The Paradox & The Zodiac by Buta - The Zodiac บทที่ 4.4 ธิดามังกรฟ้า
The Zodiac บทที่ 4.4 ธิดามังกรฟ้า
‘ พี่เอ..ดูสิ วิญญาณที่ถูกกักขังเป็นอิสระแล้ว…’
กระแสจิตจานีสเปล่งออกมาให้ผมและน้องทิพย์รับรู้ด้วยความยินดี กับภาพดวงแสงเรืองของวิญญาณที่ถูกกักไว้ในบ่อมังกรพลุ่งเป็นสายตามร่างผม ขึ้นมา พวยพุ่งขึ้นไปทางช่องเพดานที่ยังคงทะลุเป็นช่องโหว่ จิตผมรับรู้ถึงความปลื้มปิติและการขอบคุณที่ส่งออกมาจากกลุ่มวิญญาณทั้งหมด ก่อนที่ดวงแสงจะกระจายหายไปในความมืดภายนอก
‘พี่เอ…จะกำจัดพวกมันทั้งหมดเลยหรือ…’
น้องทิพย์ส่งกระแสจิตที่แสดงความกังวลแฝงมาเล็กน้อยให้ผมรับรู้ หลังกลับมาจากการพลิ้วร่างไปคว้าผืนผ้าม่านที่ประดับห้องโถงมาคลุมร่างกาย เปล่าเปลือยของตนเองและจานีสเอาไว้ เพื่อป้องกันสายตาหื่นกระหายของของบริวารมังกรฟ้าที่กำลังเร่งระดมกันเข้ามา เต็มห้องโถงทรงกลมที่เป็นศูนย์กลางของตำหนักมังกรฟ้า และล้อมรอบร่างผม น้องทิพย์ และจานีสไว้เป็นชั้นๆ แน่นหนาด้วยจำนวนเกือบ 200 คน ก่อเกิดเสียงตวาดด่าทอเซ็งแซ่ แต่ไม่มีใครพุ่งเข้ามาโจมตี เนื่องจากผมได้ประกาศขอต่อสู้กับถังฮวงโดยตรงไปแล้วตามกฎของผู้ทรงปราณ
‘พวกมันเป็นแขนขาของถังฮวง ก่อกรรมแก่ ผู้บริสุทธิ์มานับไม่ถ้วน ความตายยังไม่สาสมสำหรับพวกมันด้วยซ้ำ แต่ถ้าทิพย์ต้องการให้พี่ละเว้นพวกมัน พี่ก็จะยอมไว้ชีวิต แต่ทุกคนจะต้องสลายปราณเพื่อมิให้พวกมันสามารถสร้างความเลวร้ายได้อีก’
ผมส่งจิตตอบน้องทิพย์อย่างมั่นคงในความตั้งใจแน่วแน่ที่จะกำจัดอำนาจของตำหนักมังกรฟ้าออกไปจากโลกของผู้ทรงปราณ
‘ทิพย์ไม่ต้องการให้ละเว้นชีวิตพวกมัน แต่ทิพย์ต้องการกำจัดด้วยมือของทิพย์เอง พี่เออนุญาตทิพย์นะ’
กระแสจิตกราดเกรี้ยวของน้องทิพย์ตอบกลับมาทำให้ผมอดสะท้านใจไม่ได้ และรับรู้ในทันทีว่าร่างเด็กหญิงอายุเพียง 12 ปีที่เคียงข้างผมขณะนี้ ไม่ใช่นักเรียนหญิงของโรงเรียนเซ็นต์โยเซฟที่เยาว์วัยและอ่อนต่อโลกอีกต่อไป จากจิตใจของทิพย์วารีในอดีตที่เข้าผสานกลมกลืนกันกับปราณสุดยอดที่ถ่ายทอด จากการร่วมรักของผมและผลึกมังกร ส่งให้น้องทิพย์กลายเป็นผู้ทรงปราณระดับสูงที่พร้อมจะต่อสู้ศัตรูได้ทุกรูป แบบ แต่ก่อนที่ผมจะตอบกลับไป เสียงตวาดด่าทอของเหล่าบริวารมังกรฟ้าก็เงียบสนิท พร้อมกับสายตาทุกคู่จับจ้องไปทางประตูที่มีร่างของถังฮวงในชุดสีดำสนิทลอย ออกมาช้าๆ
“…ประมุขมังกรฟ้าปรากฏ…ทั่วพิภพน้อมกราบกราน….”
เสียงกระหึ่มของบริวารมังกรฟ้าประสานกันราวกับเป็นเสียงเดียว ขณะที่ถังฮวงยังคงลอยมายังตำแหน่งที่ผม น้องทิพย์และจานีสยืนอยู่บริเวณกลางห้องโถงวงกลม ใบหน้าชราภาพของถังฮวงเขม็งเครียด ดวงตาทอประกายด้วยโทสะที่ราวกับจะแผดเผาผมเป็นธุลีได้..แต่ขณะเดียวกันผมก็ สัมผัสได้ถึงความหวาดหวั่นและสับสนที่แฝงตัวอย่างรางเลือนในประกายตาคู่นั้น
ร่างถังฮวงจะมาหยุดอยู่ห่างผมในระยะ 10 เมตร พร้อมกับองครักษ์ทั้ง 8 ที่สาดพุ่งร่างมารายล้อมประมุขแห่งตำหนักมังกรฟ้าไว้ ประกายสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบในมือองครักษ์ทั้ง 8 แสดงให้ผมรู้ถึงการผนึกปราณมังกรฟ้าในขั้นสูงสุด ขณะที่ถังฮวงส่งเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว..
“เป็นไปไม่ได้..เจ้าหนีรอดออกมาจากเพลิงมังกรแห่งบ่อมังกรเทวะได้อย่างไร..แต่ก็ดี…ข้าจะได้สังหารเจ้าให้สมกับความแค้น…”
ผมจ้องสายตาถังฮวงโดยไม่สนใจองครักษ์ทั้ง 8 ก่อนตอบกลับอย่างหนักแน่น
“บ่อมังกรเทวะไม่มีอันใดน่าหวาดกลัว…ถังฮวงท่านต่างหากที่จะต้องจบสิ้น ชีวิตพร้อมตำหนักมังกรฟ้าในวันนี้ เราไกรวิทย์ แห่งตระกูลคชสีห์ขอต่อสู้กับท่านตัวต่อตัวเพื่อพิสูจน์ความเป็นตายในที่นี้”
ผมโต้กลับพร้อมกับใช้คำพูดตามกฏแห่งโลกผู้ทรงปราณท้าสู้ถังฮวง เพื่อผูกมัดไม่ให้ถังฮวงสั่งการให้บริวารมังกรฟ้าเข้ากลุ้มรุม แต่สายตาที่ทอแววพรั่นพรึงลางๆ ของถังฮวงทำให้ผมตระหนักในทันทีว่าประมุขตำหนักมังกรฟ้าผู้เลื่องชื่อคนนี้ หวาดกลัวต่ออำนาจแห่งกาฬปราณ โดยเฉพาะเมื่อปราศจากธิดามังกรฟ้าผู้เป็นธิดาคอยหนุนเสริม และเสียงตวาดที่ตามมาก็บอกให้รู้ว่าผมคาดไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย
“ปราณมารอันต่ำช้า ทุกคนสามารถกำจัดได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงกฏใดๆ บริวารข้าก่อค่ายกลผลาญมังกรฆ่าพวกมันทั้งหมดเดี๋ยวนี้..”
สิ้นเสียงของถังฮวง บริวารมังกรฟ้าทั้งหมดตวาดลั่นพร้อมกัน และสาดพุ่งร่างมาล้อมรอบผม น้องทิพย์และจานีสไว้เป็นวงกลม ในมือของทุกคนถือแท่งแก้วสีเขียวความยาวเท่ากระบองสั้นไว้ โดยส่วนปลายของกระบองชี้ตรงมาที่กึ่งกลางวง ผมขยับร่างเข้ายืนข้างจานีสพร้อมกับโดยมีน้องทิพย์พลิกร่างมาประกบแผ่นหลัง ไว้กับผมเพื่อเตรียมต่อสู้ ขณะที่ถังฮวงหัวเราะและส่งเสียงออกมาอย่างลำพอง
“กาฬปราณอันชั่วช้าของเจ้า แม้จะมีอำนาจทำลายที่ไร้ ผู้ต่อต้าน แต่มันก็ไร้ผลในค่ายกลผลาญมังกรที่ก่อตั้งขึ้นโดยหลักการสลายธาตุทั้งห้า จงเตรียมตัวตายจากการบดขยี้ของปราณมังกรฟ้าและกระบองหยกมังกรเถอะ…ดิน ไม้ น้ำ ไฟ ทอง เคลื่อนค่ายกล..”
บริวารมังกรฟ้าทั้งหมดตวาดรับคำ และเริ่มเคลื่อนไหวเป็นวงรอบพร้อมกับประกายสายฟ้าแปลบปลาบออกมาจาก ปลายกระบองหยกมังกรที่ทุกคนถือกวัดแกว่งอยู่ในมือ กระแสพลังรุนแรงแหลมคมเริ่มพุ่งเข้าหาผมและน้องทิพย์ ที่กำลังโคจรปราณต่อต้าน แต่จานีสซึ่งปราศจากปราณคุ้มร่างกลับสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด จนทำให้ผมต้องแผ่ปราณออกจากร่างเพื่อปกป้องเด็กหญิง ..
‘จานีส…เป็นอย่างไรบ้าง ทนไหวไหม….’
‘ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วพี่เอ..เมื่อกี้จานีสรู้สึกเหมือนโดนเข็มเป็นหมื่นเล่ม ทิ่มเข้ามา นี่เองค่ายกลผลาญมังกรที่เทพสุรัสวดียกให้เป็นค่ายกลหนึ่งในสามของค่ายกลที่ ทรงอานุภาพที่สุด…พี่เอจะใช้กาฬปราณต่อสู้กับมันไม่ได้ เพราะพลังจะถูกชักนำออกไปภายนอกโดยปราศจากผล..’
จานีสตอบกลับมา บอกให้ผมรู้ถึงค่ายกลผลาญมังกรที่กำลังส่งพลังคุกคามเข้ามา ขณะที่น้องทิพย์ ก็สะบัดมือที่ผนึกพลังกาฬปราณเข้าปะทะ แต่กลับไม่ปรากฏเสียงปะทะใดๆ นอกจากเสียงหวืดหวือของกระแสปราณมังกรฟ้า
‘พี่เอ..จานีสพูดถูกกาฬปราณถูกสลายไปหมด…’
กระแสจิตร้อนรนของน้องทิพย์ส่งมายังผม ขณะที่ผมผนึกปราณคชสีห์เข้าสกัดกระแสพลังที่พุ่งมาเป็นสายต่อเนื่อง ซึ่งแม้จะสามารถคุ้มครองตัวเองและจานีสไว้ได้ แต่ผมก็ยังรับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่เกิดจากปราณมังกรฟ้าทีผลัดเปลี่ยนกัน เข้าโจมตีตามรูปแบบค่ายกล และรับรู้ว่าถึงแม้ปราณในร่างผมยังเข้มแข็งถึงขีดสุด แต่หากการโจมตีแบบนี้ดำเนินไปยาวนาน ในที่สุดก็จะทำให้ผมต้องสูญเสียปราณไปกับการป้องกันตัวโดยที่ไม่สามารถตอบ โต้กลับไปได้
‘จานีส…พี่จะทำลายค่ายกลนี้ยังไง..’
ผมส่งกระแสจิตร้อนรนไปยังจานีส
‘พี่เอ…น้องทิพย์..เปลี่ยนแนวทางปราณเดี๋ยวนี้..ย้อนปราณกลับไปยังจักร วารี พี่เอให้กำหนดจิตถึงน้องทิพย์ให้มั่นในแบบเดียวกับที่พี่เอใช้ในการก่ออัคคี เทพด้วยการคิดถึงน้องริน ส่วนน้องทิพย์ ให้ผนึกปราณกระจายออกมาจากจักรวารี รีบด่วนเลย…’
‘แต่จานีส ถ้าพี่เอสลับปราณย้อนกลับ ปราณป้องกันตัวพี่จะหยุดลงอึดใจหนึ่ง กระแสปราณมังกรฟ้าจะทำร้ายจานีสได้นะ ’
น้องทิพย์แย้งอย่างลังเล ซึ่งผมก็รู้ดีว่าเป็นความจริงที่หากมีการย้อนปราณก็จะเปิดช่องโหว่ของปราณ ให้บริวารมังกรฟ้าแทรกเข้าโจมตีจานีสได้ และอาจทำร้ายเด็กหญิงผู้ปราศจากปราณจนบาดเจ็บในทันที
‘จานีสพร้อมจะรับ…นี่เป็นวิธีเดียวที่พี่เอกับน้องทิพย์จะสลายค่ายกลนี้ได้…เร็วเข้า..’
จานีสส่งจิตเตือนผมอีกครั้ง สายตาเด็กหญิงที่สบตาผมบอกให้รู้ถึงความเข้มเแข็งที่จะเผชิญกับปราณโดย ปราศจากความหวาดกลัว ผมหันไปสบตาน้องทิพย์เป็นสัญญาณพร้อมขยับร่างมายังจานีสไว้ด้านหน้าโดยน้อง ทิพย์มาบังด้านหลัง ก่อนสลายกระแสปราณที่โคจรอยู่พร้อมกัน
………..อั๊ก…………..
กระแสปราณที่รุนแรงแทรกผ่านร่างผมเข้าหาจานีสทางด้านข้าง ที่แม้จะมีร่างผมและน้องทิพย์บังอยู่แต่ก็ทำให้เด็กหญิงกระตุกเฮือกใหญ่ ด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเลือดที่กระอักออกจากปากน้อยๆ เป็นลำยาว แต่ผมไม่สามารถช่วยเหลือใดๆ ได้ ปราณในร่างผมเร่งโคจรตามแนวทางที่จานีสแนะนำ พร้อมกับการปรากฏแสงเรืองรองสีฟ้าสดใสที่ฝ่ามือทั้งสอง ผมเร่งกระจายปราณคุ้มครองออกคลุมร่างจานีสไว้ แล้วส่งจิตถามด้วยความกังวลพร้อมกับน้องทิพย์
‘จานีส…เป็นอย่างไรบ้าง…….. ’
‘พี่จานีส….’
ใบหน้างดงามของจานีสเงยขึ้นฝืนยิ้มให้ผมและน้องทิพย์
‘ไม่เป็นไร..จานีสทนได้ พี่เอ..น้องทิพย์ ใช้นาคบาศกำจัดพวกมันให้หมด’
ผมและน้องทิพย์สบตากันวูบหนึ่งด้วยความงุนงงกับชื่อนาคบาศที่จานีสส่งจิตมา ให้ แต่ทั้งผมและน้องทิพย์ก็รู้ดีว่าจานีสผู้ผ่านการค้นคว้าในตำหนักจักรราศี มากว่าร้อยปี จะต้องรู้จักพลังที่กำลังกระจายอยู่ในร่างผมและน้องทิพย์เป็นอย่างดีจน สามารถบ่งบอกวิธีโคจรปราณสร้างพลังที่จานีสเรียกว่านาคบาศได้ ผมพยักหน้าเป็นสัญญาณให้น้องทิพย์แล้วผลักกระแสพลังสีฟ้าสดใสออกไปปะทะกับ ปราณมังกรฟ้าของค่ายกลผลาญมังกรที่กดดันอยู่รอบตัว…
พริบตาที่พลังสีฟ้าพุ่งวาบออกจากฝ่ามือผมและจานีส ทำให้ผมอดตระหนกอย่างรุนแรงไม่ได้ เพราะพลังนาคบาศกลับไม่พุ่งออกไปเป็นมวลปราณดังที่ผมเคยใช้พลังอัคคีเทพ หรือจิตมาร แต่พลังทั้งหมดกลับปะทุออกจากนิ้วมือของผมและน้องทิพย์ไหลออกเป็นสายราวใย แมลงมุม ก่อนจะม้วนตัวเคลื่อนวาบตามจิตผมพุ่งเข้าหาร่างกลุ่มบริวารมังกรฟ้าที่วน เวียนอยู่รอบข้างแล้วทะลุผ่านไปโดยไร้เสียงปะทะกับปราณมังกรฟ้าอันรุนแรงที่ แผ่ปกคลุมอยู่ สายพลังกลับทะลุผ่านร่างบริวารมังกรฟ้าคนแล้วคนเล่าและวนเวียนเข้าหาร่าง อื่นๆ ตามที่จิตผมมุ่งไป
“…อ๊าก…ร่างข้า…ปราณข้า….”
“อะอะ ไรกัน…น้ำอะไรไหลออกมาจากตัวข้า….”
“โอ๊ย…ช่วยด้วย… ท่านประมุข ข้ามองไม่เห็น ตาข้าหายไปไหน….”
เสียงบริวารมังกรฟ้าร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดดังทั่วห้องโถง วงค่ายกลสลายตัวในทันทีหลังจากทุกร่างที่ถูกสายพลังสีฟ้าทะลุผ่านเริ่มปรากฏ สายน้ำใสพุ่งทะลักออกมาจากร่างไม่หยุด ขณะที่ของผู้ที่ถูกพลังนาคบาศเริ่มเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นซากศพ แห้งกรังราวกับผ่านการย่างไฟมานับเดือน ร่างแล้วร่างเล่าล้มลงกับผืนน้ำที่เกิดจากน้ำในร่างกายทะลักออกมาจนเอ่อล้น นองพื้นแล้วไหลลงไปสู่ปากบ่อเทวะมังกรเป็นสาย ชั่วไม่กี่อึดใจบริวารมังกรฟ้าที่ก่อค่ายกลเกือบสองร้อยคน ต้องกลายเป็นศพตายซากกว่าครึ่ง กว่าที่พลังนาคบาศที่ผมแผ่ออกไปพร้อมน้องทิพย์จะสลายตัวลง ทิ้งให้บริวารมังกรฟ้าที่หลงเหลือแตกฮือไปรวมตัวไปที่ผนังห้อง สายตาทุกคู่เบิกโพลงจับจ้องผมและน้องทิพย์ด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
“…นะ นะ นี่คือนาคบาศ วิชาเร้นลับแห่งเผ่าพันธุ์นาคราช เจ้า..เจ้าคือใครกันแน่… ”
เสียงอุทานด้วยความตื่นตระหนกของถังฮวงดังขึ้น เมื่อได้เห็นภาพการสูญสิ้นของค่ายกลผลาญมังกรในชั่วไม่กี่อึดใจ ใบหน้าประมุขตำหนักมังกรฟ้าซีดเผือกปราศจากราศีของผู้นำสำนักที่ทรงอำนาจที่ สุดในโลกผู้ทรงปราณอีกต่อไป
“เราบอกท่านแล้ว เราคือไกรวิทย์แห่งตระกูลคชสีห์ และวันนี้คือวันที่ท่านจะต้องชดใช้ให้กับทุกชีวิตที่ท่านล้างผลาญมานับสิบปี ที่ท่านครองอำนาจอยู่”
ผมเปล่งวาจาตอบถังฮวงอย่างสงบ พร้อมกับผนึกพลังในร่างสืบเท้าเข้าหาประมุขแห่งตำหนักมังกรฟ้า ขณะมี่องครักษ์ทั้ง 8 ขยับร่างมาบดบังถังฮวงไว้ แต่ก่อนที่ผมจะส่งพลังเข้าปะทะ กระแสจิตที่แฝงอารมณ์แค้นเคืองของน้องทิพย์ก็ดังขึ้นในจิตผม
‘ พี่เอ..ทิพย์ขออนุญาตพี่เอ จัดการถังฮวงกับมือของทิพย์เอง ถ้าคนๆ นี้ไม่ตาย ทิพย์คงไม่สามารถลืมทุกสิ่งที่เคยเกิดกับทิพย์ในอดีตได้’
กระแสจิตน้องทิพย์ที่ส่งมา บอกให้รู้ว่าบัดนี้จิตของทิพย์วารีวัย 19 ซึ่งเคยใช้ชีวิตร่วมกับผมที่คลองน้อย ได้เข้าผสานกับจิตเด็กหญิงวัย 12 ในอดีตอย่างสมบูรณ์ ทำให้ความเคียดแค้นจากประสบการณ์ที่น้องทิพย์เคยได้รับจากซ่องของสำนักมังกร ฟ้าในอดีต ถูกระเบิดออกมาเป็นความต้องการที่จะแก้แค้นในสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
‘น้องทิพย์แน่ใจหรือว่าจะจัดการกับถังฮวงได้ ปราณมังกรฟ้าของมันไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ง่ายๆ เลยนะ’
ผมเตือนน้องทิพย์อย่าอ่อนโยน เพราะรู้ดีว่าแม้เด็กหญิงจะได้รับการถ่ายปราณจากผมและรับพลังจากผลึกมังกรจน ทะยานขึ้นเป็นผู้ทรงปราณระดับสูง และสามารถใช้กาฬปราณได้เช่นเดียวกับผม แต่ในด้านพลังที่เกิดจากการฝึกปรือที่ยังขาดอยู่ ทำให้กาฬปราณของน้องทิพย์มีอำนาจการทำลายน้อยกว่าผมกว่าครึ่ง ซึ่งแม้นั่นจะเพียงพอสำหรับการรับมือผู้ทรงปราณระดับสูงทั่วไป แต่สำหรับถังฮวงที่ฝึกปรือปารณมังกรฟ้าจนถึงระดับที่สามารถใช้พลังหมื่น มังกรอันเป็นพลังสูงสุดของปราณมังกรฟ้า ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าน้องทิพย์จะสามารถต้านทานได้ แต่ก่อนที่น้องทิพย์จะตอบกลับมาจิตของจานีสก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
‘พี่เอ..จานีสเชื่อว่าพลังปราณของน้องทิพย์สามารถต้านทานถังฮวงได้ แต่น้องทิพย์ต้องไม่ใช้พลังนาคบาศเพราะนาคบาศเป็นพลังที่มุ่งแทรกเข้าทำลาย กระแสน้ำในร่างกายมนุษย์ ซึ่งจะใช้ได้ผลดีสำหรับการตั้งรับและโต้กลับการกลุ้มรุมโจมตี แต่หากเป็นการเผชิญหน้ากับผู้ทรงปราณระดับสูงโดยตรงที่มีปราณคุ้มครองร่าง เข้มแข็ง นาคบาศอาจถูกสะท้อนออกและกลับเป็นช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีได้’
‘ถ้าเช่นนั้นทิพย์จะใช้ปราณคชสีห์และกาฬปราณรับมือกับถังฮวง’
น้องทิพย์เปล่งกระแสจิตตอบจานีสอย่างเด็ดเดี่ยว
‘จานีส มีทางใดไหมที่น้องทิพย์จะใช้พลังอัคคีเทพและจิตมารได้’
ผมรีบส่งจิตถามจานีส ขณะที่เคลื่อนร่างไปเผชิญหน้าองครักษ์ถังฮวงที่เตรียมพร้อมต่อสู้
‘น้องทิพย์ไม่สามารถใช้พลังอัคคีเทพหรือจิตมารได้ เพราะนั่นเป็นพลังเฉพาะของผู้ถูกเลือกทั้ง 4 แห่งกัลป์สูญ มีเพียงพี่เอเท่านั้นที่ได้รับอุทกมาร อุทกเทพ และวารีนาคราช ทำให้พี่เอสามารถใช้พลังทั้งสามนี้ได้ตามต้องการ แต่สำหรับน้องทิพย์แม้จะสามารถใช้กาฬปราณ แต่เป็นเพียงกาฬปราณที่รับถ่ายทอดจากพี่เอทำให้พลังและความเข้มแข็งของกาฬ ปราณน้องทิพย์มีเพียงกึ่งหนึ่งของพี่เอเท่านั้น แต่หากเป็นพลังนาคบาศซึ่งน้องทิพย์ก่อเกิดขึ้นจากวารีนาคราชของน้องทิพย์เอง พลังของมันจะเทียบเท่านาคบาศที่พี่เอใช้’
คำอธิบายของจานีส ทำให้ปริศนาที่ผมไม่สามารถเข้าใจกระจ่างในทันที บัดนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมน้องรินจึงไม่สามารถใช้อัคคีเทพที่ก่อเกิดจากอุทก เทพของน้องกิฟท์ เช่นเดียวกับน้องกิฟท์ ก็ไม่สามารถใช่จิตมารที่ก่อเกิดจากอุทรมารของน้องรินได้ แต่เมียรักทั้งสองของผมก็ยังคงสามารถใช้กาฬปราณออกได้หลังจากผมถ่ายทอดปราณ และแนวทางโคจรให้
“องครักษ์ข้า..ศัตรูเบื้องหน้าจะนำหมู่มารมาทำลายโลกแห่งแสงสว่าง พวกเจ้ายินยอมสละชีวิตร่วมกับข้าเพื่อปกป้องแสงสว่างเอาไว้หรือไม่”
“องครักษ์มังกรทุกคน ยอมสละชีวิต ผนึกพลังมังกรฟ้าสลายร่าง ตกตายพร้อมศัตรู”
เสียงตวาดของถังฮวงทำให้ผมต้องละความคิดที่พยายามทำความเข้าใจกับปราณ และผนึกปราณทั่วร่างเพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตี ขณะที่องครักษ์ทั้ง 8 ร้องรับคำเป็นเสียงเดียวและกระจายตัวเป็นแถวหน้ากระดานขวางผมและน้องทิพย์ กับถังฮวงไว้
“บริวารมังกรฟ้าทุกคนฟังข้า… ข้าและองครักษ์ทั้ง 8 จะผนึกพลังมังกรฟ้าสลายร่างทำลายศัตรู พวกเจ้าจงบุกเข้ามาพร้อมกันในทันทีที่ข้าและองครักษ์มังกรโจมตี ฆ่าพวกมันทั้งสามให้สิ้น อย่างหลงเหลือแม้แต่เศษเนื้อ”
“น้อมรับบัญชาท่านประมุข ไม่หลงเหลือแม้เศษเนื้อ..”
บริวารมังกรฟ้าเกือบร้อยคนที่รอดจากพลังนาคบาศ ขจัดความหวาดหวั่นออกไปจากจิตใจเมื่อได้ยินคำสั่งถังฮวงที่ทุกคนเทิดทูน เทียมเทพเจ้า ทุกร่างขยับร่างเข้าล้อมรอบผม น้องทิพย์และจานีสเอาไว้ด้านหลัง พร้อมผนึกพลังปราณเตรียมโจมตีกระหนาบหลังในทันทีที่ถังฮวงลงมือ
ภาพองรักษ์มังกรฟ้าทั้ง 8 เบื้องหน้าที่ใบหน้าปรากฏสีแดงเข้มเป็นสัญญาณของการผนึกปราณมังกรฟ้าที่เกิด จากการสลายจักรทั้งสี่ก่อเป็นพลังมังกรฟ้าสลายร่าง เป็นลักษณะเดียวที่ผมเคยพบมาแล้วในการต่อสู้กับถังหลินที่เชียงใหม่ ซึ่งในครั้งนั้นหัวหน้าเฮงคนสนิทของถังหลินได้ใช้วิชานี้ต่อต้านมิให้ผม ติดตามถังหลิน จนทำให้ผมได้รับบาดเจ็บได้ ทั้งที่ปราณของหัวหน้าเฮงมีระดับต่ำกว่าองรักษ์มังกรทั้ง 8 ที่ผมเผชิญหน้าอยู่ ดังนั้นหากองครักษ์มังกรทั้ง 8 ผนึกพลังมังกรฟ้าสลายร่างขึ้น อานุภาพของมันจะต้องรุนแรงสุดขีด จนผมเองก็ไม่มั่นใจว่าด้วยปราณที่ของผมที่เพิ่มขึ้นจากการได้รับวารีนาคราช และผลึกมังกรจะสามารถต้านทานไก้หรือไม่ แต่ผมก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงอีกต่อไปเพราะองครักษ์ทั้ง 8 ได้ทะยานเข้าหาผมพร้อมกัน ขณะที่บริวารมังกรฟ้าเกือบร้อยคนก็โห่ร้องเสียงกึกก้องและพุ่งร่างมายังน้อง ทิพย์ที่ยืนหันหลังให้ผมโดยประกบจานีสไว้ตรงกลาง
‘พี่เอ..ทิพย์จะรับมือพวกนี้เอง พี่เอต้านองครักษ์ทั้ง 8 และดูแลจานีสด้วยนะ’
น้องทิพย์ส่งจิตมายังผม ก่อนสาดพุ่งร่างเข้าปะทะบริวารมังกรฟ้าที่กรูกันเข้ามา ร่างเพรียวงามของเด็กหญิงแฉลบร่อนเข้าหาด้วยวิชาคชสีห์เหินบิน ขณะที่ฝ่ามือทั้งสองผนึกกาฬปราณเป็นละอองสีดำกระจายออกไปยังเป้าหมายรอบด้าน แต่ผมไม่สามารถช่วยเหลือน้องทิพย์ได้เพราะนอกจากจะต้องผนึกปราณป้องกันจานีส แล้ว ละอองเลือดสีแดงกลุ่มมหึมาที่เปี่ยมล้นไปด้วยกระแสพลังแกร่งกร้าวของ องครักษ์ทั้ง 8 ก็กำลังพุ่งเข้าหาผมด้วยความรุนแรงราวเสาเหล็กท่อนใหญ่ที่สามารถบดขยี้ทุก สรรพสิ่ง กลิ่นคาวเลือกดกระจายอบอวล ด้วยอำนาจของพลังมังกรฟ้าสลายร่างที่ทำลายเซลทุกเซลในร่างกายก่อเป็นพลังที่ รุนแรงเกินขีดความสามารถของมนุษย์ ผมผนึกกาฬปราณขึ้นสุดตัว แล้วกดกระแทกเข้าหากลุ่มหมอกเลือดที่พุ่งเข้ามาอย่างเต็มกำลัง
……….เปรียง…………
“อ๊าก………………….”
“โอ๊ย…ท่านประมุข…ระ ระร่างข้า….กำลังสลาย”
ร่างผมเซถอยหลังไปอย่างควบคุมไม่ได้จากแรงสะท้อนของพลังมังกรฟ้าสลายร่าง ที่เกิดจากการรวมพลังของผู้ทรงปราณระดับสูงทั้ง 8 ลมพายุรุนแรงสั่นสะเมือนห้องโถงทรงกลมจนสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง ก่อเกิดจากพลังสะท้อนหมุนวนจนกระแทกจานีสซวนเซเกือบล้มลงกับพื้น อวัยวะภายในทุกส่วนของผมสั่นเป็นระลอกจากกระแสพลังที่หลุดรอดจากอำนาจปราณ คุ้มครองร่างเข้ามาในร่างกาย จุดผ่านของปราณในร่างกายดูราวจะตีบตันพร้อมกันจนผมต้องกระอักเลือดที่คั่ง ค้างออกมาเป็นสาย แต่เสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดของบริวารมังกรฟ้าทั้ง 8 ก่อนจะเงียบไปพร้อมกับร่างกายที่ทอดนิ่งกับพื้นหินและกำลังเริ่มสลาย ตัวอย่างรวดเร็วทำให้ผมรู้ว่ากาฬปราณของผมสามารถจัดการศัตรูทั้ง 8 ได้ทั้งหมดในคราวเดียว แต่ผมเองก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักเช่นกัน
“กาฬปราณที่รุนแรงนัก พวกเจ้าสามารถทำให้มันบาดเจ็บได้ นับว่าคู่ควรกับศักดิ์ศรีแห่งองรักษ์มังกรฟ้าแล้ว”
เสียงถังฮวงดังขึ้นพร้อมกับร่างที่ก้าวเท้าสืบเข้ามาหาผม โดยผ่านซากร่างองรักษ์ทั้ง 8 ที่กำลังยุบตัวลงอย่างไม่ใยดี ก่อนส่งเสียงคำรามก้องด้วยความเคียดแค้น
“ข้าจะล้างแค้นให้ลูกถังหลินและบริวารข้า และพรุ่งนี้ธิดาข้าจะล้างตระกูลคชสีห์ของเจ้าออกไปจากแผ่นดินจงตายอย่าง ทรมานด้วยทัณฑ์หมื่นมังกรสังหารเดี๋ยวนี้”
ประกายแสงสีขาวเจิดจ้าบาดตา พลันกระจายออกมาจากร่างถังฮวงพุ่งวาบราวกับก้อนเมฆมหึมาพุ่งใส่ร่างผม แต่จิตผมรับรู้สภาพของกระแสพลังในทันทีว่านี่ไม่ใช่พลังกลุ่มก้อนเดียวดัง ที่ปรากกฎต่อสายตา หากแต่เป็นกระแสพลังแหลมคมนับพันสายที่สานตัวกันคล้ายขดเชือก และมีปลายที่แหลมคมพร้อมจะทะลวงร่างศัตรูให้สลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ ทันทีที่สัมผัส และด้วยร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของผมขณะนี้ หากผมฝืนปะทะด้วยกาฬปราณ แม้อาจจะสามารถสังหารถังฮวงลงได้ ตัวผมเองก็อาจต้องจบชีวิตลงภายใต้สุดยอดวิชานี้เช่นกัน แต่ก่อนที่ผมจะตัดสินใจแลกชีวิตกับถังฮวงด้วยการผนึกกาฬปราณ กระแสพลังอบอุ่นจากพลังชีวิตที่ผมได้รับจากผลึกมังกรก็กระจายตัวออกจากจักร อัคคีที่ท้องน้อยและแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนอาการบอบช้ำของอวัยวะภายในถูกฟื้นฟู อย่างรวดเร็ว ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในสมองชั่วพริบตาทำให้ผมผนึกปราณคว้าร่างจานีสแล้ว ส่งพลังปราณคชสีห์กึ่งหนึ่งไปปะทะกับพลังหมื่นมังกร พร้อมผนึกพลังดีดตัวออกจากศูนย์กลางการปะทะเต็มกำลัง
….. บรึม……
“พี่เอ….”
พลังปราณคชสีห์ที่ผมใช้ป้องกันร่างถูกส่งไปกระแทกพลังหมื่นมังกร ก่อแรงสะท้อนหนุนให้ร่างผมปลิวละลิ่วออกห่างถังฮวงไปยังผนังอีกด้านหนึ่งของ ห้อง ทันใดนั้นร่างผมก็ถูกช้อนรับไว้ในวงแขนนุ่มนวลจากน้องทิพย์ที่อุทานออกมา อย่างลืมตัวเมื่อพบว่าผมและจานีสถูกพลังปราณของถังฮวงกระแทกปลิวกระเด็น พร้อมกับเลือดที่พุ่งออกจากปากผมเป็นสาย
‘พี่เอ…เป็นอย่างไรบ้าง…พักปราณก่อนนะ ทิพย์จะรับมือถังฮวงเอง’
น้องทิพย์ส่งกระแสจิตร้อนรนมายังผมที่นอนฟุบร่างในวงแขนเด็กหญิง ซึ่งเมื่อดูจากสภาพภายนอกแล้วเป็นอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนใกล้ ประสบภาวะจักรปราณสลาย
‘ทิพย์ไม่ต้องเป็นห่วง อวัยวะภายในพี่ถูกกระแทกบอบช้ำก็จริง แต่เมื่อกระอักเลือดเสียออกมาได้พลังชีวิตจากผลึกมังกรก็เริ่มก่อประสานคืน ตอนนี้พี่ใกล้ฟื้นฟูเต็มที่แล้วแต่ทิพย์จงทำท่ากระวนกระวายต่อไปให้เหมือน กับพี่ได้รับบาดเจ็บเถอะ..’
ผมส่งจิตบอกสภาพปราณที่แท้จริงให้น้องทิพย์รับรู้ ซึ่งแม้แต่ผมเองก็แปลกใจกับอำนาจฟื้นพลังปราณกลับมาอย่างรวดเร็วแม้จะได้รับ บาดเจ็บอย่างหนัก สมองผมรีบกำหนดแผนการจัดการกับถังฮวง และขอให้น้องทิพย์แสดงบทของเด็กสาวที่ต้องการปกป้องผู้เป็นที่รักอย่างเต็ม ที่ น้องทิพย์สบตาผมวูบหนึ่งราวกับจะต้องการความมั่นใจในสิ่งที่ผมบอก ก่อนดีดร่างขึ้นเผชิญหน้ากับถังฮวงที่กำลังก้าวเข้ามาหาอย่างลำพองใจที่เห็น สภาพบาดเจ็บสาหัสของผมปรากฏอยู่ตรงหน้า
“มันได้รับบาดเจ็บจากพลังหมื่นมังกรที่ทำลายจักรปราณทั้งหมด เด็กหญิงที่งดงามเช่นเจ้าและแม่นางที่อยู่ด้านหลังมันหากรับรู้สถานการณ์และ ยอมรับใช้ข้า ข้าก็จะละเว้นชีวิตพวกเจ้าทั้งสอง มิฉะนั้นเจ้าจะต้องตกตายพร้อมกับมันผู้นี้…”
ถังฮวงส่งเสียงแหบพร่ากับน้องทิพย์ที่ยืนเผชิญหน้าขวางอยู่ ดวงตายาวรีทอประกายหื่นกระหายเมื่อพบว่าร่างน้องทิพย์ที่ยืนประจันหน้าอยู่ ห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าม่านบางๆ ที่น้องทิพย์หยิบฉวยมาพันร่างกายเปล่าเปลือยไว้ลวกๆ ทำให้ไม่สามารถปิดบังเรือนร่างงดงามของเด็กหญิงจากสายตาที่ทรงอำนาจปราณของ ถังฮวงได้ ส่วนร่างของจานีสที่ฟุบอยู่กับผมแม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ใบหน้าที่งามสะท้านใจและเรือนกายเปล่งปลั่งที่เกือบเปลือยเปล่า ล้วนกระตุ้นอารมณ์ใคร่ของถังฮวงให้ลุกโพลงขึ้นอย่างง่ายดาย จนต้องยื่นข้อเสนอให้น้องทิพย์กับจานีสยอมรับการจัดการเพื่อแลกกับการรอด ชีวิต
“ก่อนทีท่านจะลั่นวาจาใดออกมา ท่านลองดูสภาพของบริวารมังกรฟ้ารอบตัวก่อนเถอะ”
น้องทิพย์จ้องตาถังฮวงเขม็งและส่งเสียงโต้ตอบอย่างไม่พรั่นพรึง ทำให้ถังฮวงต้องหันไปให้ความสนใจสภาพรอบข้าง เพียงชั่วขณะประมุขตำหนักมังกรฟ้าก็ได้พบกับภาพบริวารมังกรฟ้าเกือบร้อยคน ที่ทอดร่างเป็นซากศพเกลื่อนพื้นด้วยอำนาจกาฬปราณของน้องทิพย์ ดวงตาถังฮวงเบิกกว้างกับภาพที่เห็น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยเพลิงโทสะ แต่กลับส่งเสียงตอบมาอย่างราบเรียบ
“เป็นเด็กหญิงที่ทรงปราณล้ำเลิศนัก หากข้าคาดไม่ผิดเจ้าคงได้รับปราณจากการเย็ดกับเจ้าหนุ่มไกรวิทย์ผู้ครองปราณ คชสีห์และผสานปราณของมันกับวารีนาคราชจนเกิดเป็นปราณสูงสุด นับว่าหาได้ยากยิ่ง ถ้าหากเจ้ายินยอมผละจากมารมาสู่แสงสว่าง เราจะแต่งตั้งเจ้าเป็นรองประมุขแห่งตำหนักมังกรฟ้าและด้วยการร่วมมือกับเรา เจ้าจะได้เป็นประมุขแห่งอาณาจักรผู้ทรงปราณสืบต่อจากเรา..”
“หากเรายินยอมรับเงือนไขของท่าน ท่านจะมั่นใจหรือว่าเราจะไม่เปลี่ยนใจภายหลัง”
น้องทิพย์แสดงสีหน้าลังเลและถามถังฮวงอย่างแนบเนียน ซึ่งผมรู้ดีว่าจุดประสงค์ของน้องทิพย์คือการถ่วงเวลาให้ผมฟื้นฟูปราณกลับสู่ สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด น้ำเสียงและท่าทางของน้องทิพย์ทำให้ถังฮวงละสายตาจากใบหน้าเด็กหญิงมาตาม เรือนร่างและจับจ้องที่เรียวขาขาวเนียน ซึ่งมีรอยคราบเลือดพรหมจรรย์เป็นสายเกาะกรังอยู่ ก่อนส่งเสียงตอบ
“เสียดายนักที่เจ้าด่วนร่วมรักมอบพรหมจรรย์ให้มันผู้นี้ไปก่อน วารีนาคราชจึงไร้ประโยชน์สำหรับข้าอีกต่อไป แต่หากเจ้ายินยอมที่จะมอบร่างกายและกำเนิดบุตรให้ข้า นั่นจะเป็นหลักประกันถึงความจงรักภักดีของเจ้าอย่างสมบูรณ์”
“แล้วพี่สาวของเรานางนี้ ท่านจะยินยอมปล่อยนางเป็นอิสระหรือไม่”
น้องทิพย์ถามด้วยน้ำเสียงลังเลราวกับว่ากำลังตัดสินใจตอบรับข้อเสนอของถัง ฮวง ทำให้ถังฮวงหันมาจับจ้องเรือนร่างของจานีส ที่ฟุบอยู่เคียงข้างผมด้วยดวงตาทอประกายหื่นกระหาย เมื่อพบว่าผ้าผืนน้อยที่เคยปกปิดร่างกายจานีสขาดวิ่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ด้วยอำนาจปราณมังกรฟ้า ทรวงอกตูมเต่งที่เบียดแน่นกับท่อนแขน และเนินรักอวบงามของเด็กหญิงจึงปรากฏต่อสายตาถังฮวงอย่างเต็มที่
“เรารับรองว่าจะไม่สังหารนาง แต่เราจะรับนางไว้เป็นสนมมังกรฟ้า”
น้องทิพย์รับกระแสจิตสัญญาณที่ผมส่งออกไปให้ ก่อนส่งเสียงเยาะเย้ยถังฮวง
“สรุปแล้วก็คือท่านจะฆ่าพี่เอ และจะเย็ดเรากับพี่สาวนางนี้เพื่อสนองราคะของท่าน สัจจะคำพูดของท่านจะเชื่อได้อย่างไร ในเมื่อท่านเองก็ละเมิดกฏของผู้ทรงปราณ ด้วยการสั่งให้บริวารท่านกลุ้มรุมทำร้ายพี่เอ ทั้งที่พี่เอได้ท้าสู้กับท่านตัวต่อตัวตามกฎศักดิ์สิทธิ์ ”
ดวงตาถังฮวงทอประกายโกรธเกรี้ยว ก่อนกระชากเสียงตอบ
“ข้าเสนอให้เจ้าทั้งสองยอมมอบร่างกายให้ข้าโดยสมัครใจ แต่เจ้าคงคิดว่าเจ้าสามารถต่อสู้กับข้าได้ เจ้าจึงยืนกรานที่จะปฏิเสธ ข้าให้โอกาสเจ้าตัดสินใจอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าทั้งสองก็จะต้องเป็นทาสบำเรอแก่ข้าด้วยกำลัง”
“พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือถ้าพวกเรามายอมให้เย็ดดีๆ ท่านก็จะข่มขืน เพราะนั่นเป็นวิธีที่ท่านทำกับผู้หญิงทุกคนซึ่งถูกบังคับให้อยู่ในซ่องของ ท่านที่สำเพ็ง ถูกต้องใช่ไหม”
น้องทิพย์โต้ตอบถังฮวงด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ทำให้ถังฮวงถลึงตาจับจ้องเด็กหญิงด้วยความโกรธ แต่ก็อับจนที่จะโต้ตอบเหตุผลกับน้องทิพย์
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับความปรารถนาดีของข้า ก็จงตายไปพร้อมไอ้ไกรวิทย์ผัวของเจ้าเถอะ..แต่ข้ารับรองว่าก่อนที่เจ้าจะตาย เจ้า จะต้องถูกสลายปราณส่งตัวไปให้ชายนับร้อยระบายความใคร่ในซ่องของข้า”
ประกายสายฟ้าเรื่อเรืองที่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนบริเวณมือทั้งสองของถังฮวงขณะ ที่กล่าวกับน้องทิพย์ บอกให้ผมรู้ในทันทีว่าถังฮวงยังคงกริ่งเกรงกาฬปราณของน้องทิพย์ที่สามารถ สังหารบริวารมังกรฟ้าเกือบร้อยคนได้ในชั่วเวลาอันสั้น จนต้องใช้พลังปราณสูงสุดในการรับมือกับเด็กหญิงวัย 12 เบื้องหน้า
“น้องทิพย์ สลายปราณคุ้มครองร่างเดี๋ยวนี้ แล้วผลักปราณทั้งหมดให้ไปรวมที่จักรวารี เพ่งสมาธิไปที่เส้นเลือดใหญ่ 5 เส้นในร่างกาย..ทำเดี๋ยวนี้เลย”
กระแสจิตอ่อนระโหยของจานีสดังขึ้นให้ผมได้ยินพร้อมน้องทิพย์ ใบหน้าน้องทิพย์แสดงความงุนงงวูบหนึ่ง เพราะการสลายปราณคุ้มครองร่างหมายถึงการทิ้งเครื่องป้องกันตัวอย่างเดียวที่ ผู้ทรงปราณใช้ในการต่อสู้ ซึ่งไม่เคยมีผู้ทรงปราณคนใดกล้าทำแม้จะเป็นการต่อสู้กับผู้มีปราณระดับต่ำ กว่าก็ตาม แต่ประกายตาเด็ดเดี่ยวของน้องทิพย์บอกถึงความเชื่อมั่นในตัวจานีส และปฏิบัติตามคำแนะนำโดยไม่ลังเล
“ปราณมาร…จงสูญไปจากโลกเสียเถอะ”
ถังฮวงครามก้อง ก่อนสะบัดกระแสพลังรุนแรงของปราณมังกรฟ้าเข้าหาน้องทิพย์ พร้อมกับที่น้องทิพย์ขบกรามกรอดแล้วผนึกกาฬปราณกระแทกใส่ถังฮวงอย่างไม่กลัว เกรง
…….เปรี้ยง…………
พลังที่ปะทะกันส่งเสียงกัมปนาทราวฟ้าผ่า ร่างน้องทิพย์เซถลามายังด้านหลังจนมาหยุดนิ่งอยู่ข้างผม พร้อมกับเสียงถังฮวงที่อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
“อะ อะ ไรกัน….นี่ นี่ มัน…”
ผ้าม่านที่เคยคลุมร่างของน้องทิพย์ปลิวเวียนว่อนราวเศษกระดาษ แต่ร่างเพรียวงามที่ยืนเผชิญหน้าถังฮวงอยู่กับไม่ใช่ร่างที่เปลือยเปล่าของ เด็กหญิงแรกสาวอีกต่อไป ลายเส้นเรืองแสงสีน้ำเงินเข้มกระจายตัวไปทั่วเรือนร่างของน้องทิพย์ด้วยเส้น ที่วางโครงไปตามเส้นเลือดใหญ่ทั้ง 5 และแผ่แขนงเป็นลวดลายงดงามไปปกคลุมผิวกายที่ตำแหน่งของอวัยวะสำคัญในร่างกาย ศีรษะน้อยๆ ของน้องทิพย์ปรากฏสายคาดสีน้ำเงินซึ่งก่อตัวเป็นรูปมังกรสองตัวหันเข้าหากัน ที่หน้าผาก และถักทอเป็นแผ่นปกคลุมต้นคอลงมาถึงกลางหลัง ขณะเดียวกันก็แผ่อ้อมมาทางด้านหน้าก่อเป็นรูปทรงกรวยห่อหุ้มทรวงอกแรกผลิเอา ไว้มิดชิด ส่วนทางด้านหลังบริเวณสะโพกครัดเคร่ง ร่างแหสีน้ำเงินเข้มก็แผ่นลอดมาระหว่างขาอ่อนเรียวงามของน้องทิพย์ และขยายเป็นแผ่นโค้งอ่อนช้อยหุ้มเนินรักของเด็กหญิงเอาไว้ ต่ำลงไปที่ปลายเท้าลายเส้นแสงแผ่คลุมเท้าเรียวเล็กของน้องทิพย์ไว้ราวกับรอง เท้าบูทที่ตัดมากระชับตัว เรือนร่างงามที่ถูกปกคลุ่มด้วยตาข่ายแสงที่แม้จะปกปิดอวัยวะของสตรีเอาไว้ แต่ผิวเนื้อเปล่งปลั่งแทบทุกตารางนิ้วก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ก่อเป็นรูปแบบความงามที่สามารถดึงดูดสายตาผู้ชายทุกคนบนโลกได้ ภาพที่ปรากฏต่อสายตาผมดูคุ้นตาอย่างแปลกประหลาดและผมก็จำได้ในพริบตาว่านี่ คือสิ่งที่คล้ายกับเกราะมังกรที่ธิดามังกรฟ้าสวมใส่ในการต่อสู้กับผม
“เกราะปราณ…ทำไมเจ้าจึงสวมเกราะปราณที่มีเฉพาะเทวะนารีแห่งจักราศรีได้”
ถังฮวงร้องโพล่งออกมาด้วนน้ำเสียงแปลกใจระคนหวาดกลัว สายตาตกตะลึงจับจ้องประกายเรืองรองสีน้ำเงินของเกราะปราณบนร่างน้องทิพย์
“นั่นเป็นสิ่งที่ท่านต้องไปรับรู้คำตอบในนรก…”
ผมส่งเสียงตวาดก้อง พร้อมดีดตัวขึ้นจากพื้นด้วยพลังปราณที่ฟื้นฟูอย่างเต็มที่จากการถ่วงเวลาของ น้องทิพย์ กาฬปราณส่งละอองสีดำสนิทปกคลุมมือทั้งสองข้างของผม ก่อนพุ่งวาบเข้าหาถังฮวงที่เบื้องหน้า
“เจ้า…เจ้า…”
……………เปรี้ยง………………..
“…………อ๊าคคคคคคค…………”
กาฬปราณของผมกระแทกใส่ร่างถังฮวง ที่เพิ่งเร่งเร้าปราณคุ้มครองกายขึ้นมาโดยยังไม่ทันผนึกพลังปราณหมื่นมังกร ร่างผอมบางปลิวละลิ่วออกไปราวกับว่าวขาดป่านพร้อมเลือดที่กระอักออกจากปาก เป็นสายยาว แต่ก่อนที่ร่างถังฮวงจะกระแทกผนัง ประมุขตำหนักมังกรฟ้าก็บิดร่างให้เท้ากระทบกันเองแล้วแปรพลังออกทางข้างจน สามารถบังคับร่างกายให้ตกลงกับพื้นด้วยเท้าทั้งสองได้ ใบหน้าถังฮวงซีดเผือก ถลึงตามองผมด้วยความอาฆาต ขณะที่ผิวกายเริ่มปรากฏหมอกสีดำแห่งกาฬปราณแผ่กระจายออกช้าๆ แต่เมื่อถังฮวงสูดลมหายใจยาวเพื่อผนึกปราณ สีดำที่เกิดขึ้นก็ชะงักการแผ่ตัวออกไป ภาพที่เห็นทำให้ผมอดสะท้านใจกับความเข้มแข็งของปราณถังฮวงที่แม้จะถูกกาฬ ปราณแทรกเข้าไปอย่างเต็มที่ แต่ปราณคุ้มครองร่างก็ยังคงสามารถปกป้องมิให้อำนาจของกาฬปราณย่อยสลายร่าง กายดังเช่นที่เกิดกับบริวารมังกรฟ้าได้
“เฮอะ…ล้ำเลิศนัก..ใช้แผนแกล้งบาดเจ็บให้ข้าตายใจและลอบทำร้าย..สมกับเป็นทายาทแห่งปราณมารแห่งความมืดจริงๆ”
ถังฮวงแค่นเสียงด้วยความโกรธแค้น ขณะที่ผมกลับเป็นฝ่ายย่างเข้าหา และตอบกลับอย่างเย็นชา
“เราก็ได้พบเช่นกันว่าสำนักท่านมีพฤติการณ์ที่เที่ยงธรรม สมกับเป็นฝ่ายแสงสว่างเช่นกัน”
‘พี่เอ…ขอชีวิตของมันให้ทิพย์จัดการเถอะ’
จิตน้องทิพย์ส่งมาหาผมอย่างเร่งร้อน พร้อมกับพุ่งร่างเข้าหาถังฮวงด้วยความเร็วปานประกายไฟ ขณะที่ร่างถังฮวงพลันเปล่งประกายสีแดงเจิดจ้า ละอองเลือดแผ่ซ่านออกรอบข้าง ทำให้ผมต้องส่งจิตเตือนน้องทิพย์ด้วยความตกใจ
‘น้องทิพย์ระวัง นั่นคือพลังมังกรฟ้าสลายร่าง อย่ากระทบมัน’
ผมพุ่งร่างตามน้องทิพย์ไปอย่างเร่งร้อน แต่ช้าไปชั่วขณะ กาฬปราณของน้องทิพย์พุ่งวาบเข้ากระแทกละอองเลือดที่ห่อหุ้มร่างถังฮวงเต็ม กำลัง
……เปรี้ยง………
ร่างน้องทิพย์ปลิวกระเด็นออกจากจุดปะทะราวกับถูกมือยักษ์ขว้าง ทำให้ผมต้องดีดร่างกลับมาคว้าน้องทิพย์ไว้แทนที่จะโจมตีเผด็จศึกถังฮวงขึ้น สุดท้าย ขณะที่เสียงคำรามของถังฮวงดังสนั่นขึ้น
“วันนี้นับว่าข้าเสียทีพวกเจ้า… แต่ข้าจะกลับมาพร้อมจักรราศี พวกเจ้าจงใช้ชีวิตที่เหลือน้อยนิดให้ดีเถอะ”
เสียงถังฮวงเลือนห่างไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่พาร่างเหินบินพุ่งวาบออกไปทางหลังคาที่เป็นช่องโหว่ และเงียบหายไป แต่ผมไม่สามารถติดตามไปได้เพราะนอกจากน้องทิพย์ในอ้อมแขนที่ถูกพลังปราณ มังกรฟ้าสลายร่างโจมตีแล้ว ร่างของจานีสที่ยังคงฟุบอยู่กับพื้นหิน ทำให้ผมจำเป็นต้องละทิ้งโอกาสกำจัดถังฮวงด้วยความเสียดาย และรีบประคองร่างน้องทิพย์ลงนอนหนุนตักผมข้างร่างจานีส
‘ทิพย์ เป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บที่ไหนหรือเปล่า’
ผมส่งจิตถามน้องทิพย์อย่างร้อนรน และต้องโล่งใจเมื่อจิตน้องทิพย์ตอบกลับมาโดยปราศจากสัญญาณของการบาดเจ็บใดๆ
‘ทิพย์ไม่เป็นอะไรเลยพี่เอ พลังสะท้อนเมื่อกี้มันรุนแรงมาก แต่ดูเหมือนสิ่งที่คลุมร่างทิพย์อยู่นี้สามารถดูดซับพลังและกระจายมันออกไป ได้เกือบหมด มันคืออะไรกันพี่เอ..’
‘นั่นคือเกราะปราณในตำนาน นามเกราะมังกรวารี มันสามารถป้องกันมิให้ปราณทุกชนิดผ่านเข้ามาสู่อวัยวะภายใน นี่แสดงว่าน้องทิพย์คือธิดานาคราชอย่างไม่ต้องสงสัยอีกแล้ว เพราะมีแต่ผู้ครอบครองวารีนาคราชเท่านั้นที่สามารถก่อเกิดเกราะมังกรวารีได้ จานีสดีใจจริงๆ’
จิตอ่อนระโหยของจานีส ถ่ายทอดมายังผมและน้องทิพย์เพื่อคลายสงสัยให้น้องทิพย์ แต่กลับทำให้ผมและน้องทิพย์ต้องต้องอุทานออกมาเมื่อตระหนักว่าจานีสผู้ ปราศจากปราณได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการโจมตีของบริวารมังกรฟ้าเมื่อครู่
‘พี่จานีส..อดทนไว้นะ’
น้องทิพย์ส่งจิตออกมาพร้อมกับพลิกร่างออกจากอ้อมแขนผมมากอดจานีสไว้ และหันมาส่งจิตกับผมทันที
‘พี่เอ..พี่เอ..ช่วยรักษาจานีสเร็วเข้า..’
