ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

The Paradox บทที่ 3.3 ปราณราหู

  1. Home
  2. The Paradox & The Zodiac by Buta
  3. The Paradox บทที่ 3.3 ปราณราหู
Prev
Next

The Paradox บทที่ 3.3 ปราณราหู

“อะ อะ อะไรนะ…”

ผมหัน ขวับไปมองเพื่อนรักร่วมแผนกพร้อมอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินคำถาม ที่ไม่ควรจะออกมาจากปากของนังเหมียว ขณะที่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสายตาอันใหญ่จับจ้องตอบผมเขม็ง ด้วยแววตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งผมเองก็แยกไม่ถูกว่ามันเป็นแววตาที่แสดงออกถึงความโกรธเกรี้ยวหรือ เสียใจกันแน่…

“ข้าถามแกว่าแกเป็นผู้ทรงปราณหรือ..วิธีที่แกส่ง พลังงานเข้ามารักษาแขนข้ามันบอกให้ข้ารู้ว่าแกต้องเป็นบุคคลในกลุ่มพิเศษที่ ทรงอำนาจเหนือคนทั่วไป และเรียกตัวเองว่าผู้ทรงปราณ…”

นังเหมียวถามย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังต่างจากบุคลิกร่าเริงที่ผมเคยรู้จักมาก่อน ผมถอนใจยาวและพยักหน้ารับ

“ใช่ ..ข้าเป็นผู้ทรงปราณ แต่เหมียว ข้าอยากถามแกบ้างว่าแกรู้จักปราณได้อย่างไร”

แทน ที่นังเหมียวจะตอบ สีหน้าหญิงสาวที่ผมสนิทสนมมากที่สุดในคณะกลับซีดเผือก มือที่วางอยู่บนกระเป๋าเคลื่อนเข้าไปไปภายในช้าๆ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว

“เอ..แกเป็นคนของจักรราศรีใด…”

ผม กลับเป็นฝ่ายตะลึงต่อคำถามที่นังเหมียวเอ่ยคำซึ่งผมได้ยินมาหลายครั้ง ระหว่างการต่อสู้ศัตรูที่ผ่านมา แต่เป็นคำซึ่งผมไม่เข้าใจและไม่มีใครเคยให้ความกระจ่างได้แม้กระทั่งพ่อครู คำแปงและคุณพ่อของผมก็ตาม อย่างไรก็ตามผมรู้ดีว่าจักรราศีต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายผมและน้องๆ ทุกคน ปราณคชสีห์ในร่างกระจายตัวอย่างรวดเร็วไปคุ้มครองทุกส่วนของร่างกาย ผมจะสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อควบคุมสติก่อนผนึกพลังที่ฝ่ามือแล้วถามกลับ

“เหมียว แกเป็นเพื่อนรักของข้า แต่ถ้าแกเป็นผู้เกี่ยวข้องกับจักรราศีที่ทำลายชีวิตของข้ามาโดยตลอด แกก็ต้องเป็นศัตรูที่ข้าไม่สามารถอยู่ด้วยได้ .. ถ้าแกต้องการสังหารข้าก็เชิญ ข้าพร้อมเสมอ แต่ข้าขอบอกแกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าก็ไม่สามารถฆ่าแกได้เพราะแกเป็นเพื่อนรักที่สุดของข้าในคณะ …เราแยกจากกันแบบนี้ต่างคนต่างไปจะได้ไหม…”

“แกไม่ใช่พวกจักราศรี…”

ยังเหมียวอุทานออกมาด้วยเสียงสั่นสะท้าน ชักมือกลับออกจากกระเป๋าถือแล้วโถมร่างเข้ากอดผมไว้แน่นส่งเสียงสะอื้นเบาๆ..

“เอ… ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรจะถามแกเลย..แต่ข้ากลัวเหลือเกินว่าแกจะเป็นหนึ่งในจักราศรีที่ตาม ทำลายข้าจนเหลือเพียงตัวคนเดียวอย่างนี้…..”

ผมนิ่งงันไปกับคำพูดนังเหมียว แต่ทำได้เพียงกอดร่างเพื่อนรักไว้เบาๆ และพยายามปลอบประโลม

“เหมียว..แกเล่าให้ข้าฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น จักรราศีคืออะไร แกเป็นใครทำไมถึงไปเป็นศัตรูกับมัน”

เหมียวยันร่างออกจากอ้อมแขนผม ก้มหน้าแล้วส่งเสียงเบาๆ

“เอ…แกขับรถพาเหมียว เอ๊ย ข้ากลับบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะอธิบายทุกอย่างให้แกรู้…”

ผม พยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร แล้วเคลื่อนรถออกจากคณะเพื่อไปส่งนังเหมียวที่บ้านย่านพุทธมณฑล โดยที่นังเหมียวคอยบอกทางให้ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ตลอดเวลา แต่เมื่อผมขับไปบนถนนพุทธมณฑลที่แทบจะไร้ผู้คนนังเหมียวก็บอกให้หยุดและสั่ง ให้เลี้ยวเข้าไปในซอยที่แทบจะมองไม่ออกว่าเป็นถนนเพราะมีแต่หญ้าขึ้นปกคลุม เต็มไปหมด ผมขับรถบุกป่าหญ้าเข้าไปจนถึงหมู้ต้นไม้ใหญ่รกครึ้ม นังเหมียวก็ชี้ให้ผมขับผ่านต้นมะขามใหญ่สองต้น และเลื่อนมือเข้าไปในกระเป๋า เบื้องหน้าเป็นต้นไทรมหึมาขวางอยู่แต่ก่อนที่ผมจะถามเส้นทางผมก็ต้องอุทาน ออกมาเมื่อต้นไทรนั้นกลับเลือนหายไปราวกับภาพมายาเผยให้เห็นบ้านสองชั้นขนาด ใหญ่ทรงปั้นหยาสมัยรัชกาลที่ 5 ยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่ทอดใบปกคลุมตัวบ้านไว้แทบทั้งหมดนัง เหมียวชี้ให้ผมไปจอดรถที่ข้างตัวอาคาร โดยไม่อธิบายสิ่งใด แล้วออกจากรถไปที่ประตูบ้านเพื่อกดกริ่งแล้วยืนรอผมเงียบๆ

“เหมียว..นี่บ้านแกหรือ…..”

ผมถามเบาๆ เมื่อเดินตามมายืนข้างๆ ขณะนังเหมียวส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ

“ก่อน นี้มันไม่ใช่บ้านเหมียวหรอก มันเป็นห้องทดลองของคุณพ่อ แต่หลังจากคุณพ่อตายไป เหมียวต้องย้ายมาอยู่ที่นี่กับลุงสิทธิ์ คนสนิทเก่าแก่ของคุณพ่อ เพื่อหลบหนีการตามล่าของจักรราศี”

ก่อนที่ผม จะถามสิ่งใดเพิ่มเติม ประตูเบื้องหน้าก็เปิดออกพร้อมร่างชายชราแก่ผมขาวทั่วศรีษะยืนอยู่ ใบหน้าเหี่ยวย่นแสดงความประหลาดใจเมื่อเห็นผม

“คุณหนูกลับมาแล้ว..แล้วนี่… ”
“เพื่อนเหมียวเอง คุณลุงไม่ต้องกังวล เขาเป็นผู้ถูกจักรราศีทำร้ายเหมือนกัน”

ชาย ชรายักหน้ารับ แววตาทอประกายเห็นใจเลือนราง ขณะหันหลังกลับเปิดมทางให้ผมและนังเหมียวเข้าไปในบ้าน แล้วกดสวิทซ์ไฟข้างประตู ภาพที่ปรากฏให้ผมอดอุทานออกมาเบาๆไม่ได้..

ห้อง โถงใหญ่เบื้องหน้าสว่างจ้าด้วยแสงไฟฟ้า ทำให้เห็นชั้นหนังสือมหึมาที่สุดที่ผมเคยเห็นมาในชีวิตตระหง่านล้อมผนังห้อง โถงทั้งสี่ด้าน กลางห้องโถงบันไดไม้สักขนาดใหญ่ทอดตัวเวียนขึ้นไปชั้นสอง ทุกสิ่งดูสะอาดเอี่ยมขัดต่อสภาพเก่าแก่ภายนอกของบ้านอย่างสิ้นเชิง นังเหมียวเดินนำผมขึ้นบันได้ไปยังชั้นบนที่ทุกด้านมีแต่ชั้นหนังสือเรียงราย ตามทางเดินยาวเหยียด ก่อนหยุดที่หน้าชั้นหนังสือหนึ่งแล้วดึงสันหนังสือออกมาเบาๆ ทำให้เกิดเสียงกลไกเคลื่อนไหวขณะที่ชั้นหนังสือยุบตัวลงเปิดเป็นประตูเข้า สู่ห้องที่ซ่อนไว้เบื้องหลัง

“เอ..เข้ามาสิอย่ามัวแต่งง คุณลุงไม่ต้องห่วงเหมียวนะ ”

นัง เหมียวบอกผม พร้อมหันไปพูดกับชายชราที่ตามมถึงหน้าห้อง ก่อนที่จะพยักหน้าให้ผมตามเข้าไป แล้วกดปุ่มด้านข้างประตูทำให้ชั้นหนังสือเลื่อนกลับขึ้นมา ทิ้งให้ผมอยู่กับนังเหมียวในความมืดสองต่อสอง

เสียงกริ๊กดังขึ้นความ มืด พร้อมแสงสว่างเรืองรอง ทำให้ผมพบว่ากำลังอยู่ในห้องขนาดเล็กที่ปราศจากชั้นหนังสือเรียงรายเหมือน ภายนอก แต่บนผนังตรงข้ามประดับด้วยภาพถ่ายชายหญิงคู่หนึ่ง ด้านซ้ายเป็นเตียงนอนหนานุ่มและโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่มีตำราคอมพิวเตอร์วาง กองระเกะระกะ ส่วนด้านขวาเป็นตู้ไม้หนาหนักที่เปิดอ้าให้เห็นเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ภายใน ลักษณะที่ปรากฏทำให้ผมรู้ในทันทีว่านี่คือห้องส่วนตัวของนังเหมียว

“เอ..รอที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวเหมียวจะเอาอะไรมาให้ดู”

นัง หเมียวชี้มือไปที่ชุดเก้าอี้พักผ่อนกลางห้อง แล้วหันกลับเดินไปที่ห้องเล็กๆ ด้านใน แต่แทนที่ผมจะนั่งลงผมกลับเดินไปหยุดดูรูปชายหญิงที่แขวนอยู่บนผนังตรงข้าม ด้วยความสนใจ เพราะภาพของชายผู้นั้นดูคุ้นตาผมอย่างประหลาด ..สมองผมพยายามทบทวนความทรงจำครู่ใหญ่และทำให้ผมต้องร้องออกมาเมื่อจำได้ว่า เเป็นรูปของผู้ใด…

“ดร.หวังปิง…..”
“ถูกแล้ว…นี่คือ ดร.หวังปิง นักฟิสิกส์ชาวจีนผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์และแต่งตำราให้พวกเราได้เรียนกันจนทุกวันนี้”

เสียงนังเหมียวดังขึ้นข้างตัวทำให้ผมต้องหันไปมองเพื่อนรักร่วมคณะ แล้วถามอย่างประหลาดใจ

“แล้วทำไมถึงมีรูป ดร.หวังปิงที่นี่ เขาเกี่ยวข้องยังไงกับแกวะเหมียว..”

นังเหมียวถอนใจยาว ยกมือขึ้นลูบกรอบรูปเบื้องหน้า

“ดร.หวังปิงคือพ่อของเหมียวเอง..และนี่คือภาพคุณแม่”

ผม เบือนสายตาไปตามมือนังเหมียวเพื่อพบภาพถ่ายของหญิงสาววัยไม่เกิน 20 ปี ที่มีความงามอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้ารูปไข่ดวงตายาวเรียวที่มีแววเศร้าเลือนราง และริมฝีปากได้รูปประกอบเป็นภาพสตรีที่ดูราวกับจะเป็นภาพเขียนจากจินตนาการ จิตรกรฝีมือเยี่ยมมากกว่าจะมีตัวตนจริง แต่แล้วผมก็ต้องหันขวับมาหานังเหมียวทันทีเมื่อนึกถึงข่าวสะเทือนวงการวิทยา ศาสตร์เมื่อสองปีก่อน ซึ่ง ดร.หวังปิงเสียชีวิตพร้อมลูกสาวในเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านพักใจกลางกรุงเทพ

“เหมียว. นี่หมายความว่า ดร.หวังปิงถูกจักรราศีฆ่าใช่ไหม….”

นังเหมียวพยักหน้ารับ แล้วยื่นกระดาษบางๆ สองแผ่นที่เก่าคร่ำคร่ามาให้ผม

“เอ…อ่านจดหมายนี้ก่อน…แล้วเหมียวจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”

ผม รับกระดาษที่นังเหมียวบอกว่าเป็นจดหมายมา แล้วหันกลับมาตามแรงดึงของนังเหมียวที่ดึงแขนผมให้นั่งลงบนโต๊ะทำงาน ที่มีสมุดโบราณหนาหนักจัดวางอยู่ ผมอดสะท้านใจไม่ได้เมื่อเห็นตัวอักษรที่จารึกอยู่บนปกสมุด

“คัมภีร์แห่งปราณราหู ”

ผม อ่านตัวอักษรเบาๆ ก่อนทรุดตัวลงนั่ง สมองระลึกไปถึงเนื้อความที่จารึกในคัมภีร์ปราณของบ้านคชสีห์ที่มีการเอ่ยถึง ปราณราหูไว้อย่างคร่าวๆ

“ปราณ ราหูเป็นปราณฝ่ายมืดที่มุ่งดูดกลืนปราณอื่นเพื่อหลอมละลายเป็นปราณของตนเอง มีรูปแบบไม่แน่นอนตามแต่ลักษณะของปราณที่ถูกดูดกลืน แต่มีจุดร่วมที่เป็นปราณอ่อนหยุ่นและเย็นเยียบถึงขีดสุด ถูกขนานนามเป็นหนึ่งในสองปราณลี้ลับของโลกคู่กับปราณคชสีห์ แต่ไม่มีผู้รู้ถึงวิธีการฝึกรูปแบบการถ่ายทอดปราณ มีเพียงข้อสัณณิษฐานว่าอาจมีการสืบทอดผ่านสายเลือดเช่นเดียวกับปราณคชสีห์ ผู้ทรงปราณราหูปรากฏครั้งสุดท้ายในห้วงกบฏล้มล้างบัลลังค์สมเด็จพระชัยเชษฐา แห่งอาณาจักรล้านนา และไม่เคยปรากฏอีกเลยจนเชื่อว่าน่าจะสาบสูญจากการถ่ายทอดไปแล้ว”

“เอ อ่านภาษาโบราณได้ด้วยหรือ…”

นัง เหมียวถามเบาๆ ด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล้กน้อยที่ได้ยินผมออกเสียงคำที่จารึกหน้าปกสมุดโบราณ ผมผงกหัวรับก่อนทรุดตัวลงเปิดกระดาษในมือออกอ่าน

26 กุมภาพันธ์ 2509
ลูกแมวลูกเหมียวของแม่

เมื่อ ลูกทั้งสองได้อ่านจดหมายฉบับนี้ก็หมายความว่าแม่ได้จากลูกทั้งสองไปแล้ว หลังจากแม่คลอดลูกเหมียวเมื่ออาทิตย์ก่อน แม่ก็รู้ดีว่าร่างกายของแม่ไม่สามารถต่อสู้ความเสื่อมของร่างที่เกิดจากการ ครอบครองปราณราหูได้อีกแล้ว พลังชีวิตของแม่กำลังมอดดับลงอย่างรวดเร็วแม้ความพยายามของพ่อที่ใช้วิทยา ศาสตร์สมัยใหม่เข้าช่วยจนแม่สามารถยืดอายุมาได้ถึง 18 ปี ก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือแม่ได้อีกต่อไป แต่แม่ต้องรีบเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงลูกทั้งสองเพื่อบอกให้รู้ว่าแม่รักแมว และเหมียวด้วยชีวิของแม่และไม่ยอมให้ลูกทั้งสองต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกัน กับแม่อีกต่อไป สิ่งที่แม่จะเล่าให้ลูกรับรู้ต่อไปนี้คือความลับที่ไม่มีใครเคยรับรู้แม้แต่ พ่อของลูกทั้งสอง

ก่อนที่แม่จะเล่าทุกสิ่งให้ลูกฟัง ลูกต้องรับรู้ไว้ก่อนว่าโลกของมนุษย์ที่ลูกอาศัยอยู่นั้น เป็นโลกที่อยู่ในความควบคุมจัดการของเทพเจ้าเบื้องบน ผ่านการดูแลของผู้ทรงปราณอันเป็นกลุ่มมนุษย์ที่สามารถเปิดจักรทั้งสี่ในร่าง กายจนสามารถใช้พลังปราณในตนเองเสริมสร้างจิตวิญญานและป้องกันตนเองจากศัตรู ปราณแห่งมนุษย์มีหลายร้อยรูปแบบ แต่มีปราณเพียง 12 แนวทางเท่านั้นที่ถ่ายทอดมาในตระกูลแห่งเทวะดาราที่ขนานนามตามจักรราศรี แม่เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลโรหิณี อันเป็นตระกูลแห่งราศีเมถุนผู้ทรงปราณราหู และได้รับถ่ายทอดสลักราหูจากท่านยายของลูกเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ตำแหน่งเทวะ ดารา ก่อนอายุ 15 ปี

จักรราศีประกอบไปด้วยสตรี 12 นางที่ทรงความงามเป็นเลิศ สืบทอดปราณแห่งตระกูลทั้ง 12 ทำหน้าที่ปกป้องแสงสว่างในโลก ทำลายมารแห่งความมืดตามบัญชาแห่งเทวะมาแต่โบราณกาล โดยมีเทวะนารีแห่งแสงสว่างนามสุรัสวดีเป็นองค์ประธาน ตระกูลโรหิณีของแม่ปกป้องแสงสว่างตามบัญชาเทพมาโดยปราศจากความผิดพลาด และปราณราหูของตระกูลที่ควรจะต้องถือเป็นปราณแห่งความมืด กลับได้รับยกย่องให้อยู่คู่กับปราณทั้ง 12 ก็จากการรับใช้ทวยเทพอย่างเต็มกำลังตลอดมานี่เอง

เมื่อแม่อายุ 7 ปี แม่ก็ได้รับการถ่ายทอดสลักราหูจากท่านปู่ด้วยวิธีโบราณที่ถูกบันทึกไว้ใน คัมภีร์ปราณราหู และเริ่มสร้างพลังหลอมปราณอันเป็นหัวใจของปราณราหูจนแม่อายุได้ 14 ปีก็ถึงกำหนดที่จะต้องดูดรับปราณจากผู้ทรงปราณที่เข้มแข็งเพื่อชักนำปราณภาย นอกมาหลอมละลายเป็นปราณราหูที่แท้จริงต่อไป ซึ่งแม่ถูกส่งไปแฝงตัวเป็นผู้รับใช้ของสำนักฟ้าดินในประเทศจีน เพื่ออาศัยความงามชักนำให้ประมุขแห่งสำนักฟ้าดินหลงรักและร่วมเพศ เพื่อที่แม่จะได้ใช้พลังหลอมปราณดึงดูดปราณฟ้าดินอันเข้มแข็งมาเป็นของตนเอง ซึ่งทุกสิ่งก็น่าจะเป็นไปด้วยดีเพราะเพียงได้เห็นความงามของแม่ทำให้ประมุข แห่งสำนักรีบรับตัวแม่เข้าไปทันที แต่ก่อนที่แม่จะมีโอกาสร่วมรักและส่งสลักราหูเข้าสู่ร่างประมุข เพื่อเป็นเชื้อเตรียมดูดรับพลังปราณ น้องสาวของแม่ซึ่งติดตามไปด้วยก็ทำร้ายแม่จนสลบพื่อแฝงตัวเข้าดูดรับปราณฟ้า ดินไปแทน และเมื่อสามารถดูดรับปราณทั้งหมดได้สำเร็จก็นำร่างแม่ไปถ่วงน้ำเพื่อกำจัด แม่ออกจากตระกูลตลอดไป

แต่ชะตาทำให้แม่หลุดพ้นจากพันธนาการและสามารถ หนีออกมาได้ แต่แม่ก็ต้องต้องเผชิญชะตากรรมปราณแตกดับหากไม่สามารถถ่ายสลักราหูไปได้ก่อน อายุ 15 ปี ซึ่งถึงกำหนดในวันนั้น แม่หนีมาบนถนนและถูกคุณพ่อของลูกที่อยู่ในระหว่างการเดินทางมาเที่ยวประเทศ จีนพบ ทำให้แม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขอให้คุณพ่อของลูกร่วมรักกับแม่ทันที เพื่อปลดปล่อยสลักราหูออกจากร่าง ทั้งที่รู้ว่าการร่วมรักกับผู้ไร้ปราณแม้จะทำให้แม่รอดพ้นจากสภาพปราณแตกดับ แต่แม่ก็จะไม่สามารถอยู่ต่อไปได้เกิน 3 ปี

แม่มารู้ทีหลังว่าคุณพ่อ ของลูกเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ซึ่งแม้จะไม่รู้ถึงสาเหตุที่แม่ยอมมอบความบริสุทธิ์ให้ในทันทีที่พบหน้า แต่คุณพ่อของลูกก็รักแม่และนำแม่เดินทางออกมาจากจีนอย่างลับๆ และใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่อเมริกาจนแม่คลอดน้องแมว พวกเราจึงเดินทางมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งแม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของตระกูลโรหิณีอย่างลับๆ และต้องรับรู้ด้วยความทุกข์ว่าน้องสาวแม่กลับเป็นประมุขของตระกูลทั้งที่ เป็นผู้แย่งชิงตำแหน่งไปจากแม่ยิ่งไปกว่านั้นแม่ยังได้รับรู้ถึงความเปลี่ยน แปลงในจักรราศีที่ดูหมือนจะละทิ้งความถูกต้องเที่ยงธรรรมไปอย่างสิ้นเชิง และกลับมุ่งกำจัดศัตรูโดยไม่คำนึงถึงวิธีใช้ ทำให้แม่ไม่กล้าเปิดเผยตัวเพราะเกรงจะนำอันตรายมายังครอบครัวเรา จนมีน้องเหมียวเมื่อเดือนที่ผ่านมา แม่จึงรู้ว่าชีวิตของแม่กำลังใกล้สิ้นสุดแล้ว แม้คุณพ่อของลูกจะพยายามใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ช่วยเหลือแม่อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้แม่ฟื้นฟูปราณชีวิตขึ้นมาได้

สิ่งที่แม่อยาก บอกลูกที่สุดก็คือให้ลูกลืมทุกสิ่งที่เกิดกับแม่เสีย อย่านำตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาณาจักรของผู้ทรงปราณ เพราะนั่นจะนำลูกไปสู่อันตรายอันใหญ่หลวง จงใช้ชีวิตของลูกอย่างคนธรรมดา เพื่อตัวของลูกเอง และหากลูกบังเอิญได้พบบุคคลในตระกูลโรหิณีก็จงหลีกหนีไปให้ไกลที่สุด เพราะน้องสาวของแม่จะไม่ยอมละเว้นชีวิตของลูกทั้งสองอย่างแน่นอน เนื่องจากแม่เป็นผู้ซุกซ่อนคัมภีร์แห่งปราณราหูเอาไว้ในถ้ำลับก่อนเดินทางไป จีน ทำให้น้องสาวของแม่ไม่สามารถค้นพบ และไม่สามารถฝึกลมปราณชั้นสูงสุดว่าด้วยการสลายปราณได้ หากปราศจากแนวทางสลายปราณผู้ฝึกปรือจะประสบชะตากรรมปราณแตกดับก่อนอายุ 20 ปี แม้จะได้รับปราณจากผู้ทรงปราณมาแล้วก็ตาม ดังนั้นลูกต้องเก็บรักษาคัมภีร์เล่มนี้ไว้เพื่อมอบให้ผุ้สืบต่อตระกูลโรหิณี แต่นั่นต้องเป็นห้วงหลังจากจักรราศีสิ้นอำนาจลงแล้วเท่านั้น
อย่าลืมคำของแม่…จงใช้ชีวิตเช่นคนธรรมดา และจงจำไว้เสมอว่าแม่รักลูกทั้งสองเท่าชีวิต

————————————

ผม เงยหน้าขึ้นจากแผ่นกระดาษสีน้ำตาลเก่าคร่ำคร่าเบื้องหน้าด้วยความงุนงงและ ประหลาดใจ เนื้อหาบางส่วนของจดหมายเปิดเผยถึงการคงอยู่กลุ่มผู้ทรงปราณลึกลับที่ผมเคย ได้ยินชื่อระหว่างการต่อสู้กับศัตรูที่ถูกส่งมาทำร้าย บางทีกลุ่มผู้ทรงปราณที่จดหมายระบุชื่อว่าจักรราศรี อาจเป็นกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมมาโดยตลอด

สายตา นังเหมียวเพื่อนรักร่วมภาควิชายังคงจับจ้องผมตลอดเวลาที่ผมอ่านจดหมาย แล้วยื่นมือมารับจดหมายไปจากผมเมื่อเห็นว่าผมอ่านเนื้อความทั้งหมดเสร็จสิ้น ลง

” เอ…แกเข้าใจแล้วใช่ไหม”

นังเหมียวถามขึ้น ขณะที่ผมทำได้เพียงพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยถามเบาๆ

“นี่หมายความว่าแกเป็นสายเลือดของตระกูลผู้ใช้ปราณราหู แต่กลับถูกตามล่าเพื่อตามหาคัมภีร์เล่มนี้”

นังเหมียวผงกศีรษะรับแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผม

“หลัง จากท่านแม่เสียชีวิต คุณพ่อก็เลี้ยงดูเหมียวและพี่สาวมาตลอด และพยายามกันพวกเราจากการเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาณาจักรของผู้ทรงปราณ แต่คุณพ่อก็ยังคงใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และความร่วมมือกับเพื่อนๆ ชาวจีนที่มีความรู้เรื่องปราณคิดค้นหาทางสร้างเครื่องป้องกันการโจมตีจาก ปราณไปพร้อมกัน แต่โชคร้ายที่เมื่อสองปีก่อน คุณพ่อพาพี่แมวไปงานปาฐกถาทางวิชาการ ทำให้หน้าตาพี่แมวที่คล้ายคุณแม่ถูกถ่ายภาพไปลงในหนังสือพิมพ์ และไม่นานหลังจากนั้นบ้านพักของเราก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้ทรงปราณ พวกมันทำร้ายคุณพ่อและพี่แมวจนตายแล้วเผาบ้านทั้งหลังทิ้ง แต่การสืบสวนกลับถูกระงับไปโดยตำรวจไทยที่อ้างว่าเป็นอุบัติเเหตุ ทั้งที่มีพยานเห็นว่ามีคนบุกเข้าไปในบ้าน แต่พยานคนนั้นก็ถุกฆ่าปิดปากในเวลาต่อมา ตอนนั้นเหมียวขอคุณพ่อมาค้นคว้าข้อมูลที่บ้านหลังนี้ ทำให้รอดพ้นการถุกฆ่ามาได้ และคุณลุงสิทธิ์ก็สวมชื่อเหมียวแทนลูกสาวของคุณลุงที่เสียชีวิตพร้อมกับคุณ พ่อและพี่แมวในวันเดียวกัน และพาเหมียวหลบมาอยู่ที่บ้านนี้โดยไม่มีใครรู้”

นัง เหมียวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ผมฟัง ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ทำให้ผมเข้าใจในทันทีถึงปฏิกิริยาของนังเหมียวที่เห็นผมใช้ปราณรักษาอาการ บาดเจ็บ ผมเอื้อมมือไปจับมือนังเหมียวบีบกระชับแน่น

” เหมียว แกไม่ต้องกลัวนะ…ข้า..เอ้อ..เราจะคุ้มครองเธอเอง…”

นังเหมียวเงยหน้าขึ้นสบตาผมแล้วถามอย่างจริงจัง

“เอ…แก เอ้อ…เอเล่าเรื่องของเอให้เหมียวฟังได้ไหม”

ผม รู้สึกขัดหูเล็กน้อยกับคำสรรพนามที่ใช้เรียกระหว่างผมกับนังเหมียวเปลี่ยนไป จากเดิม แต่ก็ดูเหมือนว่าเป็นคำสรรพนามที่เหมาะสมกับบรรยากาศการสนทนาในปัจจุบัน มากกว่าการใช้สรรพนามเอ็งข้าที่เคยใช้มาโดยตลอด

ผมเริ่มเล่าเรื่อง การต่อสู้ขึ้นระหว่างผมกับศัตรูในห้วงที่ผ่านมา พร้อมกับข้อสันนิษฐานถึงความเกี่ยวพันระหว่างศัตรูกับกลุ่มผู้ทรงปราณในนาม จักราศรี รวมทั้งอธิบายความเป็นมาของปราณคชสีห์ให้เหมียวฟังอย่างละเอียด แต่ละเว้นเรื่องที่กองคำใช้อำนาจของปราณจักรวาลในร่าง นำผมย้อนเวลากลับมาในอดีต เพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่ต้องการให้ใครรับรู้นอกจากคนในครอบครัวเท่านั้น ตลอดเวลาเหมียวนิ่งฟังอย่างตั้งใจและเอ่ยปากซักถามขัดจังหวะในบางช่วงที่ สงสัย จนในที่สุดผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดจบลง

“เอ..เหมียวอยากรู้ว่าปราณคชสีห์นี่ฝึกอย่างไร แล้วเหมียวจะฝึกบ้างได้ไหม”

ผมส่ายหน้าช้าๆ

“เหมียว อย่าลืมนะว่าในจดหมายของคุณแม่เหมียว ขอไว้ชัดเจนให้เหมียวอยู่ห่างจากอาณาจักรปราณ”

เหมียวหันขวับมาจ้องตาด้วยแววตาแค้นเคือง

“จะ ให้เหมียวทำตามได้ยังไง ในเมื่อพี่แมวที่ไม่เคยฝึกปราณก็ต้องเสียชีวิตไปโดยไม่มีโอกาสป้องกันตัวเลย เอจะให้เหมียวต้องอยู่ในสภาพเดียวกันหรือ”

ผมดึงร่างบอบบางในชุดรุ่มร่ามของเพื่อนรักมากอดไว้เบาๆ เพื่อให้สงบสติอารมณ์

“เรา รู้ ถ้าเราสามารถถ่ายทอดให้เหมียวได้เราจะไม่ลังเลเลย แต่ก็อย่างที่เราเล่าให้เหมียวฟังไปแล้วว่าปราณคชสีห์เป็นปราณฝ่ายมืดที่ ถ่ายทอดผ่านบุคคลในสายเลือด แม้ว่าในเวลาต่อมาเราจะสามารถปรับให้ปราณคชสีห์สามารถถ่ายทอดสู่คนภายนอกได้ แต่มันก็ยังคงมีข้อจำกัดที่ต้องถ่ายทอดผ่านการร่วมรักกับเด็กหญิงพรหมจรรย์ ที่มีปราณธรรมชาติแต่กำเนิดและมีอายุไม่เกิน 15 ปี ดังนั้นแม้ว่าเหมียวเป็นผู้มีปราณธรรมชาติที่เข้มแข็งที่สุดที่เราเคยพบ และไม่เคยร่วมรักมาก่อน แต่เหมียวอายุเกิน 15 ไปมากแล้ว ไม่มีทางที่เราจะถ่ายทอดปราณให้เหมียวได้เลย… ”

ร่างบอบบางของ เหมียวสั่นระริกในอ้อมแขนผมเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมเล่าให้ฟัง แต่ก่อนที่ผมจะอธิบายต่อเหมียวก็ดันตัวออกจากอ้อมแขนและหันมานั่งตรงข้ามผม

“เอมีเงือนไขสามข้อเท่านั้นใช่ไหมในการถ่ายทอดปราณ..”

ผมสบตาที่ทอแววเป็นประกายของเหมียวอย่างุนงงแต่ยังคงพยักหน้ารับ ขณะที่เหมียวเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้อ แรกคือต้องเป็นผู้มีปราณธรรมชาติ ข้อนี้เหมียวมีแน่นอนจากคำยืนยันของเอ ข้อที่สองต้องเป็นพรหมจรรย์ ข้อนี้เหมียวยืนยันด้วยตัวเองว่าเหมียวไม่เคยเย็ดกับใครทั้งสิ้น ส่วนข้อที่สามเรื่องอายุ เอลองดูในจดหมายของคุณแม่อีกทีสิ…”

ผมสบตาเหมียวอย่างแปลกใจแต่ก็หยิบจดหมายบนโต๊ะขึ้นมาดู สายตาผมกวาดไปที่บันทักแรกและหยุดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนร้องออกมา

“เหมียวเกิดเมื่อ พ.ศ.2509 ปีนี้ปี พ.ศ. 2523..นี่หมายความว่า… ”

เหมียวพยักหน้ารับ

“ใช่แล้ว..เหมียวอายุ 14 ปี 8 เดือน…สอดคล้องกับเงื่อนไขของเอหรือไม่…”

“เหมียว เรางงไปหมดแล้ว นี่เหมียวอยู่ปีสองในมหาวิทยาลัยนะ จะอายุ 14 ปีได้ยังไง.. ”

ผมร้องอุทานออกมา ขณะที่เหมียวยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน

“เหมียว บอกเอไปแล้วไงว่าเหมียวสวมชื่อลูกสาวคุณลุงสิทธิ์ที่เป็นเพื่อนของพี่แมว ตอนที่เสียชีวิตลุกสาวคุณลุงอายุ 16 ปี เหมียวใช้หลักฐานการศึกษาของพี่เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัย…แล้วเอก็ไม่ต้องถาม นะว่าทำไมเหมียวถึงมีความรู้พอที่จะสอบเข้าได้ ”

ผมพยักหน้ารับอย่าง จำนน เพราะรู้ดีถึงระดับความฉลาดของเพื่อนรักคนนี้ ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าเหมียวเป็นลูกสาวของนักวิทยาศาาสตร์ชื่อก้องโลกอย่าง ดร.หวังปิง การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเหมียว และยิ่งเด้กหญิงสวมใส่เสื้อผ้ารุ่มร่ามแบบที่ใช้ประจำ ยิ่งทำให้ไม่มีผู้ใดสังเกตได้ถึงความผิดปกติ นอกจากจะเห็นไปว่าเป็นเด็กสาวที่รูปร่างเล็กคนหนึ่งเท่านั้น

“แล้วนี่เหมียวจะให้เรา…..”

“ใช่ เหมียวขอให้เอเย็ดและให้ปราณคชสีห์กับเหมียว”

ผม พยายามเปล่งคำพูดออกมาอย่างยากเย็น แต่นังเหมียวกลับสอดขึ้นมาราวกับเป็นเรื่องธรรมดาราวกับว่าการร่วมรักเป็น เรื่องธรรมดาที่ปฏิบัติประจำวัน

“ทำไม…เอรังเกียจเหมียวเหรอ..เหมียวไม่สวยพอที่จะให้เอเย็ดใช่ไหม”

เสียง เด็กหญิงที่ผมเพิ่งรับรู้อายุแท้จริงดังขึ้น แต่แฝงความน้อยใจไว้จนรู้สึกได้ ผมสบตาเหมียวแน่วนิ่ง ใบหน้ารูปไข่ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้แว่นสายตาหนาเตอะ ทรงผมกระเซอะกระเซิง ผิวหน้าที่จรุขระไปด้วยรอยสิวกระจายทั่วจนแทบไม่เห็นผิวเนื้อที่แท้จริง ทำให้เป็นใบหน้าที่ห่างไกลจากความงามอย่างที่สุด แต่นี่ก็คือร่างเพื่อนรักที่ผมผูกพันมาตลอด 1 ปีและบัดนี้ก้กำลังตกอยู่ใสภาพที่มีศัตรูร่วมกันอีก ผมถอนใจยาวแล้วดึงร่างบอบบางของเพื่อนรักมากอดไว้

“ไม่หรอก เรายินดี…เราเพียงแต่อยากให้เหมียวตัดสินใจให้ดีก่อนว่าจะมอบความสาวให้เราจริงๆ หรือ”

ใบหน้าเหมียวซุกอยู่กับหน้าอกผม ขณะส่งเสียงแผ่วเบาขึ้นมาให้ผมได้ยิน

“ถ้า เป็นคนอื่นเหมียวไม่ยอมให้หรอก แต่นี่เป็นเอที่เป็นเพื่อนรักที่สุดของเหมียว และเหมียวเองก็ยอมรับว่ารักเอมาตลอด ทั้งๆ ที่รู้ว่าเอคงไม่สนใจเหมียวหรอก…”

ผมก้มลงจูบเรือนผมกระเซอะกระเซิงเบาๆ

“เหมียว เป็นเพื่อนรักเรานะ…เรายอมรับว่าเราไม่เคยเห็นเหมียวเป็นผู้หญิง แต่บอกได้เลยว่าเรารักเหมียวเช่นกัน เราไม่ได้รักที่รูปร่างหน้าตาของเหมียวแต่เรารักเหมียวที่จิตใจ และพร้อมที่จะดูแลเหมียวไปตลอดชีวิต ถ้าเหมียวไม่รังเกียจว่าเรามี…เอ้อ…”

คำพูดผมสะดุดไปเมื่อนึกถึง น้องรินน้องกิฟท์ที่เป็นภรรยาของผมอย่างสมบูรร์ รวมทั้งน้องพราวที่ผมเพิ่งรับความสาวเมื่อบ่ายและน้องแพรวซึ่งกำลังจะเข้ามา ในชีวิตผมอีกคนในคืนนี้ แต่เหมียวกลับหัวเราะออกมาเบาๆ

“เอจะพูดถึงน้องรินน้องกิฟท์ใช่ไหม….”

ผมพยักหน้าและพยายามอธิบาย

“คืออย่างนี้นะ น้องรินกับน้องกิฟท์อยู่บ้านเดียวกับเรา และ…”
“เป็นเมียของเอทั้งสองคน…ไม่ต้องอายหรอกเหมียวรู้มาตั้งนานแล้ว..”
“เหมียว…เหมียวรู้ได้ยังไง”

ผมอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู ขณะที่เหมียวยิ้มรับสบตาผม

“เอ ไม่ต้องกังวลหรอก ไม่มีใครรู้นอกจากเหมียว บางทีคงเป็นพราะเหมียวรักเอมั๊ง เหมียวเลยคอยสังเกตปฏิกิริยาของเอเวลาน้องรินน้องกิฟท์มาหา ท่าทีและแแววตาของเอที่มีกับทั้งสองคนทำให้เหมียวแน่ใจ แต่ถ้าเอจะกังวลว่าเหมียวจะไปแย่งเอจากน้องทั้งสองก็ไม่ต้องห่วงหรอก เหมียวรู้ดีว่าเหมียวไม่สวยพอสำหรับเอ ขอเพียงเอมอบความรักให้เหมียวสักครั้งเดียวเหมียวก็พอใจแล้ว และเหมียวจะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีของเอแบบนี้ตลอดไป ”

ผมจ้องตาเหมียวแน่วนิ่ง กระชับร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมแขน

“เรารับรองว่าเราจะไม่มีวันทอดทิ้งเหมียวแน่นอน เราสัญญา”

เด็กหญิงในอ้อมแขนผมหัวเราะเบาๆ…

“เอไม่ต้องรักเหมียวหรอก เหมียวรู้ว่าเหมียวไม่สวย ขอให้เหมียวได้รักเอก็พอแล้ว….”

ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมดึงร่างเหมียวขึ้นมา

“เอาล่ะ…เหมียวจะให้เราเย็ดเดี๋ยวนี้เลยหรือ”

เหมียวหัวเราะกิ๊กก่อนสะบัดร่างออกจากอ้อมแขนผม

“เอ รอที่นี่ก่อน…เหมียวจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เหม็นสาบแบบนี้เอเย็ดไม่ลงแน่…ว่าแต่ถ้าเออ่านออกจะลองพลิกดูคัมภีร์ปราณ ราหูดูก็ได้นะ เหมียวก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเขียนไว้ว่ายังไง ทำไมแม่ถึงไม่ต้องการให้เหมียวฝึก”

จบคำ ร่างเพื่อนรักที่กำลังจะเป็นเมียผมในอีกไม่กี่นาที ก็ลุกขึ้นหันร่างแล้วมุ่งหน้าหายไปยังห้องน้ำ คำพูดที่เหมียวกล่าวทำให้ผมอดยิ้มออกไม่ไม่ได้เมื่อนึกถึงกลิ่นเหม็นอับที่ ดูจะเป็นเครื่องหมายประจำตัวของเหมียวมาตั้งแต่ปี 1 โดยเจ้าตัวจะด่ากราดเพื่อนทุกคนที่เอ่ยถึงกลิ่นตัวอันรุนแรงอันเกิดจากการ ไม่อาบน้ำของเหมียว จนเป็นที่รู้กันดีว่าเหมียวไม่ชอบอาบน้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าทุกคนก็ดูจะเคยชินกับกลิ่นและกลับรู้สึกประหลาดใจ หากวันใดที่เหมียวไม่มีกลิ่นที่เป็นเครื่องหมายทางการค้าประจำตัวติดมาด้วย

ผม หันไปมองคัมภีร์ปราณราหูเบื้องหน้าด้วยความสนใจ และเริ่มเปิดหน้าแรกอ่านโดยตั้งใจที่จะดูอย่างผ่านๆ แต่เมื่อพลิกผ่านบทนำที่กล่าวถึงวิธีฝึกปราณราหู ก็ทำให้ผมต้องชะงักและอ่านอย่างตั้งใจ

“สตรีผู้ฝึกปราณจะต้องเริ่มอย่างช้าที่สุดก่อนครบวันเกิด 8 ปี โดยจะต้องใช้ปากดูดรับน้ำเชื้อของบุรุษที่ปราศจากปราณเป็นประจำทุกวัน และใช้ปราณธรรมชาติในร่างสลายพลังชีวิตที่แฝงมากับน้ำเชื้อสร้างสลักราหู ขึ้น สตรีผู้ถูกเลือกจักต้องสำเร็จสลักราหูก่อนอายุ 10 ปี แต่ต้องไม่เกิดการร่วมรักกับบุรุษใดๆ มิฉะนั้นสลักราหูจะถูกส่งไปผนึกในร่างบุรุษโดยไร้ประโยชน์และจะทำให้สลัก ราหูสลายตัวภายใน 12 ชั่วยาม หลังจากนั้นสตรีผู้ถูกเลือกจึงจะเริ่มฝึกปราณเชื้อราหูอันจะเป็นเครื่องดึง ดูดปราณและพลังชีวิตแห่งบุรุษผู้ทรงปราณ ด้วยการมอบร่างกายให้บุรุษปลุกเร้าอารมณ์เพศทุกวัจนถึงจุดสุดยอดแห่งอิสตรี แต่ห้ามมิให้ร่วมรักด้วยอวัยวะเพศของบุรุษจนสูญเสียพรหมจารีย์ พึงจำไว้ว่าขั้นตอนรวมปราณเชื้อราหูจะต้องสำเร็จก่อนอายุ 12 ปี หลังจากสำเร็จในสลักราหูและเชื้อราหูแล้ว สตรีนั้นจะต้องมอบพรหมจรรย์แก่บุรุษผู้ทรงปราณและฝังสลักราหรูไว้ในร่าง บุรุษนั้น ก่อนร่วมรักครั้งที่สองภายใน 12 ชั่วยาม เพื่อใช้เชื้อราหูควบคุมปราณแห่งบุรุษ และดูดรับปราณนั้นมาหลอมรวมในร่างจนก่อเกิดปราณราหู สตรีนั้นก็จะสามารถดึงดูดสลักราหูกลับมาผนึกปิดการถ่ายปราณ ส่วนบุรุษนั้นจะสูญสิ้นปราณและพลังชีวิตทั้งหมดร่างกายจะสลายเป็นละอองธุลี แต่จงระวังอย่าให้สลักราหูสลายตัวไปก่อนการร่วมรักครั้งที่สอง มิฉะนั้นพลังปราณของสตรีและบุรุษจะไหววนเวียนโดยไม่รู้จบโดยปราศจากการควบ คุมและจะทำให้ร่างทั้งสองสลายตัวเป็นละอองธุลีไปพร้อมกัน..และที่สำคัญที่ สุด สตรีผู้ฝึกต้องร่วมรักกับและดูดรับปราณจากบุรุษผู้ทรงปราณก่อนวันเกิดครบรอบ 15 ปี มิฉะนั้นสลักราหูเชื่อราหูจะหลอมตัวเข้าหากัน ทำลายชีวิตและสังขารทั้งหมดให้สูญไปตลอดกาล”

ผม สูดลมหายใจลึกอย่างหนาวเหน็บกับข้อความที่ระบุถึงการฝึกปราณราหู อันแสดงถึงอันตรายอย่างยิ่งยวดทั้งต่อผู้ฝึกและเป้าหมายของการดูดปราณ และเข้าใจในทันทีว่าทำไมผู้เป็นมารดาของเหมียวจึงเลือกที่จะกันบุตรสาวออก จากอาณาจักรปราณแทนที่จะกำชับให้ฝึกปรือ ผมพลิกหน้าต่อไปของคัมภีร์ซึ่งเป็นภาพเขียนลายเส้นแสดงวิธีเดินปราณเพื่อ สร้างสลักราหูและเชื้อราหูด้วยความอัศจรรย์ในการกำหนดกระแสปราณสวนทางกันโดย ปราศจากการหักล้างกันเอง สมาธิผมจมอยู่กับเส้นทางเดินปราณราหูขณะที่สมองครุ่นคิดถึงความเป้นไปได้ที่ จะปรับวิธีมาใช้กับปราณคชสีห์ ซึ่งหากเป็นไปได้ก็จะทำให้ผมอาจสามารถโคจรปราณคชสีห์ทั้งทางตรงและย้อนกลับ ได้พร้อมๆ กัน แต่เมื่อพิจาณณาดูอย่างละเอียดผมก็ต้องถอนใจออกมาด้วยความผิดหวัง เมื่อพบว่ารุปแบบของปราณราหูเป็นปราณที่ไร้พลังในตัวเองทำให้สามารถผ่านจักร ทั้งสี่ในลักษณะสวนทางกันได้ ต่างจากปราณที่เปี่ยมพลังของปราณคชสีห์อย่างสิ้นเชิง

เสียงลูกบิด ประตูห้องน้ำเปิดดังแกร้ก ทำให้ผมละความสนใจจากเนื้อหาของคัมภีร์มายังผู้ที่ออกมาจากห้องน้ำ แต่ภาพของผู้ที่กำลังออกจากห้องน่ำและเดินตรงมายังผม ทำให้ผมถึงกับต้องอ้าปากค้างแล้วอุทานออกมาอย่างเหลือเชื่อ

“เฮ้ย…เหมียว…นี่..นี่..”

ร่าง เด็กสาวในชุดนอนผ้าฝ้ายที่ประกอบด้วยเสื้อเชิ้ตแขนหลวมๆ และกางเกงนอนขาสั้น มาหยุดอยู่หน้าผม แต่นี่ไม่ใช่ร่างของเหมียวที่ผมเคยเห็นตลอดเวลาปีกว่าในมหาวิทยาลัย มันกลับเป็นร่างของเด็กสาวสูงโปร่งผิวขาวสะอาด ที่มาพร้อมกลิ่นหอมกรุ่นของสบู่ราคาแพงโดยไม่มีกลิ่นเหม็นของร่างกายที่ห่าง การชำระล้างอีกต่อไป

ใบหน้ารูปไข่ที่ดวงตาเรียวงามจับจ้องดวงตาผม อยู่ เป็นใบหน้าที่คุ้นตาอย่างประหลาด สมองผมระลึกได้มทันทีถึงความคล้ายคลึงกันกับภาพสตรีผู้เป็นภรรยา ดร.หวังปิง แม้จะไม่งดงามอ่อนหวานเท่าสตรีในภาพถ่าย แต่มันก็เป็นดวงหน้าที่น่ารักของเด็กสาววัย 14 ย่าง 15 ผิวอ่อนเยาว์กระจ่างใสจนแทบมองทะลุไปยังเส้นเลือดที่กำลังแผ่สีแดงขึ้นมาสู่ สองแก้มได้นั้นสดใสกระจ่างปราศจากริ้วรอยของสิวที่เคยกระจายอยู่บนใบหน้าของ เหมียว ริมฝีปากเรียวบางที่เคยพร่ำคำด่าและคำหยาบราวกับผู้ชายคนหนึ่ง กลับมีสีชมพูระรื่อและรอยยิ้มน้อยๆ อย่างขบขันที่เห็นอาการตกละลึงของผม ผมจับจ้องใบหน้าที่แม้จะมีเค้าของนังเหมียวลางๆ แต่ผมก็ยังไม่สามารถเชื่อได้ว่าใบหน้าที่แสนน่ารักงดงามนี้จะเป็นคนๆ เดียวกับเพื่อนรักที่ของผม

“เอ้อ…นี่ เหมียว..หรือ..”

ผมยังคงส่งเสียงตะกุกตะกักขณะที่เด็กสาวน่ารักเบื้องหน้าหัวเราะกิ๊กและตอบด้วยน้ำเสียงของ “นังเหมียว” คนเดิมที่ผมคุ้นเคย

“เหมียวเองแหละ แกคิดว่าเป็นใครวะ”

สรรพนามคุ้นหูที่ใช้เรียกผม ทำให้ผมลดความประหม่าลง และจับจ้องร่างเพื่อนรักที่กำลังนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ

“เหมียว นี่แก ไปทำอะไรมา ”

เด็กสาวที่แสนน่ารักสั่นหน้า..

“เหมียวจะทำอะไรล่ะ..ก็นี่แหละตัวเหมียว..แค่อาบน้ำหน่อยเดียวแกก็จำเหมียวไม่ได้แล้วเหรอ..เดี๋ยวเหอะ.. ”

เหมียวเงื้อมือทำท่าเหมือนจะทุบผม แต่ผมรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงกริยาหยอกล้อเช่นที่เห็นจนคุ้นตา

“แต่แกเปลี่ยนไปหมดเลย…แว่นหายไปไหน ทรงผม แล้วก็สิว..เรางงไปหมดแล้วนะ ”

เหมียวถอนใจยาว เอื้อมมือมากุมมือผมไว้จนผมรับรู้ถึงความนุ่มนวลของมือน้อยๆ ที่ไม่เคยสังเกตุ แล้วเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“เอ ก็รู้อยู่แล้วว่าเหมียวสวมชื่อของลูกสาวลุงสิทธิ์เอาไว้ หลังจากพี่แมวถูกจักราศีฆ่าเพราะพวกมันจำได้ว่าพี่แมวถอดพิมพ์รูปร่างหน้าตา มาจากคุณแม่ เหมียวจึงต้องแต่งตัวให้สกปรกและใช้เครื่องปลอมตัวที่คุณพ่อทำขึ้นมาแต่ง หน้าตัวเองให้น่าเกลียดเพื่อหลบหลีกไม่ให้ใครเห็นใบหน้าที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นแว่นสายตา ทรงผมกระเซิงสกปรก หรือผื่นสิวที่เต็มหน้า .. ”

“เราไม่นึกเลยว่าเหมียวจะน่ารักขนาดนี้…นี่ถ้าเหมียวแต่งแบบนี้ไปที่คณะคงมีคนฆ่ากันตายแน่ๆ”

ผม จับจ้องใบหน้าขาวผ่องที่ใสปานจะปริออกเมื่อสัมผัสเบื้องหน้าแล้วพึมพำออกมา อย่างลืมตัว ทำให้เหมียวหัวเราะเบาๆ และใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมอย่างแรงทีหนึ่งก่อนพูดด้วยน่ำเสียงดุๆ เช่นที่ผมเคยได้ยินมาตลอด

“ดูแล้วก็ห้ามไปบอกใครนะ…ไม่งั้นเหมียวเล่นงานจริงๆ ด้วย”
“แล้วเหมียวแน่ใจหรือที่จะ….”

ผม ถามอย่างจริงจัง ทำให้รอยยิ้มของเหมียวหายไปและก้มหน้าลงหลบการจับจ้อง ขณะที่ผมลูบไล้ผิวเนื้อนวลของท่อนแขนตรงหน้าอย่างลืมตัว แม้รูปร่างเหมียวจะดูเป็นคนผอมบางแต่ผิวที่ผมสัมผัสมีแต่เพียงความเนียนนุ่ม ที่แทบไม่พบร่องรอยกระดูกสะดุดมือ ท่อนแขนที่ผมสัมผัสสั่นน้อยๆ พวงแก้มใสปรากฏสีแดงระเรื่อ แต่ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากถามจนครบประโยค เสียงสั่นๆ ของเหมียวก็ดังขึ้นแผ่วเบา

“เหมียวมั่นใจในสิ่งที่เหมียว ตัดสินใจนะเอ..ถึงเอจะไม่รักเหมียวแต่เหมียวก็เต็มใจที่จะมอบทุกสิ่งให้ ไม่ใช่ว่าเหมียวต้องการปราณคชสีห์ของเอเพียงอย่างเดียวหรอก แต่เหมียวไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไง เอบอกเหมียวหน่อยนะ”

น้ำเสียง เด็กสาววัยย่าง 15 ที่แฝงตัวมาเรียนในมหาวิทยาลัย นุ่มนวลอ่อนหวานต่างจากเสียงของนังเหมียวที่ผมคุ้นเคยมาตลอด ผมดึงร่างบอบบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ และกระซิบที่ข้างใบหูน้อยๆ ขาววสะอาด

“เรา บอกเหมียวแล้วไงว่าเรารักเหมียว และพร้อมที่จะรับเหมียวเป็นแฟนไม่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ตอนนี้เรากลับลังเลแล้ว เพราะเราไม่แน่ใจว่าเราคู่ควรกับเหมียวหรือเปล่า”

ใบหน้างดงามหันมาหาผมจนจมูกน้อยๆ ชนกับปลายจมูกผม

“ถ้าเอรักเหมียวจริง เอต้องไม่ปฏิเสธที่จะรับร่างกายของเหมียวไว้สิ………”

ลม หายใจอุ่นๆ ที่ส่งกลิ่นหอมจรุงทำให้ผมไม่สามารถยับยั้งความต้องการของตนเองไว้ได้อีกต่อ ไป ผมรวบร่างน้อยบอบบางเข้ามาวงแขนและประทับจูบลงกับริมฝีปากเรียวบางเบื้อง หน้า ร่างเหมียวสั่นสะท้านในทันทีที่ริมฝีปากสัมผัส แต่แขนทั้งสองกลับโอบรอบคอผมแน่นและรับการจูบอย่างเต็มใจโดยเปิดรับลิ้นของ ผมที่แทรกผ่านไรฟันเข้าไปรับความหอมหวานสดชื่นภายใน ลิ้นเรียวเล็กของเหมียวที่ซุกตัวนิ่งอยู่เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อได้รับการ สัมผัสและม้วนตัวเกี่ยวรัดลิ้นผมอย่างกลัวๆ กล้าๆ แต่เปลี่ยนเป็นการบิดพันอย่างรวดเร็วเมื่อผมเริ่มลูลูบไล้แผ่นหลังที่ยังถูก ปกคลุมด้วยเสื้อนอนตัวหลวม

มือผมลูบไล้ผ่านแนวหลังราบลื่นมายังสะโพก ที่ซ่อนตัวอยู่ในกางเกงนอนขาสั้น แม้จะไม่อวบอัดหยุ่นไปด้วยเนื้อหนังเช่นน้องพราว แต่สัมผัสของดีดสะท้อนจากสะโพกกะทัดรัดที่กลมกลึงก็ให้ความรู้สึกที่ปลุก เร้าอารมณ์ได้ไม่ต่างกัน มือผมเลื่อนมาตามขอบกางเกงนอนลูบไล้ขาอ่อนเรียวยาวที่พ้นจากการปกคลุมของ เนื้อผ้า ความเนียนเรียบลื่นของเรียวขางามก็ทำให้ความต้องการทางเพศของผมลุกโพลงชั้น อย่างรวดเร็ว แก่นกายแข็งปั๋งที่ขยายตัวขึ้นอักแน่นอยู่ในกางเกงวอร์มผ้ายืด ทำให้มันสัมผัสกับเนินหน้าท้องเหมียวแนบแน่น

“อือ..อาห์…”

เหมียว ส่งเสียงครางตามอารมณ์รักที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ผมถอนจูบออกช้าๆ แล้วดันร่างเหมียวออกจากอ้อมแขน จับจ้องดวงตาสุกใสของเหมียวสบตาผมด้วยความรักและอารมณ์ปรารถนาที่ถูกจุดขึ้น

“เหมียว…เราขอดูร่างกายของเหมียวนะ… ”

ผม กระซิบเบาๆ โดยที่เหมียวยังคงสบตาผมแน่วนิ่ง ใบหน้าเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยความอายแต่ยังคงพยักหน้ารับและปล่อย ให้ผมดึงร่างบอบบางขึ้นยืนและเริ่มปลดกระดุมเสื้อนอนช้าๆ โดยไม่ขัดขืน ผมค่อยๆ ปลดกระดุมทุกเม็ดออกจากรังดุม แล้วแยกมันออกจากกันเผยให้เห็นความงามที่แท้จริงของเพื่อนรักคนนี้

ร่าง ท่อนบนขาวโพลนของเหมียวสว่างโพลงท่ามกลางแสดงไฟในห้อง ภายใต้เสื้อนอนไม่มีอาภรณ์ใดๆ ปกปิดร่างกายเด็กสาววัยย่าง 15 ที่เปล่งปลั่งสมบูรณ์ หน้าอกตูมตั้งขนาดเท่าผมส้มชูชันอยู่บนเรือนร่างแบบบางแม้จะไม่ใหญ่โตตื่นตา ตื่นใจ แต่ก็เป็นทรวงอกที่กระทัดรัดงดงามสมกับร่างกายของเหมียวอย่างที่สุด เม็ดยอดสีชมพูเข้มน้อยๆ ซึ่งกำลังแข็งตัว ยิ่งเพิ่มความงามเย้ายวนที่น่าสัมผัสของเต้าคู่น้อย ขึ้นจนผมต้องหยุดการเคลื่อนไหวและจับจ้องภาพเบื้องหน้าอย่างลืมตัว ขณะที่เหมียวพยายามยกสองแขนขึ้นกอดประสานปิดนวลเนื้อทั้งคู่ แต่เมื่อผมจับข้อมือเอาไว้ เด็กสาวก็มิได้ต่อต้าน

“เอ..อย่ามองแบบนั้น เหมียวอายนะ… ”

เหมียว พึมพำด้วยเสียงสั่นๆ ขณะที่ผมคุกเข่าลงเบื้องหน้าเด็กสาวแล้วซุกใบหน้าลงระหว่างสองเต้าคู่น้อย สัมผัสความนิ่มนวลที่แฝงความหยุ่นตึงของหน้าอกวัยสาวด้วยใบหน้าและเลื่อน เป้าหมายมายังเม็ดทับทิมน้อยๆ ปลายยอด เพียงผมเม้มมันเข้าในปาก กร่างเหมียวก็สะท้านไปทั้งตัว สองมือจิกศีรษะของผมแน่น

“อะ..อะ เอ…ยะ อย่าดูด..เหมียว…จะยืนไม่ไหวแล้ว… ”

ร่างบอบ บางเบื้องหน้าสั่นระริกกับการสัมผัส ผมละริมฝีปากออกจากหน้าอกเหมียว ราวกับจะตอบรับคำขอของเด็กสาว แต่กลับเลือนใบหน้าซุกลงมาตามลานหน้าท้องราบเรียบ สองมือเกี่ยวของกางเกงนอนขาสั้นที่สะโพกแล้วออกแรงดึงลงด้านล่างพร้อมกางเกง ในผ้าแพร่นุ่มเนียนจนมันลงไปกองรวมที่ปลายเท้า สายตาผมจับจ้องเนินนูนงดงงามที่กำลังเปิดเผยตนเองอยู่หน้าสายตาผมไม่ถึงคืบ หัวใจผมเต้นถี่ยิบเมื่อได้เห็นสองแคมอิ่มอวบ ประกบปิดร่องรักน้อยๆ ไว้อย่างมิดชิด ไรขนบางๆ ขดเป็นวงแผ่กระจายไปทั่วหัวเหน่า แต่มีปริมาณน้อยจนไม่สามารถบดบังสายตาผมได้ ผมจับสะโพกกลมกลึงไว้แน่นก่อนฉกริมฝีปากเข้าหาความงดงงามเบื้องหน้าอย่างลืม ตัว

“เอ…ยะ อย่าเพิ่ง โอ๊วส์…”

เหมียวร้องครางออกมาอย่าง ควบคุมไม่ได้เมื่อผมซุกหน้าเข้ากับเนินนูน ปลายลิ้นไล้เลียจากรอยผ่าด้านล่างมาตามแนวร่องและเน้นที่ปลายด้านบนซึ่งเป้ นตำแหน่งของติ่งเสียว เพียงใช้ลิ้นดุนดันไปมาครู่เดียวติ่งเนื้อที่เคยหลับมาตลอด 14 ปี 8 เดือน ก็เริ่มขยายตัวจนปลายลิ้นผมสัมผัสได้ ร่างบอบบางสั่นระริกขณะสองมือเหมียวกดบ่าผมไว้เพือทรงตัว น้ำหล่อรื่นแรกสาวเริ่มเอ่อนองออกมาเป็นสายส่งกลิ่นหอมคาวอ่อนๆ แต่กลับยิ่งกระตุ้นให้แท่งเนื้อในกางเกงแทบทะลักน้ำเสียวออกมา

“เอ…เหมียวเป็นอะไรไม่รู้…มัน มัน…”

เหมียว ครางออกมาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อผมแทรกลิ้นผ่านสองแคมเข้าไปภายใน สเพื่อรับรสหอมหวานของน้ำทิพย์ที่กำลังทะลักออกมาไม่ขาดสาย แต่ก่อนที่ผมจะสามารถนำเหมียวไปถึงจุดสุดยอดได้ ร่างบอบบางนั้นก็ทรุดตัวด้วยความเสียวจนขาไม่สามารถรองรับน้ำหนักตัวได้อีก ต่อไป ทำให้ผมต้องช้อนร่างเปลือยงดงามขึ้นในวงแขนและพาเดินไปที่เตียงนอนหนานุ่ม เบื้องหน้า

ร่างงเปล่าเปลือยงดงงามของเหมียวเปิดเผยทุกสัดส่วนต่อสาย ตา ขณะที่ผมถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่างอย่างรวสดเร็วแล้วโคมตัวเข้าทาบทับ ความนุ่มเนียนของเพื่อนรักร่วมแผนก สัมผัสของร่างกายที่แนบกันทุกสัดส่วนทำให้ผมรู้ว่าแม้เหมียวจะมีรูปร่างบอบ บาง แต่มันเป็นความบอบบางที่เกิดจากโครงกระดูกที่เล็กไม่ใช่ความผอมบางที่ไร้ เนื้อหนัง ผมและเหมียวแลกจูบกันอย่างเร่าร้อน สองมือลูบคลำเรือนกายเหมียวทุกสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นแผ่นหลังราบลื่น แก้มก้นกลมน้อยๆ ที่กะทัดรัดแต่สู้มือเมื่อถูกเคล้นคลึง หน้าอกเต่งคู่น้อยแทบจะบี้แบนไปกับหน้าอกผม ขณะที่สองมือเหมียวก็ไขว่คว้าร่างกายผมตามอารมณ์รัก และเมื่อมันผ่านไปถึงแก่นกายแข็งปั๋งที่ทาบอยู่กับร่องรักฉ่ำเยิ้ม เหมี่ยวก็ลืมตาโพลง ถอนจูบและส่งเสียงอุทานออกมา

“เอ..มัน ยะ ใหญ่.จัง…แบบนี้หีเหมียวไม่ฉีกเหรอ…”

ผมควานมือลงไปยังร่องรักฉ่ำเยิ้มเบื้องล่าง ใช้นิ้วคลึงเคล้นสองแคมไปจนสะโพกน้อยๆ บิดไปมา

“เหมียวไม่ต้องกลัวหรอกนะ…เราจะทำเบาๆ รับรองไม่ต้องใช้ไฟฟ้าช่วยแบบแฟรงค์เก้นสตี้หรอก..”

ผมกระซิบตอบพร้อมเย้าแหย่เพื่อให้เหมียวคลายความกังวล ซึ่งก็ได้ผล เมื่อเหมียวหัวเราะออกมาแล้วทุบหลังผมหนักๆ..

“ตาเอบ้า…จะล้อกันไปถีงไหน….”

ผมเคลื่อนนิ้วชี้เข้าสู่ภายในร่องหลืบอบอุ่นช้าๆ แล้วค่อยๆ ชักขึ้นลงเพื่อสร้างความคุ้นเคย พร้อมกับบี้คลึงเม็ดเสียวเป็นวงเบาๆ..

“อื๊ยส์…เอ…มัน สะเสียว…”

ผม เพิ่มน้ำหนักบี้คลึงเม้ดเสียวเป็นวงและเร่งความเร็วขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่ร่างเปลือยในอ้อมแขนสั่นระริก ริมฝีปากเหมียวอ้ากว้าง ส่งเสียงครางปนหอบเป็นระยะ..

“เอ..เอ..เอ.จ๋า…ยะ อย่าหยุด…ยะอย่า…เหมียว…โอ๊ย…ตะ ตายแล้วววววว……”

นิ้ว ชี้ผมที่แทรกอยู่ภายในร่องหลืบด้วยความลึกเกือบสองข้อ สัมผัสแรงบีบของร่องรักเป็นจังหวะถี่ยิบ ขณะที่สะโพกอิ่มบิดเป็นวงโค้งยกตัวขึ้นสูง ร่างบอบบางสั่นระริกทั้งตัว เป็นสัญญานของการถึงจุดสุดยอด ผมโหย่งตัวขึ้นดึงนิ้วออกจากร่องรักแล้วแทนที่ด้วยปลายแก่นกายที่ผงกตัวขึ้น ลงด้วยความต้องการ สองแคมอิ่มเปิดทางรับการบุกรุกอย่างเต็มใจในคราวแรก แต่เมื่อส่วนหัวบานพยายามกดตัวลงสู่ความคับแคบภายใน เหมียวก็ลืมตาโพลง ครางออกมาด้วยเสียงสั่นๆ

“เอ…เอจ๋า…จะเย็ดเหมียวเลยหรือ…”

ผมจูบริมฝีปากบางเบาๆ

“เหมียวพร้อมที่จะเป็นเมียเราหรือยัง….”

ใบหน้าน่ารักที่แดงซ่านจากการเพิ่มถึงจุดสุดยอดสบตาผมแน่วนิ่ง ก่อนพยักหน้ารับ

“เอ..เหมียวรักเอนะ.. ”
“เราก็รักเหมียว..ขอเรานะ…”

เหมียว หลับตาแน่นเมื่อผมกดแก่นกายลงไปในความหนึบแน่นรัดลึงทีละน้อย น้ำหล่อลื่นและน้ำรักที่หลั่งออกมาก่อนหน้า ทำให้มันสามารถแทรกผ่านลงไปได้แม้จะถูกต่อต้านจากกล้ามเนื้อนุ่มนวลในร่อง หลืบ ผมกดลงและดึงขึ้นเป็นจังหวะช้าๆ จนสองแคมเริ่มปรับคัวรับการสอดใส่ได้ ขณะที่เหมียวหลับตาแน่น แต่ร้องครวญครงออกมา

“เอ..มันแน่น..แน่นจัง…”
“เหมียวเสียวไหม….ชอบไหมให้เราเย็ดเบาๆ แบบนี้..”
“สะ เสียวจ๊ะ…เอ…มันเสียวด้วยคับด้วย หีเหมียวฉีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ..”
“เหมียวทนนิดนึงนะ…”
“ทนอะไร….อุ๊ยเอ…โอ๊ย….เอ…เหมียวเจ็บ…ยะหยุดก่อน”

เหมียว ร้องลั่นเม ื่อผมฉวยโอกาสระหว่างการพูดคุย อัดแท่งเนื้อฉีกผ่านเยื่อพรหมจรรย์ลงไปจนแท่งเนื้อทั้งหมดจมวูบลงไปอัด แน่นอยู่กับความสาวที่รักษามากว่า 14 ปี ใบหน้าเหมียวบิดเบียวด้วยความเจ็บปวดทำให้ผมต้องรีบพรมจูบที่พวงแก้มใสและ ปลอบโยนด้วยความห่วงใย

” เจ็บมากไหมเหมียว..เราขอโทษนะ หีเหมียวทั้งดูดทั้งรัดจนเราคุมตัวเองไม่ได้เลย”
“เอบ้า…จะเอาเข้ามาก็ไม่บอกให้รู้ตัวก่อน เหมียวเจ็บนะ..”

เหมียว ส่งเสียงตัดพ้อ แต่ใบหน้าเริ่มคืนกลับสู่สภาพปกติหลังจากที่ผมแช่แท่งเนื้อนิ่งไว้โดยไม่ ขยับจนกล้ามเนื้อภายในเริ่มปรับตัวรับการบุกรุก ผมซุกไซร้ใบหน้ากับเนินอกน้อยๆ จนร่างกายเหมียวเริ่มบิดตัวแอ่นอกขึ้นรับการฟอนเฟ้น

“เราไม่อยากเชื่อว่านี่คือเหมียวที่ทุกคนในแผนกเรียกว่าแฟรงเก้นสตรี้เลย เหมียวสวยอย่างไม่น่าเชือเลยรู้ไหม”

ผม พยายามพูดคุยเพื่อให้เหมียวผ่อนความเจ็บปวดจากเนินเนื้อเบื้องล่าง พร้อมกระตุ้นสัมผัสด้านบนเพื่อปลุกให้เหมียวกลับเข้าสู่อารมรณ์รัก

“เอเห็นว่าเหมียวสวยจริงๆ เหรอ……… อูยส์…เอ..อย่าไซร้แบบนั้น…”
“สวยสิ แถมหีเหมียวยังแน่นหนึบสุดๆ แบบนี้ไอ้ช้างคงร้องไห้แน่ถ้าได้เห็นตัวจริงของเหมียว…”
“ไอ้ ช้างลามก…เหมียวไม่สนใจมันหรอก แต่เหมียวก็ไม่นึกนะว่าที่ชวนเอเย็ดเล่นๆ ที่คณะ ไปมาเหมียวก็ถูกเอเย็ดจริงๆ จนได้แบบนี้…อื๋ย…เอจ๋า..โอ๊วส์..”

เหมียวครางออกมาเมื่อผมขยับแท่งเนื้อขึ้นมาจากร่องหลืบคับแน่นช้าๆ แล้วกดกลับลงไปเบาๆ

“แล้วเหมียวเสียใจหรือเปล่าที่มอบร่างกายให้เราแบบนี้.. ”
“ไม่ เลยนะเอ..เหมียวบอกแล้วไงว่าเหมียวรักเอ…อ๊ายส์…เสียว… เหมียวเคยตั้งใจว่าจะให้เอเห็นตตัวจริงเมื่อพวกเราเรียนจบ แต่เมื่อเหมียวรู้ว่าเอกับน้องรินน้องกิฟท์เป็นอะไรกัน เหมียวก็..ก็…อูวส์…เอ..ยาวจังเลย”

เหมียวครางลั่นเหมื่อผมลาก แก่นกายออกมาจนหัวบายเกือบหลุดออกจากสองแคม สะโพกกระทัดรัดรีบยกตามราวกับไม่ต้องการให้มันออกไป แต่กลับต้องเผชิญแรงกระแทกเป็นสองเท่าเมื่อผทกดแท่งเนื้อกลับลงไปจนสุดโคน

“เหมียวไม่ชอบน้องรินน้องกิฟท์หรือ”
“ไม่ ใช่…กิฟท์กับรินน่ารักมาก แต่เหมียวคิดว่าเอคงจะไม่รักเหมียวแน่ เพราะเหมียวสวยสู้รินกับกิฟท์ไม่ได้…เอจ๋า…เร่งอีก…เร่งอีก…เหมียว เสียว…เสียวเหลือเกิน..”

สะโพกเหมียวกระเด้งรับแท่งเนื้อผมที่ เพิ่มความถี่ในการกำลังกระเด้าเนินนูนจนถี่ยิบ สองมือไขว่คว้ามากอดรัดแป่นหลังผมแน่น ขณะที่ผมดึงขาเรียวงามทั้งสองยกขึ้นแล้วดึงหมอนมาหนุนเข้าใต้สะโพกจนเนินนูน แออ่นตัวขึ้นรับการกระเด้าอย่างเต็มที่

“เหมียวไม่ต้องห่วงเรื่อง น้องรินกับน้องกิฟท์นะ เรารับรองว่าน้องทั้งสองต้องยอมรับให้เหมียวมาอยู่ด้วยกันแน่น..เราจะไม่ ทิ้งเหมียวแน่นอนเราสัญญา….อูยส์..เหมียว…เรา…เราจะ…”

ความ เสียวสุดยอดพุ่งขึ้นมาร่วมตัวที่ปลายแท่งเนื้อ ผมกัดฟันสะกดกลั้นความต้องการระเบิดน้ำรักเพื่อให้ยืดออกไปจนกว่าเหมียวจะไป ถึงพร้อมกัน…
“เอจ๋า..เหมียวรักเอ…เหมียวก็…ก็…ใกล้…เอ…ขอเหมียว..ขอเหมียว อ๊าวส์….”

ร่างบอบ บางแอ่นเนินนูนขึ้นสุดเหยียดอัดรับการกระเด้าครั้งสุดท้ายของผม ร่างงามสั่นเทิ้มเป็นระลอกขณะที่ผมก็ไม่สามารถสะกดความเสียวไว้ได้อีกต่อไป น้ำรักที่อัดแน่นกระฉูดเข้าไปในร่างกายเหมียวราวอย่างแรงจนเหมียวผวาเฮือก และดึงร่างผมไปกอดไว้แน่น

กระแสปราณคชสีห์ไหลผ่านแก่นกายเข้าสู่ร่าง เหมียวตามน้ำรัก ผมบังคับปราณให้รวมศูนยืไปยังจักรอัคคีที่ท้องน้อยซึ่งเป็นที่ตั้งของปราณ ธรรมชาติในร่างเหมียว มวลปราณธรรมชาติเริ่มสลายออกทันทีที่สัมผัสปราณคชสีห์ แล้วเข้ารวมกระแสปราณก่อนที่ผมจะเริ่มชักนำไปตามเส้นทางโคจรปราณ

“อะ อะ เอ…อะไรน่ะ…อะไรเคลื่อนในตัวเหมียว นี่คือปราณคชสีห์หรือ”

เหมียวกระซิบถามอย่างแตกตื่นเมื่อรับรู้การเคลื่อนไหวของปราณในร่าง

“เหมียว สงบใจไว้ อย่าเพิ่งถามอะไรแล้วปล่อยให้เราชักนำปราณ…ที่สำคัญเหมียวต้องจำเส้นทางโค จารไว้ให้ดี เพราะนี่คือเส้นทางที่เหมียวจะต้องใช้ต่อไป…เริ่มจากจักรอัคคี..แยกเป็น สองสาย สายหนึ่งผ่านจักรวายุที่หน้าท้อง อีกสายผ่าตามเส้นเลือดเข้าสู่หัวใจ………. ”

ผมกระซิบบอกเส้นทาง โคจรปราณไปเรื่อยๆ ขณะที่เหมียวหลับตาสนิทแต่ผมรับรู้ได้ถึงปราณในร่างเหมียวที่เริ่มก่อตัว ขึ้นและร่วมติดตามเส้นทางปราณคชสีห์ไปอย่างตั้งใจ….ท่ามกลางความเงียบผม โคจรปราณรอบแล้วรอบเล่าผ่านจุดเส้นและจักรทั้งสี่ในร่างกายเหมียว จนรับรู้ถึงปราณคชสีห์ที่ก่อกำเนิดใหม่ในร่างเหมียวก่อนถอนปราณกลับเข้าสู่ ร่างกาย และดึงร่างเปลือยของเหมียวให้กลับขึ้นมาอยู่ในท่าขัดสมาธิก่อนถอนแก่นกายออก จากร่างเหมียว เพื่อปล่อยโคจรปราณด้วยตนเอง น้ำรักที่ผสมเลือดพรหมจรรย์ของเหมียวเริ่มไหลย้อนนอกมาจากร่องหลืบจนเอ่อไป บนผ้าปูที่นอน ขณะที่เหมียวยังคงนั่งอย่างสงบนิ่งเพื่อโคจรปราณ ผมอดดีใจไม่ได้ที่สามารถถ่ายทอดปราณคชสีห์ให้บุตคคลภายนอกได้เป็นครั้งแรก และที่สำคัญผู้ที่รับไปคือเพื่อนรักที่ผมไว้ใจที่สุดคนนี้ แต่ผมก็ยังรู้สึกเสียใจไม่น้อยมที่กระแสจิตไม่สามารถถ่ายทอดความจำทั้งหมด ให้เหมียวได้ดังเช่นน้องรินและน้องกิฟท์

ผมเฝ้ามองภาพงดงามเบื้อง หน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับร่างกายเหมียว ใบหน้าน่ารักของเหมียวเริ่มขาวและเปล่งปลั่งขึ้น ตามมาด้วยผิวกายทั่วร่าง ทรวงอกกะทัดรัดขยายออกเล็กน้อยแต่ยังคงรู้สึกได้ด้วยสายตาผมที่เฝ้ามองอย่าง ใกล้ชิด กล้ามเนื้อในส่วนที่ผอมบางเช่นต้นแขนและต้นขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลาย เป็นลำแขนกลมกลึงและต้นขาที่เต็มแน่นไปด้วยเนื้อหนัง ต่างจากลำขายาวเรียวที่ผมลูบไล้ก่อนหน้าการร่วมรัก การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ผมหลังการ ถ่ายปราณ ที่ปราณคชสีห์ผสานกับปราณจักรวาลส่งผลให้ร่างกายปรับตัวเข้าสู่จุดสมบูรณ์ ที่สุด ซึ่งในกรณีของคุณแม่ผมทำให้ร่างกายกลับเข้าสู่สภาพของหญิงสาววัย 18 แต่กลับเกิดผลตรงข้ามกับน้องริน น้องกิฟท์ และเหมียวซึ่งปราณกลับเร่งให้ทำให้ร่างกายที่ยังไม่พัฒนาเปลี่ยนไปสู่วัยสาว เต็มตัว

เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ร่างเปลือยเบื้องหน้าผมเริ่มเปล่งประกายสีแดงจางๆ อันเป็นสัญญานสิ้นสุดการโคจรปราณ ผมรีบเอื้อมมือไปกุมข้อมือบอบบางของเหมียวไว้ ขณะที่เหมียวเปิดตาขึ้นช้าๆ ประกายตาสุกใสของผู้ทรงปราณที่จับจ้องผมอยู่บอกให้รู้ว่าการถ่ายทอดปราณ คชสีห์ให้เหมียวเสร็จสมบูรณ์แล้ว

“เอ๊ะ…ทำไมห้องสว่างอย่างนี้…”

คำ แรกที่เหมียวอุทานขึ้นหลังโครจรปราณทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงภาพที่ปรากฏต่อสายตาผมหลังการโคจรปราณคชสีห์เป็นครั้งแรกในวัย เด็ก สายตาที่สามารถรับภาพในที่มืดได้ดีกว่าคนธรรมดาหลายเท่า ทำให้ห้องที่มืดสลัวกลับสว่างราวกลางวัน ซึ่งไม่แปลกเลยที่เหมียวจะอุทานออกมาแบบนี้

“เอ้าลุกขึ้นก่อน..เหมียวยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”

ผม ฉุดเหมียวให้ลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงมายืนที่พื้นห้อง ใบหน้าเพื่อนรักผู้กลายเป็นเมียผมอย่างสมบูรณ์เปล่งประกายนวลใย ซึ่งทำให้เพิ่มความงามบนใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งขั้นไปอีก เหมียวสบตาผมแล้วสั่นหน้าเบาๆ

“ไม่เจ็บแล้วล่ะ แปลกจัง ตอนที่เอเย็ดมันเจ็บแทบตายนึกว่าหีฉีกซะอีก แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

ผม ยิ้มให้เพราะรู้ดีว่าการบาดเจ็บของร่างกายจะถูกปราณคชสีห์ที่ผสานปราณ จักรวาลซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับตอนที่ผมร่วมรักกับน้องรินและน้องกิฟท์ ที่แม้ร่องรักของเด็กหญิงวัย 12 จะฉีกขาดจากการบุกรุกของแท่งเนื้อขนาดใหญ่ แต่เมื่อน้องทั้งสองได้รับถ่ายทอดปราณ ร่องรอยฉีกขากท้งหมดก็หายไปและสามารถร่วมรักต่อเนื่องกับผมได้อีกในวันเดียว กัน

“เหมียว ไม่ต้องสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายนะ..นั่นเป็นผลมาจากการรับปราณ คชสีห์ เรารับรองว่าจะไม่เกิดผลเสียใดๆ ทั้งสิ้น เอาล่ะตอนนี้ลองผนึกพลังกระจายไปที่เท้าแล้วดีดตัวขึ้นเบาๆนะ…”

ผม อธิบายให้เหมียวรับรู้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พร้อมกับเริ่มถ่ายทอดการปรับพื้นฐานเคลื่อนไหวด้วยปราณให้ เหมียวพยักหน้าสูดลมหายใจโคจรปราณแล้วขยับปลายเท้าเบาๆ แต่กลับทำให้ร่างเปลือยทะยานขึ้นจากพื้นห้องจนศีรษะชนเพดานดังกึก ก่อนจะตกกลับมายืนที่พื้น เหมียวรีบคลำศีรษะแล้วอุทานออกมา…

“อูย…แค่ขยับเบาๆ ตัวเหมียวก็พุ่งแบบนี้เลย.. ที่แท้ผู้ทรงปราณมีพลังขนาดนี้เชียว..”

ผมดึงร่างเหมียวมากอดไว้อย่างทะนุถนอม

“ต่อ จากนี้ไปเหมียวต้องรับการฝึกกับเราทุกวันนะ..เพื่อให้ร่างกายสามาาถควบคุม การใช้ปราณได้ และที่สำคัญเหมียวต้องเรียนรู้เพลงมวยคชสีห์ ซึ่งจะช่วยให้เหมียวสามารถเคลื่อนไหวร่างกายต่อสู้ศัตรูด้วยปราณได้”

เหมียวพยักหน้ารับ และเบียดร่างมาแนบสนิทจนหน้าอกตูมเต่งอัดอยู่กับหน้าท้องผม

“ตกลง แต่ตอนนี้เหมียวเองก็ไม่รู้จะเรียกเอว่ายังไงดี อาจารย์ หรือพี่ หรือเอเฉยๆ เพราะเอเป็นทั้งสามี เป็นทั้งผู้ถ่ายทอดปราณให้ แถมอายุมากกว่าเหมียวหลายปีอีก”

ผมก้มลงจูบปากเรียวบางเบาๆ ก่อนตอบอย่างเอ็นดู

“ถ้า อยู่ที่คณะเหมียวก็เป็นเหมียวคนเดิมนั่นแหละ เรียกกันเป้นเอ็งข้าตามปกติจะได้ไม่มีใครสงสัย แต่ถ้าเราอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เหมียวเรียกชื่อเราตรงๆ ก็พอ เพราะเราไม่ได้เป็นอาจารย์ และไม่คุ้นกับการให้เหมียวเรียกเราเป็นพี่ด้วย ถึงเหมียวจะอายุรุ่นเดียวกับน้องรินน้องกิฟท์ก็ตาม แต่ถ้าตอนเย็ดกันจะเรียกเราว่าผัวก็ได้นะ..”

ประโยคสุดท้ายผมกระซิบแบบล้อๆ ทำให้เหมียวหน้าแดงแล้วทุบผมเบาๆ ก่อนผละร่างออกจากอ้อมกอดผม แล้วยิ้มอย่างล้อเลียน

“งั้นเหมียวจะถามกิฟท์กับรินดูก่อนก็แล้วกันว่าเรียกเอยังไงตอนที่เอเย็ดน่ะ ”

ผมหัวเราะออกมาขยับร่างจะดึงเหมียวเข้ามากอดอีกแต่เด็กสาวกลับโผกายไปทางห้องน้ำอย่างนุ่มนวลด้วยวิธีการโครจรพลัง แล้วส่งเสียงตามมา

“เหมียวขอล้างหีก่อนนะ…น้ำของเอเลอะไปหมดแล้ว”

ผม พุ่งร่างตามเรือนกายยั่วอารมณ์ของเพื่อนรักด้วยความเร็วจนสามารถรวบร่างนุ่ม นวลไว้ในวงแขน ใช้มือเคล้นคลึงเต้านมเต่งตึงอย่างนุมนวล แล้วพุ่งต่อไปในห้องน้ำก่อนกระซิบเบาๆ ข้างหู

“งั้นก่อนจะล้าง เราขอซ้ำในห้องน้ำอีกครั้งนะ..”
“เอบ้า..บ้า…อูวส์…”

————————————————-

นาฬิกา บนหน้าปัดรถโฟล์คเต่าบอกเวลา 22.30 น. เมื่อผมขับรถออกจากบ้านพักของเหมียว หลังจากการร่วมรักครั้งที่สองที่เนิ่นนานแต่ให้ความสุขสุดยอดที่อ่างอาบน้ำ ในห้องพักของเหมียว ผมอดสูดหายใจลึกๆ ด้วยความยินดีไม่ได้ที่ในที่สุดผมก็สามารถถ่ายทอดปราณคชสีห์ให้บุคคลภายนอก ได้สำเร็จ ซึ่งนั้นเป็นเครื่องยืนถึงความถูกต้องของสมมุติฐานที่น้องกิฟท์กำหนดเป็น เงื่อนไขในการถ่ายทอดปราณ แต่ในใจอีกส่วนก็อดเสียดายกับความล้มเหลวในการถ่ายทอดปราณให้น้องพราวในช่วง บ่ายไม่ได้ เพราะผมเองต้องยอมรับว่าประทับใจกับความงามของเรือนร่างที่อวบอัดเกินวัย และความเร่าร้อนในการร่วมรักของน้องพราวจนต้องการให้น้องพราวเข้ามาเป็นส่วน หนึ่งของชีวิต

เมื่อคิดถึงน้องพราวและน้องแพรว แก่นกายผมที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการร่วมรักกับเหมียวก็กลับฟื้นตัวขึ้นโดยไม่ สามารถระงับอารมณ์ไว้ได้ ผมนึกถึงกำหนดนัดหมายที่น้องแพรวจะมาหาในคืนนี้และอาการตอบรับของน้องแพรว เมื่อผมถามย้ำว่าคืนนี้สองพี่น้องฝาแฝดจะมาหาผมพร้อมกันที่ห้องนอน มโนภาพเรือนร่างอวบอัดของสองสาวปรากฏขึ้นในใจจนผมต้องกดคันเร่งบังคับให้รถ พุ่งเป็นข้างงหน้าเร็วขึ้น เพื่อพบกับความสุขที่รออยู่ ผมเลี้ยวรถกลับเข้าบ้านพักเวลา 23.00 น. ด้วยความแปลกใจเล็กน้อยที่ทั่วบ้านปิดไฟมืดสนิท บอกให้รู้ว่าทุกคนเข้านอนแล้ว แม้กระทั่งบ้านพักรับรองแขกหลังเล็กที่ตั้งอยู่ด้านข้างก็มืดสนิทเช่นกัน จนทำให้ผมอดถอนหายใจไม่ได้เพราะนั่นอาจหมายความว่าสองพี่น้องที่นัดกับผมคืน นี้อาจเปลี่ยนความตั้งใจและกลับบ้านไปแล้วผมจอดรถและไขกุญแจประตูเข้าบ้าน ที่เงียบสนิท อย่างเซ็งๆ เล็กน้อย แต่ก็พยายามระงับความต้องการที่จะไปหาน้องกิฟท์และน้องรินเอาไว้ เพราะรู้ดีว่าพรุ่งนี้น้องทั้งสองจะต้องส่งรายงานและสอบย่อยอีก

ผม เดินขึ้นชั้นสองผ่านห้องน้องรินและน้องกิฟท์ที่ปิดไฟมืดสนิทมายังห้องนอน แล้วไขกุญแจเปิดเข้าไปภายใน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะปิดประตูร่างอวบอัดร่างหนึ่งก้โถมเข้ากอดรัดผมทางด้าน หลังไว้แน่น ผมรีบทรงตัวและกดสวิทซ์ไฟทำให้เห็นร่างเด็กสาวที่ผมยังไม่แน่ใจว่าเป็นน้อง พราวหรือน้องแพรวนั่งอยู่บนเตียงในชุดนอนผ้าแพร่เบาบางจนสามารถมองทะลุไปยัง เม็ดยอดของทรวงอกอวบอิ่มภายใต้เนื้อผ้าอย่างชัดเจน ขณะที่ด้านหลังของผมมีร่างอวบอีกร่งหนึ่งกอดรัดไว้แน่นพร้อมส่งเสียงกระซิบ อย่างร้อนรน

“พี่เอไปไหนมา แพรวรอพี่เอมาจตั้ง 5 ชั่วโมงแล้วนะ…”

ผม ดึงร่างเด็กสาวที่ตอนนี้รู้แล้วว่าคือน้องแพรวให้ลงจากกลางหลังผม แล้วดึงตัวมาด้านหน้า แต่ภาพที่ปรากฏทำให้ผมต้องระงับลมหายใจที่เริ่มติดขัดอย่างรวดเร็ว เพราะร่างน้องแพรวเบื้องหน้าเปลือยเปล่าขาวโพลนไปทุกส่วน ใบหน้าเด็กสาวที่จับจ้องสายตามาที่ผมปรากฏแววตัดพ้อและขุ่นเคืองอยู่ลางๆ จนทำให้ผมต้องรีบดึงร่างอวบอิ่มเข้ามากอดไว้แน่น

“พี่ขอโทษนะ พี่ต้องแก้ไขรายงานนานไปหน่อย..แต่นี่ก็เพิ่ง 5 ทุ่มเอง..เรายังมีเวลาเหลือเฟือไม่ใช่หรือ”

ผมปลอบน้องแพรวเบาๆ ขณะที่เด็กสาวกอดรัดผมไว้แน่นแล้วเงยหน้ากระซิบ

“แพรวไม่ต้องการรอแล้ว แพรวต้องการพี่เอเดี๋ยวนี้เลย….”

ผม อดแปลกใจไม่ได้กับอาการกระหายรักของน้องแพรวที่เด็กสาวไม่เคยแสดงออกมาก่อน แต่เรือนร่างที่อบอุ่นนุ่มเนียนในอ้อมแขนทำให้ผมสลัดความรู้สึกทั้งหมดทิ้ง ไป ผมหันไปทางน้องพราวที่นั่งอยู่บนเตียง เพื่อหยั่งท่าที แต่กลับพบว่าน้องพราวกำลังก้มหน้าแต่เขยิบร่างเปิดทางให้เกิดช่องว่างบน เตียง ขณะที่เด็กสาวค่อยๆ ถอดเสื้อนอนตัวบางออกทางศีรษะ จนเรือนร่างงามเปล่าเปลือยเช่นเดียวกับน้องสาว

“แพรว..พราว…”

ผม ครางออกมาอย่างสุดกลั้นกับเรือนร่างเปลือยของน้องแพรวที่แนบสนิทกับร่างผม และร่างน้องพราวที่กำลังเอนกายนอนหงายบนเตียง เผยให้เห็นเนินนูนงดงามที่ผมเพิ่มพรากความสาวไปเมื่อบ่ายที่ผ่านมา แต่ก่อนที่ผมจะทันตั้งตัวน้องแพรวก็ดันร่างผมมาที่เตียงแล้วผลักลงนอนหงาย คู่กับน้องพราวแล้วโถมร่างขึ้นทับทันทีพร้อมประทับริมฝีปากกจูบผมอย่างเร่า ร้อน ลิ้นหอมกรุ่นของน้องแพรวแทรกเข้าหาลิ้นผมและเกี่ยวรัดอย่างชำนาญ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าน้องแพรวน่าจะเคยมีประสบการณ์ทางเพศมาแล้ว แต่รสสัมผัสจากการจูบของน้องแพรวทำให้ความคิดทั้งหมดถูกสลัดออกไปอย่างรวด เร็ว ผมลูบไล้เรือนร่างน้องแพรวอย่างตื่นใจกับความเต่งตึงครัดเคร่งที่ไม่ต่างกับ น้องพราว สองมือเลื่อนไปหาแก้มก้นกลมกลึงบีบเคล้นรับความหยุ่นตึง ขณะที่น้องแพรวถอนปากออกแล้วส่งเสียงกระซิบอย่างร้อนรน

“พราว..ถอดเสื้อผ้าให้พี่เอเร็วเข้า”

ก่อน ที่ผมจะทันพูดอะไร น้องแพรวก็กลับจูบผมอย่างหนัก ขณะที่น้องพราวก็เคลื่อนร่างเข้ามาหาแล้วสอดมือมารูดซิบกางเกงผม โดยที่น้องแพรวซึ่งทาบร่างผมอยู่โก่งสะโพกขึ้นเพื่อปล่อยให้น้องพราวดึงมัน ออกไปทางปลายขาพร้อมกางเกงชั้นใน แก่นกายผมกระดกตัวขึ้นชูชันแต่กลับเอนราบลงเมื่อน้องแพรวลดสะโพกกลับลงมาทาบ ร่องรักที่เปียกเยิ้มกับลำลึงค์ พร้อมกับเสียดส่ายสะโพกไปมา ความเสียวจากการสัมผัสพลุ่งขึ้นจนผมต้องถอนจูบกับน้องแพรวอย่างร้อนรน..

“แพรว…พี่จะทนไม่ไหวแล้ว ขอพี่เถอะ..”

น้อง แพรวยิ้มให้ผมอย่างอ่อนหวาน ก่อนยกร่างขึ้นนั่งทับท่อนล่างผม โหย่งตัวขึ้นสองมือน้อยๆ จับแก่นกายไว้แน่น แล้วนำไปจ่อที่กลางร่องรักฉ่ำชื้น ด้วยท่าทางที่ราวกับจะเป็นการต่อเนื่องกับเหตุการณ์ในห้องน้ำช่วงบ่ายซึ่ง ถูกขัดจังหวะไป

“พี่เอ…แพรวจะเป็นของพี่เอแล้วนะ…”

น้อง แพรวกระซิบด้วยเสียงหวานใส ทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปกุมเต้านมอวบที่แกว่งตัวอยู่เบื้องหย้าและเคล้นมัน อย่างหนักด้วยอารมณ์ที่พลุ่งขึ้นสูง

“พี่พร้อมแล้ว พี่ก็ต้องการแพรวที่สุด”
“แพรวจะมอบความสุขที่สุดในชีวิตของพี่ให้เดี๋ยวนี้เลย…”

ขาด คำน้องแพรวก็ทรุดร่างลงรับแก่นกายของผมให้ปักลึกเข้าไปในร่องรักอย่างแรง จนมันทะลวงผ่านกลีบเนื้อรัดรึงขั้นไปฝังอยู่ในร่างน้องแพรวทั้งหมด สัมผัสจากส่วนปลายลำลึงค์ที่ไวต่อความรู้สึกบอกผมว่ามันได้ทะลวงผ่านเยื่อ สาวบางๆของน้องแพรวจนฉีกขาดก่อนจะเดินทางไปถึงจุดหมาย ทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่น้องแพรวยังไม่เคยร่วมรักกับเพศตรงข้าม ทั้งที่ท่าทีของเด็กสาวระหว่างการปลุกเร้าอารมณ์บอกให้รู้ถึงความชำนาญทาง เพศอย่างยิ่ง

“โอ๊ย. เจ๊บจัง….พี่เอ…พี่เอเป็นอย่างไรบ้างมีความสุขไหม หีแพรวดีไหม…สู้ของพราวได้ไหม”

น้อง แพรวครางลั่นเมื่อรับรู้ถึงการฉีกขาดของเยื่อสาว แต่ยังคงถามผมราวกับว่าต้องการให้ผมรับรู้และบรรยายถึงคุณภาพอันยอดเยี่ยม ของร่องรักอันคับแน่นไม่ต่างกับน้องสาว

“หีน้องแพรวเยี่ยมที่สุด ไม่แพ้น้องพราวเลย”

ผม ตอบจน้องแพรวด้วยเสียวกระเส่าจากความเสียวขณะที่น้องแพรวเริ่มโยกตัวขึ้นลง โดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวด ร่องรักดูดดึงและบดอัดแก่นกายผมทุกสัดส่วนจนผมอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นร่องรัก ที่คับแน่นที่สุดที่สุดซึ่งผมเคยได้ร่วมรัก เพราะนอกจากแรงบีบรัดทุกส่วนแล้ว ภายในยังมีแรงดูดดึงที่แปลกประหลาดระดมส่งแรงดูดมาที่ส่วนปลายแก่นกายที่ไว ต่อความรู้สึกจนผมแทบไม่สามารถควบคุมความรู้สึกต้องการหลั่งน้ำรักได้

“โอ๊วส์ พี่เอ…พี่เอ…”

เสียง คราญครางของน้องแพรวดังลั่น ร่างงามเอนกายไปทางด้านหลัง สองแขนยันท่อนขาผมไว้ ขณะที่สะโพกอวบกลมกระเด้าผมถี่ยิบจนความเสียวผมทะลักขึ้นมารวมตัวที่ปลาย แท่งเนื้อพร้อมระเบิดออกทุกขณะ

“แพรว แพรว พี่ กะ ใกล้แล้ว… ”

ผมครางระล่ำระลักด้วยความสุขสุดยอดจากแรงดูดรัดในร่องรัก

“พี่เอ…แพรว..แพรว…พี่เอ..ขอปราณให้แพรวนะ…”

ผม สะดุ้งเฮือกกับประโยคสุดท้ายของน้องแพรว แต่ไม่สามารถยับยั้งน้ำรักที่กระฉูดเข้าไปในร่างน้องแพรวได้ ในชั่วพริบตาร่างกายผมกลับกลายเป็นแข็งทือโดยไม่สามารถเคลื่อนไหวขณะที่ น้ำรักยังคงหลั่งไหลเข้าไปในร่างน้องแพรวราวกับไม่ามีวันหมด

“พี่เอ…พราวขอโทษ…พราวรักพี่เอที่สุดแต่พราวจำเป็นต้อง…”

ดวง หน้าน้องพราวปรากฏขึ้นในสายตาผม ดวงตายาวเรียวสุกใสมีประกายน้ำตาหลั่งออกมาเป็นสาย แต่ผมไม่สามารถเอ่ยปากหรือเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย ร่างกายทุกส่วนราวกับถูกสูบพลังชีวิตหลั่งไหลออกไปภายในร่างน้องแพรวโดยไม่ สามารถหยุดยั้งได้

“พราว…ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เตรียมรับปราณเดี๋ยวนี้”

เสียง น้องแพรวที่เคยหวานใสเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในทันที ใบหน้าน้องพราวหายไปจากสายตาทำให้ผมเห็นภาพที่แปลกประหลาดที่สุดซึ่งกำลัง เกิดขึ้นบนร่างกายของผมเอง

ร่างเปลือยของน้องแพรวเปล่งละอองสีดำสนิท ออกมาครอบคลุมร่าง ขณะที่น้องพราวหันกายกลับก้าวขึ้นมาทาบร่างลงกับแผ่นอกผม แล้วยกสะโพกขึ้นสูงจนพลูเนื้ออวบขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับใบหน้าน้องแพรว ในท่านี้ทำให้ใบหน้าน้องพราวมาประกบกับใบหน้าผม ขณะที่ร่องรักเข้าประกบกับปากน้องแพรว ละอองสีดำขยายตัวเข้าปกคลุมร่างน้องพราวและผมไว้ทั้งหมด ในทันทีที่น้องแพรวประกบปากเข้ากับพลูเนื้อน้องพราว ผมรู้สึกถึงพลังที่ส่งผ่านผมออกไปยังน้องแพรวแล้วผ่านต่อไปในร่างน้องพราว ก่อนที่น้องพราวจะก้มใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาประกบจูบที่ปากผมไว้ ทำให้กระแสปราณที่วนเวียนเกิดเป็นวงจรเคลื่อนตัวไปในร่างของผมและสองพี่น้อง

จิตใจที่ยังคงรับรู้การสัมผัสของผมสั่นระริกเมื่อรับรู้ว่าปราณ คชสีห์และปราณจักรวาลในร่างกำลังสลายตัวอย่างรวดเร็วด้วยการดึงดูดจากกระแส พลังที่ไม่รู้จัก และเมื่อมันผ่านเข้าไปในร่างของสองพี่น้องก็เกิดการผสานกับปราณแปลกประหลาด ในร่างทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมเคยตรวจสอบแล้วว่าทั้งสองไม่มีปราณใดๆ ปราณประหลาดในร่างทั้งสองสลายปราณของผมอย่างรวดเร็วแล้วดึงดูดเข้าสุ่ร่างใน สภาพปราณอีกชนิดหนึ่งก่อนผลักพลังที่ยังคงค้างจาการสลายกลับเข้ามาในร่างผม ผ่านปากน้องพราวที่ยังคงจูบผมอยู่ พลังที่ตกค้างกลับสู่ร่างกายผมอย่างอ่อนล้าและย้อนกลับไปในร่างน้องแพรวอีก ครั้งผ่านทางร่องรัก จนในที่สุดผมก้ได้รับรู้ถึงพลังชีวิตที่เริ่มสลายตัวเข้าไปในร่างกายของทั้ง สองพี่น้อง

“พราว…ใกล้สำเร็จแล้วนะ”

เสียงน้องแพรวดัง ก้องขึ้น ขณะที่ผมรับรู้ถึงการเคลื่อนพลังชีวิตเข้าไปในร่างน้องแพรว ทิ้งไว้แต่เพียงซากร่างของนายไกรวิทย์ ที่กำลังถูกสูบปราณและชีวิตออกไป

“แพรว..พราวไม่อยากทำแบบนี้เลย…เราหยุดไม่ได้หรือ”

เสียงน้องพราวสั่นระริกจนผมรับรู้ได้ในจิตใจ ขณะพลังชีวิตผมเคลื่อนผ่านร่างน้องแพรวเข้าสู่ร่างน้องพราว

“พราว..ลืมคำของอาจารย์ไปแล้วหรือ เราต้องตัดความรู้สึกทั้งหมดออกเพื่อให้บรรลุถึงปราณราหูระดับสูงสุดให้ได้”

ถ้า พลังชีวิตของผมยังคงอยู่ร่างและหัวใจยังคงทำหน้าที่อยู่ หัวใจของผมคงแทบหยุดเต้นเมื่อได้รับรู้ว่าสองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้คือทายาท แห่งปราณราหู และผมกำลังตกอยู่ในสภาพของผู้ถ่ายปราณที่ร่างกายจะต้องสลายเป็นธุลีหลังจาก ปราณและพลังชีวิตถูกสูบออกจากร่างกายทั้งหมด แต่ผมไม่สามารถขัดขืนอำนาจของปราณราหูที่เข้าสู่ร่างกายผมได้แม้แต่น้อย พลังชีวิตของผมวนเวียนอยู่ร่างสองพี่น้องและถ่ายกลับมาในร่างตนเองก่อนถูก ดุดออกไปอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีเพียงสติที่ริบหรี่ของผมเท่านั้นที่สามารถรับรู้การสนทนาทางจิตของเด็กสาว ทั้งสองได้

“พราวรู้ แต่แพรวไม่สงสารกิฟท์กับรินหรือที่จะต้องเสียคนที่รักที่สุดไปแบบนี้”

กระแสจิตของแพรวดูจะเงียบไปอึดใจต่อคำถามของพราว แต่ชั่วขณะหนึ่งก็กลับดังขึ้นอีกครั้งและดุเหมือนจะแฝงความเสียใจเอาไว้ด้วย

“แพรว รู้ แพรวก็รักรินกับกิฟท์ ไม่ต่างกับพราวหรอก ตั้งแต่เราถูกเลี้ยงมาโดยท่านประมุขพร้อมกับฝาแฝดสิบคู่ แพรวไม่เคยรู้สึกรักและสนิทสนมกับใครเหมือนรินกับกิฟท์เลย และนี่เองทำให้แพรวต้องวางยาสลบทั้งคู่ไว้แทนที่จะกำจัดทิ้ง และเขียนจดหมายบอกไว้ว่าพี่เอ กับเราทั้งสองคนหนีตามกันไป เพื่อไม่ให้รินกับกิฟท์เสียใจมากกว่านี้”

“แพรว…อย่างนั้นทำไมเรา ไม่ดูดปราณอารักษ์ของตระกูลเทพฤทธิ์ตามที่อาจารย์สั่งล่ะ ในเมื่อเราก็สามารถเข้าถึงหัวหน้าของตระกูลผ่านเจ้าพงษ์ชัยที่เรียนอยู่ใน ห้องเราแล้ว”

กระแสจิตของพราวดังขึ้นราวกับขะตัดพ้อ ขณะที่กระแสจิตของแพรวดูดุดันเมื่อตอบกลับ

“พราว จะตัดสินใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว ก็พราวเองไม่ใช่หรือที่พบว่าพี่เอเป็นผู้ทรงปราณคชสีห์ และเปลี่ยนเป้าหมายโดยไม่แจ้งให้ท่านประมุขรู้ พราวบอกกับแพรวไงว่าถ้าเราสามารถดูดรับปราณคชสีห์ที่เหนือกว่าปราณอารักษ์ อันแสนธรรมดามาได้ เราก็มีฐานะในจักรราศีเมถุนสูงกว่าคู่แฝดอื่นๆ แม้กระทั้งคู่แฝดแบม-โบว์ ที่ท่านประมุขกำหนดให้ไปรับปราณมหาจักรที่ธิเบตก็ตาม”

กระแสจิตของพราวนิ่งไปครู่ใหญ่กับสิ่งที่แพรวตอบมา ก่อนตอบอย่างเสียใจ

“ตอนนั้นพราวเกลียดและอิจฉาพี่เอมาก ที่สามารถได้ความรักจากรินและกิฟท์แบบนั้น แต่หลังจากที่พราวรู้จักพี่เอมากขึ้น พราวก็เริ่มรู้สึกว่าพี่เอเป็นคนดี และไม่น่าที่จะทำร้ายพวกเขาเลย พราวพยายามจะหยุดและถอยห่างจากพี่เอ แต่เมื่อบ่ายนี้พราวกลับไม่สามารถควบคุมความรักความต้องการที่มีให้กับพี่เอ ได้ ทำให้พราวต้องเสียพรหมจรรย์ และปลดปล่อยสลักราหูเข้าสู่ร่างพี่เอ…ซึ่งเท่ากับเป็นการบังคับให้แพรว ต้องร่วมรักกับพี่เอให้เร็วที่สุดก่อนเพื่อใช้เชื้อราหู .. ทุกสิ่งเป็นความผิดของพราวเอง…”

กระแสจิตของแพรวดังขึ้นอย่างปลอบโยน

“พราว ทำสิ่งที่ต้องทำแล้ว อย่าเสียใจไปเลย พยายามตัดใจจากพี่เอเสีย อย่างน้อยก่อนที่พี่เอจะสูญสิ้น พี่เอก็ได้รับพรหมจรรย์ของเราทั้งสอง และได้รับความสุขสุดยอดจากการร่วมรักกับสตรีผุ้ทรงปราณราหู ที่ไม่มีสตรีใดสามารถทัดเทียมได้ หลังจากนี้เราจะกลับไปที่สำนักและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจักรศรี เมถุนโดยไม่มีใครขัดขวางได้อีกแล้ว”

“แต่ถึงเราจะได้เป็นผู้นำ เราก็ยังไม่สามารถฝึกปรือปราณราหูที่สมบูรณ์ได้อยู่ดี เพราะคัมภีร์ที่หายไปเมื่อ 20 ปีก่อน พร้อมท่านหญิงนัฐฐา และการเสียชีวิตของท่านหญิงณัฐริกาผู้เป็น้องสาวในเวลาต่อมา ทำให้ความลับของการโคจรปราณราหูที่มีทั้งทางตรงและย้อนกลับขาดการถ่ายทอด จนท่านประมุขต้องอาศัยความทรงจำปรับแต่งให้เป็นการฝึกร่วมกันของคู่แฝดเช่น เรา โดยให้พราวฝึกสลักราหู และแพรวฝึกเชื้อราหู ทำให้พราวต้องทนสะอิดสะเอียนกับการดูดน้ำรักของชายที่น่ารังเกียจมาตลอด 10 ปี”

“แพรวก็ต้องทนรับให้ชายที่น่ารังเกียจเล้าโลมร่างกายมาตลอดเช่น กันนะพราว..นับตั้งแต่พราวได้สัมผัสผู้ชาย มีเพียงพี่เอเท่านั้นที่ทำให้พราวรู้สึกว่าตนเองกำลังมีความรักและเป็น ผู้หญิงที่แท้จริงอีกครั้ง แต่นั่นก็เป็นความรักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของแพรวเช่นกัน…”

การ สนทนาระหว่างสองพี่น้องที่จิตอันริบหรี่ของผมรับรู้ ทำให้ผมเข้าใจถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที เพราะมับสามารถสานต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจักรราศีเมถุนที่มารดาของเหมียว หลบหนีมาได้อย่างสมบูรณ์ และทำให้ผมรู้ว่าปราณราหูของจักรราศีเมถุนปัจจุบันไม่สมบูรณ์เพราะขาดแนวทาง ลับที่บ่งบอกวิธีควบคุมปราณตามกระแสและย้อนกลับให้โคจรร่วมกัน ทำให้ต้องมีการแยกปราณออกเป็นสองสายและมอบหมายให้พี่น้องฝาแฝดทำหน้าที่แยก ฝึกสลักราหูและเชื้อราหู ก่อนที่จะร่วมกันดูดปราณของผู้ทรงปราณที่เป้นเป้าหมาย ด้วยการให้ผู้ที่ฝึกสลักราหูร่วมรักก่อนเพื่อฝังสลักราหูในร่าง หลังจากนั้นจึงให้ผู้ฝึกเชื้อราหูเข้าดูดสลายปราณและถ่ายทอดกลับไปให้ผู้ฝึก สลักราหูดังเช่นที่สองพี่น้องกำลังทำอยู่ในขณะนี้ จิตใจผมจรดจ่ออยู่กับจุดเส้นและจักรในร่างกายของพราวและแพรว มาพิจารณาประกอบกับความรู้ที่ผมอ่านจากคัมภีร์ปราณราหูที่บ้านเหมียวทำให้ รับรู้ว่าข้อสันนิษฐานของผมไม่ผิพลาดแม้แต่น้อย เพราะลักษณะปราณของน้องแพรวกำลังใช้ร่องรักดึงดูดปราณผมเป็นการโคจรปราณทาง ตรง และเมื่อถ่ายกลับไปให้น้องพราวทางปากผ่านร่องรักน้องพราว ปราณก็เปลี่ยนทิศทางเป็นแนวทางย้อนกลับ แสดงให้เห็นว่าผู้เป็นประมุขแห่งจักราศีเมถุนแม้จะไม่สามารถกำหนดแนวทาง ฝึกปรือปราณราหูที่สมบูรณ์ได้ แต่ก็ยังสามารถใช้ความรู้ที่มีอยู่ปรับแต่งจนเกิดแนวทางใหม่ของการฝึกปราณ ที่ใช้ฝาแฝดซึ่งมีรูปแบบของจุดเส้นในร่างกายเหมือนกันเป็นเครื่องมือ

“พราว…ปราณราหูรวมตัวถึงจุดสุดท้ายแล้ว…เตรียมตัวใช้สลักราหูปิดกั้นได้….”

กระแส จิตของแพรวดังขึ้นในจิตใจที่กำลังใกล้แตกสลายของผม ภาพพร่าเลือนใบหน้าน้องพราวกลับปรากฏขึ้นต่อหน้าสายตาผมหลังจากน้องพราวถอน ปากออก ใบหน้าที่เด็กสาวเศร้าสร้อยของน้องพราวและหยาดน้ำตาที่ไหลนองแก้มก้มลงมาที่ ข้างหูผมแล้วกระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“พี่เอ…พราวขอโทษ กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น พราวรักพี่เอที่สุดและสัญญาว่าต่อจากนี้ไปจะไม่มีชายคนใดมาสัมผัสร่างของ พราวอีก พราวเป็นของพี่เอคนเดียวเท่านั้น พี่เอจากไปด้วยความสบายใจเถอะ เมื่อพราวและแพรวได้เป็นประมุขจักรราศีเมถุน เราทั้งสองจะปกป้องรินและกิฟท์อย่างเต็มที่ เป็นการตอบแทนพี่เอ…ลาก่อน”

จิต และพลังชีวิตของผมถูกดูดเข้าวนเวียนในร่างสองพี่น้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้กลับมาสู่ร่างผมดังเช่นที่ผ่านมาก พลังมหาศาลขุมหนึ่งถูกส่งมาในร่างผมและดึงดูดทุกสิ่งออกไป ทำให้ผมรู้ว่าจุดจบของชีวิตกำลังจะมาถึง แต่น่าแปลกที่ในใจผมไม่มีความโกรธแค้นสองพี่น้องเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าการที่พลังชีวิตผมไปวนเวียนอยู่ร่างทั้งสองและรับรู้การสนทนาทาง จิต ทำให้ผมเข้าใจถึงความจำเป็นในสิ่งที่น้องพราวน้องแพรวกระทำ และการรับรองที่จะปกป้องน้องรินน้องกิฟท์ ยิ่งแสดงถึงความรู้สึกผูกพันของของเด็กสาวทั้งสองจนผมสามารถปล่อยวางทุกสิ่ง และเตรียมพร้อมที่จะรับการดับสูญของชีวิตไปตลอดกาล แต่ก่อนที่พลังชีวิตทั้งหมดผมจะสิ้นสูญ กระแสจิตที่ร้อนรนของน้องแพรวก็ดังขึ้น

“พราว….สลักราหูอยู่ที่ไหน……”
“พราวพยายามดึงมันกลับอยู่ แต่ไม่มีร่องรอยเลย…มันหายไปแล้ว”
“เป็นไปได้อย่างไร…พราวส่งไปในร่างพี่เอแล้วไม่ใช่หรือ”
“พราวส่งไปแล้ว หลังจากพี่เอเย้ด พราวยังตรวจสอบดูเลย…มันอยู่ในร่างพี่เอแน่นอน”
“แล้วนี่หายไปไหน พราวกระจายปราณไปให้ทั่งร่างพี่เอเดี๋ยวนี้”

กระ สจิตของสองพี่น้องประสานกันเซ็งแซ่ด้วยลักษณะตื่นตกใจ ขณะที่น้องพราวกลับมาจูบปากผมแล้วถ่ายปราณเข้ามากระจายไปทั่วร่าง พลังชีวิตผมย้อนเข้ามาในร่าวงเดิมทำให้รับรู้ว่าปราณน้องพราวกำลังแทรกซอนไป ตามจุดเส้นและกระแสเลือดทุกจุดอย่างเร่งร้อน แต่กลับไม่พบสิ่งทีต้องการ

“แพรว ไม่มี …ไม่มีสลักราหูในร่างพี่เอเลย…”
“เป็นไปได้อย่างไร…หรือว่า..หรือว่าตอนที่พี่เอออกไปข้างนอก”
“พี่เอไปร่วมเพศกับผู้หญิงอื่น..และส่งผ่านสลักราหูออกไป”

ความ เงียบปกคลุมทันทีที่น้องแพรวบ่งชี้ข้อสัณนิษฐาน ซึ่งก็ตรงกับความเป็นจริงทุกประการ เพียงแต่เด็กหญิงทั้งสองไม่รู้ว่าสตรีที่ผมร่วมรักด้วยคือทายาทที่แท้จริง ของตระกูลโรหิณีและเป็นผู้ครอบครองคัมภีร์ปราณราหู และการ่วมรักที่ป่านมาทำให้ผมส่งผ่านสลักราหูเข้าสู่ร่างเหมียวโดยไม่ตั้งใจ ทำให้สองพี่น้องฝาแฝดปราศจากเครื่องมือสุดท้ายที่จำเป็นสำหรับการดูดสลาย ปราณ แต่แล้วจิตผมก็พลันรับรู้ถึงข้อเท็จจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อนึกถึงข้อ ความที่ระบุไว้ในคัมภีร์ปราณราหู

“..แต่จงระวังอย่าให้สลักราหู สลายตัวไปก่อนการร่วมรักครั้งที่สอง มิฉะนั้นพลังปราณของสตรีและบุรุษจะไหลวนเวียนโดยไม่รู้จบโดยปราศจากการควบ คุมและจะทำให้ร่างทั้งสองสลายตัวเป็นละอองธุลีไปพร้อมกัน..”

ห้วง จิตใจผมร่ำร้องอย่างรุนแรงเพื่อเตือนเด็กสาวทั้งสองให้รับรู้ถึงสิ่งที่ กำลังเกิดขึ้น และถ้าหากทำได้ผมยินดีที่จะสละร่างกายตนเองเพื่อปิดกั้นกระแสปราณไม่ให้วน เวียนต่อไป แม้ว่านั่นจะทำให้ร่างผมสูญสาลายและน้องพราวน้องแพรวจะต้องสูญเสียปราณทั้ง หมด แต่ผมก็ไม่สามารถบอกสิ่งใดให้เด็กสาวทั้งสองรับรู้ได้แม้แต่น้อยด้วยร่างกาย ที่ไม่สามารถควบคุมได้นี้

“แพรว ..ทำไงดี…ท่านประมุขบอกไว้หรือไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรหากปราศจากสลักราหู”

กระแสจิตน้องแพรวดังขั้นอย่างร้อนรน ขณะที่กระแสจิตน้องพราวดูจะสงบนิ่งราวกับควบคุมอารมณ์ได้

“ไม่มีทางแก้ไข…นี่นับเป็นชะตาที่ถูกกำหนดไว้ เราไม่สามารถฝ่าฝืนได้…”
“แล้วเราจะทำอย่างไร…จะปล่อยให้ปราณวนเวียนไม่รู้จบแบบนี้หรือพราว”
“ถ้า เราปล่อยให้มันวนเวียนอีกไม่เกินครึ่งชั่วยาม จุดเส้นทั้งหมดของเราและพี่เอจะไม่สามารถทานรับการเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป มันจะระเบิดขึ้นพร้อมกันและสูญสลาย..นี่นับเป็นกรรมของเราที่มุ่งร้ายกับพี่ เอ..”

กระแสจิตทั้งสองเงียบงันลงขณะที่ปราณโคจรผ่านร่างผมและน้องทั้งสองรอบแล้วรอบเล่า ครู่ใหญ่กระแสจิตน้องแพรวก็ดังขึ้น

“ในเมื่อเราทั้งสองไม่มีทางรอดชีวิตได้…แล้วพี่เอล่ะพราว..”
“พี่ เอมีทางเลือกสองทางคือสูญสลายไปพร้อมกับเรา หรือหากเราบังคับปราณและพลังชีวิตทั้งหมดของเราย้อนเข้าไปในร่างพี่เอ เราก็จะดับสูญแต่พี่เอยังคงชีวิตอยู่ได้ เพียงแต่ปราณของเราที่เป็นแนวทางตรงและย้อนกลับหากหลั่งไหลเข้าไปในร่างพี่ เอโดยปราศจากแนวทางโคจรปราณราหูที่แท้จริง จักรทุกส่วนและจุดเส้นทุกแห่งของพี่เอจะระเบิดออก นั่นทำให้พี่เอต้องพบกับสภาพปราณสูญสลายและต้องตกอยู่ในสภาพพิการโดยไม่ สามารถเคลื่อนไหวไปตลอดชีวิต ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการตายเลย”
“แต่อย่างน้อยพี่เอก็ยังจะได้อยู่กับรินและกิฟท์ต่อไป เป็นการไถ่โทษพวกเรานะพราว”
“แล้วแพรวแน่ใจที่จะทำหรือ”
“แพรว ตัดใจได้แล้ว…เพียงแต่เสียใจที่พี่เอไม่สามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้ …หากพี่เอยอมยกโทษให้แพรว แพรวก็จะจากไปอย่างไร้กังวล…”
“ตอนนี้พี่เออยู่ในสภาพไร้ชีวิตแล้ว…พี่เอไม่สามารถรับรู้อะไร ทั้งสิ้น ได้แต่หวังว่าพี่เอจะอภัยให้เราเท่านั้น..แพรวพร้อมไหม”
“แพรวพร้อมแล้วพราว…พี่เอแพรวลาก่อน แพรวรักพี่เอนะ…”
“พี่เอ…พราวรักพี่เอที่สุด…ขอเพียงให้พี่เอรับรู้เท่านั้น”

กระแส ปราณทั้งหมดถูกสูบออกจากร่างผม แล้วเริ่มทะลักกลับเข้ามาราวน้ำป่าที่พุ่งออกจากเขื่อนกักกั้น ผมรับรู้ถึงพลังทางตรงที่ถ่ายทอดผ่านแก่นกายเข้ามา และพลังย้อนกลับที่ทะลักเข้ามาทางปาก พลังทั้งสองกระทบกันอย่างรุนแรงที่ศูนย์กลางร่างกาย แล้วแตกระเบิดออก แต่นั่นกลับทำให้ความรู้สึกและการควบคุมกระแสปราณของผมกลับมา ภาพเส้นทางการโคจรปราณราหูในคัมภีร์ปรากฏชัดขึ้นในสมอง ผมรีบปรับกระแสพลังจากน้องแพรวให้แยกเส้นทางกับน้องพราวด้วยแนววิชาหลบ เลี่ยง ประสาน ตามแนวทางของคัมภีร์ ที่แม้ความเจ็บปวดจะเกิดขึ้นในช่วงแรกจนแทบทนรับไม่ได้ แต่เมื่อพลังถูกชัดนำให้โคจรไปตามเส้นทางแยกกัน ความเจ็บปวดก็ค่อยๆ ลดลงที่ละน้อย สมาธิของผมจรดจ่ออยู่กับการควบคุมกระแสพลังที่เริ่มหยุดการถ่ายทอดจากภายนอก และรวมตัวกันที่จุดศูนย์กลางของร่างกาย จิตผมรับรู้ถึงการคงอยู่ของมวลพลังที่ค่อยๆ ยุบตัวเล็กลงทุกขณะจนเหลือขนาดเท่าปลายเข็มหมุด แต่ก่อนที่ผมจะสามารถทำความเข้าใจกับพลังที่เกิดขึ้น จุดพลังก็ระเบิดออกอย่างรุนแรงจนกระจายไปทั่วร่าง กระแสพลังทะลวงผ่านจักรทั้งสี่ในร่างกายแล้วกระจายยออกสู่ภายนอกทุกรูขุมขน สมองผมลั่นอึงอลไปด้วยกระแสพลังที่ทะลักออกมาราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้สติและความรู้สึกทั้งหมดของผมก็ดับไปในทันที

——————————–

“พี่เอ…”

มือ น้อยๆของน้องรินกุมมือผมไว้ขณะที่ผมยืนมองไปยังโคนต้นไม้ใหญ่ ในบริเวณบ้านของเหมียว บนพื้นดินมีแท่งหินแกรนิตมันวับสองต้นปักอยู่ ตัวอักษรสีทองที่สลัดบนแท่งหินเขียนชื่อจริงของเด็กหญิงสองคนที่มีความ สัมพันธ์กับผมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

“แพรว พราว…”

ผมพึมพัมออกมา ขอบตาเอ่อริ้นด้วยน้ำตาที่ไม่สามารถควบคุมได้

“แพรวกับพราวไปสงบแล้ว พี่เอต้องสงบใจและต่อสู้กับจักราศีเพื่อพราวและแพรวนะ..”

น้อง รินซบหน้ากับท่อนแขนผมแล้วบอกผมด้วยเสียงแผ่วเบาแต่มั่นคง ผมก้มลงมองใบหน้าเด็กสาวที่ผุ้พันกับผมมาทั้งชีวิต และพบว่าดวงตากลมโตของน้องรินก็กำลังเอ่อนองด้วยน้ำตาเช่นกัน

“ริน รักพราวกับแพรวมาก..เคยคิดที่จะอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิตกับพี่เอ แต่รินไม่เคยรู้เลยว่าทั้งสองคนจะเป็นคนของจักรราศีที่มุ่งทำร้ายพวกเรามา ตลอด”

ผมโอบเอวอ้อนแอ้นของน้องรินไว้แล้วสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนบอกน้องรินเบาๆ

“พี่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ …รินไปหากิฟท์กับเหมียวเถอะ..เดี๋ยวพี่ขอฝึกพลังตรงนี้อีกหน่อยแล้วจะตามเข้าไปนะ..”

น้องรินพยักหน้ารับ แล้วผละจากร่างผมตรงไปยังประตูบ้าน เพื่อสมทบกับน้องกิฟท์และเหมียวที่กำลังค้นคว้าตำราโบราณร่วมกันอยู่ในห้องสมุด
ผม หันหลังกลับตรงมาที่ต้นไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่งในบริเวณบ้านของเหมียว ซึ่งผมพาน้องรินน้องกิฟท์มาทุกวันหลังเหตุการณ์ในคืนที่น้องพราวน้องแพรวดับ สูญ ห้วงสมองผมปรากฏภาพตนเองรู้สึกตัวขึ้นท่ามกลางแสงสว่างยามเช้า โดยที่บนร่างกายผมมีฝุ่นขี้เถ้าสองกองใหญ่ตรงตำแหน่งท้องน้อยและหน้าอก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่น้องพราวและน้องแพรวร่วมรักกับผมก่อนการผนึกปราณราหู ภาพที่เห็นทำให้ผมต้องหลั่งน้ำตาออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อรับรู้ว่าเด็กสาวที่แสนงดงามทั้งสองกลับกลายเป็นเพียงเถ้าธุลีจากการ สลายปราณในร่างกายเพื่อให้ผมกลับฟื้นชีวิตขึ้นมา ระคนความเสียใจที่ไม่สามารถบอกให้ทั้งสองรับรู้ได้ว่าการถ่ายปราณกลับไม่ได้ ก่อเกิดอันตรายแก่ผมแม้แต่น้อยเพราะเคล็ดการโคจรปราณราหูทำให้ผมสามารถผสาน ปราณและพลังชีวิตของน้องพราวน้องแพรวเข้าเป็นพลังปราณในร่างได้โดยสมบูรณ์ ทำให้ปราณคชสีห์และปราณจักรวาลที่เคยแยกย้ายโคจรในร่างกลับหลอมละลายเป็น ปราณสายเดียวกันด้วยอำนาจของปราณราหู และก่อเกิดปราณใหม่ที่แม้แต่ผมก็ยังหวาดกลัวกับอำนาจของมัน

ผมก้าว เดินมายังต้นไม้ใหญ่ขนาดสองคนโอบที่ชายขอบที่ดินบ้านเหมียว แล้วสูดหายใจลึกเพื่อกระจายพลังปราณ ละอองหมอกสีขาวเรื่อเรืองปกคลุมล้อมร่างผมราวเกราะแห่งเทพเจ้า ขณะที่ผมผลักพลังออกจากฝ่ามือไปยังลำต้นของต้นไม้เบื้องหน้า

ทุกสิ่ง สงบนิ่งราวกับต้นไม้ไม่ได้รับแรงกระทบใดๆ แต่เพียงชั่วอึดใจ ใบดกหนาของต้นไม้ก็หล่นลงทีละน้อยจนร่วงพรูลงมาทั้งหมดสุมเป็นกองอยู่ที่แทบ เท้า ผมก้มลงดูใบไม้สีเหลืองแห้งกรอบที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่นาทียังคงเป็น ใบไม้สีเขียวสด ด้วยความรู้สึกผสมกันระหว่างความมั่นใจในหลังปราณใหม่ที่บังเกิดขึ้นในร่าง กับความหวากกลัวในอำนาจการทำลายที่เหนือความเข้าใจของมนุษย์

“เอ..ขืนฝึกแบบนี้ เดี๋ยวต้นไม้บ้านเหมียวตายหมดพอดี…”

เสียง ใสๆ ของเพื่อนรักที่กลับเป็นเมียรักของผมอีกคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ผมหันกลับไปยิ้มให้ใบหน้างดงามที่เปล่งประกายเรืองรองกลางแสงแดดยามเช้าด้วย ความรัก และดึงร่างงามที่อยู่ในชุดนอนมาในอ้อมแขน

“งั้นเราฝึกกับเหมียวตอนนี้เลยดีไหม…”

ผมบอกเหมียวด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ ทำให้เหมียวหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก.. แล้วก้มหน้ากระซิบอายๆ

“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก่อนแล้วค่อยฝึกได้ไหมเอ..เมื่อคืนเหมียวฝึกพร้อมรินและกิฟท์ จนแทบยืนไม่ได้แล้ว”

ผม หัวเราะแล้วจูบหน้าผากเหมียวเบาๆ ก่อนพาเดินกลับไปที่ตัวบ้าน ร่างน้องรินและน้องกิฟท์ ที่ยืนรอผมอยู่ที่ประตูท่ามกลางแสงสว่างยามเช้าบอกผมให้รู้ว่านี่เป็นวัน ใหม่ ที่ผมต้องกำจัดความกังวลใจทั้งสิ้นออกไป เพื่อปกป้องรักษาผู้เป็นที่รักด้วยชีวิตของตัวเอง….

Related

Prev
Next

Comments for chapter "The Paradox บทที่ 3.3 ปราณราหู"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved