ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

The paradox 1.2 ชะตากรรม

  1. Home
  2. The Paradox & The Zodiac by Buta
  3. The paradox 1.2 ชะตากรรม
Next

The paradox 1.2 ชะตากรรม
พุทธศักราช 2520

ร่างบอบบางของเด็กหญิงผมสั้นในชุดเสื้อยืดหลวมโคร่ง กางเกงขาสั้นเล่นกีฬาสีขาวที่เผยให้เห็นลำขาเรียวยาว แต่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแบบนักกีฬา กระโดดเข้าใส่เด็กหนุ่มวัย 15 ปีที่กำลังนั่งชมภาพยนตร์อยู่ที่โซฟาหนานุ่ม จนร่างเด็กหนุ่มหงายลงไปกับเบาะโดยมีร่างของเด็กหญิงทาบทับอยู่ด้านบน ปากเรียวบางส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น…

“ พี่เอ..พี่เอ…ครูใหญ่บอกว่าพี่เอติดเตรียมอุดมแล้วนะ เป็นคนเดียวในโรงเรียนเลย รินรีบมาบอกพี่เอเป็นคนแรกเลยนะ”

เด็กหนุ่มยันร่างขึ้นจากการทาบทับของเด็กหญิงเพื่อนเล่นวัยเด็ก ยกร่างรินลดาขึ้นอย่างง่ายดายแล้วปล่อยให้นั่งข้างๆ สองมือเด็กหนุ่มขยี้ผมสั้นซอยที่ทำให้เด็กหญิงดูราวกับเด็กผู้ชายอย่าง เอ็นดู

“ พี่รู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผู้อำนวยการเตรียมอุดมโทรมาบอกคุณพ่อพี่เองแหละ”

รินลดาหน้าม่อยลง ด้วยความผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้เป็นคนแรกที่ทำให้พี่ชายที่สนิทที่สุดรู้ ข่าวเป็นคนแรก ปากน้อยๆ ส่งเสียงบ่นอย่างแง่งอน..

“ว้า คุณลุงคุณป้าหลอกรินนี่นา.. เมื่อกี้คุณป้าทำยังกับว่าเพิ่งรู้แล้วเร่งให้รินมาบอกพี่เอก”

“เอ้า..งั้นถือว่าพี่ยังไม่รู้ก็ดี…โอ๊ย ดีใจจังเลย..”

เด็กหนุ่ม หรือนายไกรวิทย์ คชสีห์ แกล้งล้อรินลดาด้วยความเอ็นดู ทำให้เด็กหญิงระดมกำปั้นน้อยๆ ทุบใส่อกแข็งแรงที่แผ่กว้างตรงหน้าถี่ยิบ..

“ บ้า บ้า บ้า ..พี่เอกนี่ ล้อรินเรื่อยเลย เดี๋ยวรินไปหาน้องกิฟท์ให้มาช่วยรุมพี่เอกดีกว่า”

ไกรวิทย์ยิ้มให้เด็กหญิงเบื้องหน้าอย่างล้อๆ

“พนันกับพี่ไหมล่ะ…อีกไม่เกิน 10 นาที ยายกิฟท์ ต้องวิ่งแจ้นเข้ามาเหมือนกันแหละ..”

ไม่ทันขาดคำ เสียงใสแจ๋วของเด็กหญิงอีกคนหนึ่งก็ดังลั่นจากจากหน้าบ้าน…

“ พี่เอ….พี่เอ…”

เสียงค่อยๆ เพิ่มความดังขึ้น จนกระทั่งร่างเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับรินลดาปรากฏขึ้นที่หน้าประตู เจ้าของเสียง หอบแฮ่กๆ แต่ทำหน้าสงสัยที่เห็นไกรวิทย์นั่งคู่กับรินลดาบนโซฟา พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มขณะที่รินลดามีสีหน้ากลั้นหัวเราะไว้อย่าง ยากเย็น…

“อ้าว…กิฟท์ วิ่งมาทำไม มีอะไรด่วนเหรอ..”

ไกรวิทย์ถามด้วยน้ำเสียงที่แกล้งทำเป็นสงสัยเต็มที่ น้องกิฟท์ เด็กหญิงผู้มาใหม่ มองไกรวิทย์และรินลดาอย่างไม่แน่ใน ก่อนส่งเสียงอย่างไม่แน่ใจ..

“ กิฟท์จะมาบอกพี่เอว่า พี่เอสอบเข้าเตรียมอุดมได้แล้วน่ะ”

มือน้อยๆ ของรินลดาที่ซ่อนอยู่หลังโซฟา บีบมือไกรวิทย์เป็นสัญญานบอกใบ้ ก่อนร้องอุทานออกมา

“โอ๊ย..จริงหรือนี่ รินดีใจจริงๆ พี่เอ ดีใจไหม ”

ไกรวิทย์แกล้งทำหน้าตื่นตามสัญญานบอกใบ้ที่ได้รับ ส่งเสียงอุทานลั่น

“ จริงหรือนี่ กิฟท์ไม่ได้หลอกพี่นะ.. ”

เด็กหญิงผู้มาใหม่ ยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังไม่รับรู้ “ข่าวสำคัญ” ที่ตนเองรีบมาบอก ร่างเพรียวบางถลาเข้ามาไกรวิทย์กับรินลดาที่โซฟาทันที แล้วมาแทรกอยู่ระหว่างกลาง โดยทั้งสองช่วยเขยิบเพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้มาใหม่แทรกตัวเข้ามา

ไกรวิทย์ลูบผมเด็กหญิงอย่างเอ็นดู น้องกิฟท์ หรือเด็กหญิงอัจฉริยา ทรัพย์ทวี เป็นลูกสาวคนสุดท้องของพ.ต.อ.สมภพ ทรัพย์ทวี ผู้กำกับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ ที่อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเดียวกันกับเด็กหนุ่มและรินลดา แม้จะเกิดปีเดียวกันกับน้องริน แต่ด้วยความที่อ่อนเดือนกว่าถึง 8 เดือน ทำให้น้องรินวางตัวเป็นพี่สาวของน้องกิฟท์มาตั้งแต่เด็ก โดยที่ผู้อ่อนเดือนกว่าก็ยอมรับสถานะอย่างไม่โต้แย้ง เนื่องจากพี่ชายและพี่สาวของน้องกิฟท์ ล้วนแก่กว่าเกือบ 10 ปี ความเป็นลูกหลงท้องที่อายุต่างกับพี่ๆ ทำให้เด็กหญิงมาสนิทสนมกับไกรวิทย์และรินลดา โดยให้ไกรวิทย์ทำหน้าที่พี่ใหญ่ ทั้งสามเติบโตมาด้วยกันในหมู่บ้านที่สงบเงียบแห่งนี้ เป็นเพื่อนเล่น เป็นพี่น้องที่สนิทกันราวกับพี่น้องแท้ๆ

อัจฉริยาหันไปคุยกับน้องรินอย่างสนุกสนาน ปล่อยให้ไกรวิทย์มีโอกาสหยุดพักการพูดคุย และพิจารณาร่างน้องสาวทั้งสองอย่างละเอียด เวลาที่ผ่านไปอย่างช้าๆ ทำให้เด็กหนุ่มแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนเล่นวัยเด็กทั้งสองกำลังเติบโต ย่างเข้าสู่วัยสาว และมีท่าทีว่าจะเป็นหญิงสาวที่น่ารักที่สุดทั้งคู่ในเวลาไม่นานนัก แม้ไกรวิทย์จะมีโอกาสเรียนรู้เรื่องเพศจากความคะนองวัยหนุ่มตั้งแต่อายุ 13 ผ่านโสเภณีย่านตรอกต้นโพธิ์ และกำแพงดินมาแล้วหลายครั้งก็ตาม สัญชาตญานทางเพศของวัยหนุ่มไม่เคยเกิดขึ้นกับเด็กหญิงทั้งสองเบื้องหน้า เนื่องจากความสนิทสนมที่ไม่แตกต่างกับพี่น้องแท้ๆ แต่การกระโดดเข้าใส่ร่างของน้องรินเมื่อครู่ที่ผ่านมา ทำให้เด็กหนุ่มรับรู้ถึงหน้าอกครัดเคร่งเต่งตึงของน้องรินที่เบียดแน่นอยู่ กับร่าง สัมผัสนั้นบอกให้รู้ว่าเด็กหญิงกำลังจะพ้นจากความเป็นเพื่อนเล่นที่ไม่แบ่ง แยกเพศในอีกไม่นาน ใบหน้ายิ้มแย้มของน้องริน ที่ประดับแว่นสายตาสีแดงสด บนใบหน้ากลมมนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเป็นวงรีอย่างช้าๆ รอยยิ้มเบิกบานที่ประดับมุมปากด้วยเขี้ยวเล็กสองซี่ ทำให้ภาพของเด็กหญิงช่างพูดที่รู้จักกันมาตลอด 12 ปีค่อยๆ เลือนรางลง โดยมีใบหน้าเด็กหญิงที่เริ่มก้าวเข้าสู่วัยสาวมาแทนที่ ดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่หลังแว่นเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อพูดคุยกับน้อง กิฟท์อย่างสนุกสนาน สายตาของเด็กหนุ่มเลื่อนลงมาที่เรียวขาเพรียวที่ยังดูเก้งก้างราวกับเด็กชาย แต่สายตาของเด็กหนุ่มบอกตัวเองว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงไปจากภาพที่เคยเห็น เรียวขานั้นดูนุ่มนวลขึ้น และเริ่มมีเนื้อหนังเปล่งปลั่งกระจายไปทั่วโดยเฉพาะบริเวณต้นขาที่ปรากฏพ้น ขอบกางเกงขาสั้นที่สั้นขึ้นจากท่านั่งพับเพียบบนโซฟา จนขอบกางเกงในสีขาวสะอาดเผยตัวให้เห็นเล็กน้อย

เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสำคัญที่กำลังถูกกระตุ้นจากจินตนา ภาพที่งดงามของรินลดาเบื้องหน้า สายตาไกรวิทย์หันไปจับจ้องอัจฉริยา ที่นั่งประชิดตัวอยู่ การที่อัจฉริยา หันหน้าไปคุยกับรินลดา ทำให้แผ่นหลังของเด็กหญิงแนบแน่นอยู่กับต้นแขน ขณะที่สะโพกเคร่งครัดกดทับอยู่กับหลังมือของเด็กหนุ่มที่วางอยู่บนโซฟา เวลาที่ผ่านไปมิใช่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาให้รินลดาเพียงคนเดียวเท่านั้น อัจฉริยา ที่อ่อนวัยกว่าเกือบปี ก็กำลังสะสมเนื้อหนังเพื่อเปลี่ยนสภาพจากเด็กสาวหมวยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนตัว น้อย ไปสู่สาวแรกรุ่นเช่นกัน ดวงตาเรียวยาวที่ชี้ขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของเด็กหญิงดูโฉบเฉี่ยว สองแก้มที่เคยยุ้ยเป็นพวงกลมเริ่มยุบตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวที่ขาวอย่างคนจีนเริ่มแฝงสีชมพูจางๆ ใต้ผิวหนังเปล่งปลั่ง กลิ่นกายของเด็กหญิงระเหยออกจากร่างกระทบจมูกของเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน มันเป็นกลิ่นที่สดชื่นราวกับดอกมะลิยามเช้าที่ยังผลิบานไม่เต็มที่ นี่เองคงเป็นกลิ่นที่คนโบราณเรียกว่ากลิ่นหอมยามแตกเนื้อสาว ที่แม้จะสดชื่นมากกว่ากระตุ้นอารมณ์ แต่ก็กระตุ้นให้ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสกลิ่น จินตนาการไปถึงกลิ่นสาบสาวยามดอกไม้แรกแย้มดอกนี้เบ่งบานเต็มที่ในอนาคต พลันขณะที่อัจฉริยา ยกมือขึ้นชี้ไปยังภายนอกประกอบการพูดคุย สายตาของไกรวิทย์กระทบเข้ากับภาพใต้วงแขนภายใต้เสื้อยืดแขนกุดตัวหลวมที่สวม ใส่ประจำ แขนเสื้อที่เปิดช่องว่างกว้างพอให้สายตาเด็กหนุ่มผ่านไปกระทบกับหน้าอกขนาด เล็กที่ปราศจากบราปิดกั้น เผยให้เห็นหน้าอกที่เคยแบนราบกำลังเริ่มสะสมชั้นไขมันจนก่อตัวเป็นรูปร่าง หัวนมเม็ดเล็กสีชมพูจัดขนาดเท่าเมล็ดลูกเกด ฝังตัวสงบนิ่งอยู่บนปานยอดสีเดียวกันแต่อ่อนจางกว่า แม้จะเป็นภาพที่เห็นเพียงด้านข้างแต่ก็เป็นครั้งแรกที่ไกรวิทย์มีโอกาสเห็น ผิวกายและอวัยวะพึงสงวนของเด็กหญิงเพื่อนเล่นคนนี้ แก่นกายที่เริ่มตื่นตัวจากเรียวขางามของรินลดา เมื่อผสมเข้ากับหน้าอกเต่งที่เริ่มก่อตัวของอัจฉริยา ทำให้มันเริ่มทวีขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบจะโผล่พ้นขอบกางเกงบอกเซอร์ที่ เด็กหนุ่มสวมอยู่กับบ้าน ทำให้ต้องหันไปคว้าหมอนอิงข้างกายไปกดทับเพื่อป้องกันสายตาของเด็กหญิงทั้ง สอง ในใจของไกรวิทย์เริ่มสับสนเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าร่างทั้งสองที่อยู่ ข้างๆ นั้น กำลังกระตุ้นความรู้สึกทางเพศของวัยหนุ่มอย่างรุนแรง แต่จิตใจอีกส่วนหนึ่งก็กำลังเรียกร้องให้ระงับความรู้สึกที่เกิดขึ้นไว้และ ให้กลับมายึดถือเด็กหญิงสองเป็น “น้องสาว” ดังที่เคยเป็นมา

“ตกลงไหมพี่เอ… ”

เสียงใสๆ ของอัจฉริยาดังขึ้น ใบหน้าหวานใสหันมาจ้องตาไกรวิทย์ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตัวจากจินตนาการแล้วหันมาให้ความสนใจเด็กหญิงเบื้อง หน้า แม้สมองจะไม่รู้ว่เด็กหญิงอัจฉริยา ซึ่งฉลาดอย่างหเลือเชื่อสมชื่อคนนี้กำลังพูดอะไร แต่ก็พยายามสนองตอบเท่าที่ทำได้

“ ไม่มีปัญหา โอเคเลย.”

อัจฉริยา มองหน้าพี่ชายผู้ใกล้ชิดนิดหนึ่ง สมองอันชาญฉลาดของเด็กหญิงที่สอบไล่เป็นที่หนึ่งของระดับชั้นด้วยคะแนนเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ทุกวิชาจนสามารถพาสชั้นขึ้นมาเรียนห้องเดียวกันกับรินลดา ก็ทราบว่าพี่ชายของเธอไม่ได้รับรู้เรื่องที่กำลังคุยอยู่แม้แต่น้อย

“ พี่เอเนี่ย ไม่ได้ฟังเลย ยังมารับปากอีก รู้งี้กิฟท์กับพี่รินบังคับพี่เอไปเลี้ยงใหญ่ดีกว่า”

ไกรวิทย์หัวเราะเก้อๆ พยายามแก้ตัว

“เลี้ยงก็ได้นะ แต่คงต้องเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ เพราะมะรืนนี้พี่ต้องเดินทางลงไปเตรียมมอบตัวที่กรุงเทพฯ คุณพ่อท่านจองรถไฟไว้แล้ว”

เด็กหญิงทั้งสองนิ่งงันไปชั่วขณะ เมื่อได้รับรู้ว่าพี่ชายที่สนิทที่สุดกำลังต้องเดินทางไกลไปจากบ้านเกิด รินลดาส่งเสียงถามอย่างไม่แน่ใจ

“ แล้วพี่เอจะกลับมาหลังจากมอบตัวเสร็จหรือเปล่า”

ไกรวิทย์ส่ายหน้า..

“ คงไม่กลับแล้วล่ะ คุณพ่อให้เตรียมของทั้งหมดไปด้วยเลย กว่าจะกลับก็คงปิดเทอมตุลาหน้า”

ความเงียบปกคลุมห้องนั่งเล่นในบ้านหลังใหญ่ รินลดาและอัจฉริยา หันไปสบตากัน ขณะที่ไกรวิทย์ก็เพิ่งรู้สึกตัวงและรับรู้เป็นครั้งแรกว่าการเดินทางไปเรียน ต่อ ม.ศ.4 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามที่ไม่เคยแยกจาก กันตลอด 12 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง นานราวกับผ่านไปทั้งวัน เสียงรินลดาก็ดังขึ้นเบาๆ ด้วยคำพูดที่เหมือนกับจะแทงใจของทั้งสามคน

“ หมายความว่าต่อไปนี้จะไม่ได้มาเล่นกับพี่เอ ไม่ใด้ให้พี่เอสอนการบ้าน ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกแล้ว”

อัจฉริยา มีสีหน้าสลดลง ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนจากอารมณ์สนุกสานมาเป็นใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้ น้ำตาเริ่มกลบลูกกตาทั้งสองข้าม และก่อนที่ใครจะรู้ตัว เด็กหญิงก็โผเข้ากอดชายหนุ่มไว้แน่น ปล่อยเสียงโฮ ออกมา

“ไม่เอา…กิฟท์ไม่ให้พี่เอไป..พี่เออย่าไปนะ เรียนที่เชียงใหม่ก็ได้…”

รินลดาที่ดูจะควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเล็กน้อย เข้ามากอดอัจฉริยาทางด้านหลัง แม้จะไม่ได้เปล่งคำพูดใดออกมา แต่น้ำตาซึ่งกลบลูกตากลมโตที่จับจ้องพี่ชายของเด็กหญิงแน่วนิ่งเช่นกัน บอกให้รู้ว่ารินลดาเองก็เสียใจไม่แพ้น้องกิฟท์แม้แต่น้อย

ไกรวิทย์โอบเด็กหญิงทั้งสองไว้ในอ้อมแขน แม้จะไม่ร้องไห้ออกมาเด็กหนุ่มก็รับรู้ถึงสภาพที่ตนเองจะต้องไปศึกษาต่อโดย ไม่มีน้องสาวแสนรักทั้งสองที่คอยให้ความแจ่มใสเช่นที่ผ่านมา แต่ก็รู้ดีว่าทุกสิ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ครู่ใหญ่แขนแข็งแรงของไกรวิทย์ก็ดันร่างอัจฉริยาที่ยังสะอื้นอยู่ให้ออกจาก ตัวพร้อมกับรินลดา เขย่าร่างเบาๆ ให้ทั้งคู่รู้ตัวหันมาสบตาแล้วพุดอย่างจริงจัง

“ น้องริน น้องกิฟท์ ฟังพี่นะ. พี่สัญญาว่าจะกลับมาตอนปิดเทอมให้เร็วที่สุด ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม พี่ขอให้น้องรินกับน้องกิฟท์ตั้งใจเรียนให้มาก แล้วอีก 3 ปี น้องทั้งสองจะได้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ด้วยกันกับพี่ พวกเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก เหมือนเดิม เข้าใจไหม…เอาล่ะ หยุดร้องไห้แล้วยิ้มให้พี่เดี๋ยวนี้ ”

เด็กหญิงทั้งสอง นิ่งฟังคำพูดของไกรวิทย์อย่างตั้งใจ และพยักหน้ารับคำขอของพี่ชายที่รัก…รินลดาพยายามสะกดเสียงสะอื้นแล้วส่ง เสียงอย่างไม่แน่ใจ

“ ถ้าเป็นน้องกิฟท์ คงไม่มีปัญหาแน่ เพราะน้องกิฟท์ เรียนเก่งขนาดนี้ แต่รินสอบได้แค่ 75 เปอร์เซ็นต์ อย่างมากก็ไม่เกิน 80 รินคงไม่มีทางไปเรียนเตรียมอุดมที่กรุงเทพแน่..”

แทนที่ไกรวิทย์จะปลอบโยนรินลดา เสียงของอัจฉริยา กลับดังขึ้นอย่างมั่นใจ

“ พี่รินไม่ใช่เรียนไม่เก่ง แต่พี่รินมัวแต่ห่วงเพื่อนๆ คอยช่วยเหลือคนโน้นคนนี้จนไม่มีเวลาดูหนังสือต่างหาก ต่อไปนี้กิฟท์ จะติวเข้มให้พี่ริน เพื่อให้พี่รินสอบเข้าเตรียมอุดมได้ แล้วพวกเราจะได้ให้พี่เอกพาเที่ยวกรุงเทพด้วยกัน นะ พี่รินนะ…”

รินลดาและไกรวิทย์จ้องมองน้องสาวคนเล็กอย่างแปลกใจ จากการที่อัจฉริยา กลับเป็นคนแรกที่ตัดสินใจเด็ดขาดและตั้งเป้าปฏิบัติตามคำขอของไกรวิทย์ใน ทันทีอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ พร้อมกับรออยยิ้มที่เริ่มปรากฏบนใบหน้ารินลดา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ ร่างทั้งสามกอดกันแน่นบนโซฟา ราวกับเป็นการปฏิญานคำสัญญาที่เกิดขึ้นในวันนี้

“อ้าว หนูกิฟท์ มาเมื่อไหร่เนี่ย… แล้วพวกเราหิวข้าวหรือยังเดี๋ยวป้าจะบอกยายแจ่มให้จัดโต๊ะให้นะ”

ร่างโปร่งบางของอรอุมา ส่งเสียงทักทายเมื่อเดินลงมาจากชั้นสอง น้องกิฟท์รีบลุกขึ้นวิ่งไปกอดหญิงสาวอย่างสนิมสนม แล้วดึงมือมาร่วมกลุ่มที่โซฟา

“ คุณพ่อไปไหนครับ”

ไกรวิทย์ถามอย่างไม่สนใจคำตอบเท่าใดนัก เด็กหนุ่มรู้ดีถึงภารกิจที่บิดามีในวงการธุรกิจ ที่ทำให้มีโอกาสคลุกคลีกับบุตรชายคนเดียวค่อนข้างน้อย แต่เด็กหนุ่มก็ทราบดีถึงความรักความห่วงใยที่ไกรสรมีต่อตนเองและไม่เคย ปฏิบัติตนมีปัญหาดังเช่นวัยรุ่นทั่วไป

อรอุมาจับจ้องร่างของรินลดาที่ยังคงแนบชิดกับร่างบุตรชายอย่างสนใจ แววตาของหญิงสาวอ่อนโยนเมื่อมองเด็กหญิงทั้งสองเบื้องหน้า ทำให้รินลดาก้มหน้าเล็กน้อย พวงแก้มเป็นสีแดงเรื่อๆ ร่างของเด็กหญิงเขยิบออกห่างไกรวิทย์ตามสัญชาติญาณ ขณะที่อัจฉริยา ดูจะไม่รับรู้ถึงความหมายแฝงเร้นของรอยยิ้มและกลับมานั่งเบียดกับไกรวิทย์ เช่นเคย แต่เด็กหญิงก็ยังคงรับรู้ถึงความเอ็นดูที่สตรีสาวผู้เป็นมารดาของไกรวิทย์มี ให้กับทั้งสองมาโดยตลอด

“ คุณพ่อไปติดต่อธนาคารน่ะ เห็นว่าจะซื้อที่ดินที่โป่งแยงเพื่อเปิดเป็นบ้านพักตากอากาศ ตอนนี้คนกรุงเทพเริ่มมาเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้น บางทีโรงแรมในตัวเมืองไม่กี่แห่งก็เต็มหมด คุณพี่..เอ้อ คุณพ่อเลยคิดว่าจะลองเปิดทางธุรกิจใหม่ๆ ไว้ถ้าตกลงกันได้ เอกับน้องๆ ก็ไปเที่ยวด้วยกัน คงจะสวยมาก เห็นว่ามีน้ำตกในที่ดินด้วย”

เด็กหนุ่มสาวทั้งสามตอบรับเป็นเสียงเดียว ส่งเสียงจ๊อกแจ๊กถามรายละเอียดอย่างตื่นเต้น อรอุมานั่งคุยอยู่ด้วยครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นไปที่ห้องครัวเพื่อสั่งให้ทำอาการ กลางวัน ไกรวิทย์หันมาบอกเด็กหญิงทั้งสองอย่างนึกขึ้นได้

“นี่เราไม่ได้ไปที่ บ้านเล็ก นานเท่าไหร่แล้วนะ..”

รินลดาทำตาโตเมื่อได้ยินคำถาม สองมือยกขึ้นนับนิ้วอย่างไม่แน่ใจ ทำให้อัจฉริยาหัวเราะกิ๊กออกมาและตอบแทนทันที

“ เกือบสองเดือนแล้วล่ะพี่เอ ก็พี่เอมัวแต่ดุหนังสือเตรียมสอบกิฟท์กับพี่รินเลยไม่กล้าไป..”

เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนบอกเด็กหญิงทั้งสองอย่างกระตือรือร้น

“ พี่นึกออกแล้ว พรุ่งนี้ให้แม่ครัวเตรียมตระกร้าปิกนิค แล้วพวกเราไปที่บ้านเล็กแต่เช้าเลยดีไหม จะได้มีเวลาอยู่ที่นั่นนานๆ เป็นการสั่งลาก่อนที่พี่จะไปกรุงเทพฯ”..

เด็กหญิงทั้งสองยิ้มกว้าง พยักหน้ารับอย่างกระตือรือล้น แต่ไกรวิทย์รีบทำสัญญานให้หยุดพูดเมื่อเห็นอรอุมาเดินกลับเข้ามา

“เอ้า เด็กๆ ไปทานอาหารกันได้แล้วล่ะ…”

ทั้งสามขานรับเป็นเสียงเดียว ก่อนลุกขึ้นเดินตามกันไปที่ห้องอาหาร ในใจของไกรวิทย์นึกถึงบ้านเล็ก ซึ่งเป็นสถานที่ลับของเด็กหนุ่มและเด็กหญิงทั้งสองมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน จากความซุกซนที่ไปเที่ยวป่าใกล้หมู่บ้านและวิ่งไล่จับกระรอกที่นำไปไปพบถ้ำ เล็กๆ ริมลำห้วย ซึ่งถูกปกคลุมด้วยรากไม้เถาวัลย์จนไม่เห็นทางเข้า หลังจากเด็กทั้งสามได้พบว่าภายในเป็นถ้ำหินขนาดเล็กกว้างยาวประมาณ 20 เมตร ก็ได้จัดการทำความสะอาดแล้วลำเลียงสิ่งของที่จำเป็นมาตกแต่งให้เป็นที่สถาน ที่เล่นส่วนตัวที่ผู้ใหญ่ไม่รู้ และตั้งชื่อว่าบ้านเล็กเป็นสัญญานที่รู้กัน โดยในวันใดที่ว่าง ทั้งสามก็จะมาขลุกอยู่ยังสถานที่ที่ปราศจากผู้คนแห่งนี้เพื่อเล่นของเล่นที่ ไม่แอบซื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต แอบทำอาหารกินกันเอง บางทีในหน้าร้อน ทั้งสามก็จะลงเล่นน้ำในลำห้วยอย่างสนุกสนาน ไกรวิทย์นึกถึงภาพเรียวขาของรินลดาและหน้าอกชูช่อของอัจฉริยา อย่างไม่ตั้งใจ มโนภาพของเด็กหนุ่มคิดไปถึงความเป็นไปได้ที่จะชวนสองเด็กหญิงเล่นน้ำกันด้วย ในวันพรุ่งนี้.และโอกาสที่อาจจะได้เห็นความลับบนร่างของน้องสาวทั้งสองให้ มากขึ้น แต่ความคิดดังกล่าวถูกสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว และนึกตำหนิตัวเองที่คิดไม่ดีกับเด็กหญิงที่อยู่ในวัยเพียง 11-12 ปี เด็กหนุ่มสะบัดหน้าเพื่อให้สติกลับมา แล้วตามหลังมารดาและสองเด็กหญิงไปสู่กลิ่นหอมของอาหารในห้องโดยไม่คิดถึง สิ่งใดอีก

——————————————————

พุทธศักราช 2535

“เฮียวิท…เฮียวิท..”

เสียงไอ้ชัยที่กำลังเคาะประตูห้อง ปลุกผมจากภวังค์ที่จมดิ่งไปสู่อดีต หมุนพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา แล้วถอนใจที่เวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว หลังจากที่ผมให้นังทิพย์ไปส่งน้องพิม ผมขยับกายลุกขึ้นไปเปิดประตู เพื่อพบว่าไอ้ชัยยืนรออยู่ที่หน้าห้องด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

“มีอะไรหรือวะไอ้ชัย มีปัญหาเรื่องศพงั้นหรือ”

ไอ้ชัยส่ายหน้า

“เรื่องสามศพนั่นไม่มีปัญหาหรอกเฮีย แต่นังต้อมมันให้ผมมาเรียกเฮียให้ไปที่บ้านด่วนเลย นังต้อมมันไม่กล้ามารบกวนเฮีย”

หัวใจผมตกวูบ เมื่อได้ยินคำขอของไอ้ชัย ไม่ใช่เพราะเรื่องนังต้อมน้องสาวไอ้ชัย ที่มีเค้าหน้าหวานเหมือนพี่ชาย และผมรู้ดีว่านังต้อมก็พยายามที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมอย่างเต็ม ที่แม้จะรู้ดีว่าผมไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครอย่างจริงจังก็ตาม แต่สาเหตุที่ผมกังวลอย่างยิ่งก็คือหน้าที่ซึ่งผมมอบหมายให้น้องสาวไอ้ชัยรับ ผิดชอบ และการที่ไอ้ชัยต้องมาตามตัวผมตามคำขอของน้องสาวก็น่าจะเป็นเรื่องนี้อย่าง แน่นอน

ผมพยักหน้าให้ไอ้ชัย เพื่อให้นำผมไปยังบ้านพักของไอ้ชัยกับน้องสาว ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของผม ระหว่างที่เดินไปเงียบๆ ผมคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา เมื่อผมไปเผาศพเพื่อนร่วมวงการคนหนึ่งที่ตายด้วยโรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคใหม่ที่กำลังกระจายไปอย่างรวดเร็วในประเทศไทย และหลังจากเสร็จสิ้นงานศพระหว่างที่ผมกำลังจะกลับมาขึ้นรถ ก็ปรากฏมือผอมแห้งบนร่างที่ใกล้ถึงจุดจบของผู้ติดเชื้อในวัดคนหนึ่ง เอื้อมมากุมมือผมไว้ และเพียงผมได้ยินเสียงที่สตรีผู้ใกล้ความตายเรียกผมโลกทั้งโลกก็เหมือนหยุด นิ่ง ผมเข้าช้อนร่างอุ้มผู้หญิงคนนั้นมาที่รถผมและพากลับมาที่คลองน้อยในทันที โดยไม่สนใจสายตาสงสัยระคนหวาดกลัวของลูกน้อง ที่เห็นผมสัมผัสผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้ายที่มีน้ำหนองเต็มตัวอย่างไม่ รังเกียจ เมื่อผมมาถึงที่พักก็ได้ขออาสมัครช่วยดูแลผู้หญิงคนนี้ ซึ่งไอ้ชัยกับน้องสาวก็อาสารับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ

สองเท้าผมก้าวขึ้นไปยังบ้านพักของไอ้ชัย จมูกกระทบกลิ่นยาฉุนเฉียว และสัมผัสได้ถึงไอของความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามารับเหยื่อของมัน นังต้อมลุกขึ้นมารับผมทันที และโดยไม่ต้องถาม น้องสาวไอ้ชัยก็ส่ายหน้าเป็นสัญญานบอกให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมหวาดกลัวกำลังจะ เกิดขึ้นในอีกไม่นานนัก

ผมเข้าไปในห้องเล็กที่มืดครึ้ม ร่างที่นอนอยู่บนเตียงนอนนิ่งราวกับไร้วิญญานครอบครอง มีเพียงหน้าอกขยับขึ้นลงเล็กน้อยเป็นสัญญานบอกให้รู้ว่าสายใยของชีวิตยังคง อยู่ในร่างนี้ แต่กำลังใกล้ขาดลงทุกขณะ ผมทรุดกายลงคุกเข่าข้างเตียง สองมือกุมมือที่มีแต่กระดูกไว้แน่น น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาโดยมี่ผมไม่สามารถกลั้นได้ เบื้องหลังเสียงประตูปิดตัวลงดังขึ้นเบาๆ มีเพียงผมกับร่างใกล้ความตายอยู่เพียงสองต่อสองในห้องเล็กๆ ดวงตาบนใบหน้าผู้ที่ทอดร่างบนเตียงเปิดขึ้นเมื่อรับรู้การสัมผัสที่มือ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลพุพองหันมาสบตาผม ประกายตาที่ซ่านมันกลับสดใสขึ้นทันที มันสดใสจนดูราวกับเป็นประกายตาของเด็กหญิงวัย 12 ที่ผมแสนรักในอดีต เสียงแหบพร่าดังขึ้นแผ่วเบา แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความดีใจที่แฝงอยู่

“พี่เอ…พี่เอ ของกิฟท์…”

ผมลูบไล้มือของเพื่อนวัยเด็กที่ผมรักดังน้องสาวแท้ๆ อย่างแผ่วเบา

“พี่อยู่ที่นี่ กิฟท์ ต้องพักผ่อนให้มากๆ นะ จะได้หายเร็วๆ พี่จะได้พากิฟท์ไปเที่ยวตามสัญญา…ดีไหม”

น้องกิฟท์ ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนแรง มือผอมแห้งพยายามยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าผม..

“พี่เอไม่เคยโกหกกิฟท์ได้สักทีนะ…กิฟท์จับได้ทุกครั้งนั่นแหละ..กิฟท์รู้ ดีว่าเวลาของกิฟท์หมดแล้ว แต่กิฟท์ก็ยังดีใจที่ก่อนตาย กิฟท์ได้พบพี่ชายของกิฟท์อีก และได้มาตายอยู่ข้างๆ คนที่กิฟท์รัก..”

ผมกุมมือน้องกิฟท์ไว้แนบแก้ม น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้..ผมไม่เคยสามารถโกหกน้องสาวที่แสนฉลาดของผม คนนี้ได้เลยแม้แต่ครั้ง แม้แต่เวลาที่ผมต้องการจะโกหกมากที่สุดเช่นปัจจุบัน…

“พี่เสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น .. กิฟท์ให้อภัยพี่ได้ไหม”

น้องกิฟท์ยิ้มตอบ ประกายตาแจ่มจ้ามากขึ้น จนดูราวกับมันจะส่งแสงออกมาด้วยตัวเอง แต่ผมรู้ว่านี่คืออาการของเปลวเทียนที่สว่างวูบขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะ ดับไปตลอดกาล

“กิฟท์ไม่เคยโกรธพี่เอ กิฟท์รักพี่มาตลอด สิ่งเดียวที่กิฟท์เสียใจคือทำไมชะตาของพวกเราทั้งสามถึงเป็นแบบนี้ ถ้าเพียงแต่วันนั้นกิฟท์ไปด้วย…ถ้าเพียงแต่กิฟท์ไปด้วยเท่านั้น…ถ้า เพียงแต่กิฟท์…”

ประกายสดใสในดวงตาของน้องสาวที่ผมรักดับวูบ มือที่ประคองแก้มผมตกลงกับพื้นเตียง น้ำตาผมไหลเป็นสายลงไปยังมือนั้นราวกับจะใช้ชำระความอยุติธรรมที่เกิดต่อ เด็กหญิงตัวน้อยที่จากไปพร้อมกับสายใยสุดท้ายที่เชื่อมโยงผมกับอดีตกาล

———————————–

พุทธศักราช 2520

“เมื่อไหร่ยายกิฟท์จะมานะ”

รินลดาบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง ระหว่างรอผู้ร่วมเดินทางบนรถซูซูกิคาริบเบียนสีขาว ซึ่งไกรวิทย์ใช้เป็นยานพาหนะประจำตัว ขณะที่เจ้าของรถกำลังคุยอยู่กับชายกลางคนในชุดซาฟารีด้านหน้า

“คุณเอ ต้องใช้เกียร์โฟร์วิลล์ตลอดนะครับ เวลาเข้าไปในป่าแบบนี้”

เสียงของ จ่าสิบตรีแม้นวงศ์ อดีต ตำรวจตะเวนชายแดนที่ลาออกจากราชการมาทำงานกับพ่อเลี้ยงไกรสรกว่า 10 ปี บอกไกรวิทย์อย่างเป็นห่วงเมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มจะใช้ยานพาหนะเข้าไปในป่า

“น้าแม้นไม่ต้องห่วงหรอกน้า น้าสอนผมให้ขับรถตั้งแต่ยังเด็ก ไม่รู้หรือไงว่าผมชำนาญขนาดไหนแล้ว”

เด็กหนุ่มตอบคนสนิทของบิดาอย่างอารมณ์ดี และรับรู้ความห่วงใยที่อดีตตำรวจตระเวนชายแดนมีให้ จากการที่เป็นผู้ดูแลและคอยป้องกันอันตรายแก่ไกรวิทย์มาตั้งแต่เด็ก..

“ผมรู้ครับ..แต่ก็ยังอดห่วงคุณเอไม่ได้อยู่ดี”

แม้นวงศ์ตอบพร้อมถอนหายใจ..แต่ก็ยิ้มและโบกมือให้เมื่อเด็กหนุ่มก้าวขึ้นรถและบังคับรถให้ออกขจากบ้านคชสีห์

“อ้าวพี่เอ…ไม่รอกิฟท์เหรอ”

รินลดาถามขึ้นอย่างงงๆ เมื่อเห็นไกรวิทย์ขับรถออกจากประตูบ้าน เด็กหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่เลี้ยวขวาอย่างชำนาญมาจอดที่หน้าบ้านของอัจฉริยา ก่อนหันมาบอกรินลดา

“ขืนรอก็อีกนาน ยายกิฟท์ช้าเสมอ มารับที่บ้านเลยนี่แหละ..ดีกว่า น้องรินรอบนรถก่อนนะเดี๋ยวพี่ไปตามตัวมาเอง”

รินลดาพยักหน้ารับและเริ่มควานหาตลับเทปในช่อเก็บของเพื่อฆ่าเวลา ไม่นานนักไกรวิทย์ก็เดินกลับมาที่รถพร้อมร่างของอัจฉริยาที่ยังคงอยู่ในชุด นอนสีชมพู ริมฝีปากที่เตรียมขยับต่อว่าอัจฉริยาของรินลดาอ้าค้าง เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติบนใบหน้าของเด็กหญิงที่มีสีหน้าใกล้ร้องไห้เต็มที

“ตายแล้ว กิฟท์ เป็นอีสุกอีใสหรือเนี่ย”

รินลดาร้องอุทานออกมา แต่แล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเพราะกลั้นไม่อยู่ที่เห็นใบหน้านวลขาวของ ของอัจฉริยาถูกประดับไว้ด้วยเม็ดหนองของอีสุกอีใสเกือบ 10 เม็ด ใบหน้าที่ใกล้ร้องไห้ของอิจฉริยาก็พังทลายทันทีที่เกิดเสียงหัวเราะ ทำให้ไกรวิทย์ต้องรีบโอบร่างน้อยๆ ไว้แนบตัวพร้อมปรายตาเชิงดุให้รินลดาหยุดหัวเราะ แล้วหันไปปลอบน้องกิฟท์อย่างอ่อนโยน.

“ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกน้องกิฟท์ เดี๋ยวเรายกเลิกไปก่อน แล้วคราวหน้าค่อยไปกันก็ได้ ”

อิจฉริยาสั่นหน้า น้ำตาร่วงพรู

“ กิฟท์อยากไป พี่เอจะอยู่วันสุดท้ายแล้ว แต่คุณพ่อห้ามบอกว่าเดี๋ยวไข้แผลอักเสบแล้วสั่งให้กิฟท์อยู่แต่ในบ้านห้ามไปไหน ”

รินลดาก้าวลงจากรถ ตรงเข้ามากอดเพื่อนที่เสมือนน้องสาวไว้อีกด้าน

“กิฟท์ พักผ่อนก่อนดีกว่านะ.. วันนี้ยกเลิกโปรแกรมไปก่อน ไว้พี่เอกลับมาตุลาหน้าเราค่อยไปบ้านเล้กกันใหม่ วันนี้ให้พี่เอจัดของให้เรียบร้อย ถ้าพรุ่งนี้น้องกิฟท์ไม่มีไข้ก็ไปส่งพี่เอที่สถานีรถไฟด้วยกัน ดีไหม”

อัจฉริยาพยักหน้ารับอย่างหงอยๆ ไกรวิทย์หันมาพยักหน้าให้รินลดาเป็นเชิงขอบคุ แล้วดึงร่างอัจฉริยาพากลับเข้าไปในบ้าน รินลดาถอนใจด้วยความผิดหวังที่ต้องยกเลิกการไปเที่ยวหันไปเก็บม้วนเทปที่ รื้อออกมาจากกระเป๋าถือกลับมาเก็บไว้ที่เดิม แต่ก่อนที่จะเสร็จไกรวิทย์ก็เดินกลับมาที่รถแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้า ออกจากหมู่บ้าน ทำให้รินลดาต้องอุทานเบาๆ ด้วยความแปลกใจ

“พี่เอจะไปไหน ไม่กลับบ้านหรือ”

ไกรวิทย์หันไปสบตารินลดาอย่างเอ็นดู

“ไปกันสองคนก็ได้ หรือน้องรินไม่อยากไป พี่จะได้กลับ ”

รินลดาหัวเราะออกมา โถมเข้ากอดท่อนแขนไกรวิทย์แน่นจนสองมือที่บังคับพวงมาลัยส่าย ทำให้รถยนต์แกว่งเล็กน้อย แต่ไกรวิทย์ก็ขืนกลับได้ทันจากความชำนาญ ก่อนหันมาดุรินลดาอย่างไม่จริงจังนัก

“อย่าโถมมาแบบนี้สิ น้องรินไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะเดี๋ยวได้ชนกับใครเข้าจนได้หรอก”

รินลดาหน้าม่อยนิดหนึ่ง

“ก็รินดีใจนี่ นึกว่าพี่เอจะยกเลิกแล้ว ที่น้องกิฟท์ไม่ไปด้วย”

“ เอาล่ะ ไม่ต้องแก้ตัว ใส่เข็มขัดนิรภัยซะ เดี๋ยวจะถึงทางเข้าป่าแล้ว กระเด็นตกรถไปพี่ไม่รู้ด้วยนะ”

ไกรวิทย์สำทับ แล้วหันความสนใจมาอยู่ที่การบังคับรถ ครู่หนึ่งเสียงเพลงหวานใสของนักร้องหญิงที่เด็กหนุ่มไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ ดังขึ้นจากเครื่องเสียงในรถยนต์ ความไพเราะของบทเพลงทำให้เด็กหนุ่มต้องเอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้

“เพลงอะไรน่ะน้องริน ใครร้อง เพราะดีนะ..”

“เพลงสายชลน่ะพี่เอ ของนักร้องใหม่ชื่อจันทนีย์ อุนากูล พี่เอคงไม่รู้จักหรอก มัวแต่เรียนกับซ้อมมวยแบบนี้ ”

รินลดาตอบทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม เพื่อรับฟังบทเพลง ไกรวิทย์ละความสนใจจากถนนยกมือขึ้นตั้งใจจะเคาะหัวน้องสาวที่ช่างประชดสัก ครั้ง แต่มือที่ยกขึ้นกลับยกค้างแล้วค่อยๆ ลดลง เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ด้านข้าง

รินลดานั่งหลับตาพริ้มส่งเสียงร้องคลอบทเพลงอย่างตั้งใจ เสี้ยวใบหน้าเด็กหญิงกระทบแสงแดดยามเช้าเป็นประกายเปล่งปลั่งทำให้โครงใบ หน้าเกิดเงาที่ขับเน้นความงามน่าทะนุถนอมราวกับเทพธิดาองค์น้อย ร่างโปร่งบางเอนราบไปกับเบาะรถที่ถูปรับให้อยู่ในจังหวะครึ่งนั่งครึ่งนอน สองแขนยาวเรียวช้อนประสานใต้ศรีษะทำให้หน้าอกขนาดกระทัดรัดซึ่งซ่อนตัวอยู่ ในเสื้อยืดสีชมพูรัดรูปพุ่งชูชันขึ้นมาเป็นก้อนกลมน้อยๆ สองขาของเด็กหญิงไขว่ห้างด้วยท่าทางสบาบใจ ปลายเท้าในรองเท้าแตะสานประดับดอกไม้ส่ายไปมาเล็กน้อยตามจังหวะของเสียงเพลง สายตาของเด็กหนุ่มเหลือบมาจับจ้องที่ลำขาเรียวตรงซึ่งพ้นขอบกางเกงขาสั้น ปลายบานที่ร่นตัวไปถึงสะโพกกระทัดรัด ทำให้ความงามของลำขาทั้งหมดเผยตัวออกมาอย่างเต็มที่ แสงที่ส่องกระทบท่อนขาทำให้ไรขนอ่อนเปล่งประกายสีทองราวกับส่องแสงได้ด้วยตน เอง ผิวสีน้ำตาลอ่อนและแนวกล้ามเนื้อของลำขาบอกให้รู้ว่าเจ้าของเป็นนักกีฬาที่ ออกกำลังเป็นประจำ แต่ผิวเนื้อที่อยู่ใกล้สะโพกกลับเป็นสีขาวผ่องอันเกิดจากการปกปิดของกางเกง กีฬา ปลายสุดของลำขาขอบขอบกางเกงในสีขาวลายลูกไม้พ้นออกมาให้เห็นรำไร แต่กลับยิ่งเพิ่มความรู้สึกของผู้ที่ได้เห็นให้จินตนาการเตลิดเปิดเปิงอย่าง ไม่รู้จบ

แรงกระแทกที่ส่งผ่านช่วงล่างจนรถกระดอนอย่างแรง ทำให้ไกรวิทย์รู้สึกตัวและหันความสนใจมากที่การบังคับรถผ่านเส้นทางขรุขระ แต่สมองยังคงประทับภาพงดงามด้านข้างไว้อย่างไม่รู้ลืม สายตาของเด็กหนุ่มเหลือบมองร่างโปร่งบางเป็นระยะ ความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวแสนรักเริ่มสับสนระหว่างความเป็นพี่กับความต้อง การสัมผัสเรือนร่างแสนงามของเพื่อนผู้เป็นเสมือนน้องสาว

เสียงม้วนเทปกลับตัวปลุกรินลดาให้ลืมตาขึ้น มือขวาปรับที่นั่งให้ตั้งตรงเพื่อชมทิวทัศน์รอบข้างอย่างเบิกบาน เสียงอุทานของเด็กหญิงดังขึ้นเป็นระยะระคนเสียงหัวเราะเมื่อรถกระแทกหลุ่ม บ่อจนร่างน้อยกระดอนขึ้นลงราวกับรถไฟเหาะในสวนสนุก และส่งเสียงชวนคุยกับไกรวิทย์อย่างไม่ขาดปาก จนทำให้ความคิดที่เริ่มเตลิดเปิดเปิงของเด็กหนุ่มเริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ และพลอยเพลิดเพลินไปกับการสนทนา ครู่ใหญ่ไกรวิทย์ก็หักเลี้ยวออกนอกเส้นทางลูกรังขรุขระ พายานพาหนะลงมาตามไหล่เขาอย่างระมัดระวัง จนลำห้วยสายเล็กปรากฏอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มบังคับรถให้จอดอยู่ใต้ต้นรังใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมห้วย ก่อนดับเครื่องและถอนใจยาว..

“เฮ้อ…ถึงเสียที..ไม่ได้มาเสียนาน.ป่ารกขึ้นเป็นกองเลย…อ้าว..น้องรินจะไปไหนน่ะ”

ไกรวิทย์ร้องถาม เมื่อเห็นร่างลินลดาเปิดประตูรถออกแล้ววิ่งตรงไปยังแนวผาที่ห่างออกไประมา ณสิบเมตร ทันใดร่างของเด็กหญิงก็หายไปกับผาหินราวกับการแสดงมายากล ไกรวิทย์ส่ายหน้าลงจากรถ แล้วเดินตรงไปยังจุดเดียวกัน สองมือเด็กหนุ่มแหวกรากไม้ที่ขึ้นปกคลุมหน้าผา และก้าวผ่านเข้าไปสู่ที่โล่งภายในซึ่งซ่อนตัวอยู่อย่างมิดชิดหลังม่านรากไม้ นี่คือ “บ้านเล็ก” ซึ่งเป็นสถานที่เล่นลับของไกรวิทย์ รินลดา และอัจฉริยา ที่ถูกพบเมื่อ 2 ปีก่อนจากความซนของอัจฉริยาที่พยายามซ่อนตัวระหว่างการเล่นซ่อนหา ทำให้ได้พบกับถ้ำหินปูนขนาดเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ และตั้งแต่นั้นมา เมื่อมีเวลา ทั้งสามจะขนย้ายเครื่องใช้ต่างๆ มาไว้ในถ้ำนี้จนมีความพร้อมสำหรับการใช้เป็นสถานที่ซ่อนตัวจากสายตาของ ผู้ใหญ่

สายตาไกรวิทย์จับจ้องที่ร่างของรินลดาซึ่งกำลังรื้อของในหีบไม้ใบย่อมที่เคย เป็นหีบใส่กระสุนของตำรวจ ซึ่งเป็นของที่ไกรวิทย์ขอมาจาก จสต.แม้นวงศ์ อดีต ตชด. แต่ตอนนี้ภายในถูกใช้บรรจุเครื่องใช้ต่างๆรวมทั้งของเล่นและหนังสือการ์ตูน ที่ถูกผู้ใหญ่สั่งห้ามไว้เต็มกล่อง

“เจอแล้ว… ”

รินลดาส่งเสียงอย่างดีใจ หันกลับมาหาไกรวิทย์ พร้อมเสื่อกกผืนใหญ่ในมือ

“ไปปูนั่งเล่นริมห้วยกันเถอะพี่เอ… เดี๋ยวพี่เอไปเอาตะกร้าอาหารออกมาจัดนะ.”

ไกรวิทย์ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูอาการร่าเริงของเด็กหญิง เอื้อมมือไปขอรับเสื่อ แต่รินลดากลับวิ่งแทรกออกไปจากถ้ำ ตรงไปที่ลำห้วย โดยมีไกรวิทย์เดินตามไปที่รถเพื่อนำตะกร้าอาหารปิกนิกออกมาแล้วตรงไปยังพื้น หญ้าใต้ต้นรังริมห้วย ซึ่งถูกปูทับไว้ด้วยเสื่อกกผืนใหญ่แล้ว ร่างของรินลดานอนเหยียดยาวบนเสื้ออย่างสบายใจ ส่งเสียงคุยเมื่อร่างของไกรวิทย์ก้าวเข้ามานั่งเคียงข้าง

“รินรักที่นี่ที่สุดเลยพี่เอ นี่ถ้าอีกหน่อยรินแต่งงาน รินจะต้องมาปลูกบ้านที่นี่ให้ได้ พี่เอคอยดูนะ ”

ไกรวิทย์ซึ่งกำลังเปิดฝาตะกร้าปิคนิค เริ่มจัดวางอาหารว่างลงบนพื้นเสื่อกก หยุดชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงานออกจากปากรินลดา เด็กหนุ่มพยายามบังคับเสียงให้ดูราวกับไม่สนใจและถามคำถามที่วนเวียนอยู่ใน ใจมาตั้งแต่เช้า

“จะแต่งงานแล้วหรือน้องริน แล้วมีใครมาจีบหรือยังล่ะ”

เด็กหญิงเบะปาก คว้าแซนวิชข้างตัวมากัดกินคำหนึ่งแล้วตอบคำถามทั้งที่ยังเคียวอาหารในปาก

“เยอะแยะไปพี่เอ ทั้งเพื่อนในห้อง ทั้งรุ่นพี่ นี่เมื่อวานพี่หนุ่มห้อง ม.ศ.2 ก็โทรมาชวนรินไปดูหนัง”

ไกรวิทย์กำขวดน้ำในมือที่กำลังหยิบออกมาวางอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินชื่อ เด็กหนุ่มที่พยายามสร้างสัมพันธ์กับรินลดา เด็กชายหนุ่มเป็นรุ่นน้องที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาในอนาคต และด้วยความเป็นดาวเด่นของนักฟุตบอลรุ่นเล็กประจำโรงเรียน ทำให้เด็กชายถูกนักเรียนหญิงวัยเดียวกันรวมทั้งนักเรียนประถม 7 วัยเดียวกันกับรินลดา รุมล้อมเป็นประจำ

“อ้าว ก็ดีนี่ แล้วน้องรินไม่ไปหรือ ”

ไกรวิทย์ถามด้วยน้ำเสียงแปร่งเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเด็กหญิงที่ยังนอนอย่างสบายใจไม่รับรู้

“รินไม่สนใจหรอก พวกนี้น่าเบื่อจะตายไป เห็นรินเป็นสาวน้อยบอบบาง คอยมาเอาใจให้ดอกไม้ ให้ขนม บ้า..ทำไมไม่มีใครให้เกมส์ family รินบ้างนะ…”

ไกรวิทย์หัวเราะออกมาเต็มเสียง เมื่อได้ยินคำตอบของรินลดา นอกจากความโล่งใจที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวแล้วเด็กหนุ่มยังรู้ดีว่าน้องสาว ที่น่ารักคนนี้มีนิสัยแทบจะเป็นผู้ชาย ไม่สนใจการแต่งตัวหรือของสวยงามอย่างเด็กผู้หญิงคนอื่นในวัยเดียวกัน ตรงข้ามน้องรินกลับชอบเครื่องเล่นไฟฟ้าของผู้ชาย และกำลังงอนง้อขอให้บิดาซื้อเครื่องเล่นแฟมิคอม ที่กำลังเป็นที่นิยมกันมาให้ แทนที่จะร้องขอตุ๊กตาหรือเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำให้บางที พ.ต.อ.สมภพ บิดาของรินลดา ต้องมาบ่นกับพ่อเลี้ยงไกรสรบ่อยๆ ว่า ลูกสาวทำท่าจะกลายเป็นเด็กผู้ชายไปเสียแล้ว

รินลดาลุกขึ้นนั่งมองไกรวิทย์อย่างงงๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ร่างบอบบางกรากเข้ามาทุบไหล่ไกรวิทย์ถี่ยิบ

“พี่เอเนี่ย หัวเราะเยาะรินเหรอ”

ไกรวิทย์คว้าข้อมือเรียวของรินลดาไว้เพื่อบังคับให้หยุดทุบ

“พี่ไม่ได้หัวเราะ พี่เพียงแต่นึกถึงภาพน้องรินเล่นเกมส์คอนทรากับพี่ที่บ้าน ไม่ยอมนอนจนลุงสมภพต้องมาตามกลับน่ะ นี่ถ้าหนุ่มๆ พวกนั้นมาเห็นน้องรินร้องลั่นจะเล่นเกมส์ไม่ยอมกลับบ้าน สงสัยคงไม่มีใครมาจีบน้องรินแน่เลย”

ขณะที่ไกรวิทย์พูดปนหัวเราะ พร้อมกับกุมข้อมือรินลดาไว้เพื่อหยุดการทุบ เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าแรงดิ้นรนที่ข้อมือของเด็กหญิงเพื่อให้พ้น การกุมลดลงจนหยุดนิ่ง สายตาของไกรวิทย์จับจ้องใบหน้าของรินลดาด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าเด็กหญิง เบือนหน้าไปเพ่งมองสายน้ำในลำห้วยเบื้องหน้า มือของไกรวิทย์ค่อยๆ ปล่อยข้อมือแบบบางที่กุมไว้ ปล่อยให้เจ้าของข้อมือนำไปซุกไว้ที่หน้าตัก เสียงเด็กหญิงดังขึ้นแผ่วเบา

“รินนี่ไม่มีความเป็นผู้หญิงจริงๆ นะพี่เอ…”

ไกรวิทย์ถอนใจ เคลื่อนกายไปนั่งข้างรินลดา แล้วเอื้อมมือไปดังมือของเด็กหญิงมากุมไว้อย่างนุ่มนวล

“ ใครว่าน้องรินของพี่ไม่เป็นผู้หญิง ถ้ามีใครพูดมาบอกพี่นะ พี่จะรีบกลับมาจากกรุงเทพฯ ชกปากมันให้พูดไม่ได้ไปอาทิตย์หนึ่งเลย”

รินลดาหัวเราะเบาๆ กับคำพูดหยอกเย้าของพี่ที่เหมือนกับพี่ชายแท้ๆ เด็กหญิงหันหน้ามาสบตาไกรวิทย์แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่เอล่ะ คิดว่ารินเป็นผู้หญิงหรือเปล่า”

ไกรวิทย์สบสายตาผู้เป็นเสทอนน้องสาวแน่วนิ่ง สูดหายใจลึกก่อนตอบอย่างจริงจัง

“น้องรินของพี่ไม่ใช่แต่จะเป็นผู้หญิงนะ แต่ยังเป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโลกสำหรับพี่ด้วย”

สองแก้มของเด็กหญิงปรากฏสีแดงจัดขึ้นแผ่ซ่าน มือที่อยู่ในอุ้งมือไกรวิทย์สั่นเล็กน้อย เด็กหญิงก้มศีรษะลงแล้วส่งเสียงถามอย่างแผ่วเบา..

“ริน…รินน่ารักพอที่จะเป็นคนที่พี่เอแต่งงานด้วยหรือเปล่า..”

ลมหายใจเด็กหนุ่มชะงักไปกับคำถามที่ไม่คาดคิด ภาพของอดีตปรากฏขึ้นในความทรงจำอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงที่เคยวิ่งเล่นมาด้วยกัน เด็กหญิงที่ตนเองปกป้องจากการรังแก เด็กหญิงที่ทำให้หัวใจเบิกบานไร้ความทุกข์ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ เด็กหญิงที่บัดนี้กำลังย่างเข้าสู่วัยสาวและกำลังรอคอยคำตอบว่าผู้เป็น เสมือนพี่ชายที่ผูกพันกันมาตลอดชีวิตจะยึดถือเธอเป็นเพียงน้องสาวตลอดไป หรือจะก้าวข้ามระดับไปสู่ความมันพันธ์ที่ใกล้ชิดกว่า ยั่งยืนกว่า

ไกรวิทย์ยกมือของรินลดาขึ้นมาแนบริมฝีปาก จูบเบาๆ ที่หลังมือนวลเนียนทำให้เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นสบตาแน่วนิ่งกับผู้ประทับรอยจูบ ลงไป ไกรวิทย์สูดลมหายใจลึกเพื่อถ่ายทอดคำพูดที่ซุกซ่อนในใจมาตลอด

“พี่ต่างหากที่ต้องถามน้องรินว่าจะอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิตได้ไหม”

รินลดาจ้องตาพี่ชายที่เด็กหญิงแสนรักอย่างไม่เชื่อหูน้ำตาไหลซึมออกมา ก่อนที่ไกรวิทย์จะตั้งตัวเด็กหญิงก็พลิกร่างโถมเข้ากอดร่างรัดไว้แนบแน่นระ ล่ำระลักส่งเสียง

“พี่เอ…รินรักพี่เอที่สุด กลัวว่าพี่เอจะเห็นรินเป็นแค่น้องสาว ที่ผ่านมา รินไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย แต่พรุ่งนี้พี่เอต้องไปจากที่นี่แล้ว รินไม่รู้ว่าจะทำยังไงถ้าไม่มีพี่เออยู่ด้วย รินสัญญาจะรักพี่เอคนเดียว จะรอจนกว่าพี่เอกลับมา จะรอจนกว่ารินจะโตพอแต่งงานกับพี่เอได้ รินจะ…”

ไกรวิทย์หยุดคำพูดของรินลดาด้วยการเชยคางเรียวเล็กให้เงยหน้าขึ้น และก่อนที่รินลดาจะรู้ตัว ริมฝีปากอบอุ่นของผู้ที่เคยเป็นเสมือนพี่ชายก็ประทับเข้ากับริมฝีปากบาง เรียวอ่อนนุ่มที่เกร็งแน่นด้วยความตกใจ แต่เพียงครู่เดียวเด็กหญิงก็เผยอริมฝีปากรับรสสัมผัสที่ไกรวิทย์มอบให้เป็น ครั้งแรกในชีวิต สองแขนของรินลดาสอดเข้าโอบเอวไกรวิทย์อย่างลืมตัว ร่างบอบบางสั่นสะท้านเมื่อรับรู้ว่าลิ้นของไกรวิทย์เริ่มผ่านเข้ามาในช่อง ปากและแตะสิ้นเรียวบางราวกับจะชักชวนให้รับรสหอมหวานของการจูบพร้อมกัน ทำให้ลิ้นของเด็กหญิงเกี่ยวกระหวัดตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ไม่นานนักความเคลื่อนไหวของทั้งสองก็เริ่มเพิ่มน้ำหนักของการสัมผัส ดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่ใต้กรอบแว่นของรินลดาหลับพริ้ม ปล่อยใจให้ซึมซับการสัมผัสอย่างเต็มที่

เวลาผ่านไปราวกับไม่มีวันสิ้นสุดก่อนที่ไกรวิทย์จะถอนจูบออกจากความหอมหวาน ของริมฝีปากรินลดา เด็กหญิงลืมตาขึ้นมองพี่ชายผู้กลายมาเป็นคนรักคนแรกในชีวิตอย่างเอียงอายพวง แก้มแดงระเรื่อจากรสจูบครั้งแรก ไกรวิทย์ใช้มือจับของแว่นตาสีแดงดึงออกจากใบหน้าของเด็กหญิงเพื่อไม่ให้เป็น อุปสรรคต่อการประสานสายตา รินลดาหลบสายตาที่จับจ้องอยู่เมื่อพบว่าประกายตาของเด็กหนุ่มที่มอบหัวใจให้ เต็มไปด้วยความรักที่แทบสัมผัสได้

“พี่เอ รังแกรินแล้วนะ..”

เด็กหญิงส่งเสียงราวกับจะตัดพ้อ แต่ในน้ำเสียงไม่ปรากฏความไม่พอใจแม้แต่น้อย ไกรวิทย์ลูบไล้วงหน้ารินลดาอย่างทะนุถนอม

“ถ้ารินไม่ชอบพี่จะไม่รังแกก็ได้นะ”

รินลดาหน้าแดงเข้ม เอื้อมมือมาหยิกต้นแขนเด็กหนุ่มอย่างงอนๆ

“พี่เอบ้า..รินอายนะ”

“งั้นพี่ต้องจูบให้หายอาย…”

ขาดคำชายหนุ่มก็ก้มลงประทับจูบครั้งที่สอง รินลดาส่งเสียงครางในลำคอ สองแขนกอดรอบคอไกรวิทย์แน่น ปล่อยอารมณ์ให้เตลิดไปกับการจูบโดยไม่ยับยัง มือของไกรวิทย์ขยับลงไปที่ชายเสื้อยืดเด็กหญิงก่อนสอดมือเข้าสัมผัสความนุ่น เนียนของหน้าท้อง แล้วเลื่อนขึ้นไปสู่เนินอกที่ถูกปกปิดด้วยบราเนื้อฝ้ายหนาแบบเด็กนักเรียน สัมผัสของฝ่ามือที่สะดุดกับปลายยอดอกที่แข็งตัวอยู่ภายใต้เนื้อผ้าบอกให้รู้ ว่าเด็กหญิงกำลังเริ่มตกอยู่ภายใต้การตื่นของอารมรณ์รักเป็นครั้งแรกในชีวิต ร่างบอบบางในอ้อมกอดไกรวิทย์เริ่มบิดตัวราวกับจะขัดขืนแต่ก็กลับการแอ่นร่าง ท่อนบนขึ้นราวกับต้องการรับการสัมผัสให้มากขึ้น มือของไกรวิทย์สอดอ้อมไปยังแผ่นหลังนวลเนียนสัมผัสตะขอเล็กๆ ของบราที่ใช้เพียงสองนิ้วก็ปลดออกได้อย่างง่ายดาย มือของเด็กหนุ่มวกกลับมาสอดเข้าใต้บราที่ปราศจากแรงดึงรั้ง กุมเต้านมกระทัดรัดไว้เต็มฝ่ามือ หัวใจไกรวิทย์เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เมื่อสัมผัสกับความตึงเปรี๊ยะของเต้านมที่แทบจะไม่ยุบตามแรงมือ แต่เนียนนุ่มราวกับผ้าแพรเนื้อดี

“อ๊าส์…พะ พี่เอ…ทำอะ อะไร..”

ใบหน้ารินลดาผงะขึ้นเมื่อรับรู้แรงเค้นคลึงที่หน้าอก หัวนมเม็ดน้อยที่แม้แต่เมื่อสัมผัสกระแสลมยามอาบน้ำก็ยังสร้างความเสียวจน แทบทนไม่ได้ บัดนี้กลับอยู่ในอุ้งมือของไกรวิทย์และเมื่อถูกบี้คลึงอย่างอ่อนโยนจากสอง นิ้ว ร่างบอบบางของเด็กหญิงก็อัดเบียดเข้ารับการสัมผัสอย่างลืมตัว ใบหน้าน่ารักที่แดงราวกับลูกท้อซุกแน่นกับหัวไหล่ ปากน้อยๆอ้ากว้าง เสียงหอบกระเส่าดังขึ้นเป็นระยะ…

“ยะ ยะ อย่าบี้มัน..โอย..มันหวิว…พะ พี่เอ…พะ พอ พอ เถอะ…”

เหมือนกับคำขอร้องเป็นคำยุไกรวิทย์สอดท่อนแขนทั้งสองหมดเข้าใต้เสื้อยืด ยึดบราตัวน้อยที่ปราศจากการควบคุมของตะขอแล้วก่อนที่รินลดาจะตั้งตัว เด็กหนุ่มก็ลากบราขึ้นพร้อมเสื้อยืดออกไปจากร่างบอบบางที่กำลังอ่อนระทวยไป กับรสสัมผัส เหวี่ยงทิ้งไปด้านข้างอย่างไม่ใยดี เสียงอุทานอย่างตกใจของรินลดาดังขึ้นขณะที่สายตาเด็กหนุ่มเบิกโพลงกับภาพที่ ปรากฏอยู่ตรงหน้า

เด็กหญิงวัย 12 เปลือยท่อนบนกระจ่างกลางแสงอาทิตย์ยามสายที่สะท้อนน้ำจากลำห้วยมากระทบเรือน ร่างบอบบางเบื้องหน้า ปากอ้าค้างด้วยความตกใจกับการจู่โจมถอดอาภรณ์ท่อนบนออกอย่างไม่ทันตั้งตัว สองมือพยายามยกขึ้นมาปิดป้องกันสายตาแต่มือของไกรวิทย์กลับยึดข้อมือเรียว บางนั้นไว้แน่น เด็กหญิงหลับตาด้วยความอายเมื่อรู้ว่าหน้าอกแรกผลิของวัยสาวกำลังถูกสายตา ของคนรักจับจ้องโดยปราศจากสิ่งใดขวางกั้น

หน้าอกขนาดเล็กที่ขาวนวลและเต่งตึงประดับปลายยอดด้วยเม็ดมณีกะทัดรัดสีชมพู เข้ม เผยตัวต่อหน้าสายตาไกรวิทย์ ใบหน้าหวานของเด็กหญิงแดงจัดเมื่อรับรู้ว่า สายตาของเด็กหนุ่มกวาดไปทั่วเรือนกายบอบบางขาวผ่องที่ซ่อนเคยซ่อนจากสายตา ทุกคู่ แรงต่อต้านที่จะยกมือขึ้นปิดป้องค่อยๆ ลดลงจนไกรวิทย์รู้สึกได้ว่าสาวน้อยเบื้องหน้ายินยอมที่จะให้ชายคนรักได้ชื่น ชมความงามทั้งหมดอย่างเต็มใจ ไกรวิทย์ปล่อยมือจากการกุมข้อมือเด็กหญิง เลื่อนมือขึ้นมาลูบไล้หน้าอกเต้างามเบื้องหน้าอย่างทะนุถนอม

“น้องริน สวยเหลือเกิน.. ”

เสียงของเด็กหนุ่มแตกพร่าเมื่อสมองซึมซับรับรู้ความงามราวกับเทพธิดาที่ ปรากฏอยู่ตรงหน้า รินลดาก้มหน้าลงด้วยความอาย แต่ไม่ยกมือขึ้นป้องกันสายตาดังที่เคยตั้งใจกระทำ

“สำหรับพี่เอ..รินเป็นของพี่เอคนเดียวเท่านั้น…รินสวยพอสำหรับพี่เอไหม ”

เสียงตอบของเด็กหนุ่ม สั่นสะท้าน

“รินของพี่สวยที่สุด พี่ไม่เคยเห็นอะไรที่งดงามไปกว่านี้แล้ว ”

เด็กหญิงเคลื่อนกายเข้าหาไกรวิทย์ช้าๆ เข้าสู่วงแขนที่รอรับอยู่ ไกรวิทย์ถอดเสื้อยืดออกจากศรีษะอย่างรวดเร็วก่อนที่จะรับร่างของเด็กหญิง ประทับกอดแน่นกับแผ่นอก ทั้งสองบดเบียดกันแน่นจนไม่มีช่องว่าง เด็กหนุ่มประทับจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึมซับความหอมหวานจากริมฝีปากรินลดาราวกับ จะไม่มีวันพอ ร่างรินลดาบิดส่ายไปมาด้วยความเสียวซ่านเมื่อทรวงอกแรกผลิถูกดทับโดยหน้าอก ของพี่ชายแสนรัก ไกรวิทย์ถอนริมฝีปากซุกหน้ากับลำคอหอมกรุ่น

“หอมเหลือเกิน น้องรินของพี่หอมเหลือเกิน ”

เสียงเด็กหนุ่มพร่ำบอกข้างหู รินลดาอ้าปากกว้างอารมณ์ของเด็กหญิงถูกกระตุ้นขึ้นเป็นครั้งแรกจากรสสัมผัสที่เด็กหญิงไม่เคยประสบมาก่อน
แม้จะยังคงตื่นเต้นระคนกลัวต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่อารมณ์ที่พลุ่งขึ้นมาต่อเนื่องรุนแรง ก็กลบกลืนความรู้สึกอื่นทั้งหมด เด็กหญิงเคลื่อนไหวร่างกายรับการสัมผัสอย่างเต็มที่ ดวงตาหลับพริ้มเพื่อซึมซับความรู้สึกทั้งหมดไว้โดยไม่รู้สึกตัวว่ามือของไกร วิทย์กำลังเลื่อนลงต่ำไปยังขอบกางเกงขาสั้นเบื้องล่าง นิ้วของเด็กหนุ่มปลดกระดุมเม็ดใหญ่ออกอย่างงายดาย ซิบถูกเลือนลงไปจนสุดรางอย่างช้าๆ รินลดารับรู้อย่างรางเลือนรับรู้ว่าเอวถูกแขนแข็งแรงของไกรวิทย์ยกขึ้นเล็ก น้อย ขอบกางเกงขาสั้นและกางเกงชั้นในถูกดึงพ้นสะโพกกลมกลึงและเลื่อนออกไปจากปลาย เท้า เด็กหญิงดูจะไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นถูกปลดเปลื้องออกจากร่าง กายแล้ว รับรู้เพียงรสสัมผัสจากลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดในช่องปากและการเบียดส่ายหน้าอก นวลเนียนกับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนรัก อารมณ์รักคุโพลงจนไม่รับรู้ความเคลื่อนไหวใดภายนอก ไม่รับรู้แม้กระทั่งว่าไกรวิทย์ก็ได้ถอดสิ่งปกปิดร่างกายทั้งหมดออกแล้วเช่น กัน

ไกรวิทย์หัวใจเต้นระทึก มือลูบไล้ลำขาเรียวตรงที่นุ่มเนียนแต่แข็งแรง ไปมา ไล้สู่ความหยุ่นตึงของสะโพกกระทัดรัด เคล้นคลึงอย่างทะนุถนอมก่อนที่จะเลื่อนกลับมาเบื้องหน้าเพื่อสัมผัสความลับ ของเด็กหญิงวัย 12 เพียงกระทบกับเนินนูนที่ปราศจากสิ่งปกคลุมใดๆ แรงสะท้อนที่ส่งผ่านกลับมา ทำให้ ฝ่ามือค่อยๆ เกาะกุมเนินเนื้อทั้งหมด หัวใจเด็กหนุ่มเต้นถี่เมื่อรับรู้ถึงขนาดและความโค้งสูงเด่นของสิ่งที่อยู่ ใต้ฝ่ามือนิ้วของไกรวิทย์แยกออกเลื่อนไล้แตะรอยผ่าเบาๆ และรับรู้ได้ถึงความฉ่ำเยิ้มที่หลั่งไหลออกมาจนนิ้วแทบเปียกชุ่ม เพียงเลื่อนขึ้นเล็กน้อย สัมผัสที่ปลายนิ้วก็พบกับการชูชันของจุดสำคัญที่สุดบนเนินเนื้อเด็กหญิงที่ แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็แข็งตัวจนรู้สึกได้ ประสบการณ์ทางเพศของไกรวิทย์ ทำให้เด็กหนุ่มกดนิ้วคลึงจุดสำคัญอย่างนุ่มนวล

ร่างบอบบางของรินลดาที่ล่องลอยไปกับตามอารมณ์เพศ กระตุกเฮือกทันทีที่ถูกสัมผัส เด็กหญิงถอนริมฝีปากการการจูบทันที ส่งเสียงครวญครางกระเส่า…

“พี่…พี่เอ.. ทำ..ทำไมริน…ริน ใจมันหวิว แบบนี้”

“น้องรินกำลังเสียว…ไม่ต้องกลัวนะ ปล่อยใจให้สบาย พี่เอจะทำให้น้องรินมีความสุขที่สุด ”

ไกรวิทย์กระซิบข้างหูเด็กหญิง ขณะที่นิ้วยังคงคลึงเคล้นเม็ดเสียวจนเจ้าของร่างบิดส่ายไปมาราวกับได้รับ ความเจ็บปวดรุนแรง แต่น้ำรักแรกสาวที่หลั่งไหลออกมาเนืองนองบอกให้รู้ว่า ร่างกายแรกสาวพร้อมที่จะรับรองรับประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตแล้ว นิ้วเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากเคล้นคลึงเป็นแทรกผ่านลงระหว่างรอยผ่า มันจมลึกลงไปถึงข้อนิ้ว สัมผัสได้ถึงความนุ่มเนียนภายในที่กำลังรอรับการมาเยือนของแก่นกายเพศชาย ร่างรินลดากระตุกเฮือกเมื่อนิ้วแทรกผ่านเข้าสู่ร่องหลืบ ความเสียวพลุ่งทะลักขึ้นสู่สมองราวน้ำพุ อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นต่อเนื่องส่งเด็กหญิงเข้าสู่จุดสุดยอดเป็นครั้งแรกใน ชีวิต

“โอ๊ย…พะ พะ พี่เอ….ริน…อ๊าวส์.. ”

ร่างเด็กหญิงวัย 12 สั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนไกรวิทย์ สะโพกกลมกะทัดรัดกระตุกเป็นระยะราวกับไฟฟ้าช๊อต ไกรวิทย์รีบพลิกร่างขึ้นเหนือร่างรินลดาถอนนิ้วออกแล้วจ่อแก่นกายกับทางเข้า สู่ภายในที่ยังคงขมิบจากการถึงจุดสุดยอด เด็กหนุ่มวางแท่งเนื้อแข็งปั๋งขนาดไปกับแนวร่องระหว่างสองแคมอวบอิ่ม ยกสะโพกขึ้นจนแท่งเนื้อจ่อกับปากทางเข้าแล้วกดแทรกผ่านลงไปช้าๆ น้ำหล่อลื่นที่ชุ่มโชกอยู่เต็มสองแคมเปิดทางให้มันแทรกตัวผ่านลงไปได้ช้าๆ ไกรวิทย์ตัดสินในเพิ่มแรงกดจนหัวบานจมลงไปมากขึ้นแต่ต้องหยุดชะงัก เพราะแม้สองแคมจะขยายตัวรับการรุกรานอย่างเต็มที่แต่ความใหญ่โตของแท่งเนื้อ เด็กหนุ่มวัย 15 ทำให้เกินความสามารถที่จะขยายตัวรับได้หมด ไกรวิทย์รู้สึกได้ว่าสองแคมกำลังลั่นเปรี๊ยะจากแรงตึง และหากยังคงขืนกดหัวบานผ่านลงไป สองแคมจะต้องปริฉีกขาดแน่นอน

เพียงการเริ่มต้นแทรกผ่านของไกรวิทย์ ความเจ็บปวดก็พรั่งพรูเข้าสู่สมองเด็กหญิง เบื้องล่างอวัยวะน้อยๆของเพศหญิงกำลังถูกรุกราน จากสิ่งแปลกปลอมที่กำลังแทรกตัวลงไปในร่างกาย รินลดาอ้าปากกว้าง สองแขนเกร็งแน่น เล็บจิกเข้าไปยังแผ่นหลังไกรวิทย์อย่างแรงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ

“โอ๊ย…พี่เอ..ทำอะไร รินเจ็บ..ของรินจะฉีกอยู่แล้ว…อย่า.. ”

ไกรวิทย์รีบทาบร่างลงทับร่างบอบบางที่กำลังดิ้นรนให้หลุดจากแก่นกายเบื้องล่าง ส่งเปสียงปลอบประโลม

“พี่รักน้องริน พี่ขอให้น้องรินเป็นของพี่ได้ไหม ก่อนที่จะต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แต่ถ้ารินเจ็บมนไม่ไหวพี่จะหยุดก็ได้นะ ”

รินลดากลั้นเสียงสะอื้น มองหน้าชายผู้ที่กำลังจะกลายเป็นสามี อย่างสงสัย ขณะที่ไกรวิทย์ก็หยุดการกดแท่งเนื้อลงไปยังความคับแน่นเบื้องล่าง แต่ยังคงคลึงเคล้นและลูบไล้ร่างกายนวลเนียนของรินลดาในส่วนที่ไวต่อความ รู้สึกอย่างต่อเนื่อง

“พี่เอหมายความว่า ที่กำลังจะให้รินเป็นเมียพี่ใช่ไหม ”

ไกรวิทย์พยัหน้ารับ ก้มหน้าลงจูบหน้าผากกลมมนอย่างนุ่มนวล

“พี่ขอโทษรินนะ พี่เห็นแก่ตัวเกินไปจนทำให้รินเจ็บ ถ้างั้นพี่จะหยุดนะ ”

เด็กหญิงส่ายหน้าหางตายังมีนำตาซึมออกมาจากความเจ็บปวดที่ได้รับ สองแขนเอื้อมขึ้นมาดึงศรีษะไกรวิทย์ลงมาแนบแก้ม

“พรุ่งนี้พี่เอก็จะไปแล้ว ถ้าพี่เอต้องการริน รินก็พร้อมจะเป็นของพี่เอแต่พี่เอต้องสัญญาว่าจะรักรินตลอดไปนะ รินจะยึดมั่นสัญญานี้ไว้รอให้พี่กลับมา ”

ไกรวิทย์เงยหน้าขึ้นสบตารินลดา ก่อนตอบอย่างหนักแน่น

“ชีวิตนี้ พี่ขอรักน้องรินตลอดไป…พี่จะไม่มีวันทำให้น้องรินเสียใจ พี่สัญญา”

รินลดาซุกหน้าเข้ากับทรวงอกของผู้ที่เป็นเสมือนพี่ชายส่งเสียงกระซิบเบาๆ

“พี่เอเข้ามาเถอะ…รินขอรับร่างกายพี่เอเอาไว้เดี๋ยวนี้เลย ”

ไกรวิทย์พยักหน้าสูดลมหายใจลึกกดสะโพกหนักๆ จนหัวที่บานออกของแท่งเนื้อผ่านสองแคมลงไปขอบแคมที่ตึงเปรี๊ยะฉีกขาดจน รู้สึกได้ ร่างน้อยเบื้องล่างสะท้อนเฮือกน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนไกรวิทย์ต้องหยุดการเคลื่อนไหวกระซิบถามอย่างห่วงใย..

“น้องรินทนไหวไหม ..จะให้พี่หยุดหรือเปล่า”

รินลดาสั่นหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ส่งเสียงรอดริมฝีปากที่ขบแน่นออกมาแผ่วเบา

“อย่าหยุดพี่เอ รินทนได้ พี่เอเข้ามา รินจะขอเป็นเมียพี่เอให้ได้วันนี้ ”

ประสบการณ์ทางเพศของไกรวิทย์แม้จะมีไม่มากนักแต่เด็กหนุ่มก็รู้โดยสัญชาติ ญานว่า ร่องหลืบที่แสนบริสุทธิ์ของรินลดายังไม่พร้อมที่จะรองรับการร่วมเพศอย่าง เต็มที่ ไกรวิทย์โหยงตัวขึ้นเพื่อเคลื่อนศีรษะมายังทรวงอกแรกผลิซุกแนบกับความเต่ง ตึง ปากเด็กหนุ่มไซร้ไปที่ยอดอกที่กำลังชูชันเลียไล้เม็ดสีชมพูน่ารักไปมาพร้อม กับขบฟันเบาๆ ร่างเด็กหญิงเริ่มบิดส่ายกับรสสัมผัสที่แปลกประหลาด แขนขวาพยายามผลักศรีษะเด็กหนุ่มให้ออกจากหน้าอกเต่ง แต่แขนซ้ายกับกดแนบแน่นยิ่งขึ้น ร่างนวลเนียนแอ่นขึ้นรับการดุนดันของลิ้นอย่างลืมตัว

“พี่เอ..พี่เอ..ทำอะไร อย่าดูด..ริน สะ เสียว.. ”

แทนที่ไกรวิทย์จะหยุดตามคำขอร้อง เด็กหนุ่มกลับเร่งเพิ่มแรงดูดนวลเนื้อหน้าอกให้มากขึ้น จนปลายยอดแข็งจัวราวกับก้อนกรวดเม็ดน้อย มืออีกข้างของเด็กหนุ่มเพิ่มการโจมตีหัวนมอีกข้าง สองนิ้วบี้คลึงไปมา จนร่างงามสั่นระริก บิดส่ายไปมาอย่างทุรนทุราย

“ริน ริน ไม่ไหวแล้วพี่เอ ริน ริน ช่วยรินด้วย ”

สองแขนเด็กหญิงไขว่คว้าร่างกายไกรวิทย์ สะโพกน้อยๆ ส่ายเป็นวงอย่างลืมตัวยิ่งเพิ่มการสัมผัสของท่อนลำกับเม็เสียวเบื้องล่าง ไกรวิทย์รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของแท่งเนื้อที่เพิ่มขึ้นจากการบิดส่ายสะโพก และน้ำรักที่เริ่มเอ่อซึมออกมาอีกครั้ง แก่นกายขนาด 5 นิ้วเริ่มจมลงไปอย่างช้าๆ จนกระทบกับปราการสุดท้ายของพรหมจารีย์รินลดา ไกรวิทย์ขยับสะโพกขึ้นลงช้าๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคย จนสะโพกรินลดาเริ่มแอ่นตัวตามการกระเด้าสั้นๆ เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนตัดสินใจกดอาวุธคู่กายฉีกผ่านเยื่อพรหมจรรย์ ลงไปฝังตัวมิดอยู่ในความรัดรึงฟิตแน่นของเด็กหญิงวัย 12 รินลดาอ้าปากกว้าง ใบหน้าเด็กหญิงบ่งถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ไกรวิทย์รีบประกบปากปิดกั้นเสียงร้องเอาไว้แน่น แท่งเนื้อฝังตัวมิดอยู่ในการตอดรัดที่คับแน่นเกินกว่าหญิงใดที่เคยไกรวิทย์ เคยมีประสบการณ์มาก่อน มันเสียวจนแทบกลั้นการทะลักทะลายไม่ได้ เด็กหนุ่มตระหนักในทันทีว่าบัดนี้เด็กหญิงเพื่อนเล่นที่เคยเป็นเสมือนน้อง สาวแท้ ได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นภรรยาของตนเองโดยสมบูรณ์แล้ว ไกรวิทย์ฝังแท่งเนื้อเอาไว้โดยไม่เคลื่อนไหว ก้มหน้าลงกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูรินลดา

“น้องริน เป็นเมียพี่แล้วนะ ”

รินลดาลืมตาขึ้น ดวงตาที่ยังมีน้ำตาเอ่อล้น พยายามยิ้มให้ผู้เป็นสามี

“มันเข้าไปหมดหรือยังพี่เอ… ”

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ รินลดาส่งเสียงแผ่วเบา

“นี่เสร็จแล้วหรือพี่เอ รินยังรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับยังไปไม่ถึงที่หมายเลย ”

ไกรวิทย์หัวเราะเบาๆ

“ยังหรอกน้องริน แต่ต่อจากนี้ไปจะมีแต่ความสุขแล้วล่ะ ”

ท่อนล่างไกรวิทย์เริ่มขยับขึ้นแล้วกดลงช้าๆ รินลดาสูดปาดเบาๆเมื่อรอบฉีกขาดขาดของเนินเนื้อเบื้องล่างถูกเสียดสี ขณะที่ไกรวิทย์เริ่มเพิ่มระยะทางกระเด้ามาขึ้นทีละน้อย ความคุ้นเคยกับการสัมผัสเริ่มเกิดขึ้นกับเด็กหญิงแล้วเปลี่ยนเป็นความเสียว ซ่านทีละน้อย ก่อตัวขึ้นจนเริ่มกลบความเจ็บปวด เม็ดเสียวเบื้องล่างถูกเสียดสีต่อเนื่องร่างเด็กหญิงเริ่มบิดว่ายไปมาสะโพก แอ่นตัวขึ้นลงตามการกระเด้าของไกรวิทย์

“พี่เอ..พี่เอ…เร็วอีกนิด รินเป็นอะไรไม่รู้ มันจี๊ดไปหมดแล้ว.. ”

“น้องรินกำลังเสียว …ของน้องรินเยี่ยมที่สุดเลย ทั้งตอดทั้งดูด ”

ไกรวิทย์ตอบด้วยเสียงหอบกระเส่า ร่องหลืบภายในของรินลดาบีบรัดแท่งเนื้อราวกับจะบดขยี้ให้สายตัวไป ความเสียวก่อตัวมารวมกันที่ปลายแท่งเนื้ออย่างรวดเร็ว

รินลดารู้สึกเหมือนพลุที่กำลังไต่ขึ้นสู่ท้องฟ้า แก่นกายของไกรวิทย์เพิ่มความเร็วจนกลายเป็นความเคลื่อนไหวถี่ยิบ เสียงเนินนูนกระทบกับเนินหัวเหน่าดังเป็นจังหวะ พร้อมเสียงเสียดสีของกลีบเนื้อกับท่อนลำ ความเจ็บปวดจางหายไปจากประสาทรับรู้ ความเสียวที่คล้ายกับการถึงสุดยอดด้วยนิ้วเมื่อครู่เริ่มก่อตัวขึ้น ด้วยความรุนแรงกว่าเป็นสิบเท่าร่างเด็กหญิงสั่นสะท้านทั่วร่างกล้ามเนื้อทุก ส่วนสั่นระริก

“พี่เอ…อ๊าวส์…ริน…มัน..โอ๊วส์.. ”
พร้อมกับที่รินลดาไต่ขึ้นสู่จุดสุดยอดอย่างสมบูรณ์ ความเสียวที่ปลายแท่งเนื้อไกรวิทย์ก็ระเบิดออกน้ำรักขาวขุ่นพรั่งพรูเข้าสู่ โพรงมดลูกที่ตอดรับถี่ยิบอย่างรุนแรง ความเสียวซ่านพุ่งออกมาระลอกแล้วระลอกเล่าราวกับไม่มีสิ้นสุด

“ริน…พี่ก็…อาวววว ”

ร่างเปลือยเปล่าสองร่างกอดรัดกันแนบแน่นริมฝีปากทั้งคู่จูบกันอย่างหิว กระหาย ในใจของทั้งสองซึมซับรับประสบการณ์ทางเพศที่หล่อหลอมให้ชายหญิงเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน

“พี่เอของริน…รินรักพี่เอเหลือเกิน ”

เด็กหญิงพร่ำส่งเสียงข้างหูของชายคนแรกในชีวิตราวกับต้องการให้คำพูดนั้นตราตรึงไปในหัวใจของไกรวิทย์ตลอดกาล

“พี่ก็รักรินที่สุด รินเป็นเมียพี่แล้ว พี่จะดูแลรินตลอดไป ”

ไกรวิทย์ยันร่างขึ้นเพื่อซึมซับภาพร่างเปลือยของเด็กหญิงเบื้องล่างไว้ใน ความทรงจำ แต่ก่อนที่ดวงตาของเด็กหนุ่มจะปรับรับภาพของคนรักให้ชัดเจน แสงสว่างจ้าก็วูบเข้ามาในสมองพร้อมความเจ็บปวดอย่างรุนแรง

นั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่ไกรวิทย์จะสิ้นสติ….

Related

Next

Comments for chapter "The paradox 1.2 ชะตากรรม"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved