนาคราชในร่างพี่เอก็กำลังเรียกร้องต้องการจะหลอมรวมกับธารอสุระใน ทันที ดูที่ควยพี่เอก็รู้แล้ว…’
จิตของจานีสทำให้ผมรับรู้ถึงร่าง กายของตนเองทันทีว่าแก่นกายผมกำลังอยู่ในสภาพแข็งตัวอย่างเต็มที่ จนชี้ชูชันออกมาขนานกับพื้น ท่ามกลางสายตาหญิงสาวทุกคู่ที่จับจ้องเป็นตาเดียว และในทันใดที่ผมรับรู้ถึงการแข็งตัวของแก่นกาย ความต้องการทางเพศก็ปะทุพลุ่งพล่านในร่างทันที ทำให้หญิงสาวทุกคนที่รายล้อมผมอยู่หน้าแดงจัดด้วยผลกระทบจากพลังชีวิตจาก ผลึกมังกรที่ผมถ่ายทอดให้…
‘โอย…พี่เอ..เรอินะเป็นอะไรไปไม่รู้…ทำไมร่างกายเรอินะร้อนไปหมดแบบนี้…’
จิต ของอดีตเทวะนารีแห่งราศีธนูดังสั่นสะท้านขึ้นอย่างข่มกลั้นไม่ได้ เมื่อได้รับผลกระทบจากพลังชีวิตผลึกมังกรในร่างเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้เซี่ยวเล้งที่ยังคงกอดร่างเปล่าเปลือยของเรอินะเอาไว้ต้องกระชับอ้อม แขนแน่นขึ้น ก่อนส่งจิตตอบด้วยน้ำเสียงสั่นระริกเช่นกัน
‘เรอินะอดทน ไว้ก่อน…นี่คือผลจากพลังชีวิตของผลึกมังกรอัคคีที่พี่เอถ่ายทอดมาให้พวก เรา เมื่อใดก็ตามที่พี่เอเกิดความต้องการทางเพศ พวกเราทุกคนจะถูกโน้มน้าวไปพร้อมกันให้ร่วมเย็ดกับพี่เอ…ไม่ใช่แค่เรอินะ คนเดียวหรอกที่กำลังต้องการ เห็นไหมว่าตอนนี้ทุกคนต้องลงมานั่งกับพื้นหมดแล้ว ไม่มีใครยืนอยู่หรือฝืนร่างกายไม่ให้เกิดความต้องการทางเพศได้….และที่ สำคัญพี่เอสามารถเย็ดพวกเราได้ทุกคนตลอดเวลา…แต่ตอนนี้พี่จะ..’
‘อะห์ …….พี่เซี่ยวเล้ง…อูว์…..’
เร อินะส่งเสียงครางออกมาเมื่อมือเรียวงามของเซี่ยวเล้งเคลื่อนลงไปยังตำแหน่ง กลีบเนื้อที่กำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำเสียวของเรอินะแล้วเคล้นคลึงไปมาเบาๆ จนร่างปราดเปรียวของอดีตเทวนารีราศศรีธนูสั่นสะท้านด้วยความเสียว….ขณะ เดียวกับที่เซี่ยวเล้งพยายามส่งจิตส่งจิตออกมายังทุกคน
‘ขออภัยที่ เซี่ยวเล้งต้องช่วยน้องสาวผู้นี้ก่อน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เรอินะถูกครอบงำโดยความต้องการ และไม่มีประสบการณ์ในการต้านทานความรู้สึกนี้เช่นพวกเรา..ความต้องการทางเพศ ครั้งแรกของเรอินะถูกกระตุ้นจากผลึกมังกรอัคคีนี้ หากไม่ได้รับการผ่อนคลายนางอาจถึงขึ้นสูญสิ้นสติ จนอาจกระทบ กระเทือนต่อปราณในร่างได้ ’
ท่ามกลางเสียงครวญครางของเรอินะ ความต้องการของผมยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นทั้งที่ผมพยายามระงับเอาไว้อย่างยากเย็น จนจานีสต้องถอนใจและส่งจิตออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกชักเจนว่ากำลังพยายามสะกดกลั้นความต้องการทางเพศที่ ปะทุขึ้นมาอย่างเต็มที่
‘พี่เอ…พี่เอรู้สึกแบบนี้จานีสเองก็แทบ สะกดกลั้นตัวเองไม่ได้…หีจานีสเองก็ชุ่มไปหมดแล้วแต่ตอนนี้จานีสอยากขอให้ พี่ติดต่อน้องพิมในร่างนี้โดยด่วนก่อน…เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้น คืออะไร และธารอสุระในร่างนี้พร้อมที่จะถ่ายทอดออกมาหรือไม่…มิเช่นนั้นหากพี่เอ ผลีผลามเย็ดน้องพิมเดี๋ยวนี้โดยไม่ทราบเบื้องลึกของสิ่งที่เกิดขึ้น จานีสเกรงว่าทุกสิ่งจะพังพินาศลง.. เพียงแต่พี่เอต้องระงับจิตให้ดี ในการติดต่อกับน้องพิม เพราะวารีนาคราชในร่างพี่กำลังร่ำร้องจะเข้าผสานกับธารอสุระ หากธารอสุระพร้อม น้องพิมจะก้าวเข้าสู่ฐานะทาริกาอสุระโดยสมบูรณ์ ความต้องการของพี่เอที่จะครอบครองพรหมจรรย์ของธาริกาอสุระจะสูงกว่าก่อนหน้า นี้หลายเท่า…จานีสจะคอยเฝ้าระวังอยู่ด้านข้าง…น้องพิมพ์…น้องริน… น้องกิฟท์…น้องนิว…ขอให้สงบจิตและความต้องการไว้ก่อน….และมาช่วยจา นีสนะ…’
หญิงสาวทุกคนส่งจิตรับคำขอของจานีสด้วยใบหน้าแดงฉานจาก อารมณ์ที่พลุ่มพล่าน แต่ก็พากันมาล้อมร่างน้องพิมไว้โดยไม่โต้แย้ง…มีเพียงเซี่ยวเล้งที่ทาง หนึ่งเฝ้ารับฟังสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับเร่งระดมนิ้วมือกระตุ้นหลืบรักของเรอินะที่กำลังถูกความต้องการทาง เพศแผดเผาร่างกายจนส่งเสียงร้องครวญครางออกมาไม่ขาดสาย
ผมสูดลมหายใจ ลึกยาว ขยับร่างเข้ากลางท่อนขาอวบของน้องพิมที่น้องนิวกับจานีสช่วยกันแยกออกจากกัน จนเนินรักอิ่มอูมปรากฏเด่นอยู่เบื้องหน้า กลีบเนื้อไร้ขนที่ถูกบังคับจากท่าแยกของขาทำให้เกิดการเผยอออกจากกันเล็ก น้อย เปิดทางให้เลือดประจำเดือนครั้งแรกของน้องพิมทะลักออกมาเป็นทางผ่านร่อง สะโพกลงไปยังพื้นถ้ำ แต่เลือดประจำเดือนและกลิ่นคาวคละคลุ้งที่อบอวลไปทั่วนั้น แทนที่จะทำให้ความต้องการของผมลดลง มันกลับกลายเป็นการกระตุ้นความต้องการที่จะฝังแก่นเนื้องเข้าไปภายในจนสติผม แทบไม่สามารถควบคุมได้ ผมค่อยๆ จ่อปลายแก่นกายเข้ากับร่องรักที่ชุ่มไปด้วยเลือดประจำเดือน ขนาดของกลีบเนื้อที่ขยายตัวขึ้นและเลือดที่เอ่อซึมออกมาทำให้หัวบานผมผ่าน เข้าไปได้โดยแทบไม่ต้องออกแรงใด…ผมสะกดความต้องการของตัวเองอย่างเต็มที่ ขณะสัมผัสจิตที่ร้อนรนของน้องพิมถ่ายทอดออกมา
‘น้าเอ…น้าเอ…พิมอยู่ที่นี่แล้ว….พิมห่างน้าเอไปนานเหลือเกิน…’
‘พิม…พี่ได้ยินแล้ว…นี่เกิดอะไรขึ้นทำไมร่างกายน้องพิมเปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบนี้ได้..’
‘น้า เอ พิมก็ไม่รู้เหมือนกัน..พิมจำได้แต่ว่าตอนที่พวกเราอยู่ภายในที่ว่างรูปทรง กลมนั้น จิตพิมร่ำร้องตลอดเวลาที่จะเติบโตขึ้นเพื่อมอบร่างกายให้น้าเอโดยเร็วที่สุด แต่ก่อนที่พี่เอจะกลับออกมา ร่างพิมกลับถูกดูดกลับเข้าไปแล้วจิตกับร่างพิมก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วจน ร่างกายแยกสลายออกเป็นอณูเล็กๆ แต่จิตของพิมยังคงรับรู้ถึงเวลาที่ผ่านไปได้…มันนานเหลือเกินน้าเอ… พิมติดอยู่ในนั้นนานเป็นปี จนพิมแทบเป็นบ้าตายไปกับจิตที่ปราศจากการสัมผัสใดๆ ถ้าจิตพิมไม่ตั้งมั่นอยู่กับความรักที่น้าเอมีให้พิม พิมคงไม่สามารถอดทนได้แน่ๆ’
คำบอกเล่าของจิตน้องพิมที่ระบุว่าได้ติด อยู่ภายในม่านปฏิสารเป็นเวลานานนับปี ทำให้ผมงุนงงไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันจิตน้องนิวก็แทรกผ่านการสนทนาเข้ามาเบาๆ
‘น้องพิม…ที่น้องพิมบอกว่าร่างกายน้องพิมแตกออกเป็นอนูและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วนั้น น้องพิมรับรู้ถึงสภาพรอบด้านหรือไม่…’
‘พี่ นิว พิมรับรู้แต่ว่ามีการเคลื่อนที่สวนกันระหว่างร่างที่แตกเป็นอนูของพิม กับภายนอกที่มวลอากาศเคลื่อนที่สวนทางด้วยความเร็วที่ไม่สามารถบอกได้ แต่จิตพิมถูกกักเอาไว้ในอาณาเขตจำกัด ทำได้แต่เพียงเฝ้ารอเวลาที่เคลื่อนไปราวกับไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น…’
คำ อธิบายของน้องพิมทำให้เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาในจิตผม ความทรงจำเกี่ยวกับวิชาเมตาฟิสิคส์ผุดขึ้นมาในใจ เช่นเดียวกับที่น้องนิวก็ส่งจิตออกมาด้วยความตื่นเต้น
‘พี่เอ น้องพิม นิวเข้าใจแล้ว…ที่แท้ภายในม่านปฏิสารนั้นมีการบิดเบือนของกาลอากาศและ ผันแปรตามความต้องการของผู้เข้าไปจริงๆ นิวเชื่อว่าเมื่อความต้องการสูงสุดในใจของน้องพิมคือการเติบโตเพื่อมอบร่าง กายให้พี่เออย่างเต็มรูปแบบ กาลอากาศภายในนั้นก็ตอบสนองน้องพิมด้วยการทำให้ร่างกายของน้องพิมเคลื่อนที่ ด้วยความเร็วแสง ขณะที่มวลอากาศภายนอกเคลื่อนสวนทาง..เวลาภายนอกจึงหยุดนิ่ง ขณะที่เวลาของน้องพิมเคลื่อนที่ นี่เองคือการกลไกการทำงานของเครื่องควบคุมเวลาที่นักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่ามีอยู่จริง แต่ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ เนื่องจากไม่มีผู้ใดสามารถเคลื่อนที่ในความเร็วแสง…’
‘สิ่งที่น้อง นิวอธิบายฟังดูคล้ายกับสิ่งที่บันทึกในคัมภีร์โบราณ ที่กล่าวถึงการเคลื่อนที่ของจิตจักรวาลในยุคเริ่มต้น ที่เคลื่อนผ่านจักรวาลได้ด้วยความเร็วของจิต ข้ามระยะทางของดวงดาวที่แม้แต่แสงยังต้องใช้เวลานับพันปีในพริบตาเดียว บางทีนี่อาจเป็นคำตอบของปริศนาโบราณนี้ก็ได้…’
จานีสที่ทรุดกาย นั่งอยู่เคียงข้างผมส่งจิตออกมาอย่างแผ่วเบาราวกับจะรำพึงกับตนเอง..ก่อน เปลี่ยนน้ำเสียงมาเป็นจริงจังส่งไปยังจิตน้องพิม
‘เมื่อตอนที่น้อง พิมออกมาจากม่านปฏิสารนั้น จานีสเห็นว่าจิตที่ครองร่างนี้อยู่ไม่ใช่จิตของน้องพิมที่กำลังคุยกับพวกเรา ในตอนนี้ แต่เป็นจิตของน้องพิมที่เป็นเด็กหญิงอายุ 10 ปีใช่หรือไม่ น้องพิมจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องพิมจึงหมดสติไปในทันทีที่ออกมา’
‘พี่ จานีส พิมจำได้ว่าตอนที่พิมตื่นขึ้นอีกครั้งในห้องทรงกลมหลังม่านปฏิสารนั้น จิตของพิมถูกผลักดันให้กลับไปในจิตเด็กหญิงผู้นี้เช่นเดิม แต่ในทันทีที่ร่างนี้ออกมาพ้นม่านปฏิสาร จิตของพิมกลับทวีพลังขึ้นจนกระทบกับจิตที่ครองครองร่างอยู่เดิม และทำให้ร่างนี้สิ้นสติไป’
คำตอบของน้องพิม ทำให้ดวงตาจานีสเปล่งประกายขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
‘ใช่ แล้ว…ร่างกายจะอยู่กับจิตที่สอดรับ…ในเมื่อร่างกายนี้กลับเป็นเด็กสาว อายุ 12 ปีและมีประจำเดือน จิตของน้องพิมจึงเกิดการยื้อแย่งร่างกับจิตเดิม….ดังนั้นน้องพิมจึงสิ้น สติไป และจะไม่สามารถคืนสติได้อีก แต่พี่เอไม่ต้องกังวลอันใดทั้งสิ้น เพราะขอเพียงพี่เอเย็ดน้องพิมเท่านั้น จิตทั้งสองที่แยกจากกันก็จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว’
‘แต่…แต่จานีสเคยบอกพี่ว่า…หากธารอสุระไม่พร้อม และพี่ฝืนเย็ดน้องพิม ทุกสิ่งจะพินาศสิ้นไม่ใช่หรือ’
ผม ส่งจิตสอบถามจานีส พร้อมกับที่พยายามสะกดกลั้นความต้องการที่จะส่งแก่นกายเข้าสู่หลืบเนื้อ กระชับแน่นของน้องพิมเบื้องหน้าอย่างเต็มที่
‘ถูกแล้วพี่เอ..แต่ตอนนี้ธารอสุระในร่างน้องพิมเติบโตพร้อมรองรับให้ควยพี่เอดูดรับแล้ว….’
‘พี่เอ…พิม…พิม…ต้องการพี่เอที่สุด…..เย็ดพิมเดี๋ยวนี้เลย’
คำ บอกเล่าของจานีสที่บอกว่าร่างกายของน้องพิมพร้อมรับการร่วมรักแล้ว ตามมาด้วยจิตของน้องพิมที่ร่ำร้องให้ผมร่วมรักในทันที ทำให้ความยับยั้งชั่งใจที่ผมพยายามระงับจิตตัวเองขาดผึงลงในทันที ปลายหัวบานผมค่อยๆ จมผ่านสองแคมน้อยที่อ้าออกโอบล้อมไว้อย่างช้าๆ จนความเสียวจากการสัมผัสส่งผ่านมากระตุ้นให้ผมเดินหน้ารับความสาวของน้องพิม โดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันที่หัวบานของแก่นกายของผมจะผ่านเข้าไปในหลืบรัก มือน้อยๆ ของจานีสก็คว้าแก่นกายผมกำไว้แน่น…ก่อนส่งจิตเร่งร้อนมายังผม
‘พี่ เอ…พี่เอเย็ดน้องพิมได้ก็จริง..แต่ตอนนี้สถานที่นี้ไม่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับการถ่ายทอดธารอสุระ จานีสอธิบายเหตุผลไม่ได้เช่นกัน แต่ความรู้สึกลึกๆ ของจานีสบอกว่าหากพี่เอรับธารอสุระเข้าผสานกับวารีนาคราช และหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอุทกมาร อุทกเทพในร่างพี่เอ…ปราณในร่างพี่เอและน้องพิมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอัน ใดขึ้นอย่างแน่นอน…จานีสเห็นว่าพวกเราควรกลับไปที่ถ้ำใต้ดินของบ้านคชสีห์ น่าจะเหมาะกว่า…’
จิตของจานีสที่ขอให้ผมยุติการร่วมรักทั้งที่หัว บานผมกำลังจะฝังเข้าไปในหลืบรักน้องพิม ทำให้ผมต้องพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อหยุดความต้องการของตนเอง แต่ผมก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบว่าร่างกายส่วนล่างผมดูจะอยู่นอก เหนือการบังคับของจิตใจ เพราะสะโพกยังคงพยายามส่งแรงดันให้ลำลึงค์พุ่งเข้าไปในร่างกายน้องพิม ทั้งที่มือของจานีสพยายามดึงมันออกมาอย่างเต็มที่
‘จานีส…ร่างกายพี่ไม่ตอบสนอง…ควยพี่ต้องการเย็ดน้องพิม…พี่ควบคุมไม่ได้…’
‘พี่ เอ…นี่เป็นการดึงดูดของวารีนาคราชกับธารอสุระ….น้องรินน้องกิฟท์ ช่วยจานีสด้วย ดึงร่างพี่เอออกจากน้องพิมก่อน….จานีสกันควยพี่เอคนเดียวไม่ไหวแล้ว…’
ทันที ที่จานีสส่งจิตไปยังน้องรินกับน้องกิฟท์ แผ่นหลังผมก็สัมผัสได้ถึงร่างกายนี่มนวลของน้องรินมากอดผมไว้ทางด้านหลัง และใช้ปราณเหนี่ยวรั้งร่างของผมออกมา พร้อมกับที่ช่วงสะโพกผมถูกน้องกิฟท์โอบรัดและช่วยดึงจนแก่นกายผมหลุดพ้นแคม น้อยของน้องพิมออกมา…
‘พี่จานีส…ทพะ ทะ ทำไมควยพี่เอเป็นอย่างนี้…’
เสียง น้องกิฟท์อุทานลั่นเมื่อเห็นภาพแก่นกายของผมที่กำลังแข็งตัวเต็มที่ พร้อมกับที่กล้ามเนื้อทุกส่วนของลำลึงค์เต้นกระตุบเป็นระยะ…ราวกับจะ ระเบิด ออกทุกขณะ จิตผมพยายามระงับความต้องการที่พลุ่งขึ้นมาอย่างเต็มที่แต่ร่างกายกลับถูก ครอบงำด้วยความต้องการที่ร้อนแรงสุดขีด….จนผมต้องหอบหายใจออกมาและส่ง จิตระล่ำระลักออกมา
‘จานีส…พี่ไม่ไหวแล้ว ควยพี่ต้องการเย็ดเดี๋ยวนี้….’
มือของจานีสกำรองแก่นเนื้อผมที่กำลังขยายตัวพองออกทุกขณะ หญิงสาวขบกรามแน่นก่อนส่งจิตออกมาอย่างร้อนรน
‘คงมีแต่วิธีนี้ น้องริน น้องกิฟท์ ช่วยจานีสเอาตัวพี่เอไปที่เรอินะ…เซี่ยวเล้ง…ปล่อยมือจากหีเรอินะก่อน’
เสียง ทางจิตของน้องริน น้องกิฟท์ และเซี่ยวเล้งดังรับคำขอของจานีสพร้อมกัน ร่างผมถูกน้องรินน้องกิฟท์หมุนกลับมาประจันหน้ากับเรอินะที่นอนอยู่ในอ้อมอก ของซี่ยวเล้ง สองขาเรียวถูกแยกออกจากกันเผยให้เห็นเนินรักอูมอิ่มที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำรัก จากการถูกกระตุ้นด้วยนิ้วมือของเซี่ยวเล้งในช่วงที่ผ่านมา ร่างผมถูกส่งไประหว่างขาของเรอินะ ปลายหัวบานจ่อกับกลืบเนื้อ ก่อนที่น้องรินกับน้องกิฟท์จะปล่อยร่างผมเป็นอิสระ
‘อ๊าวส์…..’
เร อินะครางออกมาด้วยความเสียวสุดขีด เมื่อร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ของผม ส่งแก่นเนื้อทะลวงหลืบรักของหญิงสาวผู้งดงามเข้าไปจนจมมิดในคราวเดียว ปลายหัวบานผมสัมผัสปากมดลูกน้อยๆ ที่ตอดถี่ยิบ ส่งความเสียววูบมาในสมองผมจนสติเริ่มกลับเข้ามควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง สองแขนอดีตนารีธนูแห่งจักรราศีโอบรอบคอผมแน่น พร้อมกับแอ่นสะโพกขึ้นบดอัดส่ายไปมาด้วยความเสียว เสียงครางทางจิตถูกส่งออกมาไม่ขาดสาย
‘อูว์พี่เอ…เย็ดเรอินะ…เย็ดเรอินะ….เรอินะต้องการเหลือเกิน…’
ผม ทาบร่างเข้าทับร่างเปลือยขาวโพลนของเรอินะ สองมือสอดเข้าใต้สะโพกกระทัดรัดที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตึงแน่นของหญิงสาว กระเด้าขึ้นลงถี่ยิบ หลืบเนื้อคับแน่นบดอัดแก่นเนื้อผมราวกับจะปิดกั้นการบุกรุก แต่กลับเป็นการเพิ่มความเสียวให้ทั้งแก่นเนื้อและภายในร่องหลืบมากขึ้น
‘อาห์…หีเรอินะ…ยอดเยี่ยมจริงๆ…พี่เสียวจนแทบทนไม่ไหวแล้ว…’
‘ควยพี่เอ ก็ ก็…แน่นไปหมด….พี่เอ…เร่งอีก….เรอินะ เสียว….’
ผม เกร็งกล้ามเนื้อแขนยกสะโพกเรอินะให้ลอยขึ้นสูง ก่อนทรุดตัวลงนั่งและบังคับให้ร่างเรอินะมาอยู่ในท่านั่งเผชิญหน้า ดวงหน้าหวานคมคายของเรอินะแดงฉานไปด้วยเพลิงปรารถนาที่ครอบงำจิตใจ ดวงตากลมโตหลับพริ้ม ปากน้อยๆ เผยอออกส่งเสียงครางออกมาด้วยความเสียว ทรวงอกคู่งามกระเพื่อมเป็นระลอกตามแรงกระทกจากเบื้องล่าง หัวนมน้อยๆ ทั้งคู่ลุกชูชัน…จนผมยั้งใจไม่ได้ที่จะต้องซุกหน้าลงกับทรวงอกเต่งตึงแล้ว ใช้ริมฝีปากดูดชิมรสหอมหวานของทรวงอกงามเอาไว้
‘อ๊าย…พะ พะ พี่เอ…ยะ อย่าดูด….โอย….เรอินะ…จะ….’
แก่น เนื้อผมผลุบเข้าออกสองแคมคับแน่นถี่ยิบ…สองแขนหญิงสาวกดคอผมแน่น ซุกใบหน้าลงกับไหล่ผมปากน้อยๆ อ้าออกแล้วกัดหัวไหล่ผมอย่างลืมตัว….
‘มะ มะ ไม่ไหวแล้ว…..พี่เอ……อาวส์…’
ร่าง งดงามอ้อมแขนผมสั่นสะท้านไปทั่ว กล้ามเนื้อทั่วร่างกระตุกวูบ พร้อมกับกลีบเนื้อในร่องรักหดตัวบีบอัด หบืบเนื้อภายในของเรอินะบีบรัดแก่นเนื้อผมเป็นระลอกคลื่นจากสองแคมเข้าไปสู่ ภายใน แก่นกายผมจนความเสียวพลุ่งมาออกันที่ปลายหัวบาน แล้วทะลักพรวดปล่อยน้ำรักเป็นสายฉีดเข้าไปในร่างเรอินะเป็นสาย…มดลูกที่ ตอดถี่ยิบค่อยๆ คลายตัวลงพร้อมกับที่ร่างงามของเรอินะทรุดฮวบมากอดร่างผมไว้แน่น…
‘พี่เอ…ทำไมเรอินะถึงต้องการเย็ดขนาดนี้ นี่เรอินะกลายเป็นหญิงร่านราคะไปแล้วหรือ…’
จิต แผ่วเบาที่แฝงความสับสนของอดีตนารีธนูแห่งจักราศีดังขึ้นอย่างอ่อนระโหย ขณะที่เซี่ยวเล้งซึ่งอยู่ด้านข้างตลอดเวลาพลิกกายเข้าเข้ามากอดร่างเรอินะ ไว้และส่งจิตปลอบโยนเบาๆ
‘เรอินะอย่างดูถูกตัวเองไป…สิ่งที่เรอินะ ประสบนั้นคือการถูกกระตุ้นจากพลังแห่งผลึกมังกรอัคคีที่พี่เอถ่ายทอดให้พวก เราทุกคน เมื่อใดที่พลังนี้กระตุ้นความต้องการ จะไม่มีทางที่จะควบคุมร่างกายของพวกเราได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เรอินะต้องเผชิญกับมัน แต่อีกไม่ช้าเรอินะก็คุ้นเคยและสามารถควบคุมตนเองไว้ได้….’
‘อูว์ พี่เอ…ถอนควยออกก่อนเถอะ เรอินะไม่ไหวแล้ว …..’
เร อินะส่งจิตถามเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอายๆ เมื่อรับรู้ว่าแคมรักทั้งสองยังคงบีบรัดแก่นกายผมไว้แน่น ทำให้ผมพยักหน้ารับและค่อยๆ ถอนแก่นเนื้อออกมา
จนหมด น้ำรักที่หลงเหลือจากการดูดรับของมดลูกเรอินะไหลตามออกมาเป็นสาย…
‘แล้วตอนนี้พี่เซี่ยวเล้งไม่ต้องการให้พี่เอเย็ดด้วยหรือ…’
เรอินะส่งจิตถามเบาๆ เมื่อพบว่าดวงตาสุกใสของเซี่ยวเล้งจับจ้องมองตนเองอยู่ด้วยความปราณีราวกับพี่สาวมองน้องสาวผู้เป็นที่รัก
‘พวก เราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่ริน พี่กิฟท์ น้องทิพย์ น้องนิว พี่ขานีส และเซี่ยวเล้งเอง ตอนนี้ต่างต้องการให้พี่เอเย็ดทุกคนนั่นแหละ…และถ้าเป็นที่บ้านของเรา ป่านนี้พวกเราต้องถูกพี่เอจับเย็ดเรียงตัวแล้ว…เพียงแต่ตอนนี้พวกเราต้อง ระงับความต้องการไว้ก่อน…เซี่ยวเล้งเห็นด้วยกับพี่จานีสนะว่าการทำลาย พรหมจรรย์น้องพิมเพื่อรับธารอสุระนั้น พวกเราทุกคนควรอยู่พร้อมกันในถ้ำของบ้านคชสีห์ เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยที่อาจเกิดขึ้นได้….พี่เอคิดว่าพวกเราควรจะกลับ ออกไปจากสถานที่นี้ได้หรือยัง’
ประโยคสุดท้ายเซี่ยวเล้ง หันมาส่งจิตถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง บอกให้ผมรู้ว่าสติสัมปชัญญะของหญิงสาวทุกคนที่ถูกอำนาจราคะแห่งผลึกมังกร อัคคีครอบงำเมื่อครู่ได้ลดระดับลงแล้ว หลังจากที่ผมสามารถปลดปล่อยความต้องการทั้งหมดไปกับเรอินะ…ผมพยักหน้าตอบ รับความเห็นของเซี่ยวเล้ง และขยับร่างไปยังน้องพิมเพื่อจะอุ้มร่างที่ยังคงไม่ได้สติขึ้นมาในอ้อมแขน แต่มือของจานีสพลันยกขึ้นมาคว้าผมไว้ก่อนส่งจิตออกมา
‘พี่เออย่า สัมผัสร่างน้องพิม…เดี๋ยวปล่อยให้จานีสอุ้มน้องพิมไปเองเถอะ…เพราะหาก พี่เอสัมผัสน้องพิม วารีนาคราชในร่างพี่เอก็จะถูกดึงดูดจากธารอสุระอีก…คราวนี้จานีสไม่แน่ใจ ว่าจะกันพี่เอจากการเย็ดได้ไหม เพราะแค่เมื่อครู่นี้จานีสเองก็แทบควบคุมตัวเองไม่ให้เย็ดพี่เอไม่ไหวเหมือน กัน…’
ผมชะงักร่างปล่อยให้จานีสอุ้มร่างน้องพิมไว้ในอ้อมแขน…ก่อนหันร่างไปยังหญิงสาวทุกคนที่รายล้อมผมอยู่…และส่งจิตไปยังทุกคน..
‘ถ้าเช่นนั้น พวกเรากลับบ้านกันเถอะ…เราไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับสถานที่นี้อีกแล้ว….’
หญิง สาวทุกคนส่งจิตตอบรับพร้อมกันเป็นเสียงเดียว พลังปราณในร่างทุกคนก่อตัวโคจรขึ้นเป็นเกราะปราณห่อหุ้มร่างกายเปล่าเปลือย เอาไว้ ผมสูดลมหายใจลึกยาวแล้วสาดพุ่งร่างไปยังช่องทางออก โดยมีหญิงสาวที่ผมรักทุกคนพริ้วกายตามมา……
ความมืดกลับมาครอบ คลุมถ้ำกว้างใต้ขุนเขาอันเป็นที่สถิตย์ของศิลาปฏิสารและช่องทางผ่านเข้าสู่ จักรวาลคู่ขนานเอาไว้อีกครั้ง แต่หากมีจิตใดสามารถผ่านเข้าไปหลังม่านปฏิสาร ก็จะได้ยินเสียงแห่งไกอาในมิตินิรกาลดังขึ้นแผ่วเบา
‘ปฐม ธาตุทั้งสี่ จะรวมเป็นหนึ่ง…ธิดาแห่งกัลป์สูญจะกำเนิด วชิระแห่งชีวิตแรกปรากฏ สองมหาเทวะย่อมไม่สามารถวางตัวอยู่เหนือจักรวาลได้อีกต่อไป….สงครามสุด ท้ายหลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กน้อยวิรุณปักขะ…อนาคตแห่งจักรวาลนี้อยู่กับการตัดสินใจของเจ้า แล้ว….’
—————————————–
‘มิน่าล่ะ…จักรราศีทุ่มเทกำลังสักเพียงใดก็ยังไม่สามารถหาตัวพี่เอกับตระกูลคชสีห์ได้….’
จิต ของเรอินะผู้เคยเป็นเทวนารีแห่งราศีธนู อุทานออกมาอย่างลืมตัวเมื่อลิฟท์พาทุกคนลงมาถึงถ้ำชั้นใต้สุดของที่ตั้ง ตระกูลคชสีห์ ภาพห้องโถงกว้างทรงกลมรายล้อมด้วยห้องศิลา 13 ห้อง ทอดยาวเป็นวงกลม รอบสระน้ำทรงกลมขนาดใหญ่ที่กึ่งกลาง ใจกลางของสระน้ำปรากฏแผ่นหินทรงกลมราบเรียบขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 10 เมตร จัดวางไว้ราวอาสนะลอยอยู่กลางกระแสน้ำซึ่งไหลวนเวียนอยู่ในสระด้วยการ เคลื่อนที่ของกระแสน้ำใต้ดิน รอบอาสนะนั้นปรากฏอาสนะกลมขนาดเล็กกว่าด้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตรเศษ จำนวน 12 แท่นรายล้อมอาสนะศูนย์กลางไว้ด้วยระยะห่างเท่ากัน บนเพดานหินแกรนิตทรงโค้ง ฝังไว้ด้วยเพชรลูกจำนวนมากในตำแหน่งของดวงดาวแห่งจักรราศรี ซึ่งเมื่อกระทบแสงไฟเพชรที่เกิดจากการสังเคราะห์ธาตุคาร์บอนภายใต้แรงอัดสูง จากห้องทดลองของน้องนิว ก็ส่งประกายระยิบระยับราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน ใจกลางของกลุ่มดาวทั้งหมดคือกลุ่มดาวของจักราศรีคนแบกงู อันเป็นราศรีลับที่มนุษยปัจจุบันน้อยคนจะทราบถึงการดำรงอยู่ ดวงดาวแห่งราศรีคนแบกงูฝังไว้ด้วยนิลเนื้อดีที่แม้จะเป็นสีดำสนิทแต่เมื่อ กระทบแสงที่สะท้อนออกมาจากเพชรของกลุ่มดาวจักรราศรีโดบรอบ นิลนั้นก็ส่องประกายสีทองเลือนรางดูลี้ลับและงามสง่าไปในเวลาเดียวกัน ภาพที่ปรากฏจึงทำให้ผู้มาใหม่เช่นเรอินะถึงกับอุทานออกมาเมื่อเห็นภาพสถาน ที่ที่ผมและหญิงสาวทุกคนอาศัยอยู่
‘พวกเราทุกคนอยู่รวมกันในที่นี้ คราวนี้เป็นหน้าที่ของเรอินะแล้วล่ะว่าจะเลือกห้องไหนเป็นห้องของตัวเอง’
เซี่ยว เล้งซึ่งอยู่ข้างกายเรอินะมาตลอดนับตั้งแต่กลับออกมาจากดอยเชียงดาว ส่งจิตตอบพร้อมชี้ให้เรอินะดูห้องว่างที่รายล้อมสระศิลาวงกลมเอาไว้ แต่ดูเหมือนเรอินะจะไม่ให้ความสนใจต่อการเลือกห้องแม้แต่น้อย ดวงตาที่เป็นประกายด้วยแววตากระตือรือร้นจับจ้องภาพรอบด้าน อย่างตื่นเต้นสนใจ และส่งจิตตอบกลับมา
‘เรื่องห้องนั้นเรอินะขอให้ พี่เซี่ยวเล้งจัดการให้เถอะ แต่ตอนนี้เรอินะอยากทราบว่าใครเป็นคนออกแบบสถานที่แห่งนี้ เพราะเพียงแค่เรอินะก้าวเท้าเข้ามา ส่วนลึกของจิตใจก็รู้สึกเหมือนกับว่าเคยเห็นสถานที่นี้มาก่อน…’
คำ ถามของเรอินะทำให้ผมและหญิงสาวที่เหลือทุกคนเกิดรอยยิ้มด้วยความเอ็นดูกับ ท่าทีกระตือรือล้านราวเด็กสาวแรกรุ่นของเรอินะ ขณะที่จานีสส่งจิตตอบอย่างอ่อนโยน
‘สถานที่แห่งนี้จานีสเป็นผู้ออก แบบและมอบหมายให้ผู้ทรงปราณแห่งตระกูลคชสีห์และตระกูลโรหิณีช่วยกันสร้าง ขึ้น แต่เดิมนั้นกึ่งกลางของโถงนี้เป็นแผ่นหินเรียบ จานีสเพิ่งสั่งให้เปลี่ยนให้เป็นสระน้ำเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง แต่เรอินะอย่าถามจานีสเลยนะว่าจานีสออกแบบขึ้นมาจากพื้นฐานใด เพราะจานีสเองก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกัน จานีสรู้แต่ว่าเมื่อใดที่ได้จับกระดาษเพื่อร่างแบบของสถานที่แห่งนี้ มันดูราวกับว่ามีจิตวิญญานบางส่วนในร่างจานีสเป็นผู้ออกคำสั่งให้จานีสถ่าย ทอดออกมาเป็นโครงร่าง และที่สำคัญเมื่อมันเสร็จแล้ว ไม่เพียงแต่เรอินะเท่านั้นหรอกที่รู้สึกราวกับว่าเคยเห็นสถานที่แห่งนี้มา ก่อน พวกเราทุกคนต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เพียงแต่เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนาในใจของพวกเราทุกคน เช่นเดียวกับเสียงลึกลับที่ดังขึ้นให้ได้ยินเป็นครั้งคราวในจิตพวกเรา…’
คำ อธิบายของจานีสทำให้เรอินะขมวดคิ้วราวกับพยายามรื้อฟื้นความทรงจำบางประการ ที่ค้างอยู่ในสมอง แต่เซี่ยวเล้งที่ด้านข้างส่ายศรีษะเล็กน้อยเป็นเชิงห้ามปราม ก่อนหันมาส่งจิตกับผม
‘พี่เอ..เซี่ยวเล้งขอรับหน้าที่ดูแลเรอินะให้เอง…พี่เอไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งสิ้น’
ผมพยักหน้ารับคำขอของเซี่ยวเล้ง ขณะที่จานีสซึ่งยังคงอุ้มร่างน้องพิมไว้ในอ้อมแขนส่งจิตขัดขึ้น
‘พี่ เอ และพวกเราทุกคนแยกย้ายไปชำระล้างร่างกายที่ห้องของตัวเองก่อนเถอะ จานีสจะดูแลน้องพิมเอง ระหว่างนี้จานีสของให้ทุกคนนั่งสมาธิกำหนดจิตโคจรปราณให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ที่สุด และในอีกชั่วยามหนึ่งจานีสของให้ขอให้ทุกคนมารวมกันในที่นี้…เพราะจานีส เชื่อว่าพวกเราทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการรับธารอสุระของพี่เอ….’
อดีต โหราทาสผู้เพิ่งหลอมรวมจิตเข้ากับร่างใหม่ส่งจิตจบแล้วหันกายพุ่งวาบกลับไป ยังห้องของตนเองโดยไม่ชี้แจงอันใดเพิ่มเติมทั้งสิ้น ทำให้ผมและหญิงสาวทุกคนต้องหันมาสบตากันวูบหนึ่ง ก่อนพุ่งร่างวูบไปยังห้องของตนเองเพื่อปฏิบัติตามคำบอกของจานีส
————————-
หนึ่ง ชั่วยามต่อมาเมื่อผมเสร็จสิ้นจากการชำระล้างร่างกายและกำหนดสมาธิผนึกปราณใน ร่างจนอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ ผมกลับออกมานอกห้องและต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า น้องริน น้องกิฟท์ น้องทิพย์ น้องนิว เซี่ยวเล้ง จานีส และเรอินะ ล้วนอยู่ในชุดผ้าฝ้ายโปร่งบางสีขาวสะอาด นั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นศิลากลางสระน้ำ ล้อมรอบศูนย์กลางของแท่นที่ถูกวางไว้ด้วยฟูกนอนสีขาวบริสุทธิ์ บนฟูกนั้นร่างของน้องพิมในชุดผ้าคลุมฝ้ายเช่นเดียวกับทุกคนนอนสงบนิ่งอยู่ และในทันทีที่ผมก้าวเท้ามาถึงขอบสระน้ำ จิตที่เคร่งขรึมสำรวมของจานีสก็ดังขึ้น
‘พี่เอ..จานีสขอเชิญพี่มาที่กึ่งกลาง…แท่นนี้ ธารอสุระของน้องพิมกำลังรอถ่ายทอดให้พี่เอในที่นี้’
‘นี่ นี่..พี่จะต้อง….เอ้อ…ทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วย…’
ภาพ ที่แปลกประหลาดเบื้องหน้า และน้ำเสียงทางจิตของจานีสที่บอกว่าผมจะต้องร่วมรักกับน้องพิมท่ามกลางวง ล้อมของหญิงสาวทั้งเจ็ด ทำให้ผมอดส่งจิตตะกุกตะกักออกไปไม่ได้ เพราะแม้ผมจะรับรู้อยู่แล้วว่าผมจะต้องทำลายพรหมจรรย์ของน้องพิมเพื่อรับธาร อสุระเข้าสู่ร่าง แต่การที่จะต้องกระทำต่อหน้าทุกคนในลักษณะนี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน
‘พี่เอ…ธารอสุระเป็นธาตุ ศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับอุทกมารของน้องริน อุทกเทพของน้องกิฟท์ วารีนาคราชของน้องทิพย์ แต่ธารอสุระต่างจากธาตุศักดิ์อื่นตรงที่เป็นพลังรากฐานแห่งพื้นพิภพ ที่สามารถหลอมรวมทุกสิ่งเข้าด้วยกันก่อกำเนิดชีวิต หากปราศจากธารอสุระแล้ว อุทกเทพ อุมกมาร วสารีนาคราช ล้วนเป็นธาตุเอกภาพ ที่แม้จะทรงอำนาจแต่ก็ไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งได้ … ปรากฏการณ์ที่ธารอสุระจะหลอมรวมปฐมธาตุนั้น แม้จานีสที่ศึกษามาตลอดชีวิตก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะก่อสภาพใดขึ้น จานีสจึงจำเป็นที่จะต้องขอให้พี่เอเย็ดน้องพิมท่ามกลางการเฝ้าระวังของพวก เราทุกคน เพื่อที่หากมีการเปลี่ยนแปลงใดที่เป็นอันตรายพวกเราทั้งหมดจะได้ช่วยแก้ไข ได้ทันเวลา…พี่เอมาเถอะ…’
จิตที่มันคงราบเรียบเปี่ยมไปด้วยพลัง ที่ดูราวกับไม่ใช่จิตของจานีสเอง ดังขึ้นในสมองผม ทำให้ผมต้องสูดลมหายใจลึกยาวเพื่อควบคุมจิตเป็นสมาธิ และพุ่งกายไปนั่งขัดสมาธิยังตำแหน่งปลายเท้าของน้องพิมที่กึ่งกลาง…ดวงตา สุกใสแวววาวทั้งเจ็ดคู่ของหญิงสาวทุกคนจับจ้องผมเป็นตาเดียว ขณะที่จานีส ส่งจิตออกมาเบาๆ
‘พี่เอ…นี่คือร่างกายของทาริกาอสุระ….นางพร้อมที่จะมอบธารอสุระให้พี่เอแล้ว…’
Image
พร้อมกับการส่งจิต มือของจานีสก็สะบัดวูบเปิดผ้าฝ้ายสีขาวที่คลุมร่างน้องพิมออก เปิดเผยร่างเปลือยเปล่าขาวโพลงของน้องพิมต่อหน้าผม
ใบ หน้ากลมน่ารักของน้องพิมอยู่ในภาวะสงบนิ่ง ริมฝีปากเผยออกเล็กน้อยจนเห็นไรฟันขาวแวววาวรำไร ทรวงอกตูมตั้งของวัยแรกสาวชูช่องดงามบนผิวกายขาวสล้าง เม็ดยอดสีชมพูเข้มสงบนิ่งอยู่บนป้านกึ่งกลางราวกับรอคอยให้ผมชิมรสหอมหวาน หน้าท้องราบเรียบทอดตัวตามสายตามาถึงสะโพกที่ผายกว้างออก กึ่งกลางสะโพกนั้นเนินรักอวบอิ่มไร้เส้นไหมตระหง่านอวดความงามอย่างเต็มที่ สองแคมประกบปิดร่องรักไว้แน่นสนิทปราศจากช่องว่าง แต่ปรากฏเงาแวววับของหยาดน้ำใสค่อยๆ ซึมออกมาจากร่องส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำรักแรกสาว ซึ่งผมรู้ในทันทีว่าเกิดจากธารอสุระในร่างกายน้องพิมกำลังรับรู้ถึงการคง อยู่ของวารีนาคราชในร่างผมจนเริ่มปฏิกริยาตอบรับออกมาเช่นเดียวกับแก่นกายผม ที่ดีดผึงขึ้นมาชูชัน พร้อมกับเลือดในร่างกายหมุนเวียนโคจรอย่างบ้าคลั่งมารวมศูนย์ที่แก่นกาย หัวใจผมเต้นระทึกขณะโน้มร่างเข้าทาบทับเรือนกายหอมกรุ่นนุ่มนวลของน้องพิมอ ย่างลืมตัว ปลายหัวบานจรดจ่อกับกึ่งกลางร่องรัก น้ำรักแรกสาวที่เอ่อล้นออกมาทำให้ส่วนปลายของมันแทรกผ่านเข้าไปได้เล็กน้อย พร้อมกับการขยายตัวของสองแคมอวบอิ่มเกินวัย เปิดทางให้หัวบานจมลงไปกว่าครึ่ง พร้อมกับจิตที่สั่นระริกของน้องพิมดังขึ้นในสมองผม
‘น้าเอ…น้าเอ..เย็ดพิมเดี๋ยวนี้เลย…พิมรอน้าเอมานานเหลือเกินแล้ว…’
‘น้องพิม พี่ก็รอวันที่น้องพิมจะกลับมาเป็นของพี่อยู่ทุกลมหายใจ….’
‘พิมพร้อมแล้ว ร่างกายนี้พร้อมแล้ว….อ๊าว์…’
จิต น้องพิมครางกระเส่าเมื่อผมสูดลมหายใจลึกก่อนกดแก่นเนื้อแทรกลงไปในร่องรัก คับแคบของเด็กหญิงวัย 12 ในคราวเดียว แก่เนื้อทะลวงผ่านเยื่อพรหมจรรย์ที่เหนียวแน่น แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานแก่นเนื้อที่กำลังแข็งตัวด้วยเพลิงราคะที่ร้อนแรง ได้ ลำลึงค์ยาวเหยียดทะลวงผ่านกลีบเนื้อที่ไม่เคยมีสิ่งใดผ่านเข้าไปมาก่อนจนผม รับรู้ได้ถึงการฉีกขาดเป็นทางยาวของหลืบเนื้อภายใน ร่างน้องพิมสะท้านเฮือก หยาดน้ำใสไหลซึมออกมาจากหางตา เป็นทาง พร้อมกับจิตน้องพิมที่ส่งเสียงออกมา
‘….เจ็บ…เจ็บ…น้าเอ…เบาหน่อยนะ….’
‘พิม…พี่ขอโทษ..แต่พี่คุมร่างกายตัวเองไม่ได้เลย….อา…หี หี พิม…มันแน่นไปหมด….’
ผม ครางออกมาด้วยความเสียว เมื่อสัมผัสกับความรัดลึงของหลืบเนือ้เด็กหญิงที่แม้จะฉีกขาดแต่กล้ามเนื้อ ทุกส่วนยังคงพยายามบีบกระชับแก่นเนื้อที่บุกรุกเข้าไปอย่างเต็มที่ จนแก่นกายผมแทบจะไม่สามารถเดินหน้าได้ตามใจปราถนา น้องพิมสูดหายใจลึกก่อนส่งจิตที่แฝงน้ำเสียงที่บอกถึงการตัดสินใจเด็ดขาด ดออกมา
‘น้าเอ…ถ้าน้าเอ ต้องการ…เย็ดพิมตามแต่ใจน้าเอปราถนา…ไม่ต้องกลัวพิมเจ็บ…พิมยังรอความ รักที่น้าเอให้พิมที่บ้านคลองน้อยมาตลอด….’
‘พี่จำได้…นี่คือหีของน้องพิมที่พี่เคยเย็ด…ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย..’
ความ ทรงจำในอดีตเมื่อครั้งที่น้องพิมมอบร่างกายให้ผมที่บ้านคลองน้อยก่อนที่ผมจะ ย้อนเวลากลับมา ผุดขึ้นในจิตผมอีกครั้ง กลิ่นหอมของเด็กหญิงพรหมจรยย์กรุ่นอบอวลรอบกาย ผมซุกหน้าลงกลางเต้าคู่น้อย เม้มปลายยอดลิ้มความหอมสดชื่นเข้าไว้ในปาก ขณะที่แก่นกายกระเด้าเนินรักของเด็กหญิงถี่ยิบ จนร่างงามสั่นสะท้าน ผิวกายขาวสะอาดเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อทั่วร่าง
‘น้าเอ…พิมเสียว…เสียวเหลือเกิน…พิม พิมอยากกอดน้าเอ…..อยาก…’
จิต น้องพิมครางเสียงสั่นสะท้านพร่ำเพ้อถึงความเสียวที่ได้รับ และบอกถึงความต้องการที่จะตอบสนองการร่วมรักให้เต็มที่แทนที่จะเป็นร่างกาย ที่ไม่ได้สติที่ผมกำลังร่วมรักอยู่…แต่ผมก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าสองมือของ น้องพิมยกขึ้นมาโอบรอบคอผมไว้และกดให้ศรีษะผมอัดแน่นกับอกเต่งตึงแนบสนิท
‘น้าเอ…พิมเริ่มควบคุมร่างกายนี้ได้บ้างแล้ว….อ๊าวส์…’
จิต น้องพิมอุทานออกมาอย่างยินดีเมื่อพบว่าจิตสามารถควบคุมร่างกายบางส่วนตาม ความต้องการได้ สองขาเด็กหญิงที่เคยทอดวางบนฟูกเริ้มเคลื่อนไหวส่ายไปมา ก่อนยกขึ้นโอบรองสะโพกผมไว้เป็นหลัก และกระเด้าสะโพกตอบโต้ผมอย่างไม่กลัวเกรง..
‘อูย…นะ นะ น้าเอ…สะ เสียว…’
‘พะ พะ พี่ก็เสียว……หีพิมแน่นหนึบจนพี่แทบกระเด้าไม่ได้เลย…’
‘พิม…พิม จะช่วยน้าเอกระเด้า….อาห์…น้าเอ..น้าเอ….พิมรักน้าเอ…พิมจะ…จะ..’
เรือน กายอวบอิ่มเกินวัยของน้องพิมสั่นสะท้านไปทุกขุมขน ผมผมร่างลุกขึ้นจากทรวงอกเต่ง สองมือช้อนเข้าใต้สะโพกกุมก้นกลมกลึงไว้ทั้งสองข้าง เพื่อเป็นหลักและออกแรงกระเด้าถี่ยิบ…ตามความเสียวที่พลุ่งขึ้นมาใกล้ ระเบิดออกทุกขณะ
‘น้าเอ…พิม…ฮ้าวส์……..ปะ ปะ ไปแล้ว….’
‘พี่…พี่ …ก็….อาห์…’
ความ เสียวสุดยอมระดมมาที่ปลายแก่นเนื้อผม พร้อมกับที่ร่างน้องพิมสั่นสะท้าน กลืบเนื้อในร่องรักบีบตัวกระตุกเป็นจังหวะ จนผมต้องปลดปล่อยน้ำรักเข้าไปในร่างน้องพิมเป็นระลอกราวสายน้ำตก…พร้อมกับ ปราณในร่างผมถูกสูบผ่านเข้าไปในร่างน้องพิมและโคจรวนเวียนไปรอบจักรทั้งสี่ ก่อนมารวมกันที่จักรอัคคีที่ท้องน้อย กระแสปราณส่งผ่านให้ผมรับรู้ว่ามีมวลพลังขุมหนึ่งกำลังเบ่งบานออกจากจักร อัคคีของน้องพิม และเริ่มผสานกับปราณที่ผมส่งเข้าไปในร่าง
‘พี่เอ…น้าเอ…พี่เอ…น้าเอ….นี่พิม…พิม….’
‘น้องพิมสงบจิตไว้…..ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามการชักนำของจิต อย่างต่อต้าน….’
ผม ส่งจิตกำชับให้จิตสองสายในร่างน้องพิมที่กำลังสับสนกับการดำรงอยู่สงบลง เพราะรู้ดีว่านี่สัญญลักษณ์ของการรวมจิตที่ผม และน้องทิพย์เคยประสบมาก่อน…จิตน้องพิมตอบรับคำชี้แนะของผมด้วยการยุติการ ดิ้นรน พร้อมกับแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างผมซึมรับความทรงจำทั้งมวลที่มีอยู่ให้แก่กัน ในพริบตานั้นจิตผมและน้องพิมผสานกันเป็นหนึ่งเดียว ก่อนจะแยกออกจากกัน จิตน้องพิมเคลื่อนที่กลับเข้าสู่ร่างดวงตากลมโตลืมขึ้นทอประกายสุกใส ส่งเสียงทางจิตกลับมาด้วยความตื่นเต้น…
‘พี่เอ…พี่เอ…พิมเข้า ใจแล้ว….จิตของพิมในอดีตรวมกับจิตปัจจุบัน พิมควบคุมร่างกายได้แล้ว ความทรงจำทั้งหมดของพี่เอ พิมได้รับรู้ทั้งหมด…นี่พิมจะ…’
‘น้องพิมฟังพี่ก่อน…จงสงบใจให้เป็นสมาธิแน่วแน่…พี่จะถ่ายทอดปรารณเข้าสู่ร่างน้องพิมเดี๋ยวนี้..’
ผม ส่งจิตเตือนให้น้องพิมสงบจิตที่กำลังตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลง ก่อนเริ่มส่งปราณในร่างเข้ากระตุ้นมวลปราณธรรมชาติที่จักรอัคคีในร่างน้อง พิมจนระเบิดออกเป็นมวลปราณบริสุทธิ์ ที่ถูกปราณผมชักนำให้โคจรผ่านจักรและชีพจรทั่วร่างอย่างช้าๆ จนกาฬปราณของผมหลอมรวมกับปราณธรรมชาติของน้องพิมโดยสมบูรณ์ และเริ่มโคจรด้วยตนเอง…ผมสูดลมหายใจลึกเมื่อการถ่ายทอดปราณเสร็จสิ้น และส่งจิตไปยังน้องพิมเพื่อเตรียมถอนแก่นกายออกจากร่างเด็กหญิง
‘น้อง พิมจงจำเส้นทางการโคจรปราณนี้ไว้ให้ดี…กาฬปราณของพี่ถูกส่งผ่านเข้าสู่ น้องพิมแล้ว บัดนี้น้องพิมเป็นผู้ทรงปราณแห่งตระกูลคชสีห์ของเรา น้องพิมต้องหมั่นศึกษาจากพวกพี่ๆ ทุกคน…ตอนนี้พี่จะถอนควยออกจาก…เอ๊ะ…’
ยังไม่ทันที่ผมจะส่งจิต เสร็จสิ้น ปราณในร่างของผมที่กำลังเตรียมจะถอนออกจากร่างน้องพิมกลับกระจายออกไปทั่ว ร่างเด็กหญิงอีกครั้ง พลังปราณลึกลับพลันปรากฏขึ้นที่จักรธรณีที่ศรีษะน้องพิม ดูดปราณทั่วร่างของผมออกจากร่างโดยที่ผมไม่สามารถควบคุมได้…จนผมต้อง สะท้านใจเฮือกและพยายามดึงปราณกลับมา แต่เสียงทางจิตที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในสมองผม…
‘ไกรวิทย์…อย่าขัดขืน…จงปล่อยปราณของเจ้าให้ไหลไปตามการชักนำแห่งธารอสุระ…’
เสียง ลึกลับที่ผมเคยได้ยินเป็นครั้งคราวระหว่างการต่อสู้กับเซี่ยวเล้ง มิถุกานารี และตุลยาเทวี ดังขึ้นในจิตผม ซึ่งแม้ผมจะไม่เข้าใจถึงที่มาของเสียงนี้ แต่จิตผมก็ยอมรับที่จะปฏิบัติตามโดยปราศจากข้อโต้แย้ง ผมผ่อนจิตละทิ้งความคิดต่อต้านต่อต้านทั้งหมดปล่อยให้กระแสปราณในร่างไหลออก ไปในร่างน้องพิม จิตผมพลันรับรู้ถึงกระแสปราณสามสายในร่างก่อเกิดขึ้น
กระแส พลังดำสนิทเย็นเยียบของอุทกมารผ่านออกจากร่างผมเข้าไปในร่างน้องพิม จนทำให้ร่างน้องพิมสั่นสะท้านไปทั่ว ก่อนที่กระแสพลังสีแดงร้อนแรงแห่งอัคคีเทพถูกถ่ายทอดตามออกไป พลังทั้งสองสายหมุนวนโคจรในร่างน้องพิมราวกับจะหักล้างกันเอง แต่แล้วกลับถูกมวลพลังนุ่มนวลกลุ่มหนึ่งดูดรับเข้าไป มวลพลังนั้นส่งแรงดึงดูดมายังร่างผม กระแสพลังสีฟ้าใสแห่งวารีนาคราชถูกส่งออกไปในร่างน้องพิมหลอมรวมกับมวลพลัง ที่จักรพสุธาอีกครั้ง ก่อตัวเป็นมวลพลังงานเข้มข้นและหยุดนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนกระจายออกเป็นแสงเจิดจ้า พุ่งวาบลงมาที่จักรอัคคีผ่านแก่นกายผมกลับเข้าสู่ร่าง จิตผมรับรู้ได้ถึงมวลพลังที่ถ่ายทอดจากน้องพิมเข้าสู่จักรปราณในกายผมราว คลื่นในมหาสมุทรที่ซัดเข้าสู่ฝั่งอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ปราณในร่างผมแผ่ซ่านออกทุกรูขุมขนแตกย่อยไปถึงระดับอนูในเซลที่ปราณผมไม่เคย ไปถึงมาก่อน
‘ไกรวิทย์…จงฟัง ให้ดี จิตกำเนิดปราณ ปราณก่อเกิดพลังชีวิต พลังชีวิตสร้างมวลสารแห่งกายจากอนูแห่งเซล ยามเมื่ออนูแห่งเซลชีวิตเปี่ยมล้นไปด้วยปราณ พลังนั้นจะย้อนทวนกลับผ่านปราณไปสู่จิต ก่อเกิดพลังหมุนเวียนอันไม่สิ้นสุด…นั่นคือพลังปราณแห่งเทพเจ้าทั้ง ปวง…’
จิตที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจในร่างผมดังขึ้น บ่งชี้แนวทางโคจรปราณให้เกิดวัฏจักรสัมพันธ์ระหว่างปราณและจิต ทำให้ผมสะท้านใจอย่างรุนแรงเมื่อรับรู้ว่าจิตนี่คือจุดเริ่มต้นของการเข้า สู่จุดสูงสุดของปราณ ที่เป็นความใฝ่ฝันของผู้ทรงปราณทุกคนในโลก อันได้แก่ปราณที่ก่อเกิดวนเวียนในร่างโดยไร้ข้อจำกัดใดๆ ผมพยายามสงบใจและกำหนดจิตควบคุมพลังในอนูเซลเพื่อย้อนทวนกลับเข้าสู่จักร ปราณตามคำชี้แนะของเสียงลึกลับ และพบว่าการรับรู้กระแสปราณในร่างทั้งหมดสูญสิ้นไป แต่ทั่วร่างผมกลับสะสมไว้ด้วยพลังงานที่เปี่ยมล้นราวกับจะปะทุออกมาทุกรูขุม ขน
‘จิตปราณว่างเปล่า…นี่คือระดับสูงสุดแห่งปราณในตำนาน….’
จิต ผมร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นในการบรรลุถึงขอบเขตแห่งปราณเทพเจ้าที่ร่ำ ลือกันมาแต่โบราณ แต่ความยินดีของผมก็ต้องชะงักลงเมื่อเสียงในจิตผมส่งออกมาอย่างอ่อนโยน
‘ไกร วิทย์ จริงอยู่ที่พลังปราณของเจ้าบรรลุถึงขอบเขตแห่งเทพเจ้า แต่ขอบเขตสูงสุดที่แท้จริงของปราณแห่งเทพนั้นหาใช่การวนเวียนพลังด้วยตนเอง ไม่ หากแต่เป็นขั้นการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังแห่งจักรวาล หากเจ้าบรรลุถึงขั้นนั้น เจ้าจะอยู่ในฐานะเหนือกกเกณฑ์แห่งธรรมชาติทั้งปวง เช่นเดียวกันกับเหล่าผู้บรรลุซึ่งปราณสุญญตา’
‘ท่าน…ท่านคือผู้ใด…เหตุใดจึงสถิตย์อยู่ในจิตของเรา’
ผมส่งจิตออกไปอย่างลืมตัวเมื่อพบว่าจิตลึกลับที่ไม่เคยสื่อสารกับผมมาก่อน กลับเริ่มต้นชี้นำแนวทางก้าวสู่ปราณเทพเจ้าให้กับผม
‘เรา คือไกรวิทย์ เราคือเทพวิรุณปักขะผู้เป็นประธานของเทวนารีจักราศีแห่งมหาอาณาจักรปราณ เราคือเจ้าและเจ้าก็คือเราไม่สามารถแบ่งแยกจากกันได้ จิตแห่งความทรงจำของเราสถิตย์ในจิตของกายเนื้อที่ผ่านการเวียนว่ายตายเกิด มากว่าหมื่นปี แต่วันนี้คือจิตแห่งความทรงจำกับจิตแห่งชีวิตที่แยกจากกันมานับหมืนปีจะได้ กลับมารวมกันอีกครั้ง …ไกรวิทย์เจ้าพร้อมแล้วหรือไม่’
‘ท่าน..ท่านจะผนึกจิตกับเรา…แล้วจิตใดจะครอบครองร่างนี้’
ผม ส่งจิตสั่นสะท้านออกไปอย่างลืมตัวเมื่อรับรู้ว่าจิตที่สถิตย์อยู่ในร่างผม กำลังจะผนึกรวมกับจิตผม ซึ่งนั่นหมายความว่าจิตที่เป็นเจ้าของร่างกายของไกรวิทย์ คชสีห์จะสูญสิ้นไปตลอดกาล แต่ดูเหมือนว่าจิตของเทพวิรุณปักขะในร่างผมจะเข้าใจความหวาดหวั่นที่เกิด ขึ้นในจิตผมเป็นอย่างดี และส่งจิตออกมาอย่างนุ่มนวล
‘เจ้า เข้าใจผิดแล้ว การหลอมรวมจิตของเรานั้นหาใช่วิชาเทพผนึกจิตที่เราเคยชี้แนะให้เจ้าและ คันชั่งน้อยใช้ในการผนึกร่างของปาริชาติและอนิตราไม่…จิตแห่งเทพเจ้านั้น แตกต่างกับมนุษย์ สามารถแยกออกเป็นสามส่วนคือจิตแห่งชีวิตซึ่งผ่านการเวียนว่ายตายเกิดจนปรากฏ เป็นไกรวิทย์ คชสีห์ ในปัจจุบัน จิตที่สองคือจิตแห่งความทรงจำ ซึ่งก็คือจิตแห่งเราที่สถิตย์ร่วมกับจิตเจ้ามาโดยตลอด ส่วนจิตที่สามคือจิจิตแห่งปราณอันเป็นจิตที่สร้างสมพลังปราณชีวิตเอาไว้ จิตแห่งปราณของพวกเราถูกกักในซากของมหาอาณาจักปราณโบราณที่ล่มสลายไปเมื่อ หมื่นปีก่อน และเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องรวมจิตแห่งความทรงจำเข้ากับจิตแห่งชีวิต เพื่อร่วมกันหาหนทางนำร่างนี้ไปรับจิตแห่งปราณกลับเข้าสู่ร่าง เมื่อใดก็ตามที่จิตทั้งสามรวมเป็นหนึ่งเดียว เรา…มหาเทพวิรุณปักขะผู้ปกป้องมหาอาณาจักรปราณก็จะกลับคืนสู่จักรวาลนี้ อีกครั้ง…’
ตลอดเวลาที่จิตของเทพวิรุณปักขะอธิบายทุกสิ่ง ให้ผม รับรู้ จิตผมที่เคยแตกตื่นกับการรวมจิตกลับค่อยๆ สงบลงทีละน้อย และรับรู้ว่าทุกสิ่งที่จิตแห่งเทพวิรุณปักขะส่งผ่านออกมานั้นคือสิ่งที่ผม ต้องก้าวไปสู่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ผมผนึกจิตนิ่งไว้ในร่างก่อนส่งจิตที่มั่นคงออกไป
‘หากเป็นเช่นนั้น ร่างและวิญญาณของไกรวิทย์ คชสีห์นี้ พร้อมแล้วที่ผนึกรวมกับจิตแห่งความทรงจำของมหาเทพ’
‘หาก เป็นเช่นนั้น ไกรวิทย์เจ้าจงกำหนดจิตรวมศูนย์ไว้ที่จักรพสุธา ดึงดูดพลังชีวิตทั้งหมดในร่างเข้าสู่จักรอัคคี ปล่อยจักรวารี และจักรวายุให้ว่างเปล่า….’
ทันที่ทีผมปฏิบัติตามจิตแห่งเทพวิรุ ณปักขะชี้นำ จักรวารีและจักรวายุที่ว่างเปล่าในร่างพลันปรากฏกระแสพลังบางเบาขุมหนึ่งแผ่ ซ่านออกมา พร้อมกับเสียงทางจิตแห่งเทพวิรุณปักขะดังขึ้น
‘จิต แห่ง ความทรงจำกระจายตัวออกแล้ว…หลังจากนี้เจ้าจงดึงพลังชีวิตจากจักรอัคคี ย้อนกลับผ่านจักรวายุและจักรวารีกลับเข้าสู่จักรพสุธา นี่จักเป็นถ้อยคำสุดท้ายที่เจ้าจะได้ยินจากจิตแห่งความทรงจำของเราสอง…’
ผม กำหนดพลังที่รวมศูนย์อยู่ในจักรอัคคีย้อนทวนผ่านจักรวายุและจักรวารี พลังที่แผ่ซ่านอยู่ในจักรทั้งสองพลันหมุนวนเข้ารวมตัวกับพลังชีวิตและพลุ่ง ขึ้นไปสู่จักรพสุธาที่ผมผนึกจิตรวมศูนย์ไว้ ทันทีที่พลังทั้งสองขุมบรรจบกัน ประสาทสัมผัสทั้งหมดในร่างผมพลันรับได้ถึงความทรงจำมหาศาลที่ถ่ายทอดเข้ามา ในจิต ประกายแสงนุ่มนวลเจิดจ้าสว่างวาบขึ้น จิตผมตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงเมื่อได้ซึมรับความทรงจำที่ต่อเนื่องมาหลาย ชาติภพ..ผมคือบุคคลจำนวนมากที่เกิดขึ้นและแตกดับมานับไม่ถ้วนแต่ทุกชีวิตที่ ผมใช้ล้วนมีเป้าหมายที่มุ่งไปสู่การฟื้นคืนชีวิตของเทพวิรุณปักขะ และผนึกปฐมธาตุทั้งสี่เพื่อก่อกัลป์สูญ อันเป็นทางเดียวที่จะหยุดยั้งการเสื่อมสลายของจักรวาลได้. บัดนี้ผมรู้แล้วว่าผมคือผมคือนายไกรวิทย์คชสีห์ ผมคือเทพวรุณปักขะ….ผมคือมหาเทพผู้ปกป้องอาณาจักรปราณแต่โบราณกาล
————————————–
‘พี่เอ…พี่เอ…พิมกลับมาแล้ว….พี่เอ’
จิต ของพิมพ์มาดาดังขึ้นในจิตของไกรวิทย์ ทำให้จิตของชายหนุ่มที่เพิ่งผ่านพ้นการรวมจิตแห่งชีวิตกับจิตแห่งความทรงจำ ของมหาเทพวิรุณปักขะ กลับมาสู่ภาววะปัจจุบันอีกครั้ง แก่นเนื้อที่ยังคงฉีดน้ำรักเป็นระลอกเข้าสู่หลืบน้อยของพิมพ์มาดา ยอกให้ไกรวิทย์รู้ว่าช่วงเวลาของการรวมจิตที่ผ่านมาแม้จะดูเหมือนเป็นช่วง เวลาที่ยาวนานในการรับรู้ของจิตนั้น แต่ในเวลาของโลกแล้วทั้งหมดเปิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
‘พี่เอ…เป็นอะไรไปทำไมมองพิมแบบนั้น’
ดวง ตากลมโตของพิมพ์มาดาจับจ้องดวงตาของไกรวิทย์ด้วยความแปลกใจ ส่วนลึกของจิตเด็กหญิงรับรู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบางประการขึ้นกับไกรวิทย์ แต่แทนที่ไกรวิทย์จะตอบคำถาม สะโพกของชายยหนุ่มกลับเริ่มขยับขึ้นลงกระเด้าหลืบรักของพิมพ์มาดาอีก ครั้งอย่างช้าๆ และส่งจิตอ่อนโยนไปยังเด็กหญิง
‘เรามองเจ้า เพราะเจ้าคือหนึ่งในสตรีที่เป็นที่รัก นานเหลือเกินที่เราสองไม่ได้เชื่อมโยงจิตวิญญาณของกันและกัน ร่างกายงดงามของเจ้าตรึงอยู่ในจิตของเราเสมอมา….จงตื่นเถิดกาสรีย์…ลูก วัวน้อยผู้เป็นที่รักแห่งเรา…’
‘ลูกวัวน้อย…ใครกันน้าเอ….ทำไมน้าเอ….’
พิมพ์ มาดาเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจเมื่อได้รับจิตจากไกรวิทย์ที่ส่งออกมาด้วย ถ้อยคำแปลกประหลาด แต่ยังไม่ทันที่เด็กหญิงจะส่งจิตสอบถามจนจบสิ้น เสียงแว่วหวานก็ดังขึ้นภายในจิต
‘นายท่าน…นายท่านเรียกหาลูกวัวน้อย….ลูกวัวน้อยตื่นแล้วตามการเรียกหา’
‘เช่นนั้น จิตแห่งความรงจำของเจ้าจงกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันกับพิมพ์มาดาผู้เป็นที่รักแห่งเราเถอะ..’
‘สะ…เสียงอะไร…ทำไมเสียงนี้เกิดในจิตพิม…น้าเอ…อะห์….อูว์…’
กระแส เสียงทางจิตของพิมพ์มาดาที่กำลังแตกตื่นด้วยความประหลาดใจพลันเปลี่ยนไปเป็น เสียงครางด้วยความเสียวเมื่อไกรวิทย์ซุกหน้าลงกับทรวงอกตูมตั้งอีกครั้ง มือทั้งสองเคลื่อนไหวเลื่อนไล้ไปตามร่างกายนุ่มนวลของเด็กหญิงทุกตารางนิ้ว ขณะที่แก่นกายที่ยังคงแข็งตัวเต็มที่ก็กระเด้าเนินรักของเด็กหญิงตามจังหวะ ที่ค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อย…’
‘พิมพ์มาดา เจ้าคือผู้เป็นที่รักของเรา นับแต่นี้เจ้าจะอยู่กับเราตราบชั่วนิรันดร์….’
‘น้าเอ…น้าเอ…พิมรักน้าเอด้วยชีวิต…โอย…สะเสียว…น้าเอ…พิมเสียว…’
‘นาย ท่าน…ลูกวัวน้อยเป็นของท่านตลอดมาและจะเป็นไปจนกว่าจะสิ้นสุดเวลาแห่ง จักรวาล อาห์..ลูกวัวน้อยสัมผัสได้ถึงควยแห่งนายท่าน …เย็ดลูกวัวน้อยตามที่นายท่านปรารถนาเถอะ…’
‘น้องพิม ลูกวัวน้อยแห่งเรา…..หีเจ้ายังคงหนึบแน่น….ร่างเจ้ายังคงหอมกรุ่น…. เราคิดถึงเจ้านัก….โอว์….มดลูกเจ้าตอดควยเราแบบนี้เราจะกลั้นความเสียว ไว้ได้อย่างไรกัน…’
‘น้าเอ…ไม่ต้องกลั้น…ไม่ต้องกลั้น…พิมพ์…จะ จะ…..อ๊าย……’
‘นายท่าน…พิม …ลูกวัวน้อย…จะ…จะ…..ฮ๊าวส์’
ร่าง อวบอัดเกินเด็กหญิงวัย 12 ปีของพิมพ์มาดาสั่นสะท้าน สองแขนโอบรัดร่างไกรวิทย์แน่น สะโพกอวบถูกยกขึ้รสูงอัดกับแก่นเนื้อของไกรวิทย์ที่จมมิดจนหนอกเนื้อบดแน่น กับเนินรักเมื่อความเสียวสุดยอดมาถึงเป็นครั้งที่สอง ไกรวิทย์ขบกรามแน่นน้ำรักฉีกกระหน่ำเข้าไปในร่องรักของพิมพ์มาดาผสมกับ น้ำรักเดิมที่ยังคงค้างอยู่จนเอ่อล้นเป็นสายน้ำขุ่นขาวออกมาตามสองแคมน้อย
‘น้องพิม…ลูกวัวน้อยของเรา จงสงบจิตให้เป็นหนึ่ง….เจ้ากำลังจะก้าวเข้าสู่ฐานะของเทวนารีแห่งราศรีพฤษภอย่างสมบูรณ์..’
ปราณ ในร่างของพิมพ์มาดาที่เพิ่งเสร็จสิ้นการถ่ายทอดเมื่อครู่ที่ผ่านมาถูก ดูดกลับเข้าสู่ร่างของไกรวิทย์พร้อมกับจิตของพิมพ์มาดา มวลพลังอันเกิดจากการหลอมรวมปฐมธาตุทั้งสี่ในร่างไกรวิทย์ถูกส่งผ่านเข้าทด แทนในร่างของเด็กหญิงและวนเวียนตามเส้นทางโคจรปราณอย่างต่อเนื่อง จิตนุ่มนวลอ่อนโยนของไกรวิทย์ส่งออกมาราวกับจะรำพึงกับตนเอง ขณะส่งจิตของพิมพ์มาดากลับเข้าสู่ร่าง
‘ธารอสุระคือธาตุแห่งชีวิต หลอมรวมทุกสิ่งเข้าเป็นหนึ่งเดียว…ด้วยปราณปฐมธาตุแห่งเรา จิตแห่งความทรงจำของลูกวัวน้อยและจิตแห่งชีวิตของน้องพิมรวมกันเป็นหนึ่ง เดียวในร่างแห่งเรา…บัดนี้เจ้าจงกลับสู่ฐานะของเทวนาราษีพฤษภผู้เป็นดวงใจ แห่งเราเถอะ..’
ดวงตากลมโตของพิมพ์มาดาที่พลันเปิดกว้าง ประกายตาเด็กหญิงทอแสงระยิบระยับราวดวงดาว จับจ้องใบหน้าไกรวิทย์แน่นนิ่ง ก่อนส่งจิตอ่อนหวานที่แฝงสำเนียงปิติยินดีออกมา
‘ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง…พิมเข้าใจแล้ว…ลูกวัวน้อยเข้าใจแล้ว….อูว์..’
จิต ของพิมพ์มาดาส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เมื่อไกรวิทย์ค่อยๆ ถอนแก่นเนื้อออกจากร่างเด็กหญิง จนหลุดออกจากร่างพร้อมกับสายน้ำรักปนครบเลือดพรหมจรรย์ที่หลั่งรินตามออกมา เป็นสาย เด็กหญิงพลิกร่างลุกขึ้นจากฟูกขาวสะอาด ก่อนคุกเข่าลงหน้าไกรวิทย์ และก้มลงจูบปลายเท้าของไกรวิทย์ที่ลุกขึ้นยืนอยู่กลางแท่นศิลากลางสระน้ำ…
‘เทวนารีแห่งราศีพฤษภของกราบพบนายท่านผู้เป็นที่รัก…แต่เอ๊ะ..พวกนาง..’
จิต ของพิมพ์มาดาอุทานออกมาเบาๆ เมื่อพบว่า รอบกายปรากฏร่างของรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี ปณิตา จานีส เซี่ยวเล้ง และเรอินะ นอนเรียงรายลิ้นสติอยู่โดยรอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกคนอยู่ในท่วงท่านั่งสมาธิเพื่อปกป้องสิ่งอันตรายที่ อาจเกิดขึ้นจากการถ่ายทอดธารอสุระ
‘น้องพิมไม่ต้องตกใจไป ตลอดเวลาเราเย็ดกันเพื่อถ่ายทอดธารอสุระนั้น พวกนางทุกคนได้เฝ้าระวังให้ กับน้องพิม แต่พวกนางต้องทรมานกับการโคจรพลังต้านทานความต้องการทางเพศของตนเองอันเกิด จากอำนาจพลังชีวิตจากผลึกมังกรในร่าง ที่ได้รับผลกระทบจากการเย็ดของเราทั้งสอง และเมื่อปฐมธาตุทั้งสี่ในร่างเรารวมตัวกัน พลังนั้นได้แผ่กระจายออกรอบข้างจนทำให้พวกนางบรรลุถึงความเสียวสุดยอดพร้อม กัน…จนสิ้นสติไป…’
‘ถ้าเช่นนั้นพิมขออนุญาตนายท่าน พิมจะใช้ปราณกระตุ้นให้พวกนางตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้…นายท่านจะได้เย็ดพวกนาง ทุกคนเพื่อปลุกเทวนารีในร่างของฟื้นคืนกลับมา…’
เด็กหญิงผู้ เปลี่ยนจากสถานะมนุษย์ธรรมดามาเป็นเมวนารีแห่งราษีพฤษภที่ครองปราณเหนือโลก และจิตแห่งความทรงจำของเทวนารี ขยับตัวไปยังร่างของปณิตาที่อยู่ด้านข้าง แต่ยังไม่มันที่มือของเด็กหญิงจะสัมผัสถูก ร่างของเด็กหญิงก็ถูกไกรวิทย์ฉุดให้ลุกขึ้นมายืนเคียงข้าง ก่อนส่งจิตออกมาด้วยน้ำเสียงแฝงความร่าเริงเอาไว้ภายใน
‘น้องพิม… อย่าเรียกเราว่านายท่านเลย แม้พวกเราจะครองจิตแห่งเทพวิรุณปักขะ แต่น้องพิมก็คือพิมพ์มาดาผู้เป็นที่รักแห่งพี่…เช่นเดียวกับที่พี่ก็คือ ไกรวิทย์ที่รักน้องพิมเฝ้ารอน้องพิมมานานแสนนานเช่นกัน น้องพิมจงเรียกพี่ด้วยนามเช่นเดิมเถอะ…ว่าแต่ด้วยความทรงจำที่น้องพิมอยู่ นี้ น้องพิมจำไม่ได้หรือว่าในอดีตกาลพี่อยู่ร่วมกับพวกน้องพิมทั้งสิบสองคนอย่าง ไร…’
ดวงตาพิมพ์มาดาจับจ้องไกรวิทย์อย่างงุนงง แต่เพียงแว่บเดียวประกายตาเด็กหญิงก็ส่งทอแสงระยิบระยับก่อนส่งจิตตอบอย่างเอียงอาย
‘พิม ขออภัยพี่เอ…จริงสิพี่เอคือผู้ครองปราณแห่งเทพเจ้า…ไม่มีข้อจำกัดอันใด ที่จะเย็ดพวกเราทุกคนพร้อมๆ กัน….แต่พิมเพิ่งเสร็จสิ้นการเย็ดกับพี่เอแบบนี้ พิมจะได้มีส่วนอีกครั้งหรือไม่…’
ไกรวิทย์ยิ้มให้เด็กหญิงผู้เอียง อายเบื้องหน้า ชายหนุ่มดึงร่างเปลือยอวบอัดเกินวัยของพิมพ์มาดาเข้ามากอดไว้แน่น มือข้างหนึ่งสอดลงไปคลึงเคล้นเนินรักที่ยังคงชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรัก จนร่างเด็กหญิงอ่อนระทวยส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ก่อนส่งจิตตอบไป
‘น้องพิมคือหนึ่งในเทวนารี…ความทรงจำน้องพิมก็ย่อมรู้ดีว่าพี่เย็ดเทวนารีทุกนางพร้อมกันทุกครั้งโดยไม่มีข้อยกเว้น…มาเถอะ…’
ไกร วิทย์ช้อนร่างพิมพ์มาดาขึ้นในอ้อมแขน ใบหน้าชายหนุ่มสงบนิ่งขณะกระจายปราณในร่างออกรอบข้าง ก่อนเป็นมวลพลังกระจายออก ดวงตาพิมพ์มาดาเบิกกว้างเมื่อกลุ่มมวลพลังก่อตัวขึ้นเหนือร่างของกลุ่มหญิง สาวทุกคนที่อยู่ในภาวะหลับไหล ขณะที่จิตของเด็กหญิงส่งเสียงออกมาเบาๆ
‘ภาพนี้แม้พิมจะเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่พิมก็ยังตื่นตระหนกกับอำนาจปราณเทพเจ้าของมหาเทพวิรุณปักขะทุกครั้งที่ได้เห็น…’
ไกร วิทย์ก้มลงประทับจูบบนริมฝีปากพิมพ์มาดา จนเด็กหญิงต้องชะงักการส่งจิต และหันมาแลกความหอมหวานจากการจูบที่อบอุ่น…ร่างไกรวิทย์โฉบวูบขึ้นกลาง อากาศ ทิ้งตัวลงที่หน้าห้องส่วนตัวของพิมพมาดา ที่ประตูห้องเปิดออกในทันที่ที่ร่างทั้งสองเข้าใกล้ สองเท้าของชายหนุ่มผู้ผนึกร่วมจิตกับมหาเทพโบราณก้าวตรงไปที่ที่นอนหนานุ่ม กลางห้อง ก่อนส่งจิตที่เปี่ยมไปด้วยความรักไปยังเด็กหญิงในอ้อมแขน…
‘น้องพิมพร้อมที่ทำหน้าที่นั้นหรือยัง…..’
ใบหน้าเด็กหญิงแดงซ่านขณะไกรวิทย์วางร่างน้อยลงบนฟูกอย่างทะนุถนอม ศรีษะน้อยๆ ผงกรับ พร้อมกับจิตที่แน่วแน่ส่งออกมา…
‘แม้ร่างกายพิมจะเป็นร่างของเด็กหญิงอายุเพียง 12 ปี แต่พิมก็พร้อมที่จะรับหน้าที่นี้แล้ว…พี่เอมอบให้กับพิมเถอะ…’
บานประตูศิลาของห้องส่วนตัวพิมพ์มาดาปิดลงโดยปราศจากเสียง ขณะที่แก่นกายไกรวิทย์แทรกผ่านเข้าสู่หลืบรักพิมพ์มาดาอีกครั้ง….
———————————-
‘ซีดส์….อะ อะ ไร….’
จิต ของรินลดาที่ถูกอำนาจแห่งการรวมตัวของปฐมธาตุปลุกเร้าจนถึงจุดสุดยอดและสิ้น สติไป เริ่มฟื้นกลับคืนมาพร้อมกับความรู้สึกถึงเนินรักที่กำลัง
ถูกกระตุ้น อย่างแผ่วเบาจากวัตถุอ่อนนุ่มแต่เน้นน้ำหนักไปทั่วทุกบริเวณที่ไวต่อความ รู้สึก ไม่ว่าจะเป็นขอบของสองแคมรักที่ประดับด้วยเส้นไหมบางเบา หรือติ่งเสียวที่กำลังเต้นระริกรับการสัมผัส จนน้ำรักหลั่งรินออกมาไม่ขาดสาย ทำให้หญิงสาวต้องส่งเสียงอุทานออกมาอย่างลืมตัว ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจก่อนทะลึ่งกายเพื่อลุกขึ้นนั่ง แต่ดูเหมือนว่าบุคคลที่กำลังรุกรานอวัยวะสุดเสียวเบื้องล่างจะไม่ยอมให้ริน ลดาได้มีโอกาสหลบเลี่ยงการปรนเปรอ สองแขนแข็งแกร่งโอบรอบสะโพกผายสล้างเอาไว้แน่น ขณะที่ศรีษะซุกอยู่ระหว่างขาเรียวงาม ปลายลิ้นฉกเกี่ยวกระหวัดไปทั่วจุดเสียวของร่องรัก และแทรกผ่านเข้าไประหว่างสองแคม ความต้องการทางเพศพลุ่งพล่านขึ้นในร่างรินลดา จนร่างที่กำลังจะทะลึ่งตัวลุกขึ้นของหญิงสาวกลับต้องทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง สองขาเรียวงามอ้าแยกออกจากกันเปิดทางให้เนินรักถูกรุกรานอย่างเต็มใจเมื่อ สติกลับคืนและรู้ว่าเจ้าของลิ้นกำกำลังรุกล้ำเข้าสู่ร่องรักนั้นคือผู้ใด
‘พะ พี่เอ….ยะ อย่าดูดแบบนั้น…ริน…ริน…จะไม่ไหวแล้ว…’
Image
จิตกระท่อน กระแท่นของรินลดาถูกส่งออกมาราวกับจะห้ามปราม แต่สองมือหญิงสาวกลับเอื้อมมากดศรีษะไกรวิทย์ ที่เนินรักให้แนบแน่นยิ่งขึ้นพร้อมกับสะโพกที่ส่ายไหวไปมาตามความเสียวที่ กำลังจะไปถึงจุดสุดยอด
‘หีน้องรินของพี่หอมหวานอย่างนี้ พี่จะอดใจชิมได้อย่างไรกัน….’
ไกร วิทย์ส่งจิตตอบพร้อมกับเพิ่มจังหวะเน้นกระตุ้นติ่งเสียวด้วยนิ้ว และฉกลิ้นลึกเข้าไปในร่องรักรินลดาจนหลืบเนื้อภายในเกร็งตัวเป็นระลอกรับการ สัมผัส
‘อ๊าวส์…พี่เอ….ริน…ไม่เอา..ไม่เอาแบบนี้ เย็ดรินเถอะ..ขอควยพี่เอให้รินเดี๋ยวนี้เลย…’
จิต รินลดาที่ร่ำร้องออกมาขณะกำลังจะไปถึงจุดสุดยอดของการร่วมรัก ทำให้ไกรวิทย์ต้องถอนริมฝีปากออกจากนูนเนื้อฉ่ำเยิ้ม ร่างชายหนุ่มเคลื่อนขึ้นทาบทับเนื้อหลังนุ่มนวลของรินลดาไว้ทั้งร่างจนทรวง อกทั้งคู่บดเบียดกับเต้านมงามเป็นเนื้อเดียวกัน ท่อนขาอวบงามของรินลดาแยกออกจากกัน มือน้อยๆ ไขว่คว้าเบื้องล่างและเมื่อพบกับแท่งเนื้อชูชันของไกรวิทย์ มือนั้นก็กำเอาไว้แน่นและดึงเข้าหาร่องรักที่กำลังกระตุกไปด้วยความต้องการ ที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
ทันที่ที่ปลายแก่นกายซึ่งบานออกราวดอก เห็ดกระทบกึ่งกลางร่องรัก สะโพกครัดเคร่งที่กำลังสั่นระริกของรินลดาก็แอ่นขึ้นรับ ในจังหวะเดียวกับที่ไกรวิทย์กดแก่นเนื้อยาวเหยีดลงไปในจังหวะเดียว น้ำหล่อลื่นที่ชุ่มฉ่ำอยู่ในหลืบรัก ส่งให้มันมุดลงไปในร่องคับแคบโดยปราศจากการต้านทานจนสุดโคนในคราวเดียว….
‘อ๊ายยยยยยยยยย………..ทะ ทำไมมันแข็งและยาวอย่างนี้ล่ะพี่เอ…..’
จิต รินลดาครวญครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อประสาทสัมผัสอันละเอียดอ่อนในร่องรัก หญิงสาวรับแก่นเนื้อเข้าไปอัดแน่น สัมผัสจากการร่วมรักที่ผ่านมาตลอดสิบสองปีนับครั้งไม่ถ้วนบอกให้รินลดารู้ ว่าการร่วมรักครั้งนี้แก่นเนื้อของไกรวิทย์ดูจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจนหลืบรัก สัมผัสได้….
‘แล้วน้องรินของพี่ไม่ชอบหรือ…..’
‘ชะ ชอบสิพี่เอ….ชอบ…มันลึก มันเสียว…โอว….มันคว้านหีริน…โอย…มันไม่เคยใหญ่แบบนี้…พี่เอ…สะ เสียวเหลือเกิน..’
‘มันใหญ่เพราะมันต้องการน้องรินที่สุด….อาห์…สิบสองปีแล้ว…หีน้องรินยังแน่นจนควยพี่แทบขยับไม่ได้เลยนะ…’
‘โอย….พี่เอจ๋า….พี่เอ…รินกำลัง…จะ จะ……อ๊ายส์……’
ร่าง อวบอิ่มของรินลดาบิดส่ายอย่างรุนแรง หลืบเนื้อทุกริ้วภายในร่องรักเกร็งตัวเป็นระลอก ปากมดลุกที่หัวบานไกรวิทย์กระแทกเข้าหาส่งแรงตอดดูดถี่ยิบ จนความเสียวทะลักทะลายออกมาจากแก่นเนื้อเป็นสาย….ปราณทั่วร่างชายหนุ่ม ผสานรวมกับน้ำรักผ่านเข้าสู่เรือนกายรินลดา แล้วเริ่มโคจรไปตามจักรปราณ กระแสพลังที่เกิดจากปฐมธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ดูดรั้งปราณทั้งหมดของรินลดา เข้ามาผนึกร่วม แต่เว้นมวลพลังจากอุทกมารที่เป็นรากฐานพลังปราณทั้งหมดของรินลดาเอาไว้…รู ปบบการถ่ายทอดปราณที่แปลกไปกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้ดวงตาที่ปิดแน่นด้วยความเสียวสุดยอดของหญิงสาวกลับเบิกโพลงขึ้น ก่อนส่งจิตอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
‘พี่เอ…นี่คือปราณอะไร…ทำไม…..เอ๊ะ….มันกำลังสลายจิตมารของรินแล้ว…’
‘น้องริน…นี่คือปราณจากการผสานธาตุศักดิ์สิทธิ์ น้องรินจงเชื่อใจพี่…สงบใจไว้ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง…’
จิต ที่แตกตื่นของรินลดาพลันสงบลง จิตถูกผนึกอยู่ในสมาธิปล่อยให้ปราณจากไกรวิทย์ล้อมเข้าหามวลจิตมารก่อนดึง จิตและปราณของรินลดาเข้าสู่ร่างกาย ร่างงามทอดตัวแน่นิ่งราวกับไร้ชีวิตอยู่ชั่วอึดใจ ขณะที่ไกรวิทย์ผนึกปราณและจิตของหญิงสาวให้เป็นหนึ่งเดียว มวลพลังทั้งหมดโคจรในร่างไกรวิทย์จนครบรอบ และถูกชักนำให้กลับเข้าสู่ร่างหญิงสาวอีกครั้ง….ดวงตากลมโตของรินลดาพลัน เบิกโพลงขึ้น จิตที่สับสนส่งพลังออกมาโดยปราศจากข้อความอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่ดวงตารินลดาจะทอประกายแวววาว พร้อมกับจิตที่สงบนิ่งถูกถ่ายทอดออกมา
‘นาย ท่าน….น้องรินของนายท่านตื่นแล้ว ตื่นขึ้นพร้อมกับการกำเนิดของกันย์อัปสร…เทวนารีแห่งราศรีกันย์ ผู้เป็นบาทจาริกาแห่งมหาเทพวิรุณปักขะทุกชาติภพ…’
‘น้องริน นามกันย์อัปสรนั้นแม้จะเป็นนามแห่งเทวนารีที่พี่รัก แต่ในภพภูมินี้ น้องรินคือรินลดา เด็กหญิงที่เติบโตมาพร้อมกับพี่ เป็นน้องสาว เป็นคู่ชีวิตของพี่จนกว่าจักรวาลจะสูญสลาย น้องรินไม่จำเป็นต้องเรียกหาพี่เป็นนายท่าน เช่นเดียวกับที่พี่ก็ไม่ถือว่าตนเองเป็นนายเหนือแห่งเทวนารีเช่นกัน ที่นี้มีแต่ไกรวิทย์ กับรินลดาเท่านั้น…’
สองมือรินลดาเคลื่อนไหวลูบไล้ผิวกายไกรวิทย์ที่ยังคงทาบทับร่างงามไปมา…ดวงตางามปรากฏหยาดน้ำตาเอ่อคลอด ขณะส่งจิตออกมา
‘พี่ เอ…รินขอปฏิบัติตามในสิ่งที่พี่เอต้องการ….บัดนี้รินเพิ่งรับรู้ถึงตัว ตนที่แท้จริง ของเทวนารีแห่งราศีกันย์…ที่สถิตอยู่ร่วมกับจิตรินมาทุกชาติภพ…และ ที่สำคัญที่สุด รินได้รับรู้ว่าความรักที่พี่เอมีให้รินนั้นไม่แตกต่างกับความรักความภักดี ที่รินมอบให้พี่เอแม้แต่น้อย….รินคิดถึงพี่เอเหลือเกิน เวลาหมื่นปีที่จิตของกันย์อัปสรถูกผนึกไว้เพื่อเปิดทางให้อุทกมารเติบโตแข็ง กล้า…แต่ในที่สุดรินก็สามารถมอบอุทกมารให้พี่เอผสานปฐมธาตุศักดิ์สิทธิ์ ได้สำเร็จ..’
ไกรวิทย์ยกมือขึ้นลูบไล้แก้มของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก อย่างทะนุถนอม ความทรงจำของเด็กหญิงที่แก่นแก้ว ซนราวกับเด็กชายที่เติบโตมาพร้อมกับ ซึ่งเปลี่ยนมาเป็นหญิงสาวผู้เข้มแข็งและอ่อนหวานหลังจากการร่วมรักครั้งแรก ของเด็กทั้งสองที่ริมห้วยเมื่อ 12 ปีก่อน พลันปรากฏขึ้น ริมฝีปากชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ เมื่อตระหนักได้จากจิตของมหาเทพในร่างว่าการเปลี่ยนแปลงของอุปนิสัยของริน ลดาในอดีตนั้นจากนั้นเกิดจากบุคลิกที่แท้จริงของกันย์อัปสร เทวนารีแห่งราศีกันย์ผู้เปรียบเสมือนพี่สาวคนโตของเหล่าเทวนารีทั้งหมดมาแต่ อดีตกาล ที่ปรากฏขึ้นภายหลังการร่วมรักครั้งแรกแม้จิตแห่งเทวนารียังคงผนึกอยู่ก็ตาม ไกรวิทย์ส่งจิตแผ่วเบาอ่อนโยนไปยังหญิงสาว
‘นั่นคือการเสียสละที่ ยิ่งใหญ่ของน้องริน น้องกิฟท์ น้องทิพย์ และน้องพิม….ที่ยอมผนึกจิตตนเองเอาไว้ปล่อยให้จิตแห่งชีวิตเติบโตสร้างสม มวลพลังแห่งปฐมธาตุ พวกเราถึงมีวันนี้ได้….’
ดวงตารินนลดาจับจ้อง ใบหน้าไกรวิทย์ราวกับไม่ต้องการให้ภาพนั้นขาดหายไปแม้แต่วินาทีเดียว…สอง แก้มหญิงสาวเป็นสีชมพูเข้มขณะส่งจิตที่แฝงความต้องการอย่างเต็มที่ออกมาเบาๆ
‘พี่ เอ…พี่เอจะมอบความรักให้รินอีกครั้งได้ไหม…รินต้องการความรักอีกครั้ง สำหรับตัวตนที่แท้จริงของรินที่ตื่นขึ้นมา…หีของรินยังจำควยแห่งมหาเทพที่ ให้ความสุขแก่เหล่าเทวนารีทุกนางได้..มอบควยพี่เอให้รินเดี๋ยวนี้เลย…’
‘ความต้องการของเทวนารีแห่งราศีกันย์ผู้ทรงไว้ซึ่งพรหมจรรย์เช่นนี้…จะให้พี่ปฏิเสธได้อย่างไร…’
แก่น กายไกรวิทย์ที่ยังคงฝังตัวแน่นอยู่ในหลืบรักรินลดาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง สองขาอวบอิ่มของหญิงสาวอ้าออกกว้างก่อนขยับวูบเข้าเกี่ยวเอวไกรวิทย์ไว้แน่น …จิตที่สั่นระริดส่งเสียงครางออกมาเบาๆ
‘อาห์….นี่คือควยแห่งมหา เทพ…รินเสียวเหลือเกิน น่าแปลกนักที่ในภพนี้ เทวนารีแห่งราศีกันย์ผู้ถือพรหมจรรย์ กลับเป็นเทวนารีคนแรกที่มอบพรหมจรรย์ให้พี่เอ…ซีดส์…’
‘น้องรินจำได้หรือไม่ว่า นอกจากพรหมจรรย์และอุทกมารแล้ว…น้องรินยังต้องมอบอีกสิ่งหนึ่งให้กับพี่ด้วย..’
‘รินจำได้…และพร้อมที่จะมอบมันให้กับพี่เอแล้ว…..อ๊าวส์’
——————————-
ร่าง ผอมบางปราดเปรียวของอัจฉริยาถูกไกรวิทย์อุ้มเข้ามาในห้องส่วนตัวของหญิงสาว แล้วประคองวางลงนอนคว่ำหน้ากับฟูกที่นอนหนานุ่มอย่าทะนุถนอม ดวงตาแวววางเปี่ยมประกายความรักของชาบหนุ่มจับจ้องร่างที่ห่อหุ้มด้วยผืนผ้า ฝ้ายสีขาวบางเบาที่ไม่อาจปิดกั้นสายตาของผู้ทรงปราณที่ก้าวข้ามขอบเขตเทวะ ได้แม้แต่น้อย..
เรือนร่างของหญิงสาวผู้เติบโตมาด้วยกันและเป็น เสมือนน้องสาวของไกรวิทย์ แม้จะเป็นร่างของหญิงสาวที่อายุ เข้าใกล้วัยเบญจเพส แต่ความบอบบางของเรือนร่างทำให้ดูราวกับเป็นร่างกายของเด็กหญิงวัยแรกรุ่น สะโพกกลมกลึงนวลเนียนทอดตัวต่อไปยังลำขาอ่อนเรียวยาวที่แม้จะไม่อวบอิ่มอัด แน่นจนปราศจากช่องว่างดังเช่นร่างที่เติบโตเกินวัยของน้องพิม แต่ช่องว่างของขาอ่อนเต่งตึงเรียวยาวนั้นก็ก่อเป็นความงามที่น่าทะนุถนอมอีก แบบหนึ่งที่ไกรวิทย์ไม่เคยเบื่อหน่ายกับการชมความงามนี้แต่น้อย
มือ ของชายหนุ่มเลื่อนไล้ไปปลอดปมผ้าที่กลัดไว้บริเวณหัวไหล่ของอัจฉริยา ก่อนดึงผืนผ้าบางเบาออกจากร่างงามนั้นอย่างแผ่วเบา มือนั้นเปลี่ยนมาลูบไล้แผ่นหลังเรียบเนียนราวแพรไหมลงมาถึงลอนสะโพกที่โค้ เย็ดจนหนำใจฺห้าสิบเอ็ดครั้งงตัว ขึ้นสูงอวดความงามเต่งตึงราวกับเด็กสาวแรกรุ่น และเพียงมือของไกรวิทย์ลูบไล้ผ่านร่องก้นลงไปยังลำขาอ่อนด้านใน ขาเรียวตรงนั้นก็แยกออกจากกันตามสัญชาติญาณทั้งที่หญิงสาวยังอยู่ในภาวะหลับ ใหล รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากไกรวิทย์บางเบาเมื่อสายตาชายหนุ่มสามารถมองผ่าน ช่องว่างของลำขาไปยังเนินรักอูมอิ่มที่คว่ำอยู่แนบกับพื้นฟูก กลิ่นน้ำรักกรุ่นกระจายออกมาบอกให้รู้ว่าเจ้าของเนินรักนี้เพิ่งบรรลุถึงจุด สุดยอดความเสียวในช่วงที่ผ่านมา หลังได้รับผลกระทบของการรวมตัวของปฐมธาตุทั้งสี่ในร่างไกรวิทย์ จนทำให้ความเสียวกระหน่ำสู่จิตใจและส่งผลให้หญิงสาวสิ้นสติไปพร้อมกับ รินลดา ทิพย์วารี ปณิตา จานีส เซี่ยวเล้ง และเรอินะ
Image
สะโพก ครัดเคร่งของอัจฉริยาโก่งตัวขึ้นเมื่อมือของไกรวิทย์แทรกผ่านลงไปสัมผัสเนิน รักอย่างนุ่มนวล แก่นเนื้อของชายหนุ่มแข็งตัวชูชันส่งจิตที่สะสมความต้องการออกไปกระทบพลัง ชีวิตจากผลึกมังกรที่สถิตย์ในร่างอัจฉริยา ทำให้ร่องรักเริ่มปรากฏหยาดน้ำใสหลั่งรินออกมาจนนิ้วของไกรวิทย์ซึ่งวางตัว อยู่กลางร่องรักนั้นเปียกชุ่มไปทั้งนิ้ว ชายหนุ่มขยับร่างเข้าระหว่างท่อนขาที่แยกออกของอัจฉริยา มือขวาจับหมอนใบน้อยที่กระจัดกระจายอยู่บนเตียงแทรกเข้าไประหว่างหน้าท้อง หญิงสาว จนทำให้สะโพกด้านหลังโก่งตัวขึ้นสูงก่อนขยับร่างเข้าประกบสะโพกทางด้านหลัง หัวบานที่ผงกตัวตลอดเวลาจากความต้องการที่พลุ่งขึ้น ถูกจ่อเข้าระหว่างสองแคมฉ่ำเยิ้มทางด้านหลัง และเพียงออกแรงส่งมันก็แทรกผ่านความคับแคบรัดรึงของหลืบเนื้ออัจฉริยาเข้าไป ช้าๆ
‘อูว์…อะ อะไร..ซีดส์…พะ พะ พี่เอ…เอาอีกแล้ว….แอบมาเย็ดกิฟท์ท่านี้อีกแล้ว….ซีดส์…’
อัจ ฉริยาครางออกมาทันทีเมื่อสติกลับสู่ร่าง ด้วยน้ำเสียงที่ดูราวกับไม่พอใจกับการถูกรุกล้ำร่างกายโดยไม่รู้ตัว แต่ไกรวิทย์รู้ดีว่ากริยาเช่นนี้คือลักษณะเฉพาะตัวของหญิงสาวที่เติบโตมา พร้อมกันตั้งแต่วัยเด็ก ที่ชอบโต้เถียงและบ่นกับไกรวิทย์มาโดยตลอด แต่ขณะที่ส่งจิตบ่นออกมานั้นสะโพกของหญิงสาวกลับยกตัวเองขึ้นสูงและบิดสว่าย เป็นวงเปิดทางสะดวกรับแก่นเนื้อของไกรวิทย์ที่มุดตัวลงไปในความอบอุ่นรัดรึง นั้นอย่างเต็มใจ
‘พี่รู้นะว่าน้องกิฟท์ชอบเย็ดท่านี้….ไม่ใช่แต่ในภพนี้หรอก…ทุกชาติภาพที่เราได้เย็ดกันเราจะเริ่มด้วยกวางเหลียวหลังแบบนี้….’
‘พี่ เอ…อูย…อย่าคว้านแบบนั้นสิ…แตดกิฟท์ยับเยินพอดี….แต่…ฮุว์…ทำไม วันนี้พี่เอพูดอะไรแปลกๆ ชาติภาพอะไรหรือพี่เอ…อุ๊ย…’
หญิงสาว ส่งจิตที่แฝงความแปลกใจเล็กน้อยออกมา เมื่อได้รับคำกล่าวของไกรวิทย์เรื่องชาติภาพ แต่ก็จ้องชะงักลงกลางคัน เมื่อมือของไกรวิทย์ สอดเข้าใต้ร่างเกาะกุมเต้านมเต่งตึงเอาไว้แน่น และยกร่างบอบบางยั้นขึ้นมาให้อยู่ในท่าคุกเขา โดยไม่หยุดการกระเด้าทางด้านหลังแม้แต่อึดใจเดียว
‘กิฟท์ จะรู้ความหมายของพี่เอในไม่ช้านี้…ฮาห์…หีกิฟท์นี่บดควยพี่ไม่ต่างอะไรกับตอนที่กิฟท์อายุ 12 เลยนะ…’.
‘ซีดส์ …ก็ปราณบ้าบอที่พี่เอส่งเข้ามาให้กิฟท์นี่แหละ…ทำให้ทั้งกิฟท์และพี่ริน คงร่างเป็นวัยรุ่นอยู่แบบนี้…แถมยังทำให้กลายเป็นผู้หญิงที่ขาดการเย็ดไม่ ได้ด้วย….อื๋ย….พี่เอเบาหน่อย ควยพี่เอชนมดลูกกิฟท์แล้ว…’
ไกร วิทย์อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่ออัจฉริยายังคงส่งจิตบ่นออกมาไม่ขาดสาย แม้ร่างกายกำลังสั่นระริกไปด้วยความเสียวที่กำลังพลุ่งขึ้นสูง จากการเสียดสีของกลีบเนื้อและมือทั้งสองที่บี้เคล้นความเต่งตึงครัดแน่นของ เต้านมจนหัวนมสีชมพูทั้งคู่แข็งตัวราวกับเม็ดมณีงามในอุ้งมือ บ่งถึงความเสียวที่กำลังใกล้ถึงจุดสูงสุด พร้อมกันนั้นจิตของไกรวิทย์ที่ผสานจิตเป็นหนึ่งเดียวกับความทรงจำแห่งมหาเทพ โบราณ ก็สัมผัสได้ถึงจิตกลุ่มหนึ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นภาพในจิตของอัจฉริยา จนทำให้ไกรวิทย์ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มปิติเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วอัจฉริยา คือผู้ใด
‘พี่ไม่สามารถยั้งควยพี่จากหีที่สุดยอดของกิฟท์ได้หรอก…. ไม่ว่าในภาใด ยามเมื่อพี่ได้อยู่ใกล้กิฟท์ ได้เห็นเรือนร่างของกิฟท์ ความต้องการของพี่ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับกิฟท์ไม่มีทางยับยั้งได้…ไม่ว่า จะเป็นอัจฉริยา หรือจะเป็นพิจิกัลยา…เทวนารีแห่งราศรีพิจิกก็ตาม’
‘อะไรนะ..พี่เอ…พิจิอะไร…อ๊ายส์…..’
อัจ ฉริยาอุทานออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินถ้อยคำประหลาดซึ่งไกรวิทย์ส่งออกมาในพริบตาที่หญิงสาวกำลังจะ ก้วขึ้นถึงจุดสุดยอดแห่งการร่วมรัก ร่างบอบบางสั่นสะท้านทั้งจากความเสียวถึงที่สุดและความประหลาดใจในสิ่งที่ ไกรวิทย์ส่งจิตมา…พร้อมกันนั้นไกรวิทย์ก็เกร็งแก่นกายเต็มที่เมื่อหลืบรัก อัจฉริยาบีบตัวอัดเป็นจังหวะ น้ำรักกระฉูดออกจากลำลึงค์อัดเข้าใส่มดลูกหญิงสาวเป็นระลอกพร้อมกับมวลปราณ ที่เกิดจากการผนึกรวมของปฐมธาติศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ถูกส่งเข้าไปใปในร่างกาย
‘พะ พี่เอ…อัคคีเทพ….อัคคีเทพกำลังสลาย…..’
จิต ของอัจฉริยาที่เพิ่งผ่อนคลายจากความเสียวอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อรับรู้ ว่า พลังอัคคีเทพอันเกิดจากอุทกเทพที่เป็นส่วนหนึ่งในปราณของตนเองมาตลอดกำลัง สลายตัวไปอย่างรวดเร็วเมื่อกระแสปราณที่เต็มไปด้วยพลังงานไม่รู้จบของไกร วิทย์ถูกส่งเข้ามาในร่าง
‘น้องกิฟท์จงฟัง…..อัคคีเทพที่ปิดกั้นจิต แห่งความทรงจำของเทวนารีในร่างน้องกิฟท์ถูกหลอมสลายรวมกับปราณของพี่ที่ส่ง เข้าไปแล้ว ก่อเกิดเป็นปราณแห่งปฐมธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงอำนาจเหนือล้ำกว่าอัคคีเทพมาก นัก..อีกทั้งยังปลุกตัวตนที่แท้จริงของน้องกิฟท์ให้ตื่นขั้น จงไว้ใจพี่ สงบจิตให้เป็นศูนย์ พี่จะดึงจิตทั้งสองในร่างน้องกิฟท์ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวเดี๋ยวนี้…’
จิตที่แตกตื่นของอัจฉริยาสงบลงหลังจากผมส่งจิตอ่อนโยนเข้าไป พร้อมกับส่งจิตที่แฝงความตั้งใจแน่วแน่กลับมา
‘กิฟท์ไม่เข้าใจที่พี่เอบอกหรือนะ…แต่ชีวิตของกิฟท์เป็นของพี่เอ…กิฟท์เชื่อพี่เอ ไว้ใจพี่เอทุกประการ…พี่เอกิฟท์พร้อมแล้ว…’
จิต ของอัจฉริยาพลันหยุดนิ่งและผนึกรวมตัวเองที่จักรพสุธา ไกรวิทย์โคจรกระแสปราณในร่างหญิงสาวจนครบวงพลัง แล้วดึงดูดมวลจิตของอัจฉริยาและจิตที่ปรากฏขึ้นหลังการสูญสลายของอัคคีเทพ เข้าสู่ร่าง ผสานกับปราณในร่างกายก่อนผลักดันกลับเข้าสู่ร่างอัจฉริยาอีกครั้ง ในชั่วไม่กี่อึดใจจิตในร่างอัจฉริยาก็ส่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสับสน
‘เรา…เรา…คือเทวนารี เราคือกิฟท์…ไม่ใช่สิ…’
‘ความทรงจำทั้งหมดในชาติภาพกลับคืนสู่เจ้าแล้วหรือไม่…พิจิกกัลยาผู้ซุกซนอันเป็นที่รักแห่งเรา’
‘นาย ท่าน…นี่คือนายท่าน….แมงป่องน้อยระลึกได้แล้ว…แมงป่องน้อยกลับมาอยู่ กับนายท่านแล้ว…แต่แมงป่องน้อยคือ…กิฟท์ของพี่เอ….คือบาทจาริกาแห่ง นายท่าน…เข้าใจแล้ว…กิฟท์เข้าใจแล้ว…นายท่าน’
แม้จิตของอัจฉริ ยาที่ผ่านการผนึกรวมกับจิตแห่งความทรงจำของเทวนารีราศีพิจิกจะดูสับสนในห้วง แรก แต่เพียงพริบตาเดียว สมองที่ชาญฉลาดของหญิงสาวก็ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที
‘น้อง กิฟท์…พี่ก็คือพี่เอ…และก็คือเทพวิรุณปักขะ…น้องกิฟท์ไม่ต้องเรียกพี่ ว่านายท่านดังเช่นคำเรียกขานแห่งมหาอาณาจักรปราณ พวกเราอยู่ในชาติภาพปัจจุบัน แม้ความทรงจำแห่งอดีตทั้งหมดนั้นจะผนึกรวมอยู่ แต่พวกเราก็ยังเป็นพี่เอกับน้องกิฟท์ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปได้’
ร่างบอบ บางที่อยู่ในท่าคุกเข่าพลันค่อยๆ ดึงสะโพกออกจากแก่นเนื้อผมจนพ้นสองแคม น้ำรักหลั่งรินจากร่องรักลงมาเป็นสาย แต่อัจฉริยากลับไม่ให้ความสนใจความเปรอะเปื้อนของร่างกาย ร่างหญิงสาวพลิกหมุนมานั่งเผชิญหน้ากับไกรวิทย์ ดวงตาแวววาวจับจ้องชายผู้เป็นที่รักแน่วนิ่ง หยาดน้ำใสเอ่อล่นออกมาจากขอบดวงตาพร้อมกับส่งจิตที่เต็มไปด้วยความปิติออกมา
‘พี่ เอ..กิฟท์เข้าใจแล้ว…นี่คือจิตแห่งความทรงจำของเทวนารี ตัวตนที่แท้จริงของกิฟท์ ตลอดกาลเวลาที่ผ่านมาพวกเราผูกพันมาทุกชาติภพ นับตั้งแต่การล่มสลายของมหาอาณาจักรปราณ แต่ชาติภพนี้เป็นครั้งแรกที่จิตทั้งสองได้รวมเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง กิฟท์ได้อยู่ร่วมกับพี่เออีกครั้งอย่างแท้จริง…’
‘นี่เป็นเพราะความ เสียสละที่กิฟท์ให้กับพี่ พร้อมกับน้องริน น้องทิพย์ และน้องพิม ทั้งสี่ยอมรับการปลูกฝังปฐมธาตุเอาไว้ในจิต ทั้งที่รับรู้ว่าปฐมธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่นั้นจะทำให้จิตแห่งความทรงจำถูก ปิดกั้นไม่สามารถรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้…’
ริมฝีปากเรียวนุ่ม นวลของอัจฉริยาโน้มเข้าหาริมฝีปากไกรวิทย์ ถ่ายทอดความอบอุ่นและความรักเข้าหา ร่างทั้งสองโอบรัดกันแนบแน่นก่อนทิ้งตัวลงนอนกับฟูกพร้อมกัน สองมือไกรวิทย์ลูบไล้นวลเนื้อเนียนของเทวนารีผู้เป็นที่รักทุกส่วน จนร่างงามนั้นเริ่มบิดส่ายไปมาอีกครั้ง
‘พี่เอ…กิฟท์ พี่ริน น้องทิพย์ น้องพิม ยังมีหน้าที่อีกประการที่ได้รับมอบหมายจากพี่เอ…พี่เอจะให้กิฟท์ปฏิบัติ เดี๋ยวนี้เลยหรือไม่…’
‘ด้วยความงามของกิฟท์แบบนี้ พี่คงจะไม่สามารถสะกดใจรั้งรออีกต่อไปแล้ว……….’
‘อาห์…พี่เอ….มาเถอะ…เข้ามา…กิฟท์ผู้เป็นแมงป่องน้อยของพี่เอ….คิดถึงควยนี้มานับหมื่นปีแล้ว….’
——————————————–
‘อุ๊ย…พี่เอ….นี่ทิพย์สิ้นสติตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วนี่น้องพิมเป็นอย่างไรบ้าง’
เสียง ทางจิตของทิพย์วารีดังขึ้นในทันทีที่ไกรวิทย์อุ้มร่างของหญิงสาวผ่านพ้น ประตูห้องส่วนตัวของทิพย์วารีที่ปิดตัวเองลงอย่างนุ่มนวลด้วยเซ็นเซอร์ตรวจ จับความเคลื่อนไหว ร่างเปล่งปลั่งของหญิงสาววัย 16 ผู้เคยมีประสบการณ์ในอนาคตที่เลวร้าย แต่กลับถูกแก้ไขจากการย้อนเวลาจนสามารถมอบวารีนาคราชหนึ่งในปฐมธาติศักดิ์ สิทธิ์ พยายามดิ้นรนเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่ากำลังถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของไกร วิทย์ ที่เดินตรงไปที่เตียงนอนด้วยร่างเปล่าเปลือย องคาพยพแห่งความเป็นชายแข็งตัวชี้ชันขนานกับพื้นโลก ส่งกระแสโน้มนำความต้องการของทิพย์วารีให้พลุ่งพล่านขึ้นในทันที แต่หญิงสาวยังคงมีสติพอที่จะสอบถามเหตุการณ์ที่ไกรวิทย์รับความสาวและธารอสุ ระจากพิมพ์มาดาในห้วงที่ผ่านมาได้
‘น้องพิมพ์ส่งธารอสุระให้พี่แล้ว …บัดนี้ปฐมธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่สี่ได้หลอมรวมเป็นหนึ่ง จนเกิดพลังกระจายออกไปกระตุ้นให้ทุกคนรอบตัวถึงจุดสุดยอดแล้วสิ้นสติไป พี่เลยอุ้มทิพย์เข้ามาที่นี่…’
ดวงหน้าหวานใสของทิพย์วารีเปลี่ยน เป็นสีแดงเรื่อๆ เมื่อความต้องการทางเพศถูกโน้มน้าวเข้าสู่จิตใจ ร่างงามหยุดการดิ้นรนขณะที่ไกรวิทย์ก้มตัวลงวางร่างหญิงสาวแรกรุ่นลงบนฟูก ที่นอน มือเรียวงามของทิพย์วารีเอื้อมมือไปเกาะกุมแก่นกายไกรวิทย์ที่กำลังตื่นตัว เครียดเขม็งและส่งจิตหอบกระชั้นออกมาเบาๆ
‘ควยพี่เอแข็งแบบนี้ พี่เอคงไม่คิดจะพาทิพย์มาพักผ่อนแน่ๆ ใช่ไหม’
ร่าง เปลือยของไกรวิทย์โน้มตัวลงคร่อมร่างทิพย์วารีไว้ มือขวาปลดปมผ้าที่หัวไหล่กลมกลึงลากแถบผ้าบางเบาทั้งผืนให้พ้นร่างเด็กสาว เปิดเผยเรือนกายงดงามทั้งหมดต่อสายตาที่จับจ้องด้วยเพลิงปราถนา ก่อนทาบร่างลงทับนวลเนื้อเนียน ริมฝีปากน้อยๆ ถูกประกบจูบ ปลายลิ้นเรียวเล็กของทิพย์วารีฉกวาบเข้ามาเกี่ยวพันกับลิ้นไกรวิทย์ ถ่ายทอดความหอมหวานและปลุกเร้าอารมณ์ทั้งสองไปพร้อมกัน
‘ธิดานาคราช ที่งดงามหอมกรุ่นไปทั้งตัวแบบนี้ ชายที่จะยับยั้งใจไม่ให้เย็ดได้ ก็คงมีเพียงแต่ผู้บรรลุซึ่งปราณสุญญตาเท่านั้น…แต่สำหรับพี่แล้ว การฝังควยไว้ในหีอันแน่นนุ่มแต่เร่าร้อนของทิพย์ไว้ตลอดกาล คือสุดยอดความปรารถนาของพี่…’
‘อืมห์…พี่เอ…ถ้าพี่เอต้องการทิพย์ก็ไม่เคยปิดกั้น…ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทิพย์เถอะ..’
Image
ร่าง ปราดเปรียวของเด็กสาววัย 16 ที่ถูกผสานจิตของหญิงสาวในอดีตพลิกตัวกลับลงผลักให้ไกรวิทย์เป็นฝ่ายนอนหงาย อยู่บนฟูกที่นอน รอยยิ้มปรากฏ บนใบหน้าหวานใสแว่บหนึ่งก่อนที่ทิพย์วารีถอยร่างตนเองลงต่ำ และซุกใบหน้าลงระหว่างขาไกรวิทย์ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอดออกกลืนแก่นกายชูชันเข้าไปในความอบอุ่นของช่องปากชุ่ม ชื้น ปลายลิ้นเรียกเล็กเกลี่ยไล้รอบหัวบานไปมาและเน้นถี่ๆ ที่ส่วนปลายซึ่งไวต่อความรู้สึกที่สุด จนไกรวิทย์ต้องครางออกมาด้วยความเสียว มือของชายหนุ่มกุมศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มยาวสยายเอาไว้แน่น ขณะที่ทิพย์วารีเริ่มกลืนแก่นเนื้อเข้าสู่ส่วนลึกของลำคอและถอยออกเป็น จังหวะ…ส่งความรู้สึกราวกับแก่นกายนั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในหลืบรักคับ แน่นจนพร้อมที่จะทะลักความเสียวออกมาได้ทุกขณะ
‘อาห์….ทิพย์ใช้ปากได้เก่งที่สุด…..ถ้าปล่อยไว้แบบนี้พี่ต้อง…ต้อง….ทะลัก…นะ แน่…อูย…’
‘พี่เอไม่ต้องยั้งหรอก…ทิพย์รู้ดีว่าถึงพี่เอปล่อยออกมา ควยพี่เอก็ไม่มีวันอ่อนตัว….ขอให้ทิพย์ชิมรสน้ำควยพี่เอเถอะ….’
‘พะ พะ พี่..ต้องการหีทิพย์ก่อน….พี่จะถ่ายทอดพลังจากปฐมธาตุให้ทิพย์….ทิพย์ขึ้นมาเถอะ….’
ไกร วิทย์ครางออกมาด้วยความเสียว แต่จิตของชายหนุ่มรู้ดีว่าการร่วมรักครั้งนี้ต่างกับการร่วมรักปกติที่ ดำเนินมาเป็นประจำ….และหากปล่อยให้หญิงสาวผู้ชำนาญเชิงกามจากประสบการณ์ใน อดีตเช่นทิพย์วารีปรนเปรอแก่นกายด้วยปากต่อไป ปราณแรกที่จะส่งออกไปปรับเปลี่ยนร่างกายของทิพย์วารีก็จะสูญเสียไปโดยเปล่า ประโยชน์
‘พี่เอนี่…ขอทิพย์ชิมหน่อยก็ไม่ได้….’
จิตทิพย์ วารีส่งเสียงบ่นออกมาราวกับไม่พอใจ แต่หญิงสาวก็รีบปล่อยแก่เนื้อที่หัวบานกำลังเต้นเป็นจังหวะด้วยความเสียวออก จากปาก ร่างงามเลื่อนตัวขึ้นมายันกายนั่งคร่อมที่เอวของไกรวิทย์ สองมือยันหน้าท้องชายหนุ่มเพื่อยกสะโพกอวบอิ่มขึ้นเหนือแก่นเนื้อที่ชูชันรอ รับอยู่เบื้องล่าง เด็กสาวสูดลมหายใจลึกก่อนค่อยๆ ลดสะโพกลงให้แก่นกายจ่อกับสองแคมสีชมพูเปล่งปลั่งที่ปกคลุ่มด้วยเส้นไหมเบา บางซึ่งกำลังหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาเป็นสาย หัวบานจรอตรงเข้าระหว่างสองแคมจนไกรวิทย์รับรู้ได้ถึงการตอดรับของแคมรักที่ กำลังลดตัวลงมา ทิพย์วารีสูดลมหายใจอีกครั้งยลึกยาว ก่อนทิ้งสะโพกลงทั้งตัวฝังแก่นเนื้อของไกรวิทย์เข้าสู่ร่างทั้งหมดในคราว เดียว
‘อื๋ย………อูย….ควยพี่เอทำไมมันใหญ่แน่นแบบนี้….’
จิต ทิพย์วารีครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อรับรู้ว่าแก่นกายไกรวิทย์ที่หลืบรักของ ตนเองกำลังกลืนกินอยู่นั้นดูจะเพิ่มขนาดและความแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน.. แต่เด้กสาวยังคงกัดฟันยกสะโพกขึ้นลงกระเด้าแก่นกายนั้นอย่างช้าๆ ขณะที่มือทั้งสองเปลี่ยนตำแหน่งจากหน้าท้องไกรวิทย์เลื่อนมาอยู่ที่ต้นขา เพื่อแอ่นร่างรับการระเด้าให้แนบแน่นขึ้น
‘พี่แอ….ชะ ชอบไหม….’
ภาพ เด็กสาวแรกแย้มที่กำลังคร่อมร่างเปลือยเปล่าขยับสะโพกขึ้นลงด้วยความเสียว ทรวงอกตูมตั้งราวผลแอปเปิลขนาดใหญ่ของทิพย์วารีสั่นไหวไปตามจังหวะการ กระเด้า หัวนมเม็ดเล็กสั่นระริกราวกับจะเรียกร้องการสัมผัส เป็นภาพที่ทำให้ไกรวิทย์ต้องใช้มือทั้งสองเคล้นคลึงความเต่งตึงครัดเคร่งของ ทรวงอกงามอย่างลืมตัว แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เด็กสาวเพิ่มความเสียวมากขึ้น สะโพกงามกระเด้าขึ้นลงตามความเสียวที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ เบื้อล่างสองแคมอูมกลืนกินแก่นเนื้อเอาไว้ทั้งลำ หลืบเนื้อภายในปลิ้นเข้าออกตามจังหวะการเคลื่อนไหว ไกรวิทย์สูดลมหายใจลึกยาวพยายามข่มกลั้นความเสียวที่ประดังกันมาออที่ปลาย หัวบานอย่างเต็มที่ สองมือชายหนุ่มเปลี่ยนมากระชับเอวคอดกิ่วของทิพย์วารีไว้ แล้วช่วยเพิ่มแรงกระดด้าขึ้นลงพร้อมแอ่นสะโพกขั้นลงรับการกระเด้าของทิพย์ วารีในทุกจังหวะ….
‘ซีดส์…พี่เอจ๋า…..มันแทงลึกเข้าไปถึงไหนถึงไหนแล้ว…..หีทิพย์จะพังหรือเปล่าก็ไม่รู้….ฮูว์…’
‘หี ของผู้ทรงปราณระดับเทวนารีเช่นทิพย์ ไม่มีวันเสื่อมได้หรอก…อูย….หีทิพย์จะกระชับแน่นอย่างนี้ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง….อาห์….เทวนารีผู้เป็นเลิศในกามสูตร ผู้เป็นต้นกำเนิดของกามศาสตร์ จนได้รับการเทิดทูนให้เป็นเทพธิดาแห่งความรักแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นชื่อวีนัสแห่งอารยธรรมกรีก อาโฟรไดเตแห่งโรมัน หรือกาพเทพแห่งฮินดู…เทวนารีผู้มอบความสุขให้แก่มหาเทพทุกลมหายใจเข้าออก …ซีดส์….พี่รู้แล้วว่าเทวนารีนางใดคือผู้สถิตย์อยู่ร่วมกับทิพย์…’
‘พี่เอ…พี่เอ…บอกอะไรทิพย์ไม่เข้าใจ…แต่ทิพย์กำลังจะ…จะ….ฮ๊าวส์…..’
จิต ที่แฝงความแปลกใจของทิพย์วารีส่งออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น แต่ร่างกายหญิงสาวกลับไม่สามารถต้านทานความเสียวที่มาถึงจุดสุดยอดได้ ร่างงามยันตัวขึ้นจนแก่นเนื้อไกรวิทย์เกือยบหลุดอออกจากการบีดรัดของสองแคม รัก ก่อนทิ้งร่างสั่นระริกลงมาเต็มกำลัง แล้วฟุบฮวบลงกับร่างไกรวิทย์ที่เบื้องล่าง
‘ปะ ปะ…ไปแล้ว….ทิพย์…..เอ๊ะ…’
ความ เสียวจากการกระแทกสะโพกของทิพย์วารีลงมากลืนกินแก่นเนื้อเข้าไปจนสุดลำใน คราวเดียว บีบเค้นน้ำรักไกรวิทย์ให้ทะลักฉีดขึ้นไปสู่มดลูกเด็กสาวราวน้ำพุที่ระเบิด ออกจากพื้นโลก…ร่างงามสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนไกรวิทย์ ขณะที่ปราณอันผสานจากปฐมธาตุศักด์สิทธิ์ทั้งสี่เคลื่อนตัวเข้าสู่จักรปราณ เคลื่อนตัวเข้าสู่ร่าง และล้อมสลายพลังวารีนาคราชในร่างเด็กสาว
‘พี่เอ…วา วารีนาคราชกำลัง….’
จิต ที่เริ่มผ่อนคลายจากจุดสุดยอดของทิพย์วารีส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อรับรู้ว่ามวลพลังต้นกำเนิดปราณแห่งนาคบาศก์กำลังถูกปราณที่เด็กสาวไม่ เคยรู้จักมาก่อนสลายไปโดยไม่สามารถต่อต้านได้…แต่จิตที่แตกตื่นนั้นก็สงบ ลงในทันทีที่ไกรวิทย์ส่งจิตอ่อนโยนให้เด็กสาวรับรู้
‘น้องทิพย์ ไม่มีอันใดต้องตกใจทั้งสิ้น…ปราณที่กำลังเข้าสู่ทิพย์นั้นคือกาฬปราณที่ ผสานกับพลังของธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ วารีนาคราชจึงสลายเข้ารวมเพื่อรองรับพลังที่สมบูรณ์กว่า…และที่สำคัญ… เมื่อวารีนาคราชที่ปิดกั้นจิตแห่งความทรงจำของเทวนารีสลาย…ทิพย์ก็จะได้ รับรู้ตัวคนที่แท้จริงของตนเองอีกครั้ง…’
‘ตัวตนที่แท้จริง…หมายความว่าอย่างไรพี่เอ…’
‘หมายความว่าอะไร…เจ้าตอบได้ไหมคนโฑน้อยของพี่…’
‘นาย ท่าน….จิตที่หลับใหลของคนโฑน้อยตื่นแล้ว…คนโฑน้อยรับรู้ได้ถึงวารี นาคราชที่บ่มเพาะในจิตแห่งชีวิตของร่างนี้ที่ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดมาหลาย ชาติภพ…หน้าที่ของคนโฑน้อยบรรลุไปครึ่งหนึ่งแล้ว….’
‘พี่เอ…อะไร..ใครกัน เสียงนี้ดูราวกับเสียงประหลาดที่เคยดังในร่างพี่เอ พี่เซี่ยวเล้ง และพี่จานีสใช่ไหม..’
ไกร วิทย์กระชับร่างเปลือยในอ้อมแขนเข้าหาตัวจนแนบแน่น ริมฝีปากที่เผยอออกด้วยความตื่นตระหนกถูกจูบปิดไว้อย่างนุ่มนวล…พร้อมกับ เสียงทางจิตดังขึ้นในสมองเด็กสาว
‘จิตนี้คือส่วนหนึ่งของทิพย์มาแต่ โบราณกาล ก่อนมหาสงครามระหว่างจักรราศีกับเผ่าพันธุ์มังกรจะสุดสิ้นด้วยการสลายร่าง ของพี่และเหล่าเทวนารีนั้น ตัวพี่ผู้เป็นเทพปกป้องมหาอาณาจักรปราณได้ผนึกพลังแยกปฐมธาตุในร่างออกเป็น 4 ส่วนกำเนิดเป็นรัตนชาติ 4 ดวง แล้วมอบให้บริวารนำไปให้แก่เหล่าเทวนารี เพื่อรับพลังและปลูกฝังไว้ในจิตแห่งชีวิต แต่ร่างของพี่สลายไปเสียก่อนที่จะได้รับรู้ว่าเทวนารีผผู้ใดได้อุทิศจิตและ ร่างของตนรับปลูกฝังพลังจากรัตนชาตินั้น จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เมื่อปฐมธาตุศักดิ์สิทธิ์ผ่านกาลเวลานับหมื่นปีเติบโตขึ้นจนสมบูรณ์ให้พี่ ได้รับเข้าสู่ร่าง จิตแห่งเทวนารีจึงเปิดตัวออก และพี่ก็ได้รับรู้ว่ากุมภคินี เทวนารีแห่งราศีกุมภ์ผู้เป็นที่นักของพี่ได้กลับอยู่ข้างกายพี่แล้ว…’
‘นายท่านคนโฑน้อยรอคอยนายท่านมาตลอด บัดนี้การรอคอยสิ้นสุดแล้ว…นายท่านรวมพวกเราเข้าด้วยกันเถอะ…’
‘พี่ เอ…ทิพย์งงไปหมดแล้ว แต่ก็พอเข้าใจได้บ้างว่านี่คือการผนึกจิต…หากเป็นความต้องการของพี่เอ.. ทิพย์จะยอมรับมันทุกประการแม้ทิพย์จะต้องสูญเสียตัวตนไปก็ตาม..’
จิต แห่งเทวนารีและจิตของทิพย์วารีดังประสานกันราวกับเสียงเดียว…ไกรวิทย์ เลื่อนมือขึ้นกุมทรวงอกเต่งตึงด้านซ้ายอันเป็นที่ตั้งของหัวใจทิพย์วารีเอา ไว้ในอุ้งมือ ก่อนส่งจิตปลอบประโลม
‘น้องทิพย์….ไม่มีการสูญเสีย ตัวตนใดๆ ทั้งสิ้น น้องทิพย์ยังคงเป็นน้องทิพย์ผู้ร่วมชีวิตกับพี่ที่คลองน้อย ผู้ผ่านความตายในบ่อมังกรมาด้วยกัน แต่การรวมจิตจะยิ่งเพิ่มความเป็นตัวตนของทิพย์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น บลัดนี้จงหลับตา ผนึกจิตให้มั่นพี่จะดึงดูปราณและจิตของทิพย์เข้าผสานกันภายในร่างพี่ แล้ว…’
‘ทิพย์เชื่อพี่เอ…’
‘คนโฑน้อยพร้อมแล้ว…นายท่านรับคนโฑน้อยไว้เถอะ…’
จิต ของทิพย์วารี และจิตแห่งความทรงจำของกุมภคินีเทวนารีแห่งราศีกุมภ์ในอดีต ส่งออกมาพร้อมกัน ไกรวิทย์ส่งจิตรับคำให้สัญญาเบาๆ ก่อนผนึกปราณดึงดูจิตวิญญาณและปราณของทิพย์วารีเข้าสู่ร่าง..กระแสชีวิตทั้ง หมดของเด็กสาวหลั่งไหลผ่านเข้ามาวนเวียนในร่างไกรวิทย์ทิ้งให้ร่างของทิพย์ วารีนิ่งสนิทราวกับไร้ซึ่งจิตวิญญาณ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ จิตปราณของทิพย์วารีก็ถูกถ่ายทอดกลับสู่ร่างอีกครั้ง ทรวงอกเด็กสาวสะท้อนขึ้นลง ดวงตากลมโตค่อยๆ เปิดออกเผยให้เห็นดวงตาสุกใสกระจ่างราวดวงดาว สองมือเรียวงามของเด็กสาวยกขึ้นประคองใบหน้าไกรวิทย์เอาไว้ และส่งจิตที่สั่นเครือด้วยความปิติออกมา
‘ทิพย์เข้าใจทุกสิ่ง ทุกอย่างแล้ว…นี่เองคือตัวตนของทิพย์ที่แท้จริง…ชาติภพหมุนเวียนผ่านนับ ไม่ถ้วน แต่ในที่สุดทิพย์ก็ได้กลับมาอยู่ข้างกายนายท่าน…ไม่ใช่สิ พี่เอ อีกครั้ง….’
‘พี่ดีใจนักที่คนโฑน้อยผู้เป็นพหูสูตแห่งกามศาสตร์ ทั้งปวง ได้กลับมาหาพี่….ในความจริงแล้วพี่ไม่นึกเลยว่าเทวนารีแห่งราศีกุมภ์ผู้ เร่าร้อนในเชิงรัก จะกลับอาสาเป็นผู้รับผลึกแห่งธาตุวารีเอาไว้ทั้งที่รู้ว่าจิตแห่งความทรงจำ นั้นจะต้องถูกปิดกั้นไปอีกนับหมื่นปี….’
ประกายน้ำตาปรากฏขึ้นในดวงตาทิพย์วารี ขณะที่เด็กสาวส่งจิตตอบด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความรัก
‘แม้ เปลือกนอกคนโฑน้อยจะดูเหมือนสตรีผู้ร้อนเร่าในเชิงกามสังวาส แต่จิตวิญญาณของคนโฑน้อยหาได้รักภักดีต่อนายท่านต่ำกว่าพี่น้องเทวนารีนางใด ไม่…’
‘น้องทิพย์..อย่าเรียกตนเองเป็นคนโฑน้อยอีกเลย…เราอยู่ใน ชาติภพใหม่ที่แม้จะดำรงความทรงจำแห่งอดีตในจิต แต่พวกเราก็คือไกรวิทย์และทิพย์วารี…ที่ร่วมทุกข์สุขมาด้วยกันและไม่มีวัน เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นทั้งสิ้น’
‘ทิพย์น้อมรับบัญชาของพี่เอ….’
ไกร วิทย์ก้มลงจูปริมฝีปากอิ่มที่เผยอกออกรับและส่งลิ้นเรียวเล็กหอมกรุ่นมา พัวพันกับลิ้นชายหนุ่มด้วยสัมผัสที่ส่งความรู้สึกไปกระตุ้นความต้องการใน ร่างกายให้กลับพลุ่งขึ้นอีกครั้ง…’
‘สมกับที่น้องทิพย์คือผู้ให้ กำเนิดกามศาสตร์ทั้งปวงบนพื้นพิภพนี้ เพียงการแตะลิ้นเข้าที่จุดประสาทสัมผัสในช่องปาก ก็ทำให้ควยพี่ต้องการเย็ดน้องทิพย์อย่างไม่รู้จักพออีกแล้ว…’
‘ทิพย์รู้ดีว่าภารกิจที่พี่เอมอบหมายต่อทิพย์ยังเหลืออีกประการ พี่เอจะทำให้ทิพย์บรรลุภารกิจนั้นเด่ยวนี้หรือไม่….อาห์……’
จิต ของเด็กสาวผู้ตื่นขึ้นรู้จักตนเองเป็นครั้งแรกครางออกมาเมื่อ ไกรวิทย์พลิกร่างงามให้กลับมาอยู่ในท่านอนหงาย ทั้งที่แก่นกายยังคงฝังอยู่ในหลืบรัก แล้วเริ่มกระเด้าความหนึบแน่นของเด็กสาวอย่างช้าๆ
‘ถึงทิพย์จะขอผ่อนผันไปก่อน…พี่ก็คงไม่ยอมให้หีแห่งเทวนารีราศีกุมภ์ผู้งดงงามต้องว่างเว้นจากควยพี่แน่….’
‘พี่เอ….มาเถอะ….อูว์’
——————————
ร่างอดีต เทวนารีแห่งราศรีมังกรทอดร่างเหยียดยาวบนฟูที่นอนหนานุ่มขาวสะอาด ผ้าผ้ายบางเบาสีขาวที่ห่อหุ้มร่างกายหญิงสาวผู้งดงงาม ถูกไกรวิทย์ปลดเปลื้องออกในทันทีที่อุ้มร่างงามนั้นมาประคองวางลงบนเตียงใน ห้องส่วนตัวของเซี่ยวเล้ง ร่างเปลือยขาวผ่องจนส่งประกายข่มความขาวของฟูกที่นอนจนดูหมองคล้ำไปอย่าง เห็นได้ชัด ลมหายใจไกรวิทย์กระชั้นถี่ขึ้นเมื่อสายตาทอดผ่านทรวงอกตูมตั้งที่ชูช่อ สะพรั่งท้าทายสายตาไปตามลานหน้าท้องราบเรียบจนถึงเนินรักโค้งเป้นวงตระหง่าน อยู่ที่ระว้างลำขาอ่อนอวบงามที่แนบกันชิดจนปราศจากช่องว่าง
ลำลึงค์ ชูชันของไกรวิทย์ผงกตัวขึ้นจากความตื่นตัวในภาพเปลือยหญิงสาวผู้งดงามราวนาง ฟ้า ที่แม้จะร่วมรักกับร่างงามนี้มานับไม่ถ้วน แต่ด้วยปราณแห่งเทวนารีที่ก่อเกิดจากกาฬปราณ..ร่างนั้นยังคงดูราวกับเมวนารี ผู้บริสุทธิ์สูงส่งไม่เปลี่ยนแปลง กลีบเนื้ออวบอิ่มของสองแคมยังคงประชิดกันแน่น ไรขนบางเบารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเหนือเนินรัก ยิ่งเพิ่มความงามให้กับเนินนูนจนไกรวิทย์ต้องเอมมือไปลูบไล้ความเปล่งปลั่ง เบื้องหน้าอย่างแผ่วเบา
‘อืมห์…..อุ๊ย’
Image
เซี่ยว เล้งส่งกระแสจิตออกมาเบาๆ เมื่อสติที่ขาดหายไปหลังถูกผลกระทบจากการรวมปฐฒธาตุศักดิ์สิทธิ์แทรกเข้าสู่ จิตทำให้ความเสียวสุดยอดพลุ่งเข้าสู่ร่างกายจนสิ้นสติไปพร้อมกับ รินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี จานีส ปณิตา และเรอินะ…ดวงตาเรียวยาวสุกใสของหญิงสาวค่อยๆ เปิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกถึงการสัมผัสเนินรักที่ไวต่อความรู้สึก จนต้องร้องอุทานออกมาเบาๆ
‘เซี่ยวเล้งของพี่รู้สึกตัวแล้ว…’
ไกร วิทย์ส่งจิตไปยังหญิงสาวเบาๆ ขณะที่ร่างงามพยายามยันตัวลุกขึ้นแต่กลับถูกไกรวิทย์ดโน้มตัวลงทาบทับเอาไว้ พร้อมกับซุกศรีษะลงกับซอกคอหอมกรุ่น
‘อื๋ย…พี่เอ……หีเซี่ยวเล้งเปียกอีกแล้ว…พี่เอต้องการเย็ดเซี่ยวเล้งใช่ไหม….’
‘เชี่ยว เล้งก็รู้…เมื่อใดพี่เข้าใกล้เทวนารีผู้สูงสง่าแห่งราศีมังกร พี่ไม่มีทางอดใจชิมความหอมหวานของร่างกายนี้ได้เลยสักครั้งเดียว…’
สอง แขนเรียวงามขาวผ่องราวงาช้างของเซี่ยวเล้งโอบรอบคอไกรวิทย์แน่น ปล่อยให้มือซุกซนของชายผู้เป็นที่รักแทรกผ่านระหว่างสองแคมเบื้องล่างที่ กำลังหลั่งน้ำใสหอมหวานออกมาเป้นสาย สองขาแยกออกจากกันเปิดทางให้ไกรวิทย์พลิกร่างเขาอยู่ระหว่างท่อนขาอวบทั้ง สอง และจ่อปลายแก่นเนื้อเข้ากลางร่องรักที่ฉ่ำเยิ้มนั้น
‘พี่เอล้อ เซี่ยวเล้งทุกครั้งที่จะเริ่มเย็ดทุกที …ซีดส์….เซี่ยวเล้งบอกพี่เอกี่ครั้งแล้วว่าเซี่ยวเล้งไม่ปรารถนาชื่อ นั้นอีกต่อไปแล้ว….อูว์…ยะ ใหย่จัง…คับไปหมดเลยพี่เอ…’
เซี่ยว เล้งส่งจิตตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็ต้องอุทานออกมาอย่างลืมตัวเมื่อรับรู้ว่าแก่นเนื้อของไกรวิทย์ได้แทรก ผ่านสองแคมเข้ามาในร่าง ด้วยขนาดที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าแก่นกายที่คุ้นเคย…แต่การเริ่มกระเด้าของ ไกรวิทย์ที่ส่งความยาวของแก่นกายแหวกหลืบรักเข้าไปจนสุดทาง ทำให้เซี่ยวเล้งต้องล้มเลิกความสงสัยเรื่องขนาด และยกสะโพกรับการกระเด้าอย่างลืมตัว
‘ภาพของเซี่ยวเล้งที่มอบ พรหมจรรย์ให้พี่กลางอากาศในนิวาศมังกรยังคงติดอยู่ในความทรงจำพี่เสมอ…จะ ให้พี่ลืมเวลาที่ควยพี่ผ่านพรหมจรรย์อันสูงค่าของเซี่ยวเล้งได้อย่างไรกัน. ยิ่งตอนนี้…ซีดส์…หีของเซี่ยวเล้งยังคงบีบรัดพี่ควยพี่ไม่ต่างกับครั้ง นั้นแม้แต่น้อย…’’
ไกรวิทย์ส่งจิตแผ่วเบาแฝงน้ำเสียงหยอกล้อไปยัง อดีตเทวนารีแห่งราศีมังกร ที่แม้จะบ่นกับการหยอกล้อของไกรวิทย์ แต่สะโพกหญิงสาวก็กระเด้าตอบจังหวะเคลื่อนไหวแก่นกายไกรวิทย์อย่างไม่หวาด หวั่น…
‘โอย…พี่เอ….ควยพี่เอเบียดแตดเซี่ยวเล้งจนเซี่ยวเล้งจะขาดใจแล้ว…มันเสียวไปหมด…’
‘แล้วมังกรน้อยของพี่ไม่ชอบหรืออย่างไร…’
ไกร วิทย์ขบกรามสกัดกั้นความเสียวให้ยาวออกไปอย่างยากเย็น แต่ดูเหมือนแรงกระชับบีบเคล้นภายในหลือบรักเซี่ยวเล้งจะไม่ยอมแพ้ ทุกส่วนของแก่นเนื้อถูกบีบรัดเป็นจังหวะด้วยพลังมหาศาลที่หากเป็นแก่นกายของ มนุษย์เพศชายธรรมดาแล้ว แรงบดอัดนี้คงทำให้ลำลึงค์นั้นแหลกเหลวได้ในชั่วอึดใจ แต่สำหรับไกรวิทย์ผู้ครอบครองปราณแห่งเทพเจ้าแล้ว นี่คือความสุขสุดยอดที่มนุษย์ไม่มีวันได้เสพรับอย่างแน่นอน
‘ชะ… ชอบสิพี่เอ…พี่เอทำให้เซี่ยวเล้งเป็นหญิงร่านควยไปแล้วรู้ไหม….อ๊า….. โอย…พี่เอส่ายควยคว้านหีเซี่ยวเล้งเป็นวงแบบนี้…เซี่ยวเล้งจะไม่ไหว แล้ว…’
‘พี่เองก็จะทนไม่ไหวแล้ว…หีเซี่ยวเล้งทั้งแน่นทั้งบด เคล้นควยพี่ …ไม่เปลี่ยนแปลงจากหีของเทวนารีราศีมังกรแห่งอาณาจักรปราณ ผู้เป็นขุนพลเคียงข้างมหาเทพและเป็นนำเหล่าเทวนารีเข้าสู้ศึกทุกครั้ง….อู ย..’
‘พะ พี่เอหมายถึงผู้ใด…..เซี่ยวเล้ง…ซีดส์…ไม่เคยนำทัพ….เซี่ยวเล้ง….อ๊าวส์’
อดีต เทวนารีแห่งราศรีมังกรพยายามถามออกมาอย่างกระท่อนกระแท่นเมื่อได้รับจิตส่ง ข้อความแปลกประหลาดจากไกรวิทย์ แต่ความเสียวที่ระดมขึ้นสู่ร่างทำให้หญิงสาวต้องปล่อยใจกายให้เข้าสู่จุดสุด ยอดโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ พร้อมกับที่ไกรวิทย์สะท้านไปทั่วร่างเมื่อน้ำรักระเบิดออกจากแก่นกายอัดเข้า สู่หลืบรักเซี่ยวเล้งเป็นสาย กระแสปราณจากร่างไกรวิทย์ผ่านเข้าสู่ร่างเซี่ยวเล้งหมุนวนรอบแล้วรอบเล่าตาม เส้นทางโคจรจักรปราณ ปรับเปลี่ยนและหลอมรวมกาฬปราณเดิมที่อยู่ในร่างหญิงสาวจนเปี่ยมล้น
‘พี่เอ…ปราณนี้คืออะไร …มันอบอุ่นเต็มไปด้วยพลังงานราวกับไม่รู้จบ….แล้วเมื่อครู่นี้พี่เอหมายถึงเทวนารีนางใด’
‘พี่ หาได้หมายถึงผู้อื่นไม่ ….. มีแต่เซี่ยวเล้งผู้เดียวเท่านั้นที่เคียงข้างพี่มาตลอดในยามศึก และเป็นผู้นำทัพแห่งเหล่าเทวนารีด้วยพลังมังกรวิบัติที่เกรี้ยวกราดรุนแรง ไร้ผู้ต้านทาน เทวนารีทั้งหลายล้วนรู้ดีว่ายามใดที่เซี่ยวเล้งออกนำทัพ..ทุกคนจะกลับมา พร้อมชัยชนะ…..เป็นเช่นนั้นเสมอมาใช่หรือไม่มังกรน้อย’
ไกรวิทย์ ส่งจิตนุ่มนวลไปยังหญิงสาวผู้กำลังอยู่ในภาวะงุนงงทั้งจากกระแสปราณที่หลั่ง ไหลเข้าสู่ร่าง และถ้อยคำแปลกประหลาดที่ไกรวิทย์ส่งออกมา แต่เซี่ยวเล้งก็ต้องสะท้านใจอย่างรุนแรงเมื่อเสียงลึกลับที่เคยก่อตัวขึ้นใน จิตกลับดังขึ้นอีกครั้ง
‘นายท่าน…มังกรน้อยจำได้ดีทุกประการ…ไม่ว่าศึกใดมังกรน้อยจะออกศึกเคียงข้างนายท่านจนกว่าจิตวิญญาณแห่งมังกรจะสูญสลาย…’
‘พี่เอ..พี่กำลังส่งจิตกับผู้ใด…เสียงสตรีนางนั้นพูดกับพี่หรือ…’
‘เซี่ยว เล้งจงฟัง….มังกรน้อยจงฟัง …. สำรวมจิตให้มั่นในจักร ถึงเวลาแล้วที่เซี่ยวเล้งจะต้องตื่นขึ้นมาเคียงข้างพี่ดังที่เคยเป็นและจะ เป็นต่อไปชั่วนิรันดร์…’
จิตที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจราวเทพเจ้าของไกร วิทย์ส่งออกไป ทำให้เซี่ยวเล้งสะท้านใจอย่างรุนแรงแต่ด้วยความเชื่อมั่นในตัวสามีผู้เป็น ที่รัก หญิงสาวผนึกจิตในจักรปราณตามคำสั่งโดยไม่ลังเล พริบตานั้นปรารและจิตของอดีตธอิดามังกรฟ้าก็ถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่างไกรวิทย์ โคจรตามการชักนำผนึกปราณจิตเข้ากับปราณแห่งปฐมธาตุทั้งสี่ หลอมละลายจิตแห่งความทรงจำรวมกับจิตแห่งชีวิตอย่างสมบูรณ์ ก่อนเคลื่อนกลับสู่ร่าง
‘นายท่าน…เซี่ยวเล้ง….คือ…คือ…..ในที่สุดเซี่ยวเล้งก็รู้แล้ว…’
จิต ที่เปี่ยมด้วยความตื่นเต้นยินดีของเซี่ยวเล้งส่งออกมายังไกรวิทย์ ที่กำลังลูบไล้เรือนผมยาวสลวยของเซี่ยวเล้งอย่างทะนุถนอม ก่อนส่งจิตตอบอย่างนุ่มนวล
‘เซี่ยวเล้งอย่าเรียกพี่ว่านายท่านตามที่ เคยใช้ในมหาอาณาจักรปราณเลย ชาติภพนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้น จงเรียกพี่ดังเช่นที่เซี่ยวเล้งเคยเรียก…นั่นจะเหมาะสมกว่ามากนัก…’
‘เซี่ยว เล้งเข้าใจและรับจะปฏิบัติตามบัญชาแห่งมหาเทพ ไม่ใช่สิ…พี่เอ… ว่าแต่ปราณที่พี่เอถ่ายทอดให้เซี่ยวเล้งนั้นเป็นปราณที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง อย่างที่เซี่ยวเล้งไม่เคยประสบมาก่อน…นี่คือปราณอันเกิดจากการผนึกรวมของ ปฐมธาตุใช่หรือไม่…’
ไกรวิทย์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจูบริมฝีปากนุ่มเนียนแนบแน่น และส่งจิตที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจกลับไป
‘ใน ส่วนของวิชาปราณและการต่อสู้ ไม่มีสิ่งใดปิดบังขุนพลหญิงคู่ใจของพี่ได้เลย…ถูกต้องแล้วนี่คือปราณอัน ก่อเกิดจากอึทกเทพ อุทกมาร วารีนาคราช ที่ผสานรวมกันโดยอำนาจแห่งธารอสุระ นี่คือกาฬปราณที่สมบูรณ์ของมหาเทพวิรุณปักขะ’
‘เซี่ยวเล้งยินดีกับ พี่เอด้วย เช่นนี้หมายความว่าน้องพิมมอบพรหมจารีย์ให้พี่เอแล้ว…ถ้าเช่นนั้นคนอื่น ตอนนี้อยู่ที่ใด….อ้อ…เซี่ยวเล้งรู้แล้ว…ในเมื่อมหาเทพวิรุณปักขะกลับ สู่ที่พำนัก..เหล่าเทวนารีทุกนางก็ต้องรองรับควยแห่งมหาเทพพร้อมกัน นี่เป็นกฏแห่งจักรราศรีที่เหล่าเทวนารีทุกนางยินดีที่จะปฏิบัติอย่าง ยิ่ง….’
ไกรวิทย์สอดมือเข้ากุมเต้าเต่งทั้งคู่ของเซี่ยวเล้งเอาไว้ ขณะยกสะโพกขึ้นช้าๆ แล้วปล่อยกลับลงไปจนแก่นเนื้อมุดเข้าสู่ความอบอุ่นรัดรึงของหลืบเนื้อแห่งเท วนารีอีกครั้ง
‘แล้วขุนพลหญิงของพี่ยินดีจะปฏิบัติตามอีกครั้งหรือไม่….’
‘อูว์….หากเป็นบัญชาแห่งมหาเทพ..เซี่ยว…เซี่ยวเล้ง…จะหลีกเลี่ยงอย่างไรได้…โอ๊วส์….’
————————————-
ใบ หน้าที่ผสมผสานระหว่างความหวานสดใสแบบสาวจีนกับความงามคมเข้มแบบสาวไทยแท้ๆ อมยิ้มน้อยๆ เมื่อไกรวิทย์วางร่างเพรียวงามสมส่วนลงบนฟูกที่นอนในห้องส่วนตัวของหญิงสาว ผู้ผสานดวงจิตสองดวงไว้ในร่างเดียวกัน บอกให้รู้ว่าสติได้กลับคืนสู่หญิงสาวเรียบร้อยแล้วแต่ยังคงแสร้งทำเป็นหมด สติเพื่อปล่อยให้ไกรวิทย์อุ้มเข้ามาในห้อง แทนที่จะเดินเข้ามาด้วยตนเอง.. ดวงตาสุกใสเปิดขึ้นจับจ้องใบหน้าไกรวิทย์ก่อนยกมือขึ้นจี้หน้าผากชายหนุ่ม เบาๆ
‘พี่เออุ้มนิวแยกเข้ามาแบบนี้….ไม่กลัวว่าคนอื่นเขาจะอิจฉานิวหรอไง….’
ไกร วิทย์หัวเราะเบาๆ กับกริยาของปณิตาที่แม้ปกติจะดูเป็นนักทดลองค้นคว้าที่เคร่งขรึมจริงจังแต่ เมื่อใดก็ตามที่อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง กริยาของหญิงสาวก็จะเปลี่ยนไปเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาที่สนุกกับทุกสิ่งที่ เข้าในชีวิต ซึ่งไกรวิทย์รู้ดีว่านี่คือการผสมผสานลักษณะนิสัยของปาริชาติ หญิงสาวผู้เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนผู้เคร่งขรึมจริงจังเข้ากับนิสัยของหนู นิดน้องสาวบุญธรรมผู้ร่าเริง จนเกิดเป็นรูปแบบเฉพาะของตนเองขึ้นมา
‘ถ้า น้องนิวคิดว่าคนอื่นจะอิจฉา แสดงว่าน้องนิวเพิ่งรู้สึกตัวหลังจากที่พี่อุ้มเข้ามาในห้องนี้ใช่ไหม เพราะถ้าน้องนิวมีสติและรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากพี่หลอมรวมธารอสุระจาก น้องพิม น้องนิวจะไม่ถามแบบนี้แน่นอน….’
ดวงตาปณิตาทอประกายวูบอัน เป็นสัญญาณให้รู้ว่าหญิงสาวกำลังขบคิดประเด็นปัญหาอยู่ในสมอง ร่างเพรียวดิ้นรนหลุดพ้นจากอ้อมแขนไกรวิทย์ มานั่งลงขัดสมาธิบนฟูกขาวสะอาด ก่อนส่งจิตออกมาอย่างแง่งอน
‘พี่เอก็รู้ว่าหากพี่เอเปิดปมเป็นความ ลับแบบนี้ นิวไม่มีวันยอมให้พี่เอไปไหนทั้งสิ้นจนกว่าพี่เอจะบอกความจริงมาให้นิวรู้ …บอกนิวมาเดี๋ยวนี้นะว่าเหตุการณ์หลังจากพวกนิวสิ้นสติไปเป็นอย่างไร นิวจำได้แต่ว่าพี่เอเย็ดน้องพิมไม่ยั้ง จนพวกนิวต้องระงับความต้องการตัวเองอย่างเต็มที่ แต่กลับปรากฏกระแสพลังขุมหนึ่งกระจายออกมาจากร่างพี่เอกับน้องพิม พุ่งเข้าใส่จักรอัคคีของพวกนิว จนทุกคนถึงจุดยอดและสิ้นสติไปพร้อมกัน….’
ไกรวิทย์ทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างหญิงสาวผู้กำลังแสดงท่าทีแง่งอน แล้วดึงร่างงามนั้นเข้ามากอดไว้เบาๆ
‘สิ่ง ที่เกิดขึ้นก็คือพี่สามารถหลอมรวมปฐมธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เข้ากับปราณใน ร่าง ผลักดันให้พี่พ้นขอบเขตมนุษย์เข้าสู่เทวะ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือจิตแห่งเทวนารีทั้งสี่ที่หลับใหลอยู่ในร่างของร้อง ริน น้องกิฟท์ น้องทิพย์ น้องพิม ได้ตื่นขึ้นมาหลอมรวมกับน้องทั้งสี่แล้ว….’
‘จิตแห่งเทวนารี…นั่นคืออะไรพี่เอ…ถ้านิวเข้าใจไม่ผิด นั่นคือเสียงที่เรียกตนเองว่าแฝดน้อยที่นิวเคยได้ยินใช่หรือไม่…’
ไกร วิทย์อดชื่นชมกับความฉับไวในการวิเคราะห์เหตุผลมาเป็นข้อสรุปของปณิตาไม่ได้ เพราะเพียงตำพูดเพียงประโยคเดียวหญิงสาวก็สามารถตีความขยายออกไปถึงข้อเท็จ จริงได้อย่างรวดเร็ว
‘น้องนิวเข้าใจถูกแล้ว น้องริน น้องกิฟท์ น้องทิพย์ และน้องพิม ล้วนมีจิตแห่งความทรงจำของเหล่าเทวนารีในมหาอาณาจักรปราณสถิตย์อยู่ เช่นเดียวกับเซ่ยวเล้ง จานีส เรอินะ และน้องนิวเอง… แต่จิตทั้งสี่นั้นถูกักไว้เพื่อเปิดทางให้ปฐมธาตุที่ถูกฝังไว้นางแห่งชีวิต เมื่อหมื่นปีก่อนได้เติบโต และเมื่อพี่รับปฐามธาตุเข้ามารวมกับปราณแล้ว พี่จึงสามารถสางปราณเข่สู่ร่างพวกน้องริน น้องพิฟท์ น้องทิพย์ และน้องพิม เพื่อสลายพลังแห่งธาตุในร่างและแทนที่ด้วยปราณจากพี่ ทำให้จิตแห่งเทวนารีนั้นสามารถผสมผสานกับจิตแห่งชีวิต ก่อกำเนิดเทวนารีขึ้นมาโดยสมบูรณ์….’
‘พี่เอ..คำว่าโดยสมบูรณ์หมาย ความว่าพวกพี่ริน พี่กิฟท์ ทิพย์ และน้องพิม ต่างสูญจิตไปโดยมีจิตแห่งเทวนารีเข้ามาแทนที่หรือ อย่างนั้นน่ากลัวไปแล้ว พี่เอยอมให้เกิดขึ้นได้อย่างไร…นิว…อืมห์…’
จิตที่แฝงความโกรธ อย่างรุนแรงของปณิตาแผ่ออกมายังไกรวิทย์ในทันทีที่ได้รับรู้ว่าจิตแห่งเทวนา รีโบราณเข้าผนึกกับจิตของรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และพิมพ์มาดา แต่จิตนั้นก็ต้องชะงักลงกลางคันเมื่อไกรวิทย์จูบปากน้อยๆ นั้นอย่างหนักพร้อมกับกดร่างหญิงสาวให้นอนเหยียดยาวลงบนฟูก ก่อนส่งจิตปลอบประโลมแผ่วเบา…
‘น้องนิวเข้าใจผิด…น้องรินก็ยัง เป็นน้องริน เช่นเดียวกับน้องกิฟท์ น้องทิพย์ และน้องพิม จิตแห่งเทวนารีนั้นสามารถแยกออกเป็นสองส่วน จิตแห่งความทรงจำนั้นเป็นอมตะ ผนึกอยู่ในจิตแห่งชีวิตที่ผ่านการเวียนว่ายตามชาติภพ…เช่นเดียวกับจิตแห่ง เทวนารีราศีเมถุนแห่งมหาอาณาจักปราณก็สถิตย์อยู่กับนิวมาตั้งแต่หมื่นปีก่อน เช่นกัน…การรวมจิตทั้งสองจึงไม่ใช่การสูญเสียตัวตน แต่เป็นตื่นขึ้นของตัวตนที่แท้จริงต่างหาก…’
‘แล้วพี่เอ…ตอนนี้…’
จิตปณิตาที่คลายความตึงเครียดลงหลังจากได้รับคำอธิบาย ส่งออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแฝงความสงสัยไว้อย่างเต็มเปี่ยม….
‘ตอน นี้พี่ก็คือพี่เอของน้องนิว และพี่ก็คือเทพวิรุณปักขะแห่งมหาอาณาจักรปราณ พี่รับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาทุกชาติภพ จิตแห่งชีวิตของน้องนิวกับพี่ผูกพันกันมานับไม่ถ้วนภพ บางครั้งพวกเราก็เป็นสมีภรรยาที่รักกันตลอดชีวิต บางครั้งพวกเราก็กลับเกิดเป็นพี่น้อง บางครั้งพวกเราเกิดเป็นพ่อลูก บางครั้งก็เป็นศัตรู แต่ทุกชาติภาพพวกเราต่างไม่สามารถต้านทานความรักที่ฝังลึกในจิตได้ ทำให้ทุกชาติภพพวกเราต้องใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องเย็ดกันโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลหรือประเพณีใดๆ ทั้งสิ้น…’
‘แล้วพวกพี่ริน พี่กิฟท์ ทิพย์ น้องพิม พี่เซี่ยวเล้ง พี่จานีส เรอินะ ล่ะพี่เอ…ทุกคนใช้ชีวิตร่วมกับเราไหม..อืมห์’
จิต ปณิตาส่งออกมาเบาๆ ราวกับกำลังเคลิ้มฝันไปกับจินตนาการที่เกิดจากคำบอกเล่าของไกรวิทย์ ร่างงามเริ่มบิดส่ายและส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เมื่อหน้าอกเต่งตึงถูกมือไกรวิทย์ลอดผ่านชายผ้าบางเบาเข้าเคล้นคลึงความนุ่ม หยุ่นเอาไว้ทั้งเต้า แต่จิตของหญิงสาวสยังคงพยายามส่งคำถามออกไปตามลักษณะนิสัยที่ต้องการเรียน รู้ทุกสิ่ง…
‘ชาติภพที่ผ่านมา บางชาติภพพี่ก็ได้อยู่กับพวกเราคนใดคนหนึ่ง บางชาติภพก็ได้เย็ดและใช้ชีวิตร่วมกันสามหรือสี่คนพร้อมกัน….แต่ไม่เคยมี ชาติภพใดที่เทวนารีทั้งสิบสองกับพี่จะได้เกิดมาพร้อมกันและใช้ชีวิตร่วมกัน …. มีแต่ภพนี้เท่านั้นที่ทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดที่สุด พี่ได้กำเนิดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเทวนารีทั้งสิบสองนาง ….’
‘พวกเราทั้งแปดล้วนเป็นเทวนารีหรือพี่เอ…แล้วอีกสี่นางอยู่ที่ใด…อื๋ย…พี่เอ…นิว..สะ เสียว..’
ไกร วิทย์เลื่อนมือไปปลดปมผ้าที่หัวไหล่ของปณิตาก่อนดึงผืนผ้าบางเบาออกจากร่าง ปล่อยให้ทรงอกเต่งเต้าทั้งสองอวดความงามอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง หัวนมน้อยๆ แข็งตัวชูชันเมื่อฝ่ามือไกรวิทย์เคล้นนคลึงสองเต้าเต่งไปมา ก่อนจะถอนจูบและเลื่อนลงมาลิ้มชมรสหอมหวานของทรวงอกงาม
‘พี่เองก็ยัง ไม่รู้ว่าพวกนางอยู่ที่ใด เพราะจิตแห่งความทรงจำในร่างพวกนางยังไม่ตื่นขึ้น แต่พี่รู้ว่าด้วยชะตาที่กำหนด พวกเราจะพบพวกนางทั้งสี่ในอีกไม่นานนัก….’
‘ซีดส์…อูย…นิว..สะเสียว…..พี่เอ…ยะ อย่างนี้นิวจะต้องรวมจิตกับจิตแห่งเทวนารี..ใช่ไหม….นะ นิว ต้อง..ทะ ทำอย่างไร….’
มือ ไกรวิทย์เลื่อนไล้ผ่านลานหน้าท้องเรียบลเนียนลงไปยังเนินรักโหนกนูนเบื้อง ล่าง นิ้วเกลี่ยติ่งเสียวที่ซ่อนอยู่ในพงขนนุ่มมือของหญิงสาวจนน้ำหล่อลื่นหอมใส หลั่งรินออกมาจากสองแคมเนืองนอง…ร่างงามบิดไปมาราวกับได้รับความเจ็บปวด อย่างแสนสาหัส แต่สะโพกนั้นก็ยกตัวขึ้นบดเบียดการรุกรานของนิ้วราวกับต้องการให้มันแทรก เข้าไปสู่ความหนึบแน่นภายในโดยเร็วที่สุด
‘นิวไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยใจตามความต้องการ จงไว้ใจพี่ …’
‘นิวไว้ใจ…พะ พี่เอ….โอ๊วส์’
จิต ปณิตาส่งเสียงครางออกมาเมื่อรับรู้ว่าร่างเปลือยของไกรวิทย์ได้ยกขึ้นทาบทับ แก่นกายเครียดเขม็งถูกจ่อเข้ากับสองแคมรักอวบอิ่ม ก่อนกดวูบดำดิ่งลงสู่ความแน่นหนึบของร่องรักช้าๆ แต่ต่อเนื่องไปจนสุดความยาวในคราวเดียว…
‘คะ คะ ควยพี่เอ…ยะ ..ยะ ..มัน ใหญ่..ใหญ่…แน่นไปหมดแล้ว….’
ปณิ ตาครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อรับรู้ว่าแก่นเนื้อที่แทรกเข้าสู่ร่างนั้น เพิ่มขนาดจากร่องรักเคยรับรู้ สองแคมอวบขยายตัวรับการรุกรานอย่างเต็มที่ แต่ความคับแน่นของหลืบรักก็ทำให้แก่นกายไกรวิทย์ต้องค่อยๆ ขยับตัวขึ้นลงอย่างช้าๆ
‘หีน้องนิวแน่นจนพี่แทบกระเด้าไม่ได้เลยนะ….ซีดส์…’
‘ก็..คะ ควยพี่เอ…มัน ใหญ่ขึ้น…หีนิวจะฉีกหรือเปล่าก็ไม่รู้….ทะ ทำไมมันเป็นแบบนี้…’
‘การ ผสานจิตแห่งชีวิตกับจิตแห่งความทรงจำ ทำให้ร่างกายพี่กลับสู่ร่างที่แท้จริงของเทพวิรุณปักขะ นี่คือควยที่แท้จริงของมหาเทพ…น้องนิวล่ะ..ชอบมันไหม….อูย…’
‘โอย…ขอให้เป็นควยของพี่แอ….นิว…ชะ ชะ ชอบทั้งนั้น….แต่มัน มัน แน่นไปถึงหน้าท้องเลย….อ๊าย…’
Image
จิต ปณิตาครางออกมาด้วยความเสียวที่กระจายไปทั่วร่าง…เมื่อไกรวิทย์พลิกร่าง เพรียวงามกลับมาอยู่ท่าตะแคงข้าง มือชายหนุ่มช้อนเข้าใต้ขาพับซ้ายแล้วยกขึ้นสูงไปจนเบียดแน่นกับทรวงอก ทำให้เนินรักยิ่งแอ่นโค้งรับการกระเด้าที่เพิ่มความถี่ขึ้นตลอดเวลา แต่ดูเหมือนณิตาจะลืมความคับแน่นที่เกิดขึ้นไปอย่างสิ้นเชิง สองแขนขาวผ่องเกร็งตัวกอดรอบคอไกรวิทย์ไว้แน่น พร้อมแอ่นสะโพกรับการกระเด้านั้นโดยปราศจากความกลัวเกรง….ความเสียวพลุ่ง พล่านไปทั่งร่างกายหญิงสาว ดวงตางามปิดแน่น ริมฝีปากน้อยๆ กัดเข้าหากันอย่างแรง..ขณะจิตส่งเสียงครางกระเส่า
‘โอย….พี่เอ….ระ เร่งอีก ไม่ต้องกลัวนิวเจ็บ….มัน สะ เสียว…..มัน จะ จะ…..ไป…แล้วววววววว’
‘พี่ก็…ไม่ไหวแล้ว…อาห์….’
ร่าง ทั้งสองที่ตะแคงอยู่บนเตียงอัดสะโพกเข้าหากันเป็นครั้งสุดท้าย น้ำรักกระฉูดออกจากแก่นกายไกรวิทย์หลั่งไหลเข้าสู่มดลูกปณิตาพร้อมกับกระแส ปราณที่ถ่ายทอดเข้าไปสู่ร่าง…พลังปราณมหาศาลอย่าที่ปณิตาไม่เคยพบพานมา ก่อนหลั่งไหลเข้าสู่จักรปราณในร่าง ไหลเวียนไปตามเส้นทางปราณรอบแล้วรอบเล่า…ก่อนที่ปราณนั้นจะผลักดันจิตปณิ ตาให้เข้ารวมตัวที่จักรพสุธาพร้อมกับจิตที่อ่อนโยนของไกรวิทย์ดังขึ้น
‘น้องนิว….แฝดน้อย…เจ้าพร้อมแล้วหรือไม่
‘นายท่าน แฝดน้อยรับรู้การสนทนาของนายท่านกับปณิตามาตลอด แฝดน้อยพร้อมแล้ว…’
‘ท่าน…ท่านคือจิตแห่งเทวนารีใช่หรือไม่…’
‘เรา คือจิตแห่งเทวนารี…เช่นเดียวกับที่เราคือปณิตา…หากปราศจากจิตทั้งสอง ก็จะไร้ซึ่งตัวคนที่แท้จริงของเรา….อย่าเกรงกลัวอันใด…จิตทั้งสองนี้แยก จากกันมาหมื่นปีแล้ว..บัดนี้ควรที่เราจะกลับมาเป็นหนึ่งเดียว เป็นเทวนารีแห่งรารีเมถุนผุ้เป็ยบาทจาริกาแห่งมหาเทพวิรุณปักขะ…
’
‘ถ้าเช่นนั้น…พี่เอ….นิวพร้อมแล้ว…’
จิต ทั้งสองในร่างปณิตารับรู้การสนทนาระหว่างกันเป็นครั้งแรก จิตปณิตาพลันสงบลงปล่อยให้ลมปราณไกรวิทย์ชักจูงดวงจิตทั้งสองออกจากร่าง เข้าผสานเป็นหนึ่งเดียว ก่อนที่จะส่งกลับเข้าสู่ร่างหญิงสาวอีกครั้งหนึ่ง….
ดวงตางามของ ปณิตาเปิดขึ้นด้วยประกายตาเจิดจ้าแวววับ จับจ้องดวงตาไกรวิทย์ที่เบื้องหน้า ริมฝีปากน้อยๆ ยื่นเข้ามาจูบปากไกรวิทย์อย่างนุ่มนวล ขณะส่งจิตที่เปี่ยมด้วยความยินดีออกมา
‘พี่เอ นิวเข้าใจทุกสิ่งแล้ว….นี่เองคือตัวตนที่แท้จริงของนิวที่แยกจากกันมานาน แสนนาน ความทรงจำทั้งหมดกลับคืนสู่จิต…นิวรู้แล้วว่าชีวิตของนิวและพี่เอนั้น ผูกพันกันตลอดมา….และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป…’
‘ถ้าเช่นนั้นน้องนิวของพี่จะสร้างความคุ้นเคยกับควยที่ห่างกันไปนานนับหมื่นปีนี้หรือไม่…’
รอย ยิ้มแจ่มใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าปณิตา สะโพกครัดเคร่งขยับตัวออกห่างจากแก่นกายไกรวิทย์ที่ยังคงฝังแน่นอยู่ภายใน จนหัวบานเกือบหลุดออกจากสองแคม หญิงสาวสูดลมหายใจลึกยาวก่อนดันสะโพกกลืนกินแก่นเนื้อเข้าไปอีกครั้งจนเข้า ไปฝังแน่นอยู่ภายใน และขยับเข้าออกเบาๆ ขณะจิตที่เต็มไปด้วยความยินดีถูกส่งมายังไกรวิทย์
‘ถึงท่านมหาเทพของนิวจะขอหยุด…เทวนารีผู้ต่ำต้อยคนนี้คงไม่สามารถปล่อยให้ควยพี่เอหลุดไปจากหีนิวได้หรอก…’
————————————–
เรือน ร่างเพรียวงามของอดีตเทวนารีแห่งจักราศีธนูทอดร่างเปล่าเปลือยสงบนิ่งอยู่บน ฟูกนอนขาวสะอาด วงหน้างามคมคายที่รับกับเรือนผมสั้นเมื่อประกอบกับทรวงอกคู่น้อยที่ชูช่อบน โครงร่างที่ดูปราดเปรียวแน่นไปกล้ามเนื้อแข็งแรง สะโพกที่เต่งตึงแต่ยังไม่ผลิบานผายออกเต็มที่ทำให้เกิดเป็นภาพหญิงสาวที่ดู คล้ายเด็กชายมากกว่าเทวนารีทุกคน แต่เนินรักโหนกนูนที่ประดับอยู่กึ่งกลางนั้นกลับเต็มไปด้วยเลือดเนื้อเปล่ง ปลั่ง แคมทั้งสองเป็นสีชมพูระเรื่อประกบแนบร่องรักไว้แน่นสนิท ไรขนบางเขาประดับประปรายอยู่ตามขอบแคมรัก กลับเป็นภาพความงามแห่งอวัยวะเพศสตรีที่สามารถกระตุ้นให้ชายทุกคนที่พบเห็น เกิดความต้องการที่จะเป็นเจ้าของเนินรักนี้ โดยไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของตนเองได้อย่างแน่นอน แก่นกายไกรวิทย์ผงกตัวทันทีที่ปลดเปลื้องอาภรณ์บางเบาออกจากร่างที่สิ้นสติ ด้วยความเสียวสุดยอดของเรอินะ ผิวกายขาวปนชมพูของเด็กสาวผู้มีเชื้อชาติชาวญี่ปุ่นทำให้ไกรวิทย์ต้องเลื่อน ไล้มือไปตามผิวกายที่เนียบนนุ่มนั้นตามแรงปรารถนา แต่ดูเหมือนสัมผัสนั้นจะไม่สามารถปลุกสติเรอินะให้กลับเข้าสู่ร่างได้
ไกร วิทย์อมยิ้มน้อยๆ เมื่อตระหนักได้ว่าหญิงสาวเยาว์วัยเบื้องหน้านี้เพิ่งสูญเสียพรหมจรรย์เมื่อ ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ประสบการรณ์รักที่อ่อนด้อยกว่าหญิงสาวทุกคนในบ้านคชสีห์ ทำให้ร่างนี้ไม่สามารถต้านทานความรุนแรงของความต้องการทางเพศที่ถูกปลุกเร้า จากผลึกมังกรอัคคี และการถูกกระตุ้นจากพลังที่กระจายออกร่างไกรวิทย์ระหว่างการผสานปฐมธาตุศัก สิทธิ์ได้ จนทำให้ประสาทที่ไวต่อการสัมผาเหนือมนุษย์ธรรมดาหลายเท่าของเทวนารี ไม่สามารถถูกปลุกได้ด้วยการสัมผัสทางผิวกายอย่างอ่อนโยนเช่นที่ไกรวิทย์ กำลังกระทำอยู่
หลายน้ำใสเริ่ม้เอ่อซึมออกมาจากร่องรักงดงงามของเรอิ นะ ในทันที่ที่ความต้องการของไกรวิทย์พลุ่งพล่านขึ้นมาเรียกร้องการร่วมรัก ร่างปราดเปรียวบิดส่ายไปมาตามสัญชาติญาณความต้องการที่เกิดขึ้นแม้เจ้าของ ร่างจะยังไม่ได้สติอยู่ก็ตาม ไกรวิทย์เลื่อนไล้มือลงต่ำไปยังโหนกนูนตระหว่านเบื้องล่าง ลูบไล้ความหยุ่นแน่นของสองแคมรักด้วยหัวใจเต้นระทึก ปลายนิ้วชี้สัมผัสเน้นกับติ่งเสียวเม็ดน้อยที่แข็งตัวขึ้นในทันทีที่ ถูกกระทบจากภายนอก….
‘เอ๊ะ…ใคร…บังอาจนัก’
ทันทีที่ไกร วิทย์เน้นน้ำหนักบี้คลึงติ่งเสียว ประสาทสัมผัสที่ละเอียดอ่อนสุดยอดของเรอินะ ก็ปลุกสติให้กลับคืนสู่ร่างในทันที ปราณในร่างโคจรแผ่ซ่านออกไปทั่วเมื่อร่างกายรับรู้ว่าอวัยวะลี้ลับของตนเอง กำลังถูกสัมผัสจากภายนอก ร่างปราดเปรียวทะยานลอยขึ้นจากพื้นฟูก ประกายแสงสองสายแผ่พุ่งออกจากฝ่ามือก่อเป็นธนูพิฆาตปราณที่พร้อมจะปล่อยออก ได้ในทันที….
‘เอ๊ะ…พี่เอ…นี่ นี่…เรอินะ…’
จิตเร อินะถูกส่งออกมาอย่างงุนงงเมื่อพบว่าร่างกำลังลอยตัวอยู่กลางห้องว่างที่ เมื่อครู่ตนเองได้เลือกเป็นห้องส่วนตัว…และเบื้องล่างบนพื้นฟูกหนานุ่ม ร่างเปลือยของไกรวิทย์ผุดลุกขึ้นยืนตระหง่าน ดวงตาชายหนุ่มส่งประกายระยิบระยับราวกับขบขันมในปฏิกริยาตอบสนองของเรอินะ ที่เกิดขึ้นทันทีหลังจุดดเสียนที่ไวต่อความรู้สึกที่สุดถูกสัมผัส
‘เรอินะของพี่ขี้เซาจริงๆ ….’
‘บ้า…พี่เอนี่…ก็เรอินะตกใจนี่นา อยู่ดีๆ ก็มาบี้แตดเรอินะแบบนี้…’
อดีต เทวนารีแห่งราศีธนูส่งจิตกลับมาอย่างแง่งอน ขณะสลายธนูแสงในมือแล้วผ่อนร่างลอยลงมายืนเคียงข้างไกรวิทย์ ดวงหน้างามขาวผ่องซ่านไปด้วยสีแดงจัดเมื่อรับรู้ว่าแก่นกายไกรวิทย์กำลังชู ชัน และแผ่พลังความต้องการออกมาจนร่างกายหญิงสาวต้องสนองรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ ได้ ไกรวิทย์ยิ้มให้หญิงสาวอนย่างอ่อนโยน ขณะสวมกอดร่างงามไว้ในอ้อมแขนแล้วทรุดร่างลงนั่งพื้นฟูกโดยมีร่างของเรอินะ ปล่อยตัวตามแรงดึงลงมานั่งแนบข้าง
‘พะ พี่เอ…จะ ยะ เย็ดเรอินะ..อีกหรือ…อืมห์’
จิต สั่นสะท้านของเรอินะส่งออกมาอย่างเอียงอายขณะที่ไกรวิทย์ดึงร่างงามมากอดไว้ หลวมๆ และประทับจูบอบอุ่นลงบนริทฝีปากรูปกระจับอย่างนุ่มนวล
‘เทวนารีที่งดงามน่ารักเช่นเรอินะ…ใครจะอดใจไม่ลิ้มชิมความหอมหวานได้…’
‘แล้ว พี่เอเย็ดน้องพิมรับธารอสุระเสร็จแล้วหรือ…เรอินะถูกความเสียวระดมเข้า สมองจนสิ้นสติไป เลยไม่ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเลย….’
‘ทุกสิ่งสำเร็จแล้วด้วยดี….เรอินะไม่ต้องห่วงใดๆ ทั้งสิ้น….’
‘อูว์….พี่เอ…ช้าๆ ก่อนก็ได้…เรอินะพร้อมที่จะมอบร่างกายให้พี่เอทุกเวลา…แต่พี่เอคว้านรูหีแบบนี้เรอินะจะเป็นลมอยู่แล้ว…’
เร อินะส่งเสียงครญครางออกมาเบาๆ ราวกับจะห้ามปรามมื่อมือของไกรวิทย์เลื่อนลงไปลูบไล้เนินรักพร้อมกับส่งนิ้ว เข้าสู่ความฉ่ำชื้นในโตรกน้อยที่กำลังทะลักน้ำหล่อลื่นออกมาเนืองนอง…
‘หีเรอินะพร้อมขนาดนี้..จะรั้งรออยู่ทำไมกัน…’
‘อูย…พี่เอ….หีเรอินะสู้หีน้องพิมได้ไหม….’
ไกร วิทย์อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้..เมื่อได้รับคำถามของเรอินะ ความทรงจำแห่งมหาเทพวิรุณปักขะบอกให้รู้ว่านิสัยดื้อรั้นและต้องการเอาชนะ ของเรอินะที่แสดงออกมานั้น ไม่แตกต่างแม้แต่น้อยกับบุคลิกของเทวนารีราศีธนูของมหาอาณาจักรปราณใน อดีต…
‘หีเรอินะไม่มีวันแพ้ใครทั้งสิ้น….ข้อนี้พี่ยืนยัน…’
‘แล้วน้องพิมในร่างของเด็กหญิงอายุ 12 ปีเช่นนั้นจะรับควยนี้ของพี่เอได้หรือ….โฮว..ทำไมมันใหญ่แบบนี้…’
มือ เรียวบางของเรอินะเอื้อมมาจับแก่นกายไกรวิทย์กระทอกขึ้นลงเบาๆ จิตหญิงสาวสั่นสะท้านเล็กน้อยกับขนาดของความเป็นชายในอุ้งมือที่มือน้อยนั้น แทบจะกำไม่รอบ
‘เรอินะอย่าดูถูกน้องพิมนะ…แม้ร่างนั้นจะเป็นเด็ก อายุ 12 ปี แต่หีน้องพิมก็รับควยพี่ได้ทั้งหมด…ถ้าเป็นเรอินะในอายุขนาดนั้น บางทีเรอินะอาจต้องร้องลั่นแน่ๆ…’
ประกายตาเรอินะเต้นระยิบเมื่อ ได้รับรู้จิตของไกรวิทย์บอกถึงหลืบรักเยาว์วัยของพิมพ์มาดาที่สามารถรองรับ การร่วมรักได้ทั้งที่เป็นร่างของเด็กหญิงอายุเพียง 12 ปี ร่างปราดเปรียวที่กำลังสะท้านไปกับการเล้าโลมหลืบรัก พลันพลิกตัวออกแล้วยันร่างลุกขึ้นยืนบนฟูก ก่อนส่งจิตที่แฝงความท้าทายในน้ำเสียงออกมา
‘พี่เอก็อย่าดูถูกเรอินะ….เรอินะไม่ยอมแพ้น้องพิมหรอก…..’
ท่าม กลางแสงไฟสว่างในห้อง ไกรวิทย์ต้องอุทานออกมาด้วยความแปลกใจเมื่อผิวหนังบนร่างเปลือยของเรอินะ พลันสั่นไหวราวกับคลื่นน้ำ ร่างงามหดวูบลงจนมีความสูงลดลงกว่า 1 ฟุต ในชั่วอึดใจเดียวร่างเปลือยที่ยืนอยู่เบื้องหน้าไกรวิทย์ก็กลับกลายเป็นเด็ก หญิงน่ารักวัย 12 ปี ที่ไกรวิทย์เคยช่วยไว้จากกลุ่มอันธพาลที่ดอยหลวงเชียงดาวเมื่อเช้าที่ผ่านมา …..ทรวงอกที่เต่งตั้งชูช่องดงงามเปลี่ยนเป็นเนินนูนน้อย ช่วงเอายาวเรียวตรงจนแทบไม่ปรากฏส่วนโค้งเว้า สะโพกลดขนาดลงเช่นเดียวกับกลีบสองแคมที่กลับกลายเป็นแคมรักเด็กหญิงที่ไร้ เส้นขนมาบดบังสายตา ลำขาเรียวยาวเป็นเส้นตรงราวเด็กชาย แต่ผิวกายทั่วร่างของเด็กหญิงกลับปราศจากร่องรอบของกระดูกดังเช่นเด็กหญิง ที่ผอมบางทั่วไป หากเป็นผิวกายที่ดูนุ่มนวลเนียนงามปราศจากร่องรอบตำหนิใดๆ ไกรวิทย์ตะลึงจับจ้องใบหน้าน่ารักที่แฝงความซุกซนของวัยเยาว์เบื้องหน้า อย่างลืมตัว มือชายหนุ่มเอื้อมไปสัมผัสต้นขาเรียวยาวเนียนนุ่มนั้นและรับรู้ถึงแรงดีด สะท้อนของกล้ามเนื้อวัยแรกสาว จนทำให้ต้องส่งจิตที่แฝงความประหลาดใจออกมา
Image
‘ปราณ เปลี่ยนร่างแห่งสำนักอิโตริว…เมื่อครู่ตอนที่พวกเรากลับมาใน จานีสก็เล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟัง แต่พี่กลับไม่เคยคาดคิดเลยว่าปราณนี้จะสามารถเปลี่ยนร่างเรอินะให้กลับเป็น เด็กหญิงได้แบบนี้ เท่าที่พี่รู้ปราณเปลี่ยนร่างเป็นปราณที่ปรับเปลี่ยนมาจากวิชาโยคะแห่งชมพู ทวีป แต่นั่นคือวิชาหลอนตาให้ผู้พบเชื่อว่าเป็นร่างอื่น ต่างจากการใช้ของเรอินะที่อยู่เบื้องหน้านี้คือเนื้อหนังที่แท้จริงสัมผัส ได้ด้วยมือของพี่เอง….’
รอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจปรากฏบนใบหน้าน่ารักของเรอินะ ขณะเด็กหญิงทรุดร่างลงนั่งเคียงข้างไกรวิทย์
‘พี่ เอเข้าใจผิดแล้ว..นี่หาใช่วิชาปราณเปลี่ยนร่างไม่ เทวนารีทุกนางเชื่อว่าเรอินะสำเร็จวิชาแห่งอิโตริวนี้ แต่ไม่มีผู้ใดรู้หรอกว่าแท้จริงแล้ววิชานี้ของเรอินะได้รับการชี้แนะจากผู้ เฒ่าท่านหนึ่งที่เกาะโอกินาวา ท่านคือผู้ที่ชี้ให้เรอินะได้รับรู้ถึงการใช้ปราณดึงดูดและปลดปล่อยมวลสสาร ในร่างกาย จนทำให้เรอินะไม่จำเป็นที่จะต้องผนึกจิตสร้างมายาภาพแม้แต่น้อย…แต่กลับมี ผลที่ดีและยืนยาวกว่าการใช้ปราณมากนัก..’
‘น่าสนใจนัก นี่คือวิชาปฐมบทแห่งการผนึกจิตกับธรรมชาติ…เรอินะบอกพี่ได้ไหมว่าผู้เฒ่าท่านนี้คือผู้ใดกัน’
เด็กหญิงเบื้องหน้าไกรวิทย์ส่ายศีรษะไปมา ก่อนส่งจิตตอบ
‘เร อินะไม่รู้จักท่านผู้เฒ่าและมีวาสนาได้พบพานเพียงครั้งเดียว แต่หลังจากเรอินะได้เข้าสู่จักรราศรีและรับรู้เรื่องราวในโลกแห่งปราณมาก ขึ้น เรอินะก็ระลึกได้ว่าตลอดเวลาที่เรอินะได้อยู่กับท่านผู้เฒ่านั้น เรอินะไม่สามารถก่อปราณทั้งปวงขึ้นในร่างได้แม้แต่น้อย อีกทั้งเมื่อท่านจากไป ร่างนั้นก็สลายวับไปโดยปราศจากร่องรอบ เรอินะจึงมั่นใจว่าท่านคือผู้สำเร็จปราณสุญญตา จนหลุดพ้นจากจักรวาลไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย’
‘ปราณสุญญตา….กองคำ..หรือจะเป็นท่าน…’
ไกรวิทย์พึมพำออกมาเบาๆ เมื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ได้มีส่วนช่วยให้กองคำบรรลุถึงปราณสูงสุดที่ไร้ผู้ต่อต้าน
‘กองคำ….ใครกัน…พี่เอรู้จักท่านผู้เฒ่าหรือ….’
เร อินะส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความดีใจ ร่างบอบบางของเด็กหญิงวัย 12 ปีโถมมากอดแขนไกรวิทย์แน่น จนเนินหน้าอกน้อยๆ ที่เพิ่งผลิบานแนบสนิทกับท่อนแขนชายหนุ่ม ก่อสัมผัสแปลกประหลาดจนไกรวิทย์อดโอบร่างน้อยนั้นมาแนบชิดกับตนเองไม่ได้
‘นั่น คือชื่อของคนๆ หนึ่งที่พี่รู้จักในอดีต….เป็นผู้เดียวที่พี่รู้ว่าท่านบรรลุถึงปราณสุญญา ตา แต่ท่านสถิตอยู่ในความทรงจำของพี่คนเดียวเท่านั้น…’
ไกรวิทย์ พยายามส่งจิตตอบ แต่ดูเหมือนสมาธิเริ่มสั่นคลอนกับความบอบบางนุ่มเนียนของผิวกายเด็กหญิงใน อ้อมแขน มือของชายหนุ่มเลื่อนไล้ไปตามแผ่นหลังลงไปถึงสะโพกครัดเคร่ง และต้นขาอ่อนเนียนมือ ขณะที่ความต้องการทางเพศที่ชะงักไปชั่วครู่จากความแปลกใจที่ได้เห็นเรอินะ เปลี่ยนร่าง เริ่มกลับสู่ร่างอีกครั้งจากสัมผัสที่เย้ายวนใจ แก่นเนื้อกลับคืนสู่ความแข็งแกร่งอีกครั้ง พร้อมกับเสียงลมมหายใจของเรอินะที่เริ่มกระชั้นถี่จากการถูกโน้มน้าวด้วย พลังจากผลึกมังกรอัคคีในร่าง
‘พะ พี่เอ…เรอินะ…ร้อนไปหมดแล้ว…..’
เด็ก หญิงครางออกมาเบาๆ สองแขนกอดร่างไกรวิทย์แน่นจนแทบบดเบียดเป็นเนื้อเดียว ร่างน้อยพลิกตัวมานอนหงายบนฟูกตามแรงของไกรวิทย์ที่โน้มตัวมาจูบริมฝีปากบาง …มือชายหนี่มลูบไล้ผ่านหน้าอกที่ยังไม่เติบโตแต่สัมผัสนั้นก็ทำให้หัวนม น้อยๆ แข็งตัวชี้ชันขึ้นมาทันที ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนลงไปสัมผัสคลึงเล้านสองแคมน้อยๆ ไร้ขนที่เอ่อนองไปด้วยน้ำใสของตความเสียวเบื้องล่าง
‘โอย…พี่เอ… เรอินะเสียวไปทั้งตัวเลย…..ในร่างเด็กหญิงนี้พี่เอ…พี่เอ….ต้องการ หรือไม่….จะ จะ ให้เรอินะกลับคืนร่างเดิมไหม…’
‘ไม่ว่าเรอินะจะ อยู่ในร่างใด แต่นั่นก็คือเรอินะ เทวนารีแห่งราศีธนูที่แสนดื้อรั้น ซุกซนน่าเวียนหัวยิ่ง แต่ก็เป็นผู้ที่พี่รักสุดหัวใจทั้งสิ้น….’
ไกร วิทย์ส่งจิตที่เปี่ยมความต้องการออกไป ขณะแทรกร่างเข้ากลางสองขาเรียวตรงบอบบางราวเด็กชาย ปลายแก่นกายจ่อเข้ากับรอยผ่าเล็กๆ ที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรัก ก่อนกดมันลงไปเบาๆ จนสองแคมเยีวบางแยกออกจากกันเล็กน้อย แต่เมื่อไกรวิทย์พยยามเพิ่มแรงดันลงไป หส่วนหัวที่ไวต่อความรู้สึกก็บอกให้รู้ว่าร่องรักนี้ถึงขีดจำกัดของการขยาย ตัวแล้ว ชายหนุ่มก้มลงมองภาพร่องรักแยกตัวออกเป็นวงกลมตึงราวกับจะขาดออกทุกขณะ ใบหน้าคมคายของเด็กหญิงบิดเบี้ยวริมฝีปากน้อยๆ ขบกันแน่นราวกับพยายามสะดกดกลั้นความเจ็บปวดไว้อย่างเต็มที่
‘เรอินะ…..กลับสู่ร่างเดิมดีไหม….ถ้าเป็นแบบนี้หีเรอินะฉีกขาดแน่…’
แทนที่เด็กหญิงจะรับคำขอของไกรวิทย์ ศรษะเล็กๆ นั้นกลับสั่นไปมาอย่างดื้อดึง
‘ถ้า น้องพิมรับได้…ร่างนี้ของเรอินะก็ต้องรับได้…เรอินะต้องการให้พี่เอรับ รู้ว่าหีเรอินะไม่ว่าจะเป็นวัยใดจะต้องไม่แพ้ใครทั้งนั้น…..โอ๊ย….’
เร อินะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อแทนที่จะกลับเข้าสู่ร่างเดิม เด็กหญิงกลับแอ่นสะโพกสวนขึ้นมาโดยแรง จนทำให้หัวบานมหึมาอัดเข้าไปในร่องหลืบน้อยๆ นั้นทั้งหมด…ไกรวิทย์รับรู้ได้ถึงแคมรักที่ฉีกขาดออกจากกัน จนปรากฏหยดเลือดไหลซึมลงมาเป็นทาง แต่เรอินะกลับสูดลมหายใจลึกยาวเหยียด ฟันขบกันแน่นขณะส่งจิตเด็ดขาดออกมา
‘พี่เอ…มันเข้าไปแล้ว…ขอควยทั้งหมดให้กับเรอินะเดี๋ยวนี้เลย…’
จิต ไกรวิทย์สัมผัสได้ถึงความเด็ดเดี่ยวที่ตัดสินใจแน่วแน่ของเด็กหญิง และรับรู้ว่านี่คือบุคลิกเฉพาะตัวของเทวนารีแห่งราศีธนูแห่งมหาอาณาจักรปราณ ที่ไม่ยอมแพ้ต่อความตั้งใจของตนเองไม่ว่าในเรื่องใด และไกรวิทย์สูดลมหายใจลึกก่อนกดแก่นกายฝ่ากลีบเนื้อตีบแน่นในร่องรักลงไปอัด ในร่างเด็กหญิงในคราวเดียว…หน้าท้องชายหนุ่มเบียดแน่นกับโหนกเนื้อเรอินะ จนปราศจากช่องว่าง…
‘โอ๊ย……..ระ รับได้แล้ว….มะ มะ หมดแล้ว….’
จิต เรอินะร้องลั่นออกมาอย่างลืมตัว แต่ปราศจากเสียงร้องใดๆ ริมฝีปากน้อยขบแน่นด้วยความเจ็บปวด แต่สองแจขนนั้นกลับกอดรัดร่างไกรวิทย์ไว้แน่นราวปลอกเหล็ก….
‘หมดแล้ว…หีเรอินะรับควยพี่ได้จริงๆ….’
‘แล้ว…แล้ว…ดี…กว่าหีน้องพิม…ไหม….พี่เอ…’
เรนอินะส่งจิตตะกุกตะกักออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แฝงความมุ่งหวังไง้อย่างชัดแจ้ง
‘หี เรอินะมันบดควยพี่แน่นไปหมด…กลืบเนื้อทุกร่องเต้นตอดหัวควยพี่..อาห์…. นี่ถ้าพี่ไม่กลั้นไว้ น้ำพี่ต้องทะลักออกมาแน่ๆ…หีเรอินะไม่มีวันแพ้ใคร…จงจำไว้นี่คือสัจจะ แห่งมหาเทพ…’
‘….มหาเทพ…พี่เอหมายถึงใคร…โอ๊วส์…เบาๆ ก่อนนะ….ซีดส์….’
ไกร วิทย์เริ่มขยับร่างดึงแก่นกายออกมาเล็กน้อยและค่อยๆ กดกลับลงไปเบาๆ ทำให้เรอินะที่พยายามส่งจิตถามความหมายของถ้อยคำประหลาดต้องหยุดชะงักลง เมื่อรับรู้ถึงการเสียดสีที่ค่อยๆ เพิ่มระยะการกระเด้าทีละน้อย ความเสียวจากการสัมผัสค่อยๆ ก่อตัวขึ้นกลบความเจ็บปวด ใบหน้าที่เจ็บปวดของเด็กหญิงผ่อนคลายลงทีละน้อย ขณะที่สะโพกบอบบางบิดส่ายไปมารับการกระเด้านั้นอย่าลืมตัว ไม่นานนักไกรวิทย์ก็สามารถดึงแก่นเนื้อยางเหยียดออกมาจนเกือบพ้นสองแคมและกด กลับลงไปเป็นจังหวะกระเด้าที่เพิ่มความถี่ขึ้นทีละน้อย…….
‘ซีดส์…พี่เอ…..เรอินะ….เรอินะ….สะ เสียว……ควยพี่เอชนมดลุกเรอินะทุกครั้ง….แน่นไปหมด..’
‘หีเรอินะก็ไม่ยอมปล่อยควยพี่…แคมบีบแน่นจนพี่ถอนควยออกไม่ได้ มดลูกก็ขมิบตอดหัวควยพี่ทุกครั้งที่เข้าไป…’
‘ฮ๊าวส์…พะ พี่เอ…ชอบไหม…หีเรอินะดีไหม…’
‘ไม่ใช่แค่ดี…อูย…หีเรอินะ…เยี่ยมที่สุด….’
‘แล้ว..แล้ว…พี่เอ..ชอบหีร่างนี้ หรือ….หีในร่างจริงของเรอินะ….’
ไกร วิทย์ขบกหรมแน่น แรงดูดรัดในร่องรักอ่อนเยาว์ส่งสัมผัสเสียวกลับมาจนพลุ่งพล่าน ชายหนุ่มยกร่างขึ้นมาอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ ช้อนร่างบอบบางของเรอินะขึ้นมาบนตักโดยไม่หยุดการกระเด้าที่ถี่ยิบ…หน้าอก น้อยที่ยังไม่ก่อตัวเต็มที่สั่นไหวราวระรอกคลื่น ดวงตาชายหนุ่มจับจ้องกลีบเนื้อน้อยๆ ที่ฉีกขาดปลิ้นตัวเข้าออกตามแรงกระเด้า แก่นกายผลุบเข้าออกเต็มไปด้วยเลือดจากหลืบรักเด็กสาว แต่นั่นกลับทำให้ความเสียงพุ่งขึ้นมารวมกันที่ปลายหัวบานพร้อมที่จะระเบิด ออกทุกขณะ
‘พี่..ชะ ชอบทั้งสองหี….ต่อไปหากเราเย็ดกัน..พี่ต้องเย็ดเรอินะสองครั้ง …ครั้งแรกด้วยร่างจริงตามด้วยร่างนี้…อูว์….พี่จะ…จะ….’
‘เรอินะก็จะให้พี่เอ…ยะ เย็ดทั้งสองร่าง….อ๊าว…มะ มะ ไหวแล้ว…อ๊ายยยยยยยยยยยยย’
ร่างบอบ บางบนตักไกรวิทย์แอ่นเนินรักเข้าอัดแก่นกายแน่นสนิท ทั่วร่างกระตุกเฮือกเมื่อความเสียวสุดยอดมาถึง พร้อมกับที่ไกรวิทย์แอ่นตัวฉีดน้ำนรักกระหน่ำเข้าไปในร่องรักระลอกแล้วระลอก เล่า….ปราณอันเกิดจากปฐมธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่แห่เข้าสู่ร่างเรอินะ สลายปราณเดิมก่อกำเนิดปราณใหม่ขึ้น พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของร่างเด็กสาวที่ค่อยขยายออกกลับมาสู่ร่างเดิมของ หญิงสาวผู้ปราดเปรียวด้วยวัย 17 ปี..
‘อูว์ปราณพี่เอ…อยู่ในร่างเรอินะ…แต่ปราณนี้ไม่เหมือนกับปราณที่พี่เอเคยถ่ายให้เลย…เรอินะ’
จิตที่เริ่มผ่อนคลายจากจุดสุดยอดของเด็กสาวส่งออกมาเบาๆ…แต่เรอินะก็ต้องชะงักเมื่อเสียงลึกลับสดใสดังขึ้นในร่าง…
‘นั่น คือกาฬปราณที่แท้จริง นายท่านลูกศรน้อยได้สัมผัสรสของการเย็ดเมื่อครู่แล้ว….ลูกศรน้อยรอคอยจะ เป็นหนึ่งเดียวกับเรอินะทุกลมหายใจเข้าออก…นายท่านผนึกพวกเรารวมกัน เถอะ…’
‘พะ พะ พี่เอ…อะไรกัน…’
‘เรอินะไม่ต้อง ตระหนก…นั่นคือจิตแห่งความทรงจำของเรอินะเองในฐานะเทวนารีแห่งจักรราศรี ธนูของมหาอาณาจักรปราณ ภายใต้บัญชาของเทพวิรูปักขะหรือตัวพี่เองในปัจจุบัน….เรอินะไม่ต้องหวาด กลัวอันใด พี่จะนำจิตทั้งสองผสานกันเพื่อให้ตัวตนที่แท้จริงของเรอินะฟื้นขึ้นมาเดี๋ยว นี้…’
ดวงหน้างามคมคายของเรอินะจับจ้องสายตาที่ไกรวิทย์ด้วยประกาย ตาเชื่อมั่นในตัวชายหนุ่มผู้รับมอบชีวิตเอาไว้ ศีญะหญิงสาวผงกรับพร้อมส่งจิตแน่วแน่ออกมา
‘เรอินะเชื่อมั่นในพี่เอ….เรอินะพร้อมแล้ว…’
‘นายท่านลูกศรน้อยก็พร้อมแล้ว…’
ไกร วิทย์ส่งประแสปราณโคจรในร่างเรอินะ เป็นรอบสุดท้ายก่อนดึงดูดปราณและจิตของหญิงสาวออกจากร่าง ปราฯจากปฐมธาตุศักดิ์เข้าผสานจิตทั้งสองของเรอินะอย่างนุ่มนวล ชักนำให้โคจรตามจักรปราณของไกรวิทย์ก่อนผลักดันกลับสู่ร่างเดิม…
‘เรอินะตื่นแล้ว…ลูกศรน้อยตื่นแล้ว….’
จิต เรอินะอุทานออกมาในทันทีที่จิตเข้าครอบครองร่าง ดวงตาหญิงสาวเบิกโพลงขณะความทรงจำแต่อดีตภพหลั่งไหลเข้าสู่จิต…ใบหน้าคม คายทอประกายตื้นตัน ร่างงามโผเข้ากอดไกรวิทย์ไว้แน่นสนิท
‘นายท่าน…เรอินะรู้แล้ว…ที่แท้พวกเรา….’
‘เร อินะไม่ต้องกล่าวแล้ว…พี่รับรู้ทุกอย่างเช่นเดียวกับเรอินะ…และไม่ต้อง เรียกพี่เป็นนายท่านเช่นในอดีต ที่นี้มีแต่หญิงสาวผู้แสนซุกซนดื้อรั้นนามเรอินะ กับไกรวิทย์ คชสีห์ เท่านั้น…’
เรอินะซุกหน้าลงกับแผงอกกว้วงของไกรวิทย์อย่างเอียงอาย ก่อนส่งจิตออกมาเบาๆ
‘แล้วเด็กสาววัย 12 ปีที่เย็ดกับพี่เอเมื่อครู่นี้…พี่เอไม่นับหรือ…’
‘นับสิ …. ที่สำคัญเรอินะสัญญากับพี่แล้วนะว่าจะเย็ดกับพี่ด้วยทั้งสองร่างทุกครั้ง….’
‘เรอินะสัญญา…แล้วหากเรอินะจะถ่ายทอดวิชานี้ให้พวกพี่ๆ ทุกคน…พี่เอจะว่าอย่างไร…’
สมอง ไกรวิทย์ปรากฏภาพรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี เซี่ยวเล้ง ปณิตา จานีส และพิมพ์มาดา ในรูปลักษณ์ของเด็กหญิงวัยแรกสาวขึ้นในจิตใจ แก่นเนื้อที่ยังคงฝังอยู่ในร้องรักเรอินะพลันดีดผึงกลับสู่ความแข็งแร่งเต็ม ที่อีกครั้ง จนทำให้เรอินะต้องถอนใจเบาๆ
‘ควยพี่ตอบออกมาแบบนี้ เรอินะจะไม่ถ่ายทอดให้ทุกคนก็คงไม่ได้แล้ว….’
——————————
ประตู ศิลาที่ควบคุมโดยเครื่องตรวจจับคลื่นสัญญาณเฉพาะตัวหน้าห้องจานีสเปิดออกใน ทันทีที่ไกรวิทย์ซึ่งช้อนร่างเด็กสาวไว้ในวงแขนเดินมาถึง และปิดตัวเองลงอย่างนุ่มนวลเมื่อร่างนั้นผ่านเข้าไปในห้อง ดวงตาไกรวิทย์กวาดไปรอบๆ ด้วยความชื่นชมกับรูปแบบการตกแต่งห้องของจานีสที่สะท้อนถึงความเป็นผู้ใฝ่ รู้และศึกษาทุกสิ่งรอบตัว ผนังด้านหนึ่งของห้องกว้างติดตั้งชั้นหนังสือที่สูงจรดเพดานกินพื้นที่เต็ม ผนัง ทุกชั้นอัดแน่นไปด้วยหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความรู้ทุกด้านทั้งของโลก แห่งอดีตกาลและวิทยาการสมัยใหม่ของโลกปัจจุบัน ผนังด้านตรงข้ามเป็นแผนที่โลกขนาดมหึมาที่เขียนขึ้นโดยจานีสเองด้วยฝีมือ ปราณีต เส้นสายจำนวนมากถุกขีดวาดลงไปและกำกับไว้ด้วยสัญญลักษณ์แปลกตาที่ก่อนหน้า นี้ไกรวิทย์ไม่สามารถเข้าใจได้ แต่เมื่อผ่านพ้นการรวมจิตกับจิตแห่งความทรงจำในอดีตกาล เพียงกวาดสายตามองไกรวิทย์ก็ทราบในทันทีว่าอักษรเหล่านั้นคือภาษากูโบสโบราณ ที่ระบุถึงที่ตั้งของสำนักปราณที่กระจายกันอยู่ทั่วโลก รวมถึงจำนวนของผู้ทรงปราณในสำนักนั้นๆ พร้อมกับบันทึกเกี่ยวกับวิชาปราณของสำนักนั้นๆ ทั้งในด้านปมเด่นปมด้อยไว้อย่างละเอียด…
‘พี่เอปล่อยจานีสลงได้เถอะ จานีสได้สติแล้ว…’
จิต แผ่วเบาของจานีสดังขึ้นปลุกไกรวิทย์ให้ละความสนใจจากแผนที่มายังเด็กสาวใน อ้อมแขน ดวงตาสุกใสจับจ้องใบหน้าชายหนุ่มด้วยประกายตาอ่อนโยนนุ่มนวล และค่อยๆ ขยับร่างออกจากอ้อมแขนไกรวิทย์มายืนอยู่บนพื้นห้อง ก่อนส่งจิตถามเบาๆ หลังจากพบว่าไกรวิทย์ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแผนที่ที่ผนังด้านตรงข้าม
‘พี่เอจะให้จานีสแปลให้ไหมว่าข้อความที่เขียนไว้คืออะไร’
ไกรวิทย์ส่ายหน้าช้าๆ
‘ไม่ ต้องหรอก พี่อ่านข้อความทั้งหมดออกแล้ว จานีสคงต้องใช้เวลาศึกษามากเลยนะ กว่าจะจัดทำบันทึกเกี่ยวกับสำนักผู้ทรงปราณทั่วโลกได้ละเอียดขนาดนี้’
ดวง ตาคู่งามของเด็กหญิงชาวเนปาลีเบิกกว้างจับจ้องไกรวิทย์อย่างตกตะลึง ก่อนย่อกายลงในท่าคำนับตามวิถีราชสำนักโบราณ พร้อมส่งจิตที่สำรวมสูงสุดออกมา
‘ที่แท้มหาเทพวิรุณปักขะเข้ารวมจิตกับพี่เอของจานีสแล้ว จานีสของถวายคารวะมหาเทพผู้ปกป้องมหาอาณาจักรปราณ…’
ไกร วิทย์ยิ้มให้กับอากัปกริยาของเด็กสาวเบื้องหน้า สองมือเอื้อมไปช้อนใต้หัวไหล่ทั้งสองของเด็กสาวดึงให้ลุกขึ้นมาแล้วสวมกอด ร่างอวบอิ่มไว้เบาๆ ริมฝีปากประทับที่หน้าผากนูนเด่นของเด็กสาว
‘สม กับเป็นจานีสผู้รอบรู้ในสรรพศาสตร์โบราณ เพียงคาดเดาจากการที่พี่สามารถอ่านอัขระกูโบส ก็สามารถรู้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นับเป็นเทวนารีแห่งราศรีตุลย์ที่เปี่ยมด้วยปัญญาจริงๆ’
‘มหาเทพกล่าว เช่นนี้ หมายความว่าถึงเวลาแล้วที่จานีสจะต้องรวมจิตแห่งชีวิตเข้ากับจิตแห่งความ ทรงจำของเทวนารีแห่งราศรีตุลย์ใช่หรือไม่ หากเป็นประสงค์ของมหาเทพ..จานีสก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม’
Image
ไกร วิทย์ปล่อยร่างเด็กสาวออกจากอ้อมแขน เพื่อปลดปมผ้าที่ไหล่อวบอิ่มออกปล่อยให้ผ้าสีขาวบางเบาที่ห่อหุ่มร่างจานีสห ลุดออกจากร่าง เปิดเผยร่างเปลือยสีน้ำผึ้งท่ามกลางแสงสว่างของห้องต่อสายตาโดยปราศจากสิ่ง ใดขวางกั้น…สายตาไกรวิทย์จับจ้องที่ทรวงอกตูมตั้งที่แม้จะอยู่ในท่ายืนก็ ไม่เคลื่อนคล้อยลงตามแรงดึงดูดของโลกแม้แต่น้อย ป้านกลมเล็กๆสีน้ำตาลอ่อนบนทรวงอกประดับด้วยเม็ดยอดสีย้ำตาลเข้มอมแดง ที่ค่อยๆ แข็งตัวชูชันเป็นเม็ดกลมเมื่อจิตของจานีสสัมผัสได้ถึงความต้องการของไกร วิทย์แผ่ซ่านออกจากร่างจนพลังชีวิตจากผลึกมังกรในร่างเด็กสาวตอบรับในทันที ลมหายใจเด็กสาวกระชั้นถี่ขึ้น ลานหน้าท้องเคลื่อนไหวตามการหายใจ แต่ไม่สามรรถปิดบังเนินรักนูนตระหง่านที่เบื้องล่างกึ่งกลางสะโพกอวบเต็ม นั้นได้…
‘มหาเทพจานีสพร้อมแล้ว….’
จิตที่สั่นสะท้าน น้อยๆ ของจานีสส่งออกมาเบาๆ ขณะที่ไกรวิทย์ช้อนร่างนั้นมาอยู่ในอ้อมแขน แต่แทนที่ชายหนุ่มจะพาไปยังเตียงนอนกลางห้อง สองเท้าไกรวิทย์กลับเดินไปด้านตรงข้ามและวางร่างเปลือยของจานีสให้อยู่ในท่า นั่งบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่จัดตั้งอยู่หน้าแผนที่
‘มหาเทพ…เหตุใด….’
จานีสส่งจิตออกมาด้วยความแปลกใจ แต่จิตนั้นต้องชะงักลงเมื่อริมฝีปากเด็กสาวถูกจูบอย่างนุ่มนวลพร้อมกับจิตอ่อนโยนของไกรวิทย์ส่งออกมา
‘จา นีสจงฟังพี่ให้ดี พี่คือพี่เอของจานีสไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้จิตของมหาเทพวิรุณปักขะจะผสานเป้นหนึ่งเดียวกับพี่…แต่ในภพภูมินี้พี่ คือไกรวิทย์ จานีสไม่จำเป็นต้องเรียกหาพี่เป็นมหาเทพอันใดทั้งสิ้น…อีกไม่นานจานีสจะ ได้รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริง..’
‘จานีสขอรับคำสั่งของพี่เอ…แต่แม้ จานีสจะศึกษารู้ว่าการหลอมจิตนั้นจะต้องใช้ปราณอันเกิดจากปฐมธาติศักดิ์ สิทธิ์ทั้งสี่ จานีสก็หาได้ล่วงรู้ถึงวิธีการนั้นไม่…พี่เอจงบัญชาให้จานีสปฏิบัติด้วย เถิด..’
ไกรวิทย์ส่งลิ้นเข้าเกี่ยวเก็บความหวานในปากน้อยๆของอดีต โหราทาสผู้ผ่านประสบการณ์ปาฏิหารย์ซับซ้อนจนกลับมาครองร่างแห่งเทวนารีราศี ตุลย์ มือทั้งสองลูบไล้ทรงอกตั้งเต้าทั้งคู่เบื้องหน้าจนร่างกายที่ไวต่อความ รู้สึกของเด็กหญิงวัย 14 ปีสั่นสะท้าน ก่อนแทรกร่างเข้าระหว่างสองขาเรียวที่แยกออกจากกันโดยปราศจากการต่อต้าน
‘ถ้าเช่นนั้นพี่จเริ่มจากการเย็ดจานีสก่อนนะ…..’
ลำ ลึงค์ที่แข็งแกร่งราวศิลาสัมผัสจ่อเข้ากับร่องรักนูนเด่นที่ประดับด้วยเส้น ไหมบางๆ ของจานีส น้ำหบ่อลื่นที่ถูกกระตุ้นโดยอำนาจแห่งผลึกมังกรเอ่อซึมออกมาจนไกรวิทย์ สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของสองแคมซึ่งอ้าออกเล็กน้อยเมื่อถูกดันโดยหัวบาน ที่พร้อมจะบุกรุกเข้าสู่ภายในความหนึบแน่นเบื้องหน้า..
‘พะ พะ พี่เอ….จานีสพร้อมที่จะเย็ด…แต่ แต่ ขอเป็นที่เตียงได้ไหม….จานีส…อ๊าย…’
จา นีสส่งจิตร้องอุธรณ์ออกมาเมื่อรับรู้ว่าเนินรักกำลังจะถูกรุกรานทั้งๆ ที่เด็กสาวอยู่ในท่านั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะทำงาน ทั้งๆ ที่เตียงนอนที่ปูไว้ด้วยฟูกหนานุ่มตั้งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว แต่ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะขอร้องจบถ้อยความ แก่นเนื้อไกรวิทย์ก็ดันผ่านกลีบเนื้อเข้าไปช้าๆ น้ำหล่อลื่นที่หลั่งออกมาชะโลมหลืบเนื้อทำให้มันสามารถเดินทางแหวกความคับ แน่นเข้าไปไม่หยุดจนสุดความยาว หน้าท้องไกรวิทย์แนบแน่นกับร่างจานีสที่สะท้านเฮือกกับความเสียวที่ถาโถม เข้าหา สองแขนเด็กสาวตวัดรัดร่างไกรวิทย์ไว้แน่น
‘หากจะเย็ดเทวนารี แห่งราศรีตุลย์ผู้เป็นปราชญ์เหนือปราชญ์ หญิงงามเหนือหญิงงามนั้น คงไม่มีที่ใดเหมาะกว่าการเย็ดท่ามกลางกองหนังสือที่ประมวลความรู้ในโลกอีก แล้ว’
‘พะ พะ พี่เอบ้า…ชอบเย็ดจานีสในที่แปลกๆ ทุกที….ตั้งแต่ในบ่อมังกร กลางอากาศ ห้องสมุด…มาจนถึงห้องหนังสือส่วนตัว…แบบนี้จานีสจะมีเตียงไว้ทำไมกัน… ในเมื่อมัน…อื๋ยส์’
แม้จานีสจะส่งจิตที่ดูราวจะเป็นการต่อว่าไกร วิทย์ แต่ร่างกายอวบอิ่มของเด็กสาวที่เพิ่งผ่านพ้นการรวมร่างกับตุลยาเทวีผู้โหด เหี้ยม กลับตอบสนองการกระเด้าของไกรวิทย์อย่างเต็มใจ สองแขนเรียวงามเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอชายหนุ่ม เพื่อใช้เป็นหลักในการทรงกายแอ่นเนินรักตอบโต้ ท แต่แล้วจานีสก็ต้องครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อไกรวิทย์กลับดันร่างเด็กสาวให้ นอนราบกับพื้นโต๊ะ สองแขนช้อนเข้าใต้เรียวขางามยกขึ้นงอเข่าวางเท้าบนพื้นโต๊ะ เป็นท่วงท่าที่ทำให้เนินรักแอ่นตัวออกมาเต็มที่ ก่อนที่สองมือไกรวิทย์จะยึดเอวคอดกิ่วเป็นหลักแล้วกระเด้าเนินงามถี่ยิบ
‘อ๋าย…..ฮูย… พี่ พี่เอ….ทะ ทะ ท่านี้ มะ ไม่ไหว ..ควยพี่เอ…ชน…มดลูกแล้ว…..อ๊า….’
‘จานีสไม่ต้องทน…..พี่เองก็..จะ …จะ…’
ภาพ แก่นเนื้อที่ยาวกว่าเจ็ดนิ้วผลุบเข้าออกสองแคมรักของจานีส กลีบเนื้อแดงสดภายในปลิ้นตัวออกมาตามแรงดึงและถูกดันกลับเข้าไปเมื่อแก่นกาย มุดลงไปในความรัดรึง เป็นภาพที่ยิ่งทำให้ความเสียวของไกรวิทย์พลุ่งขึ้นมาจนถึงจุดสุดท้าย นำรักกระฉูดอัดเข้าไปในหลืบน้อยเป็นระลอก ร่างอวบอิ่มสีน้ำผึ้งของเด็กหญิงเกร็งตัว สองขาที่ยันพื้นโต๊ะยกลอยขั้นตระหวัดรอบเอวๆไกรวิทย์แลละกดอัดเข้าหาร่างราว กับจะไม่ปลล่อยใมห้แก่นเนื้อที่ให้ความเสียวสุดยอดนั้นหลุดออกไปจากร่างตลอด กาล….
มวลปราณจากร่างไกรวิทย์แผ่พุ่งเข้าสู่จักรปราณจานีสราวสาย น้ำ ไกรวิทย์ควบคุมปราณให้กระจายออกทั่วร่างเด็กสาว หลอมกลืนกับกาฬปราณเดิมที่ถ่ายทอดให้ก่อนหน้า ก่อเกิดเป็นกาฬปราณสมบูรณ์เฉกเช่นเดียวกับกาฬปราณที่เคยโคจรในร่างเทวนารี จักรราศรีแห่งมหาอาณาจักปราณเมื่อหมื่นปีก่อน
‘นายท่าน…คันชั่งน้อย…รับรู้กาฬปราณแห่งมหาเทพวิรุณปักขะแล้ว’
‘จิตแห่งเทวนารีในร่างจานีส…จานีสได้รับรู้แล้ว….นี่คงถึงเวลาที่พวกเราจะต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกันใช่หรือไม่’
‘ถูก ต้องแล้วจานีส…เราแยกจากกันนานเหลือเกิน แต่ความทรงจำของเรายยังคงดำรงไว้ในจิตนี้โดยสมบูรณ์ จงสำรวมจิตเป็นสมาธิที่จักรพสุธา ปล่อยให้นายท่านรวมพวกเราเข้าด้วยกันเถอะ…’
‘จานีสพร้อมแล้ว….พี่เอ..’
จิต แห่งเทวนารีราศรีตุลย์ส่งออกมาอย่างปลื้มปิติ แต่แทนที่จานีสจะตระหนกไปกับเสียงที่ดังขั้น จิตที่สงบนิ่งของเด็กสาวกลับส่งออกมาติดต่อจิตนั้นด้วยน้ำเสียงปกติราวกับ ได้สนทนากับจิตในร่างตนเองอยู่เป็นประจำ
‘จานิส…คันชั่งน้อยที่รักแห่งพี่…จงมอบปราณและจิตมายังพี่เถอะ…’
จิต นุ่มนวลของไกรวิทย์ถูกส่งออกพร้อมกับปราณในร่างเด็กสาวที่ถูกดูดเข้าสู่ร่าง ชายหนุ่ม มวลจิตแห่งเทวนารีราศรีตุลย์กับจิตของจานีสผสานกลืนเป็นเนื้อเดียวภายใต้ ปราณจากปฐมธาตุศักิด์สิทธิ์ที่สี่..โคจรรอบกายไกรวิทย์ก่อนกลับเข้าสู่ร่าง เด็กสาว..
‘จานีส.คันชั่งน้อย ตื่นขึ้นแล้วหรือไม่’
ดวงตากลม โตงดงามของจานีสเปิดกว้างขึ้น ร่างงามที่ยังคงนอนหงายอยู่บนพื้นโต๊ะผุดลุดขึ้นโผเข้ากอดไกรวิทย์ไว้แน่น …ขณะส่งจิตที่เปี่ยมความยินดีออกมา
‘พี่เอ…จานีสตื่นแล้ว…ความ มืดที่บดบังจิตของจานีสมานับหมื่นปีถูกขับไล่ไปแล้ว…บัดนี้เทวนารีแห่งรา ศรีตุลย์ผู้รับใช้มหาเทพวิรุณปักขะขอถวายตัวต่อพี่เอ….’
‘ถ้าเช่นนั้นพี่ขอผนึกเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณจานีสที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งจะได้หรือไม่..’
ดวงหน้างามของจานีสแผ่สีเลือดขึ้นบางๆ ก่อนส่งจิตตอบ
‘แปลง่ายๆว่าพี่เอจะขอเย็ดจานีสอีกรอบ…..มาเถอะพี่เอ….หีนี้โหยหาควยพี่เอมานานเหลือเกินแล้ว’
————————————
———————————–
———————————-
แสง สว่างเรือรองในห้องโถงใต้ดินแห่งตระกูลคชสีห์สะท้อนกลุ่มเพชรที่ฝังอยู่บน เพดานห้องในตำแหน่งของดวงดาวแห่งจักราศรี สะท้อนแสงรวมตัวที่กลุ่มนิลที่กึ่งกลางเพดานจนเกิดประกายแสงส่องตรงลงมาที่ อาสนะกลมกลางสระน้ำอันเป็นศูนย์กลางของสถานที่นี้ กึ่งกลางอาสนะ ร่างเปลือยเปล่าของไกรวิทย์สงบนิ่งอยู่ท่วงท่าขัดสมาธิ แสงที่สะท้อนลงมาจากกลุ่มนิลเบื้องบนจับร่างชายหนามจนเกิดรัศมีเรืองรองรอบ กาย ใบหน้าคมเข้มสงบนิ่งดวงตาหลับสนิท ราวกับไร้ชีวิต
รอยยิ้มน้อยๆ เกิดขึ้นที่ใบหน้าชายหนุ่ม ขณะความเงียบในห้องโถงทรงกลมถูกทำลายลงจากเสียงประตูศิลา 8 ห้องที่ตั้งรายรอบห้องโถงเปิดออกพร้อมๆ กัน ร่างบุรุษและสตรี 8 คู่เดินออกจากห้องมาหยุดยืนที่ของสระน้ำ ก่อนที่ร่างของบุรุษทั้ง 8 นั้นจะเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นและกลับกลายเป็นมวลแสงพุ่งหายเข้าไปยังร่างของไกร วิทย์ที่อาสนะศูนย์กลาง
สิ่งที่เกิดขึ้นหากเป็นมนุษย์ทั่วไปเห็นคง ต้องเกิดเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจ แต่สำหรับสตรีงามทั้งแปดนั้น กลับมีเพียงรอยยิ้มเกิดขึ้น ขณะโผร่างขึ้นกลางอากาศ แล้วทิ้งร่างลงกระจายกันลงบนอาวนะกลมขนาดเล็กที่รายล้อมอาสนะศูนย์กลางนั้น เอาไว้ ก่อนที่จิตของสตรีงามทั้งหมดส่งประสานออกมาเป็นเสียงเดียว
‘เทวนารีแห่งจักราศรีใต้เทวบัญชา ขอน้อมพบมหาเทพวิรุณปักขะ’
ดวง ตาชายไกรวิทย์ที่อาสนะกลางน้ำลืมตาขึ้นทอประกายเจิดจ้า รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้า เมื่อเห็นร่างของรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี พิมพ์มาดา ปณิตา เซี่ยวเล้ง จานีส และเรอินะ ที่กลับห่อหุ้มด้วยผ้าฝ้ายบางเบาบนร่าง รายล้อมอยู่รอบตัว ร่างทั้งแปดแม้จะอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิบนอาสนะประจำตัวแต่สายตาที่แหลมคมของ ไกรวิทย์เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีผิวกายส่วนใดของเหล่าหญิงสาวสัมผัสความแข็ง กระด้างของอาสนะศิลาแม้แต่น้อย ทุกร่างลอยอยู่เหนืออาสนะราวหกนิ้วด้วยอำนาจแห่งปราณในร่างที่อยู่ในระดับ ขอบเขตสูงสุดของมนุษย์ผู้กำลังจะก้าวข้ามขอบเขตเทวะ…
‘เมื่อครู่ นี้พี่บอกทุกคนแล้วไม่ใช่หรือว่าพวกเราแม้จะกลับสู่ตัวคนที่แท้จริง แต่ในภพนี้ขอให้เรารักษาคำเรียกขานที่เคยใช้กัน ไม่จำเป็นจะต้องรื้อฟื้นถ้อยคำที่เคยใช้ในมหาอาณาจักรปราณมาใช้แต่อย่าง ใด…’
‘แต่พี่เอกลับใช้วิชาเทพแยกร่างเย็ดพวกกิฟท์ทุกคนพร้อมๆ กันในเวลาเดียวเหมือนกับที่เคยทำสมัยที่พวกเราอยู่ในอาณาจักรปราณ…..แบบ นี้จะไม่ให้พวกกิฟท์ต้องถวายตัวด้วยธรรมเนียมโบราณได้อย่างไรกัน’
จิต อัจฉริยาที่ตอบโต้ไกรวิทย์ด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด ทำให้เหล่าเทวนารีต้องอมยิ้มอย่างไม่สามารถข่มกลั้นได้ เมื่อได้รับรู้ว่านิสัยช่างโต้แย้งและล้อเล่นกับมหาเทพผู้เป็นสามีของเทวนา รีราศรีกุมภ์ที่กลับมาเป็นอัจริยาในปัจจุบันนั้นยังฝังอยู่ในจิตของหญิงสาว โดยไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาที่ยาวนานแต่อย่างใด
‘น้องกิฟท์หาได้ เปลี่ยนแปลงจากอดีตแม้แต่น้อย…แม้กระทั่งท่วงท่าเย็ดทางด้านหลังเทวนารี แห่งราศรีกุมภ์โปรดปรานนัก ก็ตามติดมาในภพนี้ด้วย..’
จิตหยอกเย้าของ ไกรวิทย์ทำให้เกิดเสียงหัวเราะจากเหล่าสตรีทุกนางด้วยคววามขบขัน ยกเว้นแต่อัจฉริยาที่หน้าแดวซ่านปากพึมพำเป็นคำ “พี่เอบ้า”โดยไม่ส่งเสียงใดออกมา
ขณะที่บรรยากาศอยู่ในความชื่นบานนั้น ที่จิตของจานีสก็ดังขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
‘นาย ท่าน…อภัยให้จานีสด้วย แม้จานีสจะเห็นพ้องกับการเรียกขานนามปัจจุบันของพวกจานีสแทนชื่อในอดีต แต่จานีสเห็นว่าในส่วนของพิธีการนั้น แม้นายท่านจะไม่ต้องการให้ยึดถือธรรมเนียมของพวกเราในอดีต แต่ในสถานที่นี้จำลองแบบทุกประการมาจากสถานที่ที่พวกเรารู้จักกันในนามจักรา ศูนย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางสมาคมของนายท่านกับเหล่าเทวนารี ควรที่พวกเราจะดำเนินการภายใต้จารีตเดิมอันศักดิ์สิทธิ์ หากแต่เมื่อใดที่พ้นจากจักราศูนย์แห่งนี้ พวกเราจึงจะกลับสู่สถานะปัจจุบัน…มหาเทพโปรดพิจารณาสักครา…’
ดวง ตาไกรวิทย์จับจ้องจานีสผู้เป็นเทวนารีแห่งราศีตุลย์ ด้วยแววตายกย่อง พร้อมกับที่หญิงสาวที่เหลือทั้ง 7 ต่างผงกศีรษะเป็นเชิงยอมรับข้อเสนอของจานีสโดยปราศจากข้อโต้แย้ง ขณะที่ไกรวิทย์สูดลมหายใจลึกยาวก่อนส่งจิตเปี่ยมอำนาจด้วยน้ำเสียงที่เหล่า เทวนารีทั้ง 8 ไม่ได้ยินมานับหมื่นปี
‘หากพวกเจ้าเหล่าเทวนารีผู้ เป็นที่รักแห่งเราเห็นพ้อง เราก็หามีสิ่งใดขัดข้องไม่…แต่ก่อนอื่นเราขอชื่นชมจานีสที่ออกแบบและก่อ สร้างสถานที่นี้ในรูปแบบเดิมของจักราศูนย์อันเป็นบ้านของพวกเราทุกคน ในยุคมหาอาณาจักรปราณ…’
จิตของไกรวิทย์ที่ส่งออกมาทำให้เหล่าเทวนา รีทุกนางพากันพิจารณารอบตัวอย่างละเอียดเป็นครั้งแรกหลังจากจิตแห่งความทรง จำของเหล่าเทวนารีโบราณกลับคืนเข้าสู่ร่างเดิม..พร้มกับที่ทุกคนหันมายิ้ม ให้จานีสที่ใบหน้ากำลังเป็นสีแดงระเรื่อจากคำชมที่มหาเทพมอบให้
‘นายท่านชื่นชมได้ถูกต้องแล้ว รินรู้สึกราวกับว่าได้กลับบ้านอีกครั้งหลังจากการเดินทางมาไกลแสนไกล…’
จิตอ่อนโยนของรินลดาดังขึ้นเบาๆ ขณะเบนสายตาไปจับจ้องกลุ่มเพชรเบื้องบนที่ประกอบเป็นดวงดาวแห่งจักราศรี
‘พี่ ริน..เทวนารีแห่งราศีกันย์ ผู้แม้จะมีอาวุโสน้อยกว่าเซี่ยวเล้งในมหาอาณาจักรปราณ แต่เซี่ยวเล้งใคร่ขอบอกพี่รินว่า ด้วยหัวใจอันอ่อนโยนต่อพี่น้องทุกคนของพี่ริน และในภพนี้ที่พี่รินคือสตรีคนแรกที่ได้มอบพรหมจรรย์ต่อมหาเทพ…เซี่ยวเล้ง จะขอเรียกพี่รินต่อไปและขอให้เทวนารีแห่งราศรีกันย์ผู้บริสุทธิ์สูงส่งเป็น หัวหน้าแห่งเหล่าเทวนารีได้หรือไม่..’
จิตของเซี่ยวเล้งที่ส่งออกมา อย่างนอบน้อมต่อรินลดา ส่งผลให้จิตแห่งเทวนารีทุกนาง เปล่งคำ “พี่ริน” ออกมาพร้อมกัน จนใบหน้าหญิงสาวผู้เติบโตมาพร้อมไกรวิทย์แดงฉาน แต่ก่อนที่รินลดาจะส่งจิตขัดแย้งคำขอนั้น จิตของไกรวิทย์ก็ดังขัดขึ้น
‘เรา เห็นด้วยกับเซี่ยวเล้งเทวนารีแห่งราศีมังกร…แต่สถานะแม่ทัพผู้นำแห่งเทวนา รีในการต่อสู้นั้น คาดว่าไม่มีผู้ใดที่จะเหมาะสมกว่าเซี่ยวเล้งอีกแล้ว…จงดำรงสถานะเดิมของ จอมทัพแห่งเทวนารีี นี่คือบัญชาของเรา’
จิตของเทวนารีทุกนางหวนคิด ถึงการ บัญชาการต่อสู้ของเซี่ยวเล้ง การคิดค้นพยุหโจมตีที่สอดคล้องกับปราณทุกคน ตลอดจนการวางแผนรับศึกอันละเอียดรอบคอบที่ทุคนได้ประสบด้วยตนเองหน้าม่านปฏิ สาร อันแสดงถึงความรอบรู้ในวิชาปราณและยุทธศาสตร์ทุกระดับอย่างลึกซึ้ง ทำให้เหล่าเทวนารีพร้อมใจกันส่งจิตสนับสนุนออกมาไม่ขาดสาย จนเซี่ยวเล้งต้องส่งจิตออกมาเบาๆ
‘เซี่ยวเล้งขอรับบัญชานายท่าน….’
ร่างที่อาสนะศูนย์กลางของไกรวิทย์พลันลอยตัวขึ้นกลางอากาศ..คลื่นจิตกระจายออกไปยังเหล่าเทวนารีรอบข้าง
‘บัดนี้เทวนารีแห่งเรา..จงสวมใส่เกราะปราณและรับฟังคำชี้แนะของเราเถอะ….’
จิต ทั้งแปดของเหล่าเทวนารีขานรับพร้อมกัน ร่างงดงามทั้งหมดกระจายพลังอ่อนสลายผ้าฝ้ายที่ปกคลุมร่างออกจนเหลือแต่ร่าง กายเปล่าเปลือย ขณะเกราะปราณก่อตัวขึ้นห่อหุ้มร่างหญิงสาวทั้งหมดตามคสั่งของไกรวิทย์ในพริบ ตาเดียว…ทั้งหมดนิ่งสงบรอรับฟังสิ่งที่ไกรวิทย์กำลังถ่ายทอดออกมา
‘เท วนารีผู้เป็นที่รักของเรา…ปราณในจักรรวาลล้วนก่อเกิดจากธาตุทั้งสี่อัน เป็นพื้นฐาน ประกอบด้วยธาตุพสุธา ธาตุวารี ธาตุวายุ และธาตุอัคคี ตอลดหมื่นปีที่ผ่านมาเราได้เฝ้าดูแลบ่มเพราะผลึกแห่งปฐมธาตุไว้ในร่างของริน ลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และพิมพ์มาดา จนพลังจากปฐมธาตุทั้งสี่อันได้แก่อุทกเทพ อุทกมาร วารีนาคราช และธารอสุระ กำเนิดขึ้นในภพนี้ให้เราหลอมรวมเป็นปราณบริสุทธิ์ อันแม้จะมีฐานมาจากกาฬปราณ แต่กลับสมบูรณ์ยิ่งกว่า และยังทำให้เราได้เข้าใจกับความจริงของปราณในโลกหล้าได้ถึงแก่นแท้…’
ตลอด เวลาที่จิตของไกรวิทย์ถ่ายทอดข้อความออกมา หญิงสาวทั้งแปดต่างจับจ้องร่างที่หมุนวนรอบตัวช้าๆ ของไกรวิทย์กลางอากาศ ประกายตาทุกคู่บ่งบอกถึงความสนใจใคร่รู้ในสิ่งกำลังจะได้รับฟัง
‘ปราณ แต่ละรูปแบบที่พวกเจ้าเหล่าเทวนารีใช้นั้น แท้จริงหาได้เป็นปราณที่เป็นเอกเทศจากปราณอื่นไม่ ทุกสิ่งล้วนเป็นการผสานของพลังจากธาตุทั้งสี่ ทุกวิชาปราณคือการผสมผสานธาตุนั้นด้วยวิธีที่แตกต่างกันเฉกเช่นเดียวกับนัก ดนตรีผสมผสานตัวโน๊ตทั้งเจ็ดก่อเกิดบทเพลงที่แตกต่างโดยไม่จบสิ้น ยกตัวอย่างเช่นปราณอนันตวายุของกันย์อัปสร…รินลดาเจ้าจงแสดงปราณนั้นออกมา ให้เถอะ…’
จิตรินลดาวส่งเสียงรับคำเบาๆ ร่างโปร่งบางที่ปกคลุมอวัยวะสำคัญด้วยเส้นสายสีขาวส่งประกายไร้ตำหนิราวหยก เบื้อบริสุทธิ์ พุ่งขึ้นกลางห้องโถง มวลอากาศในห้องพลันแปรเปลี่ยนเป็นบางเบาขณะกระแสอากาศทั้งหมดถูดึงดูดเข้า ล้อมร่างงามที่ปกคลุมด้วยเกราะปราณสีขาวบริสุทธิ์ ปราณของเหล่าเทวนารีทุกนางรับรู้ได้ถึงความกราดเกรี้ยวของกระแสอากาศที่หมุน วนพร้อมที่จะทะลักทะลายออกโจมตีเป้าหมายได้ในทันที แต่ความรุนแรงนั้นกลับไม่กระทบกระเทือนต่อร่างของรินลดาที่ศูนย์กลางแม้แต่ น้อย เรือนผมยาวสลวยขังคงนิ่งสนิทอยู่บนดวงหน้างามที่อยู่ในสมาธิมั่นคง จนดูราวกับเทพธิดาที่ดำรงร่างอยู่ท่ามกลางมหาวายุ
‘นั่นคืออนัตวายุ ที่หากแม้นรินลดาส่งออกโจมตีผู้ใด วายุที่ละเอียดเป็นเส้นสายจะแทรกผ่านปราณป้องกันตัวทุกรูปแบบเข้าสู่ทุกรู ขุมขน ทำลายกระแสปราณในร่างศัตรู ทำลายเส้นเลือดทั่วร่าง นี่คือปราณของเทวนารีแห่งราศรีกันย์ ผู้กำเนิดภายใต้อิทธิพลแห่งธาตุวายุ ทำให้วายุมีอำนาจเหนือธาตุอื่นในร่าง แม้ปราณที่เราส่งเข้าสู่ร่างจะเป็นปราณที่สมดุลย์ แต่ร่างของรินลดาก็จะรับพลังส่วนของวายุมากกว่าธาตุอื่น….รินลดาจงโจมตี อันตวายุเข้าใส่เราเต็มกำลังเดี๋ยวนี้…’
‘แต่…นายท่าน…’
จิต รินลดาอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนกกับคำสั่งของไกรวิทย์ เช่นเดียวกับเหล่าเทวนารีทุกนางที่รู้ดีว่าอำนาจทำลายล้างแห่งอนัตวายุของเท วนารีแห่งราศรีกันย์นั้น สามารถแทรกผ่านปราณป้องกันตัวทุกรูปแบบได้ราวสายน้ำทีแทรกผ่านเมล็ดทราย…. จะมีแต่พียงเกราะปราณแห่งเทวนารีเท่านั้นที่สามารถคต้านทานได้ชั่วขณะ แต่ร่างเปลือยเปล่าของไกรวิทย์นั้นปราศจากเกราะนิลกาฬประจำตัวคุ้มครอง การสั่งให้รินลดาโจมตีนั้นจึงแทบจะหกล่าวได้ว่าเป็นคำสั่งที่ขอให้สังหารตน เองอย่างแน่ชัด
‘รินลดา จงเชื่อมั่นในตัวเรา….ปลดปล่อยอันตวายุเถอะ…’
ใบ หน้างามของรินลดาเปลี่ยนจากความตื่นตระหนกเป็นความมั่นใจเมื่อได้รับจิตของ ไกรวิทย์ หญิงสาวตวาดก้อง ผลักดันมวลอากาศกราดเกรี้ยวของอนันตวายุเข้าใส่ไกรวิทย์ที่เบื้องล่างเต็ม กำลัง
………..เปรี้ยง……………
กระแสลมที่รุนแรงราวกับจะ ฉีกกระชากทุกสิ่งออกจากกันปะทะกับปราณคุ้มครองร่างของไกรวิทย์เต็มกำลังจน เกิดเสียงปะทะกึกก้อง ไกรวิทย์รับรู้ได้ถึงมวลอากาศรอบตัวถูกดึงดูออกไปผสานกับกระแสลมที่เล็ก ละเอียดกว่าเส้นด้ายนับไม่ถ้วยแผ่พุ่งผ่านปราณคุ้มครองร่างเข้ามาราวเข็มไร้ สภาพ ใบหน้าไกรวิทย์ปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขณะที่ทั่งร่างเปล่งประกายสีดำสนิทแผ่พุ่งออกเป็นเส้นใยปะทะกับกระแสลมทุก สายที่ผ่านทะลุปราณเข้ามา ทันใดนั้นมวลอากาศที่กราดเกรี้ยงพลันแปรเปลี่ยนเป็นกระแสลมอ่อนโยนอ้อมผ่าน ร่างไกรวิทย์ไปก่อนจะสลายไปในชั่วพริบตา
‘ปะ..เป็นไปไม่ได้…อนันตวายุไม่สามารถสลายได้แบบนี้…..’
จิต ตื่นตระหนกสุดขีดของรินลดาส่งออกมาพร้อมกับเสียงอุทานของเหล่าเทวนารี เมื่อพบเห็นว่าปราณอนัตวายุที่ไร้ผู้ต้านทานของเทวนารีราศีกันย์กลับสลายไป โดยที่ไกรวิทย์ไม่ได้ขยับร่างต้านทานแม้แต่น้อย ไกรวิทย์ยิ้มให้รินลดาอย่างอ่อนโยนขณะหันหน้าไปยังอัจฉริยาที่ด้านข้าง….
‘อัจฉริยา…..จงสำแดงดัชนีอัคคีอันเป็นปราณประจำตัวแห่งเทวนารีราศรีพิจิกกับเราเดี๋ยวนี้….’
ร่าง อัจฉริยาสาดพุ่งขึ้นสู่อากาศตามคำสั่งของไกรวิทย์โดยไม่ลังเลใจ เรือนร่างโปร่งบางน่าทะนุถนอมที่ดูราวกับเด็กสาววัย 17 ปี ถูกสายใยสีแดงสดแห่งเราะปราณถักทอปกคลุมร่างขาวผ่องเอาไว้ในตำแหน่ง ของอวัยวะสำคัญ ข้อมือทั้งสองถูกสายใยปราณถักทอเป็นรูปแมลงป่องชูวงหางสีแดงเจิดจ้า ติดกับผิวขาวผ่องจนดูราวกับเทพธิดาแห่งไฟที่เร่าร้อนพร้อมจะแผดเผาคู่ต่อสู้ ให้เป็นเถ้าธุลี… ร่างอัจฉริยาหยุดนิ่งกลางอากาศ แสงสีแดงจากรูปแมลงป่องที่ข้อมือยิ่งส่งประกายเจิดจ้าราวเปลวเพลิง ขณะหญิงสาวตวาดก้องแผ่พุ่งมวลปราณ เป็นแสงสีแดงเจิดจ้าสิบสายออกจากนิ้วเรียวงามทั้งสิบวาบเข้าใส่ร่างไกรวิทย์
‘นายท่านระวังไว้…รับแสงเลเซอร์ เอ๊ย…ดัชนีอัคคีแห่งเทวนารีราศีพิจิก’
จิต ของอัจฉริยาตวาดเตือนด้วยถ้อยคำที่ยังคงแฝงนิสัยของเด็กหญิงที่ต่อปากต่อคำ กับไกรวิทย์ตลอดมาเอาไว้โดยไม่สามารถละทิ้งได้ แม้จะอยู่ในฐานะของเทวนารีแล้วก็ตาม แต่ด้วยสายตาของเหล่าเทวนารีทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่อัจฉริยาระบุอย่างไม่ ตั้งใจว่าแสงเลเซอร์นั้น ดูจะไม่แตกต่างกับความเป็นจริงแม้แต่น้อย เพราะลำแสงสีแดงสุกใสที่พุ่งเข้าหาไกรวิทย์นั้นเต็มไปด้วยพลังปราณร้อนแรง ที่สามารถหลอมละลายมวลโลหะธาตุให้สลายเป็นไอในพริบตา ไม่ต่างจากแสงเลเซอร์ของโลกวิทยาการปัจจุบันแม้แต่น้อย…
………ฟุ่บ……………..
พริบ ตาที่ลำแสงร้อนแรงทั้งสิบสายกระทบร่างไกรวิทย์ แสงเรืองสีฟ้าสดใสก็พลันกระจายออกจากร่างที่ปราศจากเกราะนิลกาฬป้องกัน แต่ลำแสงสีแดงนั้นกลับไม่สามารถผ่านม่านแสงสีฟ้าเข้าไปได้ ทีแต่เพียงเสียงราวกับโลหะร้อนแดงถูกจุ่มลงในน้ำเย็นดังขึ้นแทนที่…ทำให้ อัจฉริยาที่ชะงักร่างอยู่กลางอากาศพร้อมรินลดาต้องส่งเสียงอุทานออกมาด้วย ความแปลกใจ….
‘คราวนี้…ทิพย์วารี…และพิมพ์มาดา พวกเจ้าทั้งสองจงใช้วารีพิฆาตและกาสรฆาตกับเราพร้อมกัน วารีพิฆาตคือการเร่งเร้าพลังแห่งธาตุวารีถึงขีดสุด
…น้ำนั้นหล่อ เลี้ยงให้ชีวิตกับสรรพชีวิตแต่ก็ทำลายทุกสิ่งได้เช่นเดียวกับดินที่ให้ กำเนิดและปกป้องมวลชีวิตแต่ก็สารารถกดทับทุกชีวิตให้แหลกสลายได้เช่นกัน จงโจมตีเราด้วยอำนาจแห่งเทวนารีราศีกุมภ์และพฤษภเถอะ…’
ทิพย์วารี สบตาพิมพ์มาดาที่อยู่ตรงข้ามก่อนพยักหน้าเป็นสัญญาณ ร่างเปล่งปลั่งด้วยเลือดเนื้อวัยสาวที่ก่อนหน้าเคยถูกหุ้มด้วยเกราะปราณ มังกรวารีสีฟ้าใส บัดนี้เปลี่ยนไปเป็นสายใยปราณสีน้ำเงินเข้มราวกับสีของห้วงมหาสมุทร ขดม้วนเป็นวงดังคลื่นน้ำกระจายไปห่อหุ้มทรวงอกเต่งเต้าและเนินรักอวบอิ่มเอา ไว้ เส้นสายสีน้ำเงินแผ่ออกตามแนวการโคจรปราณ…ก่อเป็นภาพของเทพธิดาแห่งวารี ที่กำลังทะยานสู่ห้วงอากาศ ด้านตรงข้ามร่างอวบอัดเกินวัยของพิมพ์มาดาก็สาดพุ่งขึ้นพร้อมกัน เด็กสาววัย 12 ปี หมุนร่างราวลูกข่าง จนแทบไม่สามารถเห็นเกราะปราณสีเทาเข้มที่แผ่ออกป้องกันร่างเด็กหญิง จิตของเทวนารีทั้งสองส่งเสียงตวาดเตือนออกมาพร้อมกัน
‘วารีพิฆาต…..’
‘กาสรฆาต…’
พลัง ปราณมหาศาลสองขุมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กระหน่ำเข้าหาร่างไกรวิทย์จากด้านที่ตรงข้ามกัน มวลพลังวารีพิฆาตดึงดูความชื้นในอากาศเข้าสู่ร่างทิพย์วารีราวหมอกควัน ร่างงามของหญิงสาวปรากฏม่านน้ำขึ้นรอบตัว ก่อนผนึกเป็นเส้นสายพุ่งวาบลงหาไกรวิทย์…พร้อมกับที่พลังที่แข็งแกร่งราว พะเนินเหล็กก่อตัวขึ้นจากร่างพิมพ์มาดา ซึ่งแม้จะไม่ปรากฏกระแสพลังให้ดวงตามองเห็นแต่จิตปราณขอบทุกคนก็รับรู้ได้ ถึงมวลพลังที่ผนึกตัวซับซ้อนซ้อนจนแทบจะเป็นวัตถุมีสภาพปราศจากช่องว่างกด กระหน่ำเข้าทับร่างไกรวิทย์
‘วารีพิฆาตคือสุดยอดแห่งปราณจากวารี กาสรฆาตคือพลังที่ผนึกจากธรณีธาตุที่หนักหน่วงแข็งกร้าว พิมพ์มาดา ทิพย์วารีจงดูกาฬปราณที่สมดุลของเรา….’
ร่างที่ยังอยู่ท่าขัดสมาธิ ของไกรวิทย์พลันหมุนคว้างสองมือแยกย้ายออกรับพลังวารีพิฆาตและกาสรฆาตที่ โจมตีเข้ามาพร้อมกันทั้งสองด้าน ใบหน้าชายหนุ่มปรากฏสีแดงวูบบอกถึงการสร้างสมพลังในร่าง ก่อนส่งเสียงตวาดเบาๆ ชักนำพลังทั้งสองเข้าปะทะกัน
………….บรึม………………
เสียง พลังทั้งสองที่ปะทะเข้าหากันแทนที่จะกระทบร่างไกรวิทย์ที่เป็นเป้าหมายดัง ก้องในห้องโถงกว่าง แต่เสียงนั้นกลับไม่กัมปนาทจนสั่นสะเทือนอย่างที่ควรเป็น เมื่อคำนึงถึงความรุนแรงของพลังที่กระหน่ำเข้าหาอย่างเต็มที่…แต่ภาพที่ ปรากฏก็ทำให้ทิพย์วารี และพิมพ์มาดาถึงกับเบิกตาค้างเมื่อพบว่าพลังปราณที่สามารถทำลายทุกสรรพสิ่ง กลับดูราวกับของเล่นเมื่อใช้กับไกรวิทย์…
‘นายท่าน…นี่คือพลังอันใด เป็นไปไม่ได้ที่กาสรฆาตจะสลายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้…’
‘วารีพิฆาตผนึกจากวารีในอากาศเป็นกลุ่มก้อน…จะสลายไปได้อย่างไร…’
จิต ของสองเทวนารีดังขึ้นพร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่แฝงความผิดหวังไว้อย่างชัดเจน …เช่นเดียวกับสีหน้าผท้อแท้ของรินลดาและอัจฉริยา ที่ยังคงร่างอยู่กลางอากาศ
ไกรวิทย์ขยับมือเป็นสัญญานเทวนารีทั้งสี่ กลับลงสู่อาสนะ และยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะเตรียมส่งจิตอธิบายให้เทวนารีผู้สับสนทั้งสี่รับรู้ แต่จิตของเซี่ยวเล้งกลับดังแทรกขึ้นกลางคัน
‘พี่ริน พี่กิฟท์ น้องทิพย์ น้องพิม…อย่าตระหนกไป หากเซี่ยวเล้งคาดการณ์ไม่ผิด สาเหตุที่นายท่านสามารถสลายวิชาประจำตัวของทุกคนได้นั้นเกิดจากปราณที่ผสาน ธาตุทั้งสี่ของนายท่านที่รู้ถึงกระแสปราณอันเกิดจากธาตุประจำตัวของทุกคน จนทำให้สามารถใช้พลังของธาตุตรงข้ามสลายและชักนำปราณที่โจมตีทั้งหมดได้…’
ไกรวิทย์หันไปยิ้มให้เทวนารีแห่งราศีมังกรผู้รอบรู้วิชาปราณทั้งปวง และพยักหน้าเป็นเชิงยืนยันคำกล่าวของเซี่ยวเล้ง ก่อนจะส่งจิตออกไป
‘เซี่ยว เล้งกล่าวถูกต้อง เราขอยืนยันว่าด้วยปราณของรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และพิมพ์มาดานั้น ไม่มีผู้ทรงปราณใดในโลกสามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับเราผู้ถ่ายทอดปราณเหล่านี้ให้ทุกคน เรารู้ดีถึงระดับพลังและธาตุที่ใช้ในการผนึกปราณ..ดังนั้นเราจึงสามารถสลาย ให้ปราณทั้งหมดสมดุลกับธรรมชาติโดยรอบ…แต่จุดหมายที่เราแสดงออกซึ่งวิชชา ปราณนี้หาใช่ต้องการให้ทุกคนท้อแท้ต่อพลังปราณของตนเองไม่…หากเราต้องการ ให้ทุกคนได้รับรู้ว่าปราณทั้งหลายในจักรวาลสามารถปรับให้สู่ภาวะสมดุลกับตน เองได้…เมื่อเป็นเช่นนี้ขอเพียงพิจารณาปราณของคู่ต่อสู้เป็นธาตุที่ก่อนิด ปราณ เราจะสามารถค้นพบจุดเด่นจุดด้อยเพื่อโจมตีหรือหลบเลี่ยงได้โดยปราศจากการ พ่ายแพ้…ปราณในร่างของที่รักแห่งเราทุกคนล้วนเป็นกาฬปราณที่ปรับเข้าสู่สม ดุล ขอเพียงทุกคนเข้าใจในหลักการสมดุลของพลังแล้ว ต่อให้เป็นพลังแห่งเทพเจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเราได้…’
สีหน้าที่ ท้อแท้ของรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และพิมพ์มาดากลับสู่สภาพเดิมหลังจากได้รับคำอธิบายของไกรวิทย์ จิตของเหล่าเทวนารีส่งเสียงตอบรับขึ้นพร้อมกัน
‘เทวนารีแห่งจักราศรีใต้เทวบัญชา ขอน้อมรับคำสั่งสอนจากมหาเทพวิรุณปักขะ’
‘ถ้าเช่นนั้น…เราขอยุติจักราศูนย์…ทุกคนควรพักผ่อนได้แล้ว….’
ไกรวิทย์ส่งจิตที่แฝงปราณเปี่ยมล้นเป็นสัญญาณเสร็จสิ้นจักราศูนย์ แต่จิตของเรอินะกลับดังขึ้นแทรก
‘นายท่าน นารีธนูใคร่ขอเวลาของจักราศูนย์สักครู่หนึ่ง’
ดวง ตาทุกคู่หันไปจับจ้องร่างปราดเปรียวของเทวนารีแห่งราศีธนูที่อยู่ในเกราะ ปราณสีส้มสดพร้อมกัน ขณะที่หญิงสาวส่งจิตที่แฝงความไม่มั่นใจออกมาเบาๆ
‘นาย ท่าน เรอินะใคร่ขอถามนายท่านว่าด้วยระดับแห่งปราณของพวกเรานี้ เราสามารถต่อต้านกองทัพจักราศีภายใต้การนำของเทพสุรัสวดีได้หรือไม่…’
ดวงตาไกรวิทย์ทอประกายเจิดจ้า ก่อนส่งจิตกลับมา
‘หากเทวนารีทั้งสิบสองของเราอยู่ด้วยกัน ต่อให้เทพสุรัสวดีเสด็จลงมาบัญชาทัพด้วยตนเอง เราก็หาเกรงกลัวไม่….’
‘ถ้า เช่นนั้นหมายความว่าพวกเราก็ยังคงต้องปกปิดตัวเองจนกว่าเทวนารีแห่งราศีมีน เมษ กรกฏ และสิงห์ จะรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงและมาร่วมกับเรา…แต่พวกนางอยู่ที่ใดกัน…’
จิตของปณิตาส่งออกมาอย่างลังเล ขณะที่จานีสซึ่งไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆ ตลอดจักราศูนย์พลันส่งจิตออกมา
‘พวก นางต้องกำเนิดมาแล้วและพร้อมที่จะกลับเข้ามาหาเรา เพียงแต่จิตแห่งควาทรงจำของพวกนางยังไม่ได้พบกับนายท่าน พวกนางจึงยังไม่รับรู้สถานะของตนเอง อีกทั้งในภาพนี้ใบหน้าแของพวกเราล้วนเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต พวกเราจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าพวกนางคือใครในภาพนี้ นอกเสียจากว่าจิตของพวกนางตื่นขึ้นเมื่อพบนายท่านเท่านั้น ปณิตาท่านไม่ต้องกังวลไป จานีสรู้ว่าวัฏะชีวิตของพวกเราทุกคนมาบรรจบกันแล้ว การที่เราจะพบพวกนางทั้งสี่นั้นขึ้นอยู่กับว่าจะเร็วหรือช้าเท่านั้น….’
‘พี่ จานีส…ถ้าพิมจำไม่ผิด…พี่จานีสเคยบอกว่าหากน้าเอ เอ๊ย …นายท่านหลอมรวมปฐมธาตุทั้งสี่สำเร็จ กัลป์สูญจะก่อเกิด…ข้อห้ามที่เทพสุรัสวดีจะก้าวลงสู่พื้นโลกจะหมดสิ้นไป ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราจะต่อต้านนางเช่นไรในเมื่อเทวนารีทุกนางยังไม่รวมกัน ทั้งหมดที่จักราศูนย์นี้’
จิตปณิตาแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแฝงความกังวล ขณะที่จานีสยิ้มให้เด็กหญิงอย่างเอ็นดู ก่อนส่งจิตตอบอย่างนุ่มนวล
‘เท วนารีแห่งราศีเมถุนไม่ต้องกริ่งเกรงในข้อนี้ จานีสขอบอกว่าการเกิดของน้องพิมพร้อมกับธารอสุระนั้นไม่ใช่ความลับของ จักรราศี เพราะจานีสเป็นผู้พบข้อนี้จากวิชาเนตรจักรวาลในห้วงที่จานีสยังเป็นโหราทาส เทพสุรัสวดีรู้ดีว่าน้องพิมจะบรรลุสู่ความเป็นสตรีที่พร้อมถ่ายทอดธารอสุระ เมื่ออายุ 12 ปี แต่นางหาได้รู้ไม่ว่าน้องพิมกลับสามารถผ่านกาลอากาศ ก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลาจนสามารถร่วมรักถ่ายทอดธารอสุระให้นายท่านก่อนกำหนด 3 ปี…ดังนั้นในห้วง 3 ปีนี้ พวกเราต้องสามารถค้นหาเทวนารีทั้งสี่มาร่วมจักราศูนย์ได้อย่างแน่นอนและ พร้อมที่จะรับมือกับนางไม่ว่ากองทัพจักรราศรีจะมีความเข้มแข็งสักเท่าใดก็ ตาม ’
น้ำเสียงที่เชื่อมั่นของจานีสผู้เป็นดังมันสมองของเหล่าเทวนา รีทำให้พิมพ์มาดามีใบหน้าแช่มชื่นขึ้น จานีสกวาดตาผ่านใบหน้าเหล่าเทวนารีที่ร่วมชีวิตกันมายาวนานด้วยปิติ พลันประกายตาแจ่มใสของจานีสก็ส่งประกายระยิบระยับเมื่อจับจ้องใบหน้ารินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และพิมพ์มาดาแน่วนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนส่งจิตที่เต็มไปด้วยความยินดีออกมา
‘พวกเรามีเวลาเตรียมรับมือ และเวลาเสาะหาพี่น้องเทวนารีทั้งสี่ที่ยังไม่ได้เข้าสู่จักราศูนย์อีกสามปี แต่สำหรับพี่ริน..น้องกิฟท์ น้องทิพย์ และน้องพิม….ห้าเดือนต่อจากนี้ไปคงต้องเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสี่จะต้องหยุด การฝึกปราณเป็นการชั่วคราวแล้ว….’
จิตที่ส่งคำพูดเป็นนัยของจานีส ทำให้เซี่ยวเล้ง ปณิตา่ และเรอินะ ส่งเสียงอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตื่นเต้นระคนความปลื้มปิติ
‘ห้า เดือน…นี่คือช่วงเวลาแห่ง การ…….โอ…ที่แท้….เซี่ยวเล้งยินดีกับนายท่านและพี่ริน น้องกิฟท์ น้องทิพย์ น้องพิมนัก….ธิดาแห่งกัลป์สูญจะถือกำเนิดแล้ว….’
‘มิ ผิด…การแยกร่างร่วมรักของเราเมื่อครู่ เราได้ฝังเมล็ดพันธ์แห่งชิตไว้ในครรภ์ของรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และพิมพ์มาดาแล้ว… ในเวลา 5 เดือนอันเป็นห้วงเวลาอุ้มครรภ์ของมนุษย์กึ่งเทพ ธิดาแก่งกัลป์สูญทั้งสี่จะถือกำเนิด และเมื่อพวกนางเติบโตขึ้นพบกับวัชระแห่งชีวิต เมื่อนั้นกัลป์สูญจะปรากฏขึ้น นั่นคือหน้าที่ที่พวกเราต้องปกป้องให้ดำเนินไปด้วยชีวิต…’
จิตของ ไกรวิทย์ส่งกระจายไปยังเหล่าเทวนารีด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดีเอาไว้อย่าง ชัดเจน ทำให้กระแสความตื่นเต้นแผ่ซ่านไปทั่ว แต่ก่อนที่ไกรวิทย์จะสั่งยุติจักราศูนย์ จิตที่แฝงความไม่มั่นใจของเรอินะก็ดังแทรกขึ้นอีกครั้ง
‘พี่จานีส…เรอินะใคร่ขอบ่งชี้เรื่องประการหนึ่งที่ติดค้างในใจเรอินะมาตลอดให้นายท่านและเหล่าเทวนารีร่วมกันพิจารณาจะได้หรือไม่’
นำเสียงของเรอินะทำให้ไกรวิทย์หันไปให้ความสนใจเทวนารีผู้ปราดเปรียว ที่ใบหน้าคมคายกำลังแสดงอาการขบคิดระคนกังวลออกมาอย่างชัดแจ้ง
‘เรอินะบ่งบอกออกมาเถิด..’
‘พี่ จานีส และพี่เซี่ยวเล้งคงรู้ดีอยู่แล้วว่าปกติจักราศีจะสับเปลี่ยนเหล่าเทวนารีทุก 15 ปี…เมื่อเหล่าเทวนารีอายุถึง 25 ปีและปราณจากผลึกราศีในร่างแตกสลาย….แต่สามปีมานี้หลังจากการสูญหายของพี่ เซี่ยวเล้งและมิถุกานารี น่าแปลกนักที่เทพสุรัสวดีจักราศีกลับไม่ได้แต่งตั้งสตรีนางใดขึ้นมาเป็นเท วนารี ปล่อยให้ผลึกราศีผนึกพลังเอาไว้โดยไร้ผู้ครอบครอง….’
‘นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร….’
เซี่ยว เล้งส่งเสียงอุทานออกมาอย่าลืมตัว ประสบการณ์ใช้ชีวิตอยู่ในจักรราศรีของหญิงสาวทำให้รู้ว่าจักราศรีไม่สามารถ ดำรงอยู่หากขาดเทวนารีนางใดนางหนึ่ง ขณะที่เรอินะส่งจิตบอกเล่าสืบต่อ
‘แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรอินะกังวลเท่าใดนัก พี่เซี่ยวเล้งก็รู้ว่าเรอินะไม่ค่อยชอบคบหากับเทวนารีนางอื่นนอกจากพี่เซี่ยวเล้ง…’
‘ใช่แล้ว..มีแต่นารีธนูเท่านั้นที่เป็นที่รักของเหล่าผู้รับใช้ในแชงกรีล่า’
เซี่ยว เล้งส่งจิตออกมาเบาๆ ความทรงจำของหญิงสาวปรากฏภาพเรอินะผู้ซุกซนที่มักจะใช้เวลาว่างพูด คุยกระเซ้าเย้าแหย่เหล่าผู้รับใช้ในแชงกรีล่าแม้จะมีสถานะเป็นหนึ่งในเทวนา รีก็ตาม…
‘เมื่อปีที่ผ่านมา เรอินะได้รับตำบอกเล่าเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่งจากสตรีรับใช้ในโรงประกอบ อาหารของแชงกรีล่า…นางเล่าถึงขุนเขาโดดเดี่ยวที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในหุบ เขาหิมะที่ปราศจากผู้คน…เมื่อสามปีที่ผ่านมามีการขุดเจาะหินผาในขุนเขา นั้นเป็นคูหามากมายล้อมรอบขุนเขา และทุกวันนางจะต้องนำอาหารไปส่งให้กับผู้พำนักในคูหาเหล่านั้น…..นางเล่า ว่าทุกคนในคูหาล้วนเป็นเด็กหญิงวัย 12 ปี จากหลากหลายเชื้อชาติ…ทุกนางล้วนมีใบหน้างดงามราวเทพธิดา…แต่ละวันพวก นางต่างนั่งสมาธิในร่างเปลือยเปล่าทั้งที่ภายนอกล้วนทับถมด้วยหิมะ…แต่ดู ราวกับว่าพวกนางนอกจากรับอาหารที่จัดส่งไปแล้ว จะไม่มีการสนทนาระหว่างกันอันใดทั้งสิ้น….เรอินะไม่รู้ว่า….’
‘เรอินะ…พวกนางมีจำนวนเท่าใด….’
จิต ที่เปี่ยมด้วยความตื่นตระหนกสุดขีดของจานีสที่ทุกคนไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังขัดการบอกเล่าของเรอินะ..ทำให้สายตาทุกคู่หันไปมองจานีสเป็นตาเดียวและพบ ว่าใบหน้างดงามของเด็กสาวกำลังเปลี่ยนเป็นซีดเผือกด้วยความตกใจ….
‘พี่จานีส….ถ้าเรอินะจำจำนวนไม่ผิด พวกนางมีจำนวน 60 คน’
ดวงตาจานีสส่งประกายเจิดจ้า…ใบหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน…ขณะส่งจิตสั่นสะท้านออกมา
‘หกสิบขุนพลเทพ….สองมหาเทพสูงสุดแห่งจักรวาลกำหนดจุดยืนตรงข้ามกับเรา ยอมตามคำขอของเทพสุรัสวดีแล้ว….’