ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

The Paradox บทที่ 2.3 ผู้อยู่เหนือกาล

  1. Home
  2. The Paradox & The Zodiac by Buta
  3. The Paradox บทที่ 2.3 ผู้อยู่เหนือกาล
Prev
Next

The Paradox บทที่ 2.3 ผู้อยู่เหนือกาล

“พ่อยังไม่เข้าใจที่เล่ามาอยู่เรื่องหนึ่ง…กองคำนี่คือใครกัน”

พ่อเลี้ยงไกรสร คุณพ่อของผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังปนสงสัย หลังจากผมกลับมาเล่าเหตุการณ์ณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้รับรู้

“ผมเองก็ไม่เข้าใจครับคุณพ่อ..เพราะในความทรงจำของผม กองคำและแก้วคำมีตัวตนจริงๆ แต่ทุกคนกลับไม่รู้จัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรื่องของกองคำเป็นเรื่องที่ทุกคนในย่านนี้วิจารณ์กัน ทั่วไปหมด แต่การส่งผ่านความทรงจำของผมไปยังน้องรินและน้องกิฟท์ กลับไม่มีภาพของกองคำและน้องสาวอยุ่ด้วยเลย น้องรินรับรู้แต่เพียงว่าผมฆ่าคนที่ทำร้ายน้องรินเพื่อแก้แค้น จนต้องหนีคดีไปกรุงเทพฯ แต่ภาพของบุคคลนั้นกลับไม่อยู่ในความทรงจำของน้องรินและน้องกิฟท์แม้แต่น้อย ”

ผมตอบคำถามคุณพ่อด้วยความสับสนใจ ความเงียบเข้ามาปกคลุมห้องนั่งเล่นขณะที่ประมุขของบ้านคชสีห์กำลังใช้ความ คิดอย่างหนัก ร่างน้องรินและน้องกิฟท์ที่นั่งขนาบข้างผมดูสงบลงหลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายที่บ้านของน้องกิฟท์ แต่คุณแม่ผมที่นั่งอยู่ตรงข้ามยังคงมีสีหน้าหวาดกลัวกับเรื่องที่ผมเล่าจน ต้องกุมมือคุณพ่อไว้แน่น

หลังจากผมพาน้องรินและน้องกิฟท์กลับมาที่บ้าน ก็ได้เข้าไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณแม่ฟังอย่างคร่าวๆ ทำให้คุรแม่ต้องโทรศัพท์เรียกคุรพ่อกลับมาทันที และหลังจากที่ผมได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดพร้อมประสบการณ์ของ ผมตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ทำให้คุณพ่อคุณแม่ผมถึงกับตกตะลึงและคิดว่าผมเกิดความผิดปกติทางจิต แต่เมื่อคุณพ่อได้ตรวจสอบพบกระแสปราณจักรวาลที่วนเวียนอยู่ในร่างผม ทำให้คุณพ่อต้องยอมรับเรื่องที่ผมเล่าและพยายามทำความเข้าใจกับทุกสิ่งที่ เกิดขึ้น

“เท่าที่เอเล่าให้พ่อฟัง พ่อพอจะประมวลภาพรวมได้ว่าการย้อนกลับของเวลาที่เกิดขึ้นกับเอ..น่าจะมีส่วน เกี่ยวข้องกับปราณจักรวาลที่เอบอกว่าได้รับถ่ายทอดมาจากเด็กหญิงชื่อแก้วคำ ส่วนคำถามที่ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นพ่อเองก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ แต่ยังไงก็ตามมันก็ดูราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เอสามารถแก้ไขสิ่งเลว ร้ายที่ต้องเกิดขึ้นในวันนี้จนลุล่วงไป และหนูรินกับหนูกิฟท์ก็รอดพ้นจากความตายและการถูกทรมานไปได้ ดังนั้นปราณจักวาลนี้ก็น่าจะเป็นคุณแก่เอมากกว่าโทษ..”

คุณพ่ออธิบายความคิดเห็นอย่างจริงจัง ทำให้ความทรงจำผมย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์ณ์ใต้ต้นรังริมห้วยและที่บ้านน้อง กิฟท์ จริงทีเดียยวที่หากปราศจากปราณจักวาลที่ผสานกับปราณคชสีห์ในร่าง ผมก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของปราณพิทักษ์เทพได้ ซึ่งเท่ากับไม่สามารถเปิดโอกาสให้อุทกมารและอุทกเทพในร่างน้องรินและน้อง กิฟท์ ทำลายศัตรูที่จู่โจมได้เช่นกัน

“คุณลุงทราบเรื่องอุทรมารและอุทกเทพไหมค่ะ รินได้ฟังจากพ่อครูคำแปงบอกว่าผู้ที่มีสองสิ่งนี้คือเทพมารดาและมารดา เทพอสูร ที่ต้องเกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกัน…แต่นี่รินกับน้องกิฟท์เป็น…เอ้อ..”

เสียงน้องรินถามขึ้นอย่างสนใจ แต่ในตอนท้ายกลับลังเลที่จะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับน้องทั้งสองออกมา

“ลูกรินยังเรียกคุณพ่อว่าลุงอีกหรือ…”

เสียงคุณแม่ผมถามอย่างเอ็นดู ทำให้เด็กหญิงหน้าแดงเข้ม ส่งเสียงเบาๆ

“คุณพ่อ..คุณแม่…”

คุณแม่ผมหันไปทางน้องกิฟท์ ที่เบียดร่างเข้ามาหาผมจนแนบแน่น…

“แล้วลูกกิฟท์ล่ะ เรียกว่ายังไง…”

น้องกิฟท์หน้าแดงฉานราวผลแอปเปิล…แต่ส่งเสียงอย่างอายๆ

“คุณพ่อ..คุณแม่…”

สตรีผู้เป็นน้องสาวแท้ๆ ที่กลับกลายมาเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยงไกรสร และเป้นมารดาที่มอบความอบอุ่นห่วงใยให้ผมมาโดยตลอด ยิ้มอย่างอ่อนหวานแล้วกางแขนทั้งสองออกกว้าง

“ขอแม่กอดลุกสาวทั้งสองคนได้ไหม”..

น้องรินน้องกิฟท์หัวเราะออกมาพร้อมกันแล้วผุดลุกขึ้นจากที่นั่งโถมร่างเข้า สู่อ้อมกอดคุณแม่ของผม ผู้ซึ่งบัดนี้แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการรับเด็กหญิงทั้งสองเป็นสะใภ้ของบ้าน คชสีห์อย่างเต็มใจ สองแขนอรอุมากอดร่างน้อยๆ ไว้ด้วยความรัก

“แม่รู้ว่าลูกทั้งสองรักตาเอ..และแม่ไม่ตำหนิเลยที่พวกลูกๆ มีความสัมพันธ์กันในวันนี้ ขอให้ลูกรินและลูกกิฟท์รู้ไว้ตอนนี้เลยว่า แม่เอง และคุณพ่อก็ต้องการให้ลูกทั้งสองมาเป็นครอบครัวเดียวกันมานานแล้ว แม้ตอนนี้จะเร็วไปนิดหนึ่ง แต่แม่ก็ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น และจะไปอธิบายขอลูกทั้งสองจากคุณพ่อคุณแม่ของพวกลูกเอง…”
“คุณแม่…”

เสียงอุทานของน้องรินและน้องกิฟท์ประสานเป็นเสียงเดียวกันอย่างไม่เชื่อหู ขณะที่ผมสบตาคุณพ่อด้วยความขอบคุณโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยวาจาใดๆ ขณะที่คุณพ่อก็สบตายิ้มให้ผมและหันไปพิจารณาว่าที่ลูกสะใภ้ทั้งสองที่กำลัง ขดตัวแน่นอยู่ในอ้อมแขนของอรอุมา

“คำถามของลูกรินนี่ก็น่าคิดนะ…เท่าที่พ่อเคยอ่านมาจากตำราโบราณ มีตำนวนกล่าวถึงการเกิดของเทพมารดา และมารดาเทพอสูรว่า ทุก 1,000 ปี เทพและมารจะทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงอำนาจในการควบคุมโลกไปจนกว่าจะถึงการ ต่อสู้ครั้งต่อไป บุคคลทั้งสองนี้จะให้กำเนิดชายผู้เป็นตัวแทนของความส่างและความมืด และจะสร้างกองทัพของตนเองมาต่อสู้กันโดยมีเทพเจ้าทั้งฝ่ายสว่างและฝ่ายมืด เป็นพยาน แต่ในเมื่ออุทกมารจากลูกรินบ่งชี้ว่าลุกรินคือมารดาเทพอสูร และอุทกเทพจากลูกกิฟท์ที่มีประกายอัคคีเทพยืนยันว่าเป็นมารดาเทพจริงๆ แต่ลูกทั้งสองกลับเมียของเอทั้งคู่…แล้วนี้ในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ลูกรินและลูกกิฟท์จะต้องมีลูกที่จะต่อสู้กันเองหรือ…”

คุณพ่อเอ่ยขึ้นมาเหมือนจะรำพึงกับตัวเอง แต่ทุกคนในห้องก็ได้ยินถนัดทุกคำพูด ทำให้น้องรินและน้องกิฟท์นิ่งไปชั่วครู่และสบตากันแน่วนิ่ง เป็นการยืนยันให้กันและกันว่าจะไม่มีวันปล่อยให้ชตากรรมมากำหนดอนาคตอย่าง แน่นอน

“ผมไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับคุณพ่อ ..แต่ผมมีเรื่องจะขอปรึกษาคุณพ่อคุณแม่อีกเรื่องหนึ่ง ”

ผมย้ำหนักแน่นต่อหน้าคุณพ่อและคุณแม่ ก่อนขออนุญาตแจ้งสิ่งที่ผมตั้งใจไว้

“เอาสิ เออยากปรึกษาเรื่องอะไรล่ะ”

คุณแม่ตอบผมอย่างอ่อนโยน ขณะที่ยังคงกอดร่างน้องรินและน้องกิฟท์ไว้แนบแน่น ใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าอายุของคุณแม่ ทำให้ดูราวกับพี่สาวคนโตมากกว่าจะเป็นสตรีผู้เป็นมารดา ผมกลืนน้ำลายสูดหายใจลึกก่อนตัดสินใจพูดออกไป

“ผมอยากจะขอยกเลิกการเดินทางไปเรียนต่อที่เตรียมอุดมพรุ่งนี้ และจะเรียนที่เชียงใหม่นี้ต่อไปจนกว่าจะจบ ม.ศ.5 แต่หลังจากนั้นผมจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ โดยให้น้องรินและน้องกิฟท์ไปเรียนต่อระดับเตรียมอุดมพร้อมผมด้วย…”
“ พี่เอ…”

เสียงน้องรินและน้องกิฟท์อุทานออกมาพร้อมกัน ร่างน้อยๆ ทั้งสองดีดออกจากอ้อมแขนของคุณแม่ผม แล้วโถมเข้ากอดรัดผมไว้แน่น ก่อนหันไปมองคุณพ่อคุณแม่ผมเป็นเชิงขอร้อง ทำให้คุณพ่อต้องถอนหายใจแล้วหันไปสบตาคุณแม่ก่อนพยักหน้ารับ

“ตกลง พ่อเองก็ไม่คิดว่าเอจะอยากไปเรียนกรุงเทพโดยไม่มีลุกรินและลุกกิฟท์ไปด้วย หรอก งั้นเดี๋ยวพ่อจะโทรไปบอกทางครูใหญ่โรงเรียนเตรียมอุดมเอง และต้องแจ้งคุณวินิจให้รับเอให้เข้าเรียนในโรงเรียนเดิมด้วย”
“ท่านพี่…อรว่าพรุ่งนี้ค่อย ว่ากันดีไหม นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว ลูกๆ เจออะไรมาทั้งวันให้ไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”

คูณแม่ดุเวลาก่อนกล่าวกับคุณพ่อเป็นเชิงขอร้อง ทำให้คุรพ่อหัวเราะออกมาเบาๆ..

“ เออ จริงสิ..พ่อก็ลืมไป อรพาลูกรินลูกกิฟท์ไปที่ห้องก่อน เดี๋ยวพี่จะคุยกับเออีกเรื่องหนึ่ง”

คุณแม่พยักหน้ารับแล้วส่งสัญญานให้น้องรินน้องกิฟท์ตามไปชั้นบน คุณพ่อมองตามร่างทั้งสามจนหายลับไปตามโค้งทางเดินชั้นสอง ก่อนหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เอ..ตามพ่อมาทางนี้ ”

คุณพ่อพยักหน้าให้ผมลุกขึ้นเพื่อเดินตามการนำไปยังด้านหลังของบ้าน คุณพ่อมาหยุดตรงหน้าประตูห้องเล็กๆ ที่ปิดสนิทล๊อกกุญแจไว้ด้านนอกอย่างแน่นหนา มันเป็นห้องที่ผมเห็นมาตั้งแต่จำความได้แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยอนุญาตให้ผม เข้าไปในห้องแม้แต่ครั้งเดียว บานประตูที่ทำจากไม้สักแกะสลักรูปวงกลมซ้อนด้วยสี่เหลี่ยมสลับกันไปมา โดยมีภาพเทพเจ้าประทับอยู่ที่ส่วนกลาง ล้อมด้วยภาพเทวดาและอสูรจำนวนมากกระจายอยู่เต็มพื้นที่ แม้ผมจะเห็นมันจนชินตาแต่วันนี้ภาพที่แกะสลักดูมีบางสิ่งแตกต่างออกไป เพราะภาพจำหลักทุกภาพดูราวกับจะเคลื่อนไหวได้ จนผมเผลอจ้องภาพอย่างลืมตัวขณะที่คุณพ่อไขกุญแจเพื่อเปิดปะตูห้อง

“มานดารา..เอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใช่ไหม”

เสียงคุณพ่อเอ่ยขึ้น ขณะผลักประตูให้เปิดจนภาพมานดาราพ้นจากสายตา ผมพยักหน้ารับคำพูดของคุณพ่อแล้วเดินตามเข้าไปในห้อง ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าอย่างลืมตัว ผนังด้านหนึ่งของห้องเต็มไปด้วยภาพเขียนสีของภาพมานดาราเช่นเดียวกับประตู แต่มีขนาดให่กว่าหลายเท่า จนสามารถเห็นรายละเอียดของใบหน้าเทวะและอสูรอย่างชัดเจน แต่ภาพทั้งหมดดูราวกับมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จนผมรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ภาพเขียนธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่ผมจะถามสิ่งใดเสียงคุณพ่อก็ดังขั้น

“เอ..มานั่งตรงนี้”

ผมละสายตาจากภาพบนผนัง พบว่าคุณพ่อกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่อาสนะที่จัดวางบนพื้นด้านตรงข้ามภาพเขียน ด้านหลังคุฯพ่อเป็นภาพลายเส้นขนาดใหญ่อีกภาพหนึ่ง ขีดเขียนเป็นเส้นโยงใยซับซ้อนประกอบกับตัวหนังสือโบราณที่ผมอ่านไม่ออก ภาพลายเส้นกินพื้นที่จากด้านบนไปกว่าสองในสามส่วน แต่ด้านล่างว่างเปล่า จัดวางโต๊ะที่มีสมุดข่อยโบราณเก่าคร่ำคร่าอยู่เพียงเล่มเดียว ผมเดินตรงไปนั่งบนอาสนะเบื้องหน้าคุณพ่อ โดยพยายามไม่สนใจกับภาพลายเส้นที่เห็นอยู่ เสียงคุณพ่อดังขึ้นอย่างราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ

“เอ..พ่อยังกังวลกับเรื่องที่เอเล่ามาทั้งหมดนะ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเอและลูกรินลูกกิฟท์กำลังเป้นเป้าหมายของศัตรูที่ มุ่งกำจัดทั้งสามคนให้ได้ พ่อเองก็นึกไม่ออกว่าใครคือศัตรูที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่ามีพลังลึกลับบางอบ่างคอยช่วยเหลือเออยู่ จนทำให้เอย้อนเวลากลับมาแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ ยังไงก็ตามต่อจากนี้ไปเอจะต้องฝึกปราณคชสีห์ให้กล้าแข็งขึ้นกว่านี้อีก มิฉะนั้นเออาจไม่สามารถต้านทานศัตรูที่จ้องทำร้ายพวกเราอยู่ก็ได้”

ผมพยักหน้ารับคำ ขณะที่คุณพ่อกล่าวต่อไป

“ที่จริงบุรุษในตระกูลคชสีห์ทุกคน จะต้องรับทราบตำนานและที่มาของปราณคชสีห์ในคืนวันครบรอบวันเกิด 18 ปีซึ่งเป็นกำหนดที่บุรุษนั้นจะต้องแต่งงานและส่งตัวเจ้าสาวไปพร้อมกัน ดังนั้นแม้เอจะเอายุเพียง 15 ปี แต่จิจของเอผ่านช่วงอายุ 18 ไปนานแล้ว และกำลังจะมีภรรยา พ่อจึงต้องใช้เวลานี้บอกเล่าถึงตำนานแห่งคชสีห์ให้เอฟัง เพื่อให้เอรู้จักปราณอย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะวิธีถ่ายทอดปราณซึ่งเป็นความลับในตระกูลเรามานานหลายชั่วอายุคน”
“ผมก็พอจะทราบเรื่องเหล่านี้บ้างแล้วนี่ครับ จากพ่อครูคำแปง”

ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ เพื่อบอกให้คุณพ่อรู้ล่วงหน้า แต่คุณพ่อกลับยิ้มอย่างปราณีและส่ายหน้าเล็กน้อย

“คำแปงรู้มากก็จริง แต่ความลับของปราณคชสีห์นั้นคำแปงไม่ได้รับการถ่ายทอดให้ทราบ พ่อเชื่อว่าเอคงรู้ถึงการกำเนิดของปราณจากท่านหญิงซอเกอนีกับท่านคำพันผู้ เป็นต้นตระกูลของเราแล้ว และคงรู้เช่นกันว่าปราณคชสีห์ถ่ายทอดผ่านสายเลือดเท่านั้น คนที่ฉลาดอย่างเอก็คงคาดเดาได้แล้วว่าพ่อกับน้องอรแม่ของเอ เมีความสัมพันธ์กันอย่างไร”
“ ผมเองก็เพิ่งรู้วันนี้จากคำบอกเล่าของพ่อครูคำแปงครับ”

ผมตอบอย่างตะกุกตะกัก

“แล้วเอคิดว่าอย่างไรล่ะที่พ่อกับแม่เอ เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน”

เสียงคุณพ่อถามอย่างปราณี ผมเงยหน้าสบตาผู้ให้กำเนิดและตอบอย่างจริงจัง

“ทีแรกผมก็ตกใจ แต่มาคิดได้ว่าคุณพ่อคุณแม่รักกันขนาดนี้ ก็ไม่ต่างจากที่ผมรักน้องรินและน้องกิฟท์ที่เติบโตมาพร้อมกันแม้แต่น้อย ถ้าหากคนเรายึดมั่นในหัวใจตัวเอง เหตุใดจะต้องกังวลต่อความเห็นสังคมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราด้วย ”
“ เอเติบโตขึ้นมาก…พ่อดีใจและขอบใจ .. เอพร้อมไหมที่จะรับฟังเรื่องของปราณคชสีห์..”

ผมพยักหน้ารับ คุณพ่อหลับตาลงและเริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับท่องมนต์

“เบื้องหน้าเจ้าคือแผนภาพแห่งตระกูลคชสีห์ที่สืบเชื้อสายมาแต่โบราณ เจ้ามีหน้าที่สืบต่อปราณคชสีห์เป็นลำดับแรก ปรารแห่งคชสีห์จะถ่ายทอดผ่านการร่วมรักในสายเลือดเดียวกันเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน หรือร่วมเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่จะไม่สามารถผ่านไปยังบุคคลนอกสายเลือดได้ บุรุษเท่านั้นที่จะกำเนิดพร้อมปราณคชสีห์ โดยสตรีจะสามารถรองรับปราณได้เมื่อมีประจำเดือนแรก และจะต้องส่งผ่านขณะที่สตรีนางนั้นยังเป็นสตรีบริสุทธิ์ผู้ไม่เคยร่วมรักกับ ผู้ทรงปราณอื่นหรือผู้ไร้ปราณ แต่สตรีที่รับปราณคชสีห์จะไม่สามารถใช้ปราณในการต่อสู้ ปราณคชสีห์ในร่างสตรีมีเพื่อเป็นฐานกำเนิดสำหรับบุตรในอนาคตเท่านั้น เมื่อสตรีกำเนิดบุตรชายปราณส่วนหนึ่งจะถ่ายเทจากกายไปยังบุตร และสตรีจะต้องมอบปราณสุดท้ายแก่บุตรผู้ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้สืบต่อปราณก่อน ที่ผู้ถูกคัดเลือกจะร่วมรักกับคู่ของตน …”

“แต่…คุณพ่อครับ ผม…”

ผมพยายามขัดจังหวะเมื่อได้รับฟังข้อความที่ยากต่อการตีความ แต่ดูราวกับบุรุษผู้เป็นประมุขของบ้านคชสีห์เบื้องหน้าจะไม่ได้ยินแม้แต่ น้อย..

“ ปราณคชสีห์แบ่งออกเป็นสี่ระดับ..คือระดับสะสม ระดับรวมศูนย์ และระดับว่างเปล่า ส่วนระดับที่สี่อันเป็นชั้นสูงสุดคือระดับสิ้นสูญนั้น ยังไม่เคยปรากฏผู้ใดสามารถฝึกได้นอกจากท่านคำพันผู้เป็นต้นกำเนิด หนทางที่จะไปสู่จุดสูงสุดนั้นมีทางเดียว คือจักต้องคุมปราณโคจรผ่านจักรทั้งสี่ในร่างกายอันได้แก่ธรณีจักร ธาราจักร วายุจักร และอัคคีจักร ตามเส้นทางแห่งปราณคชสีห์ จนก่อเกิดจักรที่ห้าคือจักวิญญาน ก่อนที่จะทำลายจักรทั้งหมดทิ้งพร้อมกัน กำเนิดใหม่เป็นปราณแห่งสุญญตา แต่หากผู้สืบทอดขาดปัญญาที่ล้ำเลิศ และปราณที่สมบูรณ์ จงละเว้นการฝึกในขั้นสุดท้าย และคงไว้แต่ปราณว่างเปล่าเพื่อถ่ายทอดต่อไปจนกว่าจะปรากฏผู้เหมาะสม ”

คำพูดของคุณพ่อยังคงหลั่งไหลไม่ขาดสายราวกับเป็นถ้อยคำที่ถูกผนึกไว้ในจิตวิญญาน

“การถ่ายทอดในสายเลือดทำให้ปราณคชสีห์ถูกประณามทั้งจากผู้ทรงปราณฝ่ายสว่าง จนถูกจัดให้อยู่ในปราณฝ่ายมืด แต่ขณะเดียวกันผู้ทรงปราณฝ่ายมืดก็ไม่ยอมรับปราณคชสีห์เพราะมีรากกำเนิดมา จากปราณฝ่ายสว่าง ทำให้ผู้ทรงปราณคชสีห์ถูกไล่ล่ากำจัดมาตั้งแต่โบราณ ดังนั้นผู้สืบทอดปราณพึงตระหนักถึงศัตรูและมุ่งหน้าฝึกปรือเพื่อรักษาราก แห่งตระกูลคชสีห์เอาไว้ และจงตั้งมั่นที่จะฝึกปรือให้ถึงระดับสูงสุดเพื่อก่อกำเนิดปราณสุญญาตา พิสูจน์ให้ทุกรูปนามรับรู้ว่าปราณคชสีห์เป็นปราณอันเที่ยงธรรมให้จงได้ ”

ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั่วห้อง หลังจากที่คุณพ่อถ่ายทอดถ้อยคำที่ตกทอดมาแต่บรรพบุรุษ ผมหลับตานึกทบทวนคำพูดที่คุณพ่อกล่าว และต้องแปลกใจเมื่อพบว่าทุกคำพูดประทับแน่นในสมองราวกับมีการจารึกเอาไว้

“นั่นคือความลับของปราณคชสีห์ ที่เอจะต้องถ่ายทอดต่อไป”

เสียงทุ้มหนักแน่นตามปกติของคุณพ่อปลุกผมขึ้นจากภวังค์ ผมลืมตาขึ้นสบสายตาผู้ให้กำเนิด

“แปลกจังที่ผมจำได้ทุกคำพุดเลยครับคุณพ่อ…”

ผมรำพึงออกมาอย่างแปลกใจ ขณะที่คุณพ่อยิ้มเล็กน้อยและชี้ไปยังแป่นภาพมานดราเบื้องหลัง

“ไม่ต้องแปลกใจหรอก เอรู้จักแผ่นภาพนี้ไหม”
“มานดารา ”

ผมพึงพำตอบตามที่ได้ยินมา คุณพ่อพยักหน้ารับ

“มานดาราคือภาพแผนภูมิจักรวลาที่ถ่ายทอดมาจากธิเบต อันเป็นต้นกำเนิดแห่งปราณ ผุ้คนธรรมดาเห็นเป็นเพียงภาพเขียนสีที่คร่ำคร่าล้าสมัย แต่สำหรับผู้ทรงปราณระดับสูงแล้ว มานดาราจะเชื่อมโยงตัวตนเข้ากับจักรวาล ขยายขอบเขตรับรู้ทั้งมวลของจิตออกไป ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เอจะจำทุกคำพูดได้.. ที่สำคัญพ่อเองก็ดีใจที่เอสามารถเชื่อมโยงมานดาราได้ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี เท่านี้…”
“ผมอายุ 30 แล้วนะครับคุณพ่อ”

ผมแย้งเบาๆ ทำให้คุณพ่อหัวเราะออกมา

“จริงสิ พ่อก็ลืมไป เอไม่ใช่เด็กอายุ 15 อีกต่อไปแล้ว…แถมมีเมียสาวสวยอีกสองคนด้วยนะ..”

ประโยคสุดท้ายคุณพ่อพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

“คุณพ่อ…”

ผมอุทานแต่อดหัวเราะตามอย่างเขินๆ ไปด้วยไม่ได้ ร่างสูงใหญ่ของคุณพ่อลุกขึ้นแล้วพยักหน้าให้ผม

“ไปที่ห้องนอนเถอะ พักผ่อนได้แล้ว”

ผมพยักหน้ารับคำ แล้วออกจากห้องเพื่อไปยังชั้นสอง โดยมีคุณพ่อเดินนำไป แต่ก่อนที่ผมจะเปิดประตูห้องนอนส่วนตัว คุณพ่อก็ส่งเสียงเบาๆ

“ไม่ใช่ห้องนั้น…ห้องนี้…”

คุณพ่อเปิดประตูห้องนอนแขกที่อยู่ตรงข้ามเข้าไป โดยมีผมเดินตามด้วยความงุนงงเล็กน้อย แต่ความงุนงงนั้นยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อพบว่าในห้องนั้นมีร่างคุณแม่นั่งอยู่บนเตียง ขณะที่บนพื้นมีน้องรินและน้องกิฟท์นั่งพับเพียบอยู่โดยปราศจากเสื้อผ้าปกปิด ร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ก่อนที่ผมจะส่งเสียงใดๆ คุณแม่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วตรงเข้ามาหาผมพร้อมถอดเสื้อผ้าผมออกช้าๆ จนหมด โดยที่ผมที่ยังตกตะลึงกับภาพที่เห็นจนไม่กล้าขัดขืน หลังจากที่เสื้อผ้าทุกชิ้นผมหลุกออกจากร่างกาย คุณแม่ก็จับมือผมดึงไปนั่งบนเตียง ก่อนก้าวไปยืนเคียงข้างคุณพ่อ

“ลุกรินลูกกิฟท์ กราบเท้าสามีของลูกเสีย”

น้องรินน้องกิฟท์ก้มลงกราบที่เท้าผมอย่างเชื่อฟัง ขณะที่คุณแม่ผมเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง

“นี่เป็นประเพณีของบ้านคชสีห์เรา พวกลูกทั้งสามจะเริ่มชีวิตใหม่ด้วยร่างกายที่บริสุทธิ์เช่นเดียวกับเวลาที่ พวกลุกกำเนิดมา ผู้เป็นภรรยาจะต้องให้ความเคารพสามี รักและเชื่อฟังไปตลอดชีวิต และผู้เป็นสามีก็จะต้องปกป้องคุ้มครองภรรยาด้วยชีวิตของตนเอง พวกลูกๆ ทั้งสามต้องจำไว้และถ่ายทอดต่อไปยังลูกหลาน เข้าใจไหม…..”

ผมสบตาคุณแม่แน่วนิ่ง สัมผัสได้ถึงความรักและห่วงใยที่ปรากฏชัดเจนในแววตา

“ ครับ คุณพ่อคุณแม่ ผมเข้าใจ..”

ผมตอบแล้วกอดคุณแม่ไว้เบาๆ ขณะที่น้องรินและน้องกิฟท์ก็ลุกขึ้นอย่างอายๆ เมื่อรับรู้ว่าผมและคุณพ่ออยู่ร่วมห้องขณะที่ร่างกายของเด็กหญิงทั้งสอง ปราศจากเสื้อผ้าปกปิด ร่างเปลือยงดงามทั้งสองถูกคุณแม่ผมดึงเข้ากอดไว้พร้อมๆ กัน

“ลูกรินลูกกิฟท์ ต้องรักกันให้มากๆ นะ”

เสียงคุณแม่กระซิบเบาๆ ข้างหูน้องสาวทั้งสองของผม ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาคุณพ่อ

“ท่านพี่ อรพร้อมแล้ว… ”

ผมเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงงเมื่อได้ยินประโยคที่คุณแม่พูด คุณแม่ลุกขึ้นจากอ้อมกอดของผมและน้องทั้งสองมายืนนิ่งกลางห้อง แล้วปลดกระดุมเสื้อออกจนหมด ปล่อยให้เสื้อตกลงกับพื้นพร้อมปลดปมผ้าบาติกที่ใช้เป็นกระโปรงอยู่กับ บ้านออก ก่อนก้าวออกมาในร่างที่มีเพียงบราสีเนื้อลายลูกไม้ห่อหุ้มหน้าอดตระหง่าน เต่งตึงเอาไว้ ขณะที่ท่อนล่างมีเพียงกางเกงในบางเฉียบสีเดียวกับบราห่อหุ้มไว้ แต่มันบางจนกระทั่งสามารถมองทะลุไปยังกลุ่มเส้นไหมสีดำสนิมที่ปกคลุมเนินนูน อวบนูนไว้ทั้งหมด

“คูณแม่….”

เสียงผมน้องรินและน้องกิฟท์ร้องออกมาพร้อมกัน

ภาพเบื้องหน้าทำให้ผมต้องอ้าปากค้างเมื่อคุณแม่ปลดตะขอบราด้านหน้าออกปล่อย ให้เต้านมเต่งดันมันหลุดออกจากร่าง ขณะเดียวกันก็ก้มร่างลงเกี่ยวขอบกางเกงชั้นในตัวจิ๋วลงมาทางปลายเท้าและยกขา ขึ้นทิ้งไว้กับพื้น ก่อนยืนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าผมและน้องทั้งสองด้วยร่างกายเปล่าเปลือย

ร่างกายงดงามของหญิงสาววัย 27 ปีเปล่งปลั่งสมบูรณ์อยู่เบื้องหน้า กระจ่างแจ้งท่ามกลางแสงไฟในห้องนอน ดวงหน้าหวานของคุณแม่ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ชายทุกคนยามออกนอกบ้าน เป็นสีแดงเรื่อๆด้วยความอาย ทรวงอกอิ่มตระหง่านชูชันโดยปราศจากร่องรอยของการเคลื่อนคล้อยแม้จะมีขนาด ใหญ่กว่า 35 นิ้ว ปลายสีน้ำตาลอ่อนชูชันประดับยอดทรวงอกอิ่ม ลานหน้าท้องราบเรียบปราศจากไขมันส่วนเกินใดๆ สะโพกอวบอัดผายออกรับกับขนาดเนินเนื้อหน้าขาที่อูมอิ่มออกมาโดดเด่นแม้จะมี เส้นไหมสีดำสนิทเป็นมันปกคลุมอยู่ ลำขาอวบชิดจนแทบไม่มีช่องว่างใดๆ ให้เห็น เป็นเรือนร่างเปลือยที่แสนงดงามของสตรีที่เติบโตเต็มสาวซึ่งสามารถทำให้ ผู้ชายทุกคนยอมสยบอย่างง่ายดาย แต่นี่กลับเป็นร่างของมารดาผู้ให้กำเนิดผม ความรู้สึกทางเพศใดๆ จึงไม่เกิดขึ้นมีเพียงความแปลกใจ พร้อมกับความชื่นชมในเรือนร่างงดงามของคุณแม่ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเท่านั้น

คุณแม่หันไปสบตาคุณพ่อทางด้านหลังแล้วพยักหน้า ก่อนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมและน้องทั้งสอง

“เอ…ลูกริน ลูกกิฟท์ นั่งขัดสมาธิหันหลังให้แม่ด้วย”

ท่ามกลางความแปลกใจ ผมน้องรินและน้องกิฟท์ พยักหน้ารับแล้วทำตามคำขอของคุณแม่ ผมรู้สึกถึงฝ่ามือนุ่มนวลที่ทาบกับกลางหลัง หางตาผมเหลือบไปเห็นคุIพ่อกำลังวางฝ่ามือกับกลางหลังของน้องรินและน้องกิฟท์ เช่นเดียวกัน ก่อนส่งเสียงเรียบๆ แต่แฝงด้วยอำนาจ

“รวมปราณไว้ที่จุดศูนย์ ปล่อยใจให้นิ่ง …”

ผมกระทำตามคำสั่ง และรู้ว่าน้องรินกับน้องกิฟท์ที่รับรู้ประสบการณ์โคจรปรารจากการถ่ายทอดความจำของผมก็กำลังทำเช่นเดียวกัน
กระแสปราณคชสีห์อันอบอุ่นจากฝ่ามือคุณแม่ไหลผ่านเข้ามาจากตำแหน่งจักร วายุบริเวณกลางหลัง ก่อนกระจายตัวเป็นพลังอบอุ่นไปตามเส้นเลือด และรวมตัวโคจรในเส้นทางที่ผิดแปลกไปจากเส้นทางโคจรของปราณคชสีห์ มันวนผ่านตำแหน่งจักรวารี ที่ต้นคอ ขึ้นสู่จักรธรณีที่ศีรษะ ก่อนกระจายอีกครั้งไปทั่วร่างมารวมตัวที่จักรวายุเดิม แล้ววนเวียนรอบราวกับสะสมพลังงาน ก่อนที่จะพุ่งใส่จักรอัคคีที่ท้องน้อยราวกับลุกธนู
ผมสะท้านขึ้นทั้งร่างเมื่อปราณที่ถ่ายทอดกระทบจักรอัคคีจนรู้สึกได้ถึงการ เคลื่อนไหวของจักร กระแสความร้อนมหาศาลเกิดขึ้นที่ท้องน้อยก่อตัวเป็นกลุ่มราวลูกไฟ แล้วเคลื่อนลงไปยังตำแหน่งอวัยวะเพศ ก่อนกระจายไปตามลำลึงค์ จนอวัยวะเพศของผมลุกชี้ชันด้วยความแข็งเต็มที่ พร้อมกับอารมณ์เพศที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย จนผมต้องหอบกระชั้น

“อะ อะ อะไรกัน…คุณแม่…”

ผมพยายามหันไปทางน้องรินและน้องกิฟท์ ก้พบว่าน้องทั้งสองก็กำลังตกอยู่ในอาการเดียวกัน ใบหน้าอ่อนหวานทั้งสองแดงระเรื่อ ลมหายใจหอบกระเส่า หน้าอกคู่น้อยทั้งสองดูราวกับจะขยายตัวขึ้นจนเม็ดยอดอกชันตัวสั่นระริก พร้อมกับสะโพกสั่นระริกที่บิดไปมา แต่ก่อนที่ผมจะทันถามสิ่งใด ร่างผมก็ถูกคุณแม่พลิกเข้าหา ตัวแล้วผลักให้นอนหงายบนเตียงโดยมีร่างเปลือยอบอุ่นนุ่มนวลทาบทับลงมา ริมฝีปากผมที่อ้ากว้างด้วยความแปลกใจถูกริมฝีปากคุณแม้ประกบไว้ทันที ลิ้นนุ่มนวลถูกส่งเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นผม ขณะที่ร่างเปลือยเปล่าของน้องรินและน้องกิฟท์ก็แยกย้ายกันโถมเข้ากอดรัดผม ไว้ทางด้านข้าง

“พี่เอ…ช่วยรินด้วย…”
“ พี่เอ…กิฟท์ไม่ไหวแล้ว…”

ร่างน้อยของเด็กหญิงทั้งสองบดเบียดเข้าหาผมด้านข้างผมจนแนบแน่น แต่ผมกลับกำลังจูบคุณแม่อย่างเร่าร้อนจากอารมณ์เพศที่ประทุขึ้นจนไม่สามารถ ควบคุมได้ สองมือผมบี้เคล้นสะโพกอวอบอิ่มที่กดทับเหนือแท่งเนื้อผมจนพงขนนุ่มนวลอัดกับ หน้าขาผมเป็นเนื้อเดียว ผมส่ายสะโพกไปมาด้วยความเสียวสุดขีดเสียดสีกับเนินนูนที่ทาบทับอยู่ จนรู้สึกถึงความฉ่ำเย้มที่เนืองนองเคลือบลำลึงค์ ตอนนี้ผมไม่คำนึงอีกแล้วว่าผู้ที่ผมกำลังเคล้นคลึงเรือนร่างนี้เป็นใคร สมองผมคิดแต่เพียงการปลดเปลื้องความต้องการใส่ร่างที่อยู่เบื้องบนนี้เท่า นั้น

คุณแม่ยกสะโพกขึ้นเป็นช่องว่าง มือเรียวงามเลื่อนเข้ากุมแก่นกายขของผมไว้แน่นก่อนชักนำมันไปสู่ปากทางเข้า ร่องหลืบ ผมแอ่นสะโพกอย่างลืมตัวเมื่อส่วนหัวของมันกระทบสองแคมชุ่มซื้น พร้อมกับสะโพกคุณแม่ที่กดตัวลงมา ทำให้แท่งเนื้อมุดพรวดเดียวลงไปฝังตัวมิดอยู่ในร่องหลืบคับแน่นนั้นทั้งหมด

“อาห์…ลูกเอ…แข็งจัง..”

คุณแม่ถอนการจูบทันทีที่แท่งเนื้อผมเข้าไปสู่จุดหมาย ร่างอวบอิ่มยกท่อนบนขึ้นยันแขนกับพื้นเตียง สะโพกอวบส่ายควงเป็นวงน้อยๆ ราวกับเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการร่วมรัก ลำลึงค์ผมถูกกล้ามเนือ้ภายในร่องหลืบบีบรัดไว้แน่นราวกับเป็นการบีบรัดของ เด็กหญิงวัยรุ่นแทนที่จะเป็นช่องทางที่ครั้งหนึ่งผมเคยผ่านออกมาดูโลก…

สองมือผมไขว่คล้าบีบเคล้นหน้าอกเต่งตึงทีกระเพื่อมอยู่เบื้องหน้าอย่างลืม ตัว สัมผัสที่แข็งปั๋งราวกับไม่เคยต้องมือชาย ยิ่งทำให้อารมณ์เพศผมทะยานขึ้นต่อเนื่อง

“คะ คะ คุณแม่….ผม …ผม ..เย็ด…คุณแม่…”

สมองส่วนหนึ่งที่ยังคงสติของผม ระล่ำระลักด้วยความตกใจ ขณะที่ร่างกายดูเหมือนจะไม่รับรู้และยังคงกระด้ารับการเคลื่อนไหวของร่อง หลืบที่กำลังเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่ต้องกังวลนะลูกเอ…อูยส์…แม่ สะ เสียว…ปล่อยตัวตามสบาย แม่จะถ่ายปราณคช..คช..คชสีห์ให้ลูก…”

คุณแม่พยายามอธิบายทั้งที่ความเสียวจากการเสียดสีของลำลึงค์กำลังนำไปสู่จุดหมายในอีกไม่ไกลนัก

“ปราณ…ปราณของคุณแม่…โอย..แม่ครับ หีแม่แน่นเหลือเกิน..”
“ควยของลูกเอก็แข็งจริงๆ แม่เสียวสุดๆ …โอย…เอ..อย่าบี้…แม่เสียว.. ..”

คุณแม่ร้องครางออกมาเมื่อผมบี้คลึงหน้าอกอวบอัด จนหัวนมเม็ดงามชูชันแข็งตัวราวกับก้อนหิน

“พี่เอ…พี่เอ…”

ร่างน้องรินครางเบียดเข้าหาผม ริมฝีปากเรียวบางนุ่มนวลจูบผมอย่างกระหาย ลิ้นหอมหวานสอดเข้าเกี่ยวกระหวัดลิ้นผมไว้ มือบอบบางลูบไล้ร่างกายส่วนบนผมไปมา อัดหน้าอกเต่งคู่น้อยกับท่อนแขนแน่น

“กิฟท์ขอ…ต่อจากคุณแม่นะพี่เอ… โอย…กิฟท์เสียวเหลือเกิน.. ”

ใบหน้าน้องกิฟท์ซุกแน่นกับซอกคอผม อัดร่างแน่นกับด้านข้างจนเนินนูนอวบบดแน่นกับสะโพกผม เสียงลมหายใจน้องกิฟท์กระชั้นถี่ พร้อมกับการถูไถเนินเนื้อกับสะโพกถี่ยิบ ความเสียวก่อตัวขึ้นรวมกันที่ปลายลำลึงค์ ร่องหลืบคุณแม่ขมิบถี่ยิบพร้อมกับการกระเด้าที่รุนแรง ร่างเปลือยเคลื่อนไหวโยกตัวไปมา ใบหน้าที่งดงามของคุณแม่แหงนขึ้นสูงปากอ้ากว้าง…

“ลูกเอ….แม่…แม่…อ๊าวส์……เข้า..เข้ามาแล้วว….ท่านพี่… ..”
“แม่ครับ…แม่…ผม…อึ๊ดส์….”

แท่งเนื้อผมพลันรู้สึกถึงการกระตุกถี่ยิบภายใน รีดเคล้นจนความเสียวระเบิดออกเป็นสายพุ่งขึ้นไปยังมดลูกคุณแม่ราวน้ำพุ ร่างเปลือยคุณแม่ฟุบลงกับร่างผม พร้อมกับในทันทีที่น้ำรักผมกระฉูดออกไป กระแสพลังมหาศาลของปราณคชสีห์ในร่างคุณแม่ก็เคลื่อนตัวเข้ามาในร่างกาย ขณะเดียวกันปราณในร่างผมผ่านเข้าไปในร่างคุณแม่ กระแสพลังสองสายปะทะกันอย่างรุนแรงจนร่างผมและคุณแม่สะท้านเฮือก ความเสียวที่ไม่สามารถบรรยายได้ระบิดขึ้นจนร่องหลืบคุณแม่กระตุกครั้งแล้ว ครั้งเล่า…

“เอ…ทะ ..ทำไม…ทำไมมีปราณของเอ..เข้ามา…แม่..อ๊าวส์…โอ๊วส์…ท่านพี่… ..”

สะโพกคุณแม่กระเด้งขึ้นลงอย่างควบคุมไม่ได้ ขณะที่ความเสียวสุดยอดอันเกิดจากการปะทะของปราณผสานเข้าหากัน ปราณคชสีห์ที่เยือกเย็นชุมชื่นของคุณแม่ไหลเข้ารวมกับปราณร้อนแรงของผม อย่างกลมกลืนและผสานตัวเป็นปราณที่ส่งพลังอบอุ่นกระจายไปทั่วร่าง พลังปราณที่เคยรวมศูนย์อยู่ที่ท้องน้อยกลับกระจายออกไป จนผมไม่รับรู้ถึงการคงอยู่ของปราณอีกต่อไป แต่มันกลับผสานเข้ากับระบบโคจรโลหิตของร่างกายจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คำพูดที่คุณพ่อกล่าวกับผมที่ผ่านมาแว่บขึ้นในสมอง ทำให้ผมเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทันที

“…..เมื่อสตรีกำเนิดบุตรชายปราณส่วนหนึ่งจะถ่ายเทจากกายไปยังบุตร และสตรีจะต้องมอบปราณสุดท้ายแก่บุตรผู้ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้สืบต่อปราณก่อน ที่ผู้ถูกคัดเลือกจะร่วมรักกับคู่ของตน…”

การร่วมรักกับคุณแม่ เป็นการส่งผ่านปราณคชสีห์ที่ถูกบ่มเพาะจากสตรีเข้าผสานกับบุรุษ ทำให้มันก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นและสมบูรณ์พร้อม ศูนย์กลางพลังที่หายไปโดยมีการรวมปราณเข้ากับกระแสโลหิต ทำให้ผมรู้ในทันทีว่าผมกำลังก้างเข้าสู่ขอบเขต “ว่างเปล่า” ของปราณคชสีห์แล้ว แต่ก่อนที่ผมจะถอนแก่นกายออกจากร่องรัก ปราณคชสีห์ในร่างผมกลับถ่ายเทไปภายในร่างคุณแม่ในลักษณะเดียวกับที่เคยเกิด ขึ้นหลังการร่วมรักกับน้องริน น้องกิฟท์ มันพุ่งเข้าไปวนเวียนในร่างกายตามแนวโคจรของปราณคชสีห์ แต่ปราศจากการถ่ายทอดความทรงไปพร้อมกัน มีเพียงกระแสพลังที่วนเวียนอยู่เท่านั้น

“อะ อะ เอ…ถ่ายกลับมาทำไม….อ๊าวส์… ”

เสียงคุณแม่ครางกระท่อนกระแท่นเมื่อรับรู้การส่งปราณเข้าสู่ร่างกาย พร้อมกับการถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง ร่างเปลือยเปล่าสะท้านเฮือก จนสะโพกอวบอิ่มกระเด้งขึ้นลงเป็นจังหวะ

“น้องอร…เกิดอะไรขึ้น ..”

เสียงคุณพ่ออุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วรีบเข้ามาประคองคุณแม่ไว้ในทันที

“ท่านพี่…อรไม่รู้ …เอไม่รับปราณคชสีห์ของอร…แต่กลับถ่ายปราณมาให้ ..”
“แล้วอรเป็นอย่างไรบ้าง…”

เสียงคุณพ่อร้อนรน..ก้าวเข้ามาผนึกมือเข้ากับกลางหลังคุรแม่เพื่อควบคุมการ โคจรของปราณ ขณะที่ผมเวียนพลังรอบสุดท้ายก่อนถอนปราณออกจากร่างคุณแม่ทั้งหมด…เสียงคุณ แม่ครางขึ้นอย่างอ่อนระโหย

“อรไม่เป็นไร…ปราณของลูกเออบอุ่นเหลือเกิน เหมือนกับอรเกิดใหม่เลย…”
“อรลุกขึ้นก่อนเถอะ..ขอพี่ตรวจดู…เอ๊ะ…”

คุณพ่อดึงร่างคุณแม่ขึ้นจากร่างผม จนแก่นกายหลุดออกจากร่องหลืบ ก่อนพลิกร่างคุณแม่ขึ้นมาอุ้มในอ้อมแขน แต่คุณพ่อก็ต้องร้องอุทานออกมาเมื่อพบเห็นความเปลี่ยนแปลง…

ใบหน้าของคุณแม่ที่หลับพริ้มจากการขึ้นถึงจุดสุดยอด เกิดการเคลื่อนไหวของผิวหนังเป็นระลอกและกระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว เสียงอุทานของคุณพ่อทำให้ผมต้องชันร่างขึ้น มองคุณแม่และพบว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับทิพย์วารีในอนาคต กำลังเกิดขึ้นกับคุณแม่ แต่ด้วยอัตราความเร็วที่มากกว่าเป็นสิบเท่า ผิวหนังของคุณแม่ดูราวจะกระชับตัวอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า พร้อมกับกล้ามเนื้อทุกส่วนที่เต่งตึงขึ้น ใบหน้างดงามด้วยความสาวเต็มวัยดูอ่อนเยาว์ลงในทันที ริ้วรอยบนใบหน้าที่เริ่มปรากฏจางหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมผิวเปล่งปลั่งผุด ขึ้นทดแทน จนในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งนาที ร่างเปลือยที่คุณพ่ออุ้มอยุ่ กลับเป็นร่างของเด็กสาวอายุไม่เกิน 20 ปี ที่ยังคงหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการร่วมรัก

“ผลัดกระดูกเปลี่ยนกล้ามเนื้อ…เอทำได้ยังไง..”

เสียงคุณพ่ออุทานเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดกับร่างกายคุณแม่ ผมส่ายหน้าไปมานึกถึงภาพของทิพย์วารี ที่ร่างกายซึ่งผ่านการร่วมรักมานับครั้งไม่ถ้วยน กลับคือนสู่ความเต่งตึงของวัยสาวหลังการร่วมรักกับผม

“ผมก็ไม่เข้าใจครับคุณพ่อ แต่ดูเหมือนว่าการร่วมรักจะทำให้เกิดการถ่ายเทปราณที่ทำให้ผู้รับฟื้นฟูความเสื่อมโทรมของร่างกาย…”

สายตาคุณพ่อที่มองคุณแม่ด้วยความห่วงใย เปลี่ยนเป็นประกายร้อนแรงเมื่อพบว่าร่างเปลือยเปล่าของน้องสาวผู้เป็นภรรยา แสนรัก กลับคืนสู่วัยเยาว์ที่เปล่งปลั่ง เสียงลมหายใจหนักๆ ดังขึ้น พร้อมกับร่างคุรพ่อที่หันกลับออกไปจากห้องโดยมีคุณแม่ในอ้อมแขน

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พ่อขอบใจและภูมิใจเอมากนะ..”

เสียงคุณพ่อดังขึ้นก่อนก้าวออกไปจากห้อง ผมแน่ใจจากประกายตาของคุณพ่อว่าคุณแม่คงต้องรับการร่วมรักต่อเนื่องไปตลอดคืนอย่างแน่นอน…

“อ๊า…พี่ริน…พี่ริน กิฟท์…กิฟท์ไม่ไหวแล้ว….”

เสียงครวญครางของน้องกิฟท์ทำให้หันกลับไปบนเตียง เพื่อพบกับภาพร่างเปลือยเปล่าของน้องกิฟท์และน้องรินกำลังกอดรัดกันด้วย อารมณ์รักที่ปะทุขึ้นจนควบคุมไม่ได้ ร่างน้องกิฟท์นอนหงายอยู่โดยมีน้องรินคร่อมทับ สะโพกน้อยๆ ของเด็กหญิงทั้งสองส่ายไปมาบดเบียดจนเนินนูนอวบอิ่มคู่ถูกอัดเข้าหากันแทบจะ เป็นเนื้อเดียว

“น้องกิฟท์…ริน ก็..ก็…อ๊าวส์….”

น้องรินแหงนหน้าร้องออกมาเมื่อการบดเบียดเนินเนื้อนำเด็กหญิงทั้งสองคนไปสู่ จุดสุดยอดพร้อมกัน ร่างน้อยสั่นระริกฟุบลงแนบร่างน้องกิฟท์เบื้องล่าง ร่างเปลือยเปล่าของสองเด็กหญิงกอดกันแน่นสองมือลูบไล้ร่างกายกันและกัน เป็นภาพที่ทำให้แก่นกายผมกลับผงาดขึ้น ความร้อนที่ท้องน้อยแผ่ซ่านอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมต้องรีบพลิกร่างเข้าคร่อมน้องรินไว้ทางด้านหลัง ยกสะโพกครัดเคร่งขึ้นมาเผยให้เห็นร่องรักที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำเสียว สองแคมน้อยๆ ยังคงกระตุกจากจุดสุดยอดที่สองเด็กหญิงปรนเปรอให้กัน ผมกดแท่งเนื้อชูชันเข้ากับเป้าหมายตรงหน้าก่อนดันมันเข้าไปจนแทรกผ่านกลีบ เนื้อที่ย่นยู่ไปตามแรงกดจมลงไปในร่องหลืบหนึบแน่น

“ อ๊าวส์…พี่ เอ…โอย มันแน่นไปหมดแล้ว…”

น้องรินครางลั่นเมื่อรับรู้ถึงการบุกรุกที่แทรกผ่านความคับแน่นลงไปทีละน้อย ผมขยับตัวประชิดด้านหลังของน้องรินเพื่อเกาะกุมเอวบอบบางไว้ ก่อนกดแก่นกายลงไปภายในทั้งหมด จนหัวเหน่าผมแนบสนิทกับสะโพกนุ่มเนียนโดยไม่มีช่องว่าง.. ความคับแคบรัดรึงภายในร่องรักน้องริน บีบอัดแท่งเนื้อทุกส่วนจนผมแทบสำลักความสุขที่เกิดขึ้น..

“อาห์…พี่เอ…ท่านี้มันเข้าลึกจัง…โอย…ริน…อ๊า..”

ผมขยับสะโพกกระเด้าร่องรักน้องรินทางด้านหลังทีละน้อย สองมือเอื้อมไปกุมเต้านมกระทัดรัด และเคล้นคลึงมันไปมาจนเจ้าของเต้าต้องเงยหน้าขึ้นร้องครวญครางด้วยน้ำเสียง สั่นระริก…

“อื๋ย…พี่เอ…พี่เอ…ทำไมรินเสียวอย่างนี้….”
“พี่เอ…ขอกิฟท์ด้วย… ”

เสียงน้องกิฟท์ที่อยู่ใต้ร่างน้องรินครางประสานขึ้น เมื่อเห็นการร่วมรัก ทำให้ผมต้องตัดสินใจกระเด้าร่องรักน้องรินถี่ยิบ ขณะที่น้องกิฟท์ ก็พลิกร่างออกมาจากการกดทับ แล้วเข้ากอดผมทางด้านหลัง จนผมรู้สึกได้ถึงหัวนมเม็ดงามแข็งปั๋งทาบอยู่ ผมหันหน้ากลับไปคว้าร่างน้องกิฟท์มากอดทางด้านข้าง แล้ว จูบปากน้อยๆ ที่อ้ารับอย่างเร่าร้อน ลิ้นหอมกรุ่นเข้าเกี่ยวกระหวัดลิ้นผมราวกับเป็นการจูบของหญิงสาวผู้เชี่ยว ชาญเชิงกาม..มากกว่าจะเป็นจูบของเด็กหญิงที่ยังอายุไม่ถึง 12 ปีเช่นน้องกิฟท์ .. สองมือผมเอื้อมไปกุมเต้านมคู่น้อยที่แทบจะแบนราบ แต่ความเต่งตั้งครัดเคร่งของมันก็สามารถกระตุ้นความต้องการของผมอย่างรุนแรง ผมบี้คลึงนวลเนื้อหน้าอกน้องกิฟท์ไปมา จนร่สงรน้องกิฟท์สั่นระริก สองแขนกอดร่างผมไว้แน่นพร้อมกับจูบที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกขณะ

เบือ้งหน้าผมน้องรินกลับเป็นฝ่ายโยกสะโพกสวนการกระเด้าของผมอย่างลืมตัว ร่างบอบบางยันตัวขึ้นจากฟูกที่นอนมาอยู่ในท่าหันหลังเพื่อความสะดวกต่อการ โยกตัว สำลึงค์ผมสัมผัสการตอดรัดภายในร่องรักน้องรินจนความเสียวพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

“อึ๊ด…อึ๊ดส์…พี่เอ…ริน…ริน ..จะ..จะ..ปะ ปะ ไปแล้ววววววววว…..”

ร่องหลืบน้องรินกระตุกเป็นจังหวะถี่ยิบ ร้องรินครางยาวเหยียดก่อนฟุบร่างลงกับพื้นเตียง ปล่อยแท่งเนื้อของผมให้เป็นอิสระ ผมถอนการจูบกับน้องกิฟท์เพื่อคว้าร่างน้อยลงมานอนหงายกับพื้นฟูก ก่อนโน้มตัวทาบทับร่างบอบบางของน้องกิฟท์ จ่อแท่งเนื้อเข้ากับปากทางเข้าสู่ร่องรักที่อวบอูมเกินวัยของเด็กหญิง ก่อนกดลงผ่านสองแคมอวบลงไปช้าๆ

“ อื๋ย…พะ พี่เอ….ขะ เข้ามาเลย…กิฟท์ เสียวเหลือเกิน….อ้า…เข้ามาแล้ว…”

แท่งเนื้อแกร่งบดเบียดสองแคมน้อยเข้าสู่ภายในช้าๆ ท่ามกลางเสียงครวญครางของน้องกิฟท์ สองทืมือไขว่คว้ามาที่หลังผม และโอบรัดเอาไว้แน่น ขณะที่สะโพกน้อยยกตัวขึ้นรับการแทรกผ่านของลำลึงค์ ที่กำลังผ่านเข้าสู่ความคับแน่นที่แสนรัดรึงภายใน

“กิฟท์ของพี่…โอว…หีกิฟท์ทั้งดูดทั้งตอด….”

ผมต้องร้องครางออกมาเมื่อพบกับแรงดูดดึงหนึบแน่นภายในจนน้ำเสียวแทบทะลักออก มา น้องกิฟท์ สะบัดหน้าไปมาด้วยความเสียว แต่ยังคงกระเด้งสะโพกรับแท่งเนื้ออย่างไม่กลัวเกรง

“พี่เอ…พี่เอ…ชอบหีกิฟท์ไหม…กิฟท์ให้พี่เอทั้งหมด…กิฟท์รักที่เอที่สุด..”

เด็กหญิงครางกระท่อนกระแท่น ผมยันร่างขึ้นเพื่อเพิ่มน้ำหนักกดแท่งเนื้อเข้าไปอย่างแรงจนมันเข้าไปฝัง อยู่ในร่องรักน้องกิฟท์ทั้งหมด ร่างเด็กหญิงสะท้านเฮือก..

“โอย…ลึกเหลือกิน พี่เอเข้ามาในตัวกิฟท์แล้ว…อูยส์”
“พี่รักน้องกิฟท์…พี่รักน้องริน…น้องทั้งสองต้องอยู่กับพี่ตลอดไปนะ… ”
“กิฟท์จะรักพี่เอตลอดไป…อ๊าวส์…”

น้องกิฟท์ร้องครางออกมาเมื่อผมเริ่มกระเด้าอย่างช้าๆ ขณะที่น้องรินซึ่งฟุบร่างอยู่ก็ยกตัวขึ้นขยับมาหาน้องกิฟท์ แล้วกอดร่างผู้เป็นเสทอนน้องสาวแท้ๆ ไว้แน่น

“รินรักน้องกิฟท์..พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอกไปใช่ไหมพี่เอ..”

ประโยคสุดท้ายน้องรินเงยหน้าขึ้นสบตาผม

“ไม่มีสิ่งใดแยกพวกเราทั้งสามออกจากกันได้…. พี่สัญญากับเมียพี่ทั้งสองคน…”

น้องรินยิ้มรับคำพูดผมด้วยแววตาสุกใส หันไปกอดร่างน้องกิฟท์เพื่อลูบไล้หน้าอกคู่น้อยอย่างแผ่วเบา

“หน้าอกน้องกิฟท์น่ารักเหลือเกิน..”
“อูย…พี่ริน…ยะ อย่า อย่าดูดแบบนั้น…พี่เอ…กิฟท์…โอย… ”

เสียงสั่นระริกของน้องกิฟท์เปล่งออกมาแทบไม่เป็นภาษา เมื่อน้องรินก้มหน้าลงดูดยอดอกสีชมพูเข้มไว้ในปาก และไล้เลียไปมา ขณะที่ผมก็กำลังเพิ่มแรงกระเด้าเนินนูนอวบอิ่ม จนน้องกิฟท์ต้องแอ่นร่างขึ้นด้วยความเสียวที่กำลังจะมาถึง..พร้อมกับความ เสียวของผมที่พุ่งขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป

“น้องกิฟท์…พี่จะ…จะ…”
“พี่เอ…พี่เอ..มาเลย กิฟท์ก็…จะ…..อ๊าวส์…”

สะโพกน้อยๆ กระตุกขึ้นมาอัดแน่นกับร่างผม ขณะที่ผมก็กระเด้าลงไปเป็นครั้งสุดท้านปลดปล่อยน้ำรักเข้าสู่ร่องหลืบน้อง รินเป็นสาย…ปราณคชสีห์ของผมและน้องกิฟท์วนเวียนผ่านอวัยวะเพศเข้าสู่ร่าง อีกฝ่ายอย่างนุมนวล ถ่ายทอดระสบการณ์และความทรงจำให้กันทั้งหมด ทำให้ผมรับรู้ว่าน้องกิฟท์รักจากส่วนลึกของจิตใจและผมก็แน่ใจว่าน้องกิฟท์ก็ รับรู้ความรักที่ผมมีให้เช่นเดียวกัน

“พี่เอ…ไม่ยุติธรรมเลย…หลั่งใส่น้องกิฟท์แต่ไม่ให้ริน..”

เสียงน้องรินดังขึ้นราวกับจะอุทรณ์ ทำให้ผมต้องหันไปดึงร่างน้องรินขึ้นมากอดไว้แน่น หน้าอกอวบอิ่มบดเบียดเข้ากับหน้าอกผมจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน แก่นกายผมที่เริ่มอ่อนตัวจากการถ่ายน้ำรักออกไปให้น้องกิฟท์ กลับฟื้นขึ้นสู่ความแข็งขันอีกครั้ง ผมกระซิบข้างหูน้องริน

“พี่ยุติธรรมเสมอ คราวนี้เป็นตาน้องรินล่ะนะ….”

——————————————————-

เสียงเครื่องปรับอากาศดังแผ่วเบาเมื่อผมตื่นขึ้นจากการขยับร่างของน้องกิฟท์ ที่ด้านขวา ร่างเปลือยของสองเด็กหญิงที่กอดก่ายร่างผมทั้งสองด้านหลังการร่วมรักอย่าง หนัก สัมผัสแนบแน่นกับร่างกายผมจนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้กัน กลิ่นกายเด็กหญิงหอมอบอวลอยู่ในห้องทำให้แก่นกายผมเริ่มพองตัวขึ้นอีกแม้จะ หลั่งน้ำรักในวันนี้ไปหลายครั้งแล้วก็ตาม

ผมค่อยๆ ขยับร่างออกจากการกอดของน้องรินและน้องกิฟท์ เพื่อจะไปห้องน้ำ ทำให้น้องรินและน้องกิฟท์หายใจแรงออกมาและพลิกร่างมาอยู่ท่านอนหงาย ผมค่อยๆ เดินไปห้องน้ำเพื่อมิให้มีเสียงรบกวนเด็กหญิงทั้งสอง ขณะที่ผมกำลังทำธุระกับร่างกาย ในใจผมหวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องที่ผ่านมา คำพูดของคุณพ่อที่บอกความลับของปราณคชสีห์ทำให้ผมเข้าใจในทันทีว่าการร่วม รักกับคุณแม่ของผมเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการถ่ายทอดปราณ และการที่คุณพ่อคุณแม้ต้องใช้ปราณกระตุ้นอารมณ์รักของผมและน้องทั้งสองให้ ระเบิดออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้ ก็เพื่อกำจัดความรู้สึกทางจิตใจมิให้กังวลกับการร่วมรักในสายเลือด ที่ในเวลาปกติแล้วแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น แต่ถึงผมจะเข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็นที่คุณแม่ต้องร่วมรักกับผม ผมก็ยังอดรู้สึกผิดในใจลึกๆ ไม่ได้ เนื่องจากส่วนหนึ่งใจจิตใจของผมยังคงจดจำถึงความรู้สึกเสียวสุดยอดที่เรือน ร่างเปลือยเปล่างดงามของคุณแม่ที่มอบให้ผมไว้อย่างไม่สามารถลืมเลือนได้ ผมถอนใจยาว พยายามปัดความรู้สึกทั้งหมดออกจากสมองแล้วเช็ดร่างกายก่อนเดินออกจากห้องน้ำ กลับมาที่เตียง แต่ร่างผมต้องหยุดลงในทันที และแทบต้องกลั้นหายใจกับภาพที่ปราฏเบื้องหน้า

ท่ามกลางแสงไฟสลัวที่หัวเตียง ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของน้องรินและน้องกิฟท์นอนเหยียดยาวเคียงคู่กันอยู่ บนเตียง กระทบแสงไฟจนแทบเปล่งประกายอยู่ในความมืดสลัวนอกพื้นที่ส่องสว่าง ด้านซ้ายเป็นร่างของน้องรินที่นอนหลับสนิท ใบหน้าน่ารักดูงดงามอ่อนหวาน ริมฝีปากเรียวบางเผยอออกเล็กน้อยจนเห็นเขี้ยวซี่เล็กๆ ที่เพิ่มความน่าสนใจบนใบหน้า หน้าอกคู่งามชูช่อที่ประดับด้วยเม็ดยอดสีชมพูอ่อน ชวนให้ระลึกไปถึงความรู้สึกยามที่ริมฝีปากดุนกันจนมันแข็งตัวขึ้นจากอารมณ์ รัก เนินหน้าท้องเรียบสนิท เอวเรียวบางที่ยังไม่ปราฏเป็นส่วนโค้งเว้าดังเช่นหญิงสาวที่เติบโตเต็มที่ แต่มันก็รับกับขนาดของสะโพกกะทัดรัดที่ประดับไว้ด้วยเนินนูนงดงาม สองแคมเปล่งปลั่งสะท้อนแสงไฟโดยปราศจากเส้นขนมาบดบัง ร่องหลืบน้อยยังคงมีคราบน้ำรักที่ผมฝากไว้แห้งเป็นทางยาวไหลลงมาถึงพื้นฟูก จนเป็นเปียกชุ่ม ลำขาเรียวงามเป็นเส้นตรงไม่มีร่องรอยของแผลเป็นใดๆ ที่บอกให้รู้ว่าเป็นขาของเด็กหญิงที่กระโดกกระเดกจนใครๆ คิดว่าเป็นทอมบอย แต่มีเพียงผมเท่านั้นที่ได้รับรู้ว่าทอมบอยผู้นี้คือเด็กหญิงที่ซ่อนเรือน ร่างงดงามเอาไว้ และมีผมเท่านั้นที่ได้สัมผัส

ร่างน้องกิฟท์ที่นอนอยู่ด้านขวาส่งเสียงพึมพำที่จับใจความไม่ได้ครู่หนึ่ง แล้วพลิกตัวตะแคงมากอดร่างน้องรินไว้ ใบหน้าเด็กหญิงอมยิ้มน้อยๆ บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังอยู่ในความฝันอันแสนสุข ที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามีผมรวมอยู่ในความฝันนั้นหรือไม่ ผมทรุดกายลงนั่งที่ปลายเตียงมองร่างเปลือยของน้องกิฟท์ด้วยความรู้สึกเต็ม ติ้นในใจ ที่ผมสามารถช่วยเด็กหญิงผู้เป็นที่รักให้รอดพ้นจากชตากรรมอันโหดร้ายที่จะ ทำลายชีวิตของน้องกิฟท์ในอีก 15 ปีข้างหน้า ผมเอื้อมมือไปลูบต้นขาเรียวนุ่มของน้องกิฟท์อย่างแผ่วเบา สัมผัสถึงความเนียนของผิวกายแรกสาว ทำให้น้องกิฟท์ครางอือในลำคอและยกขาข้างหนึ่งขึ้นกอดก่ายร่างน้องรินที่ นอนอยู่ด้านข้าง ทำให้เนินรักอวบอิ่มเผยตัวออกมาจากด้านหลัง รอยแยกสีชมพูสดใสที่ริ้วรอยน้ำรักเป็นคราบปกคลุมทั่งสองแคมอวบอิ่ม ปรากฏให้เห็นต่อสายตาผม ทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อคิดถึงเสียงคราญครางของน้องกิฟท์ยามถูกแก่น กายกระเด้าจนมิด กริยาของเด็กหญิงยามร่วมรักสะท้อนความเร่าร้อนทางเพศที่แม้กระทั่งน้องริน ที่มีอายุมากกว่าก็ยังแสดงอาการตอบสนองน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด บทรักของน้องกิฟท์ที่เร่าร้อน และบทรักของน้องรินที่อ่อนโยนนุ่มนวล ทำให้ผมอดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ารูปแบบการร่วมรักของน้องทั้งสองเร้าอารมณ์ผมไม่แตกต่าง กัน

แก่นกายผมที่กลับชูชันเมื่อเห็นภาพเปลือยงดงามของเด็กหญิงทั้งสองเบื้องหน้า ความต้องการยังคงร้อนรุ่มอยู่ในใจ แต่ผมพยายามข่มใจที่จะปลุกคนใดคนหนึ่งขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าวันนี้น้องทั้งสองต้องผ่านเหตุการณ์รุนแรงมามากมาย และต้องการการพักผ่อนให้เต็มที่ ผมสูดหายใจลึกเพื่อข่มอารมณ์ใคร่ หันไปจับชายผ้าห่มที่ปลายเตียงขึ้นคลุมร่างเปลือยของเมียรักทั้งสองไว้ ก่อนลุกขึ้นยืนเพื่อสวมใส่เสื้อผ้าและออกจากห้องไปยังห้องครัวชั้นล่างเพื่อ หาของว่างรองท้อง

เสียงนาฬิกาตั้งพื้นเรือนใหญ่กลางบ้านตีบอกเวลาตีสอง แต่สมองผมกลับแจ่มใสราวกับเพิ่งผ่านการนอนหลับมาอย่างเต็มที่ ผมเดินผ่านห้องนอนใหญ่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ยังปรากฏแสงไฟลอดผ่านใต้ช่องประตู เสียงครวญครางเบาๆ ดังผ่านประตูออกมาอย่างต่อเนื่อง ผมยิ้มออกมาเพราะรู้ดีว่าคุณพ่อคงไม่สามารถยับยั้งอารมณ์เพศไว้ได้เมื่อได้ สัมผัสความงามของคุณแม่ ที่กลับสู่วัยสาวรุ่นหลังการร่วมรักกับผม

ผมเดินลงมาที่ห้องครัวเปิดตู้เย็นรินนมสดดื่ม แล้วกลับไปนั่งที่ห้องรับแขก ความคิดผมย้อนคำนึงไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมแน่ใจว่าปราณจักรวาลที่แก้วคำน้องสาวของกอคำส่งผ่านมาให้ผมระหว่างการร่วม รักน่าจะมีส่วนสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดในความทรงจำของคุณพ่อคุณแม่ ตลอดจนคนรอบข้างทุกคนไม่มีบุคคลทั้งสองอยู่แม้แต่น้อย ผมหันไปดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนตัดสินใจลุกขึ้นและมุ่งหน้าออกจากบ้านเพื่อไป ยังสถานที่หนึ่งในความทรงจำ

อากาศยามดึกเย็นสดชื่น ผมเร่งเร้าปราณคชสีห์ในร่างกายให้โคจรแล้วออกวิ่งไปยังจุดหมายที่ห่างออกไป 1 กิโลเมตร ร่างกายที่เบาหวิวราวไร้น้ำหนักและความเร็วในการเคลื่อนไหวทำให้ผมรู้ว่า ปราณคชสีห์ในร่างได้พัฒนาไปสู่ระดับ “ว่างเปล่า” โดยสมบูรณ์ เพราะผมไม่จำเป็นต้องรวมศูนย์พลังดังที่เคยกระทำอีกต่อไป กระแสปราณเปี่ยมล้นไปทุกรูขุมขนผลักดันให้ร่างผมเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความ เร็วที่เกินขีดความสามารถของกล้ามเนื้อมนุษย์ธรรมดา ในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีผมก็มาหยุดลงที่แนวรั้วของสถานที่เป้าหมาย

แนวรั้วยาวเหยียดของบ้านพ่อเลี้ยงสมพงษ์ตกอยู่ในความมืดสนิท แต่ไม่เป็นอุปสรรคใดต่อการมองเห็นของผม ผมกระจายพลังไปที่ขาแล้วดีดกายเบาๆ ข้ามรั่งสูงเกือบสองเมตรราวปุยนุ่น ก่อนทิ้งตัวลงบนสนามหญ้า สองเท้าพาผมก้าวไปทางก้านหลังของบ้านเรือนไทยหลังใหญ่อย่างรวดเร็ว ความทรงจำที่ผมมีต่อสถานที่นี้บอกให้รู้ว่ามันเป็นที่ตั้งของบ้านกองคำศัตรู ของผม แต่ผมกลับต้องชะงักร่างในทันทีที่ไปถึงบริเวณพื้นที่ ผมเดินผ่านเข้าไปในบริเวณด้วยความแปลกใจกับสภาพสถานที่เบื้องหน้า ตึกชั้นเดียวอันเป็นสถานที่ซึ่งผมต่อสู้กับกองคำ และร่วมรักกับแก้วคำไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย มีเพียงต้นไม้พุ่มขึ้นกระจัดกระจายเต็มพื้นที่เท่านั้น สมองผมปั่นป่วนไปด้วยภาพในความทรงจำที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง ทำให้ตอนนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในที่นี้ เมื่อ 15 ปีก่อน เป็นความจริงหรือความฝัน ผมสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อระงับกระแสความคิดที่กำลังสับสน แล้วตัดสินใจที่จะกลับบ้านแต่ก่อนที่เท้าผมจะก้าวออกไป เสียงสดใสของเด็กหญิงที่อยู่ในความทรงจำของผมมาตลอดก็ดังขึ้นเบื้องหลัง

“พี่เอกลับมาแล้ว”

ผมสะดุ้งเฮือก หันกลับไปยังต้นเสียงแล้วก็ต้องร้องอุทานออกมา

“แก้วคำ ”

ภาพแก้วคำในชุดนักเรียนที่แสนคุ้นตา ปรากฏแก่สายตาทันทีที่ผมหันกลับไป ใบหน้าเด็กหญิงยิ้มอย่างสดชื่น แล้วโถมตัวมาในอ้อมแขนผมที่อ้ากว้างรับเอาไว้อย่างลืมตัว ความอบอุ่นของเลือดเนื้อวัยสาวแผ่ซ่านมากระทบผมทันที ดวงหน้าหวานใสซุกอยู่กับหน้าอกผม สองแขนกอดร่างผมไว้แน่น ส่งเสียงกระซิบอย่างมีความสุข

“แก้วคิดถึงพี่เอเหลือเกิน…..”

ผมกอดร่างเด็กสาวไว้ด้วยความสับสนใจ ในความทรงจำของผมแก้วคำเสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอนจากการกระทำของกองคำผู้ พี่ ที่ใช้กริชสลายปราณซัดตรงไปที่ขั้วหัวใจ แต่ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดผมขณะนี้กลับเป็นร่างที่มีเลือดเนื้อของแก้วคำอย่าง ไม่สามารถปฏิเสธได้…

“แก้ว..นี่เกิดอะไรขึ้น…แก้วยังมีชีวิตอยู่…แล้วทำไมถึงไม่มีใครจำแก้วได้…บ้านหายไปไหน พี่..”

ผมระล่ำระลักส่งคำถามออกไปอย่างสับสน ขณะที่เด็กสาวหัวเราะออกมาเบาๆ ยกมือขึ้นกดริมฝีปากผมไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาผม

“พี่เอถามเยอะแยะแบบนี้แก้วตอบไม่ทันหรอก..เดี๋ยวให้พี่กองคำตอบดีกว่า….”

ผมสะดุ้งสุดตัวกับคำพูดของแก้วคำ

“กองคำ…มันยังไม่ตายหรือ……”

ดวงตาเด็กหญิงที่จับจ้องผมทอประกายยสุกใสราวกับดวงดาว ส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนตอบ

“ความตายไม่ใช่ความสิ้นสุด…อีกหน่อยพี่เอก็เข้าใจเอง”
“หมายความว่าแก้วคือวิญญาณหรือ…แล้วนี่พี่..”

เด็กหญิงในอ้อมแขนผมหัวเราะกิ๊ก ถอยกายออกจากอ้อมกอดแล้วดึงมือผมขึ้นไปกดทับไว้ที่ทรวงอกเต่งตึงด้านซ้ายที่ตำแหน่งหัวใจ

“แก้วไม่ใช่ผีหรอก ถ้าพี่เอจะถามอย่างนั้น หัวใจแก้วยังเต้นแบบนี้แก้วจะเป็นผีได้ยังไง”

ความเต่งตึงของทรวงอกสาวรุ่นที่ผมสัมผัสแนบแน่นจนรู้สึกได้ถึงการเต้นของ หัวใจเบาๆ ทำให้ผมงุนงงไปกับสัมผัสที่ได้รับ แก้วคำสบตาผมด้วยสายตานุ่มนวลก่อนดึงมือผมลงจากทรวงอกแล้วนำเดินไปภายในดง พุ่มไม้ บังคับให้ผมต้องตามเข้าไปอย่างุนงง พลันสายตาผมกระทบกับช่องว่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าประตูปรากฏอยู่เบื้อง หน้า แก้วคำนำผมเข้าสู่ความมืดภายในช่องสี่เหลี่ยมนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วยื่นมือซ้ายไปด้านหลังทันทีที่ผ่านพ้นกรอบสี่เหลี่ยม ทันใดนั้นแสวงสว่างนวลตาก็ปรากฏขึ้น ผมมองสภาพรอบข้างแล้วต้องอุทานออกมา

“แก้ว…นี่มันบ้าน…”

ภาพเบื้องหน้าคือภาพห้องขนาดไม่ใหญ่นัก แสงไฟสะท้อนตู้หนังสือขนาดใหญ่เต็มผนังด้านตรงข้าม ทางด้านซ้ายมีประตูสองบานที่ยังคงปิดอยู่แต่ผมรู้ในทันทีว่าบานหนึ่งคือ ประตูห้องน้ำ และอีกบานหนึ่งคือประตูห้องนอน มันเป็นภาพของห้องที่อยู่ในความทรงจำผมมาโดยตลอด นี่คือบ้านเล็กของกองคำ และเป็นสถานที่ซึ่งผมได้สังหารเจ้าของบ้านเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา

แก้วคำพยักหน้ารับคำอุทานของผม แต่ยังคงจูงมือผมเดินไปยังประตูห้องนอนแล้วเปิดเข้าสู่ภายในห้องที่ส่าสง เรืองๆ จากแสงตะเกียง เตียงนอนขนาดใหญ่ที่ผมเคยร่วมรักกับเด็กหญิงยังคงตั้งอยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับโต๊ะและเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ติดกับบริเวณซึ่งผมใช้เป็นสถานที่ ต่อสู้กับกองคำ ขณะที่ผมตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏอยู่เบื้อหน้า ร่างอบอุ่นของแก้วคำก็เคลื่อนเข้ามาอยู่ด้านหน้าแล้วกอดร่างผมไว้แน่น

“แก้วคิดถึงพี่เอ…นานเหลือเกินที่แก้วไม่ได้กอดพี่เอแบบนี้….”

สองแขนผมยกยึ้นโอบร่างเด็กหญิงอย่างลืมตัว ดึงร่างอวบอิ่มเมาประชิดโดยปราศจากช่องว่าง จนรู้สึกได้ถึงหน้าอกอวบอิ่มแนบแน่นอยู่กับร่างกายผม .. ใบหน้าเด็กหญิงเงยขึ้นสบตาผมก่อนหลับตาพริ้มลง ริมฝีปากเผยอขึ้นส่งเสียงแผ่วเบา.

“พี่เอ…”

ผมก้มหน้าลงประทับจูบบนริมฝีปากเย้ายวนอย่างลืมตัว ความนุ่มนวลหอมหวานแผ่ซ่านเข้ามาจนผมสะท้านไปทั้งร่าง ลิ้นเรียวเล็กของแก้วคำแทรกเข้ามาแนบกับลิ้นผม พัวพันถ่ายทอดความหวานชื่นอย่างเร่าร้อน

“แก้ว…นี่พี่กำลังฝันอยู่ใช่ไหม……”

ผมถอนริมฝีปากออกอย่างยากเย็น ส่งเสียงพึมพำราวกับกำลังพูดอยู่กับตัวเอง แก้วคำหัวเราะเบาๆ แล้วผละออกจากอ้อมกอดผมมายืนอยู่เบื้องหน้า

“ถ้าพี่เอคิดว่ากำลังฝัน…ก็มองแก้วดีๆ นะ”

ก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกไป แก้วคำก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกอย่างรวดเร็ว แล้วสลัดมันออกจากร่างพร้อมกับก้มตัวลงปลดตะขอกระโปรงสั้นลายสก๊อตของ เครื่องแบบนักเรียนหญิง รูดซิบข้างลงไปจนสุดราง ปล่อยให้น้ำหนักกระโปรงทิ้งตัวเองลงไปกองกับเท้า เรือนร่างเด็กหญิงวัย 15 มีเพียงยราสีเนื้อและกางเกงในลุไม้สีเดียวกันปกปิด แต่มันก็บางจนไม่สามารถปกปิดหัวนมเม็ดน้อยที่กำลังชูชันบนหน้าอกอวบเต่งล้น ขอบบรา และเนินเนื้ออูมเด่นเบื้องล่างซึ่งปกคลุมด้วยเส้นไหมสีดำบางๆ

“แก้ว..พี่…”

ผมครางออกมาแล้วก้าวเข้าหาร่างกึ่งเปลือยอย่างลืมตัว แก้วคำเบียดร่างเข้าหาและกับดึงชายเสื้อผมขึ้นไปทางศีรษะ พร้อมกับที่ผมถอดกางเกงชั้นนอกและในออกไป ผมช้อนร่างอวบอิ่มของเด็กหญิงขึ้นในอ้อมแขนแล้วนำไปวางบนที่นอนหนานุ่มโดยมี ผมทาบรางลงทับไว้แนบแน่น นวลเนื้อเนียนเปล่งปลั่งของเด็กหญิงสัมผัสร่างเปลือยของผมแทบทุกส่วน ผมลดตัวลงมายังหน้าอกอวบที่ยังคงถูกปิดบังด้วยบราเนื้อบาง เพื่อซุกไซ้ความหยุ่นแน่นของมัน จนแก้วคำส่งเสียงครางออกมา

“อู๊วส์…พี่เอ…แก้ว…แก้ว …”

สองมือผมสอดไปทางด้านหลังเพื่อปลดตะขอบราออก ทำให้เต้าเต่งดีดผึงออกจากการควบคุมทันที ผมเหวี้ยงเศษผ้าชิ้นน้อยออกจากร่างเด็กหญิง ซุกหน้าลงระหว่างทรวงอกอวบ พร้อมกับบี้คลึงสองเต้าหยุ่นตึงด้วยอารมณ์รักที่กำลังปะทุขึ้น นาทีนี้ผมไม่คำนึงถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอีกต่อไป ใบหน้าแก้วคำบิดไปมาด้วยความเสียวเมื่อมือที่ตระโบมหน้าอกเปลี่ยนทิศทางผ่าน หน้าท้องนุ่มเนียนลงไปเบือ้ล่างแล้วแทกผ่านของกางเกงในตัวน้อยลงไปกุมเนิน เนื้ออูมที่กำลังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหล่อลื่นวัยแรกสาว ฝ่ามือผมสัมผัสพื้นที่กว่างใหญ่อย่างละลานใจ ทิวขนอ่อนบางนุ่มเนียนมือเปียดลู่ไปกับน้ำเสียวที่ร่องหลืบส่งผ่านสองแคม เปล่งปลั่งออกมาไม่ขาดสาย..ผมเคล้นคลึงปลายร่องเสียวด้านบนสัมผัสกับเม็ดมณี เล็กๆ ที่แข็งตัวรับสัมผัสไปมา จนเจ้าของร่างบิดส่ายไปมาราวกับได้รับความเจ็บปวดอย่างยิ่ง

“พี่เอ…พี่เอ..ขอแก้วเถอะ แก้วทนไม่ไหวแล้ว…แก้วต้องการพี่เอเหลือเกิน”

สาวน้อยส่งเสียงกระท่อนกระแท่น ขณะเอื้อมมือมาคว้าแท่งเนื้อที่ชูชันของผมไว้ และพยายามดึงมันขึ้นมาหาร่องหลืบ ผมเกี่ยวของกางเกงในลากมันออกไปทางปลายขาโดยที่แก้วคำช่วยยกสะโพกส่งมันลงไป ค้างที่ปลายเท้า ผมรีบขยับร่างขึ้นทาบทับร่งเปลือยเปล่าของแก้วคำ ลำลึงค์แข็งปั๋งทาบอยู่ที่ร่องหลืบเปี่ยกชุ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่นที่พร้อม สำหรับการร่วมรัก ผมโหย่งสะโพกขึ้นขณะที่แก้วคำนำทางแท่งเนื้อในมือมาจ่อที่ปากทางเข้า

“แก้ว…พี่จะเย็ดแก้วละนะ..”

ผมกระซิบเบาๆ ข้างหูเด็กสาว ก่อนออกแรงกดแท่งเนื้อลงไป

“มาเถอะพี่เอ..เย็ดแก้ว…เย็ดตามที่พี่ต้องการ…ไม่ต้องยั้งอะไรทั้งนั้น แก้วต้องการพี่เอที่สุด อึ๊บ…โอวส์”

เด็กหญิงครางลั่นเมื่อผมกดอัดลำลึงค์ลงไปฝังมิดในร่องหลืบคับยแน่นในคราว เดียว กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่องรักแก้วคำบีบตัวกระชับแท่งเนื้อทั้งหมดจนแทบชักออก มาไม่ได้ แก้วคำบิดร่างไปมาด้วยความเสียว เมื่อผมเริ่มกระเด้าช้าๆ อย่างนุ่มนวล ลำลึงค์ที่เคลื่อนตัวเข้าออกถ้ำน้อยเป็นมันปลาสบไปด้วยน้ำเสียวที่แก้วคำ หลั่งออกมาชโลมไว้..

“แก้ว…หีแก้วรัดของพี่สุดๆเลย…”

ผมครางออกมาอย่างกลั้นไม่ได้เมื่อรับรู้ความรู้สึกพิเศษสุดของอวัยวะเพศที่ นูนแน่นของเด็กสาว ผิวเนื้อทุกส่วนอัดแน่นไปด้วยความเต่งตึง ให้ความรู้สึกแตกต่างจากการร่วมรักกับเด็กหญิงที่มีร่างกายบอบบางเช่นน้อง รินน้องกิฟท์

“หีแก้วเป็นของพี่เอแล้ว….พี่เอชอบไหมคิดถึงแก้วไหม..อ๊ายส์”

เสียงครางกระเส่าของแก้วคำดังขึ้น ทำให้ผมต้องลากแท่งเนื้อยาวจนหัวบานหลุดออกจากร่องรัก ทำให้สะโพกอวบอิ่มของแก้วคำยกตัวตามขึ้นมาทันที ขณะที่ผมกดอัดมันกลับลงไปทำให้เกิดแรงปะทะจนแก้วคำต้องร้องครางลั่นออกมา

“พี่ก็คิดถึงแก้ว โอวส์…แก้วจะไปอยู่กับพี่ตลอดไปได้ไหม…..”

ผมแทบสำลักความสุขที่เกิดจากการบีบเคล้นภายในร่องรักของเด็กหญิง เป้นความสุขที่ทำให้ผมแน่ใจว่าผมคงไม่อาจขาดแก้วคำได้ แต่เด็กสาวกลับตอบมาด้วยเสียงสั่นเครือ..

“แก้วก็ไม่อยากจากพี่เอไป แต่มันเป็นไปไม่ได้ แก้วไม่ได้อยู่ในภพของพี่เออีกแล้ว…”

คำตอบของแก้วคำทำให้ผมต้องหยุดชะงักการกระเด้า ยกตัวขึ้นจับจ้องใบบหน้าแดงซ่านของเด็กสาว

“แก้วหมายความว่ายังไง..”

แก้วคำยิ้มให้ผมอย่างอ่อนหวาน แล้วพลิกร่างให้ผมกลับลงไปนอนหงายกับพื้น ทั้งที่แก่นเนื้อยังฝังแน่นอยู่ในร่างกาย เด็กหญิงนั่งคร่อมร่างผมไว้โยกร่างไปมาเพื่อให้เม็ดเสียวเสียดสีกับลำ ลึงค์..

“อูวส์ …เสียว..พี่เออย่าเพิ่งถามอะไรแก้วเลยนะ…แก้วจะทำให้พี่เอก่อน ”

ร่างอวบอิ่มเริ่มยกตัวกระเด้าแท่งเนื้อของผมช้าๆ ขณะที่ผมเอื้อมมือไปเคล้นคลึงเต้านมอวบที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงกระเด้า เม็ดหัวนมสีน้ำตาลอ่อนแข็งปั๋งอยู่ในอุ้งมือผมที่กำลังบีบคลึงทั้งสองเต้า อย่างไม่ปราณี แต่เจ้าของกลับไม่ต่อต้านและเพิ่มแรงกระเด้าถี่ขึ้นมากขึ้น ใบหน้างดงามหงายขึ้น ดวงตาหลับพริ้มอ้าปาออกน้อยๆ..ส่งเสียงคราญคราง..

“ พี่เอ…ดีไหม …แก้วเย็ดพี่เอแบบนี้ พี่เอชอบไหม”
“ชอบ…พี่ชอบที่สุดมันเสียวเหลือเกิน..”

ผมครางตอบอย่างแสนสุข ภาพเด็กหญิงวัย 15 ที่มีร่างกายอวบอัดสมบูรณ์ กำลังโยกร่างอยู่ด้านบนด้วยอารมณณ์รักที่พลุ่งขึ้น ลำลึงค์ยาวผลุบเข้าออกสองแคมเป็นจังหวะ ผลานเสียงหอบกระเส่าจากความเสียวของทั้งสองฝ่าย ร่างอวบอิ่มเพิ่มความเร็วในการกระเด้าถี่ยิบ ภายในร่องหลืบเต้นเป็นจังหวะบีบเคล้นส่วนปลายแก่นกายผมแน่น จนความเสียวพลุ่งขึ้นมาถึงจุดที่สุด..

“พี่เอ…พี่เอ..แก้ว..จะ จะ ไป…แล้ว….อ๊ายส์…”

ร่างงามของแก้วคำสั่นกระตุกเมื่อจุดสุดยอดมาถึง ผมพลิกร่างที่ยังเกร็งตัวกลับลงมานอนหงายที่พื้น ช้อนสะโพกขึ้นให้ลำขาอวบมาพาดเอวผมไว้แล้วกระเด้าต่ออย่างรุนแรงตามอามรณ์ เสียวที่กำลังพุ่งโพลง ท่อนขาแก้วคำกอดเกี่ยวเอวผมไว้แน่น ขณะที่ผมมาถึงจุดสุดยอดแล้วกระหน่ำน่ำรักเข้าไปในร่องหลืบทั้งหมด มดลูกเด็กหญิงตอบรับน้ำรักถี่ยิบยิ่งเพิ่มความเสียวจนผมต้องฟุบร่างลงทาบทับ แก้วคำอย่างหมดแรง

“พี่เอ…พี่เอ…แก้วรับน้ำรักของพี่เอไว้หมดเลย….”

เด็กสาวกระซิบเบาๆ ข้างหูผม

“ ก็มดลูกแก้วดูดจนพี่กลั้นไม่ได้นี่นา……”

ผมกระซิบตอบอย่างอารมณ์ดี แต่ทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะปราณคชสีห์ที่ควรจะถ่ายผ่านเข้าไปในร่างกายแก้วคำเช่นเดียวกับที่เคย เกิดขึ้นหลังการร่วมรักกับน้องริน น้องกิฟท์ และคุณแม่ กลับสงบนิ่งในร่างผม และไม่ปรากฏกระแสปราณจักรวาลที่แก้วคำเคยถ่ายทอดให้ผมกลับมาแต่อย่างใด การร่วมรักที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนการร่วมรักธรรมดาของคนทั่วไปที่ปราศจากปราณ

“แก้วไม่มีปราณจักรวาลในร่างกายหรอกพี่เอ…ทุกสิ่งแก้วให้พี่เอไปหมด แล้วตั้งแต่ 15 ปีก่อน และแก้วก็ไม่สามารถรับปราณคชสีห์ของพี่เอได้ด้วย เพราะแก้วไม่ใช่ผู้ถูกเลือกเหมือนน้องรินน้องกิฟท์ หรือคุณแม่ของพี่เอ…แก้วเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่รักพี่เอหมดหัวใจเท่า นั้น….”

เสียงแก้วคำดังขึ้นเบาๆ เมื่อเด็กสาวสัมผัสได้ถึงอาการแปลกใจของผม แต่กลับยิ่งทำให้ผมตกอยู่ในความงุนงงมากขึ้น

“พี่ไม่เข้าใจ..แก้วหมายความว่าอย่างไร อะไรคือผู้ถูกเลือก ทำไมแก้วจึงไปอยู่กับพี่ไม่ได้..ทำไมพี่ถึงย้อนเวลากลับมาในอดีต ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะอะไร พี่งงไปหมดแล้ว……”

แก้วคำสบตาผมยิ้มอย่างอ่อนหวาน แต่ก่อนที่เด็กสาวจะเอ่ยคำพูดใดออกมา เสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นหูของผู้ชายก็ดังขึ้นเบื้องหลังผม

“ คำถามนั้นให้เราตอบได้ไหม ไกรวิทย์……….”

————————————

“ไอ้กองคำ”
“ท่านพี่”

เสียงผมและแก้วคำประสานเป็นเสียงเดียวกันขณะที่ผมพลิกร่างออกจากแก้วคำบน เตียงมายืนที่พื้น อย่างรวดเร็ว เบื้องหน้าเป็นภาพที่คุ้นตาของชายผู้ครั้งหนึ่งผมเคยสังหารไปกับมือ แต่บัดนี้ร่างนั้นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม แต่แทนที่จะเป้นร่างเปลือยที่ผมเคยเห็น มันกลับห่อหุ้มร่างด้วยผ้าสีขาวสะอาดที่ดูราวกับมีประกายแสงเปล่งออกมา บนศีรษะโพกผ้าสีเดียวกันไว้.. แต่ไม่ว่าร่างนั้นจะแต่งตัวอย่างไร มันก็เป็นร่างของกองคำอย่างแน่นอน

ผมสูดลมหายใจลึกเตรียมผนึกปราณคชสีห์ให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ แต่ร่างผมกลับสั่นสะท้านเมื่อรับรู้ว่าปราณที่สมบูรณ์ของผมกลับหยุดนิ่งไม่ ยอมเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นอารมณ์โกรธเกรี้ยวที่ได้พบเห็นร่างศัตรูคู่อาฆาตในอดีต กลับจางหายไปอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่สามารถปลุกความเกลียดชังใดๆ ขึ้นมาได้แม้แต่น้อย

“ปราณสุญญตา”

ผมครางออกมา ร่างที่ยืนตระหง่านกลับต้องทรุดตัวลงไปยังเตียงนอน ผมตระหนักถึงสาเหตุที่ไม่สามารถโคจรปราณได้แล้ว ไม่มีปราณใดสามารถก่อตัวขึ้นได้เบื้องหน้าปราณสูงสุดนี้

“ถูกต้องแล้วไกรวิทย์ นี่คือปราณสุญญตา…เธอกลัวเราหรือ”

เสียงกองคำดังขึ้นอย่างนุมนวล ผมเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มแล้วต้องตะลึงไปกับความงดงามของใบหน้าที่ดูราวกับ เทพเจ้าอันปราศจากเพศ มีเพียงความสมบูรณ์พร้อมเท่านั้นที่ปรากฏให้เห็น

“ผมไม่กลัว…ถ้าท่านต้องการฆ่าผมก็ลงมือได้…อย่าเสียเวลาอีกเลย ”

ผมพึมพำเป็นคำตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง รู้สึกแปลกใจเล้กน้อยที่ผมไม่สามารถเปล่งคำพูดหยาบคายกับร่างเบื้องหน้าได้ แต่กองคำกลับหัวเราะเบาๆ อย่างอ่อนโยน

“ทำไมเราจะต้องฆ่าเธอ…เธอเป็นผู้มีบุญคุณยิ่งใหญ่กับเราต่างหาก ถ้าไม่มีปราณคชสีห์ของเธอหนุนส่ง เราก็ไม่มีทางบรรลุถึงจุดสูงสุดของปราณได้เลย…”

ผมเงยหน้าขึ้นสบตากองคำอย่างไม่เชื่อหู..ขณะร่างเปลือยของแก้วคำเคลื่อนเข้ามาโอบกอดผมไว้แน่น

“ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านเป็นใครกันแน่”

ผมถามด้วยความสงสัย กองคำยิ้มให้ผมอย่างปราณีก่อนเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียวทุ้มต่ำนุ่มนวล

“เมื่อ 20 ปีแล้ว เราอายุ 7 ขวบ ขณะที่กำลังเล่นซุกซนตามประสาเด็กในป่า เราได้พบพระภิกษุรูปหนึ่งที่ครองจีวรแตกต่างจากพระสงฆ์ในไทย ท่านได้เรียกเราให้ตามไปยังถ้ำใกล้ๆ แล้วบอกเราว่าเราคือปัญจะลามะแห่งธิเบตที่กลับมาเกิดบนโลกมนุษย์อีกครั้ง หลังจากนั้นท่านก็ถ่ายปราณกระตุ้นความทรงจำในอดีตชาติ จนเราระลึกได้ถึงตัวตนที่แท้จริง ลามะท่านนั้นที่จริงก็คือศิษย์ของเราเองที่ทำหน้าที่ตามคำสั่งสุดท้ายของเรา ก่อนตาย ”
“ท่านคือลามะแห่งธิเบต ”

ผมอุทานออกมา กองคำพนักหน้ารับ ก่อนเล่าสืบต่อ

“ชาติภาพที่ผ่านมานับไม่ถ้วนของเรา ทำให้เรารู้ว่าทางสุดท้ายแห่งการดับสูญคือวิชาปราณที่ไม่เคยมีผู้ใดในนิกาย ตระแห่งธิเบตให้ความสนใจ เพราะทุกคนเชื่อว่ามันเป็นวิชาที่ไร้เหตุผลไร้จุดหมาย และเป็นเพียงวิชาที่ใช้ลงโทษผู้กระทำผิดให้ติดอยู่กับมันไปตลอดกาล ว่าแต่เธอรู้จักไหมว่าอะไรคือแมนดารา ”
“แผนภาพภพภูมิแห่งธิเบต”

ผมตอบอย่างแผ่วเบา ขณะที่กองคำพยักหน้ารับ

“ถูกต้อง แต่ไม่เคยมีใครรู้ความลับของแมนดารา เห็นเป็นเพียงแผนภาพธรรมดา ผู้ทรงปราณระดับสูงอาจจะเห็นภาพนี้เคลื่อนไหว แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจเหตุผลที่เกิดการเคลื่อนที่ได้ แต่โบราณมาคณะลามะแห่งธิเบตจะคัดเลือกบุคคลที่ไร้ความสามารถคนหนึ่งทำ หน้าที่ดูแลภาพแมนดาราและให้ฝึกปราณที่ไร้ประโยชน์ที่ชื่อว่าปราณจักรวาล โดยมีหน้าที่เพียงใช้ปราณควบคุมจิตใจก่อนการวาดรูปเท่านั้น ทำให้ปราณจักรวาลกลายเป็นปราณไร้ค่าที่ไม่มีผู้สนใจ แต่ไม่มีใครเคยรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ของมันเลย เราตัดสินใจฝึกปราณจักรวาลโดยกำจัดความรู้เกี่ยวกับปราณอื่นทั้งหมดออกจาก จิตใจ ช่วงนี้เองที่เราได้ปลูกฝังปราณจักรวาลในร่างแก้วคำเพื่อเตรียมสร้างผู้ช่วย เหลือตามข้อกำหนดการฝึก หลังจากการบำเพ็ญตนกว่า 20 ปี ในที่สุดเราก็สามารถเข้าถึงแก่นแท้และรับรู้ความลับของปราณจักรวาล แต่เราก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าหนทางที่จะบรรลุปราณขั้นสูงสุดนั้นแทบเป็นไปไม่ ได้เลย เพราะเราไม่สามารถค้นหาบุคคลที่ทรงปราณคชสีห์ อันเป็นปราณเดียวที่ก่อขึ้นจากปราณมืดและสว่างในตัวคนเดียวได้”

ใบหน้ากองคำยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะจับจ้องใบหน้าที่สับสนของผ สมองผมคิดไปถึงเหตุการณ์ที่กองคำถูกชาวบ้านหัวเราะเยาะกับพฤติการณ์แปลก ประหลาด จนได้รับสมญาว่าจั๋วกองคำสึ่งตึง ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่านั่นคือห้วงเวลาที่กองคำบำเพ็ญตนตามแนวทางปราณ จักรวาล
“แล้วผมมาเกี่ยวข้องกับท่านได้อย่างไร หรือว่าเพราะปราณคชสีห์”

ผมเอ่ยปากถามเบาๆ กองคำพยักหน้ารับ

“ทุกสิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่เราทราบเรื่องที่เจ้าถูกทำร้ายและการตายของริน ลดา เวลานั้นเราไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้ แต่หลังจากเราทราบข่าวที่เจ้าฟื้นคืนสติ เราจึงรู้ว่าเจ้าคือผู้ทรงปราณคชสีห์ ทำให้เรามองเห็นหนทางที่จะบรรลุถึงปราณสูงสุดและช่วยเหลือเจ้าไปพร้อมกัน”

ผมอ้าปากค้างเมื่อเริ่มคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้รางๆ

“หมายความว่าท่านมิได้เป็นผู้ทำร้ายผมและฆ่าน้องริน ”

กองคำยิ้มรับ

“ถูกแล้ว เราไม่ได้ทำสิ่งเลวร้ายพวกนั้น แต่เราจำเป็นต้องทำให้เธอเชื่อว่าเราทำ เพราะมีเพียงแต่ปราณคชสีห์ย้อนกลับเท่านั้นที่สามารถสร้างตาที่สามให้เรา ได้”
“ตาที่สาม”

ผมทวนคำด้วยความงุนงง ความทรงจำผมระบึกไปถึงตำนานโบราณของปราณที่เอ่ยถึงผุ้บรรลุญาณของธิเบตที่จะ ต้องบำเพ็ญตนจาสามารถเจาะทะลุกะโหลกน้าผากเพื่อเปิดตามที่สาม ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้คนผุ้นั้นสามารถเห็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไปพร้อมๆ กัน

“ถูกแล้ว จากการศึกษาของเราทำให้เรารู้ว่าหากเราไม่สามารถเปิดตาที่สามขึ้น ปราณจักรวาลก็จะเป็นเพียงปราณที่ไร้ค่า แต่หลังจากที่เรากำหนดให้เธอเข้ามาหาเราและกระตุ้นให้เธอเกิดความโกรธจนปราณ ย้อนกลับ ทำให้แก้วคำสามารถถ่ายปราณจักรวาลเข้าสู่ร่างเธอได้ ปราณคชสีห์ที่ผนึกร่วมกับปราณจักรวาลจึงสามารถเจาะตาที่สามให้เราจนบรรลุถึง จุดสูงสุด”

กองคำพลันดึงผ้าโพกศีรษะออก ทำให้ผมต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“อะ..อะไรกัน”

กลางหน้าผากของกองคำ ซึ่งเมื่อ 15 ปีก่อนผมเคยส่งกริชสลายปราณเข้าไปฝังไว้ ปรากฏช่องวงกลมสว่างเรืองไปด้วยประกายแสงหลากสีหมุนเวียนอยู่…

“นี่คือตาที่สาม ที่ทำให้เราสามารถควบคุมปราณจักรวาล ควบคุมอดีต ปัจจุบันและอนาคต เราคือผู้ที่อยู่เหนือกาลเวลาทั้งปวง และจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ทั้งหมดนี้เกิดจากความช่วยเหลือของเธอ ทำให้เราสามารถนำเธอย้อนเวลากลับมาสู่ช่วงก่อนที่เธอและรินลดาจะถูกทำร้าย ได้ แต่กว่าที่เราจะนำเธอกลับมาได้ก็ต้องรอจนกว่าเธอจะผสานปราณจักรวาลเข้ากับ ปราณคชสีห์ได้อย่างสมบูรณ์หลังการร่วมรัก นี่ถ้าเธอร่วมรักกับสตรีให้เร็วขึ้น เราก็คงจะนำเธอกลับมาได้เร็วขึ้นไม่ต้องรอจนถึง 15 ปี แบบนี้”

“ทะ ท่านเป็นผู้นำผมกลับมายังอดีต…”

ผมอุทานออกมาด้วยความงุนงง ขณะที่ดวงตากองคำจับมาที่ผมและพยักหน้ารับ

“ใช่แล้ว..เราเป็นผุ้นำเจ้ากลับมา ด้วยปราณจักรวาลในร่างเจ้าเป็นสื่อ ทำให้เราสามารถดึงเจ้ากลับมาสู่กาลเวลานี้ได้ แต่นั่นเป็นขอบเขตที่สุดของการควบคุมเวลา เราไม่สามารถฝ่าฝืนกฏเกณฑ์ของจักรวาลได้มากกว่านี้ แม้ในอนาคตเจ้าอาจสามารถฝึกปราณจักรวลขนเข้าสู่ภาพวะสุญญตา แต่เจ้าก็จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีกแล้ว…เราเองก็เช่นกัน”

ผมอ้าปากค้างกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ได้ยิน สมองผมคิดไปถึงการร่วมรักกับทิพย์วารี และน้องพิมในอนาคต ที่ผมสามารถถ่ายทอดปราณเข้าสู่ร่างทั้งสองและทำให้ปราณคชสีห์และปราณจักรวาล ผนึกกันเป็นครั้งแรก

“ผมพอจะถามคำถามท่านได้หรือไม่”

ผมเอ่ยขึ้นหลังจากพยามยามประมวลเหตุผลถึงเหตุการณ์ที่เกิดในวันนี้ เข้ากับการย้อนเวลาที่กองคำให้ความกระจ่างกับผมเมื่อครู่ กองคำก้มศีรษะรับ

“เราจะตอบเธอเท่าที่สามารถตอบได้”

“ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ส่งผู้ทรงปราณพิทักษ์เทพมาทำร้ายผมน้องรินและน้องกิฟท์ และมันทำด้วยสาเหตุใด”

ใบหน้างดงามของกองคำส่ายไปมา ดวงสีรุ้งที่หมุนวนเวียนอยู่บริเวณหน้าผากดูราวกับจะสว่างจ้าขึ้น

“ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ เธอรู้ไหมว่ารินลดา และอัจฉริยาคือผู้ใด”

สมองผมหวนคิดถึงคำพูดของพ่อครูคำแปงก่อนตอบอย่างลังเล

“พ่อครูคำแปงบอกผมว่าน้องรินคือมารดาเทพอสูร และน้องกิฟท์ เทพมารดา แต่พ่อครูไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมศัตรูที่ชะตากำหนดให้ต้องต่อสู้กันจึงมา ร่วมสามีเดียวกันแบบนี้”

กองคำส่งเสียงหัวเราะเบาๆ

“คำแปงเป็นผู้รู้ก็จริง แต่ความรู้นั้นจำกัดอยู่แต่เพียงตำนานที่จารึกไว้ ไม่สามารถก้าวล่วงไปถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเทพเจ้าได้เลย สิ่งที่คำแปงบอกเธอนั้นถูกต้องบางส่วน รินลดาคือมารดาเทพอสูรจริง เช่นเดียวกับอัจฉริยาที่เป็นมารดาเทพ แต่คำแปงมิได้ล่วงรู้ถึงสตรีอีกสองนางที่เธอจะต้องร่วมสัมพันธ์ด้วย นั่นคือธิดานาคราช และทาริกาอสุระ ซึ่งก็คือสตรีที่เธอได้ร่วมรักมาแล้วก่อนที่จะย้อนเวลากลับมาที่นี่”

“ทิพย์วารี…น้องพิม”

กองคำพยักหน้ารับ

“เทพคือผู้ควบคุมอัคคีธาตุ อสูรควบคุมวายุธาตุ นาคราชควบคุมวารีธาติ และอสุระควบคุมธรณีธาตุ ธาตุทั้งสี่คือดินน้ำลมไฟ ล้วนมีตัวแทนกำเนิดบนโลกแล้ว เพื่อเตรียมรับสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างความมือกับแสงสว่าง รินลดา อัจฉริยา ทิพย์วารี และพิมพ์มาดา ที่ล้วนแต่เป็นสตรีของเจ้า มีหน้าที่ก่อกำเนิดผู้ที่ถูกกำหนดไว้ โดยมีเจ้าร่วมเป็นผู้สร้าง”..

ผมตะลึงไปกับคำพูดของกองคำ

“แล้วหน้าที่ผมคืออะไร ผมคือผู้ที่จะต้องทำสงครามครั้งสุดท้ายหรือ แล้วผู้ที่ทำร้ายผมคือใครกันแน่”

กองคำส่ายหน้าเบาๆ

“หน้าที่ของเธอคือให้กำเนิดบุคคลทั้งสี่ ที่จะเป็นผู้นำการต่อสู้ แต่การต่อสู้จะเป็นอย่างไรนั้น เราไม่สามารถบอกเธอได้ เธอจงรู้ไว้เพียงว่าศัตรูของเธอก็กำลังเตรียมตัวสำหรับสงครามครั้งนี้ และการส่งผู้ทรงปราณมาทำร้ายเธอก็เป็นการจัดการของพวกนั้น แต่เรารับรองกับเธอว่าใน 15 ปีนี้จะไม่มีการโจมตีแบบนี้อีก การที่เธอสามารถก่อผลึกเวลาจากการผสานปราณกับรินลดาและอัจฉริยา เป็นสัญญาณบอกให้พวกนั้นรู้แล้วว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำร้ายพวกเธออีกต่อไป ”
“ ถ้าเช่นนั้น ผมจะต้องทำอย่างไรต่อไป..”

ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ ราวกับจะพูดกับตัวเองมากกว่าที่จะถามกับร่างที่ดูราวกับเทพเจ้าเบื้องหน้า

“หน้าที่ของเธอกำลังจะเสร็จสิ้น อีกไม่นานเธอจะสามารถหลอมรวมปราณคชสีห์เข้ากับปราณจักรวาลก่อเกิดปราณใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่เธอจะบรรลุถึงปราณสุญญตาหรือไม่ แม้แต่เราเองก็ไม่รู้หรอกนะ”

เสียงกองคำอธิบายอย่างอ่อนโยน ขณะที่ความคิดของผมพลุ่งพล่านราวกับมรสุม ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเกิดขึ้นตามเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ล่วง หน้าโดยที่ผมไม่สามารถแก้ไขสิ่งใดได้

“พี่เอ…เป็นอะไรหรือเปล่า”

เสียงแก้วคำดังขึ้นเบาๆ ที่ข้างหูปลุกผมจากความคิดที่สับสน ขณะที่ร่างเปลือยของเด็กสาวกอดผมไว้แน่น ทำให้ผมต้องหันไปถามเด็กหญิง

“แก้วบอกพี่ได้ไหมว่าทำไมแก้วถึงกลับมามีชีวิตทั้งที่ในวันนั้นแก้วตายไปแล้ว”

เสียงกองคำเอ่ยตอบขึ้นแทน

“แก้วตายไปแล้วจริงๆ แต่เป็นการตายเพื่อกระตุ้นให้เธอเกิดความโกรธจนสามารถระดมพลังปราณเจาะตาที่ สามให้เรา หลังจากเราสามารถควบคุมกาลเวลาได้แล้ว แก้วจึงกลับคืนชีวิตขึ้นมา แต่เป็นชีวิตที่อยู่เหนือกาลเช่นเดียวกับเรา ดังนั้นแก้วจึงไม่สามารถไปอยู่กับเจ้าได้แม้จะต้องการก็ตาม เพราะนั่นจะเป็นการขัดต่อวัฎฎะเวลาที่แก้วไม่มีตัวตนอีกต่อไป”

ใบหน้างดงามของเด็กสาวยิ้มให้ผม ขณะที่กองคำถอนใจเบาๆ

“ทุกสิ่งเป็นไปตามที่จักรวาลกำหนด เธอเองก็มีภาระที่ต้องบรรลุ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เพราะหลังจากทุกสิ่งสิ้นสุด เธอทั้งสองจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แต่สำหรับตอนนี้เธอจงรับสิ่งนี้เอาไว้”

ประกายแสงสีรุ้งเรืองรองขึ้นในมือของกองคำ ก่อนอ่อนแสงจางลง เผยให้เห็นสมุดบางๆ เก่าคร่ำคร่า 4 เล่ม กองคำยื่นมาให้ผมรับไว้ ผมพิจารณาหน้าปกของสมุดโบราณด้วยความงุนงง เส้นสีดำที่จารึกบนด้านหน้าของสมุดแต่ละเล่มมีรูปแบบแตกต่างกัน แต่ผมไม่สามารถอ่านได้

“จงเก็บรักษามันเอาไว้ เธอจะรู้เองว่าจะต้องใช้มันอย่างไรเมื่อเวลามาถึง”

เสียงอ่อนโยนของกองคำเบาลงอย่างผิดสังเกต ผมเงยหน้าขึ้นจากสมุดในมือ และพบว่าร่างของกองคำเริ่มเปลี่ยนไป ดูราวกับอณูที่ประกอบเป็นร่างกายกำลังสลายตัวอย่างช้าๆ

“พี่เอ…แก้วต้องไปแล้ว….”

ร่างแก้วคำที่กอดรัดผมอยู่ลดความรู้สึกสัมผัสลงอย่างในทันที

“พี่จะไม่ได้พบแก้วอีกแล้วใช่ไหม”

ผมหันกลับไปหาเด็กสาวที่ยังคงพยายามกอดรัดผมทั้งที่ร่างกายเริ่มสลายตัวเช่น เดียวกับกองคำ ดวงตาเด็กสาวมีน้ำตาเอ่อล้น ขณะส่ายหน้าแล้วฝืนยิ้มให้ผม

“พี่เอจะได้พบแก้วแน่นอนในอนาคต ขอให้พี่เอจำไว้ว่าแก้วจะรอวันนั้นเสมอ”
“แก้ว…”

แสงสว่างรอบตัวผมมืดลงในทันที ผมพยามคว้าร่างแก้วคำแต่กลับพบเพียงอากาศที่ว่างเปล่า สายลมพัดมากระทบร่างเปลือยของผมจนหนาวสะท้านปลุกผมให้รับรู้ว่ามิได้อยู่ใน ห้องของกองคำอีกต่อไป สายตาที่เริ่มชินกับความมิดทำให้ผมเห็นภาพรอบกายว่าผมกำลังนั่งอยู่บนพื้น หญ้าที่รกร้าง แวดล้อมไปด้วยพุ่มไม้ขนาดเล็ก แต่สมุดโบราณที่อยู่บนพื้นเป็นเครื่องยืนยันให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิ ใช่ความฝันหรือการคิดไปเองแต่อย่างใด ผมลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว หยิบสมุดโบราณทั้ง 4 เล่มขึ้นมากอดไว้กับตัว สูดลมหายใจลึกยาว ก่อนกระจายปราณสู่เท้าเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านที่มีเมียรักของผมทั้งสองคนรอ อยู่..

Related

Prev
Next

Comments for chapter "The Paradox บทที่ 2.3 ผู้อยู่เหนือกาล"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved