ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

The Paradox & The Zodiac by Buta - The Zodiac บทที่ 5.4 จักรวาลคู่ขนาน

  1. Home
  2. The Paradox & The Zodiac by Buta
  3. The Zodiac บทที่ 5.4 จักรวาลคู่ขนาน
Prev
Next

The Zodiac บทที่ 5.4 จักรวาลคู่ขนาน

ท่ามกลางความมืดสนิทของถ้ำกว้าง แสงสว่างจ้าหลายสายพลันปรากฏขึ้นที่ปากทางเข้า พร้อมกับร่างของสตรี 5 นางพริ้วปราดเข้ามาที่บริเวณกึ่งกลางถ้ำ โดยที่ฝุ่นหนาซึ่งปกคลุมบนพื้นถ้ำไม่ถูกกระทบกระเทือนแม้แต่น้อย บอกให้รู้ว่าสตรีทั้งห้าล้วนเป็นผู้ทรงปราณระดับสูงสุดที่สามารถผนึกปราณให้ ร่างล่องลอยอยู่กลางอากาศ อันเป็นระดับชั้นเหนือกว่าผู้ทรงปราณทุกสำนักในโลก ร่างที่นำหน้ามาเป็นร่างของหญิงวัยกลางคนในเสื้อผ้าซอมซ่อราวกับชาวสวนที่ เพิ่งผ่านจากการทำงานประจำวัน แต่แววตาสุกใสแวววาวนั้นกลับกระจ่างราวดวงดาว

ร่างสตรีในชุดชาวบ้านคร่ำคร่าอีก 4 คนถลันวูบมายืนเคียงข้างสตรีคนแรก พร้อมกับจิตของสตรีนางหนึ่งที่กำลังยกมือขึ้นตรวจสอบเครื่องมือรูปทรงกลมใน มือดังขึ้น

‘พี่ริน..เครื่องติดตามบ่งชี้ว่า เครื่องของพี่เอ พี่จานีส และน้องพิม อยู่ในบริเวณนี้ พวกเราลองกระจายกันหาดูดีกว่านะ..’

สตรีกลางคนที่ถูกเรียกว่าพี่ริน ยกมือขวายกขึ้นสอดเข้าไปที่ปลายคางก่อนดึงแผ่นหนังเบาบางที่ปิดใบหน้าออก เผยให้เห็นดวงหน้างามของหญิงสาวที่แม้จะผ่านช่วงอายุ 22 ปีไปแล้ว แต่ใบหน้านั้นยังคงดูอ่อนเยาว์ราวกับเด็กสาววัยแรกรุ่น ดวงตาสุกใสของหญิงสาวผู้เป็นพี่ใหญ่แห่งกลุ่มสตรีบ้านคชสีห์ทอประกายกังวล ก่อนพยักหน้ารับข้อเสนอของสตรีที่อยู่ข้างกายและส่งจิตไปยังทุกคนรอบข้าง

‘พวกเราแยกย้ายกันออกไปตรวจรอบๆ ตามที่น้องนิวบอกนะ คอยดูสัญญาณที่เครื่องรับด้วย ถ้าใครพบเครื่องติดตามของสามคนนั้นก็บอกด้วย รินรู้สึกแปลกๆ กับที่ตรงนี้อย่างไรก็ไม่รู้’

สตรีทั้งสี่ที่ล้อมรอบรินลดาขานรับเป็นเสียงเดียวกัน และพากันปลดหน้ากากที่ปลอมแปลงใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้างามผุดผาดของอัจฉริยา ปณิตา ทิพย์วารี และเซี่ยวเล้ง ท่ามกลางแสงสว่างของดวงไฟฉายที่สะท้อนดวงตาทอแววห่วงใยของทุกคนเอาไว้ หญิงสาวทั้ง 5 สบตากันวูบหนึ่งก่อนกระจายกันออกไปจากจุดศูนย์กลางของถ้ำ ด้วยความเร็วราวประกายไฟ

เวลาผ่านไปชั่วขณะ เสียงจากที่ตื่นตระหนกของเซี่ยวเล้งก็ดังขึ้นในสมองของหญิงสาวทุกคน

‘พี่ริน พี่กิฟท์ น้องทิพย์ น้องนิว…เครื่องติดตามตกอยู่ที่นี่เครื่องหนึ่ง’

เสียงอุทานของสตรีทั้งสี่ดังขึ้นพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันที่จะมีจิตของสตรีนางใดตอบรับจิตเซี่ยวเล้ง จิตของอัจริยาก็ดังแทรกขึ้นด้วยสำเนียงแตกตื่นเช่นเดียวกัน

‘พี่ริน…มาตรงนี้เร็วๆ เข้า มีเครื่องติดตามสองเครื่องอยู่ตรงนี้ และยังมีเสื้อผ้าของน้องพิม กับพี่จานีสกองอยู่ด้วย…’

เสียงอุทานของรินลดา ทิพย์วารี ปณิตา และเซี่ยวเล้ง ดังขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง ร่างทั้งสี่ต่างพุ่งวาบมายังตำแหน่งที่อัจฉริยายืนนิ่งงันอยู่ ในมือหญิงสาวผู้เติบโตมาพร้อมไกรวิทย์ถือเครื่องติดตามตัวที่ปณิตามอบให้ไว้ ที่ปลายเท้าของอัจฉริยามีเสื้อผ้าของสตรีสองชุดกองรวมกันอยู่ สีสันและลวดลายของเสื้อผ้าที่เห็นนั้น หญิงสาวทุกคนจำได้ในทันทีว่ามันคือเสื้อผ้าแปลงโฉมที่จานีสและพิมพ์มาดาสวม ใส่อยู่ก่อนที่จะแยกทางกัน แต่เมื่อรินลดา ทิพย์วารี ปณิตาและเซี่ยวเล้ง มองตามสายตาอัจฉริยาที่จับจ้องผนังถ้ำเบื้องหน้า ทั้งหมดก็ต้องชะงักจิตที่จะสอบถามอัจฉริยาในทันทีกับภาพประหลาดที่ปรากฏอยู่ ท่ามกลางแสงเจิดจ้าของหลอดไฟฮาโลเจนทั้งห้าดวง

ภาพอุโมงค์กลมที่ของอุโมงค์จารึกด้วยอักษรแปลกตาโดยรอบปรากฏอยู่ต่อสายตาทุก คน แสงไฟส่องผ่านเข้าในอุโมงค์เผยให้เห็นทางเดินและผนังหินราบเรียบราวกระจกที่ ทอดยาวไปจนสุดสายตา ความเงียบงันปกคลุมหญิงสาวทั้ง 5 ครู่ใหญ่ ก่อนที่จิตทิพย์วารีจะส่งออกมาทำลายความเงียบ พร้อมกับร่างเริ่มขยับเพื่อก้าวเข้าไปยังอุโมงค์เบื้องหน้า

‘พวกพี่เอต้องเข้าไปในอุโมงค์นี้แน่..พวกเราตามเข้าไปกันเถอะ.. ทิพย์ว่า….’

ยังไม่ทันที่จิตทิพย์วารีจะกล่าวเสร็จสิ้น มือขาวผ่องของเซี่ยวเล้งก็คว้าแขนทิพย์วารีไว้ก่อนเท้าของเด็กสาวจะก้าวไป ถึงปากทางเข้าอุโมงค์

‘น้องทิพย์ อย่าเพิ่งขยับ ดูที่ทางเข้าดีๆ ก่อน….’

ร่างทิพย์วารีที่กำลังจะย่างเท้าเข้าสู่ปากช่องทางวงกลมถูกมือของอดีตธิดา มังกรฟ้ากระชากกลับออกมา จนทิพย์วารีซวนเซเล็กน้อยและหันกลับมาสบตาเซี่ยวเล้งด้วยความแปลกใจ แต่ก่อนที่เด็กสาวจะส่งจิตสอบถามสิ่งใด จิตที่แฝงความประหลาดใจของอัจฉริยาก็ดังแทรกขึ้นมา

‘เอ๊ะ…พวกเราดูฝุ่นที่ลอยไปตรงอุโมงค์นั่นสิ…’

สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องพื้นที่หน้าช่องทางเข้าวงกลมซึ่งสว่างเจิดจ้าไปด้วย แสงจากไฟฉายฮาโลเจน เพียงพริบตาเดียวทุกคนก็อุทานออกมาพร้อมกันเมื่อพบว่าฝุ่นที่ล่องลอยเข้าไป ยังปากทางกลับสะท้อนออกมาราวกับมีม่านที่มองไม่เห็นขวางกั้นอยู่ ทำให้ปณิตาผู้มีจิตส่วนหนึ่งของปาริชาติทายาทของนักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก ต้องรีบทรุดตัวลงคุกเข่าหน้าปากทางเข้าและพิจารณาสภาพเบื้องหน้าอย่าละเอียด ด้วยความสนใจ ดวงหน้าที่หลอมรวมความงามโฉบเฉี่ยวของปาริชาติกับความงามคมคายของอนิตราใน อดีต ตกอยู่ในภวังค์เคร่งขรึมกับปรากฏการณ์ที่ขัดแย้งกฏเกณฑ์ธรรมชาติเบื้องหน้า ความเงียบเข้าปกคลุมครู่ใหญ่ ก่อนที่หญิงสาวจะหันกลับมาส่งจิตกับทุกคนที่เฝ้ามองอยู่

‘แปลกมาก…ฝุ่นพวกนี้ดูเหมือนกับกระทบม่านพลังงานอะไรบางอย่างที่ขวางปาก ทางเข้าอยู่ แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือแทนที่มันจะสะท้อนกลับออกมาด้วยความเร็วลดลงครึ่ง หนึ่งของแรงกระทบตามหลักฟิสิคส์ แต่ฝุ่นพวกนี้กลับเพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าและพุ่งกลับออกมาราวกับว่าม่าน นี้เพิ่มพลังงานให้ นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย….’

พร้อมกับที่ส่งจิต ปณิตาก็สะบัดปลายเท้าเตะฝุ่นละอองที่ปกคลุมพื้นถ้ำอยู่ให้ฟุ้งกระจายขึ้นไป ยังปากทางเข้าเบาๆ สายตาของทุกคนก็ได้เห็นพร้อมกันว่าทันทีที่ฝุ่นนั้นกระทบม่านที่มองไม่เห็น ฝุ่นทุกเม็ดก็ดีดกลับมาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างไม่น่าเป็น ไปได้

‘น้องนิว หรือว่ามีแหล่งพลังงานไฟฟ้าซุกซ่อน ให้พลังงานกับม่านพลังอยู่ในนี้’

รินลดาส่งจิตตั้งสมมุติฐานออกมาเบาๆ แต่ปณิตากลับสั่นศีรษะและส่งจิตตอบอย่างมั่นใจ

‘นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกพี่ริน เทคโนโลยีสนามพลังในโลกนี้ยังไม่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาแม้คุณพ่อของนิว..เอ๊ยไม่ใช่สิของเหมียว…จะเคยประสบความสำเร็จใน การสร้างสนามพลังขนาดเล็กขึ้นมาในห้องทดลอง แต่สนามพลังนั้นก็มีขนาดท่าฝ่ามือเด็กๆ และที่สำคัญเพียงแค่ก่อตัวขึ้นมาไม่ถึงวินาทีมันก็กินพลังงานมหาศาลเท่ากับ เมืองเล็กๆ ใช้ใน 1 วันแล้ว พลังงานที่จะใช้สร้างสนามพลังขนาดเท่ากับปากทางเข้าข้างหน้านี้ และดำรงคงอยู่ได้นานขนาดนี้ นิวรับรองว่าต่อให้รวมพลังงานไฟฟ้าจากทั่วโลกก็ไม่สามารถทำได้…พลังงานของ มันต้องมาจากแหล่งอื่น แต่ตอนนี้นิวขอทดสอบอะไรบางอย่างก่อน แต่ตอนนี้พี่ริน ถอยห่างไปสักหน่อยนะ…’

แม้ปณิตาจะส่งจิตกับรินลดาแต่ก็ทำให้หญิงสาวทั้งหมดขยับตัวออกห่างไปพร้อม กัน พร้อมกับที่ปณิตาผนึกพลังน้ำแข็งนิรันดร์ในร่างขึ้น แล้วแผ่พุ่งพลังส่วนหนึ่งไปยังม่านพลังเบื้องหน้า

……….บรึม………..

‘น้องนิว’

เสียงระเบิดกึกก้องดังสนั่นเมื่อพลังน้ำแข็งนิรันดร์กระทบม่านพลังและสะท้อน กลับออกมาอย่างรุนแรงจนร่างปณิตากระเด็นออกไปจากหน้าปากทางเข้า พร้อมกับเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจของ รินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และเซี่ยวเล้ง ดังประสานกันเป็นเสียงเดียว แต่ทุกคนก็ถอนใจออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อพบว่าร่างที่ปลิวไปของปณิตา พลิกกลับตัวกลางอากาศจนทรงกายอยู่ได้อย่างทุกลักทุเล ก่อนถอนใจยาวเหยียดและลอยกลับมายังตำแหน่งเดิมอย่างแผ่วเบา

‘จริงอย่างที่นิวคิด…ดีนะที่นิวใช้พลังออกไปแค่หนึ่งในสิบ ไม่อย่างนั้นนิวเองคงต้องกลายเป็นน้ำแข็งตลอดกาลแน่’

ปณิตาส่งจิตออกมาราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ทุกคนก็สามารถรู้สึกถึงความแตกตื่นใจที่แฝงอยู่ในจิตของหญิงสาวผู้ครอง จิตสองดวงเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

‘ถ้าน้องนิวใช้พลังน้ำแข็งนิรันดร์เต็มที่ คนที่จะกลายเป็นน้ำแข็งนั้นไม่ใช่เพียงนิวหรอก ดูรอบๆ ตัวเราสิ…’

จิตรินลดาส่งออกมาเบาๆ ทำให้ทุกคนหันไปมองรอบตัวและพบว่ากลางอากาศปรากฏปุยหิมะลอยล่องไปทั่ว และที่ผนังถ้ำรอบด้านล้วนถูกปกคลุมไว้ด้วยน้ำแข็งบางๆ ชั้นหนึ่งราวกับถูกพายุฤดูหนาวพัดผ่าน ภาพที่เห็นทำให้หญิงสาวทุกคนใจสั่นสะท้านเพราะรู้ดีว่านี่คือผลจากพลังน้ำ แข็งนิรันดร์ของปณิตาอันเป็นวิชาประจำตัวของเทวนารีแห่งจักราศรีเมถุนที่ปณิ ตาสืบทอดมาจากมิถุกานารี พลังที่เย็นสุดขีดนั้นสะท้อนกลับออกมาจากม่านพลังเบื้องหน้าด้วยอำนาจการ ทำลายล้างสองเท่าของพลังที่เข้าไปกระทบรวมทั้งความเย็นที่สามารถแช่แข็ง มนุษย์ผู้ปราศจากปราณได้ในทันที

‘ทุกคน…จำได้ไหมว่าลายแทงที่พี่จานีสพบที่บ้านพวกเราบอกว่าอย่างไร…’

จิตเซี่ยวเล้งส่งออกอย่างครุ่นคิด และโดยไม่รอคำตอบหญิงสาวก็ท่องถ้อยคำที่จารึกไว้บนแผ่นหนังให้ทุกคนร่วมรับรู้…

‘กึ่งปัจฉิมกึ่งอุดร สิบสองวารจากหลักแห่งเทวะปัจฉิม ศิลาปฏิสารค้างวานอยู่ในพิภพ ธนูเวียนบรรจบส่องหญิงพรหมจรรย์ทุกพันปี ศิลาส่องประกายสี ผู้มีวาสนาผ่านสระวงเดือนเข้าสู่คูหาศิลา แต่จงระลึกไว้ว่าคูหาล่างนั้นไร้ทุกสิ่ง ทางแท้จริงเร้นเหนือคูหา นำจิตสมดุลสู่ประตูแห่งศิลา เพื่อรับพลังมาเป็น……’

เนื้อความที่เซี่ยวเล้งถ่ายทอดย้ำอีกครั้ง ทำให้ร่างปณิตาสะท้านขึ้นในทันทีก่อนอุทานออกมา

‘ใช่แล้วพี่เซี่ยวเล้ง ศิลาปฏิสารค้างวานอยู่ในพิภพ ในลายแทงก็บอกไว้ว่าให้ นำจิตสมดุลสู่ประตูแห่งศิลา นี่ต้องเป็นประตูศิลาที่นำไปสู่ศิลาปฏิสารแน่นอน แสดงว่าม่านพลังนี้ต้องได้รับพลังงานจากศิลาปฏิสาร เพราะมีแต่เพียงอนุภาคของปฏิสารจากจักรวาลที่แทรกเข้ามาจักรวาลของเราอื่น เท่านั้นที่จะให้พลังงานได้ขนาดนี้…และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้กฏฟิสิคส์ ของจักรวาลเราถูกบิดเบือนด้วยกฎทางฟิสิคส์ของจักรวาลอื่น…นิวไม่คิดเลยว่า จะได้เห็น นี่ถ้า….’

จิตปณิตาส่งรัวออกมาด้วยความตื่นเต้นเมื่อปมปัญหาเริ่มคลี่คลายแต่ก่อนที่หญิงสาวจะส่งจิตต่อไป จิตที่หนักแน่นของรินลดาก็ดังขัดขึ้น

‘เบื้องหน้านี่จะเป็นอะไรก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงที่พวกเราต้องรู้ให้ได้ในตอนนี้คือพี่เอ จานีส และน้องพิมอยู่ที่ไหน’

จิตของรินลดาทำให้ความเงียบเข้าปกคลุมหญิงสาวทุกคนชั่วขณะ ก่อนที่เซี่ยวเล้งจะก้าวมาหารินลดาและยื่นเครื่องติดตามตัวมาให้

‘พี่ริน…เครื่องนี้เซี่ยวเล้งพบที่ถ้ำด้านนั้น ส่วนอีกสองเครื่องที่พี่กิฟท์พบตกอยู่หน้าทางเข้าพร้อมกับเสื้อผ้าของพี่จา นีสและน้องพิม ถ้าจะให้เซี่ยวเล้งสันนิษฐาน เซี่ยวเล้งเชื่อว่าพี่เอคงต้องต่อสู้กับใครบางคนจนต้องระเบิดพลังสร้างเกราะ ปราณทำให้เครื่องติดตามกระเด็นไปตกอยู่ด้านนั้น ส่วนเครื่องของน้องพิมและพี่จานีสที่ตกอยู่หน้าทางเข้าพร้อมเสื้อผ้า แสดงว่าร่างกายทั้งสองคนน่าจะผ่านเข้าไปในม่านพลังนั้นได้ ทิ้งไว้แต่เสื้อผ้าและเครื่องติดตามทั้งสองเครื่อง เพียงแต่เซี่ยวเล้งไม่แน่ใจว่าพี่เอจะผ่านเข้าไปพร้อมทั้งสองคนนั่นหรือไม่ …อืมห์…พี่รินขอเซี่ยวเล้งตรวจสอบอะไรบางอย่างก่อนนะ…’

ทันทีที่อดีตธิดามังกรฟ้าผู้มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากว่าทุกคนจากฐานะของ เทวนารีในอดีต ส่งจิตบอกข้อสันนิษฐานเสร็จสิ้น ร่างเซี่ยวเล้งก็ลอยวาบขึ้นไปยังเพดานถ้ำและวนเวียนไปทุกด้านช้าๆ ท่ามกลางสายตางุนงงทุกคู่ที่เฝ้าดูอยู่ เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ทุกคนก็ต้องสะท้านใจเมื่อเซี่ยวเล้งแค่นเสียงเบาๆ ก่อนระเบิดพลังออกจากร่างจนเสื้อผ้าทุกชิ้นกระจายเป็นผงธุลี ประกายแสงเจิดจ้าห่อหุ้มร่างงามไว้สลายตัวเป็นชุดเกราะปราณมังกรฟ้า ร่างเซี่ยวเล้งลอยกลับลงมาในตำแหน่งเดิมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ขณะที่สายตาของรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และปณิตา จับจ้องหญิงสาวในชุดเกราะปราณด้วยความประหลาดใจ

‘…มีเทวนารีอยู่ในสถานที่นี้…’

ถ้อยคำที่จิตของเซี่ยวเล้งส่งออกมาทำให้หญิงสาวทุกคนสะท้านเฮือก ทันใดนั้นประสาทสัมผัสของผู้ทรงปราณระดับสูงของหญิงสาวทั้งห้าก็สัมผัสได้ ถึงมวลพลังประหลาดที่กำลังก่อตัวขึ้นที่ม่านปฏิสาร พร้อมแสงเรื่อเรืองที่เริ่มส่องสว่างจนกระจายครอบคลุมปากทางเข้าไว้ทั้งหมด ร่างรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และปณิตา ดีดกายสาดพุ่งออกรอบข้างไปหยุดลอยตัวอยู่กลางถ้ำและกระจายออกไปทั้งสี่ทิศ พลังปราณของหญิงสาวทั้งสี่ถูกผนึกขึ้นพร้อมกัน จนเกิดเสียงระเบิดเบาๆ เสื้อผ้าและชุดปลอมแปลงร่างกายที่ปกคลุมร่างทั้งหมดสลายเป็นธุลี เหลือไว้เพียงร่างหญิงสาวงดงามซึ่งทั่วร่างถูกปกคลุมด้วยเกราะปราณหลากสีสัน แยกย้ายไปประจำทั้งสี่ทิศ ตามกระบวนพยุหะที่ร่วมกันฝึกปรือโดยมีเซี่ยวเล้งลอยตัวอยู่ที่จุดศูนย์กลาง

‘พี่เซี่ยวเล้ง..เกิดอะไรขึ้นที่หน้าทางเข้า….เทวนารีอยู่ที่ใด…’

จิตเร่งร้อนของทิพย์วารีดังขึ้น ร่างในเกราะมังกรวารีสีฟ้าสดถูกปกคลุมไปด้วยประกายสีขาวของนาคบาศก์ที่วน เวียนรอบตัว เป็นเครื่องบอกให้รู้ว่าเด็กสาวผู้ครอบครองพลังแห่งวารีนาคราชกำลังเร่งเร้า พลังพร้อมต่อสู้ถึงขีดสุด

‘น้องทิพย์ พี่ยังกำหนดจิตรับรู้ตัวตนของเทวนารีไม่ได้ แต่ที่ผนังถ้ำด้านบนมีร่องรอยถูกกระแทกเป็นร่องลึกด้วยพลังรูปจาน อันเป็นรูปแบบปราณประจำตัวตุลยาเทวี เทวนารีแห่งราศีตุลย์อย่างไม่ผิดพลาด นอกจากนี้ทุกตารางนิ้วของผนังถ้ำมีรูพรุนลึกเข้าไปในผนังราวกับเข็มนับหมื่น เล่ม อันเป็นผลจากวิชาธนูสลายจิตของเทวนารีแห่งราศีธนู ร่องรอยที่ปรากฏเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ เซี่ยวเล้งมั่นใจว่าเทวนารีทั้งสองต้องปะทะกับพี่เอในสถานที่นี้มาแล้วแน่ นอน…ทุกคนอย่าประมาท เทวนารีทั้งสองนี้ล้วนมีปราณที่ไร้ผู้ต่อต้าน…’

จิตที่เซี่ยวเล้งตอบทิพย์วารี ทำให้หญิงสาวทุกคนสะท้านไปถึงจิตใจ ขณะที่จิตรินลดาส่งกลับมาอย่างเร่งร้อน

‘เซี่ยวเล้ง หมายความว่าพี่เอต่อสู้กับเทวนารีสองนางพร้อมกันหรือ…ถ้าเป็นเช่นนั้นโอกาสของพี่เอ…’
จิตรินลดาชะงักลงในทันที พร้อมกับใบหน้างามของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นซีดสลดเมื่อพบว่าดวงตาของเซี่ยวเล้ง กำลังมีหยาดน้ำตาไหลออกมาทางหางตา ทำให้รินลดารู้ในทันทีว่าน้ำตาของอดีตเทวนารีแห่งราศีมังกรเช่นเซี่ยวเล้ง ที่หลั่งรินออกมา บอกถึงความจริงว่าโอกาสของไกรวิทย์ที่จะรอดพ้นจากการร่วมโจมตีของเทวนารีสอง นางพร้อมกันนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้….

‘พี่รินควบคุมอารมณ์ไว้อย่าปล่อยให้ความเสียใจมาทำลายปราณ เซี่ยวเล้งสาบานว่าหากพี่เอเป็นอะไรไป เซี่ยวเล้งจะสังหารผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแก้แค้นให้พี่เอโดยไม่คำนึงถึงอะไร ทั้งสิ้น แม้นารีธนูจะเป็นเพื่อนและน้องที่เซี่ยวเล้งรักก็ตาม…ทุกคนระวังไว้มี บางอย่างกำลังออกมาจากแสงนั่น…ตั้งพยุหะเบญจสังหาร’

ประโยคสุดท้ายของเซี่ยวเล้งส่งออกมาด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว จิตของอดีตเทวนารีรับรู้ได้เช่นเดียวกับสตรีสาวผู้ร่วมสามีทุกคน ว่าใจกลางของกลุ่มแสงเรืองมีพลังปราณที่แกร่งกร้าวหลายกลุ่มกำลังใกล้จะหลุด ออกมาสู่ภายนอก..ทำให้เซี่ยวเล้งตัดสินใจสั่งการให้ตั้งขบวนพยุหะเบญจสังหาร อันเป็นค่ายกลที่จานีสและเซี่ยวเล้งร่วมกันคิดค้นเพื่อต่อต้านศัตรู โดยมีเซี่ยวเล้งทำหน้าที่เป็นแกนกลางควบคุมพยุหะ ส่วนรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และปณิตา ทำหน้าที่ประสานพลังทั้งสี่ทิศ…

‘ระวังไว้ มีจิตกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่รู้จำนวนแน่ชัดกำลังจะออกมา…พี่ริน ผนึกจิตมารประสานกับน้ำแข็งนิรันดร์ของน้องนิว พี่กิฟท์ผนึกอัคคีเทพผสานนาคบาศก์ของน้องทิพย์ พอเซี่ยวเล้งให้สัญญาณพยุหะ ทุกคนก็ส่งมารวมศูนย์ที่กึ่งกลาง เซี่ยวเล้งจะใช้พลังมังกรวิบัติรวมพลังทั้งหมดโจมตีพวกมันในคราวเดียว…’

สิ้นคำสั่งควบคุมพยุหะของเซี่ยวเล้ง เสียงของรินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และปณิตา ก็ขานรับพร้อมกัน จิตมารที่หยุ่นยะเยียบถูกส่งมาประสานกับพลังน้ำแข็งนิรันดร์ที่เย็นสุดขีด ก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนพลังส่งมายังด้านซ้ายของเซี่ยวเล้ง พร้อมกับอัคคีเทพที่ร้อนแรงถูกผสานกับนาคบาศก์จนเกิดประกายสีแดงเจิดจ้าล้อม ไว้ด้วยตาข่ายแสงนาคบาศก์ลอยนิ่งอยู่ด้านขวา ดวงตายาวเรียวสุกใสของอดีตธิดาเทวนารีแห่งราศีมังกรส่งประกายเจิดจ้า พลังมังกรวิบัติที่เกรี้ยวกราดรุนแรงถูกผนึกถึงขีดสูงสุด เตรียมดึงดูดมวลปราณทั้งสองด้านเข้ามาโจมตีศัตรูในคราวเดียว…

เบื้องล่างแสงสว่างจากม่านปฏิสารยิ่งเจิดจ้ามากขึ้นราวแสงอาทิตย์ยามเที่ยง เงาร่างของสตรีนางหนึ่งปรากฏขึ้นในแสงสว่าง และย่างเท้าออกจากกลุ่มแสงช้าๆ จนปรากฏร่างต่อสายตาทุกคู่ที่กำลังจับจ้องพร้อมโจมตี…

——————————-

ความมืดสนิทปกคลุมอยู่รอบตัวผม

‘พี่เอ ไร้ปราณ ไร้จักร ไร้ทุกสิ่งแม้กระทั่งความหวังในอนาคต…ม่านปฏิสารเปิดทางให้พวกเราแล้ว’

สมองผมยังคงแว่วเสียงของจานีสที่ส่งจิตมายังผมก่อนที่ร่างผม นารีธนู จานีส และน้องพิมจะถูกปกคลุมด้วยกระแสพลังประหลาดที่ปิดกั้นประสาทรับรู้ทุกอย่าง เอาไว้ สติผมยังคงอยู่แต่ไม่สามารถรับรู้ทุกสิ่งได้แม้แต่น้อย แต่ในที่สุดจิตผมก็เริ่มรับรู้ได้ว่าพลังที่ปกคลุมร่างผมก็ค่อยๆ สลายตัวลงจนหมด สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้คือความมืดและความเงียบที่ล้อมรอบตัวผมอยู่ แต่นั่นคือสัมผัสเดียวที่ร่างกายผมได้รับ เพราะผมไม่รู้สึกถึงพื้นหรือแรงโน้มถ่วงของโลกแม้แต่น้อย ร่างผมดูราวกับจะล่องลอยอยู่ในอากาศท่ามกลางความมืดและเงียบสนิทปราศจาก เสียงใดๆ มีเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาของผมที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บอกให้รู้ว่าผมยังคงมีชีวิตอยู่

ผมหวนนึกถึงเหตุการณ์การต่อสู้ที่ผ่านมา ขณะที่ปราณผมและนารีธนูกำลังใกล้สลายจนต้องดับสูญไปพร้อมกัน ตุลยาเทวีก็ใช้วิชามายาพรางกายสอดแทรกอาศัยช่องว่างที่พลังปราณของผมและนารี ธนูกำลังใกล้แตกดับโจมตี จนทำให้ผมและนารีธนูได้รับบาดเจ็บสาหัส ปราณในร่างสูญสลายไม่สามารถต่อต้านการโจมตีที่ตามมาของตุลยาเทวีได้อีก แต่ในพริบตาที่จิตผมกำลังเตรียมรับความตาย ปล่อยวางจากทุกสิ่งโดยสมบูรณ์ ร่างผมก็ถูกพลังประหลาดครอบคลุมร่างจนมารู้สึกตัวอีกครั้งในสถานที่แห่งนี้ …ผมพยายามระงับจิตที่กำลังสับสนอย่างยากเย็นเพื่อรวบรวมปราณในร่างให้โคจร ไปตามจักรปราณ แต่ผมก็ต้องตระหนกอย่างรุนแรงเมื่อพบว่าปราณที่ตุลยาเทวีโจมตีส่งผลให้จักร ปราณทั้งสี่ของผมตีบตันจนไม่สามารถเชื่อมโยงปราณจากจักรทั้งสี่เข้าหากันได้ ผมรู้ดีว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้คืออาการเริ่มต้อนของภสวะจักปราณสลายที่ ผู้ทรงปราณทุกคนรู้ดีว่าหากปล่อยให้สภาพเช่นนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่มีผู้ทรง ปราณที่มีปราณเข้มแข็งส่งปราณช่วยทะลวงจุดตีบตันได้ทันท่วงทีแล้ว ไม่นานนักจุดตีบตันเหล่านั้นนั้นจะหดตัวลงตัดขาดการเชื่อมโยงปราณอย่างถาวร เท่ากับว่าผมจะกลับกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาที่อาศัยพลังจากกล้ามเนื้อธรรมชาติ ในการดำรงชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ในสภาพปัจจุบันที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ากำลังอยู่ในสถานที่ใด ความหวังที่จะมีผู้ทรงปราณอื่นช่วยเหลือนั้นดูจะห่างจากความเป็นไปได้อย่าง สิ้นเชิง

‘เราอยู่ที่ไหนกัน…’

จิตที่อ่อนระโหยส่งเสียงเบาๆ ดังขึ้นในจิตผม ทำให้ผมต้องหันความสนใจมายังที่มาของจิต ความคุ้นเคยกับจิตของจานีสและเสียงน้องพิมพ์บอกให้ผมรู้ว่าเสียงนั้นไม่ได้ มีที่มาจากทั้งสอง แต่ความทรงจำผมระลึกได้ในทันทีว่าเสียงที่คุ้นหูรี้คือเสียงของเรอินะ ผู้ครองชื่อนารีธนูแห่งจักรราศี ซึ่งถูกตุลยาเทวีฉวยโอกาสโจมตีจนปราณแตกสลายเช่นเดียวกับผม แต่พลังชีวิตที่เข้มแข็งของเทวนารีทำให้เรอินะยังคงความสามารถในการสื่อสาร ทางจิตเอาไว้เช่นเดียวกับผม แม้ในร่างจะปราศจากปราณแล้วก็ตาม…

‘ท่านเทวนารี….อยู่ที่ใด.’

ผมส่งจิตที่แทบจะปราศจากพลังออกไป พร้อมกับควานมือไปในความมืดรอบกายอย่างไร้จุดหมาย แต่กลับสัมผัสผิวกายนุ่มนวลของสตรีนางหนึ่งทางด้านขวา

‘อ๊ะ..’

ร่างนั้นสะท้านเฮือกขึ้นมา จิตส่งเสียงอุทานเบาๆ พร้อมกับที่มือน้อยๆ คว้ามือผมผลักออกจากผิวกายนุ่ม แต่ยังช้ากว่าที่ประสาทรับรู้ของผมจะบอกให้รู้ว่าตำแหน่งที่มือผมสัมผัส อย่างเต็มที่นั้นเป็นสองแคมที่ประกบเนินเนื้ออวบอิ่มของเทวนารีแห่งราศรีธนู ที่ถูกชักนำร่างมาอยู่ในที่นี้พร้อมกับผม ผมรีบระงับความตกใจที่บังเอิญไปสัมผัสความลับหวงห้ามแห่งสตรีพรหมจรรย์โดย บังเอิญก่อนส่งจิตไปยังนารีธนู

‘ท่านเทวนารี…เราขออภัยท่านด้วย เราหาได้ตั้งใจจะละเมิดร่างของ..’

ยังไม่ทันที่ผมจะส่งจิตจบ มือนุ่มนวลของนารีธนูก็ความมาพบมือผมแล้วกุมไว้แน่นก่อนส่งจิตแผ่วเบาตอบ

‘ท่านไกรวิทย์…เรอินะไม่สามารถรับชื่อเทวนารีได้อีกต่อไปแล้ว…วันนี้ เป็นวันที่เรอินะได้พบความจริงเป็นครั้งแรกว่าจักรราศรีที่เรอินะยึดมั่นมา ชั่วชีวิต กลับซุกซ่อนความเกลียดชังเอาไว้จนสามารถทำลายกฏแห่งเทพเจ้าที่ยึดมั่นมานับ พันปีอย่างไม่ใส่ใจ…ท่านไกรวิทย์โปรดเรียกนามเดิมของเรอินะเถอะ…ไม่มี นารีธนูแห่งจักราศีในที่นี้อีกแล้ว มีเพียงสตรีนางหนึ่งที่รอความตายซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาทุกขณะเท่านั้น…’

‘ท่านเทว..เอ้อ..เรอินะ…อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้าง…’

ผมส่งจิตถามอย่างร้อนรน เมื่อรับรู้คำพูดที่แสดงถึงการปล่อยวางชีวิตของนารีธนู มือผมที่กุมมือน้อยๆ นั้นไว้ไม่สามารถส่งปราณเข้าตรวจสอบร่างกายของหญิงสาวผู้ยึดมั่นในความถูก ต้องยุติธรรมผู้นี้ได้ เพราะกระแสปราณในร่างผมกำลังค่อยๆ สลายตัวไปตามการตีบตันของจักรปราณ จนผมอดใจหายไม่ได้เมื่อรับรู้ว่าผมกำลังจะต้องสูญเสียปราณกลับเป็นคนธรรมดา ในอีกไม่นานนัก

‘กาฬปราณของท่านไกรวิทย์กำลังแทรกซึมเข้าสู่ร่างเรอินะอย่างช้าๆ แม้ปราณในจักรปราณของเรอินะจะยังคงอยู่แต่มันก็อ่อนกำลังลงทุกขณะจนไม่ สามารถต่อต้านกาฬปราณนี้ได้ แต่การที่ท่านไกรวิทย์ถามเรอินะเช่นนี้ ก็หมายความว่าปราณในร่างท่านไกรวิทย์ก็คงไม่สามารถโคจรได้เช่นกัน มิฉะนั้นท่านไกรวิทย์ก็คงสามารถส่งปราณเข้าตรวจสอบเรอินะได้ด้วยตนเอง ..โอ…นี่นับว่าพวกเราต้องสูญสิ้นพร้อมกันโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ…เรอินะ ช่างโง่เขลานัก เหตุใดจึงไม่ตระหนักถึงประสงค์ร้ายของเทพสุรัสวดี..หลงเชื่อในการพิทักษ์ กฏเทพเจ้าแห่งจักราศรี จนต้องนำพาให้ท่านไกรวิทย์ต้องมาจบสิ้นที่นี่ด้วย’

ร่างนารีธนูที่แนบสนิทอยู่ข้างกายผม ทำให้ผมรับรู้ถึงร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านของหญิงสาว จนผมต้องกุมมือนุ่มนวลนั้นให้แน่นขึ้น

‘เรอินะอย่าเพิ่งท้อถอยหรือสิ้นหวัง…ตราบใดที่จิตและวิญญาณของเรายังคง อยู่ ความหวังก็ยังไม่สิ้นสูญ และที่สำคัญ เรอินะอย่างเรียกท่านไกรวิทย์อีกเลย..หากเราต้องดับสูญพร้อมกันในที่นี้ ก็ขอให้เราดับสูญอย่างเพื่อนผู้รู้ใจกัน เรียกพี่ว่าพี่เอเถอะนะ…’
เสียงถอนหายใจแผ่วเบาของเรอินะดังขึ้นพร้อมกับลมหายใจเบาๆ ส่งมากระทบแผ่นอก บอกให้รู้ว่าหญิงสาวกำลังซบศรีษะลงกับหัวไหล่ผม และส่งจิตตอบมาเบาๆ

‘เรอินะน้อมรับคำขอของพี่เอ…เสียดายนักที่พวกเราได้รู้จักกันในเวลาอันแสน สั้น หาไม่แล้วเรอินะคงขอให้พี่เอคลายปมปริศนาในใจของเรอินะให้กระจ่างได้…’

ก่อนที่ผมจะส่งจิตตอบกลับไป จิตที่อ่อนล้าอีกสายหนึ่งก็ดังขึ้นข้างกายอีกด้านหนึ่งของผม

‘ปมปริศนาในใจของเรอินะท่าน ขอให้จานีสตอบแทนพี่เอได้ไหม…’

‘จานีส….’
‘ท่านผู้เฒ่าโหราทาส’

จิตของจานีสที่ดังขึ้นข้างกายผม ทำให้ผมและเรอินะส่งเสียงอุทานออกมาพร้อมกัน มือขวาผมไข่คว้าไปทางข้างกายและสัมผัสกับท่อนขานุ่มนวลของจานีส ผมต้องอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งใจ ก่อนดึงร่างเด็กสาวผู้ทรงความจำกว่าร้อยปีของโหราทาสเข้ามากอดไว้ข้างกายแนบ แน่น แต่ผมก็ต้องใจหายวูบเมื่อสัมผัสได้ถึงชีพจรที่อ่อนล้าราวกับจะหยุดลงได้ทุก ขณะของจานีส

‘จานีสเป็นอย่างไรบ้าง…’

ผมส่งจิตถามอย่างร้อนใจ และรับรู้ได้ว่าศีรษะของเด็กสาวที่แนบกับหัวไหล่ผมส่ายไปมา พร้อมกับส่งจิตตอบ

‘จานีสไม่เป็นอะไรมาก พี่เอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก…ปราณที่พี่เอถ่ายทอดมาให้ก่อนที่จะต่อสู้กับตุ ลยาเทวีนั้น ช่วยฟื้นสภาพร่างกายให้จานีสได้บ้างแล้ว แต่ที่สำคัญเร่งด่วนในตอนนี้คือพี่เอต้องรีบรักษาอาการบาดเจ็บของเรอินะ ก่อนที่กาฬปราณจะแทรกซึมเข้าไปถึงอวัยวะภายใน…พี่เอต้อง..’

‘ท่านผู้เฒ่าโหราทาส เรอินะขอบคุณในความห่วงใยของท่าน แต่ตอนนี้ท่านไกรวิทย์…ไม่สิ…พี่เอไม่สามารถใช้ปราณได้อีกแล้ว เพราะจักรปราณในร่างพี่เอถูกปราณจักราคู่ของตุลยาเทวีทำลายจนเส้นทางโคจร ทั้งหมดตีบตัน..และเรอินะก็ไม่สามารถใช้ปราณช่วยทะลวงจุดตีบตันเหล่านั้น ได้..’

จิตของจานีสที่กำลังขอให้ผมรีบรักษาบาดเจ็บให้เรอินะถูกขัดขึ้นกลางคันด้วย เสียงถอนหายใจของหญิงสาวผู้เคยเป็นหนึ่งในเทวนารี ตามมาด้วยคำอธิบายที่แฝงสำเนียงปล่อยวางชีวิตเอาไว้อย่างชัดเจน คำตอบของเรอินะทำให้ร่างจานีสที่แนบกายอยู่ข้างผมสะท้านเฮือก…จิตที่อ่อน ล้าแฝงความหมดอาลัยถูกส่งออกมาจนผมรับรู้ได้

‘พวกเราจบสิ้นกัน…จักรอัคคีปราศจากพลัง ควยพี่เอก็ใช้เย็ดไม่ได้…การถ่ายปราณก็หมดหนทางแล้ว…’

จิตของจานีสที่ส่งออกมากลับเป็นฝ่ายทำให้เรอินะสะท้านไปทั้งร่าง และส่งจิตตอบมาอย่างงุนงง

‘ท่านผู้เฒ่าจานีส เหตุใดท่านผู้เฒ่าจึงใช้ถ้อยคำหยาบเช่นนั้น การร่วมรักมีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับการใช้ปราณรักษาอาการบาดเจ็บ..’

‘เรอินะ…ในเมื่อท่านเรียกชื่อพี่เอตรงๆ และเรียกตัวท่านด้วยชื่อ จานีสอยากจะขอร้องให้ท่านเรียกชื่อจานีสตรงๆ เช่นกัน เพราะโหราทาสผู้นั้นไม่มีร่างกายอยู่ในโลกอีกต่อไปแล้ว จานีสได้รับร่างกายใหม่นี้จากพี่เอด้วยอำนาจแห่งผลึกมังกรอัคคี มีเพียงความทรงจำแห่งโหราทาสเท่านั้นที่คงอยู่ในร่างที่กำเนิดใหม่นี้…’

เรอินะส่งเสียงอุทานออกมาเบาๆ คำหนึ่งเมื่อได้รับรู้ความจริงในการของการฟื้นชีวิตของจานีส

‘เป็นเช่นนี้เอง..ที่แท้พี่เอได้รับพลังชีวิตจากผลึกมังกรอัคคี จึงสามารถสร้างร่างให้ท่านโหรา…ไม่สิ…พี่จานีสได้ เรอินะยอมรับคำขอของพี่จานีส แต่พี่จานีสยังไม่ตอบเรอินะเลยว่าการร่วมรักกับการรักษาอาการบาดเจ็บเกี่ยว ข้องกันอย่างไร..’
จิตที่เรอินะส่งออกมาแม้จะแผ่วเบาไร้พลัง แต่ผมรับรู้ได้ถึงความกระตือรือร้นใคร่รู้ที่แฝงอยู่ บอกให้รู้ว่าอดีตเทวนารีผู้นี้เป็นผู้ไม่ยอมปล่อยให้ความสงสัยใดๆ หลงเหลืออยู่ในจิต จนแทบจะลืมว่าเงามืดแห่งมรณะกำลังคืบคลานเข้ามาหาทุกขณะ…

‘เรอินะ ก่อนที่จานีสจะอธิบายให้ฟัง จานีสของให้เรอินะจงละทิ้งการยึดติดจารีตลวงที่จักรราศีและมนุษย์โลกสร้าง ขึ้นจำกัดตนเองไปก่อน เรอินะท่านจงรู้ไว้ว่าด้วยฐานะและพลังแห่งเทวนารีของท่านนั้นเมื่อถูกแทรก ซึมจากกาฬปราณ แม้พลังจากผลึกราศีจะต่อต้านกาฬปราณจนสามารรถคงชีวิตของท่านเอาไว้ได้ชั่ว ขณะ แต่หนทางดิ้นรนจากหัตถ์มรณะแห่งยมราชของเรอินะนั้น จักต้องสลายพลังแห่งผลึกจักรราศรีในร่างของเรอินะด้วยการทำลายพรหมจรรย์ปลด ปล่อยพลังนั้นออกจากร่าง เพื่อที่พี่เอจะสามารถดูดกลืนกาฬปราณที่แผ่เข้าสู่ร่างกลับมา พร้อมกับถ่ายทอดปราณและพลังชีวิตจากผลึกมังกรอัคคีเข้าแทนที่ นี่คือวิธีเดียวจะจะสลายกาฬปราณออกจากร่าง แต่ในเมื่อจักรปราณพี่เอไม่สามารถเชื่อมต่อกำเนิดปราณได้ พลังกำเนิดชีวิตที่มาจากควยพี่เอก็ไม่มีทางถ่ายทอดเข้าสู่ร่างเรอินะได้…’

ตลอดเวลาที่จิตขานีสถ่ายทอดคำอธิบายให้เรอินะรับรู้ ร่างเด็กสาวที่ข้างกายผมก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ก่อนส่งจิตแผ่วเบากลับมา…

‘พี่จานีสหมายความว่าเรอินะต้องสละพรหมจรรย์ของตนเองให้พี่เอในการรักษาหรือ’

‘เรอินะเข้าใจถูกแล้ว นี่แหละจานีสจึงขอให้เรอินะตัดความเชื่อในประเพณีคร่ำครึของจักรราศรีออกไป เแต่เอาเถอะตอนนี้ทุกสิ่งเปล่าประโยชน์ พวกเราคงต้องดับสูญในที่แห่งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..’

ผมพยายามระงับความรู้สึกหมดหวังที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับรู้คำอธิบายของจา นีส แขนขวาผมดึงร่างจานีสให้มากอดร่างผมไว้ จานีสขยับร่างมากอดผมไว้แน่นทางด้านข้างใบหน้างามซุกอยู่กับหัวไหล่ผมก่อน ส่งจิตแผ่วเบา

‘จานีสไม่ต้องการรู้หรอกว่าที่นี่คือที่ไหน…ขอเพียงมีพี่เออยู่ข้างกายแม้ จานีสจะต้องดับสูญ จานีสก็ไม่ตัดพ้อชะตาชีวิตแม้แต่น้อย…’
ผมลูบไล้ผิวกายเปล่าเปลือยของจานีสด้วยความรักโดยไม่สามารถส่งจิตใดๆ เพื่อปลอบประโลมจิตใจสิ้นหวังของเด็กสาวได้ เพราะผมรู้ดีว่าด้วยความรู้ที่ครอบคลุมสรรพตำราโบราณกาลของจานีส สิ่งที่อดีตโหราทาสผู้นี้บ่งบอกออกมาก็คือความจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ได้ แต่ผมก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ามือของเรอินะที่กุมมือซ้ายผมอยู่ได้คลายออก พร้อมกับที่ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวพลิกมากอดผมวางด้านข้าง จนผมสัมผัสได้ถึงสองเต้าเต่งที่ครัดเคร่งด้วยวัยสาวบดเบียดอยู่กับท่อนแขนผม แน่นสนิท

‘พี่เอ..อภัยให้เรอินะที่บังอาจขอกอดพี่เอไว้เช่นนี้ แต่ก่อนที่พวกเราจะสิ้นสูญไป เรอินะต้องการบอกบางสิ่งให้พี่เอได้รับรู้..’
ผมเอื้อมมือซ้ายไปโอบรอบร่างนุ่มนวลของเรอินะมากระชับไว้ข้างกายก่อนส่งจิตอ่อนโยนไปยังหญิงสาว

‘พวกเราแม้จะถูกความจำเป็นบังคับให้ต้องต่อสู้จนสูญสลายไปพร้อมกัน แต่ในที่นี้ไม่มีความขัดแย้งใดๆ หรือความลับใดๆ ที่จะต้องปกปิดอีก เรอินะจงบอกพี่มาเถอะ…’

ใบหน้างามของอดีตนารีธนูซุกลงกับอกผมโดยไม่สนใจว่าทรวงอกทั้งคู่นั้นถูกกด อัดมาบดเบียดกับร่างผมจนสามารถสัมผัสได้ถึงปลายถันเม็ดน้อยทั้งสอง ที่แม้ผมจะไม่สามารถกระตุ้นอารมณ์ต้องการทางเพศขึ้นมาได้แต่สัมผัสนั้นก็ยัง คงความเย้ายวนเอาไว้จนผมต้องรีบระงับความฟุ้งซ่านออกไปจากจิตใจ

‘พี่เอ..เมื่อครู่ที่เราต่อสู้กับ พี่เอใช้พลังปราณทั้งหมดในร่างโจมตีเรอินะหรือไม่…’

คำถามของเรอินะทำให้ผมต้องถอนใจออกมา ก่อนส่งจิตตอบอย่างจริงจัง

‘พี่สารภาพว่าพี่ไม่สามารถทุ่มเทพลังเข้าสังหารเรอินะได้…ทั้งที่รู้ดีว่า พลังธนูพิฆาตฟ้านั้นจะทำลายทุกสิ่งที่เป็นเป้าหมาย แต่พี่กลับมุ่งมั่นผนึกกาฬปราณเพื่อต้านทานเท่านั้น พี่ไม่สามารถปลุกเร้าจิตสังหารให้เกิดขึ้นได้…ทั้งที่พี่เองก็….’

‘พี่เอ…พี่เอรู้ไหมว่านารีธนู….ไม่ใช่สิ… เรอินะก็ไม่ได้ปลดปล่อยพลังเต็มที่ของธนูพิฆาตฟ้าเช่นกัน’

จิตจานีสส่งแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะอธิบายเสร็จสิ้น แต่กลับทำให้เรอินะส่งจิตที่แฝงความสงสัยกลับมา

‘พี่จานีสรู้ได้อย่างไรว่าเรอินะไม่ได้ปลดปล่อยพลังแห่งธนูพิฆาตฟ้าทั้งหมด…’

‘เรอินะอย่าลืมว่าแม้จานีสจะไม่เคยพบเห็นพลังที่แท้จริงของธนูพิฆาตฟ้า แต่จานีสก็ศึกษาทุกสิ่งที่บันทึกเอาไว้เกี่ยวกับเทวนารีแห่งจักรราศรีธนูแต่ โบราณ ธนูพิฆาตฟ้านั้นต้องผนึกขึ้นจากไตรธนูร่วมกับมวลพลังชีวิตทั้งหมดที่ ถูกกระตุ้นจากจิตสังหารที่ต้องทำลายล้างศัตรู และปลดปล่อยมวลพลังที่สามารถสลายเทพเจ้าออกไปในคราวเดียว แต่พลังธนูพิฆาตฟ้าที่เรอินะใช้นั้นกลับเป็นมวลพลังต่อเนื่องที่เห็นได้ชัด ว่าเรอินะไม่สามารถกระตุ้นจิตสังหารให้ระเบิดพลังทั้งหมดออกไปในคราวเดียว ได้…จนทำให้กาฬปราณกับธนูพิฆาตฟ้าตกอยู่ในสภาพผลักดันกันเองโดยไม่ปะทะถึง ขั้นแตกหัก …สิ่งเดียวที่จานีสไม่เข้าใจก็คืออะไรทำให้จิตสังหารของเรอินะไม่บังเกิด ขึ้น เช่นเดียวกับพี่เอที่ไม่สามารถสร้างจิตสังหารใช้กาฬปราณโจมตีได้…’

คำอธิบายของจานีสทำให้ความเงียบเข้ามาปกคลุมชั่วขณะ ก่อนที่จิตแผ่วเบาของเรอินะจะดังขึ้น

‘หากเรอินะบอกไป พี่เอ และพี่จานีสคงไม่เชื่อ แต่ในเมื่อพวกเราทั้งหมดก็ไม่มีทางพ้นไปจากที่นี่ เรอินะก็ขอสารภาพกับพี่ทั้งสองว่า พริบตาที่เรอินะปลดปล่อยพลังธนูพิฆาตฟ้าออกไปนั้น จิตส่วนหนึ่งในร่างเรอินะร่ำร้องต่อต้านไม่ยอมให้สังหาร จิตนั้นดูดรั้งพลังชีวิตของเรอินะที่จะปล่อยออกไปไว้โดยที่จิตของเรอินะเอง ก็ไม่สามารถต่อต้านได้…ยิ่งไปกว่านั้น…’

จิตของหญิงสาวผู้เคยครองชื่อนารีธนูนิ่งไปอึดใจหนึ่ง เสียงสูดลมหายใจลึกยาวดังขึ้นราวกับกำลังรวบรวมความกล้าที่จะถ่ายทอดสิ่งที่ เคยปกปิดไว้ออกมา…

‘ทันทีที่พลังของธนูพิฆาตฟ้าปะทะกาฬปราณ จิตของเรอินะก็เกิดภาพประหลาดของพี่เอในเกราะนิลกาฬกำลังยิ้มแย้มอยู่ในห้อง โถงศิลากว้างใหญ่ โดยที่เรอินะร่อนร่างวนเวียนรอบตัวพี่เอส่งเสียงหัวเราะพร้อมกับปลดปล่อยมวล พลังแห่งธนูสลายจิตเข้าใส่พี่เอเพื่อฝึกปรือการต่อสู้ร่วมกัน แม้เรอินะจะพยายามสลัดภาพนั้นออกจากจิตเพื่อเตรียมระเบิดพลังทั้งมวลออกไปใน คราวเดียว แต่ก็ไม่สามารถทำได้…นิมิตรนั้นกลับกลายเป็นภาพพี่เอหัวเราะก้อง กาฬปราณที่อบอุ่นแผ่พุ่งมาปะทะจนเรอินะเสียหลักหมุนคว้าง โดยมีร่างพี่เอโฉบเข้ามาห้ากอดเรอินะไว้แน่น และ..และ…จูบเรอินะ..จน…จน…จน…เรอินะ…เอ้อ….’

จิตเรอินะสั่นเล็กน้อยและเปลี่ยนเป็นตะกุกตะกักเมื่อถ่ายทอดถึงนิมิตที่ทำ ให้หญิงสาวผู้ไม่เคยต้องมือชายใดในโลกต้องถ่ายทอดความรู้สึกที่ได้รับจาก เพศตรงข้ามออกมา แต่ยังไม่ทันทีที่เรอินะจะกล่าวจบ จิตของจานีสก็ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดีจนผมรู้สึกได้

‘เรอินะไม่จำเป็นต้องอายที่จะบอกออกมาหรอก…จานีสรู้ดี…นั่นคือความรู้สึกต้องการให้พี่เอเย็ดใช่ไหม…’

‘พี่จานีส….’

อดีตเทวนารีแห่งจักราศรีธนูส่งจิตออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้รับรู้ว่าจานีส ถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองพยายามถ่ายทอดอย่างยากลำบากด้วยความอับอายออกมาตรงๆ แต่กริยาที่เรอินะแสดงออกนั้นก็ทำให้ผมรับรู้ว่าสิ่งที่จานีสบ่งบอกออกมา นั้นคือสิ่งที่เรอินะต้องการถ่ายทอดอย่างไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย ผมสูดลมหายใจยาวก่อนก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากนูนเด่นของเรอินะที่ด้านข้างเบาๆ พร้อมกับส่งจิตอ่อนโยนไปยังหญิงสาวในอ้อมแขน

‘นั่นคือนิมิต..เรอินะอย่าอายไปเลย…พี่รู้ว่าเรอินะไม่ได้คิดอะไรกับพี่เช่นนั้น….’

ร่างในอ้อมแขนผมสั่นน้อยๆ พร้อมกับจิตที่ส่งออกมาแผ่วเบาจนแทบจับใจความไม่ได้..

‘แล้วพี่เอ…พี่เอ คิดอย่างไรกับเรอินะ…’

แม้จะตกอยู่ในความมืดสนิทเช่นปัจจุบันแต่ความทรงจำถึงภาพใบหน้างามคมคายภาย ใต้เรือนผมสั้นเพียงต้นคอ ดวงตากลมโตเป็นประกาย ริมฝีปากรูปกระจับน้อยๆ รั้นขึ้นบอกถึงความเป็นตัวของตนเองของเรอินะพร้อมกับเรือนร่างขาวผ่องงดงาม เต็มสาวที่ถูกปกคลุมด้วยเกราะปราณสีส้มสด ปรากฏขึ้นในสมองผมราวกับว่าภาพนั้นถูกประทับไว้ในจิตใจมานานแสนนาน แทนที่จะเป็นการพบกันครั้งแรกตามความเป็นจริง..สัมผัสของร่างอบอุ่นนุ่มนวล ของเรอินะที่แนบแน่นอยู่กับร่างผมถ่ายทอดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด มือผมที่โอบรอบร่างงามนั้นกลับถ่ายทอดความทรงจำของสัมผัสเนินรักเรอินะที่ บังเอิญกระทบถูกเมื่อครู่ ความหยุ่นตึงของเนินรักอวบอิ่มกลับเข้ามาในความทรงจำราวกับผมเคยสัมผัสความ เย้ายวนนั้นมาแล้วในอดีตอันไกลโพ้น ส่วนหนึ่งของจิตกำลังเร่งเร้าให้ผมรักหญิงสาวในอ้อมแขนนี้…ในขณะที่อีก ส่วนหนึ่งกำลังเกิดความขัดแย้งกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ผมพยายามข่มกลั้นความสับสนที่กำลังเกิดขึ้นก่อนส่งจิตแผ่วเบาตอบไป

‘พี่เองก็ตอบไม่ได้ จิตส่วนหนึ่งของพี่เรียกร้องให้พี่..พี่ รักเรอินะ…เช่นเดียวกับพี่รักภรรยาของพี่ทุกคน แต่จิตอีกส่วนหนึ่งกลับต่อต้านเพราะรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่เพียงพบกันครั้ง แรก เรอินะผู้เป็นเทวนารีจะรักพี่ที่เป็นศัตรูแห่งจักรราศรี…’

‘พี่เอจักรราศรีไม่ดำรงอยู่ในที่นี้ มีเพียงพวกเราที่กำลังรอคอยวาระสุดท้าย…เรอินะไม่อายที่จะบอกพี่เอว่า เพียงแว่บแรกที่เรอินะได้พบพี่เอในคราบร่างปลอมแปลง จิตเรอินะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแปลกประหลาดที่เรอินะไม่เคยได้รู้จักมาก่อน …และเมื่อได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของพี่เอ ภาพสถานที่ประหลาดที่เรอินะฝันมาตั้งแต่จำความได้ก็กลับมาปรากฏในจิต ภาพนั้นคือภาพเรอินะกับสตรีอีก 11 นาง นั่งอยู่บนพื้นแทบเท้าของบุรุษผู้หนึ่งบนบัลลังค์สีทอง ใบหน้าพี่เอคือใบหน้าบุรุษผู้นั้น หัวใจเรอินะร่ำร้องที่จะเข้าไปหาพี่เอ ทั้งที่เรอินะเองก็รู้ว่าพี่เอคือไกรวิทย์ คชสีห์ ผู้เป็นศัตรูแห่งจักรราศรี ผู้ที่เรอินะต้องกำจัดตามบัญชาแห่งเทพสุรัสวดี แต่พี่เอกลับเป็นผู้ที่หัวใจเรอินะเรียกร้องให้เรอินะมอบใจและกายให้ในทันที ที่ได้พบ..’

จิตของสตรีสาวผู้เคยรับชื่อนารีธนูแห่งจักราศรีส่งมาอย่างแผ่วเบาด้วยน้ำ เสียงราบเรียบราวกับกำลังบอกเล่าถึงเรื่องที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับตนเอง แต่ผมรับรู้ด้วยสัมผัสทางกายที่แนบสนิทว่าร่างงามนั้นสั่นน้อยๆ ขณะถ่ายทอดความในใจออกมาให้ผมรับรู้ ผมเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าที่ซุกซ่อนความงามอยู่ในความมืดสนิทนั้นอย่าง ลังเล แต่มือน้อยๆ ของเรอินะกลับยกขึ้นมากุมมือผมให้แนบสนิทกับใบหน้าจนผมสัมผัสได้ถึงน้ำตา อุ่นร้อนที่ไหลออกมาจากดวงตางามนั้น

‘เรอินะ….พี่…’

ผมพยายามส่งกระแสจิตบ่งบอกความรู้สึกที่ผมมี แต่ยังไม่มันที่ผมจะถ่ายทอดออกไปสำเร็จ เรอินะก็ส่งจิตแทรกขึ้น

‘เรอินะสามารถดับสูญได้อย่างหมดกังวลใดๆ แล้ว พี่เอรู้ไหมว่าหากพวกเราไม่ได้อยู่ในสภาพนี้ แม้เรอินะจะต้องการพี่เอมากเพียงใดแต่ด้วยนิสัยที่เลวร้ายดื้อดึงของเรอินะ อันเป็นคุณลักษณะประจำตัว เรอินะคงไม่มีวันยอมบอกพี่เอแบบนี้…พี่เอไม่จำเป็นต้องตอบรับความรู้สึก ของเรอินะหรอก แต่ถ้าเป็นไปได้เรอินะก็อยากรู้เช่นกันว่าความรู้สึกประหลาดที่เรอินะมีต่อ พี่เอนั้น เป็นความรู้สึกฝ่ายเดียวของเรอินะหรือไม่..’

แทนที่จะส่งจิตตอบ ผมกลับใช้มื้อที่สัมผัสใบหน้านวลเนียนของเทวนารีแห่งราศรีธนูช้อนไปเชยคางกลมมนให้เงยขึ้น

‘พี่เอจะ….อืมห์’

จิตที่บ่งบอกความแปลกใจดังขึ้นเบาๆ แต่กลับเปลี่ยนเป็นสั่นสะท้านในทันทีเมื่อผมก้มลงจูบริมฝีปากน้อยๆ นั้นอย่างนุมนวล สัมผัสอุ่นซ่านหอมหวานอบอวลกระจายไปทั่วร่างผม

‘พี่ให้คำตอบเรอินะได้อย่างมั่นใจแล้วว่า พี่เองก็รักเรอินะเช่นกัน…’

‘พี่เอ…’

ริมฝีปากรูปกระจับที่บดเบียดกับริมฝีปากผมค่อยๆ เผยอออกอย่างกึ่งกลัวกึ่งกล้า เปิดทางใก้ลิ้นผมแทรกเข้าไปภายในปากหอมกรุ่นของหญิงสาวที่ส่งส่งลิ้นมาแตะ ปลายลิ้นผมเบาๆ และเริ่มเกี่ยวกระหวัดรับรสจูบของผม แต่ยังไม่ทันทีผมจะส่งจิตบอกความในใจให้หญิงสาวรับรู้เพิ่มเติม เสียงที่ผมคุ้นเคยแต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นเสียงของผู้ใดก็ดังกังวานขึ้นในจิตผม

‘ลูกศรน้อยของข้า…เจ้าหลับไหลอยู่ที่ใดกัน…’

เสียงประหลาดที่ดังขึ้น ทำให้เริอินะนิ่งงันไปชั่วขณะ ลิ้นที่เกี่ยวพันกับผมหยุดชะงัก พร้อมกับส่งจิตที่แฝงความประหลาดใจออกมา

‘พี่เอ…ได้ยินไหม..เสียงอะไร..ใครคือลูกศรน้อย’

‘นายท่าน นายท่าน…นั่นคือนายท่านของลูกศรน้อยใช่หรือไม่…นายท่านเรียกหาลูกศรน้อยจากที่ใด…’

‘ลูกศรน้อยที่ดื้อรั้น…เราอยู่ที่นี้สัมผัสได้ถึงความหอมหวานของ ริมฝีปากเจ้าที่เราไม่เคยลืมเลือนแม้เวลาจะผ่านไปเท่าใด’

‘นายท่าน…ลูกศรน้อยตื่นแล้ว…ลูกศรน้อยสัมผัสรสจุมพิตของนายท่าน อาห์ เวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว..แต่ลูกศรน้อยไม่เคยลืมความรักที่นายท่านมอบต่อ เด็กดื้อรั้นเช่นลูกศรน้อยเลย..’

‘แล้วร่างกายของเจ้าพร้อมรับความรักของเราที่ต้องการเจ้าหรือไม่…’

‘เรือนกายลูกศรน้อยเป็นของนายท่านเสมอมา…แต่ลูกศรน้อยรับรู้ว่า ร่างของนายท่านปราศจากปราณ จักรปราณตีบตัน เช่นนั้นลูกศรน้อยจะรับความรักที่แข็งแกร่งของนายท่านได้อย่างไร ..’

‘หากเป็นเมื่อวันวาน เราเองก็คงอับจนหนทาง…แต่บัดนี้จิตเราได้รับพลังชีวิตจากดารายายัณผู้เป็น น้องสาวแห่งมหาปุโรหิตปัณทรแล้ว…ลูกศรน้อยเจ้าพร้อมรับความรักของเราหรือ ไม่..’

‘ลูกศรน้อยพร้อม แต่ร่างกายนี้กำลังใกล้สูญสลายด้วยกาฬปราณในไม่กี่อึดใจข้างหน้า นายท่านจงรีบรับจิตของลูกศรน้อยไปร่วมกับท่านเถอะ…’

‘เฮอะ…ในจักรวาลนี้ผู้ใดรู้จักกาฬปราณเท่ากับเรา…ลูกศรน้อยไม่จำ เป็นต้องสลายร่างมารวมจิตกับเราแต่อย่างใด…คันชั่งน้อยเจ้ารู้หรือไม่ว่า เราหมายความว่าอย่างไร’

ขณะที่ผมและเรอินะกำลังงุนงงกับเสียงประหลาดที่เกิดจากภายในร่างผมและเรอินะ สนทนากัน เสียงของบุรุษก็กลับเรียกหาชื่อคันชั่งน้อย ซึ่งผมรู้ดีว่านี่คือชื่อที่เสียงปริศนาในร่างผมเรียกจานีส..และในทันใดที่ เสียงนั้นดังขึ้น เสียงจากร่างจานีสก็ตอบรับในทันที

‘นายท่าน คันชั่งน้อยโง่เขลา ขออภัยที่คันชั่งน้อยไม่เข้าใจ’

‘คันชั่งน้อยหาได้โง่เขลาไม่ แต่เพราะพลังในร่างเจ้ากำลังแตกสลายลงทุกขณะ ทำให้สมองเจ้าไม่ฉับไวเช่นเคย เจ้ารู้ไหมว่าในร่างของลูกศรน้อยมีพลังใดยังคงดำรงอยู่’

‘ลูกศรน้อยคือเทวนารีแห่งราศรีธนู ในเมื่อนางปราศจากกาฬปราณที่แท้จริงแห่งเทวนารีจักรราศรี พลังที่นางใช้ออกจึงต้องมาจากผลึกราศรีของเทพสุรัสวดี…อาห์…คันชั่งน้อย เข้าใจแล้ว…’

สิ้นเสียงอุทานของสตรีที่ถูกเรียกว่าคันชั่งน้อย จิตที่อ่อนล้าของจานีสก็ดังสวนขึ้นผ่านมายังผมทันที

‘พี่เอ…พวกเรามีหนทางรอดแล้ว..พี่เอยังคงมีพลังชีวิตสะสมในจักรปราณอัคคี เย็ดเรอินะเดี๋ยวนี้…’

‘อะ อะ อะไร….พี่จานีส…พี่เอไม่มีปราณนะ..’

จิตเรอินะอุทานออกมาอยากแตกตื่นเมื่อรับรู้ความหมายที่จานีสต้องการให้ผมร่วมรักกับหญิงสาวในทันที

‘จานีส..แม้พี่จะต้องการเรอินะแต่จักรอัคคีของพี่ไม่สามารถ…..เอ๊ะ’

ยังไม่ทันที่ผมจะส่งจิตจบผมก็ต้องกลับเป็นฝ่ายอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อพบว่าแก่นเนื้อของผมที่ควรจะสงบนิ่งเนื่องจากปราศจากการเชื่อมต่อปราณ จากจักรอัคคีที่ท้องน้อยอันเป็นต้นกำเนิดของความต้องการทางเพศ แต่แก่นเนื้อของผมกลับค่อยๆ ลุกชูชันขึ้นมาจนเป็นลำแข็งแกร่งไม่ต่างกับยามปกติ พร้อมกับความต้องการทางเพศของผมพลุ่งพล่านอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เสียงทางจิตที่ผมอุทานออกมาทำให้จานีสเอื้อมมือมายังแท่งเนื้อของผม และทันทีที่มือนั้นสัมผัสความแข็งแกร่งของอวัยวะแห่งความเป็นชายของผม จานีสก็ส่งจิตที่เปี่ยมความยินดีออกมาทันที

‘ควยพี่เอแข็งแล้ว….พี่เอเย็ดเรอินะได้..พวกเรามีทางรอดแล้ว…’

‘แต่ แต่..พี่…พี่ไม่รู้ว่าเรอินะจะ…’

ผมส่งจิตตะกุกตะกักออกไป เพราะการที่จานีสบอกให้ผมร่วมรักกับเรอินะในทันทีทั้งที่ผมเองยังคงอยู่ใน ความสับสน แต่ทันใดนั้นผมก็รับรู้ถึงมือเล็กบางที่นุ่มนวลมือหนึ่งเอื้อมมายังแก่น เนื้อของผมเช่นกัน และเมื่อได้สัมผัสความแข็งแกร่งที่ลุกโชนมือนั้นก็สั่นระริกพร้อมกับจิตของ เรอินะส่งออกมาเบาๆ

‘พี่เอ พี่จานีส เรอินะรับรู้เสียงประหลาดที่ดังขึ้นเมื่อสักครู่ แม้เรอินะจะไม่เข้าใจความหมายของมันแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนว่าในร่างของเรอินะมีจิตหนึ่งที่ผูกพันกับจิตในร่างพี่เอและพี่ จานีส และจิตนั้นต้องการให้เรอินะร่วมรักกับพี่เอในทันที…’

‘เรอินะหมายความว่า…’

แทนคำตอบมือน้อยๆ ของเรอินะก็เคลื่อนมากุมมือผมไว้ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกยาวราวกับกำลังตัดสินใจ ก่อนดึงมือผมลงไปที่ตำแหน่งลี้ลับระหว่างท่อนขาของหญิงสาว…’

‘ร่างกายของเรอินะไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเรอินะ…พี่เอลองสัมผัสดูเถอะ..’

มือผมที่ถูกมือของเรอินะดึงไปเกาะกุมเนินรักอวบอิ่มสัมผัสกับแรงดีดสะท้อน ของแคมรักทั้งสองที่ประกบร่องเนื้อพรหมจารีย์แห่งเทวนารีราศรีธนูไว้แนบแน่น

‘เอ๊ะ…’

จิตผมอดส่งเสียงอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เมื่อพบว่าเนินรักที่ประดับ ด้วยเส้นไหมนิ่มนวลบางเบานั้นกำลังหลั่งน้ำรักออกมาราวกับว่ากำลังตกอยู่ภาย ใต้การโลมเร้าของเพศตรงข้าม กลิ่นน้ำหล่อลื่นแรกสาวหอมจรุงขึ้นมากระทบจมูกผมจนผมอดไม่ได้ที่จะลูบไล้ ความงามที่ชุ่มชื้นนั้นอย่างแผ่วเบา

‘ทำไม หีเรอินะ…ถึง..’

ผมส่งจิตออกไปอย่างลืมตัวก่อนชะงักเอาไว้เมื่อรู้สึกว่ากำลังถามคำถามที่เท วนารีแห่งราศรีธนูไม่มีทางตอบได้ แต่เรอินะกลับส่งจิตตอบมาอย่างนุ่มนวล

‘นี่คือสิ่งที่เรอินะต้องการบอกพี่เอ…อวัยวะเพศ..เอ้อ…หีของเรอินะกำลัง หลั่งน้ำออกมาโดยที่เรอินะไม่สามารถควบคุมได้ จิตของเรอินะถูกปลุกเร้าด้วยความต้องการให้พี่เอ..เอ้อ…เอา…เอา ควยเข้ามาใน…ใน หี เรอินะ…ถ้าพี่เอไม่รังเกียจร่างกายที่กำลังใกล้ดับสูญร่างนี้ เรอินะก็ขอให้พี่เอ…เย็ดเรอินะตามที่พี่จานีสบอกเถอะ…บางทีนี่อาจเป็น โชคชะตาที่ถูกลิขิตเอาไว้ของ…..อุ๊ย’

จิตของเรอินะอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อผมพลิกร่างงามที่แนบข้างเข้ามาใน อ้อมแขน และเชยคางเรียวเล็กขึ้นมาประทับจูบลงไปบนริมฝีปากที่เชิดรั้นนั้นแนบสนิท จนร่างเปล่าเปลือยที่อยู่ในอ้อมแขนผมสั่นสะท้าน มือขวาผมไล้ผ่านต้นขาเรียวงามลงไปช้อนท่อนขาให้งอขึ้น ทำให้เนินรักของเรอินะถูกดันเข้าหาร่างผม จนสองแคมที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักแรกสาวถูกกดทับระหว่างกลางด้วยท่อนเนื้อที่ กำลังแข็งตัวเต็มที่ และเพียงผมโก่งสะโพกออกเล็กน้อย ปลายแก่นกายก็ตั้งตรงจ่อกับสองแคมอวบอิ่มของเรอินะ พร้อมที่จะผ่านเข้าไปสู่พรหมจารีย์ของหญิงสาว

‘เรอินะ…พี่ …’

‘พี่เอ..ไม่ต้องลังเลใจอันใด…เรอินะตัดสินใจแล้ว…อ๊าวส์…ช้า ช้าก่อนระ ระ เรอินะ..จะ เจ็บ..’

ทันทีที่เรอินะส่งจิตบอกการตัดสินใจ ผมสูดลมหายใจลึกยาวและกดปลายหัวบานแทรกลงไปในความชุ่มชื้นของเนินรักเรอินะ อย่างช้าๆ ความคับแน่นบีบอัดปลายหัวบานในทันทีที่มันผ่านสองแคมรักเข้าไปด้วยน้ำหล่อ ลื่นที่หลั่งออกมาชะโลมส่วนปลายไม่ขาดระยะ แต่ก็ดูเหมือนว่ายังคงไม่พอเพียงที่จะผ่านเข้าไปในความแน่นหนึบที่กำลัง โอบรัดรอบหัวบานราวกับจะต่อต้านสิ่งแปลกปลอมแรกที่ผ่านเข้าในหลืบเนื้อ พรหมจรรย์ของเทวนารีแห่งราศีธนู จนหญิงสาวต้องร้องออกมาเบาๆด้วยความเจ็บเมื่อสองแคมนั้นถูกผู้ บุกรุกขนาดมหึมาบังคับทำให้ขยายตัวรองรับจนเริ่มปริออกจากกัน…เสียงร้อง ด้วยความเจ็บของเรอินะทำให้ผมต้องหยุดชะงักการเคลื่อนไหวเอาไว้ ก่อนส่งจิตไปยังหญิงสาวด้วยความห่วงใย

‘เรอินะ…จะให้พี่หยุดไว้ก่อนไหม…’

ยังไม่ทันที่เรอินะจะส่งจิตตอบ จิตของจานีสก็แทรกเข้ามาอย่างร้อนรน

‘พี่เอ…หยุดไม่ได้ พี่เอต้องทำลายพรหมจรรย์ของเรอินะเดี๋ยวนี้และในทันทีด้วย…ที่สำคัญที่สุด พี่เอต้องปล่อยให้พลังจากผลึกราศรีธนูแทรกผ่านเข้ามาในร่างโดยอย่ากำหนดจิต ต่อต้าน..มิฉะนั้นทุกสิ่งจะล้มเหลวในทันที ..พี่เอ แทงควยเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย..’

‘พี่จานีส..เรอินะเข้าใจแล้ว…พี่เอ…เรอินะจะ….อ๊าย…….’

เรอินะส่งจิตสั่นระริกตอบมา พร้อมกับแอ่นสะโพกอัดเข้าหาผมในทันทีจนแก่นกายผมทะลวงผ่านเข้าไปในร่างหญิง สาว ฉีกเยื่อพรหมจรรย์จมลึกลงไปอัดในร่องรักที่บดอัดแก่นกายผมแน่นทั้งหมดในคราว เดียว จนเรอินะต้องส่งจิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดขีด

‘โอ๊ย..พี่เอ….เรอิ…’

เสียงเรอินะส่งจิตร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดจากการถูกแก่นเนื้อผมทะลวง ผ่านเยื่อพรหมจรรย์ ร่างน้อยสะท้านเฮือก เสียงที่เกิดจากจิตของหญิงสาวขาดหายไปในทันทีพร้อมกับมวลพลังมหาศาลขุมหนึ่ง ก็ก่อตัวขึ้นในร่างของเรอินะแล้วระเบิดออกมาจากร่องรักราวกับพายุ ผมรับรู้ในทันทีว่ามวลพลังนี้เป็นมวลพลังรูปแบบเดียวกับที่ผมเคยสัมผัสยาม ที่ผมทะลวงผ่านเยื่อพรหมจรรย์ของเซี่ยวเล้งในฐานะธิดามังกรฟ้าแห่งจักรราศรี เมื่อสองปีก่อน แต่ในครั้งนั้นพลังปราณคุ้มครองกายของผมต่อต้านมวลพลังที่ระเบิดออกมาจาก ร่องรักเซี่ยวเล้งไว้ได้และปล่อยให้มันกระจายออกไปจากร่าง แต่ในครั้งนี้จานีสได้ย้ำเตือนให้ผมปล่อยจิตไม่ให้ต่อต้านมวลพลังที่พลุ่ง ออกมาจากร่างเทวนารีที่ถูกทำลายพรหมจรรย์ ผมตัดสินใจปล่อยจิตว่างไม่ให้เกิดความรู้สึกต่อต้านใดๆ เกิดขึ้นและรับรู้ว่ามีพลังมหาศาลแทรกผ่านร่างกายของผมออกไปภายนอก จนรวมตัวเป็นลูกกลมแสงเรืองรองชั่วขณะและพุ่งหายวับไปในพริบตาเดียว ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวของร่างเรอินะก็หยุดนิ่งลง แขนเรียวงามที่เคยกอดร่างผมคลายตัวในทันที ร่างอบอุ่นกลับสูญเสียความร้อนในร่างกายจนเริ่มเย็นตัวลงทุกขณะ เป็นสัญญาณบอกให้ผมรู้ในทันทีว่าเมื่อปราศจากพลังจากผลึกราศีคุ้มครองจักร ปราณแล้ว กาฬปราณที่อยู่ในร่างเรอินะกำลังเริ่มทะลวงผ่านเข้าไปในร่างกายหญิงสาวจนทำ ให้สติทั้งปวงของเรอินะดับวูบลงทันทีพร้อมกับร่างกายที่กำลังจะสูญสลายลงไป ในไม่กี่อึดใจข้างหน้า

‘พี่เอ ..พี่เอ….โคจรปราณเดี๋ยวนี้….’

จิตจานีสส่งออกมาอย่างเร่งร้อน ทำให้ผมต้องผนึกปราณในร่างตามที่เด็กสาวร้องสั่ง ในทันที และผมก็ต้องร้องออกมาเบาๆ ด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่ามวลพลังแห่งผลึกราศรีที่ผ่านร่างกายผมออกไปนั้น กลับทะลวงผ่านจุดตีบตันของจักรปราณทั้งสี่จนปราณที่สะสมอยู่ในจักรปราณ สามารถเชื่อมต่อเข้าหากันได้อีกครั้งหนึ่ง แล้วค่อยๆ เริ่มโคจรไปตามจักรทั้งสี่ตามเส้นทางโคจรของปราณคชสีห์ในทันที

‘จานีส… พี่โคจรปราณได้แล้ว…’

ผมส่งจิตที่ลิงโลดกับการฟื้นตัวของปราณในร่างออกไปให้หญิงสาวทั้งสองรับรู้ ทั้งที่แก่นกายผมยังฝังแน่นอยู่ในหลืบรักของเรอินะ แต่จานีสกลับส่งจิตตอบกลับมาอย่างร้อนรน

‘พี่เอ…อย่าเพิ่งโคจรปราณ ในเวลานี้ พี่เอต้องเร่งเย็ดเรอินะให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดก่อนที่กาฬปราณจะจู่โจมเข้า สู่อวัยวะภายใน อย่าลืมว่าตอนนี้เรอินะไม่มีพลังจากผลึกราศรีคุ้มครองร่างอีกแล้ว กาฬปราณของพี่เอกำลังใกล้จะทำลายร่างกายของเรอินะในอีกไม่กี่อึดใจ พี่เอต้องรีบใช้เคล็ดวิชาปราณราหูดูดรั้งดึงกาฬปราณในร่างของเรอินะออกมา เดี๋ยวนี้’

คำบอกจากจิตของจานีสและสัมผัสของร่างไร้สติในกายที่กำลังเย็นลงของเรอินะที่ บอกให้รู้ว่าชีพจรในร่างเปล่าเปลือยของหญิงสาวผู้งดงามเริ่มเต้นแผ่วเบาลง ทุกขณะจนดูราวกับว่ามันสามารถหยุดเต้นได้ในทุกเสี้ยววินาที ผมรีบระงับความคิดทั้งปวงเอาไว้ เพื่อกำหนดปราณในร่างให้โคจรตามแนวทางปราณราหูดูดรั้งโดยใช้แก่นกายเป็น ศูนย์กลางกระจายปราณดูดรั้งกาฬปราณออกมาจากร่างเรอินะ และในทันทีที่กาฬปราณในร่างผมเริ่มโคจร ผมก็รับรู้ได้ถึงกระแสพลังเย็นยะเยียบของกาฬปราณถึงดูดดึงจากร่างกายเรอินะ ผ่านแท่งเนื้อของผมราวสายน้ำป่าที่ทะลักเข้ามาในร่าง มวลพลังที่ย้อนกลับผสานกับกระแสกาฬปราณในร่างผมเพิ่มอำนาจในการทะลุทะลวงจุด ตีบตันของจักรปราณจนกลับฟื้นสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่ผิวกายผมซึ่งแนบสนิทกับร่างเรอินะรับรู้ถึงกระแสความอบอุ่นที่ เริ่มขยายตัวจากจักรอัคคีที่ท้องน้อยของเรอินะกระจายออกไปตามเส้นชีพจรทั่ว ร่าง จนกระแสเลือดที่เกือบหยุดนิ่งด้วยอำนาจกาฬปราณกลับไหลเวียนอีกครั้ง ลมหายใจที่แผ่วเบาของเรอินะเริ่มเพิ่มกำลังสูดอากาศเข้าสู่ร่างกาย หัวใจกลับเต้นหนักแน่นขึ้นทีละน้อยจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มือน้อยๆ ของจานีสเอื้อมผ่านร่างผมมาจับชีพจรที่ข้อมือเรอินะเอาไว้ ก่อนส่งจิตที่แฝงความโล่งใจเอาไว้ออกมา

‘พี่เอ…พวกเราเกือบสูญเสียเรอินะไปตลอดกาลแล้ว หากที่เอช้ากว่านี้เพียงไม่กี่อึดใจ กาฬปราณก็จะแผ่ซ่านเข้าสลายหัวใจไม่มีหนทางช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ชีพจรเรอินะกลับสู่สภาพปกติแล้ว เพียงแต่ปราณทั้งมวลในร่างถูกสลายจากการถูกทำลายพรหมจารีย์ คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับพี่เอแล้วว่าพี่เอจะ…’

จิตของจานีสชะงักคำกล่าวที่ต้องการถ่ายทอดออกมาเมื่อรับรู้ว่าร่างของเรอินะ เริ่มสั่นเบาๆ พร้อมกับส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ทำให้ผมต้องรีบส่งจิตไปยังหญิงสาวที่กำลังคืนสติขึ้นมา

‘เรอินะเป็นอย่างไรบ้าง….’

แทนที่เทวนารีแห่งราศรีธนูจะส่งจิตตอบกลับมา ผมกลับได้ยินเสียงพูดอย่างแผ่วเบาเป็นภาญี่ปุ่นที่ผมไม่สามารถเข้าใจได้ ทำให้ผมรู้ในทันทีว่าหลังจากเรอินะถูกแก่นเนื้อผมทำลายเยื่อพรหมจรรย์ พลังแห่งผลึกราศรีธนูที่สถิตย์อยู่ในร่างก็แตกระเบิดออกจนทำให้หญิงสาวสูญ เสียความสามารถในการสื่อจิตไปในทันที

“เรอินะ.ได้ยินพี่ไหม…เป็นอย่างไรบ้าง”

ผมรีบส่งเสียงเรียกเรอินะด้วยภาษาไทยที่เรอินะเข้าใจดีจากการเข้ามาเคลื่อนไหวในจังหวัดเชียงใหม่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

“พี่เอ…เรอินะเป็นอะไรไป…เอ๊ะ…กาฬปราณถูกขับออกไปแล้ว..แต่…แต่ ปราณของเรอินะ…”

หญิงสาวผู้เคยเป็นเทวนารีแห่งราศรีธนูส่งเสียงตอบผมเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความสับสนระหว่างความดีใจที่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ ได้ กับความเสียใจที่พบว่าตนเองกลับกลายเป็นคนธรรมดาที่ไร้ปราณใดๆ จากการที่พลังแห่งผลึกราศรีในร่างถูกสลายไปจากการสูญเสียพรหมจรรย์ ผมรีบกอดร่างงามนั้นกระชับแน่น แนบใบหน้าลงกับแก้มเปล่งปลั่งของหญิงสาวก่อนกระซิบเบาๆ

“เรอินะไม่ต้องเสียใจไป…ปราณธรรมชาติดั้งเดิมในร่างของเรอินะยังคงอยู่ เช่นเดียวกับครั้งที่พี่รับพรหมจรรย์ของเซี่ยวเล้ง…เมื่อเรอินะกับพี่เย็ด กันจนถึงจุดสุดยอดปราณของเราทั้งสองจะผสานเข้าหากัน ปราณธรรมชาติของเรอินะจะก่อตัวขึ้นอีกครั้งด้วยกาฬปราณและพลังชีวิตจากผลึก มังกรอัคคีที่พลังของมันไม่ด้อยไปกว่าพลังจากผลึกราศรีแม้แต่น้อย…เรอินะ พร้อมที่จะรับพลังชีวิตจากพี่หรือไม่…”

“พี่เอ…เรอินะเชื่อและพร้อม แต่เรอินะไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร…ถ้าพี่เอ…อ๊าวส์..จะ เจ๊บ..”

เรอินะส่งเสียงครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อท่อนเนื้อชูชันในร่องหลืบอวบอิ่ม ถูกผมดึงขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกดมันกลับลงไปช้าๆ สองแขนเรียวไขว่คว้าร่างผมและกอดไว้แน่นขณะที่ผมส่งเสียงปลอบโยนที่ข้างใบหู น้อยๆ

“เรอินะไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น…ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง…แต่ตอนนี้พี่ขอ…”

ผมค้างคำพูดเอาไว้ขณะยกมือขึ้นและโคจรพลังขุมหนึ่งจากจักรอัคคีมาที่ปลาย นิ้วมือทั้งห้า ทำให้ฝ่ามือผมปรากฏประกายแสงสีแดงเรืองรองขึ้นมาเป็นครั้งแรกในความมืดสนิท ของสถานที่ลึกลับแห่งนี้ แต่ผมกลับไม่ได้ให้ความสนใจใดๆกับสภาพรอบตัว เพราะแสงสว่างที่เกิดจากอัคคีธาตุในร่างเผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าของเรอินะ ในอ้อมกอดผมอย่างชัดเจน
ดวงตาเรียวยาวสุกใสตามเชื้อชาติชาวญี่ปุ่นของเรอินะจับจ้องใบหน้าผมที่ถอย ห่างออกมาให้ดวงตาสามารถรับรู้ความงามของวงหน้ารูปไข่ที่มีเรือนผมสั้นเพียง ต้นคอล้อมรอบไว้จนดูราวกับเป็นใบหน้าของเด็กสาวที่น่ารักสดใสมากกว่าจะเป็น หญิงสาวที่เติบโตเต็มสาว แต่เมื่อสายตาผมไล่มาตามลำคอระหงมาหยุดอยู่ที่ทรวงอกชูช่อเต่งตึงคู่งามขาว ผ่องราวกับน้ำนมสดประดับปลายยอดด้วยเม็ดมณีสีชมพูเข้มที่แข็งตัวเป็นเม็ดกลม ด้วยสัมผัสของผมที่ผ่านมา ผมก็อดกลั้นหายใจไปกับความงามสมบูรณ์เบื้องหน้าไม่ได้

“พะ พะ พี่เอ…อย่าเร่งอัคคีธาตุจนสว่างแบบนี้ เรอินะอายนะ…”

เทวนารีแห่วราศรีธนูผู้งดงามส่งเสียงเบาๆ ด้วยใบหน้าแดงเข้ม ขณะพยายามยกแขนขึ้นบดบังทรวงอกงามจากสายตาผม แต่มือผมกลับขืนการเคลื่อนไหวของสองแขนเรียวงามนั้นไม่ปล่อยให้แขนทั้งสอง นั้นทำหน้าที่บดบังความงามของมันได้สำเร็จ

“เรอินะงามถึงเพียงนี้ จะปิดบังความงามกับพี่ทำไมกัน..”

ผมตอบหญิงสาวพร้อมกับที่สายตาไล่ผ่านเนิ่นหน้าท้องเรียบเนียนไปยังเนินรัก อวบอูมที่แก่นกายผมฝังแน่นอยู่ในหลืบรักหนึบแน่น สองแคมอวบที่ประดับด้วยเส้นไหมบางเบาขยายออกเป็นวงกลมตึงเปรี๊ยะ คราบเลือดพรหมจรรย์สีแดงสดใสไหลซึมออกมารอบแก่นเนื้อของผมที่อัดแน่นจนแทบ ขยับไม่ได้อยู่ในหลืบรักของเรอินะ และเมื่อผมค่อยๆ ดึงแท่งเนื้อออกมาแคมทั้งสองก็เผยเนื้อในสีแดงสดตามออกมาก่อม้วนตัวกลับไป ภายในอีกครั้งเมื่อผมกดแท่งเนื้อนั้นกลับลงไปจนหัวเน่าอัดแน่นกับเนินรัก

“อูย..พี่เอ…เรอินะเจ็บ”

เสียงครางแผ่วเบาดังรอดออกมาจากริมฝีปากที่เชิดรั้นเป็นกระจับ ผมตัดสินใจสลายอัคคีธาตุในมือจนความมืดกลับมาปกคลุมทุกสิ่งไว้อีกครั้ง ผมทาบร่างลงกับความนุ่มนวลของผิวกายเรอินะ ก่อนจูบริมฝีปากเชิดรั้นนั้นอย่างแผ่วเบาจนร่างในอ้อมกอดผมสะท้านเยือกไปกับ จูบแรกในชีวิต แต่เพียงครู่เดียวริมฝีปากน้อยๆ นั้นก็เผยอออกรับสัมผัสจากการจูบอย่างช้าๆ ลิ้นผมแทรกผ่านไรฟันเข้าไปสัมผัสรับความหอมหวานสดชื่นภายในปาก ลิ้นเรียวเล็กของเรอินะขยับมาแตะปลายลิ้นผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ และเปลี่ยนมาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นผมอย่างลืมตัว ในทันทีที่ผมเลื่อนมือมากุมเต้านมเต่งทั้งคู่เอาไว้ เสียงครางของหญิงสาวดังลอดลำคอออกมาเมื่อผมเคล้นคลึงเต้านมที่แข็งเป็นไต ทั้งคู่จนหัวนมงามทั้งสองแข็งตัวสั่นระริกภายใต้ฝ่ามือผม ร่างงามบิดตัวไปมาด้วยอารมณ์รักที่ถูกปลุกขึ้นจากการสัมผัส สองมือน้อยๆ ลูบไล้สะโพกผมไปมาอย่างกระวนกระวายราวกับต้องการให้ผมเคลื่อนไหวส่วนล่างของ ร่างกายให้มากขึ้น

แก่นกายผมรับรู้ถึงความชุ่มชื้นที่เอ่อมาชะโลมทุกสัดส่วนจนผมสามารถกระเด้า แก่นเนื้อเข้าออกสั้นๆ ได้โดยไม่ทำให้หญิงสาวเกิดอาการเจ็บปวด ผมค่อยๆ เพิ่มระยะทางในการกระเด้าขึ้นทีละน้อยพร้อมกับเร่งปลุกเร้าทรวงอกเต่งและการ จูบที่ร้อนแรงขึ้นทุกขณะ สะโพกครัดเคร่งของเรอินะเริ่มส่ายไหวรับการกระเด้าของผมอย่างลืมตัว จนในที่สุดผมก็สามารถดึงแก่นเนื้อออกมาจนเกือบพ้นปากสองแคมและกระเด้ากลับไป ในความรัดรึงของหลืบเนื้อได้ทั้งหมด

“พี่เอ…พี่เอ..เร เร เรอินะเป็นอะไรไม่รู้…มัน..สะ เสียวไปหมดแล้ว”

เสียงร้องของเทวนารีแห่งราศรีธนูดังขึ้นกระท่อนกระแท่น เมื่อใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยความเสียวจนริมฝีปากหลุดพ้นจากการจูบ และสามารถส่งเสียงรอดออกมาได้ ผมเปลี่ยนมือทั้งสองข้างมาโอบกระชับสะโพกหญิงสาวไว้เพื่อยึดสะโพกให้หยุดการ บิดส่ายในทางข้างและเสริมแรงกระเด้าในทางตรง ก่อนเริ่มกระเด้าความหนึบแน่นของหญิงสาวถี่ยิบ

“พี่ก็เสียว..หีเรอินะแน่นหนึบจนพี่แทบเย็ดไม่ได้เลย”

“เรอินะก็ สะ สะ เสียว…หี เรอินะให้ความสุขพี่เอได้ไหม…”

“หีเรอินะ..ยอดเยี่ยมสมกับเป็นหีของเทวนารี…พี่ไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสได้เย็ดเทวนารีที่งดงามเช่นเรอินะ..”

“อูย…พี่เอ..พี่เอ..อย่าเรียกเรอินะเป็นเทวนารีอีกเลย…อาห์…เรอินะไม่ ต้องการได้ยินชื่อนั้นอีกแล้ว…อะ อะ…โฮย..พี่เอง.ทำ ทำ อะไร…”

เรอินะส่งเสียงครางลั่นออกมาอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ เมื่อผมบิดส่ายสะโพกเป็นวงกระเด้าคว้านเนินรักอวบอิ่มทุกสัดส่วนจนสัมผัสได้ ถึงเม็ดเสียวเหนือร่องรักของเรอินะที่แข็งตัวเสียดสีกับแก่นเนื้อผมไม่ขาด ระยะ…สองขาเรียวของหญิงสาวกางออกกว้างก่อนโอบกระหวัดเข้ากับเอวผม ร่างงามสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเมื่อผมเร่งกระเด้าถี่ยิบจนความเสียวพรั่งพรู มาสะสมรวมกันที่ส่วนปลายหัวบานพร้อมจะระเบิดออกทุกขณะ

“อ๊าวส์…เร เรอินะ จะ จะ..จะ..อ๊ายส์”

กล้ามเนื้อทั่วร่างเรอินะกระตุกเฮือกเมื่อหญิงสาวบรรลุจุดสูงสุดของความรัก เป็นครั้งแรก หลืบเนื้อทุกกลีบในร่องรักหดตัวเป็นจังหวะไล่จากแคมเข้าสู่ภายในราวกับจะ เร่งรีดเร้นน้ำรักออกจากแก่นเนื้อของผม สัมผัสที่แปลกประหลาดทำให้ผมอดตื่นเต้นไปกับความพิเศษของหลืบรักเรอินะไม่ ได้ เพราะผมไม่เคยได้สัมผัสคุณลักณะพิเศษของอวัยวะเพศสตรีที่เกิดการบับรัดเป็น จังหวะไล่เข้าหาภายในดังเช่นหลืบรักของเรอินะมาก่อน แรงบีดรัดเคล้นแก่นเนื้อผมทุกสัดส่วนจนผมไม่สามารถควบคุมความเสียวไว้ได้อีก ต่อไป น้ำรักที่อัดแน่นทะลักเข้าสู่ภายในร่างเทวนารีแห่งราศรีธนูราวกับน้ำป่า พร้อมกับกระแสปราณในร่างผมที่ทะลักทะลายเข้าสู่จักรอัคคีของเรอินะ ก่อนชักนำมวลปราณให้โคจรไปตามแนวทางของปราณคชสีห์ประจำตัวของผม ทำให้เรอินะซึ่งเริ่มคลายจากความเสียวอุทานออกมาเบาๆ

“พะ พะ พี่เอง…อะ อะไรกัน…ทำไม..จักรปราณของเรอินะจึง…”

“เรอินะจงสงบใจเอาไว้…ผนึกสมาธิเรียนรู้เส้นทางการโคจรของปราณให้มั่น…ปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของพี่…”
ผมส่งเสียงบอกหญิงสาวอย่างอ่อนโยนขณะบังคับปรารเข้าไปยังมวลปราณธรรมชาติที่ สงบนิ่งในจักรอัคคีของเรอินะ สัมผัสแรกที่ปราณผมสัมผัสปราณธรรมชาติของเรอินะทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้ เพราะพื้นฐานปราณของเรอินะแตกต่างจากเซี่ยวเล้งที่ไม่เคยฝึกปราณมาก่อนเข้า สู่จักราศรีทำให้ปราณธรรมชาติของเซี่ยวเล้งไม่ถุกกระทบกระเทือนและพร้อมรับ การถ่ายทอดปราณของผมในทันที แต่สำหรับเรอินะนั้นเคยฝึกปราณของสำนักอิโตริวมาก่อนจนเป็นผู้ทรงปราณระดับ สูง แต่ปราณธรรมชาติในร่างของเรอินะกลับคงอยู่ในสภาวะแรกเริ่มเช่นเดียวกับ เซี่ยวเล้งอย่างไม่น่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากการกระตุ้นปราณธรรมชาติในร่างให้กระจายออกนั้นเป็นขั้นตอนแรกในการ ฝึกปราณของผู้ทรงปราณทั้งมวล ซึ่งหมายความว่าปราณเริ่มต้นของเรอินะนั้นต้องเป็นปราณที่ได้รับการถ่ายทอด จากภายนอกไม่ใช่ปราณที่กำเนิดจากการฝึกปรือแต่กำเนิด แต่อย่างไรก็ตามผมรีบระงับความสงสัยไว้และมุ่งสมาธิไปที่การกระตุ้นปราณธรรม ชาติของเรอินะให้กระจายออกผสานกับปราณคชสีห์ของผม ก่อนชักนำไปในจักรทั้งสี่รอบแล้วรอบเล่า ปราณและพลังชีวิตจากผลึกมังกรในร่างผมถ่ายทอดออกไปไม่หยุดยั้งราวกับสายน้ำ ที่ไม่มีวันเหือดแห้ง จนในที่สุดปราณในร่างเรอินะก็เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นมวลพลังมหาศาล และโคจรด้วยตนเอง พร้อมกับมวลปราณของผมถ่ายกลับมาสู่ร่างผ่านแก่นกายที่ยังคงฝังตัวแน่นในหลืบ รักเรอินะ แต่ก่อนที่ผมจะถอนแก่นกายออกจิตผมก็สัมผัสเสียงเบาๆ ดังขึ้นในสมองผม

‘นี่เป็นปราณอันใดกันที่พี่เอถ่ายทอดให้เรา.. เหตุใดมันจึงอบอุ่นไปทั่วร่างและปราศจากความดุดันแข็งกร้าวเช่นพลังจากผลึก ราศรีที่เราเคยรู้จัก..เหตุใดปราณนี้จึงดูคุ้นเคยกับร่างเราราวกับเป็นส่วน หนึ่งของชีวิตมาก่อน….’

ผมรับรู้ในทันทีว่าเสียงที่ได้ยินคือจิตของเรอินะที่ยังคงแปลกใจกับสิ่งที่ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ว่าปราณที่ผมถ่ายทอดให้ได้ฟื้นความสามารถในการสื่อสารทาง จิตของหญิงสาวกลับมาแล้ว

‘เรอินะ..ได้ยินพี่หรือไม่’

‘พี่เอ พี่เอ …เรอินะได้ยิน…เรอินะสามารถติดต่อทางจิตได้อีกแล้ว…พี่เอ…ปราณนี้คืออะไร เหตุใดจึง..’

จิตเรอินะส่งมายังผมอย่างตื่นเต้น แต่ก่อนที่จะส่งจิตจบ จิตของจานีสก็ดังขัดขึ้นมากลางคัน

‘เรอินะอย่าเพิ่งสงสัยสิ่งใด จงเร่งผนึกสมาธิรับปราณทั้งมวลไว้ ตอนนี้พี่เอถอนควยออกจากเรอินะก่อนเถอะ ปล่อยให้เรอินะโคจรปราณในร่างอย่างสงบ จานีสเชื่อว่าเมื่อปราณธรรมชาติของเรอินะสามารถหลอมละลายร่วมกับปราณของพี่ เอโดยสมบูรณ์ เรอินะจะสามารถใช้ไตรธนูก่อธนูพิฆาตฟ้าได้อีกครั้งอย่างแน่นอน..’

‘ตกลง เรอินะเชื่อท่านโหราทาส ไม่ใช่สิ ท่านจานีส เสมอมา พี่เอ..เอา..เอ้อ..ควย ออกจากตัวเรอินะก่อนเถอะ..อุ๊ย..’
เรอินะอุทานออกมาเบาๆ เมื่อผมรับรู้คำขอของจานีสและค่อยๆ ดึงแก่นเนื้อที่ยังคงแข็งชูชันออกจากแรงดูดของหลืบรักจนหลุดออกจากสองแคม เกิดเป็นเสียงดังเบาๆ ก่อนที่เทวนารีผู้ที่เข้ามาเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งของผมจะเคลื่อนไหวร่างมาอยู่ ในท่านั่งสมาธิกลางความเวิ้งว้างที่ไร้แรงดึงดูดและเริ่มชักจูงมวลพลังใน ร่างกายให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

ผมหมุนร่างกลับไปหาจานีสที่ลอยอยู่ด้านข้างก่อนดึงร่างงามที่ถูกกักอยู่ใน ร่างกายของเด็กสาวอายุ 14 ตลอดไปมากอดไว้แน่น และเริ่มส่งปราณเข้าตรวจสอบร่างกายของจานีส

‘อะ อะ อะไรกัน ทำไมจานีสถึง….’

จิตผมอุทานออกมาด้วยความสะท้านใจเมื่อปราณที่ผมส่งผ่านผิวหนังเด็กสาวเข้าไป บอกให้ผมรับรู้ว่าจักรปราณทั้งสี่ของจานีสที่ก่อเกิดจากพลังมังกรอัคคีนั้น อยู่ในสภาพแหลกสลาย ไม่สามารถรองรับปราณที่ผมส่งเข้าไปได้แม้แต่น้อย มีเพียงพลังชีวิตที่อ่อนล้าขุมหนึ่งสถิตย์อยู่ที่หัวใจ ซึ่งเป็นพลังหนึ่งเดียวที่ยังคงทำให้จานีสสามารถคงชีวิตอยู่ได้ ผมรีบประกบปากกับริมฝีปากเย็นเฉียบของจานีสในทันทีและถ่ายกระแสปราณกระตุ้น พลังชีวิตที่หัวใจให้ฟื้นตัวขึ้นมา จนผมเริ่มสัมผัสได้ถึงกระแสโลหิตที่เพิ่มความเร็วในการหมุนเวียนมากขึ้น พร้อมกับจิตของจานีสส่งออกมาเบาๆ

‘พี่เอ..จานีสขอโทษที่ไม่สามารถรักษาร่างกายที่พี่เอมอบให้ไว้ได้….’

‘จานีสไม่ต้องขอโทษพี่ พี่จะเย็ดจานีสเดี๋ยวนี้เพื่อถ่ายพลังชีวิตจากผลึกมังกรอัคคีสร้างจักปราณให้จานีสใหม่ จานีสเตรียมตัวนะ…’
ผมส่งจิตร้อนรนออกไป พร้อมกับใช้มือแยกขาเรียวงามของจานีสออกจากกันเพื่อเตรียมแทรกแก่นกายเข้าไป ในร่างกายจานีส แต่ในทันทีที่ปลายหัวบานผมสัมผัสสองแคมรักของเด็กสาว ผมกลับพบว่าเนินรักของจานีสที่ปกติแล้วจะชุ่มฉ่ำพร้อมกับการร่วมรักในทันที ที่ผมเกิดความต้องการ กลับแห้งสนิทปราศจากสิ่งหล่อลื่นใดๆ มาหล่อเลี้ยงตามปกติ

‘พี่เอ…จักรในร่างจานีสแตกสลาย ไม่สามารถก่อเกิดอารมณ์รักรองรับพี่เอได้…และที่สำคัญที่สุดก็คือ แม้พี่เอจะฝืนเย็ดจานีสได้ พลังชีวิตจากผลึกมังกรอัคคีของพี่เอก็ไม่สามารถก่อจักรปราณขึ้นมาได้อีกเป็น ครั้งที่สอง อำนาจในการฟื้นชีวิตก่อกายเนื้อของเผ่าพันธ์มังกรนั้นสามารถกระทำได้ครั้ง เดียวเท่านั้น’

คำบอกเล่าของจานีสทำให้จิตผมตื่นตระหนกอย่างรุนแรง เพราะนั่นหมายความว่าจานีสจะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ร่วมกับผมดัง เช่นที่ผ่านมาได้อีกต่อไป

‘จานีส จานีสจะจากพี่ไปไม่ได้ มีวิธีใดที่จะคงชีวิตของจานีสเอาไว้จงบอกพี่มาเถอะ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของพี่เอง พี่ก็จะทำ…’
มือน้อยๆ ของจานีสเอื้อมมาบีบมือผมไว้แน่น ก่อนส่งจิตตอบมา

‘พี่เอ…จานีสไม่ตายหรอก ขอเพียงพี่เอถ่ายทอดปราณคุมหัวใจให้จานีสทุกวัน จานีสก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ จานีสสามารถใช้ชีวิตและความรู้ที่มีช่วยพี่เอ เพียงแต่คงไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางร่างกายของพี่เอได้อีกแล้ว…’

จิตของจานีสที่ถ่ายทอดมาทำให้ความตระหนกของผมเบาบางลงและเริ่มสงบใจรับ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมดึงร่างเปล่าเปลือยที่ผมแสนรักเข้ามากอดไว้แน่น ก่อนส่งจิตปลอบโยนเด็กสาว

‘จานีสไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ต่อไปนี้จานีสจะต้องอยู่กับพี่ตลอดเวลาเพื่อให้พี่ถ่ายปราณคุมหัวใจให้ แม้พี่จะเสียใจที่จะไม่สามารถเย็ดจานีสได้อีก แต่พี่ก็ยังดีใจที่จานีสจะยังคงอยู่กับพี่ต่อไป’

อดีตโหรทาสผู้กลับคืนชีวิตมาเป็นเด็กสาวผู้งดงามซุกใบหน้าลงกับอกผม สองแขนกอดร่างผมไว้แนบแน่น ผมจูบริมฝีปากนุ่มนวลของเด็กสาวพร้อมกับถ่ายทอดปราณเข้าสู่หัวใจอย่างต่อ เนื่อง จนจังหวะการเต้นกลับมาสู่ภาวะปกติ สัมผัสที่แนบแน่นของร่างกายและปลายลิ้นที่เกี่ยวพันกันอย่างนุ่มนวล ถ่ายทอดให้ผมได้ถึงความรักที่จานีสมีให้ผมโดยไม่จำเป็นต้องส่งจิตถ่ายทอด วาจาใดออกไปแม้แต่คำเดียว

เวลาผ่านไปชั่วขณะ ท่ามกลางความมืดสนิทพลันบังเกิดแสงเรืองรองเจิดจ้าขึ้น ทำให้ผมต้องยุติการจูบและการถ่ายทอดปราณ เพื่อหันไปยังต้นกำเนิดแสง และพบว่าแสงนั้นก่อตัวขึ้นเป็นรูปคันศรจากฝ่ามือของเรอินะที่ล่องลอยอยู่ ด้านข้าง ใบหน้างามของหญิงสาวเปล่งประกายสะท้อนแสงที่ก่อเกิดจากฝ่ามือเป็นประกายนวล จนดูราวกับเทพธิดามาจุติบนโลกหล้า ร่างงามห่อหุ้มไว้ด้วยเกราะปราณสีส้มสดใส ที่ดูเหมือนจะเพิ่มประกายระยิบระยับอีกชั้นหนึ่งแตกต่างจากเกราะปราณเดิมที่ ผมเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ จนขับผิวขาวผ่องของเรอินะเป็นประกายนวลใยไร้ตำหนิ มีเพียงคราบเลือดจางๆ เป็นสายที่แห้งกรังจับอยู่ที่ลำขาเรียวยาวเท่านั้นที่ดูจะเป็นสิ่งแปลกปลอม บนเรือนร่างนี้ ใบหน้าคมคายของหญิงสาวผู้ที่เคยเป็นเทวนารีแห่งราศรีธนูหันกลับมาทางผมพร้อม กับจิตที่ส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นยินดี

‘พี่เอ พี่จานีส ปราณของเรอินะฟื้นฟูแล้ว…จริงอย่างที่พี่จานีสบอกไว้ปราณนี้ทรงอานุภาพ เหนือล้ำกว่าพลังปราณจากผลึกราศรีด้วยซ้ำ…เอ๊ะ…พี่จานีสเป็นอะไรไป…’

เรอินะส่งจิตออกมาด้วยความกังวลเมื่อแสงสว่างที่เกิดขึ้นทำให้เห็นภาพร่าง เปลือยของจานีสที่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนผม หญิงสาวสลายพลังปราณที่ผนึกขึ้นจนประกายแสงเจิดจ้าดับวูบแต่แสงเรืองๆ จากเกราะปราณนั้นยังคงให้ความสว่างพอที่จะเห็นสภาพรอบด้านได้ชัดเจน ร่างเรอินะถลันวูบเข้ามาประคองร่างจานีสเอาไว้พร้อมกับส่งปราณเข้าตรวจสอบ ร่างกายเด็กสาวก่อนอุทานออกมาอย่างแตกตื่น

‘พี่จานีส..จักรปราณของพี่…’

จานีสเอื้อมมือขึ้นกุมมือเรอินะและยิ้มให้อย่างอ่อนล้า

‘จานีสไม่เป็นอะไรมากหรอก เรอินะไม่ต้องห่วง จานีสมีแต่ความยินดีต่างหากที่เรอินะถอนตัวออกจากจักรราศรี ..’

‘แต่จักราปราณสูญสลายหมายความว่า…’

‘จานีสรู้ดี จักรปราณที่สูญสลายย่อมทำให้พลังก่อกำเนิดขับเคลื่อนกล้ามเนื้อในร่างทำงาน ได้สูญสิ้นตามไปด้วย จานีสจะต้องอยู่ในสภาพของผู้พิการตลอดไป มีเพียงปราณพิทักษ์หัวใจที่พี่เอถ่ายทอดมาให้เท่านั้นที่สามารถทำให้จานีสพอ เคลื่อนไหวร่างกายบางส่วนได้ สนทนากับทุกคนได้ แต่การเดินทางหรือการใช้กำลังกายนั้นจานีสคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว….’

จิตของจานีสที่ถ่ายทอดออกมาทำให้ทั้งผมและเรอินะนิ่งงันไป น้ำตาหยาดใสไหลซึมออกมาจากดวงตากลมโตของเรอินะ เช่นเดียวกับผมที่รู้สึกเหมือนถูกกดทับด้วยปราณไร้สภาพจนหัวใจหนักอึ้งด้วย ความห่วงใยเด็กสาวที่เป็นหนึ่งในคู่ชีวิตของผม

‘จานีสไม่ต้องกังวลอันใด ต่อให้จานีสไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้และต้องให้พี่อุ้มประคองจานีสไว้ตลอดชีวิตพี่ก็ยินดี…’

รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากน้อยๆ ของจานีส ขณะที่เด็กสาวพยายามใช้กำลังอันน้อยนิดที่เกิดจากปราณพิทักษ์หัวใจขยับตัวออกจากอ้อมกอด
ผม ก่อนส่งจิตแผ่วเบา

‘จานีสเองก็ตั้งใจที่จะใช้ทุกสิ่งที่จานีสเรียนรู้มารับใช้พี่เอตลอดไป จานีสสัญญาว่าจะไม่ยอมท้อกับความพิการของร่างกายนี้อย่างแน่นอน…ว่าแต่ เมื่อสักครู่ที่เรอินะผนึกพลังธนูสลายจิตและเกราะปราณจนเกิดแสงสว่างจ้าขึ้น นั้น จานีสคิดว่าจานีสเห็นบางอย่างลอยอยู่ไกลออกไปทางด้านหน้าของพวกเรา เรอินะจะลองผนึกพลังขึ้นอีกครั้งได้ไหม’

ดวงตาเรอินะทอประกายเจิดจ้าขณะพยักหน้ารับคำของของจานีส แล้วสูดลมหายใจลึก ใบหน้างามเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งขณะที่ชูมือขึ้นเหนือศรีษะพร้อมประกายแสงเรือง รองรูปคันศรแผ่ขยายออกจากฝ่ามือทั้งสองด้าน ส่องสว่างให้เห็นสภาพรอบตัวไกลออกไปหลายสิบเมตร ทำให้ผมต้องผนึกปราณเร่งเร้าประสาทรับรู้ทุกส่วนขณะที่พิจารณาสภาพรอบด้าน

ร่างของผม เรอินะ และจานีสล่องลอยอยู่ในภายในห้องศิลาทรงกลมสมบูรณ์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า หนึ่งกิโลเมตร ซึ่งกว้างเสียจนผนังของทรงกลมนั้นปรากฏเป็นเพียงเงาเลือนรางจากแสงสว่างที่ เรอินะผนึกขึ้น ใจกลางของทรงกลมลอยนิ่งอยู่ด้วยผลึกแก้วใสรัศมีกว่าสองเมตร ที่ใจกลางมีจุดดำเล็กๆ คล้ายก้อนหินขนาดไม่เกินนิ้วหัวแม่มือลอยอยู่ในตำแหน่งจุดศูนย์กลาง ตำแหน่งที่ผม จานีส และเรอินะลอยอยู่นั้นเป็นตำแหน่งประมาณกึ่งกลางของแก้วผลึกกับผนังของ ห้องศิลา แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจผมกลับไม่ใช้ลูกกลมแก้วผลึกใส แต่กลับเป็นเงาเลือนรางสองกลุ่มที่ล่องลอยอยู่ด้านตรงข้ามของลูกกลมแก้วใส ซึ่งประสาทตาที่ไวกว่ามนุษย์ธรรมดาหลายร้อยเท่าของผมพอประเมินสันฐานของเงา เรือนลางสองกลุ่มนั้นได้ว่าน่าจะเป็นร่างของมนุษย์

‘เรอินะคิดว่านั่นน่าจะเป็นร่างคนนะ…พี่เอคิดว่าอย่างไร’

จิตของเรอินะดังขึ้นในสมอง ทำให้ผมรู้ในทันทีว่าประสาทรับรู้ของอดีตเทวนารีแห่งราศรีธนูผู้นี้เฉียบคมไม่แพ้ผมแม้แต่น้อย

‘พี่ก็คิดว่าใช่ อย่างนั้นพวกเราลองไปดูให้แน่นอนดีไหม’

‘พี่เอ จานีสคิดว่าร่างหนึ่งคงจะเป็นร่างน้องพิมที่น่าจะผ่านม่านปฏิสารเข้ามาพร้อมกับเรา แต่อีกร่างหนึ่งนั้นจานีสไม่แน่ใจ…’

‘ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปหาพร้อมๆ กันเถอะ..เรอินะสลายพลังในคันศรก่อน และเตรียมผสานปราณกับพี่..’

ผมส่งจิตไปยังจานีสและเรอินะ ก่อนดึงร่างจานีสมาไว้ในอ้อมแขน และจับมือเรอินะเอาไว้ทั้งสองมือก่อนเริ่มโคจรปราณในร่าง

‘พี่เอ…ตอนนี้พวกเราอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก ไม่มีแรงปะทะที่จะหยิบยืมพลังเคลื่อนออกไปได้ แล้วพวกเราจะไปจุดนั้นอย่างไรกัน…’

เรอินะส่งจิตถามผมอย่างลังเล แต่ก็สลายปราณที่ผนึกไว้ที่ฝ่ามือโดยดีพร้อมกับรับปราณที่ผมส่งผ่านเข้าสู่ ร่าง ผมเริ่มโคจรปราณแล้วเหวี่ยงร่างตัวเองเป็นวงกลมช้าๆ พร้อมกับร่างเรอินะ เพียงครู่เดียวความเร็วในการหมุนวนก็เพิ่มขึ้นเนื่องจากปราศจากแรงโน้มถ่วง ต้านทาน ผมปล่อยมือข้างหนึ่งของเรอินะ แล้วแผ่พลุ่งพลังออกไปทางด้านหลัง ทำให้ร่างที่หมุนวนอยู่เคลื่อนที่ในลักษณะวงกลมมุ่งไปยังตำแหน่งตรงข้ามด้วย ความเร็วใกล้เคียงกับการเดิน แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับการเคลื่อนที่ในสภาพเช่นนี้

‘พี่เอคิดวิธีเคลื่อนไหวแบบนี้ได้อย่างไรกัน….เรอินะนับถือพี่จริงๆนะ..’

เรอินะส่งจิตมาให้ผมด้วยน้ำเสียงแฝงความแปลกใจและตื่นเต้นกับวิธีที่ผมกำหนด ขึ้น ผมยิ้มให้หญิงสาวน้อยๆ โดยไม่ตอบคำถามนั้น เพราะสิ่งที่ผมทำนั้นคือการอาศัยหลักการของฟิสิกส์ด้วยการสร้างการหมุนก่อ แรงหนีศูนย์กลางขึ้นช่วยเคลื่อนไหว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอดีตนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์เช่นผม..

ร่างผม จานีส และเรอินะหมุนวนล่องลอยผ่านลูกกลมแก้วใสบริเวณศูนย์กลางของห้องศิลาอย่าง ช้าๆ แสงเรืองรองจากเกราะปราณของเรอินะส่องผ่านให้เห็นวัตถุที่ลอยอยู่ภายใน ที่ดูเหมือนจะเป็นก้อนหินขนาดเล็กที่ปราศจากปฏิกริยาใดๆ ให้ผมสัมผัสได้ แต่ส่วนลึกของจิตใจผมกลับเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดราวกับกำลังถูกเฝ้า มองอยู่จากที่ใดที่หนึ่งภายในลูกแก้วใสนั้น

‘พี่เอ ..เรอินะรู้สึกเหมือนถูกใครมองอยู่ก็ไม่รู้ แต่ปราณของเรอินะไม่พบว่ามีอะไรอยู่ในลูกแก้วนั้นเลย..’

จิตเรอินะส่งมายังผมเมื่อพบว่าผมกำลังจับจ้องก้อนหินภายในลูกแก้วนั้นเขม็ง

‘พี่ก็รู้สึกเหมือนเรอินะ…แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นจิตของเราที่สร้างความรู้สึกนี้ขึ้นมาเองหรือเปล่า’

‘พี่เอ..จานีสก็รับรู้ได้นะ ยิ่งกว่านั้นจานีสยังเชื่อว่าก้อนหินที่เราเห็นอยู่ภายในลูกกลมแก้วใสนั่น น่าจะเป็นศิลาปฏิสารตามที่ลายแทงระบุเอาไว้ และเป็นต้นกำเนิดของพลังที่ก่อม่านปฏิสารที่เราผ่านเข้ามา เพียงแต่จานีสไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดมันขึงดูเหมือนก้อนหินธรรมดาที่ปราศจาก พลังอะไรให้เราได้สัมผัสแม้แต่น้อย..’

จิตจานีสส่งมาให้ผมและเรอินะรับรู้พร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่แฝงความผิดหวังจน รู้สึกได้ ซึ่งผมก็ทราบดีว่าการเดินทางยังสถานที่แห่งนี้เกิดจากค้นพบของจานีส และเด็กสาวเองก็คาดหวังที่สุดว่าศิลาปฏิสารน่าจะเป็นวัตถุที่สามารถช่วย เหลือให้ผมสามารถต่อต้านจักรราศรีได้อย่างเท่าเทียม แต่เมื่อกลับพบว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นเพียงหินก้อนเล็กๆ ที่ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เด็กสาวจึงอดผิดหวังจนสะท้อนออกมาในจิตไม่ได้

‘ตอนนี้อย่างเพิ่งสนใจเลยจานีส ดูนั่นสิพี่คิดว่านั่นน่าจะเป็นร่างน้องพิมนะ’

เงาร่างสองกลุ่มที่เคยเลือนรางในระยะไกลเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นในสายตาผมทีละ น้อยจนผมสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นทั้งสองคือร่างของมนุษย์ที่อยู่ในสภาพเปล่า เปลือยและร่างที่เล็กกว่าที่ผมกำลังเข้าใกล้ไปทุกขณะนั้นแม้จะอยู่ในสภาพหัน หลังให้ แต่รูปร่างที่อวบอัดเกินวัย และสะโพกอวบกลมเต่งตึงที่เริ่มสะท้อนรับแสงสว่างจากเกราะปราณของเรอินะ ทำให้ผมจำได้ในทันทีว่านั่นคือร่างของน้องพิมอย่างไม่ผิดพลาด แต่อีกร่างหนึ่งที่ลอยอยู่เหนือน้องพิมในท่านอนหงายนั้น เมื่อมองจากเบื้องล่างทำให้เห็นเพียงโครงร่างของสตรีวัยเต็มสาวที่ผิวกายสี น้ำผึ้งเรืองรองราวทองคำเมื่อกระทบแสงจากเกราะปราณของเรอินะ เรือนร่างนั้นดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด แต่ก่อนที่ผมจะคิดออกจิตของเรอินะก็ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว

‘พี่เอ..ระวังไว้ …นั่นคือตุลยาเทวี’

จิตของเรอินะทำให้ผมสะท้านใจเล็กน้อย แต่ในสภาพที่กาฬปราณของผมอยู่ในระดับสูงสุด ผมไม่เกิดความหวาดหวั่นต่อพลังอำนาจของเทวนารีแห่งราศีตุลย์ผู้นี้แม้แต่ น้อย แม้ว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาผมจะพลาดท่าถูกอำนาจจิตราสูญเข้าครอบงำก็ตาม แต่ผมก็ยังคงผนึกปราณขึ้นคุ้มร่างผมและจานีสเอาไว้มั่นคง ขณะแผ่พุ่งปราณบังคับทิศทางให้ร่างผม จานีสและเรอินะหมุนวนเวียนเข้าหาร่างน้องพิมและผนึกปราณดูดรั้งดึงร่างอวบ อิ่มของเด็กหญิงเขามาแนบชิดทันทีพร้อมกับส่งปราณเข้าตรวจสอบร่างกายเด็กหญิง ด้วยความกังวล ซึ่งผมก็ต้องถอนใจออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อพบว่าร่างกายของน้องพิมไม่มี อาการบาดเจ็บใดๆ เพียงแต่เด็กหญิงยังคงสิ้นสติจากการผ่านม่านปฏิสารเข้าสู่สถานที่นี้เท่า นั้น

‘พี่เอ…อย่าเพิ่งปลุกน้องพิม…จานีสคิดว่าพี่เอควรติดต่อกับน้องพิมที่ อยู่ในร่างนี้เสียก่อน เพราะจานีสเชื่อว่าจิตน้องพิมในร่างนี้น่าจะยังคงตื่นอยู่และรับรู้ทุกสิ่ง ที่เกิดขึ้นตอนที่พวกเราสิ้นสติไป แต่ตอนนี้พวกเราต้องระวังตุลยาเทวีให้ดี’

จานีสรีบส่งจิตห้ามปรามเมื่อพบว่าผมกำลังเอื้อมมือไปยังใบหน้าเด็กหญิงใน อ้อมแขนเพื่อปลุกให้รู้ตัว พร้อมกับเตือนให้ผมรู้ถึงการดำรงอยู่ของศัตรูที่เกือบทำลายชีวิตทุกคนไป เมื่อครู่ที่ผ่านมา ผมพยักหน้าให้จานีสก่อนผนึกปราณกระจายไปตรวจสอบปราณของตุลยาเทวีที่ลอยอยู่ เหนือน้องพิมด้วยความระมัดระวัง แต่ผมก็ต้องแปลกใจจนอดอุทานเบาๆ ออกมาไม่ได้เมื่อพบว่าร่างเปลือยเปล่าที่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศนั้นกลับไม่ เกิดปฏิกริยาใดต่อต้านปราณของผมแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างยิ่งสำหรับผู้มีปราณเหนือโลกเช่นเทวนารีแห่ง ราศีตุลย์

‘พี่เอ..แปลกมาก ทำไมร่างตุลยาเทวีจึงไม่เกิดปราณสะท้อนกลับมา เรอินะสัมผัสได้ถึงกระแสเลือดที่ยังโคจรร่าง แต่กลับไม่พบจิตตอบสนอง
ใดๆเลย…’

จิตของเรอินะส่งมายังผมด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน ทำให้ผมรู้ว่าหญิงสาวผู้เคยเป็นหนึ่งในเทวนารีและรู้จักพลังปราณของเทวนารี ดี ก็ได้แผ่พุ่งปรารตรวจสอบตุลยาเทวีพร้อมกันกับผมและรับรู้ในสิ่งเดียวกัน ผมสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนผนึกปราณดูดรั้งขึ้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อดึงร่างตุลยาเทวีที่ลอยอยู่ด้าน บนให้ลงมาในระนาบเดียวกันกับผม ร่างเปลือยเปล่าของตุลยาเทวีค่อยเลื่อนลงมาตามปราณดูดรั้งช้าๆ จนมาหยุดนิ่งที่ระดับเอว แสงสว่างที่เกิดจากปรารของเรอินะทำให้ผมเห็นเรือนร่างงามเบื้องหน้าได้อย่าง ชัดเจน

ดวงหน้าที่ราวกับฝาแฝดของจานีสพริ้มตาหลับอย่างสงบ ปราศจากความเกรี้ยวกราดที่เคยปรากฏในการต่อสู้เมื่อครู่ที่ผ่านมา ทำให้วงหน้ารูปไข่นั้นดูงามราวเทพธิดาที่อยู่เหนือโลกหล้าต่างจากจิตใจชั่ว ร้ายที่บรรจุอยู่ภายใน สายตาผมเลื่อนต่ำลงมาที่ทรวงอกเต่งตูมทั้งสองเต้าที่เด่นตระหง่านบนผิวกายสี น้ำผึ้งนวลเนียน สัณฐานกลมกลึงไร้ที่ติประดับด้วยเม็ดยอดสีน้ำตาลอ่อนได้รูปชวนให้ผู้พบเห็น จินตนาการถึงรสสัมผัสที่หอมหวานยามที่ยอดอกนั้นแข็งตัวด้วยอารมณ์รัก ลานหน้าท้องเรียบตึงทอดตัวไปยังสะโพกครัดเคร่งที่ตรงกลางสะโพกวางไว้ด้วย เนินรักนูนเด่นที่มีเส้นขนสีดำสนิทปกคลุมบางเบา แคมรักอวบเต่งทั้งสองปกป้องรอยผ่าที่นำไปสู่หลืบรักภายในอย่างแน่นหนา ประกอบเป็นอวัยวะแห่งสตรีเพศที่งดงามไร้ที่ติ เร้าอารมณ์ทางเพศราวกับเป็นร่างที่เกิดจากจินตนาการมากกว่าความเป็นจริง และผมเองก็ต้องยอมรับว่าแม้ร่างเบื้องหน้าจะเป็นศัตรูที่ไม่สามารถปล่อยให้ มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ความงามนั้นก็ยังคงกระตุ้นเร้าอารมณ์เพศของผมให้ลุกโพลงขึ้นมาโดยไม่ สามารถควบคุมตนเองได้

‘เหมือนจานีสแทบทุกสัดส่วน แต่พี่เอ…ดูที่หีตุลยาเทวีสิ พี่เอเห็นอย่างที่จานีสเห็นไหม’

จิตแผ่วเบาของจานีสส่งออกมาเบาๆ เมื่อเห็นร่างเปลือยที่ดูราวกับเป็นร่างตนเองในยามเติบโตเต็มสาว แต่จิตของจานีสเปลี่ยนเป็นความแปลกใจและบอกให้ผมดูที่เนินรักอวบอิ่มเบื้อง หน้า และในทีนทีที่สายตาผมจับจ้องเนินรักอวบอูมนั้นอย่างพิจารณาผมก็เข้าใจทันที ว่าจานีสพบเห็นสิ่งใด

ร่องรักตุลยาเทวีที่สองแคมขนาบปิดกั้นไว้จนปราศจากช่องว่าง กลับปรากฏน้ำใสไหลซึมออกมาบางเบาส่งกลิ่นหอมจรุง เพียงครู่เดียวแคมรักที่เคยแนบแน่นสนิทเกิดการกระตุกเป็นจังหวะช้าๆ และค่อยๆ พร้อมกับน้ำหล่อลื่นที่หลั่งออกมาเป็นสาย สะโพกครัดเคร่งบิดไปมาราวกับจะเพิ่มแรงเสียดสีให้แคมรักบดอัดตัวเองกับติ่ง เสียวที่เริ่มแข็งตัวชูชันเป็นเม็ดเล็กๆ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นของตุลยาเทวีทำให้ผมต้องรีบผนึกปราณในร่างขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับการจู่โจมหากร่างงามเบื้องหน้าฟื้นคืนสติขึ้นมา

‘พี่เอ…ไม่ต้องผนึกปราณหรอก จานีสเข้าใจแล้ว…’

จิตจานีสส่งออกมาเบาๆ ขณะที่เด็กสาวเอื้อมมือไปจับชีพจรที่ข้อมือของตุลยาเทวีโดยไม่เกรงกลัวว่าจะ ถูกตอบโต้ พร้อมกับส่งจิตอธิบายให้ผมที่กำลังงุนงงรับรู้ต่อ

‘ร่างนี้ไม่มีจิตครอบครองแล้วพี่เอ..จิตของตุลยาเทวีถูกปิดกั้นไว้ด้วยจิตรา สูญและกำลังสร้างร่างบุรุษในจนตนาการขึ้นเพื่อร่วมรักกับตนเอง…อีกไม่นาน จิตของตุลยาเทวีจะแตกสลายสูญไปตลอดกาล…’

‘จิตราสูญ เป็นไปได้อย่างไรพี่จานีส นั่นคือวิชาของตุลยาเทวีเองไม่มีผู้ใดเรียนรู้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะถูกทำร้ายโดยวิชาจิตของตนเองได้..’

เรอินะส่งจิตแย้งอย่างลังเล แต่ก็เอื้อมมือไปสัมผัสเนินรักของตุลยาเทวีที่กำลังหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมา ตลอดเวลาด้วยความแปลกใจ ขณะที่ผมพยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และเพียงครู่เดียวแสงสว่างก็วาบขึ้นสมองผมพร้อมกับความเข้าใจที่เกิดขึ้นใน ทันที

‘เรอินะจำเหตุการณ์ก่อนที่พวกเราจะถูกดูดเข้าในสถานที่นี้ได้หรือไม่ ตอนนั้นพวกเราปราศจากปราณที่จะต่อต้านการโจมตีของปราณจักราคู่แล้ว ร่างกายของพวกเรากำลังจะถูกทำลาย แต่จิตใจอำมหิตของตุลยาเทวียังต้องการทำลายจิตวิญญาณของพวกเราด้วย จึงได้ผนึกจิตราสูญติดตามมวลปราณมา แต่เมื่อพวกเรากลับถูกดูดเข้ามา พลังจิตราสูญน่าจะกระทบม่านปฏิสารและสะท้อนกลับไปยังตุลยาเทวีที่ไม่คาดคิด ว่าพลังนั้นจะกลับมาหาตนเอง นางจึงไม่ได้ป้องกันและถูกจิตราสูญปิดกั้นจิตเอาไว้…’

จิตผมที่ถ่ายทอดออกไปทำให้เรอินะนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนส่งจิตตอบกลับมา

‘เรอินะจำได้แล้ว ตอนนั้นจิตของเรอินะทอดอาลัยกับชีวิตทุกอย่าง แต่สัมผัสได้ถึงพลังจิตราสูญที่แผ่พลุ่งเข้ามาหาจริงๆ ทุกสิ่งน่าจะเป็นดังที่พี่เอคาดแต่เรอินะก็ยังสงสัยอยู่ว่าพวกเราและตุลยา เทวีเข้ามาในที่นี้ได้อย่างไร’

‘ข้อนั้นจานีสคิดว่าจานีสรู้คำตอบแล้ว ขอเวลาจานีสรวบรวมลำดับความคิดสักครู่จานีสจะบอกเล่าให้พี่เอและเรอินะรับ รู้ … เอ๊ะ…พี่เอ..ดูนั่น…’

ยังไม่ทันที่จานีสจะส่งจิตจบ จิตเด็กสาวก็อุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบว่าร่างของตุลยาเทวีที่เคยนิ่ง สนิทกลับสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ใบหน้างามบิดเบี้ยว แต่สะโพกกลับเคลื่อนไหวขึ้นลงถี่ยิบราวกับกำลังอยู่ในระหว่างการร่วมรักกับ เพศตรงข้าม หยาดน้ำรักหลั่งไหลออกมาจากร่องรักเป็นสายและกระจายเป็นละอองล่องลอยไปทั่ว บริเวณ ต้นขาอวบแยกออกจากกันและบิดเป็นเกลียวไปมา จนทำให้ร่องรักที่เคยถูกสองแคมปิดแน่นเผยอตัวออกเล้กน้อยจนสายตาผมสามารถ เห็นหลืบเนื้อสีชมพูสดใสภายในที่กำลังเต้นระริกทุกสัดส่วน เพียงครู่เดียวร่างตุลยาเทวีก็แอ่นโค้งจนเนินรักนูนเด่น พร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมจากลำคอยาวเหยียด

“อ๊าวววววววววววววววววววววว”

สิ้นเสียงร้องที่ดังออกมาเพียงครั้งเดียว ร่างเปลือยเบื้องหน้าผมก็สะท้านเฮือกใหญ่ พร้อมกับประกายแสงสีทองเจิดจ้ากระจายออกจากร่างงามทุกรูขุม

‘พี่เอ จานีส ระวัง…นั่นคือพลังจากผลึกราศรี’

จิตเรอินะส่งเสียงเตือนอย่างเร่งร้อน ทำให้ผมต้องผนึกปราณขึ้นครอบคลุมร่างจานีสและน้องพิมเอาไว้อย่างแน่นหนา ขณะที่ประกายแสงที่ระเบิดออกจากร่างตุลยาเทวีหมุนวนก่อตัวเป็นประกายแสงวง กลมสีทองเจิดจ้าจนสว่างไปทั่วบริเวณ ก่อนสลายวับไปในพริบตาราวกับไม่เคยดำรงอยู่มาก่อน

‘จบสิ้นกันเสียที พี่จานีนถึงแม้ท่านจะสิ้นสูญวิญญาณไปแล้ว และไม่สามารถรับรู้อันใดได้ชั่วนิรันดร์แต่เรอินะก็ต้องการอโหสิกรรมให้ท่าน ทุกประการ….’

จิตที่สงบราบเรียบของเรอินะดังขึ้นหลังจากประกายแสงสูญสลายและหญิงสาว เคลื่อนร่างเข้ามาจับมือเรียวงามของตุลยาเทวีเอาไว้ ถึงแม้ผมจะพอเข้าใจว่าสิ่งใดเกิดขึ้นแต่ก็ยังคงส่งจิตถามเรอินะเพื่อความแน่ ใจ

‘เรอินะหมายความว่า…’

‘พี่เอ..จานีสขอตอบแทนเถอะ…เมื่อครู่นี้จิตตุลยาเทวีได้ร่วมรักกับบุรุษ ที่อำนาจราคะในใจสร้างขึ้นมาจนทำให้ดวงจิตและวิญญานของนางสูญสลาย ร่างที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นเพียงคราบร่างที่ยังคงชีวิตทางกายภาพแต่ ปราศจากวิญญาณครองครอง ศัตรูของพวกเราสูญสิ้นไปแล้วเราคงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป พวกเราสามารถเผชิญปัญหาเฉพาะหน้าในการออกไปจากสถานที่นี้ได้โดยไม่ต้องกังวล เรื่องอื่นแล้ว’

‘พี่จานีสหมายความว่าพี่จานีสคิดหาทางออกไปได้แล้วหรือ’

จิตเรอินะส่งมาด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดี แต่จานีสสั่นศีรษะเบาๆ ก่อนส่งจิตตอบ

‘จานีสยังไม่แน่ใจนัก แต่ตอนนี้จานีสอยากให้พี่เอ ติดต่อกับน้องพิมก่อน เพราะจานีสคิดว่าจิตน้องพิมที่ตื่นอยู่ในร่างนี้น่าจะมีข้อมูลที่จานีสต้อง ใช้ในการหาทางออกไปจากที่นี้’

จิตที่จานีสส่งมายังผม เตือนให้ผมนึกขึ้นได้ว่าจิตของน้องพิมวัย 12 ปีที่เป็นภรรยาของผมในอดีตยังคงอยู่ในร่างกายของน้องพิมนี้ ผมพยักหน้ารับคำขอของจานีสก่อนค่อยๆ แยกขาอ่อนอวบของน้องพิมออกจากเกินเผยให้เห็นเนินรักเปล่งปลั่งที่ไร้เส้นไหม ปกคลุมของน้องพิมอวดความงามอยู่เบื้องหน้า ผมสูดลมหายใจลึกพยายามระงับความต้องการที่จะนำแก่นกายทะลวงผ่านเข้าไปในหลืบ รักอ่อนเยาว์เบื้องหน้าอย่างยากเย็น พร้อมกับค่อยๆ จ่อปลายหัวบานเข้ากับร่องรักและกดมันลงไปเล็กน้อยจนสองแคมน้อยๆ แยกจากกันให้หัวบานจมลงไป

‘พะ พะ พี่เอ…ทำอะไรน่ะ น้องหญิงผู้นี้ยังไม่พร้อมที่จะ….’

จิตเรอินะอุทานออกมาอย่างแตกตื่น เมื่อเห็นภาพที่ดูราวกับว่าผมกำลังจะส่งแท่งเนื้อยาวเหยียดเข้าไปในร่างเด็ก หญิงวัยเพียง 9 ปี แต่จานีสรีบส่งจิตขัดเรอินะเอาไว้กลางคันและเริ่มอธิบายทุกสิ่งให้หญิงสาว รับรู้ ขณะที่ผนึกสมาธิในจิตและรับรู้ถึงจิตของน้องพิมในร่างที่ระล่ำระลักเรียกหา ผมในทันที

‘น้าเอ น้าเอ…ได้ยินพิมไหม’

‘น้าอยู่นี่แล้วน้องพิม ไม่ต้องกังวลไปนะ’

‘น้าเอ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกเราอยู่ที่ไหนกัน’

‘น้าก็ไม่รู้เหมือนกันน้องพิม น้ารู้แต่เพียงว่าเมื่อครู่นี้ก่อนที่พวกเราจถูกปราณของตุลยาเทวีสังหารทั้ง หมด ม่านปฏิสารกลับเปิดออกรับพวกเราเข้ามาในนี้และทุกคนก็สิ้นสติไป’

ผมส่งจิตตอบจิตของน้องพิมที่อยู่ร่างของเด็กหญิงวัย 9 ปีและกำลังติดต่อผมโดยผ่านการเชื่อมต่อระหว่างแคมรักอวบเกินวัยกับแก่นกายผม ที่แทรกผ่านเข้าไปเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ความเสียวของผมพลุ่มพล่านจนแทบระงับความต้องการของตนเองไม่ได้ อย่างไรก็ตามผมก็รู้ดีว่าความต้องการของผมนั้นเกิดจากแรงดึงดูดระหว่างวารี นาคราชที่ผมรับมาจากน้องกิฟท์ กับธารอสุระที่ยังคงหลับไหลในร่างของน้องพิม แต่ในเมื่อธารอสุระยังไม่พร้อมที่จะถ่ายทอด การร่วมรักก่อนกำหนดก็จะทำให้ทั้งผมและน้องพิมต้องดับสูญไปพร้อมกัน ความจริงข้อนี้ยับยั้งให้ผมต้องควบคุมความต้องการของตนเองอย่างสุดความ สามารถ

‘น้าเอหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าเมื่อครู่นี้ พิมจำได้ว่าพวกเราหลุดเข้ามาในที่นี้เป็นเวลานานเหลือเกิน จิตของพิมตื่นแล้วหลับไปนับครั้งไม่ถ้วน อย่างน้อยก็เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่จิตพิมรับรู้แต่ความมืดมิดรอบตัว จนพิมคิดว่าร่างที่จิตพิมผนึกอยู่นี้ตายไปแล้ว แต่เมื่อพิมได้รับรู้ว่าหีของร่างนี้ถูกควยน้าเอเชื่อมต่อเข้ามา พิมก็ดีใจจนไม่รู้จะบอกได้อย่างไร..’

สิ่งที่จิตน้องพิมถ่ายทอดออกมาทำให้ผมอดสะท้านใจอย่างรุนแรงไม่ได้ เพราะนั่นหมายความว่าผม จานีส เรอินะ น้องพิม ตลอดจนตุลยาเทวีถูกดึงดูดเข้ามาในสถานที่นี้ในสภาพไร้สติมานานนับเดือนแต่ผม กลับรู้สึกว่าเหตุการณ์ต่อสู้กับตุลยาเทวีและเรอินะนั้นเพิ่งผ่านมาไม่กี่ อึดใจเท่านั้น

‘แล้วตลอดเวลาที่น้องพิมตื่นอยู่ในร่างนี้ พิมรับรู้อะไรบ้างหรือเปล่า’

‘พิมมองไม่เห็นอะไรเลยน้าเอ เพราะร่างที่พิมผนึกจิตอยู่นี้ไม่เคยลืมตาขึ้นมาแม้แต่ครั้งเดียว แต่พิมก็รับรู้ได้ว่าในช่วงระยะเวลาที่แน่นอนระยะหนึ่ง ที่แห่งนี้จะปรากฏกระแสความอบอุ่นกระจายไปทั่ว และถ้าพิมคำณวนไม่ผิด ตอนนี้น่าจะใกล้เวลาที่กระแสนั้นจะเกิดขึ้นแล้ว…’
คำบอกเล่าของน้องพิมทำให้ผมต้องครุ่นคิดด้วยความมึนงง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นห้วงเวลาที่น้องพิมรับรู้แตกต่างจากการรับรู้ของผม และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ แต่ทุกสิ่งก็ยังคงเป็นปริศนาที่ผมไม่สามารถคลี่คลายได้

‘พี่เอ…น้องพิมบอกอะไรพี่เอได้บ้าง’

จิตของจานีสส่งออกมาด้วยความห่วงใยเมื่อเห็นสีหน้าที่สับสนของผม หลังจากได้รับรู้ข้อมูลจากน้องพิม ผมส่งจิตถ่ายทอดสิ่งที่น้องพิมบอกออกไปให้จานีสและเรอินะทราบพร้อมๆ กันทุกคำพุด ทำให้หญิงสาวทั้งสองต้องจมอยู่ในภวังค์ครุ่นคิดเช่นเดียวกัน จนเวลาผ่านไปชั่วครู่จานีสก็ส่งจิตทำลายความเงียบขึ้นมา

‘พี่เอ..จากสิ่งที่น้องพิมบอกมา จานีสคิดว่าพวกเราไม่ได้อยู่ในโลกที่เรากำเนิดอย่างแน่นอน สถานที่นี้น่าจะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกต่างมิติ ที่มีศิลาปฏิสารซึ่งเราเห็นอยู่ด้านนั้นเป็นแกนกลางเชื่อมโยง’

‘พี่จานีสหมายความว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในจักรวาลคู่ขนานของจักรวาลพวกเราหรือ..’

จิตสั่นสะท้านของเรอินะดังขึ้นแทรกจิตของจานีส ด้วยถ้อยคำที่ผมเองก็กำลังจะถามออกไปเช่นกัน เพราะความรู้ที่ผมเรียนมามีทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะ มีมิติซ้อนในจักรวาลที่มนุษย์อาศัยอยู่ และนักวิทยาศาสตร์เรียกมิติที่ซ้อนนั้นว่าจักรวาลคู่ขนาน ซึ่งเป็นที่มาของทฤษฏีว่าด้วยการถ่ายทอดสสารระหว่างจักรวาลทั้งสองที่มี กฏธรรมชาติแตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อสสารจากจักรวาลหนึ่งหลุดเข้าไปสู่จักวาลคู่ขนาน สสารนั้นจะทำปฏิกริยากับอีกจักรวาลหนึ่งอย่างรุนแรงไร้ขอบเขต ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกสสารสมมุตินี้ว่าปฏิสาร แต่ในวันนี้ผมกลับได้พบเห็นการคงอยู่ของวัตถุในทฤษฏีวิทยาศาสตร์ด้วยตัวเอง จากก้อนหินเล็กๆ ที่เรียกขานกันในตำนานโบราณว่าศิลาปฏิสาร แต่ก่อนที่ผมจะถ่ายทอดความคิดของผมออกไป จิตของจานีสที่ส่งออกมาตอบคำถามของเรอินะก็ทำให้ผมต้องหันไปพิจารณาในแง่มุม ที่จานีสถ่ายทอดแทน

‘จานีสคิดว่าสถานที่นี้ไม่ใช่จักรวาลคู่ขนานตามที่เรอินะเรียกขานอย่างแน่ นอน เพราะหากพวกเราอยู่ที่นั้น ร่างของพวกเราเป็นสสารจากมิติที่แตกต่างออกไป พวกเราก็คือปฏิสารในอีกจักรวาลหนึ่งและการแทรกเข้าไปจะทำให้ร่างของพวกเรา ระเบิดเป็นธุลีก่อเกิดพลังที่สามารถทำลายล้างจักรวาลนั้นไปจนสิ้นได้ ดังนั้นจานีสจึงเชื่อว่าที่แห่งนี้คงเป็นจุดเชื่อมต่อของจักรวาลทั้งสอง และน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเราล่องลอยอยู่โดยไร้แรงดึงดูด เพราะมันน่าจะเป็นจุดสมดุลย์ของพลังระหว่างจักรวาลทั้งสอง แต่หนทางที่จะหลุดพ้นออกไปนั้น จานีสเองก็ไม่สามารถตอบได้เพราะมันอยู่นอกเหนือความเข้าใจของจานีส’

ถ้อยคำที่จานีสถ่ายทอดออกมาทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องทึ่งกับสมองของเด็กสาว ที่แม้จะปราศจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ฟิสิคส์ แต่การประมวลจากข้อมูลโบราณที่ศึกษามานับร้อยปีกลับทำให้ จานีสสามารถสร่งสมมุติฐานที่สอดคล้องกับวิทยาการสมัยใหม่ซึ่งผมเรียนรู้มา และยังก้าวล่วงหน้าไปถึงการคงอยู่ของมิติเชื่อมต่อระหว่างสองจักรวาลที่ผม ไม่เคยนึกถึงมาก่อนแม้แต่น้อย พร้อมกันนั้นผมก็อดสะท้อนใจอยู่ลึกๆ ไม่ได้เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าเด็กสาวที่ทรงภูมิปัญญาเป็นเลิศผู้นี้กลับ กำลังมีสภาพร่างกายไม่ต่างกับผู้พิการที่ต้อองอาศัยปราณของผมค้ำจุนชีพจร หัวใจให้ชีวิตดำรงอยู่ต่อไปได้

‘พี่เอ…ดูนั่น’

ก่อนที่ผมจะส่งจิตให้ความเห็นใดๆเพิ่มเติมให้กับความคิดเห็นของจานีส จิตของน้องพิมที่ประสานผ่านแก่นเนื้อของผมก็ส่งเสียงอุทานออกมาอย่างเร่ง ร้อน ประสาทตาของผมพลันรับรู้ถึงแสงสว่างเจิดจ้าที่ กระจายออกมาจากศูนย์กลางของห้องทรงกลม ความอบอุ่นกระจายไปทั่วพร้อมกับคลื่นจิตอ่อนโยนแต่เปี่ยมไปด้วยพลังปราณ เปี่ยมล้นในระดับที่ผมไม่เคยพบพานมาก่อนดังขึ้นในสมองผม

‘มนุษยชาติสร้างสมองค์ความรู้ได้รวดเร็วยิ่งนัก จนสามารถเข้าใจถึงสภาวะดำรงอย่ของสถานที่แห่งนี้ เด็กน้อยจานีสเจ้าช่างเป็นสตรีที่น่าชื่นชมนัก…’

ผมหันขวับไปยังศูนย์กลางของทรงกลมซึ่งเป็นที่ตั้งของลูกกลมแก้วใสและก้อนหิน เล็กๆ ที่ใจกลาง ซึ่งเคยปราศจากการตอบสนองใดๆ กับการเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ของผม แต่บัดนี้ลูกแก้วนั้นกลับส่งประกายเรืองรองนวลตา ศิลาศูนย์กลางที่เคยดูราวกับก้อนหินธรรมดากลับเปลี่ยนสภาพเป็นผลึกโปร่งใส และสะท้อนแสงหลากสีสันราวสายรุ้งวนเวียนอยู่ภายในพื้นผิวจนดูราวกับภาพมายา แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจอย่างรุนแรงกลับเป็นกลุ่มหมอกบางเบาที่แทบจะ โปร่งใสซึ่งก่อตัวขึ้นเหนือผลึกแก้วใส พื้นผิวของกลุ่มหมอกสั่นพริ้วช้าๆราวระลอกคลื่นน้ำ ปราณในร่างผมสัมผัสได้ถึงมวลพลังในรูปแบบที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนสถิตย์อยู่ ภายใน ผมพยายามระงับความรู้สึกทั้งมวลเอาไว้ก่อนส่งจิตไปม่านหมอกนั้น

‘ท่านเป็นใคร เหตุใดจึงรู้จักจานีส..สถานที่นี้คือที่ใด’

ยังไม่ทันที่ผมจะส่งจิตที่เต็มไปด้วยคำถามออกไปเสร็จสิ้น มวลจิตประหลาดก็สั่นสะเทือนก่อเป็นคลื่นเสียงกระจายออกมากระทบสมองผม

‘ไกรวิทย์ คำถามของเจ้านั้นไม่จำเป็นแม้แต่น้อย เพราะในร่างเจ้ามีผู้ที่รู้คำตอบนี้อยู่แล้ว นั่นคือจิตของมหาเทพผู้ปกป้องมหาอาณาจักรปราณเมื่อหมื่นรอบวงโคจรแห่งดาว เคราะห์ดวงนี้’

‘พี่เอ..นั่นเป็นเสียงของผู้ใดกัน’

‘พี่เอ..แสงที่มาพร้อมความอบอุ่นนั่นคือสิ่งที่พิมบอกพี่เอเมื่อครู่นี้’

เรอินะและน้องพิมส่งจิตเร่งร้อนมายังผมพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันทีผมจะทำความเข้าใจกับข้อความที่คลื่นจิตประหลาดส่งมา จิตของจานีสก็ดังขึ้น

‘พี่เอ เรอินะ น้องพิม อย่าเพิ่งถามสิ่งใด ขอจานีสสนทนากับท่านผู้นี้ก่อน…’

คลื่นจิตที่กระจายอยู่รอบบริเวณพลันเกิดระลอกแผ่วเบา ปราณผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ขบขันเลือนรางแฝงอยู่ในพลังนั้น ขณะที่เสียงดังขึ้นในสมองของผม จานีส เรอินะ พร้อมๆ กัน

‘เด็กน้อยจานีส อย่าเรียกเราว่าท่าน เพราะเราไม่มีการดำรงอยู่เป็นรูปธรรมที่เด็กน้อยท่านจะเรียกหาเราด้วยสรรพนามใดๆ ได้’

‘ถ้าเช่นนั้น จานีสกำลังสนทนาอยู่กับสิ่งใดกัน…’

จานีสส่งจิตถามออกไปอย่างไม่ลังเล พร้อมกับที่ผมสัมผัสได้ถึงคลื่นจิตที่ขยายตัวออกมาครอบคลุมร่างผม จานีส เรอินะ น้องพิม และตุลยาเทวีเอาไว้ทั้งหมด ก่อนที่เสียงทรงอำนาจจะส่งออกมาอย่างอ่อนโยน

‘เราคือมวลจิตบริสุทธิ์ที่คงค้างอยู่ในพิภพนี้มาตั้งแต่ชีวิตแรกก่อเกิดขึ้น เราเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของสรรพชีวิตทั้งปวง ในคราวที่เหล่าจิตบริสุทธิ์โน้มนำดาวเคราะห์ดวงหนึ่งมาทำลายเผ่าพันธ์มังกร ที่ครอบครองพิภพจนเกิดรอยแยกของมิติจักรวาลให้ศิลาปฏิสารจากจักรวาลคู่ขนาน ชิ้นหนึ่งหลุดรอดเข้ามาได้นั้น เราเองคือผู้สร้างมิตินิรกาลแห่งนี้เพื่อป้องกันมิให้พลังของศิลาปฏิสาร ทำลายล้างพิภพแห่งนี้เป็นธุลี และเฝ้ารักษามิตินิรกาลนี้โดยมิได้แยกตนออกไปผนึกจิตกับสรรพชีวิตในพิภพดัง เช่นจิตบริสุทธิ์อื่น’

‘จิตจักรวาล…’

จานีสส่งจิตสั่นสะท้านออกมาอย่างลืมตัว เช่นเดียวกันกับผม และเรอินะที่เคยรับรู้ตำนานก่อเกิดของโลกที่บันทึกเอาไว้ตั้งแต่สมัย อาณาจักรปราณ

‘จานีส…ในเมื่อเด็กน้อยเจ้ายืนยันที่จะใช้สรรพนามเรียกชื่อเรา..ก็จงกระทำ เถอะ เรารู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตเช่นพวกเจ้าไม่คุ้นเคยกับการสื่อสารกับจิตที่ไร้รูป เช่นเรามาก่อน…’

‘ถ้าเช่นนั้น…ท่านจะให้พวกเราเรียกหาท่านว่าอย่างไร…’

ผมพยายามระงับจิตที่พลุ่งพล่านเอาไว้เพื่อส่งคำถามออกไป คลื่นจิตหยุดการเคลื่อนตัวอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนตอบกลับมา

‘นับแต่การล่มสลายของมหาอาณาจักรปราณ มนุษย์รับรู้ถึงการคงอยู่ของเราที่ปกป้องพิภพนี้จากอำนาจของศิลาปฏิสาร พวกเขาเรียกชื่อเราแตกต่างกันไป เราเป็นที่รู้จักกันในนามเควสซันโควทในสมัยอาณาจักรมายัน เราคือโอสิริสในสมัยอาณาจักรไอยคุปต์ ชาวโรมันเรียกเราว่าไททันผู้แบกรับพื้นแผ่นดิน ในส่วนนี้ของพื้นพิภพมีการสร้างตำนานสัตว์เทวะที่แบกรับโลกในชื่อปลาอานนท์ เราคือผู้ถูกเรียกนามมากมายหลายหลาก แต่หากพวกเจ้าต้องการจะเรียกหาเราด้วยนาม ก็จงเรียกเราในชื่อของตำนานโบราณที่กล่าวถึงพลังที่ปกป้องดูแลสรรพชีวิตบน โลกเถอะ เด็กน้อยจานีสเจ้ารู้ไหมว่าพลังนั้นมีนามเรียกหาว่าอะไร…’

เด็กสาวผู้เคยเป็นโหราทาสแห่งจักรราศีและศึกษาสรรพตำราทั้งหมดมากว่าร้อยปี พยักหน้ารับคำถามที่ส่งมา ก่อนส่งจิตตอบไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึมสำรวม

‘ไกอา…ท่านคือไกอา’

Related

Prev
Next

Comments for chapter "The Zodiac บทที่ 5.4 จักรวาลคู่ขนาน"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

Tags:
เรื่องเสียวซีรี่ย์

© 2025 Madara Inc. All rights reserved