‘จานีส เป็นอย่างไรบ้าง ..’
ผมทรุดตัวลงกุมมือเรียวบางของจานีสไว้ด้วยความเป็นห่วง ขณะที่จานีสจับจ้องตาผมและยิ้มให้อย่างอ่อนระโหย
‘จานีสบาดเจ็บหนักพอสมควรเลยพี่เอ…แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตหรอก เพียงแต่เสียดายที่จานีสคงต้องพักอยู่นิ่งๆ ไม่ต่ำกว่าสองอาทิตย์ ดังนั้นช่วงนี้จานีสคงทำตามสัญญากับน้องทิพย์ไม่ได้นะ’
‘สัญญาอะไรหรือพี่จานีส’
น้องทิพย์ส่งจิตถามจานีสด้วยความงุนงง ขณะที่จานีสตอบกลับมาอย่างอายๆ
‘ก็สัญญาที่จะเย็ดพี่เอพร้อมน้องทิพย์ไง’
‘…พี่จานีสบ้า….ทิพย์ห่วงพี่จานีสจะแย่ ยังมาล้อทิพย์อีก..’
น้องทิพย์ส่งจิตออกมาราวกับจะตำหนิ แต่แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้ความตึงเครียดจากการต่อสู้ที่ผ่านมาค่อยๆ สลายตัวลง อย่างก็ตามผมอดสะดุดใจกับใบหน้าซีดเผือกผิดปกติของจานีสไม่ได้ เพราะมันแฝงสีเทาเรือนรางจนแทบสังเกตไม่เห็นเอาไว้ ทำให้ผมต้องย้ายมือมากุมทรวงอกเต่งตึงของเด็กหญิงไว้ทั้งสองข้าง และรีบส่งกระแสปราณผ่านเข้าไปตรวจสอบ
‘พี่เอ…จะ จะ ทำอะไรน่ะ…’
จิตน้องทิพย์อุทานออกมาเมื่อเห็นผมเอื้อมมือไปคลึงหน้าอกจานีสราวกับว่าต้อง การปลุกอารมณ์ให้พร้อมสำหรับการร่วมรัก แต่ก็ชะงักคำถามในทันทีที่เห็นสีหน้าผมเปลี่ยนไปแล้วรีบประกบจูบจานีสพร้อม ดึงร่างน้อยมากอดไว้ในอ้อมแขนแน่น ก่อนที่จะส่งจิตให้จานีสและน้องทิพย์รับรู้
‘จานีส อาการบาดเจ็บนี้ไม่ได้เล็กน้อยอย่างที่จานีสเข้าใจนะ อวัยวะของจานีสทุกส่วนก่อเกิดขึ้นใหม่จากพลังของผลึกมังกร แม้จะสามารถก่อให้เกิดร่างกายและดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่ความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองไม่มีอยู่เลย ดังนั้นการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจึงทำให้ อวัยวะภายในของจานีสกำลังสลายตัวอย่างช้าๆ และมีทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขได้..แต่ตอนนี้พี่ต้องถ่ายปราณคงสภาพ ปัจจุบันเอาไว้ก่อน และต้องรีบรักษาโดยด่วนที่สุดภายในไม่เกินครึ่งชั่วโมงนี้ มิฉะนั้นร่างกายของจานีสจะสูญสลายไปตลอดกาล’
การบอกเล่าของผมทำให้น้องทิพย์อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ขณะที่จานีสสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ก่อนส่งจิตมายังผม
‘แต่พี่เอ ต้องไล่ล่าถังฮวง..หากช้าไปมันจะหนีรอดไปได้’
ผมช้อนร่างอบอุ่นนุ่มนวลของจานีสขึ้นมาในอ้อมแขน และผนึกปราณพร้อมที่จะทะยานจากไปจากสถานที่ที่กองสุมไปด้วยซากศพของบริวาร มังกรฟ้าแห่งนี้
‘ก็ต้องนับว่าถังฮวงยังไม่ถึงเวลาตาย พี่ต้องรักษานีสก่อนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จานีสต้องอยู่กับพี่และพวกเราทุกคนตอลดไป เราสัญญากันไว้แล้วนะ..’
‘พี่เอ…จะ จะ จานีส…’
จานีสพยายามเปล่งจิตตอบผมด้วยความตื้นตันแต่ไม่สามารถสร้างถ้อยคำออกมาได้ ผมหันไปสบตาน้องทิพย์ที่ด้านข้าง เป็นสัญญาณให้ออกจากสถานที่แห่งนี้ ก่อนที่จะกำหนดภาพน้องรินในจิตแล้วสะบัดพลังอัคคีเทพกระจายไปรอบด้าน จนทำให้ผนังห้องโถงทุกด้านเริ่มติดไฟลุกท่วม
‘ทิพย์ ไปกันเถอะ ต่อไปนี้จะไม่มีตำหนักมังกรฟ้าอยู่ในแผ่นดินอีกแล้ว’
ผมดีดร่างที่กอดจานีสไว้ในอ้อมแขนทะยานขึ้นสูงผ่านหลังคาตึกแถวย่านสำเพ็ง พร้อมกับน้องทิพย์ แล้วพุ่งร่างด้วยวิชาคชสีห์เหินบินห่างออกจากพื้นที่สำนักมังกรฟ้าด้วยความ เร็วที่เกินกว่าสายตามนุษย์ทั่วไปจะพบเห็น ทิ้งตำนักมังกรฟ้าที่เริ่มปรากฏลูกไฟขนาดใหญ่ลุกฮือขึ้น เพื่อไปยังจุดหมายบ้านพักของผมเองในย่านราชเทวีที่เคยใช้ระหว่างการเรียนใน กรุงเทพฯ และปัจจุบันปิดเอาไว้โดยมีคนดูแลคอยมาทำความสะอาดให้อย่างสม่ำเสมอ เพียงไม่กี่อึดใจผมและน้องทิพย์ก็พาจานีสมาเข้ามาในบริเวณบ้าน และยกมือขึ้นแตะแผ่นตรวจสอบลายมือที่บานประตูใหญ่ให้เปิดออก ก่อนนำร่างจานีสเข้าไปภายในและขึ้นชั้นสองเข้าไปที่ห้องนอนใหญ่ซึ่งผมเคยใช้ ผมวางร่างเด็กหญิงที่บาดเจ็บลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลโดยที่ผมทาบร่างทับไว้ ด้านบน พร้อมกับน้องทิพย์ที่ตามมาแล้วทิ้งตัวลงข้างเตียงก่อนทรุดตัวลงนั่งและ เอื้อมมือไปจับมือจานีสด้วยความห่วงใย
‘พี่เอ..พี่จานีสเป็นอะไรมากไหม’
‘น้องทิพย์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก จานีสได้รับปราณจากพี่เอแล้ว จานีสรู้สึกได้แล้วว่าความเจ็บปวดไม่เพิ่มขึ้นมาอีก แต่คงต้องใช้เวลารักษาอีกนานทีเดียว พะ พะ พี่เอ ทำอะไรน่ะ…’
จานีสส่งจิตออกมาทันทีด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าผมกำลังถ่ายปราณผ่านจักรวายุ ในแนวทางย้อนกลับแล้วกระจายไปตามแนวทางที่ผมเคยเรียนรู้จากคุณแม่ ก่อนรวมตัวกระตุ้นจักรอัคคีที่ท้องน้อยจานีสพร้อมกัน ร่างเปลือยของจานีสพลันสะท้านไปทั้งร่าง ขณะที่ผิวกายทุกส่วนสั่นระริก สองแขนยกขึ้นกอดร่างของผมอย่างควบคุมไม่ได้ พร้อมกับที่มือผมสอดลงไปเคล้นคลึงทรวงอกอวบอิ่มทั้งสองข้างพร้อมกัน
‘พี่เอ..พี่เอทำอะไรจานีสน่ะ..อ้อ..ทิพย์ใจเข้าแล้ว นี่เองที่พีรินถึงเรียกปราณพี่เอว่าปราณลามก’
จิตน้องทิพย์ส่งออกมาอย่างงุนงงในครั้งแรกที่พบว่าผมกำลังกระตุ้นอารมณ์รัก ของจานีสทั้งที่เด็กสาวยังบาดเจ็บอยู่ แต่ด้วยความจำที่ผมถ่ายทอดให้น้องทิพย์ไปทั้งหมด ทำให้จิตน้องทิพย์รับรู้ว่าผมตั้งใจจะทำอะไรและกลับเป็นความโล่งใจระคนยินดี ที่รู้ว่าผมจะใช้ปราณรักษาจานีสผ่านการร่วมรัก ซึ่งเป็นวิธีที่น้องกิฟท์ค้นพบและใช้กับผมหลังการต่อสู้กับถังหลินที่ เชียงใหม่เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว
‘พี่เอ พี่เอ พี่เอจะทำอะไรจานีส ปลุกความต้องการของจานีสทำไม โอย…ยะ อย่าบี้หัวนมแบบนั้น..จานีส..สะ สะ เสียว…โอย ร้อนไปหมดทั้งตัวแล้ว…’
‘พี่จานีสปล่อยตัวตามสบายเถอะ นี่เป็นวิธีรักษาเฉพาะตัวของพี่เอ เดี๋ยวพี่เอจะเย็ดพี่จานีสแล้วถ่ายปราณเข้าไปปรับร่างกายพี่จานีสใหม่… เฮ้อ..รู้งี้ทิพย์บาดเจ็บบ้างดีกว่า..’
น้องทิพย์ส่งจิตกับจานีสด้วยความโล่งใจที่รู้ว่าผมมีวิธีรักษาจานีสให้ ฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ อย่างรวดเร็วพร้อมกับก้าวขึ้นมาบนเตียง ก่อนสูดลมหายใจยาวเพื่อปลดปล่อยปราณที่กระจายอยู่ในเส้นเลือด ทำให้เกราะมังกรวารีสลายตัว เปิดเผยร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนอยู่เบื้องหน้าผม แล้วส่งจิตแผ่วเบา
‘พี่เอ ทิพย์จะถ่ายปราณเข้าร่างพี่จานีสทางปากเอง..พี่เอมุ่งสมาธิไปเย็ดพี่จานีสอย่างเดียวเถอะ …พี่จานีส ทิพย์ช่วยพี่เอนะ..’
‘พี่เอ..น้องทิพย์..จานีส…จานีส…ต้องการเหลือเกิน…ช่วยจานีสด้วย’
เส้นขนละเอียดอ่อนบนผิวกายสีน้ำผึ้งนวลเนียนของจานีสลุกชูชันทั่วร่าง ขณะที่กล้ามเนื้อทุกส่วนไหวระริกด้วยความต้องการทางเพศที่ถูกปลุกขึ้นจากการ กระตุ้นปราณผสานกับการสัมผัสเล้าโลมของผมและน้องทิพย์พร้อมกัน ลำลึงค์ที่ขยายตัวชูชันของผมแนบอยู่กับร่องขาอ่อนคู่งามที่เบียดชิดกันแน่น แต่เมื่อผมถอนจูบแล้วปล่อยให้น้องทิพย์ทำหน้าที่คุมปราณ ก่อนที่จะยกตัวขึ้นในท่านั่ง ท่อนขาของจานีสก็แยกจากกันในทันที เผยให้เห็นเนินนูนอวบอิ่มที่มีน้ำรักหลั่งรินออกมาเป็นสาย จนลึงค์ผมเปียกชุ่มไปด้วยความชุ่มชื้นที่หลั่งไหลออกมาจากร่องหลืบ ผมเน้นมือเคล้นคลึงหัวนมน้อยๆ ที่แข็งตัวชูชันของจานีส แล้วมาจับสะโพกเด็กหญิงยกขึ้นสูง ในระดับเดียวกับแก่นกายผมที่กำลังผงกตัวขึ้นตั้งฉากกับพื้นเตียงก่อน ดึงสะโพกอวบเข้าหาตัวให้หัวบานจ่ออยู่กลางสองแคมอวบอิ่มที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วย น้ำหล่อลื่น แล้วกดอัดส่วนหัวแทรกผ่านมันลงไปในความรัดรึงของหลืบรักเด็กหญิงอย่าช้าๆ แต่ต่อเนื่องรวดเดียวลงไปทั้งหมด กลีบเนื้อภายในจานีสเต้นระริกรัดแก่นเนื้อที่อัดตัวอยู่ภายในทุกส่วน ส่งผ่านความเสียวขึ้นมาให้ผมจนแทบจะระเบิดน้ำรักออกมาในทันที
‘โอ๊วส์…พะ พะ พี่เอ…เข้าไปแล้ว..อื๋ยส์…จานีส…สะ สะ เสียว..น้องทิพย์จ๋า…อย่าแกล้งจานีสแบบนั้น พี่เอ…โอย ซีดส์…”
จานีสร้องครางลั่นเมื่อผมเริ่มกะเด้าด้วยการลากลำลึงค์ช้าๆ ยาวออกมาจนเกือบพ้นหัวบาน แล้วกลับอัดเข้าไปใหม่ในคราวเดียว ซึ่งแม้จะเป็นการกระเด้าที่เนิบช้า แต่ความต่อเนื่องที่แก่นกายเคลื่อนที่เข้าออกเสียดสีหลืบน้อยและติ่งเสียว ไม่หยุด สร้างรสสัมผัสสุดยอดให้ผมและจานีส จนแทบลืมเลือนไปว่านี่มิใช่การร่วมรักเพื่อความสุขจากเพศรส แต่เป็นการรักษาอาการบาดเจ็บเพื่อป้องกันมิให้ร่างกายงดงามเปล่งปลั่งของจา นีสที่ผมกำลังดูดดื่มความหอมหวานอยู่นี้สูญสลายไปจากชีวิต หลืบรักสุดปากมดลูกของจานีสตอดขมิบหัวบานผมเป็นระยะจนผมอดสูดปากและส่งจิต ครางด้วยความเสียวไม่ได้
‘อูว์…ปากมดลูกจานีสตอดแน่นจริงๆ ยอดเยี่ยมที่สุดเลย…อาห์’
‘ก็ควยพี่เอยาวอย่างนี้ กระแทกมดลูกจานีสตลอดเลย… จานีสเสียวเหลือเกินพี่เอ…’
จานีสส่งจิตครางตอบผมมาอย่างกระท่อนกระแท่น ขณะที่จิตน้องทิพย์แทรกเข้ามาร่วมวงสนทนา
‘เสียดายจังที่ไม่มีเวลา ไม่งั้นทิพย์ต้องขอให้พี่เอรักษาทิพย์ด้วยอีกคน เห็นพี่เอเย็ดพี่จานีสแบบนี้ ทิพย์ก็จะทนไม่ไหวแล้วนะ’
‘ดะ ดะ เดี๋ยวพี่เอ ระ ระ รักษา จะ จานีส แล้ว ทิพย์..ทิพย์ ก็..ก็ ต่อ เลย นะ…จานีส จะได้ ชะ ช่วย นะ น้องทิพย์..บ้าง… โอ๊วส์ พี่เอ..พี่เอจ๋า…แรงอีก แรงอีก…’
จานีสครางตอบน้องทิพย์ ขณะที่ขาอวบงามยกสูงขึ้นมาเกี่ยวเอวผมไว้แน่นและดึงเข้าหาตัวราวกับจะให้ลำ ลึงค์ผมกดเข้าไปในร่องรักให้ลึกที่สุด ผิวเนื้อสีน้ำผึ้งสั่นระริกไปทุกส่วน พร้อมกับหลืบรักที่บีดตัวอัดแก่นกายของผมไว้แน่น ก่อนที่จานีสจะร้องลั่นออกมาโดยไม่ผ่านกระจิต
“พะ พะ พี่เอ…จานีส…มะ มะมาแล้ว…อ๊ายส์……”
แรงบดอัดภายในร่องรักจานีสบีบรอบแก่นกายทุกตารางนิ้วจนผมแทบขยับไม่ได้ ความเสียวพุ่งพรวดมาถึงที่สุด ผมลากแก่นกายขึ้นมายาวเหยียดก่อนกระแทกฝ่ากลืบเนื้อลงไปเป็นครั้งสุดท้าย น้ำรักกระฉูดอัดเข้าไปในร่างจานีสราวสายน้ำตก พร้อมปราณชีวิตที่หลั่งไหลกระจายไปทั่วอวัยวะภายในของจานีส และเริ่มก่อตัวปรับแต่งเซลที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด จิตผมติดตามการฟื้นฟูทั้งหมดด้วยความโล่งใจเมื่อพบว่าการสลายตัวของเนื้อ เยื่อที่ประกอบกันเป็นอวัยวะภายในยุติลงอย่างถาวรและเริ่มกลับเข้าสู่สภาพ ปกติอย่างรวดเร็ว
‘พี่เอ พี่จานีส… เป็นอย่างไรบ้าง..’
น้องทิพย์ส่งจิตถามอย่างร้อนรน
‘น้องทิพย์ จานีสไม่เป็นไรแล้ว พลังปราณพี่เอฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ทั้งหมด..ขอเพียงพี่เอโคจรปรับอีกครั้ง เดียว ร่างกายจานีสก็จะกลับเป็นปกติแล้ว’
‘ทิพย์ดีใจจัง…แต่ก็เสียดายนะที่พวกเราต้องไปตามล่าถังฮวงต่อ…ไม่งั้น ทิพย์คงต้องขอให้พี่เอเย็ดทิพย์แน่ๆ เสียงครางของพี่จานีสตอนถึงจุดสุดยอดนี่ ทำให้ทิพย์แทบจะถึงตามไปเลยนะ’
น้องทิพย์ส่งจิตที่แสดงดความโล่งใจ พร้อมกับเสียดายโอกาสที่จะเข้าร่วมเกมส์รัก ขณะที่ปราณผมวนรอบร่างจานีสจนครบวงรอบ แล้วถอนออกจากร่างกายจานีสช้าๆ และในทันทีที่แก่นกายหลุดพ้นจากหลืบรักจานีส ผมก็คว้าร่างบอบบางของน้องทิพย์มานอนเหยียดยาวเคียงข้างจานีส แล้วแยกขาเรียวงามที่เจ้าของกำลังตะลึงอยู่ออกจากกัน และกดแก่นกายที่ยังคงความแข็งแกร่งเข้าสู่ระหว่างกลางสองแคมอวบไร้ขนของน้อง ทิพย์เบื้องหน้า
‘อ๊าย…พะ พี่เอ..ทิพย์ ล้อเล่น…พะ พี่เออย่าเพิ่งเย็ดทิพย์แบบนี้..ไปตามถังฮวง กะ ก่อนเถอะ…อูว์..ขะ เข้ามาแล้ว อื๋ย..พี่เอ….’
แคมอิ่มทั้งสองของน้องทิพย์แยกออกจากกันเมื่อท่อนลำของผมแหวกเข้าไปสู่ความ อบอุ่นที่ฉ่ำเยิ้มภายในร่างกายเด็กหญิงวัย 12 ที่มีดวงจิตของทิพย์วารีในอนาคตหลอมรวมอยู่ ปากแคมรักขยายตัวเป็นวงกลมรัดรอบแก่นเนื้อของผมไว้แน่นเปรี๊ยะ ซึ่งแม้จะผ่านการร่วมรักมาแล้วเมื่อครู่ แต่ความอ่อนเยาว์ของร่างกายเด็กหญิงทำให้การแทรกผ่านลงไปในร่องหลืบยังคงถูก ต่อต้านด้วยความคับแน่น แม้เจ้าของเนินรักอิ่มอูมเล็กๆ นี้จะกำลังอยู่ในอารมณ์รักย่างเต็มที่ก็ตาม
‘คับจริงๆ เลย น้องทิพย์…’
ผมส่งจิตบอกความรู้สึกของการร่วมรักให้น้องทิพย์รับรู้ ขณะที่น้องทิพย์กลับหลับตาปี๋ด้วยความเสียว และยกสองแขนขึ้นมายึดเหนี่ยวเอวที่กำลังขับเคลื่อนแก่นกายเข้าออกเนินรัก
‘ก็ควยพี่เอทั้งยาวทั้งใหญ่แบบนี้ หีทิพย์ไม่ฉีกก็โชคดีจะแย่แล้ว…อูย พี่เอ มันครูดแตดทิพย์..อ๊าย…’
ร่างบอบบางของเด็กหญิงบิดเร่าๆ เมื่อปุ่มเสียวถูกครูดผ่านขึ้นลงไม่หยุด ใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยแรงกระตุ้นของอารมณ์ที่กำลังพาเด็กหญิงใกล้จุดสุดยอด ขณะที่ผมก็เร่งความถี่ในการกระเด้าแก่นกายด้วยความเสียวจากแรงบีบรัดของเนิน รักน้องทิพย์
‘พี่เอ…อ๊าย….โอย…พี่จานีส…ยะอย่า…อย่าเพิ่งคลึงนมทิพย์…อูย’
‘จานีสจะตอบแทนที่น้องทิพย์ช่วยปลุกเร้าจานีสเมื่อกี้ไง…อื้อฮือ นมน้องทิพย์นี่ยังเล็กก็จริง แต่เต่งตึงสู้มือที่สุดเลย…หัวนมก็น่ารัก ขอจานีสดูดนะ…’
น้องทิพย์ส่งจิตครางลั่นเมื่อจานีสเคลื่อนร่างที่ฟื้นจากบาดเจ็บเข้ามาหา แล้วจูบริมฝีปากน้องทิพย์อย่างนุ่มนวล พร้อมกับเคล้นคลึงนมคู่น้อย จนน้องทิพย์ต้องร้องราวกับจะประท้วง แต่ก็กลับเอื้อมมือคว้าศีรษะจานีส มากดกับทรวงอกในทันที่จานีสเคลื่อนเป้าหมายมาดูดเน้นที่ปลายเม็ดยอดอกสีชมพู เข้มที่กำลังแข็งตัวสั่นระริก น้ำหล่อลื่นเนืองนองทะลักออกมาจากร่องรักน้องทิพย์ จนลำลึงค์ผมเคลื่อนไหวเข้าออกได้เร็วขึ้น ทำให้ความเสียวของผมยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณและเร่งกระเด้าเนินรักน้องทิพย์ถี่ ยิบ
‘มะ มะ ไม่ไหวแล้ว… พี่เอจ๋า..พี่จานีส…ทิพย์…โอ๊วส์………..’
น้องทิพย์กระตุกร่างเฮือกเมื่อความเสียวถึงที่สุดพร้อมกับที่ผมฉีกน้ำรักอัด เข้าไปในโพรงมดลูกน้อย นองเนืองจนทะลักออกมาเป็นสาย ปราณผมและน้องทิพย์ถูกส่งเข้าหากันและผสานรวมอย่างรวดเร็ว ก่อนเป็นการผสานอารมณ์ที่ผูกพันจิตผมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งในโลกนี้มีเพียงน้องริน น้องกิฟท์ น้องทิพย์ และน้องพิมเท่านั้นที่สามารถผสานจิตของผมได้อย่างสมบูรณ์เช่นนี้
‘พี่เอ…ทิพย์มีความสุขเหลือเกิน… แต่พี่เอไม่น่าจะรีบเย็ดทิพย์เลยนะ..แบบนี้ก็เสียเวลาที่จะตามล่าถังฮวงไป เปล่าๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้มันจะหนีไปถึงไหนแล้ว’
น้องทิพย์ส่งจิตที่อิ่มเอมไปด้วยความสุขสมมายังผม แต่ก็ยังอดที่กังวลต่อการหลบหนีของถังฮวงไม่ได้
‘สุดยอดผู้ทรงปราณระดับถังฮวง หากมุ่งมั่นที่หนีโดยใช้วิชามังกรฟ้าสลายร่างแบบนี้ ต่อให้เราติดตามไปทันทีก็ไม่คงตามมันไม่ทันหรอก ที่สำคัญการบาดเจ็บของจานีส เป็นเรื่องสำคัญกว่า ถือว่าวันนี้ชะตาถังฮวงยังไม่ถึงฆาตก็แล้วกัน แต่มันก็คงจะไม่สามารถใช้ปราณได้อีกอย่างน้อยก็สองสามปี เพราะการฝืนใช้มังกรฟ้าสลายร่างหนีไปในครั้งนี้ ทำให้มันต้องรักษาบาดเจ็บอีกนานทีเดียว’
ผมอธิบายให้น้องทิพย์ฟังถึงเหตุผลที่ไม่ติดตามถังฮวงไปในทันที แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจานีสผงกร่างเปลือยขึ้นจากร่างน้องทิพย์มาสบตาผม ก่อนส่งจิตมาอย่างหนักแน่นจริงจัง
‘พี่เอ น้องทิพย์ จานีสนึกได้แล้ว พวกเราไม่ต้องไปหาถังฮวงที่อื่นหรอก มันทีที่เดียวเท่านั้นที่จะหลบไปซ่อนตัวรักษาอาการบาดเจ็บได้ในตอนนี้’
‘มันไปอยู่ที่ไหนหรือพี่จานีส’
น้องทิพย์ส่งจิตถามอย่าร้อนรน
‘ที่เดียวในประเทศไทย ที่มันปลอดภัยอย่างแน่นอน…’
‘ที่ไหนพี่จานีส’
‘นิวาศมังกร ที่พำนักของธิดามังกรฟ้า เป็นปราสาทขุนเขาซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย’
ผมอดสงสัยคำบอกเล่าของจานีสไม่ได้ เพราะพื้นที่ใจกลางกรุงเทพล้วนเป็นเป็นย่านธุรกิจ และไม่มีภูเขาใดๆ ตั้งอยู่ ทำให้ผมต้องส่งจิตไปยังเด็กหญิงอดีตโหราทาส
‘จานีสแน่ใจหรือ กรุงเทพไม่มีภูเขานะ และยิ่งใจกลางกรุงเทพก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่’
‘เท่าที่จานีสรู้ เทวะนารีแห่งจักราศีจะพำนักอยู่ที่ศูนย์กลางพลังธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ สำหรับกรุงเทพนั้น มีรูปร่างเหมือนมังกรขดตัว พื้นที่ที่ธิดามังกรฟ้าพำนักอยู่คือตำแหน่งหัวใจมังกรซึ่งตั้งอยู่ใจ กลางกรุงเทพ ถ้าจานีสจำไม่ผิด พื้นที่นั้นเรียกว่าสวนลุมพินี จานีสเคยไปเยือนหนหนึ่งเมื่อคราวไปรับตัวเซี่ยวเล้งมายังจักรราศี ’
ผมถอนใจยาวและแน่ใจว่าข้อมูลที่จานีสรับรู้เป็นข้อมูลที่ผิดพลาด เพราะผมเป็นผู้หนึ่งที่คุ้นเคยกับสวนลุมพินีราวกับบ้านตัวเอง และเคยใช้เป็นที่อาศัยในช่วงที่หนีเข้ามากรุงเทพในอีกชีวิตหนึ่งของผมก่อน ที่จะย้อนเวลากลับมาใช้ชีวิตในปัจจุบัน แต่ก่อนที่ผมจะบ่งบอกความคิดของตนเองออกมา จานีสซึ่งจับจ้องสังเกตอากัปกริยาผมอยู่ตลอดเวลาก็ยิ้มออกมาแล้วส่งจิตเสริม ส่งที่บอกเล่ามา
‘พี่เอ คงคิดว่าจานีสเข้าใจผิด หรือไม่ก็ไม่รู้จักสวนลุมพินี แต่จานีสขอบอกพี่เอว่าสถานที่พำนักของเทวะนารีนั้นไม่ใช่สถานที่ซึ่งมนุษย์ ทั่วไป หรือแม้กระทั่งผู้ทรงปราณระดับสูงจะมองเห็นได้ เพราะทั่วอาณาบริเวณของที่นั้นจะลอยสูงจากพื้นดินหลายสิบเมตรและถูกปิดกั้น ไว้ด้วยภาพลวงที่กำเนิดจากพลังผลึกจักรราศี ปกปิดสภาพแท้จริงเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเข้าไปได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากเทวะนารีผู้เป็น เจ้าของสถานที่ หรือมิฉะนั้นก็ต้องเป็นผู้มีพลังปราณที่เท่าเทียมกัน จึงจะสามารถเห็นสภาพแท้จริงได้’
คำบอกเล่าของจานีสทำให้ผมนิ่งงันไปด้วยความนึกไม่ถึง ส่วนน้องทิพย์ก็อ้าปากค้างชั่วขณะ ก่อนที่จะส่งจิตออกมาอย่างแผ่วเบา
‘หมายความว่าเราไม่มีทางที่จะพบถังฮวงได้ หากถังฮวงได้รับการปกป้องจากธิดามังกรฟ้าใช่ไหมพี่จานีส’
จานีสหยุดคิดชั่วขณะ ก่อนส่งจิตตอบมาอย่างลังเลเล็กน้อย
‘หากเป็นสภาพปกติ ก็คงจะเป็นดังเช่นที่น้องทิพย์คิด แต่เทวะนารีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเทวบัญชาของเทพสุรัสวดีโดยไม่สามารถหลีก เลี่ยงได้ ดังนั้นหากธิดามังกรฟ้ารู้จากถังฮวงว่าน้องทิพย์ซึ่งเป็นบุคคลที่เทพ สุรัสวดีมีบัญชาให้กำจัด ยังคงมีชีวิตอยู่พร้อมกับพี่เอผู้ทรงกาฬปราณ หากพวกเราบุกไป ธิดามังกรฟ้าก็จะต้องเปิดตำหนักออกมาปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างแน่นอน’
‘ปัญหาก็คือเราจะสามารถต้านทานปราณของธิดามังกรฟ้าได้หรือไม่’
จิตน้องทิพย์ส่งเสียงออกมาราวกับจะรำพึงกับตนเอง แต่ก็ทำให้ผมอดหวนคิดไปถึงพลังที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เมื่อธิดามังกรฟ้าโจมตีผมก่อนที่จะตกลงไปในบ่อมังกรเทวะ ซึ่งแม้ปัจจุบันปราณและพลังชีวิตผมจะเพิ่มขึ้นจากการรับวารีนาคราชและผลึก มังกร แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าระดับปราณของผมจะสามารถต่อต้านบุคคลในจักราศี ซึ่งมีพลังเหนือโลกแห่งปราณได้หรือไม่’
‘แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องปะทะธิดามังกรฟ้า เพราะถังฮวงเองก็บอกแล้วว่าเป้าหมายต่อไปของมันคือบ้านคชสีห์ พี่คงไม่อาจปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ ในเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เราก็ยุติมันให้เร็วที่สุดดีกว่า’
ผมตัดสินใจและกำหนดจิตราบเรียบไปยังน้องทิพย์และจานีส เด็กหญิงทั้งสองขยับร่างกายเปล่าเปลือยมากอดผมไว้แน่นคนละข้าง และซบหน้าลงกับแผ่นอกผมพร้อมกัน
‘หากต้องตายพร้อมพี่เอ นั่นคือสิ่งที่ทิพย์ต้องการที่สุดแล้ว’
‘จานีส ก็พร้อมจะอยู่ร่วมกับพี่เอ ไม่ว่าจะเป็นโลกนี้หรือโลกหลังความตาย’
ผมกอดร่างอบอุ่นเนียนนุ่มของทั้งสองไว้แน่น และพยายามผ่อนคลายความเครียดที่กำลังก่อตัวขึ้น
‘เอาล่ะ ตกลงว่าเราจะไปตามล่าถังฮวงที่ธิดามังกรฟ้า แต่ก่อนที่เราจะไปพี่ว่าเราอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดก่อนและหาเสื้อผ้ามาใส่ ก่อนดีไหม ไม่งั้นถ้าเราไปท้าสู้กับธิดามังกรฟ้าในสภาพนี้ นางอาจตกใจจนหนีไปก่อนก็ได้’
น้องทิพย์และจานีสก้มหน้าสำรวจร่างกายเปล่าเปลือยของตัวเองที่เต็มไปด้วย ฝุ่นละอองคราบสกปรกจากการต่อสู้ที่ผ่านมา แล้วหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกัน
‘จริงด้วย ทั้งทิพย์และพี่จานีสเลอะไปหมดเลย แต่คนที่ทำให้เลอะมากที่สุดก็พี่เอนี่แหละ เย็ดพวกเราไม่ยอมหยุดจนหีเปียกไปหมดแล้ว’
ผมหัวเราะออกมากับจิตที่น้องทิพย์ส่งมา สองมือเอื้อมไปประกบเนินรักที่ยังคงเปียกชุ่มของเด็กหญิงทั้งสองไว้พร้อมกัน จนทำให้เจ้าของเนินนูนทั้งสองสะดุ้งไปกับการบีบเคล้น แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านหรือพยายามจับมือผมออกแต่อย่างใด
‘อย่างนั้น พี่ว่า น้องทิพย์กับจานีสไปอาบน้ำล้างตัวในห้องน้ำพร้อมกันกับพี่ดีไหม’
จานีสยิ้มอายๆ ขณะที่ลมหายใจเริ่มสะดุดเล็กน้อยเมื่อนิ้วผมเริ่มแทรกผ่านเข้าไปในร่องรักอบอุ่นเบาๆ
‘สงสัยว่าพี่เอจะทำให้จานีสเลอะเทอะขึ้นอีกมากว่า…’
‘พี่จานีสไม่ต้องสงสัยหรอก ลองพี่เอเริ่ม ยะ ยะ แหย่หีแบบนี้…พี่จานีส.. กับ..ทะ..ทิพย์ คง..คง..ดะ ดะ โดนเย็ดแน่..อื๋ยส์..’
——————————————–
“พี่แน่ใจหรือครับว่าจะไปสวนลุมพินีตอนตีสองแบบนี้..”
ชายหนุ่มผู้ขับแท็กซี่หันมาถามผมซึ่งนั่งอยู่ที่กลางเบาะหลัง โดยมีน้องทิพย์และจานีส นั่งขนาบข้าง ศีรษะเด็กหญิงทั้งสองเอนมาพิงผมและกุมมือผมไว้คนละด้าน แววตาของคนขับแท็กซี่ฉายแววสงสัย ซึ่งผมเองก็ข้าใจดีว่าหากผมเป็นฝ่ายพบเห็นชายที่มีเด็กหญิงวัยรุ่นซึ่งงด งามอย่างน่าตื่นตะลึงสองคนขนาบข้างในลักษณะสนิทสนมกันแบบนี้ ผมเองก็คงคิดว่าจุดหมายปลายทางน่าจะเป็นโรงแรมม่านรูดที่ไหนสักแห่ง แทนที่จะเป็นสวนสาธารณะที่ปราศจากผู้คนในยามตีสองแบบนี้
“ขับไปเถอะ ผมจะพักผ่อน”
ผมส่งเสียงตัดบทคนขับแท็กซี่ห้วนๆ เพื่อมิให้กวนใจผมอีก เพราะแม้ภาพที่คนขับเห็นจะดูเหมือนว่าผมไม่ได้สนทนากับเด็กหญิงทั้งสอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว จิตของผม จานีส และน้องทิพย์กำลังสนทนากันตลอดเวลา
หลังการร่วมรักอีกครั้งในอ่างอาบน้ำใหญ่ของห้องนอน ผมพาเด็กหญิงทั้งสองออกมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ โดยให้น้องทิพย์และจานีสใช้เสื้อผ้าของน้องรินน้องกิฟท์ ที่ยังทิ้งไว้ในบ้าน ก่อนที่จะออกมาจากบ้านเพื่อเรียกแท็กซี่มายังสวนลุมพินีตามการเสนอแนะของ น้องทิพย์ที่เห็นว่าหากมีการใช้ปราณเหินบินก็อาจจะเป็นการกระตุ้นให้ธิดา มังกรฟ้ารู้ตัว ก่อนที่ผมจะสามารถสำรวจพื้นทีทั้งหมดได้
‘พี่เอ…ก่อนที่จะไปถึง จานีสอยากบอกให้พี่เอรู้ก่อนว่าพลังมังกรวิบัติของธิดามังกรฟ้านั้น เป็นพลังที่ไม่สามารถต้านทานโดยตรงได้ และยิ่งไม่สามารถปะทะด้วยพลังปราณ เพราะมันเป็นพลังที่เป็นเส้นสายคล้ายนาคบาศของน้องทิพย์ แต่เป็นแนวทางที่ร้อนและแข็งกร้าว มุ่งทะลวงปราณป้องกันตัวทุกรูปแบบได้ และหากเป็นผู้ที่ปราณต่ำกว่าร่างก็จะทะลุเป็นช่องโพรงนับพัน ถ้าพี่เอไม่มั่นใจว่าจะต้านทานได้พี่เอต้องใช้วิธีโจมตีฉาบฉวยอย่าเสี่ยงกับ การปะทะเป็นอันขาดนะ..’
จานีสส่งจิตเตือนผมด้วยความกังวล และทำให้ภาพการโจมตีของธิดามังกรฟ้าปรากฏขึ้นมาในสมองผมทันที ผมรู้ดีว่าคำเตือนของจานีสมิได้เกินความจริงแม้แต่น้อย เพราะในการปะทะครั้งนั้น จิตผมก็ได้รับรู้ถึงความแหลมคมรุนแรงของพลังปราณมังกรวิบัติ ที่ทะลุทะลวงผ่านกาฬปราณของผมราวกับโลหะหลอมเหลวที่พุ่งผ่านขี้ผึ้ง และการปะทะเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ปราณในร่างผมแทบแตกสลายจนเกือบไม่สามารถ ฟื้นฟูได้ หากไม่มีพลังธรรมชาติในร่างน้องทิพย์หนุนเสริมมาให้ ผมก็คงทอดร่างเป็นศพไปตั้งแต่การปะทะครั้งแรกแล้ว
‘พี่จานีส หากพี่เอมีเกราะปราณเช่นเกราะมังกรวารีคุ้มครองร่างอยู่ล่ะ จะป้องกันพลังมังกรวิบัติได้ไหม’
น้องทิพย์ส่งจิตถามจานีสอย่างแผ่วเบา พร้อมกุมมือผมไว้แน่นขณะที่จานีสตอบกลับมา
‘น้องทิพย์ เกราะปราณสามารถต้านทานการโจมตีของปราณทุกชนิดก็จริง แต่เป็นเกราะที่กำเนิดจากปราณของสตรีเท่านั้น บุรุษไม่สามารถก่อเกิดเกราะปราณได้ นอกจากนี้เกราะปราณสามารถป้องกันมิให้พลังทำลายแทรกเข้าสู่อวัยวะภายในก็ จริงอยู่ แต่หากปราณในร่างของคู่ต่อสู้มีความเข้มแข็งต่างกันมาก เกราะปราณก็ไม่สามารถป้องกันได้ แม้น้องทิพย์จะมีพลังปราณถึงระดับก่อเกราะปราณอันเป็นขอบเขตเริ่มต้นของ เหล่าเทวะนารีแห่งจักรราศี แต่พลังของธิดามังกรฟ้านั้นรุนแรงนัก จนแม้แต่มิถุกานารีแห่งจักรราศีเมถุนยังเคยถูกนางทำลายเกราะปราณจนแตกร้าว เมื่อครั้งที่นางถูกมิถุกานารีลวนลามร่างกาย’
คำอธิบายของจานีสประโยคสุดท้ายทำให้ผมแปลกใจจนอดแทรกจิตถามไม่ได้
‘จานีส เทวะนารีล้วนเป็นสตรีมิใช่หรือ เหตุใดจึงมีการลวนลามกัน’
‘พี่เอ เข้าใจถูกแล้ว เทวะนารีทั้งหมดเป็นสตรี แต่มีเพียงมิถุกานารีเท่านั้นที่ไม่ใช่สตรีพรหมจรรย์ เพราะการก่อปราณราหูของนางต้องผ่านการร่วมรักดูดเชื้อพลังปราณและพลังชีวิต จากบุรุษ เมื่อนางเข้าสู่จักราศีจึงทำให้นางชิงชังบุรุษ ในขณะที่ร่างกายของนางกลับโหยหาเพศรส นางจึงระบายด้วยการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับศิษย์สตรีในตระกูลโรหินี และมีครั้งหนึ่งที่นางหลงใหลความงามของธิดามังกรฟ้าและพยายามเข้าเล้าโลมจน ทำให้ธิดามังกรฟ้าโกรธเคืองและใช้พลังมังกรวิบัติกับนาง..’
‘พี่จานีส อย่างนี้ก็หมายความว่าเทวะนารีก็มีบางส่วนที่ไม่ลงรอยกันใช่ไหม’
น้องทิพย์ที่ฟังการสนทนาทางจิตอย่างเงียบๆ แทรกจิตเข้ามาด้วยการตั้งข้อสังเกต ทำให้ผมอดชื่นชมการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเฉียบคมของน้องทิพย์ไม่ได้
‘ในภาพรวมแล้ว เทวะนารีทั้ง 12 ล้วนอยู่ใต้บัญชาแห่งเทพสุรัสวดี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ในความเป็นจริง เทวะนารีแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่ปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการของเทพสุรัสวดีอย่างไม่มีเงื่อนไขและ พยายามแย่งชิงบทบาทในการนำเทวะนารี กับฝ่ายที่ตั้งข้อสงสัยถึงจุดมุ่งหมายของคำสั่งและกล้าที่จะถามจนบางครั้งทำ ให้เทพสุรัสวดีไม่พอใจ ทำให้ในช่วงหลังๆ การกำหนดหน้าที่ของเทพสุรัสวดีจะมอบหมายให้กลุ่มแรกที่เชื่อฟังโดยปราศจาก เงื่อนไขเป็นผู้กระทำมากกว่ากลุ่มหลัง ซึ่งยิ่งตอกย้ำความแตกแยกให้ขยายตัวมากขึ้นทุกที’
คำอธิบายของจานีส ทำให้ผมเริ่มมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อยในการต่อสู้กับจักรราศี เพราะมันหมายความว่าในกลุ่มเทวะนารีทั้ง 12 ยังคงมีบางส่วนที่อีกฝ่ายหนึ่งที่วางตัวเป็นกลางและอาจทำให้ผมมีโอกาสมาก ขึ้นแม้จะยังคงดูเลือนรางก็ตาม
‘พี่จานีส แล้วธิดามังกรฟ้านี่อยู่ฝ่ายไหนล่ะ ทิพย์คิดว่านางต้องอยู่ฝ่ายที่ปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างแน่ๆ เลย ดูจากพฤติการณ์ของตำหนักมังกรฟ้าก็รู้แล้ว’
จานีสเงยหน้าขึ้นจากที่ซบไหล่ผม เพื่อสบตาน้องทิพย์ แล้วสั่นหน้าเบาๆ
‘น้องทิพย์เข้าใจผิดแล้ว แม้เซียวเล้งจะกำเนิดในสำนักมังกรฟ้าที่แอบอ้างฝ่ายแสงสว่างก่อกรรมแก่ มนุษย์ นางมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับพฤติการณ์ของบิดาแม้แต่น้อย เนื่องจากนางไม่เคยรู้จักถังฮวงจนกระทั่งเมื่อก่อนที่นางจะถูกเลือกเข้าสู่ จักราศีเพียงสามเดือน ก่อนหน้านี้นางเป็นเพียงเด็กหญิงธรรมดาที่อยู่กับมารดาที่ร้านค้าในย่านการ ค้าสำเพ็ง และใช้ชีวิตปกติของเด็กนักเรียนหญิงทั่วไป เนื่องจากถังฮวงไม่เคยรู้ว่ามารดาของนางซึ่งเคยถูกถังฮวงใช้อำนาจฉุดคร่าตัว ไประบายความใคร่ ได้ตั้งครรภ์เซียวเล้ง และนางเองก็ไม่เคยเปิดเผยให้ผู้ใดรู้ กล่าวไปแล้วนี่เป็นความผิดของจานีสเอง ที่ใช้วิชาเนตรจักวาลตรวจพบเซียวเล้งนางในทันทีที่นางมีประจำเดือนเป็นครั้ง แรก และแจ้งต่อเทพสุรัสวดีให้นำตัวนางมารับหน้าที่ธิดามังกรฟ้าแห่งจักราศี’
‘แต่นางต้องการฆ่าทิพย์กับพี่เอนะ นางจะเป็นคนดีได้อย่างไรกัน’
น้องทิพย์ส่งจิตแย้งจานีสราวกับจะประท้วงทัศนคติที่จานีสมีต่อธิดามังกรฟ้า
‘นั่นเป็นสิ่งที่นางไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ธรรมชาติของเซียวเล้งโดยกำเนิดนั้นเป็นเด็กหญิงที่อ่อนหวาน ไม่ต้องการอำนาจใดๆ แต่เมื่อนางเข้าสู่จักราศีและได้รับหน้าที่ นางก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งแม้จะฝืนต่อความต้องการของนางเอง แต่จานีสรับรองว่าเซียวเล้งเป็นเด็กหญิงที่มีจิตใจงดงาม หาใช่คนที่ต้องการใช้อำนาจปราณที่ไร้ผู้ต่อต้านทำร้ายผู้อื่นไม่’
‘แล้วทำไมจานีสถึงรู้จักตัวตนของนางลึกซึ้งแบบนี้ล่ะ’
ผมส่งจิตถามจานีส ด้วยความสงสัยที่คำบอกเล่าของจานีสดูจะบ่งชี้ว่าจะมีความสัมพันธ์พิเศษกับ ธิดามังกรฟ้า จานีสหันกลับมากอดเอวผมไว้แน่นและส่งจิตตอบอย่างลังเลเล็กน้อย
‘พี่เออย่าเพิ่งเข้าใจจานีสผิดไป จานีสได้รับรู้เรื่องราวของเซียวเล้งในห้วงที่จานีสไปรับตัวนางมายังแชง กรีล่า ครั้งนั้นนางเป็นเพียงเด็กหญิงที่ตื่นตระหนกกับความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะก่อนที่จะมานางยังเคยถูกพี่ชายของนางเองพยายามข่มขืน และถ้าจานีสคาดไม่ผิดความงามของนางก็น่าจะกระตุ้นให้ถังฮวงผู้เป็นบิดาเกิด ความต้องการเช่นกัน เพียงแต่พวกมันทั้งสองไม่มีโอกาสที่จะทำสำเร็จเท่านั้น’
ควาทรงจำของผมปรากฏภาพใบหน้างดงามของหญิงสาวเชื้อสายจีนที่ไร้ตำหนิใดๆ และเรือนกายเพรียวงามที่ห่อหุ้มด้วยเกราะมังกรซึ่งเปิดเผยผิวกายขาวผ่อง เปล่งประกายของธิดามังกรฟ้าแทบทั้งหมด แม้จะอยู่ในระหว่างการต่อสู้ผมเองก็ต้องยอมรับว่านั่นเป็นความงามอันยากที่ บุรุษใดจะจะต้านทาน และการที่ถังฮวงจะบังเกิดราคะจริตต่อบุตรีตนเองที่เพิ่งพบหน้า ก็เป็นสิ่งเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ผมสูดหายใจลึกพยายามสลัดภาพใบหน้าและเรือนร่างกึ่งเปลือยของธิดามังกรฟ้าออก จากสมอง เพื่อตั้งใจรับฟังจานีสต่อไป
‘นางเข้ามาหาจานีสที่หอตำราของแชงกรีล่าเป็นประจำและเล่าทุกอย่างให้จานีส ฟังเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ แต่หลังจากนางได้รับปราณจากผลึกมังกรแห่งจักรราศี นิสัยใจคอของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นก้าวร้าวขึ้น และค่อยๆ แยกตัวออกจากจานีส จนในที่สุดนางเองเป็นผู้ที่ส่งจานีสลงไปในบ่อมังกรเทวะจนต้องเผชิญกับเพลิง มังกรที่แสนทรมานชั่วกัปกัลป์’
จิตของอดีตโหราทาสที่กลับคืนชีวิตมาเป็นเด็กหญิงผู้มอบร่างกายและชีวิตทั้ง หมดให้ผมสั่นน้อยๆ เมื่อเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้โหราทาสสูญสิ้นชีวิตไป ผมกระชับร่างน้อยแนบตัวให้แน่นขึ้น ก่อนส่งจิตปลอบจานีสเบาๆ
‘พี่เข้าใจแล้ว จานีสจงลืมอดีตทั้งหมดเสียนะ และจงจำไว้แต่เพียงว่าจานีสได้ถือกำเนิดในร่างใหม่ มีชีวิตใหม่แล้ว ความทรงจำที่มีอยู่ในอดีตนั้น เปรียบเสมือนเป็นการระลึกชาติได้เท่านั้น จานีสไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับความเลวร้ายที่จักรราศีก่ออีกต่อไป …เข้าใจไหม..’
‘จานีสเข้าใจ..จานีสจะลืมทุกสิ่งและมอบชีวิตรับใช้พี่เอเท่านั้น’
‘พี่จานีสลืมไปอีกอย่างหนึ่ง…นอกจากรับใช้แล้วพี่จานีสยังต้องให้พี่เอ “รักษาบาดเจ็บ” ด้วยนะ..’
น้องทิพย์ส่งจิตมาเพื่อเย้าแหย่ให้จานีสผ่อนคลายด้วยการกระตุ้นให้นึกถึงการ ร่วมรักที่ผ่านมาเมื่อครู่ ทำให้จานีสหน้าแดงฉานและเอื้อมมือไปตีแขนน้องทิพย์เบาๆ
‘บ้า..ทิพย์เนี่ย…แล้วใครกันล่ะที่ร้องขอให้พี่เอเย็ดท่าหันหลังในอ่างน้ำเมื่อกี้ล่ะ…’
‘พี่จานีสก็ชอบท่านี้ไม่ใช่หรือ…ไม่งั้นจะมาคุกเข่าคู่กับทิพย์ทำไม..’
‘ก็..ก็ ..มันเสียวนี่นา…ทิพย์เนี่ย…จานีสอายนะ…’
จิตที่ส่งเสียงกระเซ้าเย้าแหย่กันด้วยความสนิทสนมของเด็กหญิงผู้เป็นเมียผม ทั้งสอง และท่าทางของจานีสที่เริ่มแยกตัวออกจากตัวตนของโหราทาสในอดีต มาเป็นเด็กหญิงที่ถือกำเนิดใหม่อย่างรวดเร็ว ทำให้ผมยอดยิ้มออกมาไม่ได้ แม้จิตส่วนหนึ่งจะรู้ดีว่าผมกำลังจะเข้าไปสู้การต่อสู้กับศัตรูที่เข้มแข็ง ที่สุดในชีวิต
“ถึงแล้ว..พี่จะลงตรงไหนครับ”
เสียงคนขับแท็กซี่ร้องบอกเมื่อขับพาหนะมาถึงถนนหน้าสวนลุมพินี ปลุกผมให้หันกลับไปให้ความสนใจกับสภาพเบื้องหน้า
“ขับไปช้าๆ รอบหนึ่งก่อนนะ…เดี๋ยวจะเพิ่มเงินให้”
คนขับรถขานรับเบาๆ แล้วบังคับให้รถเคลื่อนที่ไปรอบรั้วเหล็กโปร่งของสวนลุมพินีตามคำสั่งด้วย ความเร็วที่ผมสามารถเห็นภาพภายนอกอย่างชัดเจน แต่ภาพที่ปรากฏเป็นเพียงสวนลุมพินีที่มืดสนิทยามค่ำคืน ปราศจากความเคลื่อนไหวหรืออาคารใดๆ ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
‘พี่เอ..ผนึกปราณรวมศูนย์ที่จักรพสุธา ส่งมาที่ดวงตานะ…เห็นอะไรบ้างไหม’
จิตจานีสที่ส่งมา ทำให้ผมรีบปฏิบัติตามด้วยกากำหนดปราณมาที่จักรพสุธาบริเวณศีรษะ ซึ่งเป็นตำแหน่งเริ่มต้นของการกระจายปราณทั่วไป แต่แทนที่จะส่งผ่านลงไปตามเส้นเลือดตามปกติ ผมกลับหลับตาลงผนึกปราณรวมศูนย์ที่ประสาทรับภาพที่ดวงตาทั้งสองข้าง ก่อนเปิดตาทั้งสองขึ้นจับจ้องไปยังภาพสวนลุมพินีเบื้องหน้า
‘นะ นั่น อะไรกัน…ทำไมถึงใหญ่โตขนาดนี้…’
จิตน้องทิพย์ที่ปฏิบัติตามคำชี้แนะของจานีสพร้อมผม อุทานลั่นออกมาเมื่อพบภาพของสิ่งที่ขัดแย้งกับกฏเกณฑ์ธรรมชาติทุกข้อที่ มนุษย์รู้จัก ซึ่งแม้แต่ผมเองก็ยังอดตกตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าไม่ได้
ท่ามกลางความมืดสนิทของราตรียามใกล้รุ่ง สวนลุมพินีอยู่ในความสงบ แต่บนท้องฟ้าเหนือขึ้นไปปรากฏภูเขาขนาดย่อมที่มีอาคารหลังมหึมากินเนื้อที่ ไม่ต่ำกว่า 2 ไร่ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอด ภูเขาทั้งลูกลอยอยู่เหนือสระน้ำที่เป็นศูนย์กลางของสวนลุมพินี ตัวอาคารที่สูงกว่า 40 เมตรเปล่งประกายสว่างเรืองรอง เผยให้เห็นรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ของมังกรทะยานสองตัวที่ช่องว่างด้านหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่น่าจะเป็นประตูใหญ่ของอาคาร ที่ส่วนบนสุดมีหอคอยสูงตระหง่านที่ส่วนบนสุดประดับลูกแก้วกลมส่งประกายเจิด จ้าเป็นต้นกำเนิดของแสงที่อาบปกคลุมอาคารทั้งหมดไว้
‘พี่เอ..น้องทิพย์ เห็นนิวาศมังกรของธิดามังกรฟ้าหรือเปล่า..’
จานีสส่งจิตถามมาอย่างร้อนรน บอกให้รู้ว่าเด็กหญิงผู้ไร้ปราณและไม่สามารถเห็นในสิ่งที่ถูกอำนาจเหนือ ธรรมชาติปกป้องจากสายตานี้ กำลังกังวลว่าผมจะเห็นอาคารที่เรียกว่านิวาศมังกรหรือไม่ เพราะหากผมมองไม่เห็นก็หมายความว่าพลังปราณในร่างผมยังห่างไกลจากเทวะนารีจน ไม่มีทางที่จะต่อสู้ด้วยได้
‘ถ้าจานีสหมายถึงอาคารที่ลอยอยู่เหนือสระน้ำ และมียอดเป็นหอคอยประดับลูกกลมแก้วส่งแสงสว่างละก็ ใช่แล้วพี่เห็นทั้งหมดชัดเจน’
‘พี่จานีส ทิพย์ก็เห็นนะ แต่ทำไมอาคารที่ทิพย์เห็นเป็นเพียงอาคารมืดสนิท ไม่เห็นมีลูกลมแก้วส่งแสงเหมือนที่พี่เอบอกเลย’
ผมและน้องทิพย์ส่งจิตบอกสภาพของอาคารที่มองเห็นให้จานีสรับรู้ พร้อมกับความประหลาดใจที่รับรู้ว่าภาพซึ่งผมและน้องทิพย์มองเห็นดูจะแตกต่าง กันเล็กน้อย
‘พี่เอ บอกให้คนขับรถจอดที่นี่เลย’
ผมพยักหน้ารับคำแนะนำของจานีสแล้วสั่งให้คนขับรถแท็กซี่หยุดรถ ก่อนก้าวลงพร้อมเด็กหญิงทั้งสอง โดยไม่สนใจสายตาที่แสดงความประหลาดใจของคนขับแท็กซี่ที่เร่งเครื่องรถจากไป อย่างรวดเร็ว จานีสก้าวมายืนเคียงข้างผมแล้วกุมมือไว้แน่น ก่อนส่งจิตที่แสดงความโล่งใจอย่างชัดแจ้ง
‘จานีสดีใจที่สุดที่พี่เอเห็นนิวาศมังกรทั้งหมดตามที่มันเป็น เพราะมันแสดงให้เห็นว่าปราณของพี่เออยู่ในระดับทัดเทียมกับเทวะนารีแห่งจัก ราศี ส่วนน้องทิพย์ที่มองไม่เห็นดวงแก้วปฏิสารที่ยอดหอคอย แสดงว่าปราณของน้องทิพย์ยังไม่เข้มแข็งเท่าพี่เอ แต่ก็ยังอยู่ในระดับเหนือกว่าผู้ทรงปราณส่วนใหญ่ในโลกนี้ เพราะเท่าที่จานีสรู้ ผู้ทรงปราณที่เป็นมนุษย์ธรรมดามองเห็นที่พำนักของเทวะนารีไม่เกิน 20 คนเท่านั้น น้องทิพย์จงรู้ไว้เถอะว่าด้วยปราณที่พี่เอถ่ายทอดให้และพลังชีวิตจากผลึก มังกร ทำให้น้องทิพย์เป็นผู้ทรงปราณที่เหนือกว่าผู้นำสำนักปราณแทบทุกแห่งในโลกนี้ แล้ว’
‘ทิพย์ขอแต่เพียงมีส่วนช่วยพี่เอได้เท่านั้น ทิพย์ก็พอใจแล้ว’
น้องทิพย์ส่งจิตมายังผมอย่างแผ่วเบาแต่แฝงความแน่วแน่ไว้เต็มเปี่ยม ผมยิ้มให้เด็กหญิงทั้งสองก่อนกุมมือจานีสแล้วโคจรพลังดีดตัวเหินขึ้นจากพื้น พาจานีสข้ามกำแพงรั้วเข้าไปในสวนลุมพินีพร้อมน้องทิพย์ มุ่งหน้าไปยังใต้นิวาศมังกรที่ลอยตัวอยู่เหนือศีรษะ
“เราไกรวิทย์แห่งตระกูลคชสีห์ ขอน้อมพบท่านเทวะนารีแห่งจักรราศีมังกร”
ผมเปล่งเสียงที่แฝงพลังปราณกระจายขึ้นไปยังนิวาศมังกรเบื้องบน ชั่วครูหนึ่งที่ดูเหมือนทุกสิ่งยังคงสงบเงียบ แต่แล้วกลับปรากฏลำแสงสว่างทรงกลมที่ใต้พื้นนิวาศมังกร ส่องตรงลงมาที่ผม พร้อมกับวัตถุทรงกลมแบนรูปจานขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางวาเศษ 3 อันอยลงมาช้าๆ แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าผม น้องทิพย์ และจานีส ก่อนที่เสียงหวานใสกังวานจะดังขึ้นในจิตของผม
‘ยากนักที่จะมีแขกผู้ทรงปราณมาเยือนที่พักอันต่ำต้อยของเซี่ยวเล้ง ถึงแม้ท่านจะมาอย่างศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ แต่เซี่ยวเล้งก็ขอน้อมเรียนเชิญท่านทั้งสามขึ้นมาพบปะสนทนากันในฐานะผู้มา เยือนกับเจ้าของบ้าน แม้เราจะต้องต่อสู้กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ขอให้เซี่ยวเล้งได้มีโอกาสต้อนรับพวกท่านอย่างสมเกียรติก่อนเถอะ..’
กระแสจิตที่ปราศจากท่าทีเป็นศัตรูของธิดามังกรฟ้า และการใช้ชื่อตนเองในการสนทนาแทนที่จะเป็นการใช้สรรพนามทั่วไป ทำให้ผมงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ทราบดีว่านี่เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าระหว่างผมกับธิดามังกรฟ้า จะมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ ผมพยักหน้าให้จานีสและน้องทิพย์ก้าวขึ้นไปยืนบนแผ่นกลม ที่ยกตัวสูงขึ้นทันทีที่ทั้งสองเยียบลงบนพื้นผิว ก่อนลอยเฉียงผ่านใต้อาคารขึ้นไปยังประตูใหญ่ด้านบนที่ประดับด้วยรูปสลัก มังกรทะยานทั้งสองด้าน แผ่นกลมลอยผ่านประตูบานใหญ่สลักลวดลายที่เปิดรับในทันที แล้วเคลื่อนเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ที่ประดับผนังทุกด้านด้วยรูปภาพมังกรฟ้ากำลัง ต่อสู้กับศัตรูเผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่จบลงด้วยชัยชนะของมังกร รอบข้างถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนแกะสลักเป็นลวดลายศิลปะจีนที่เพียงมองแว่บ เดียวผมก็รู้ว่าทุกสิ่งล้วนเป็นของโบราณที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ใน ปัจจุบัน
แผ่นกลมลอยมาหยุดที่กึ่งกลางห้องโถงใหญ่แล้วลดตัวลงแนบสนิทกับพื้นหินที่แวว วับราวกระจก ผม จานีสและน้องทิพย์ก้าวออกจากแผ่นกลมพร้อมกัน และในทันทีแผ่นกลมทั้งหมดก็กลับลอยขึ้นและเคลื่อนที่กลับอกไปทางประตูใหญ่ ที่ปิดตัวเองลงอย่างช้าๆ หลังแผ่นกลมลอยผ่านออกไป และผมก็รู้ดีว่าประตูบานนี้จะเปิดออกอีกครั้งก็ต่อเมื่อการต่อสู้ยุติลงเท่า นั้น
‘ตอนนี้ดึกมากแล้ว เซี่ยวเล้งขออนุญาตท่านทั้งสามไม่ออกไปต้อนรับในห้องโถงรับแขก แต่ขอเชิญทุกท่านมารับน้ำชาที่ห้องของเซี่ยวเล้งแทน ห้องของเซี่ยวเล้งอยู่บนชั้นสองที่หน้ามุขของนิวาศมังกรแห่งนี้ รบกวนให้ทุกท่านขึ้นมาทางบันไดทางขวาแล้วตรงมา เซี่ยวเล้งจะน้อมรอทุกท่าน..’
จิตของธิดามังกรฟ้าดังขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดีราวกับกำลังต้องรับเพื่อนสนิท ที่จากกันมานาน แทนที่จะเป็นศัตรูที่มุ่งมาพิสูจน์ความเป็นตาย ผมถอนใจแล้วพยักหน้าให้น้องทิพย์กับจานีสเดินขึ้นบันไดเวียนด้านขวาที่กว้าง พอที่จะให้คนเดินเรียงแถงหน้ากระดานสิบคนพร้อมๆ กัน ขึ้นไปยังตำแหน่งหน้ามุขของอาคารที่ธิดามังกรฟ้าบ่งบอก ก่อนที่จะมาหยุดอยู่หน้าประตูโลหะสีทองขนาดใหญ่ จารึกลวดลายเป็นอักขระโบราณที่แม้แต่ผมซึ่งเชี่ยวชาญภาษาเก่าแก่ของผู้ทรง ปราณก็ไม่สามารถอ่านได้แม้แต่ตัวเดียว ประตูหนาหนักค่อยเปิดอ้าออกโดยไร้เสียงเป็นช่องทางให้ผม น้องทิพย์และจานีสก้าวเข้าไปพร้อมกัน เพื่อเผชิญหน้ากับหนึ่งในเทวะนารีที่ปราศจากผู้ต่อต้าน
‘เอ๊ะ…’
น้องทิพย์อุทานออกมาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อภาพห้องของธิดามังกรฟ้าปรากฏให้เห็นตรงหน้า
ภาพห้องวงกลมขนาดของหน้ามุขนิวาศมังกรซึ่งเป็นที่พำนักของธิดามังกรฟ้าปรากฏ อยู่ตรงหน้าผม และทำให้ผมเองก็อดตะลึงงันไปกับสิ่งที่เห็นไม่ได้เช่นกัน เพราะทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการตกแต่งในห้องโถง ชั้นล่างและภายนอกที่อลังการราวท้องพระโรงของกษัตริย์ แต่ในห้องที่เป็นสถานที่ส่วนตัวของธิดามังกรฟ้าผู้เป็นเจ้าของ กลับปราศจากการตกแต่งด้วยวัตถุหรูหราชั้นเลิศ ด้านซ้ายของห้องมีเพียงเตียงนอนขนาดเล็กที่ปูด้วยที่นอนนุ่นคลุมผ้าปูที่นอน ลายดอกเก่าๆ ที่สีซีดจางไปจนแทบจำสีเดิมไม่ได้ ในขณะที่ด้านขวาปรากฏร่างเด็กสาวในชุดเสื้อยืดหลวมๆ ที่ยาวลงมาปิดคลุมสะโพกเอาไว้ เผยให้เห็นเรียวขาขาวสะอาด กำลังหันหลังให้ เพื่อรินน้ำชาจากกาอลูมิเนียมกระดำกระด่างลงในถ้วยชากระเบื้องสีขาวใบเล็กๆ พร้อมกับส่งเสียงทางจิตที่มีสำเนียงร่าเริงต่อผู้มาเยือนทุกคน
‘เชิญทุกท่านนั่งที่เก้าอี้ตามสบายก่อน..เดี๋ยวเซี่ยงเล้งจะเอาชาไปรับรอง ทุกท่าน แต่เสียดายจริงๆ ที่มากันกะทันหันแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเซี่ยวเล้งคงมีเวลาเตรียมของว่างให้ทานกับน้ำชาได้บ้าง…’
ผมหันไปสบตาน้องทิพย์และจานีสอย่างงุนงงกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า จนแทบไม่เชื่อว่าร่างเด็กสาวที่หันหลังให้อยู่ในขณะนี้คือหนึ่งในเทวะนารี แห่งจักราศี หากแต่ดูเหมือนจะเป็นเด็กสาวธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปบนท้องถนน และอากัปกริยาที่แสดงออกก็ดูราวกับว่าเด็กสาวกำลงดีใจที่มีเพื่อนมาเยี่ยม เยือนบ้าน แทนที่จะเป็นการบุกเข้ามาแลกชีวิตกันในความเป็นจริง
ร่างเด็กสาวหันกลับมาพร้อมกับถาดน้ำชาร้อนกรุ่น ก่อนส่งจิตแฝงสำเนียงเร่งเร้าเมื่อเห็นผม น้องทิพย์ และจานีส ยังคงยืนงงงันอยู่ที่หน้าประตู
‘เอ้า…ทำไมไม่มานั่งล่ะ ยืนอยู่แบบนี้เซี่ยวเล้งน้อยใจนะ…’
ผมก้าวเท้าเดินมาทรุดลงที่เก้าอี้ไม้เก่าๆ ที่ตั้งล้อมโต๊ะทรงกลมอยู่กลางห้องอย่างลืมตัวพร้อมกับน้องทิพย์และจานีส ขณะที่ธิดามังกรฟ้าเดินตรงเข้ามาหาอย่างร่าเริงและก้มลงหยิบถ้วยน้ำชามาวาง ตรงหน้าทุกคน
‘ชาอาจจะเก่าไปหน่อย แต่เซี่ยวเล้งรับรองว่านี่เป็นชากระปุกเดียวที่ยังหลงเหลือของชาจักรพรรดิ์ ที่เก็บจากต้นชาโดดเดี่ยวในหุบเขาจันทรา ในโลกนี้คงมีเพียงพวกท่านที่ได้มีโอกาสลิ้มรส เพราะต้นชาต้นเดียวที่ให้กำเนิดใบชานี้สูญสิ้นไปตั้งแต่สองร้อยปีก่อน แล้ว..’
ร่างเด็กสาววัยไม่เกิน 17 ตรงหน้าผมส่งจิตมาพร้อมกับบรรยายสรรพคุณของใบชา ก่อนทรุดตัวลงนั่งร่วมโต๊ะกับผม จานีส และน้องทิพย์ โดยปราศจากร่องรอยใดๆ ของการรวมปราณเพื่อป้องกันตนเองแม้แต่น้อย ขณะที่ผมจับจ้องใบหน้ารูปไข่ที่เพิ่งเห็นอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกหลังจาก การเผชิญหน้าครั้งสั้นๆ ที่ตำหนักมังกรฟ้า และต้องนิ่งงันไปกับความงามที่สามารถสะกดบุรุษทุกคนที่ได้พบ ผมประสานสายตากับดวงตายาวเรียวสุกใสบนวงหน้าเรียวรูปไข่ ที่ประดับด้วยลักยิ้มที่ข้างพวงแก้มและเขี้ยวซี่เล็กๆ ยิ่งทำให้เป็นใบหน้าที่ผสมผสานระหว่างความงามกับความน่ารักน่าทะนุถนอมอย่าง ลงตัว แต่ก่อนที่ผมจะส่งจิตสนทนาใดๆ จิตของธิดามังกรฟ้าก็ดังขึ้นอีกครั้งด้วยนำเสียงแง่งอนราวเด็กสาวแรกรุ่น
‘มัวแต่จ้องหน้าเซี่ยวเล้งแบบนี้ เดี๋ยวชาเย็นหมดพอดี…รีบดื่มเสียเถอะ แล้วท่านไกรวิทย์ก็แนะนำน้องสาวน่ารักทั้งสองนี้ให้เซี่ยวเล้งรู้จักหน่อย นะ..’
ผมสูดหายใจลึกยาวพร้อมโคจรปราณป้องกันร่างขึ้น ก่อนส่งจิตตอบธิดามังกรฟ้าเบื้องหน้าอย่างช้าๆ
‘เราคือไกรวิทย์แห่งตระกูลคชสีห์ สตรีทางซ้ายเราคือทิพย์วารี ส่วนทางขวาคือจานีส ทั้งสองนางคือภรรยาเรา พวกเราทั้งสามมาวันนี้เพื่อขอให้ท่านเทวะนารีอนุญาตให้พวกเราชำระความแค้น กับถังฮวง ผู้เป็นบิดาท่าน…ถ้าหาก…’
‘โอย…ท่านไกรวิทย์ หยุดผนึกปราณไว้ก่อนเถอะ ห้องของเซี่ยวเล้งนี้ไม่มีฐานะผู้ทรงปราณหรือเทวะนารีอะไรทั้งนั้น ที่นี่เป็นสถานที่เดียวที่เซี่ยวเล้งจะใช้ชีวิตแบบสามัญชนธรรมดา และพวกท่านเป็นแขกกลุ่มแรกที่เซี่ยวเล้งมีโอกาสต้อนรับ นึกว่าเห็นแก่เซี่ยวเล้งเถอะนะ ขอให้ปล่อยวางบุญคุณความแค้นทุกอย่างไว้นอกห้องก่อน หลังจากนี้สิ่งใดจะเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องชองชะตากรรมที่ทำให้พวกเราไม่สามารถ อยู่ร่วมกันได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะไม่สามารถทำความรู้จักและพูดคุยกันฉัน เพื่อนได้มิใช่หรือ…ส่วนเรื่องถังฮวงน่ะ มันมาให้เซี่ยวเล้งขับพลังกาฬปราณออกจากร่างจริง แต่หลังจากเซี่ยวเล้งรักษามันสำเร็จ เซี่ยวเล้งก็ขับไล่มันออกจากนิวาศมังกรไปสักชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้มันไปอยู่ไหนเซี่ยวเล้งก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันคงไปก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าที่ถูกท่านทำลายไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะจักรปราณของมันถูกทำลายจากการเร่งเร้าพลังมังกรฟ้าสลายร่าง ตอนนี้มันเป็นเพียงชายชราธรรมดาที่รอวันตายเท่านั้น’
จิตเซี่ยวเล้งขัดจังหวะผมที่กำลังใช้ถ้อยคำตามกฎการประกาศตัวของผู้ทรงปราณ ก่อนการต่อสู้..และอธิบายถึงถังฮวงผู้เป็นบิดาด้วยถ้อยคำที่ไม่แสดงความ เคารพแม้แต่น้อย ทำให้ผมต้องระงับคำพูดไว้และส่งจิตตอบอย่างงุนงง
‘หากนั่นเป็นความปรารถนาของท่าน..เราก็ยินดีปฏิบัติตาม..’
‘แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านเทวะนารีพูดความจริงเรื่องถังฮวง’
จิตน้องทิพย์ส่งขึ้นมาขัดจังหวะหลังจากได้รับรู้ว่าเป้าหมายการตามล่าไม่ได้ อยู่ในนิวาศมังกรแห่งนี้แล้ว แต่จิตของจานีสรีบขัดขึ้นในทันที
‘น้องทิพย์อย่าสงสัยคำพูดของท่านเทวะนารี นับแต่จักรราศีก่อตั้งขึ้นครั้งโบราณกาล เทวะนารีแห่งจักราศีไม่เคยกล่าวคำเท็จต่อผู้ใดทั้งสิ้น…เชื่อจานีสเถอะ’
ธิดามังกรฟ้าจับจ้องใบหน้าจานีสอย่างสนใจครู่หนึ่ง แล้วหันมาส่งจิตกับผม
‘นั่นแหละ ท่านไกรวิทย์ดื่มชาเสียเถอะ และก็ไม่ต้องเรียกเซี่ยวเล้งเป็นท่านโน่นท่านนี่หรอก เรียกชื่อเซี่ยวเล้งตรงๆ ก็ได้ ว่าแต่…อืมห์…เซี่ยวเล้งจะเรียกท่านไกรวิทย์ว่าอย่างไรดีล่ะ…’
‘พี่เอ…ท่านเซี่ยวเล้งเรียกว่าพี่เอก็ได้นะ…นั่นเป็นชื่อเล่นที่ทิพย์กับจานีสเรียก..’
จิตน้องทิพย์ส่งแทรกขึ้นมาแทนผมเบาๆ ทำให้ธิดามังกรฟ้าหัวเราะกิ๊กออกมา
‘ตกลง เซี่ยวเล้งดีใจที่น้องทิพย์ไม่เรียกเซี่ยวเล้งเป็นเทวะนารีอีก และจะเรียกท่านไกรวิทย์ว่าพี่เอตามน้องทิพย์…ว่าแต่เซี่ยวเล้วเพิ่งเห็น น้องทิพย์ชัดๆ เดี๋ยวนี้เอง ช่างเป็นเด็กหญิงที่งดงามน่ารักจริงๆ น้องจานีสก็สวยไม่แพ้กันเลย …อืมห์ จานีส..นี่เป็นชื่อของดอกไม้ป่าเชิงเขาหิมาลัย ถ้าเซี่ยวเล้งคาดไม่ผิดน้องจานีสคงเป็นชาวเนปาลใช่ไหม..’
จานีสหน้าแดงวูบหนึ่งเมื่อธิดามังกรฟ้าเอ่ยถึงเด็กหญิงว่าน้องจานีส ทั้งที่ในความเป็นจริงจานีสคือผู้ที่เคยเป็นโหราทาสแห่งจักราศีที่มีอายุ กว่าร้อยปี และเคยดูแลธิดามังกรฟ้ามาก่อน
‘พี่เซี่ยวเล้ง…ทิพย์ถามอะไรบางอย่างจากพี่ได้ไหม’
น้องทิพย์ส่งจิตถามธิดามังกรฟ้าอย่างไม่แน่ใจ ทำให้เทวะนารีแห่งจักราศีมังกรเผยอรอยยิ้มสดใสและส่งจิตตอบน้องทิพย์…
‘เซี่ยวเล้งรู้ว่าน้องทิพย์จะถามอะไร…น้องทิพย์คงอยากรู้ว่าเหตุใดเซี่ยว เล้งจึงต้องสังหารน้องทิพย์ แต่ก่อนที่เซี่ยวเล้งจะตอบ ขอให้เซี่ยวเล้งถามน้องทิพย์ก่อนได้ไหมว่าตอนนี้น้องทิพย์ได้ร่วมเพศรสกับ พี่เอและรับถ่ายทอดปราณมาหลอมละลายกับวารีนาคราชสำเร็จแล้วถูกต้องหรือไม่.’
น้องทิพย์พยักหน้ารับแทนคำตอบ ทำให้ธิดามังกรฟ้าถอนใจยาวก่อนส่งจิตที่แฝงน้ำเสียงผิดหวัง
‘น่าเสียดายจริงๆ ถ้าเซี่ยวเล้งมีเวลาตรึกตรองพอ เซี่ยวเล้งก็น่าจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้โดยไม่ต้องฆ่าใครแม้แต่คนเดียว หากเซี่ยวเล้งพบน้องทิพย์ก่อนและทำลายวารีนาคราชมิให้ถ่ายทอดไปยังพี่เอ กัลป์สูญก็จะไม่สามารถเกิดขึ้น พี่เอก็จะไม่สามารถสำเร็จกาฬปราณ และน้องทิพย์ก็ไม่จำเป็นต้องถูกดับชีวิต แต่ในเมื่อตอนนี้พี่เอรับวารีนาคราชไปแล้ว กาฬปราณก็คงเพิ่มอำนาจทำลายล้างมากขึ้นไปอีกหลายเท่า ส่วนน้องทิพย์ก็มีปราณในร่างกายที่พร้อมจะให้กำเนิดธิดาแห่งกัลป์สูญ เซี่ยวเล้งก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดับจิตพี่เอ น้องทิพย์ ตามบัญชาของเทพสุรัสวดี…’
น่าแปลกที่จิตของธิดามังกรฟ้าที่บ่งบอกถึงการสังหารผมกับน้องทิพย์ กลับไม่ทำให้ผมโกรธแต่ประการใด บางทีอาจเป็นเพราะกริยาเศร้าสร้อยของเด็กสาวที่แสดงออกมาอย่างไม่เสแสร้ง
‘ท่านเทวะนารีแห่งจักราศีมังกร เคยครุ่นคิดบ้างไหมว่าท่านทำทุกอย่างตามบัญชาแห่งเทพสุรัสวดีเพื่ออะไรกัน เพื่อรักษาแสงสว่างให้ดำรงอยู่ต่อไป แต่ต้องทำลายชีวิตคนที่ไม่เกี่ยวข้องเพียงเพราะว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับความ มืด ท่านลองดูน้องทิพย์ตรงหน้าดูสิว่านางสมควรจะมีชีวิตอยู่กับคนที่นางรักหรือ ไม่ ควรหรือที่นางจะต้องตายทั้งที่วารีนาคราชซึ่งกำเนิดในร่างกายของนางเป็นสิ่ง ที่นางไม่เคยแสวงหาแม้แต่น้อย’
จานีสส่งจิตแผ่วเบาขึ้นกลางวงสนทนา ทำให้ธิดามังกรฟ้าหันไปมองด้วยแววตาประหลาดใจ
‘น่าแปลกนัก น้องจานีส กล่าวราวกับว่ารู้จักจักรราศีเป็นอย่างดี เซี่ยวเล้งรับรู้ได้ว่าน้องจานีสมิได้เป็นผู้ทรงปราณ ดังนั้นถึงแม้จะร่วมมากับพี่เอและน้องทิพย์ เซี่ยวเล้งสัญญาว่าจะไม่สังหารท่านอย่างแน่นอน ’
‘ขอบคุณท่านเทวะนารี แต่หากพี่เอและน้องทิพย์ไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ชีวิตจานีสก็ไม่มีคุณค่าใดที่จะดำรงอยู่ต่อไป เมื่อใดก็ตามที่ลมหายใจพี่เอสิ้นสุด ก็จะเป็นเวลาที่จานีสลาจากโลกนี้ไปเช่นกัน’
จานีสตอบธิดามังกรฟ้าอย่างเด็ดเดี่ยว ทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปกุมมือน้องจานีสบีบไว้แน่น เพื่อยืนยันว่าผมไดรับรู้และมั่นใจนความรักความซื่อสัตย์ที่จานีสมีต่อผม แล้ว พร้อมกับที่น้องทิพย์ก็เอนกายมากอดแขนผมไว้แน่นเป็นสัญญาณบอกให้ผมรับรู้ถึง ความตั้งใจของน้องทิพย์ที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับผมเช่นเดียวกัน
ธิดามังกรฟ้าจับจ้องภาพที่ความสัมพันธ์ระหว่างผม จานีสและน้องทิพย์ ด้วยแววตาประหลาด แว่บหนึ่งผมคิดว่าประกายตานั้นสะท้อนความรู้สึกสับสนแต่มันก็หายไปในพริบตา จนผมเชื่อว่าผมน่าจะคิดไปเอง
‘เซี่ยวเล้งเสียดายนัก ที่ไม่มีโอกาสรู้จักพวกพี่เอให้มากกว่านี้และกลับต้องมาอยู่ในสถานะเผชิญ หน้ากันแต่ตอนนี้พี่เอ น้องจานีส และน้องทิพย์ จะร่วมดื่มชากับจานีสก่อนได้ไหม’
ดวงตายาวรีของธิดามังกรฟ้าเปล่งประกายแจ่มใสเมื่อผมพยักหน้ารับและยกถ้วยชา ขึ้นมาจรดริมฝีปากพร้อมจานีสและน้องทิพย์ ธิดามังกรฟ้าประสานมือที่ประคองถ้วยชาคารวะแล้วเริ่มดื่มพร้อมกัน ความหอมของใบชากระจายไปทั่วปากและแผ่ซ่านเป็นกลิ่นสดชื่นราวกับบรรยากาศยาม เช้าในขุนเขาที่เงียบสงบ ทำให้ผมอดโพล่งออกมาไม่ได้
‘ชาที่ยอดเยี่ยม….ขอบคุณเซี่ยวเล้งที่ให้โอกาสพี่ได้ลิ้มรส แม้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตก็ตาม’
ริมฝีปากเรียวบางของธิดามังกรฟ้าเผยอยิ้มสดใสเมื่อได้ยินผมเรียกชื่อเซี่ยวเล้งออกมาอย่างลืมตัว
‘เซี่ยวเล้งก็ขอขอบคุณพี่เอ นานเหลือเกินที่เซี่ยวเล้งไม่เคยได้ยินบุคคลใดเรียกเซี่ยวเล้งในชื่อนี้’
‘พี่เซี่ยวเล้งไม่มีเพื่อนสนิทบ้างเลยหรือ’
น้องทิพย์ส่งจิตถามเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้ธิดามังกรฟ้าราวกับลืมเลือนว่าบุคคลเบื้องหน้าคือผู้ที่ตั้งใจจะสังหารตนเอง
‘เซี่ยวเล้งเคยมีเพื่อน…เซี่ยวเล้งเคยมีชีวิตที่ราบเรียบธรรมดา เคยหวังที่จะมีชีวิตเช่นเด็กสาวทั่วไป แต่เมื่อเซี่ยวเล้งถูกมอบหมายหน้าที่ปกป้องแสงสว่างในฐานะจักรราศี ชีวิตเหล่านั้นก็เลือนหาย มีเพียงสถานที่นี้เท่านั้นที่เซี่ยวเล้งจะได้ระลึกถึงชีวิตในวัยเยาว์ เซี่ยวเล้งเห็นสายตาประหลาดใจของพี่เอ น้องทิพย์ และจานีส เมื่อเข้ามาในห้องนี้และเห็นการตกแต่งห้องที่แตกต่างจากข้างนอก ทุกสิ่งในห้องนี้ล้วนเป็นสิ่งของที่เซี่ยวเล้งนำมาจากบ้านเกิดของเซี่ยวเล้ง ก่อนคุณแม่จะเสียชีวิต การใช้ชีวิตในนี้จึงทำให้เซี่ยวเล้งสามารถรับรู้ความสุขในอดีตได้อีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนคงใจแล้วว่าในห้องนี้เซี่ยวเล้งเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องการเพื่อนและความสนุกสนานของชีวิต แต่เมื่อใดที่เซี่ยวเล้งออกจากห้องนี้และผนึกปราณมังกรวิบัติขึ้น เซี่ยวเล้งคือธิดามังกรฟ้าและจะไม่มีอารมณ์ใดๆ นอกจาการทำหน้าที่ปกป้องแสงสว่างเท่านั้น’
ธิดามังกรฟ้าส่งจิตต่อเนื่องบอกเล่าเรื่องราวของตนเองราวกับต้องการระบาย ความอัดอั้นให้ผมรับรู้ ใบหน้าเด็กสาวที่อ่อนเยาว์ซึ่งน่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเพื่อนและสังคม สะท้อนความเงียบเหงาออกมา ซึ่งแทนที่จะบั่นทอนความงามสะท้านใจของเด็กสาว มันกลับยิ่งทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต้องการทะนุถนอมและปกป้องดูแลเอาไว้ตลอดไป
‘ในเมื่อท่านเทวะนารีไม่มีเพื่อน ท่านจะบอกพวกเราได้ไหมว่าเหตุใดจึงเชิญพวกเราซึ่งควรจะเป็นศัตรูของท่าน มายังสถานที่ส่วนตัวแทนที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามบัญชาของเทพสุรัสวดีให้เสร็จ สิ้นโดยเร็ว’
จานีสส่งจิตถามธิดามังกรฟ้าอย่างราบเรียบปราศจากอารมณ์ใดๆ ทำให้ธิดามังกรฟ้าต้องหันไปมองด้วยความสงสัย
‘น้องจานีสใช้คำพูดราวกับเป็นผู้อยู่ในจักรราศี แต่เอาเถอะในเมื่อน้องจานีสไม่ต้องการบ่บอกออกมาเซี่ยวเล้งก็จะไม่ถาม และจะตอบคำถามของน้องจานีสด้วยว่าสาเหตุที่เซี่ยวเล้งเชิญพี่เอและน้องหญิง ทั้งสองเข้ามาในห้องนี้คือเซี่ยวเล้งต้องการทำความรู้จักพี่เอและน้องหญิง ทั้งสองให้มากขึ้น เพราะในแว่บแรกที่พบเห็นพี่เอและน้องทิพย์ในตำหนักมังกรฟ้า เซี่ยวเล้งเกิดความรู้สึกประหลาดราวกับว่าพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อน ทำให้ในการต่อสู้ครั้งแรกกับพี่เอ เซี่ยวเล้งได้ใช้พลังมังกรวิบัติเพียงกึ่งหนึ่ง เพราะไม่ต้องการให้พี่เอดับสิ้นในทันที แต่พี่เอกลับร่วงหล่นไปในบ่อมังกรเทวะพร้อมน้องทิพย์ เซี่ยวเล้งก็ได้แต่เสียใจที่หมดโอกาสทำความกระจ่างให้ตนเอง แต่เมื่อถังฮวงมาหาเซี่ยวเล้งเพื่อขอรับการรักษา ทำให้เซี่ยวเล้งได้รู้ว่าพี่เอและน้องทิพย์ยังมีชีวิตอยู่ เซี่ยวเล้งจึงดีใจนัก และรีบเชิญขึ้นมาหาเซี่ยวเล้งในทันที่ที่พวกท่านมาถึงสถานที่นี้’
จิตบอกเล่าของธิดามังกรฟ้าทำให้ผมอดสะท้านใจอย่างรุนแรงไม่ได้ เพราะเพิ่งรู้ว่าพลังมังกรวิบัติที่ผมเคยปะทะด้วยและรับรู้ว่าเป็นพลังที่ รุนแรงกร้าวแกร่งที่สุดซึ่งผมเคยพบเห็นมา กลับเป็นพลังเพียงครึ่งเดียวของธิดามังกรฟ้า ซึ่งหมายความว่าผมยังไม่เคยพบเห็นอำนาจที่แท้จริงของพลังมังกรวิบัติ และยิ่งทำให้ความมั่นใจในการต่อสู้ของผมสั่นคลอนอย่างรุนแรง
‘ที่พี่เซี่ยวเล้งบอกว่ารู้สึกเหมือนเคยรู้จักกับทิพย์และพี่เอมาก่อน บอกทิพย์หน่อยได้ไหมว่ามันเป็นความรู้สึกอย่างไร…’
น้องทิพย์ส่งจิตถามธิดามังกรด้วยความอยากรู้อันเป็นนิสัยประจำตัว ทำให้ธิดามังกรฟ้าถอนใจแล้วส่งจิตตอบคำถามอย่างแผ่วเบาราวกับเป็นการพูดกับ ตัวเอง
‘จะว่าไปมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกนะน้องทิพย์ แต่เซี่ยวเล้งน่าจะเรียกว่านิมิตมากกว่า ตั้งแต่ที่เซี่ยวเล้งจำความได้ เซี่ยวเล้งจะฝันเห็นสถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่งซึ่งมีคนใช้ชีวิตร่วมกัน ในนิมิตเซี่ยวเล้งเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่นั้น แต่เซี่ยวเล้งไม่สามารถเห็นใบหน้าใดๆ ในนิมิตได้เลย นี่เป็นนิมิตที่ติดค้างในใจเซี่ยวเล้งมาตลอด แต่เมื่อเซี่ยวเล้งลอยตัวลงมาโจมตีพี่เอและน้องทิพย์ที่ห้องโถงสำนักมังกร ฟ้า ทันทีที่พี่เอเงยขึ้นพร้อมกับน้องทิพย์ทำให้นิมิตของเซี่ยวเล้งเกิดภาพใบ หน้าของบุคคลแว่บขึ้นมาในจิต และพี่เอกับน้องทิพย์ก็ปรากฏอยู่ในสถานที่นั้นด้วยพร้อมกับเซี่ยวเล้ง..ยิ่ง ไปกว่านั้นเมื่อครู่นี้ตอนที่พี่เอ น้องทิพย์ และน้องจานีส เดินเข้ามา แว่บแรกที่เซี่ยวเล้งเห็นน้องจานีส ภาพใบหน้าของน้องจานีสก็ปรากฏรวมอยู่ในนิมิตของเซี่ยวเล้งทันที…ดังนั้น เซี่ยวเล้งจึง…..’
‘เอกบุรุษครองบัลลังค์ทอง สิบสองนารีเคียงข้าง แสงสว่างประสานราตรี’
ก่อนที่ธิดามังกรฟ้าจะส่งจิตจบ จิตของจานีสก็ส่งเสียงแทรกกลางด้วยประโยคซึ่งผมและน้องทิพย์ต้องหันหน้ามา มองจานีสด้วยความงุนงง แต่ประโยคนี้กลับทำให้ร่างธิดามังกรฟ้าสั่นสะท้านรุนแรงและผุดลุกขึ้นยืน จ้องใบหน้าจานีสเขม็ง ก่อนส่งจิตกราดเกรี้ยวออกมา
‘จานีส…ท่านเป็นใคร เหตุใดจึงรู้จักนิมิตของเรา’
ดวงตาสุกใสบนใบหน้างดงามของธิดามังกรฟ้าทอแววประหวั่นพรั่นพรึงให้ผมเห็น เป็นครั้งแรก พร้อมกับกริยาของเด็กสาวสดใสหายไปในทันที พลังปราณที่แผ่ซ่านออกจากร่างเบื้องหน้าทำให้ผมรับรู้ว่าผู้ที่ยืนอยู่นี้ ไม่ใช่เด็กสาวนามเซี่ยวเล้งอีกต่อไป หากแต่เป็นเทวะนารีแห่งจักราศีมังกรที่พร้อมจะสังหารศัตรูแห่งแสงสว่างทุก ขณะ ผมรีบโคจรปราณป้องกันร่างแล้วผุดลุกขึ้นยืนพร้อมน้องทิพย์ แต่ดูเหมือนว่าจานีสจะไม่รับรู้อาการกราดเกรี้ยวของธิดามังกรฟ้าแม้แต่น้อย ดวงตากลมโตของจานีสจับจ้องใบหน้าธิดามังกรฟ้าด้วยประกายตาอ่อนโยนตัดกับ ประกายตาดุร้ายของผู้อยู่เบื้องหน้า
‘จานีสเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่มีนิมิตเช่นเดียวกันกับพี่เซี่ยวเล้ง ทำไมพี่เซี่ยวเล้งไม่เล่าต่อล่ะว่าใบหน้าพี่เอคือใบหน้าของบุรุษที่นั่งอยู่ บนบัลลังค์ทอง และพี่เซี่ยวเล้งเป็นหนึ่งในนารีทั้งสิบสองที่นั่งอยู่แทบเท้าของบุรุษนั้น’
ร่างสูงโปร่งของธิดามังกรฟ้าถอยหลังไปอย่างลืมตัว ใบหน้างามซีดเผือก พลันประกายแสงเจิดจ้าก็ระเบิดพลังออกจากร่างงามจนเสื้อยืดหลวมๆ ที่สวมใส่กระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยปลิวว่อนออกจากร่าง ภาพเด็กสาวเซี่ยวเล้งกลับกลายเป็นร่างสตรีสูงสง่าที่ปกคลุมร่างด้วยร่างแหสี ทองอมฟ้าเปล่งประกายเจิดจ้าปกปิดยอดทรวงอกงามเต่งตึง และต่อเชื่อมลงมาแบสนิมเป็นเนื้อเดียวกับเนินรักอวบนูนเบื้องล่าง ผมตระหนักในทันที่ว่าธิดามังกรฟ้าได้ผนึกเกราะมังกรอันเกิดจากปราณขึ้นเพื่อ เตรียมต่อสู้ขั้นแตกหักแล้ว ทันใดร่างงามพลันพุ่งวาบราวประกายไฟออกจากห้องหน้ามุขไปยังห้องโถงใหญ่แล้ว ลอยตัวหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศพร้อมส่งจิตเกรี้ยวกราดกลับมา
‘พวกท่านจงออกมารับความตายนอกห้องของเรา เราไม่อนุญาตให้พวกท่านดับสูญในสถานที่แห่งเดียวที่เราใช้ชีวิตอยู่’
ผมผนึกปราณทั่งร่างขึ้นเต็มกำลังก่อนลอยตัวพุ่งออกจากห้องมาประจันหน้ากับ ธิดามังกรฟ้าพร้อมกับน้องทิพย์ โดยมีจานีสเดินตามออกมาจับจ้องอยู่ที่ระเบียงเบื้องล่าง
‘ท่านไกรวิทย์ ท่านสามารถร่วมประสานพลังกับทิพย์วารีต่อสู้กับเราได้ เราต้องการให้พวกท่านดับสูญอย่างยินยอมพร้อมใจ’
‘พี่เซี่ยวเล้ง… พวกเราค่อยๆ หาทางแก้ไขจะไม่ดีกว่าหรือ’
น้องทิพย์ส่งจิตที่สะท้อนความมุ่งหวังไปยังธิดามังกรฟ้า แต่กลับได้รับจิตกราดเกรี้ยวตอบกลับมา
‘อย่าเรียกชื่อนั้นกับเรา ขณะนี้เราคือธิดามังกรฟ้าผู้รับบัญชาจากเทพสุรัสวดีให้สังหารท่าน จงผนึกกาฬปราณของพวกเจ้า…เตรียมตัวดับสูญอย่างสงบเถอะ’
ดวงหน้างามของธิดามังกรฟ้าเงยขึ้น สองมือประสานไขว้ที่ทรวงอกอวบอิ่ม ขณะที่ประกายแสงสว่างเริ่มเจิดจ้าขึ้นทุกขณะ
‘จานีส…มีวิธีใดหรือไม่ที่จะทำลายพลังมังกรวิบัติ’
ผมผนึกกาฬปราณกระจายไปทั่วร่าง พร้อมส่งจิตที่บังคับเป็นเส้นสายตรงไปที่จานีสเพื่อป้องกันมิให้ธิดามังกรฟ้ารับรู้
‘พี่เอ พลังปราณแห่งจักรราศีไม่มีทางทำลายได้ นอกเสียจากว่าเทวะนารีถูกทำลายพรหมจรรย์ ซึ่งจะทำให้พลังปราณทั่วร่างสลายไปพร้อมกัน แต่นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะในจักรวาลนี้ไม่มีผู้ใดสามารถใช้พลังปราณบังคับเทวะนารีให้มอบ พรหมจรรย์ออกไปได้ มีเพียงเทพสุรัสวดีเท่านั้นที่สามารถดึงปราณจักรราศีในร่างเทวะนารีกลับไป สู่ผลึกจักราศี…พี่เอ หลบเร็ว อย่าปะทะ’
จานีสส่งจิตร้อนรนเตือนผมทันทีที่ร่างสูงโปร่งของธิดามังกรเคลื่อนวาบเข้าหา พร้อมผลักดันพลังมังกรวิบัติที่ส่งประกายสว่างจ้าพุ่งตรงมาหา ผมถีบตัวขึ้นทันทีด้วยปราณคชสีห์เหินบิน พ้นจากกระแสพลังอย่างฉิวเฉียด แต่ใจผมกลับต้องสะท้านอย่างรุนแรงเมื่อพบว่ากลุ่มพลังเรืองรองกลับหันเหพุ่ง ตามมาราวกับมีเชือกที่มองไม่เห็นผูกตรึงผมเข้าไว้กับมวลพลังที่ทำลายล้างทุก สิ่ง
‘พลังมังกรวิบัติบังคับด้วยจิต ท่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความตายเท่านั้น’
จิตของธิดามังกรฟ้าดังก้องขึ้นในสมองผม พร้อมกับเสียงตวาดก้องของน้องทิพย์ดังขึ้น
‘พี่เซี่ยวเล้ง…อย่าทำร้ายพี่เอ…’
ร่างบอบบางของน้องทิพย์เปล่งประกายสีฟ้าเจิดจ้า สลายเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เป็นเศษธุลี พร้อมกับร่างงามที่ถูกปกคลุมด้วยเกราะมังกรวารีสีฟ้าใสสะอาด ดีดขึ้นผลักพลังนาคบาศพุ่งใส่กลุ่มก้อนพลังมังกรวิบัติ
……………เปรี้ยง……………………..
เสียงปะทะพลังปราณระเบิดกึกก้องขึ้น พลังของนาคบาศทำให้กลุ่มแสงของพลังมังกรวิบัติเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น พร้อมกับแรงสะท้อนจากการปะทะก็พุ่งใส่ร่างน้องทิพย์จนกระเด็นตกลงไปที่ ระเบียงซึ่งจานีสยืนอยู่ แต่ร่างน้องทิพย์ก็กลับดีดขึ้นมาในทันที่ที่เท้ากระทบพื้น และลอยตัวมาเคียงข้างผมทันที ขณะที่กลุ่มพลังมังกรวิบัติที่กำลังจะกระทบผนังจากการปะทะ ก็เลี้ยวเบนกลับไปหาธิดามังกรฟ้า ที่เพียงยื่นมืออออกก็บังคับให้ลูกกลมเรืองแสงลอยนิ่งอยู่บนฝ่ามือได้
‘เกราะมังกรวารี… ทิพย์วารีท่านมีพลังมากกว่าที่เราคิดไว้ แต่หากท่านคิดว่าเกราะนี้จะป้องกันพลังมังกรวิบัติได้ เราขอบอกว่าท่านต้องผิดหวังอย่างยิ่งก่อนเดินทางไปปรโลก … เตรียมตัวต่อต้านก่อนดับจิตได้แล้ว.’
มวลพลังมังกรวิบัติในมือของธิดามังกรฟ้าพลันแยกออกเป็นสองส่วน แล้วแยกกันพุ่งวาบมายังผมและน้องทิพย์พร้อมกัน แม้ภาพที่ปรากฏจะดูเสมือนกลุ่มแสงเรืองรอง แต่จิตผมและน้องทิพย์รับรู้ถึงพลังรูปมังกรจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังกางกรง เล็บแหลมคมถาโถมลงหาโดยปราศจากช่องว่างให้หลบหนี
‘น้องทิพย์..หลบไป’
ผมผนึกพลังผลักร่างน้องทิพย์ที่ลอยตัวอยู่ข้างผมให้พุ่งออกจากรัศมีการโจมตี ก่อนผนึกกาฬปราณขึ้นเปี่ยมล้น จิตระลึกถึงน้องริน น้องกิฟท์ และน้องทิพย์พร้อมกันในชั่วอึดใจ ประสานพลังแห่งอัคคีเทพ จิตมาร และวารีนาคราชเข้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หมอกสีดำสนิทพลันแผ่ซ่านออกจากร่างด้วยพลังมหาศาลที่ผมไม่เคยบรรลุถึงมาก่อน ผมขบกรามแน่นและดีดตัวส่งกาฬปราณเข้าปะทะพลังมังกรวิบัติทั้งสองกลุ่มตรงๆ โดยไม่หลบเลี่ยง
………….เปรี๊ยะ……….
ประกายแสงของพลังมังกรวิบัติหม่นลงในทันทีที่ปะทะกาฬปราณ พลังทั้งสองสายแทรกเข้าหักล้างกันโดยปราศจากเสียงปะทะ มีเพี้ยงเสียงลั่นเปรี๊ยะดังต่อเนื่องราวปะทัดแตกระเบิดเมื่อจิตรูปมังกรถูก กาฬปราณทำลาย ขณะเดียวกันสายพลังกาฬปราณก็ถูกจิตมังกรกัดกินกระชากทึ้งจนสลายไปนับไม่ถ้วน แต่ก่อนที่พลังทั้งสองจะปรากฏผลแพ้ชนะ เสียงธิดามังกรฟ้าก็ตวาดก้องขึ้น
“มังกรวิบัติ……… ทำลายมวลมาร”
ผมสะท้านใจเฮือกเมื่อกระแสพลังกลุ่มที่สาม พุ่งกระจายผ่านมวลพลังที่กำลังปะทะกันกลางอากาศ แล้วสาดลงคลุมหาผมราวตาข่ายมหึมาที่ถักสานจากมังกรนับไม่ถ้วน กระแสลมปั่นป่วนอัดแน่นอยู่ในม่านพลังตาข่ายกดทับลงหาผมด้วยความแหลมคมที่ เพียงพอจะทะลุหินผาได้อย่าง่ายดาย ผมกัดฟันแน่นผนึกปราณคุ้มครองร่างขึ้นสุดตัว แล้วแผ่ปราณคชสีห์เป็นเกราะพลังทรงกลมล้อมตัวไว้เพื่อรับการปะทะ
……………เปรี้ยง…………..
“…………….อั๊ก…………”
พลังมังกรวิบัติพุ่งลงมาบีบรัดม่านพลังของปราณคชสีห์ จนระเบิดออกดังสนั่น แม้การปะทะจะสามารถสลายพลังส่วนใหญ่ไปได้ แต่พลังบางส่วนยังคงสามารถพุ่งเข้ากระแทกร่างผมจนกระเด็นไปราวว่าวขาดป่าน ผมรีบโคจรปราณสำรวจอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว และพบว่าเกิดความบอบช้ำขึ้นในเส้นทางปราณทำให้การไหลเวียนติดขัดเล็กน้อย ซึ่งในสภาพปกติแล้วนี่เป็นอาการที่ฟื้นฟูกลับอย่างง่ายดาย แต่ในสภาพที่ต้องเผชิญหน้าเทวะนารีแห่งจักรราศี อาการนี้อาจลุกลามจนทำให้ผมพ่ายแพ้ในที่สุด
‘พี่เอ…’
น้องทิพย์ร้องลั่นเมือเห็นผมปลิวกระเด็นไป พร้อมสาดพุ่งลงมาหาผมและขวางไว้เบื้องหน้าเพื่อป้องกันมิให้ธิดามังกรฟ้าส่งพลังมาโจมตีอีก
………………..ซ่า……………………….
เสียงสะท้อนที่ดังราวสาดน้ำลงไปในกอไฟร้อนจัดดังขั้น ขณะที่กระแสพลังมังกรวิบัติที่หักล้างกับกาฬปราณใจกลางก้องโถงสลายตัวลง ดวงตาธิดามังกรฟ้าเบิกกว้างเมื่อพบเห็นการสลายตัวของพลังทั้งสอง และภาพที่ผมยังคงยืนหยัดอยู่ได้แม้จะถูกพลังกระหน่ำอย่างเต็มที่
‘กาฬปราณที่ทรงอำนาจยิ่งนัก สามารถต้านทานพลังมังกรวิบัติได้…เราคงต้องแลกชีวิตกับท่านแล้ว..รับปราณกระบี่..’
ธิดามังกรฟ้าส่งจิตแข็งกร้าวมายังผม พร้อมสาดพุ่งร่างลงมาราวประกายไฟ ในสองมือขาวเรียวงามปรากฏกระแสพลังเป็นเส้นตรงราวกระบี่ 2 เล่ม ส่งแสงวูบวาบด้วยประกายไฟฟ้าที่แล่นเข้าหากันแปลบปลาบ
‘พี่เอ ระวังนั่นคือปราณกระบี่ที่มุ่งทำลายปราณคุ้มครองร่าง อย่าปะทะ…’
จิตจานีสร้องเตือนอย่างร้อนรนเมื่อเห็นภาพของปราณที่ปรากฏบนมือทั้งสองของ ธิดามังกรฟ้า ผมดีดตัวขึ้นจากพื้นพร้อมน้องทิพย์ ผนึกพลังอัคคีเทพและจิตมารขึ้นในมือทั้งองข้างสะบัดใส่ร่างธิดามังกรฟ้า ขณะที่น้องทิพย์ก็ผนึกพลังนาคบาศพุ่งโจมตี แต่ใบหน้าธิดามังกรฟ้ากลับยิ้มเยือกเย็นแล้วสะบัดปราณกระบี่พุ่งวูบออกโจมตี ผมและน้องทิพย์ทั้งสองด้าน
…บรึม….
“…โอ๊ย….”
จิตมารผมกระแทกใส่สายพลังปราณกระบี่เต็มที่ จนปราณกระบี่บิดเบนเฉี่ยวร่างผมไปกระทบผนังดังสนั่น ขณะที่นาคบาศของน้องทิพย์กลับถูกปราณกระบี่แทรกผ่านเข้าหา และพุ่งวาบเข้าใส่ร่างน้องทิพย์ที่บิดร่างหลบเลี่ยงในทันที แต่ยังถูกความแหลมคมของปราณพุ่งปาดช่วงเอวคอดกิ่วจนเลือดพุ่งออกมาราวน้ำพุ ทำให้น้องทิพย์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนร่วงหล่นลงกับพื้นโดยมีจานีสวิ่งเข้าไปประคองไว้
….ตูม….
พลังอัคคีเทพที่รอดพ้นจากการปะทะปราณกระบี่ พุ่งเข้ากระแทกร่างธิดามังกรฟ้าอย่างเต็มที่ จนร่างงามบังเกิดไฟลุกท่วม ภาพที่เห็นแทนที่ผมจะรู้สึกดีใจกับผลที่อัคคีเทพโจมตีถูกเป้าหมาย จิตส่วนหนึ่งของผมกลับไม่ต้องการให้ธิดามังกรฟ้าบาดเจ็บ และเตรียมสาดร่างเข้าหาเพื่อช่วยเหลือ แต่ก่อนที่ผมจะเคลื่อนไหว เปลวไฟที่ลุกโพลงก็ดับวูบลงจากรัศมีสว่างที่กระจายออกจากร่าง ครู่เดียวแสงสว่างพลันวูบหายไปพร้อมปรากฏเรือนร่างงดงามที่มีเพียงสายคาดของ เกราะมังกรเส้นน้อยปกคลุมผิวเนื้อที่แทบจะเปลือยเปล่าแต่กลับปราศจากร่องรอย ใดจากอัคคีเทพอันร้อนแรง ธิดามังกรฟ้ายิ้มเยือกเย็นก่อนส่งกระแสจิตพุ่งตรงมาที่ผม
‘อัคคีเทพที่ร้อนแรงนัก หากเรามิได้สวมเกราะมังกร เพลิงนี้คงสลายร่างเราไม่หลงเหลือแม้กระดูก แต่ตอนนี้ท่านต้องเป็นฝ่ายรับบ้าง…’
ร่างสูงโปร่งที่อัดแน่นไปด้วยเลือดเนื้อวัยสาวพุ่งวาบเข้าหาผม ฝ่ามือขาวผ่องหมุนสลับซับซ้อนก่อม่านพร่างพรายตาจนไม่สามารถรับรู้ได้ว่าฝ่า มือที่จะเข้าโจมตีอยู่ที่ตำแหน่งใดมีเพียงพลังลมแหลมคมที่พุ่งเข้าหาราวกับ เข็มนับหมื่นเล่ม ผมรู้ในทันทีว่าธิดามังกรฟ้าเลือกที่จะใช้กระบวนท่าฝ่ามือเพื่อจู่โจมทำลาย อวัยวะภายในผมโดยตรงหลังจากที่การปะทะพลังปราณที่ผ่านมา แม้ธิดามังกรฟ้าจะมีเปรียบจากการคุ้มครองของเกราะปราณ แต่ก็รู้ดีว่าพลังปราณของผมหาได้เป็นรองจนไม่สามารถต้านทานได้แต่อย่างใด การอาศัยข้อได้เปรียบของเกราะปราณเข้าประชิดตัวจึงเป็นหนทางที่จะบังคับให้ ผมปะทะด้วยกระบวนท่าโดยตรง ซึ่งจะทำให้ธิดามังกรได้เปรียบในทันที ผมขบกรามกรอดและใช้กระบวนท่าของมวยคชสีห์ที่ฝึกปรือมาตั้งแต่เยาว์วัยเข้า ต่อต้าน ร่างผมหมุนเป็นวงโดยอาศัยปลายเท้าเป็นศูนย์กลาง แผ่พุ่งพลังหมัดเข้าปะทะม่านฝ่ามืออย่างไม่กลัวเกรง…..
หมัดคชสีห์ที่เลื่องลือในกระบวนท่ามาแต่โบราณกาลกระจายออกทั่วม่านพลังลมที่ เกิดจากการหมุนตัว ปะทะกับฝ่ามือที่แฝงปราณมังกรวิบัติเปี่ยมล้นถี่ยิบ พลังจากการกระทบกระจายออกทั่วห้องโถงจนเครื่องตกแต่งห้องปลิวว่อนกระแทกกัน ไม่ขาดระยะ ทันใดนั้นพลังกดดันจากฝ่ามือของธิดามังกรก็พลันหายวูบไป ร่างงามของธิดามังกรฟ้ากลับบิดหมุนมาทางข้างผมแล้วผลักฝ่ามือผนึกพลังเป็น สายเดียวเข้าหาช่องว่างของเพลงมวยคชสีห์ ราวกับว่าธิดามังกรฟ้ารู้จักกระบวนท่าของมวยคชสีห์มาก่อน ผมใจหายวาบเมื่อพลังที่ดุดันราวเสาเหล็กพุ่งเข้ามาที่ด้านข้าง ผมพลิกร่างหันหลังให้กับเสาพลังก่อนหมุนคว้างหักข้อศอกเป็นวงเข้าหาท่อนแขน ของธิดามังกรฟ้าที่โถมเข้ามา
…….โครม…….อั๊ก…..
พลังมังกรวิบัติจากฝ่ามือธิดามังกรฟ้ากระแทกเข้าที่หลังผมพร้อมกับศอกที่ผม ใช้ในกระบวนท่าลับของมวยคชสีห์นามคชาซ่อนงาก็สับลงมายังท่อนแขนธิดามังกรฟ้า พลังที่กระแทกกลางหลังผมแม้จะไม่ปะทะตรงๆ จากการบิดตัวแต่ก็ทำให้อวัยวะภายในผมกระเทือนอย่างรุนแรงจนต้องกระอักเลือด ออกมา กระแสปราณที่โคจรอยู่ถูกปิดกั้นช่องทางจนร่างที่กำลังลอยอยู่ของผมขาดปราณ หนุนเสริมและร่วงหล่นลงมาที่พื้นห้องโถงทันที แต่สายตาผมก็ยังเห็นร่างธิดามังกรฟ้าปลิวกระเด็นไปตามแรงกระทบของศอกที่สับ ลงไปที่ต้นแขนเต็มกำลัง จนร่างงามต้องหมุนเวียนเป็นวงกลมนับสิบรอบเพื่อสลายพลังที่แฝงมา ก่อนทิ้งร่างลงหยุดนิ่งกับพื้นห้องโถงตรงหน้าผมที่ยังคงคุกเข่าอยู่จากอาการ บาดเจ็บที่สกัดกั้นการโคจรของปราณ
ผมลุกขึ้นยืนช้าๆ กวาดตามองไปยังตำแหน่งท่อนแขนด้านบนของธิดามังกรฟ้า แล้วก็ต้องใจหายวูบเมื่อพบว่าตาข่ายของเกราะมังกรที่แผ่ใยปกคลุมท่อนแขน เปล่งประกายสว่างเจิดจ้าที่ตำแหน่งของการกระทบ แล้วกลับสลัวลงจนอยู่ในสภาพปกติอีกครั้ง แต่บนผิวเนื้อของท่อนแขนกลมกลึงไม่ปรากฏร่องรอยของการถูกโจมตีด้วยศอกที่อัด พลังปราณของผมแม้แต่น้อย ผมรับรู้ในทันทีว่าเกราะมังกรสามารถป้องกันการโจมตีด้วยปราณทุกชนิดได้ และการเปล่งแสงที่เห็นเมื่อครู่เป็นการสลายพลังที่มากับการโจมตีออกไปใน อากาศโดยไม่ส่งผลใดๆ ต่อร่างกายธิดามังกรฟ้าแม้แต่น้อย
‘เพลงมวยคชสีห์ที่ล้ำลึกนัก เป็นโชคดีของเราที่มีโอกาสได้ประมือด้วย แต่ท่านไม่มีโอกาสใช้อีกเป็นครั้งที่สองแล้ว’
ประกายแสงเรืองรองพลันปรากฏขึ้นบนร่างธิดามังกรฟ้าอีกครั้ง ซึ่งผมรู้ดีว่าเป็นสัญญานของการผนึกพลังโจมตีด้วยพลังมังกรวิบัติหลังจาก พลังฝ่ามือทำลายการโคจรของปราณคุ้มครองร่างของผมไป และหากปราศจากปราณคุ้มครองร่างการปะทะกับพลังมังกรวิบัติไม่ต่างอะไรกับการ ฆ่าตัวตาย ผมรีบสะกดปราณให้ไหลย้อนกลับและกำหนดหาเส้นทางปราณที่ยังคงไม่ถูกอาการบาด เจ็บปิดกั้น และพบว่ามีเพียงการโคจรผ่านจักรอัคคีที่ท้องน้อยเท่านั้นที่ยังคงสภาพอยู่ ผมผนึกปราณทั่วร่างลงผ่านจักรอัคคีเพื่อเตรียมกระจายออกไปคุ้มครองร่างกาย แต่ผมกลับพบว่าปราณที่พุ่งลงไปนั้นไม่ยอมกระจายออกไปตามเส้นทางโคจรปราณเดิม แต่กลับย้อนทวนขึ้นมาตามเส้นเลือดใหญ่ทั้ง 5 ด้วยความตระหนกทำให้ผมกระจายพลังออกไปตามเส้นเลือดโดยไม่รู้ตัว แต่แทนที่เส้นเลือดผมจะแตกระเบิดออกจากการอัดปราณเข้าไปในเส้นเลือด กลับเป็นพลังมหาศาลที่ระเบิดออกตามรูขุมจนจนเสื้อผ้าทุกชิ้นของผมฉีกกระจา เป็นเศษเล็กเศษน้อย ร่างผมกลับกลายเป็นเบาราวไร้น้ำหนัก พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของผิวกาย
วัตถุสีดำก่อตัวขึ้นจากตำแหน่งของจักรอัคคีปกคลุมลำลึงค์ของผมด้วยแผ่นโค้ง ผนึกให้มั่นคงอยู่ภายในก่อนกระจายตัวเป็นเส้นตาข่ายขึ้นมาตามแนวเส้นเลือด ปกปิดทรวงอกที่ตำแหน่งหัวใจด้วยวงกลมถักทอลวดลายประหลาด พร้อมกับแผ่ขึ้นไปผ่านลำคอด้านหลังปกคลุมศีรษะด้านหลังแล้วขยายอ้อมเป็นสาย คาดมารัดหน้าผากเอาไว้ ทันทีที่สายคาดหน้าผากมาบรรจบ แสงสีดำราวกับรัตติกาลก็กระจายจ้าออกไปทั่วร่างและผนึกรวมตัวที่หน้าผากใน รูปอัญมณีสีดำสนิทที่ล้อมด้วยลวดลายงูใหญ่โดยรอบ จุดตีบตันของเส้นทางโคจรปราณทุกจุดพลันคลายตัวออก กระแสปราณกลับไหลผ่านทุกส่วนก่อนพลังปราณที่เปี่ยมล้นกระจายไปทั่วร่าง
ประกายแสงบนร่างธิดามังกรฟ้าจางไปในทันที ขณะที่ร่างงามถอยหลังไปอย่างลืมตัว เปล่งเสียงสะท้านด้วยความตระหนกที่ไม่สามารถควบคุมได้
“…..เกราะนิลกาฬ…..เป็นไปไม่ได้…มีผู้เดียวเท่านั้นที่ครอบครองเกราะนี้ แต่ท่านผู้นั้นสูญจิตไปนับหมื่นปีแล้ว….”
ธิดามังกรฟ้าเปล่งคำพูดออกมาโดยไม่ผ่านกระแสจิต ด้วยความตระหนกกับภาพที่เห็น ขณะเดียวกับที่จิตตื่นเต้นสุดขีดของจานีสก็ส่งมายังผม
‘พี่เอ…นั่น..นั่น..คือเกราะนิลกาฬ เกราะปราณประจำตัวของเทพวิวุณปักขะแห่งจักราศีคนแบกงู เทพผู้นำแห่งจักราศีแต่โบราณ …พี่เอรีบผนึกปราณไปรวมที่อัญมณีนิลกาฬที่หน้าผากเดี๋ยวนี้เลย’
ผมผนึกปราณส่งร่างลอยขึ้นสู่อากาศ และผนึกปราณไปยังอัญมณีตามที่จานีสแนะนำ กลุ่มก้อนของละอองสีดำสนิทพลันเปล่งออกจากมือทั้งสองของผมเป็นวงกว้างที่ แน่นหนักราวผนึกตัวขึ้นจากความมืดสนิทของจักรวาลซึ่งผมรับรู้ในทันทีว่ามัน เป็นกาฬปราณที่มีพลังมากกว่าที่ผมเคยใช้หลายเท่าตัว ร่างผมลอยขึ้นเผชิญหน้ากับธิดามังกรฟ้าโดยตรง ขณะที่ใบหน้าที่เคยตื่นตระหนกของธิดามังกรฟ้ากลับสงบนิ่งลงและขบกรามแน่น ก่อนส่งจิตออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว
‘เป็นตายแล้วแต่ชะตาลิขิต วันนี้เราต้องกำจัดภัยพิบัติแห่งแสงสว่างไปจากโลกนี้ให้ได้’
ดวงแสงสว่างกลับปรากฏขึ้นบนร่างธิดามังกรฟ้าอีกครั้ง แต่คราวนี้ความสว่างของมันกลับเจิดจ้าอย่างที่ผมไม่เคยพบเห็นมาก่อน จุดกึ่งกลางของแสงสว่างปรากฏประกายสายรุ้งกระจายรวมตัวกันเป็นรูปร่างของ ธิดามังกรฟ้า พลังปราณมหาศาลกดดันเข้าหาผมเป็นระลอก ทำให้ผมต้องเร่งผนึกกาฬปราณขึ้นและทะยานร่างเข้าใส่เพื่อปะทะขั้นแตกหักกับ ธิดามังกรฟ้า
“ท่านเซี่ยวเล้ง…อย่าสลายตนเองแบบนั้น …พี่เอ…นางกำลังจะระเบิดร่างตัวเองเพื่อทำลายนิวาศมังกรพร้อมกับพวกเรา พี่เอหนีไปเดี๋ยวนี้….”
เสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกของจานีสดังขึ้นเมื่อพบเห็นการรวมปราณของธิดา มังกรฟ้าและการโถมทะยานเข้าหาของผม แต่การเตือนของจานีสมาช้าเกินกว่าที่ผมจะยับยั้งร่างที่พุ่งเข้าหามวลพลัง ที่กำลังจะระเบิดออกตรงหน้าได้…
พริบตาที่ขอบพลังกาฬปราณกระทบกับขอบพลังมังกรวิบัติ พลังทั้งสองสายแทนที่จะปะทะกันจนระเบิดกึกก้องอย่างที่ควรเป็น กลับไม่ปรากฏเสียงใดๆ เกิดขึ้น ร่างผมกลับหยุดนิ่งกลางอากาศขณะม่านหมอกดำสนิทของกาฬปราณแทรกผ่านเข้าไปใน ม่านแสงของพลังมังกรวิบัติ และผมต้องอุทานออกมาในใจเมื่อพบว่าร่างผมกำลังถูกดึงดูดเข้าหาร่างธิดามังกร ฟ้า ราวกับแม่เหล็กต่างขั้ว
‘อะ อะ อะไรกัน ..ท่านผ่านม่านพลังเข้ามาได้อย่างไร…เป็นไปไม่ได้’
ใบหน้างามของธิดามังกรฟ้าแตกตื่นด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อเห็นร่างผมพุ่งวาบเข้ามา ทำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ผลการปะทะปราณที่ธิดามังกรฟ้าคาดหวัง ธิดามังกรฟ้ารีบยกสองแขนขึ้นผนึกพลังที่ฝ่ามือในทันทีที่ร่างผมเคลื่อนเข้า หา ทำให้ผมต้องผนึกพลังขึ้นในฝ่ามือเช่นเดียวกัน พริบตาเดียวฝ่ามือผมและธิดามังกรฟ้าก็สัมผัสกัน แต่พลังปราณที่ผนึกไว้กลับไม่ระเบิดออกและกลับกลายเป็นพลังดึงดูดมหาศาลผนึก ฝ่ามือติดกัน ทำให้แขนผมและธิดามังกรฟ้าต้องกางอ้าออกที่ละน้อยจนร่างผมเคลื่อนเข้าหาร่าง งามของธิดามังกรฟ้า และผนึกแนบแน่นในทันทีที่สองแขนถูกกางออกจนสุด
‘…ท่าน…ท่าน..จะทำอะไร….’
จิตธิดามังกรฟ้าส่งออกมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อร่างกายส่วนหน้าทุกส่วนเบียด แน่นกับร่างผมจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน ทรวงอกอวบอิ่มที่แม้จะถูกเกราะมังกรคาดทับกลับอัดแน่นกับหน้าอกผมจนรับรู้ ถึงความหยุ่นตึงของเต้านมคู่งาม หน้าท้องที่นาบสนิท ทำให้แก่นกายผมภายใต้เกราะนิลกาฬกดอยู่กับแผ่นเกราะมังกรซึ่งปกป้องเนินรัก ของธิดามังกรฟ้าเอาไว้ ส่วนท่อนขาของผมก็แนบแน่นกับลำขาอ่อนเรียวงามที่สมบูรณ์ไปด้วยกล้ามเนื้อวัย สาว
‘เซี่ยวเล้ง…พี่ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าพลังของเซี่ยวเล้งกับพี่จะดึงดูดเข้าหากัน จนทำให้ร่างกายของเราถูกตรึงเข้าไว้แบบนี้…’
ดวงตายาวรีของธิดามังกรฟ้า ลดประกายดุร้ายลงเล็กน้อยในทันทีที่ได้ยินผมเรียกชื่อโดยตรง ใบหน้าที่แตกตื่นตกใจกลับสงบลง แต่จิตที่ตอบมายังคงความกราดเกรี้ยวของธิดามังกรฟ้าเอาไว้เช่นเดิม
‘อย่าเรียกชื่อเราเช่นนั้น ขณะนี้เราเป็นศัตรูของท่าน อย่านำความสัมพันธ์ใดๆ มาเอ่ยอ้างในการต่อสู้ หากท่านสามารถสังหารเราเดี๋ยวนี้ก็จงทำ เพราะมิฉะนั้นหากเราหลุดรอดจากพลังประหลาดนี้ เราจะระเบิดร่างกายตนเองปลดปล่อยพลังผลึกมังกรทำลายล้างทุกสิ่งในที่นี้…’
ผมพยายามโคจรปราณเพื่อผลักร่างให้หลุดออกจากแรงดึงดูดประหลาดโดยปราศจากผล ทำให้ผมต้องส่งจิตตอบไปอย่างจริงจัง
‘ท่านเทวะนารี เราคิดว่าทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากแรงดึงดูดนี้คือเราทั้งสองต้องสลายปราณที่ โคจรในร่างพร้อมๆ กัน แล้วเริ่มต่อสู้กันใหม่หากท่านต้องการ….’
‘นั่นเป็นไปไม่ได้…เพราะหากการสลายพลังไม่พร้อมกันโดยสมบูรณ์ปราณของอีกฝ่าย หนึ่งจะกระแทกเข้าใส่ร่างผู้ที่สลายปราณเสร็จสิ้นก่อน นั่นนับเป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรม แต่มีอีกทางหนึ่งคือการระเบิดพลังขึ้นพร้อมๆ กัน ผู้ที่เข้มแข็งกว่าก็จะอยู่รอด ผู้ที่อ่อนแอก็จะสูญสลายไป ท่านกล้าที่จะใช้วิธีนี้หรือไม่’
ธิดามังกรฟ้าส่งจิตตอบมา ทำให้ผมต้องถอนใจแล้วขบกรามตัดสินใจ
‘หากนั่นคือความประสงค์ของท่าน เราก็พร้อมที่จะตอบสนอง…ระวัง’
ผมเร่งผนึกปราณในร่างพร้อมกับธิดามังกรฟ้า ดวงตาผมจับจ้องประกายตาธิดามังกรฟ้าเขม็ง ก่อนพยักหน้าเป็นสัญญานระเบิดปราณออกจากรูขุมขน เป็นการตัดสินครั้งสุดท้าย…พลังสองขุมถูกส่งออกกระทบกันแต่แทนที่ร่างผม และธิดามังกรฟ้าจะระเบิดแยกออกจากกัน พลังที่กระจายออกจากร่างกลับผสานกันแล้วบดอัดร่างผมกับธิดามังกรฟ้าให้ จนผมรู้สึกถึงความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้น
‘…,มะ มะ ไม่นะ…ทำไม…ทำไม…เกราะของเรา…’
ธิดามังกรฟ้าอุทานลั่นเมื่อโครงข่ายของเกราะมังกรบนร่างขยายตัวออกพร้อมกับ เกราะนิลกาฬของผม แถบคาดหน้าอกที่เคยปกปิดทรวงอกอวบอิ่มสลายไปพร้อมกับแผ่นกลมที่ปกป้องหัวใจ ของผม ทำให้ทรวงอกเปล่าเปลือยของธิดามังกรฟ้าผนึกแน่นกับร่างท่อนบนผมเป็นเนื้อ เดียว จนผมรู้สึกได้ถึงเม็ดยอดขนาดเล็กของเต้านมที่สัมผัสกับผิวกายผม พร้อมกันนั้นเกราะที่ปกคลุมเนินรักอวบนูนก็สลายตัวไปพร้อมแผ่นเกราะป้องกัน แก่นกายของผม ทำให้ท่อนลำลึงค์ยาวเหยียดวางแนบอยู่ระหว่างกลางสองแคมจน ด้วยแรงอัดที่ทำให้ผมรับรู้ถึงความเต่งตึงของแคมรักและความนุ่มนวลของไรขน บางเบาที่แผ่ปกคลุมเนินรักของธิดามังกรฟ้า ซึ่งแม้จะอยู่ในระหว่างการต่อสู้แลกชีวิต แต่ผิวกายนุ่มเนียนหอมกรุ่นที่แนบสนิมกับร่างผม และสัมผัสของเนินรักหยุ่นตึงกับแก่นกาย ทำให้แท่งเนื้อของผมแข็งตัวขึ้นมาในทันทีและเบ่งพองทับระหว่างสองแคมจน เผยอออกเล็กน้อย
‘ท่าน..ท่าน คิดจะทำอะไร..’
ธิดามังกรฟ้าอุทานออกมาด้วยใบหน้าแดงฉาน เมื่อรับรู้ว่าแก่นกายของผมได้ขยายตัวเป็นลำยาวทาบทับอยู่ระหว่างสองแคมจนทำ ให้กลีบเนื้อทั้งสองถูกแหวกออกเล็กน้อย
‘พี่เอ…โอกาสมาถึงแล้ว…พี่ต้องทำลายพรหมจรรย์ของนาง เพื่อสลายพลังของผลึกจักรราศี ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้นางหลุดรอดและใช้พลังมังกรวิบัติระเบิดร่างตัวเอง ทั้งเราและนางก็ต้องดับจิตทั้งหมด…พี่เอ.. เย็ดธิดามังกรฟ้าเดี๋ยวนี้เลย…’
‘พี่เอ…ทำตามที่พี่จานีสบอกเถอะ…ทิพย์ไม่อยากให้พี่เซี่ยวเล้งต้องตาย…’
จิตของจานีสและน้องทิพย์ดังขึ้นในจิตผม สมองผมสับสนระหว่างการทำลายปราณแห่งจักรราศีด้วยการร่วมรักกับหญิงสาวที่งาม สะท้านใจผู้นี้ กับความเหมาะสมที่จะต้องทำการที่เรียกได้ว่าเป็นการข่มขืนสตรี
‘ท่าน..ท่าน..อย่าทำลายพรหมจรรย์ของเรา….ท่านไม่ยึดถือการต่อสู้อย่างยุติธรรมหรือ…ปล่อยเราไปให้เรามีโอกาสต่อสู้เถอะ..’
ธิดามังกรฟ้าส่งจิตสั่นสะท้านมายังผม เมื่อได้รับรู้จิตของจานีสที่บอกให้ผมทำลายพรหมจรรย์แห่งเทวะนารี ผมจับจ้องดวงตาเรียวงามเบื้องหน้าก่อนขบกรามแน่นตัดสินใจเด็ดขาด..
‘เซี่ยวเล้ง…พี่ไม่ต้องการให้เซี่ยวเล้งต้องสูญชีวิต…พี่จำเป็นต้องเย็ดเซี่ยวเล้งเพื่อรักษาทุกสิ่งเอาไว้ อภัยให้พี่ด้วยนะ..’
‘อย่า…อย่า..ไม่นะ…’
ธิดามังกรฟ้าร้องออกมาด้วยความตระหนกเมื่อผมยกกัดฟันยกสะโพกต้านแรงบีบอัด ขึ้น จนแก่นกายที่ถูกอัดแน่นทาบทับกับเนินรักถูกยกตัวขึ้นและเปลี่ยนมาแท่งแนว ตั้งที่จ่อส่วนหัวระหว่างสองแคมอวบ…ผมปล่อยสะโพกให้แรงบีบอัดทำหน้าที่กด แก่นกายเพื่อให้ผ่านทะลวงเข้าไปในความสาวของธิดามังกรฟ้า แต่ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าสองแคมอวบยังคงปิดสนิทไม่มีทางที่แก่นกายผมจะ ผ่านลงไปภายในได้ ร่างผมสัมผัสได้ถึงการส่งปราณของธิดามังกรฟ้าไปรวมที่ร่องรักเพื่อผนึกกล้าม เนื้อปากทางเข้าให้เป็นปราการป้องกันพรหมจรรย์เอาไว้ ซึ่งแม้ผมจะพยายามกดหัวแก่นกายเข้าผ่านเข้าไปอย่างไรก็ไม่สามารถเปิดสอง แคมออกได้…ทันใดนั้นส่วนลึกของจิตใจผมพลันบังเกิดกระแสเสียงประหลาดขึ้น
………มังกรน้อยของข้า…จะต่อต้านผู้เป็นที่รักไปใยกัน……
ขณะเดียวกับร่างธิดามังกรฟ้าก็บังเกิดกระแสเสียงตอบรับแผ่วเบาแต่น้ำเสียงลิงโลดถึงขีดสุด
………นายท่าน…นายท่าน….ที่รักแห่งข้า…ข้ารอนายท่านมานานนัก….
ผมสบตาธิดามังกรฟ้าด้วยความแปลกใจ และรับรู้ว่ากระแสเสียงประหลาดที่เกิดขึ้นในร่างผมก็เกิดขึ้นในร่างธิดามังกรฟ้าเช่นกัน
……..แล้วเหตุใดเจ้าจึงปิดกั้นข้าจากความหอมหวานของมังกรน้อยเจ้า…..
……..ข้ามิได้ปิดกั้น….ข้ารอยนานท่านเสมอ …มาเถอะนายท่าน มังกรน้อยของท่านพร้อมแล้ว….
พลังปราณที่ผนึกปิดกั้นกลีบรักของธิดามังกรฟ้าสูญไปในทันที ลำลึงค์ยาวเหยียดของผมที่ปราศจากแรงต่อต้านจึงพุ่งอัดลงไประหว่างสองแคมที่ ไร้การต่อต้าน ผ่านทะลุเยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาดและแหวกกลีบเนื้อภายในร่องหลืบบริสุทธิ์ของ ธิดามังกรฟ้าลงไปจนสุดโคน…
“โอ๊ย….. เจ๊บ….ทะ ท่น…เอา..เอาออกไป….”
ธิดามังกรฟ้าร้องลั่นออกมาเมื่อพรหมจรรย์แห่งเทวะนารีถูกแก่นกายผมทำลาย ผิวลำลึงค์ผมรับรู้ได้ถึงความคับแน่นสุดขีดภายในร่องรัก พร้อมกับคราบเลือดเอ่อล้นออกมาจากภายใน ใบหน้างามสดใสบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดแต่ร่างยังคงถูกตรึงไว้กับร่างผมจน ไม่สามารถขยับร่างกายต่อต้านการบุกรุกได้…
‘เซี่ยวเล้ง…พี่ขอโทษ…แต่พี่ไม่มีทางเลือก…เอ๊ะ..อะไรกัน..’
ผมอุทานออกมาเมื่อประกายแสงสว่างเจิดจ้าก่อตัวขึ้นที่เนินรักของธิดามังกร ฟ้าซึ่งมีลำลึงค์ผมปักตรึงไว้ ประกายแสงรวมตัวอย่างรวดเร็วและลอยออกจากร่างธิดามังกรฟ้าขึ้นไปยังเพดาน ห้องโถงก่อนเปล่งประกายสว่างจ้าอีกครั้งแล้วพุ่งทะลุห้องโถงออกไปในความมืด เบื้องบนและหายวาบไปอย่างรวดเร็ว…
‘พี่เอ..สำเร็จแล้ว ปราณมังกรวิบัติถูกสลาย …’
จิตจานีสส่งมายังผมอย่างตื่นเต้น ขณะที่ผมจับจ้องสายตามองใบหน้าธิดามังกรฟ้า ดวงตายาวเรียวหลับลงพร้อมหยาดน้ำตาบนใบหน้าเป็นสาย ขณะที่ริมฝีปากเรียวบางเอ่ยคำพูดออกมาโดยไม่ผ่านกระแสจิต…
“เซี่ยวเล้งจบสิ้นแล้ว…ปราณสูญสลาย…พี่เอฆ่าเซี่ยวเล้งเดี๋ยวนี้เถอะ อย่าปล่อยให้เซี่ยวเล้งมีชีวิตต่อไปเลย..”
การเอ่ยคำพูดของธิดามังกรฟ้า ทำให้ผมรู้ว่าพลังจิตในการสื่อสารได้สูญสิ้นไปพร้อมปราณมังกรวิบัติ แรงต่อต้านของปราณในร่างธิดามังกรฟ้าทั้งหมดสลายลงในทันที ทำให้ร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศพร้อมผมปราศจากปราณหนุนเสริมและกำลังร่วงลงสู่ พื้น ผมรับช่อนร่างงามที่ถูกผมทำลายพรหมจรรย์มากระชับในอ้อมแขน แล้วค่อยๆ โคจรปราณลอยตัวลงไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งจานีสและน้องทิพย์เฝ้ารออยู่ ผมเคลื่อนร่างลงกับพื้นในท่านั่งโดยมีร่างธิดามังกรฟ้ากอดอยู่บนตัก แก่นกายผมยังคงฝังตัวแน่นอยู่ในร่องรักคับแน่นของเด็กสาว สัมผัสร่างกายที่ไร้แรงต่อต้านทำให้ผมรู้ว่าร่างเด็กสาวในอ้อมกอดของผมได้ เปลี่ยนจากเทวะนารีแห่งจักรราศีมาเป็นเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“เซี่ยวเล้ง…. เจ็บมากไหม…พี่จะเอาควยออกนะ…”
ผมกระซิบบอกธิดามังกรฟ้าในอ้อมแขนด้วยความสงสาร เมือพบว่าเด็กสาวทอดกายแน่นิ่งในอ้อมแขนผมโดยปราศจากความเคลื่อนไหวหรือ พยายามดิ้นรนให้แก่นกายผมที่ฝังอยู่ร่างหลุดออกไป
“พี่เอจะต้องกังวลอะไรกับความเจ็บปวดของเซี่ยวเล้ง ในเมื่อเซี่ยวเล้งไม่ใช่คนรักของพี่เอ เป็นแต่เพียงศัตรูที่พี่เอชนะในการต่อสู้ ในเมื่อพี่เอสามารถทำลายปราณของเซี่ยวเล้ง พี่เอต้องการจะระบายความแค้นกับเซี่ยวเล้งด้วยการเย็ดจนเสร็จสิ้นก็เชิญเถอะ …เซี่ยวเล้งไม่เหลืออะไรในชีวิตอีกแล้ว…”
ผมนิ่งอึ้งไปกับคำพูดที่แสดงถึงความไร้เยื่อใยในชีวิตของธิดามังกรฟ้า แต่ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำสิ่งใด เสียงของจานีสก็ดังขึ้นในภาษาเนปาลี ซึ่งผมและน้องทิพย์เข้าใจเมื่อผ่านกระแสจิต
“เซี่ยวเล้ง…ครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเด็กสาวแรกแย้มแสนบริสุทธิ์คนหนึ่ง ร้องไห้กับอกของหญิงชราที่เฝ้ารักษาหอตำราแห่งจักรราศี เด็กสาวคนนั้นกำลังสับสนกับการรับปราณจากผลึกมังกรที่จะทำให้กลับกลายเป็นเท วะนารีแห่งจักราศี แต่ต้องแลกมาด้วยการบั่นทอนอายุขัยให้เหลือเพียง 25 ปีก่อนปราณจะแห้งเหือดสิ้นชีวิต ครั้งนั้นหญิงชราได้ปลอบโยนและชี้ให้เด็กสาวดูคาวตกบนท้องฟ้า และบอกให้เด็กสาวคิดถึงดาวตกที่เปล่งประกายเจิดจ้าบนอากาศครู่เดียว แต่ก็สว่างกว่าหมู่ดาราทุกดวงในจักรวาล จนในที่สุดเด็กสาวก็ตัดสินใจรับปราณและทะยานเป็นหนึ่งในเทวะนารี แต่เด็กสาวคนนั้นก็ต้องสูญเสียความงดงามของจิตใจไปกับความแกร่งกร้าวของปราณ ทำให้จิตใจเด็กสาวแข็งกระด้างทุกครั้งที่ปราณมังกรวิบัติโคจรในร่างกาย จนในที่สุดเด็กสาวคนนั้นก็เป็นผู้มอบความตายที่ทรมานที่สุดให้กับหญิงชราคน นั้น”
คำพูดของจานีส ทำให้ธิดามังกรฟ้าเงยหน้าขึ้นทันทีและจับจ้องใบหน้างดงามของจานีสเขม็งก่อนอุทานออกมา
“น้องจานีส…รู้เรื่องของเซี่ยวเล้งได้อย่างไร…นี่เป็นเรื่องที่มีเพียง เซี่ยวเล้งกับผู้เฒ่าจานีสผู้เป็นโหราทาสเท่านั้นที่รับรู้…น้องจานีสพูด และใช้วาจาราวกับบุคคลในจักรราศี…นะน้องจานีสเป็นใครกันแน่”
จานีสยิ้มให้ธิดามังกรฟ้าอย่างอ่อนหวานและเคลื่อนร่างเข้าหาร่างเปลือยใน อ้อมกอดผม พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบเรือนผมยาวสลายของธิดามังกรฟ้า ก่อนกอดร่างเปลือยที่กำลังสั่นสะท้านไว้
“ถ้าจานีสจะบอกว่าจานีสก็คือโหราทาสที่สูญสิ้นชีวิตไปแล้วกลับเกิดใหม่จาก ปราณของพี่เอ..เซี่ยวเล้งจะยอมให้จานีสถอนคำพูดเรื่องดาวตกที่เปล่งประกาย เจิดจ้า และยอมรับชีวิตธรรมดาที่ยั่งยืนของดวงดาวธรรมดาหรือไม่..”
“ท่าน….ท่าน…ท่านคือจานีส…จริงๆ หรือ..แต่ผมท่าน ใบหน้าท่าน สีผิวท่าน….”
ธิดามังกรฟ้าส่งเสียงตะกุกตะกักอย่างไม่ยอมเชื่อ ขณะเอื้อมมือมาลูบไล้ใบหน้าเปล่งปลั่งของจานีส
“เซี่ยวเล้ง..จานีสมิใช่หญิงชราคนนั้นอีกแล้ว บัดนี้จานีสเป็นภรรยาคนหนึ่งของพี่เอ ความตายที่ผ่านมาทำให้จานีสรู้ว่าไม่มีสิ่งใดทำให้ชีวิตสมบูรณ์ได้นอกจาก ความรัก…”
“ความรัก…เซี่ยวเล้งไม่รู้จัก…”
ธิดามังกรฟ้าในอ้อมแขนพึมพำออกมาอย่างสับสน
“ เซี่ยวเล้ง ตอบจานีสมาตรงๆ นะว่าเมื่อเซี่ยวเล้งเห็นนิมิตอีกครั้งหลังจากพบพี่เอ เซี่ยวเล้งรู้สึกอย่างไรกับพี่เอ…”
ใบหน้าธิดามังกรฟ้าหันดวงตาเรียวงามจับจ้องใบหน้าผมวูบหนึ่งก่อนก้มลงส่งเสียงตอบจานีส
“เซี่ยวเล้งก็ไม่รู้…มันคล้ายกับว่าเซี่ยวเล้งรู้จักบุรุษผู้นี้มานานแสน นาน ทำให้เซี่ยวเล้งต้องเชิญให้พี่เอขึ้นมาในห้อง ทั้งที่เป็นการฝ่าฝืนกฎของจักรราศี..”
“ทำไมเซี่ยวเล้งไม่บอกตรงๆ ละว่า จิตของเซี่ยวเล้งร่ำร้องต้องการมอบร่างกายให้พี่เอ..”
“ท่านจานีส…..”
ธิดามังกรฟ้าส่งเสียงสั่นสะท้าน ใบหน้าแดงฉานเพิ่มความงามที่น่าทะนุถนอม จนผมแทบอดกลั้นที่จะสัมผัสพวงแก้มเต่งตึงนั้นไม่ได้
“เซี่ยวเล้งอย่าเรียกจานีสเป็นท่านเลย…เรียกชื่อจานีสตรงๆ เถอะ…และจานีสขอบอกว่าจานีสก็มีนิมิตเดียวกันกับเซี่ยวเล้ง จนในทันทีที่จานีสได้รับร่างกายใหม่ สิ่งแรกที่จานีสทำก็คือมอบร่างกายที่บริสุทธิ์ให้พี่เอครอบครอง…และตั้งใจ ที่จะใช้ชีวิตรับใช้พี่เอตลอดไป..”
“แต่เซี่ยวเล้งกลับเป็นผู้ปราศจากปราณ อ่อนแอไม่ต่างกับคนธรรมดา จานีสจะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร”
ร่างเปลือยเปล่าของน้องทิพย์ที่สลายเกราะมังกรวารีออกจากร่างและได้รับการ พันผ้าที่บาดแผลจากปราณกระบี่ เคลื่อนร่างมาหาผมและโอบร่างธิดามังกรฟ้าเอาไว้ก่อนกระซิบเบาๆ ที่ข้างใบหูขาวสะอาด
“พี่เซี่ยวเล้ง…พี่ไม่จำเป็นต้องมีปราณใดๆ หรอก ถึงแม้ทิพย์จะไม่เคยเกิดนิมิตเช่นเดียวกับพี่จานีสและพี่เซี่ยวเล้ง แต่ทิพย์ก็รู้สึกผูกพันกับพี่เซี่ยวเล้งตั้งแต่แรกพบ และไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูแม้แต่น้อย ถึงแม้พี่เซี่ยวเล้งจะต้องการฆ่าทิพย์ก็ตาม..พี่เซี่ยวเล้งทิ้งจักราศีแล้ว มาอยู่กับพวกเราเถอะนะ…”
ธิดามังกรฟ้าสบตาน้องทิพย์วูบหนึ่งแล้วหันใบหน้ามาหาผม เสียงสั่นระริกค่อยๆ ลอดออกจากริมฝีปากเรียวบาง
“พี่เอ…แล้วพี่เอจะ..จะ…ต้องการเซี่ยวเล้งหรือไม่…อุ๊ย…”
ธิดามังกรฟ้าในอ้อมแขนสะดุ้งเฮือกเมื่อผมใช้วิธีจูบริมฝีปากเรียวบางอ่อน นุ่มเบื้องหน้าแทนคำตอบ ความอ่อนหวานสดชื่นพลุ่งเข้ามาปากผมราวสายน้ำทิพย์ ผมค่อยๆ สอดสิ้นผ่านไรฟันซี่น้อยๆ ที่เผยออ้าออกอย่างลืมตัวเข้าสัมผัสเรียวลิ้นบางที่ส่ายไปมาจากรสจูบที่ เริ่มกระตุ้นอามรณ์รักของเด็กสาว และในทันทีที่ลิ้นน้อยๆ สัมผัสกับลิ้นผม ก็เริ่มเกี่ยวกระหวัดกันพร้อมกับร่างในอ้อมแขนผมที่เริ่มบิดส่ายไปมาช้าๆ
ผมคลายอ้อมแขนที่ประคองร่างธิดามังกรฟ้าปล่อยให้ร่างงามขาวผ่องราวหิมะนอน เหยียดยาวลงกับพื้นแล้วทาบทับร่างนุ่มนวลโดยที่แก่นกายยังคงฝังแน่นอยู่ความ รัดรึงของหลืบรัก สองมือผมเลื่อนขึ้นไปสู่ทรวงอกที่ดูจะมีขนาดใหญ่กว่าเด็กสาววัยเดียวกัน แต่เมื่อผมบีบเคล้นมันเบาๆ ความเต่งตึงสู้มือที่สะท้อนออกมาทำให้ผมรู้ว่านี่คือทรวงอกที่งามสมบูรณ์ ทั้งรูปร่างและสัมผัส เม็ดยอดน้อยๆ ชูชันสั่นระริกเมื่อฝ่ามือผมลูบไล้ผ่าน ขณะที่เจ้าของเอื้อมมือขึ้นมากอดรอบคอผมอย่างลืมตัว
“อือ…อาห์…”
ธิดามังกรฟ้าบิดส่ายร่างงามไปมาเมื่อถูกกระตุ้นจากการจูบและเม็ดยอดทรวงอก ที่ไวต่อความรู้สึก สะโพกอวบอิ่มเริ่มบิดส่ายไปจนหลืบเนื้อในร่องรักบดอัดกับแก่นกายผมสร้าง สัมผัสรัดรึงรอบแก่นกาย ภายในร่องหลืบเริ่มมีน้ำรักหลั่งรินออกมาช้าๆ ทำให้ผมสามารถขยับแท่งเนื้อขึ้นลงได้ ผมดึงแก่นกายขึ้นมาเล็กน้อยและกดกลับลงในระยะสั้นๆ ทำให้ร่างงามสะท้านเฮือก ใบหน้าเงยขึ้นจากการจูบแล้วส่งเสียงครางออกมา
“พะ พะ พี่เอ….บะ เบาหน่อย เซี๋ยวเล้ง…เจ็บ…”
น้องทิพย์รีบแทรกร่างเปลือยเข้าทางด้านข้างธิดามังกรฟ้า พร้อมลูบไล้เรือนร่างนุ่มเนียนก่อนกระซิบที่ข้างหูเบาๆ
“พี่เซี่ยวเล้งทนนิดนึงนะ หีพี่เซี่ยวเล้งทั้งอวบทั้งอูมแบบนี้ เดี๋ยวก็หายเจ็บ…แล้วจะมีแต่ความเสียวตามมา”
“นะน้องทิพย์…เซี่ยวเล้งเจ็บ ..แต่ก็หวิวไปหมด…มันสะ เสียว…อ๊า….”
ธิดามังกรฟ้าครางลั่นเมื่อผมค่อยๆ เพิ่มระยะการกระเด้ามากขึ้น จนแก่นเนื้อสามารถเคลื่อนที่ขึ้นลงในร้องรักได้ทั้งยวง แต่ความรัดรึงของสาวบริสุทธิ์ก็ยังคงความคับแน่นจนความเสียวที่เกิดขึ้นกับ แก่นกายผมแทบระเบิดออกมา ผมกัดฟันแน่นยกร่างขึ้นจากการทาบทับมาอยู่ในท่าคุกเข่า สองแขนช้อนขาอ่อนอวบแน่นของธิดามังกรฟ้าขึ้นมาอยู่ในวงข้อศอก ทำให้เนินรักแอ่นตัวอัดแน่นกับหน้าท้องผม สายตาผมก้มลงมอบภาพแคมรักอวบทั้งสองที่บีดรัดแก่นกายผมแน่นเปรี๊ยะด้วยความ ตื่นใจ คราบเลือดพรหมจรรย์ที่อ่อนจางจากการผสมกับน้ำหล่อลื่นเคลือบผิวของลำลึงค์ ยาวเหยียดเอาไว้ แต่เด็กสาวผู้เพิ่งรับรสรักเป็นครั้งแรกกลับไม่แสดงอาการเจ็บปวดออกมาอีก ความเสียวจากการเสียดสีของลำลึงค์ที่ครูดผ่านติ่งเสียวเม็ดน้อย ทำให้ธิดามังกรฟ้าบิดกายไปมาขณะที่เสียงครวญครางดังขึ้นเป็นระยะตามความ เสียวที่ทวีขึ้น
“พี่เอ..พี่เอ….เซียวเล้ง…มะ มะ ไม่ไหวแล้ว อ๊าย…..”
กลีบเนื้ออ่อนนุ่มในร่องรักของเทวะนารีแห่งจักราศีมังกรกระตุกถี่ยิบ เมื่อความเสียวพุ่งขึ้นถึงจุดสุดยอด สะโพกอวบแอ่นโค้งเหยียดขึ้นอัดรับการกระเด้ายาวเหยียดครั้งสุดท้ายของผม
“เซี่ยวเล้ง…พี่ก็…ก็…มาแล้ว”
สายน้ำรักขุ่นข้นที่อัดอยู่ในลำลึงค์ผมระเบิดพรวดเข้าสู่ภายในร่องรักจนร่าง ธิดามังกรฟ้ากระตุกเฮือก เมื่อรับรู้ถึงความรักของผมที่อัดแน่นเข้าไปภายในจนหลั่งล้นออกมาเนืองนอง ปราณในร่างผมไหลเข้าสู่ร่างธิดามังกรฟ้าดังที่เคยเกิดขึ้นกับทุกคนที่ผมร่วม รัก ซึ่งสำหรับธิดามังกรฟ้าผู้เพิ่งสูญเสียปราณละผ่านช่วงอายุ 15 ปีไปนานพอควร ผมจึงไม่คิดว่าปราณที่ไหลเข้าสู่ร่างนี้จะส่งผลใดๆ ต่อธิดามังกรฟ้า แต่ผมต้องตื่นเต้นจนแทบระงับไว้ไม่ได้เมื่อปราณที่วนเวียนนั้นกำลังบอกให้ผม รู้ว่าผมเข้าใจผิดพลาด
จิตผมรับรู้ว่าปราณกำลังแทรกผ่านเข้าสู่จักรที่ตีบตันในร่างธิดามังกรฟ้าอัน เป็นผลมาจากการสูญปราณไปจากร่าง แต่แทนที่ปราณของผมจะถูกปิดกั้น จักรทั้งสี่ในร่างธิดามังกรฟ้ากลับเปิดออกราวกับปราณของผมคือสายน้ำที่ไหล เข้าสู่พื้นดินที่แตกระแหงและซึมรับพลังที่ถ่ายทอดเข้าไปช้าๆ ทำให้ธิดามังกรซึ่งร่างกายเพิ่งหยุดสั่นจากความเสียวสุดยอดเบิกตาโพลงและ อุทานออกมาในใจ..
‘นี่มันอะไรกัน ทำไมปราณที่เอจึงเข้ามาฟื้นจักรในตัวเราได้’
จิตผมรับรู้ความคิดของธิดามังกรฟ้าในทันทีและทดลองส่งกระแสจิตตอบไป
‘เซี่ยวเล้ง ได้รับกระแสจิตของพี่ไหม’
ดวงตาธิดามังกรฟ้าเบิกโพลงในทันที และส่งจิตกลับมาอย่างตื่นเต้น
‘พี่เอ..พี่เอ..เซี่ยวเล้งได้ยิน..เซี่ยวเล้งฟื้นความสามารถในการสื่อสารทางจิตแล้ว’
‘ไม่ใช่แค่พี่เอหรอกพี่เซี่ยวเล้ง ทิพย์ก็ได้ยินพี่เซี่ยวเล้งเหมือนกัน’
‘จานีสก็สื่อกับเซี่ยวเล้งได้ ไม่นึกเลยว่าปราณของพี่เอสามารถฟื้นฟูจักรของเซี่ยวเล้งที่ตีบตันจากการเร่ง เร้าพลังของผลึกราศีมังกร …เซี่ยวเล้ง ระงับสติไว้และหลอมรวมปราณกับพี่เอเดี๋ยวนี้ จานีสมั่นใจว่าเมื่อโคจรพลังร่วมกับพี่เอสำเร็จ พลังปราณของเซี่ยวเล้งจะฟื้นคืน และคราวนี้จะไม่ทำร้ายร่างกายหรือบั่นทอนอายุของเซี่ยวเล้งอีกต่อไป..’
น้องทิพย์กับจานีสสื่อจิตกับธิดามังกรฟ้าพร้อมๆ กัน ทำให้ผมระงับความแปลกใจพร้อมกับค่อยๆ ผนึกลมปราณปรับสภาพจักรของธิดามังกรฟ้าช้าๆ และรับรู้ถึงกระแสพลังปราณธรรมชาติบริสุทธิ์ที่ก่อกำเนิดขึ้นในจักรอัคคีที่ ท้องน้อยซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพลังปราณ ผมค่อยๆ ชักนำพลังปราณธรรมชาติในร่างธิดามังกรฟ้าหลอมรวมเข้ากับปราณที่ผมถ่านทอดให้ รอบแล้วรอบเล่า ขณะที่ธิดามังกรฟ้าก็หลับตาผนึกสมาธิร่วมโคจรพลังกับผมอย่างใจจรดใจจ่อ จนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง พลังปราณในร่างเซี่ยวเล้งก็สามารถโคจรได้เองและเพิ่มความเข้มแข็งขึ้นทุกขณะ
‘พี่เอ…เซี่ยวเล้งฟื้นปราณแล้ว แต่ทำไมปราณนี้ถึงไม่ร้อนเร่าทำให้เซี่ยวเล้งกลับกลายเป็นจิตใจแข็งกร้าว เหมือนแต่ก่อนที่มีปราณมังกรวิบัติ ปราณนี้ช่างอบอุ่นและทำให้จิตใจเซี่ยวเล้งสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน’
‘การรับปราณของเซี่ยวเล้งนี้เหมือนกับตอนที่พี่ถ่ายทอดปราณให้ทุกคนที่ผ่าน มา แต่ทุกคนนั้นล้วนไม่เคยฝึกปรือปราณมาก่อนและอายุไม่เกิน 15 ทั้งนั้น การที่พี่สามารถถ่ายทอดปราณให้เซี่ยวเล้งได้แบบนี้ พี่เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน’
ผมส่งจิตตอบเซี่ยวเล้งอย่างงุนงง ขณะที่จิตของจานีสส่งแทรกเข้ามาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
‘ข้อนี้จานีสคิดว่าทราบเหตุผลนะ.. จานีสเชื่อว่าเป็นเพราะปราณธรรมชาติของเซี่ยวเล้งถูกกักให้คงสภาพอยู่ภายใต้ อำนาจของปราณมังกรวิบัติ ทำให้แม้เซี่ยวเล้งจะอายุเกิน 15 แล้ว แต่มวลปราณยังคงเป็นของเด็กหญิงวัยก่อนที่จะเข้าไปในจักรราศี พี่เอจึงสามารถกระตุ้นปราณธรรมชาติให้รับการถ่ายปราณได้ ส่วนที่เซี่ยวเล้งสงสัยว่าทำไมปราณพี่เอจึงไม่ก้าวร้าวรุนแรงและเปลี่ยนจิต ใจผู้ทรงปราณให้แข็งกร้าวนั้น ก็เป็นเพราะปราณของพี่เอมีรากฐานจากปราณคชสีห์ ซึ่งเป็นปราณเดียวในโลกที่เกิดจากการผสมผสานปราณแห่งแสงสว่างและความมืดเอา ไว้ จึงเป็นปราณที่มีความสมดุลของพลังทั้งสองกระแส และทำให้จิตใจของเซี่ยวเล้งสงบต่างจากประสบการณ์ของปราณแสงสว่างบริสุทธิ์ เพียงด้านเดียวซึ่งเซี่ยวเล้งเคยครอบครอง ที่ทำให้จิตใจของเซี่ยวเล้งดุดันก้าวร้าวถึงที่สุด’
คำอธิบายของจานีสทำให้ผมเข้าใจในทันที และโล่งใจที่ธิดามังกรฟ้าผู้กลายมาเป็นภรรยาผมอีกคนจะสามารถใช้ชีวิตในโลก ของผู้ทรงปราณกับผมและน้องๆ ทุกคนได้
‘พะ พี่เอ…เอ้อ..พี่เอเอา..เอา..ของพี่เอ..ออกก่อนได้ไหม..เซี่ยวเล้ง อายจังที่มาทำอะไรกับพี่เอต่อหน้าน้องทิพย์กับท่านจานีสแบบนี้’
น้องทิพย์หัวเราะกิ๊กออกมา แล้วเคลื่อนร่างเข้ากอดธิดามังกรฟ้าไว้แน่น
‘พี่เซี่ยวเล้งไม่ต้องอายหรอก บอกพี่เอไปตรงๆ เลยว่าเอาควยออกไปจากหีพี่เซี่ยวเล้งก่อน และก็ไม่ต้องอายทิพย์กับจานีสด้วย เพราะต่อจากนี้ไปพี่เซี่ยวเล้งจะต้องเย็ดพี่เอร่วมกับพวกเราทุกคน ทิพย์รับรองว่าควยพี่เอนอกจากจะช่วยรักาษอการบาดเจ็บและเพิ่มพลังปราณแล้ว มันยังไม่ยอมหยุดเย็ดง่ายๆ พี่เซี่ยวเล้งจะมีความสุขจนสำลักเลย…เชื่อทิพย์เถอะ..’
‘บ้า ทิพย์นี่พูดอะไรอย่างนั้น เซี่ยวเล้งไม่กล้าหรอก…’
ธิดามังกรฟ้าหน้าแดงฉาน มือน้อยๆ ยกขึ้นตีแขนน้องทิพย์เบาๆ ด้วยความเขินอาย กริยาน่ารักของเด็กสาวทำให้ผมอดก้มลงจูบริมฝีปากเรียวบางอย่างทะนุถนอมไม่ ได้
‘เซี่ยวเล้งไม่ต้องกังวลนะ ถ้าเซี่ยวเล้งยังไม่ต้องการพี่ก็ไม่ฝืนใจให้เซี่ยวเล้งเย็ดกับพี่หรอก..’
สองแก้มธิดามังกรฟ้าหน้าแดงสดใส ขณะก้มศีรษะแล้วส่งจิตให้ผมแผ่วเบา
‘พี่เอสอนให้เซี่ยวเล้งรู้จักความสุขที่สุดในชีวิตแบบนี้ เซี่ยวเล้งคิดว่าพี่เอต่างหากที่ต้องคอยหลบหลีกความต้องการของเซี่ยวเล้ง… อุ๊ย…อย่า อย่าเพิ่ง….พี่เอของเซี่ยวเล้งพักก่อน’
ธิดามังกรฟ้าร้องอุทานออกมาเมื่อพบว่าแทนที่ผมจะถอนแก่กายออกจากหลืบรัก ผมกลับเริ่มขยับมันขึ้นลงราวกับจะเริ่มเกมส์รักครั้งที่สอง กริยาของเซี่ยวเล้งทำให้ผมต้องข่มกลั้นความต้องการที่รับความรัดรึงในร่อง รักเซี่ยวเล้งเอาไว้ แล้วค่อยๆ ถอนลำลึงค์ยาวเหยียดออกจากช้าๆ จนหลุดออกมาพร้อมน้ำรักจำนวนมากที่ไหลออกมาจากสองแคมอวบอูมเป็นสาย
‘อูย พี่เอ…มดลูกเซี่ยวเล้งพังหรือเปล่าก็ไม่รู้’
ธิดามังกรฟ้าครางแบบบ่นๆ ขณะน้องทิพย์เข้าประคองร่างงามให้ลุกขึ้น
‘พี่เซี่ยวเล้งไปล้างตัวกับทิพย์ก่อนเถอะ ควยพี่เอเล่นงานธิดามังกรฟ้าเสียเลอะไปหมดเลย’
‘น้องทิพย์ ท่านจานีส และพี่เอ อย่าเรียกเซี่ยวเล้งเป็นธิดามังกรฟ้า นับแต่นี้จะมีเพียงเซี่ยวเล้งเท่านั้น อย่าใช้ชื่อที่เซี่ยวเล้งอยากลืมอีกเลย’
เซี่ยวเล้งลุกขึ้นยืนตามการประคองของน้องทิพย์ และส่งจิตขอให้ทุกคนลืมฐานะของธิดามังกรฟ้าไว้เป็นอดีต ขณะจานีสก้าวเข้ามาประคองเซี่ยวเล้งอีกด้านหนึ่งแล้วส่งจิตอ่อนโยนไปยังเด็ก สาว
‘จานีสยอมรับคำขอของเซี่ยวเล้ง และเชื่อว่าพี่เอกับน้องทิพย์ก็ไม่ปฏิเสธแน่นอน แต่จานีสก็ขอให้เซี่ยวเล้งอย่าเรียกจานีสว่าท่าน เพราะจานีสที่อยู่ตรงนี้แม้จะมีความทรงจำของโหราทาสที่เซี่ยวเล้งรู้จัก แต่นี่เป็นร่างของจานีสที่ก่อเกิดขึ้นใหม่ เซี่ยวเล้งเรียกชื่อจานีสธรรมดาก็พอ และจานีสก็จะยึดถือเซี่ยวเล้งเป็นน้องสาวที่จานีสจะรักตลอดไป’
‘พี่จานีส….’
เซี่ยวเล้งส่งจิตที่ตื้นตันมาให้จานีส ทำให้เด็กสาวทั้งสามยิ้มให้กันอย่างแจ่มใสและพากันเตรียมเดินกลับเข้าไปใน ห้องหน้ามุขที่เคยเป็นที่พักของธิดามังกรฟ้าในอดีต แต่ก่อนที่เซี่ยวเล้งจะก้าวเท้า เด็กสาวกลับชะงักร่างแล้วหันกลับมาทางผม
‘พี่เอ…เซี่ยวเล้งอยากถามพี่เอเรื่องหนึ่ง…’
ผมสบตาสุกใสของเซี่ยวเล้งโดยพยามไม่มองต่ำลงไปที่เรือนร่างเปลือยเปล่าซึ่งเพิ่งผ่านการร่วมรัก
‘เรื่องอะไรหรือ เซียวเล้ง’
‘พี่เอจำได้ไหมว่าก่อนที่พี่เอจะ…เอ้อ..เย็ดเซี่ยวเล้งสำเร็จ เซี่ยวเล้งใช้ปราณผนึกกั้นการบุกรุกของ..ของ..ควยพี่เอ จนพี่เอดันมันเข้ามาในหีเซี่ยวเล้งไม่ได้ แต่กลับมีเสียงประหลาดที่เป็นเสียงของพี่เอดังขึ้นเรียกเซี่ยวเล้งว่ามังกร น้อย และก็มีเสียงของเซี่ยวเล้งที่ไม่ใช่ตัวของเซี่ยวเล้งตอบรับ ทำให้ปราณที่ปิดกั้นแคมหีเซี่ยวเล้งสลายจนควยพี่เอแทงเข้ามาทำลายพรหมจรรย์ เซี่ยวเล้งสำเร็จ’
จิตของเซี่ยวเล้งที่ถามมาทำให้ผมระลึกได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับคำพูดทุกคำที่ได้ยินในจิต
[i]………มังกรน้อยของข้า…จะต่อต้านผู้เป็นที่รักไปใยกัน…….
………นายท่าน…นายท่าน….ที่รักแห่งข้า…ข้ารอนายท่านมานานนัก….
……..แล้วเหตุใดเจ้าจึงปิดกั้นข้าจากความหอมหวานของมังกรน้อยเจ้า…..
……..ข้ามิได้ปิดกั้น….ข้ารอยนายท่านเสมอ …มาเถอะนายท่าน มังกรน้อยของท่านพร้อมแล้ว….[/i]
‘พี่จำได้ทุกคำที่เสียงนั้นเกิดขึ้นแต่พี่เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่พี่เชื่อว่าสักวันหนึ่งเราคงเข้าใจ เซี่ยวเล้งอย่าเพิ่งคิดอะไรเลย ไปอาบน้ำเถอะ’
อดีตธิดามังกรฟ้าผู้งดงาม ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนหวานแล้วหันกายกลับไปพร้อมน้องทิพย์และจานีส ขณะที่สายตาผมจับจ้องสะโพกกลมกลึงเปลือยเปล่าที่ตามร่างเซี่ยวเล้งเข้าไปใน ห้องหน้ามุข แล้วเลี้ยวไปทางซ้ายเพื่อไปยังห้องน้ำใหญ่ของนิวาศมังกร
‘อ้าวพี่เอ…เข้ามาทำไมในนี้’
น้องทิพย์อุทานออกมาเมื่อพบว่าผมเดินตามเด็กสาวทั้งสามเข้ามาในห้องน้ำขนาด ใหญ่ที่กลางห้องมีอ่างอาบน้ำทรงกลมมหึมาที่มีพื้นที่กว้างพอสำหรับคนเกือบ 10 คนลงแช่ร่างพร้อมกัน ผมยิ้มให้เมียผมทุกคนแล้วตรงเข้าช้อนร่างเปลือยของเซี่ยวเล้งขึ้นมาในวงแขน และก้าวตรงไปที่อ่างน้ำซึ่งมีน้ำใสสะอาดเต็มเปี่ยม…
‘พี่เป็นคนทำให้เซี่ยวเล้งเลอะเทอะแบบนี้ พี่ต้องรับผิดชอบในการล้างทุกส่วนของเซี่ยวเล้งให้สะอาดด้วยตัวเอง…’
‘พี่เอ….อื๋ย…..ยะ อย่าคลึงตรงนั้น…’
เซี่ยวเล้งส่งจิตประท้วงสั่นๆ เมื่อผมอุ้มร่างงามลงไปในอ่างน้ำขนาดใหญ่ และเคล้นคลึงความหยุ่นตึงของเต้านมวัยสาวไว้ในอุ้งมือ ขณะที่น้องทิพย์สั่นศีรษะอย่างระอาใจก่อนส่งจิตกับจานีส
‘เฮ้อ….ทิพย์ว่าแล้ว พี่เซี่ยวเล้งงามขนาดนี้พี่เอจะยอมเย็ดครั้งเดียวได้ยังไง พี่จานีสเราลงไปร่วมด้วยเถอะ..’