ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

The Paradox บทที่ 2.1 วัฏฏะ

  1. Home
  2. The Paradox & The Zodiac by Buta
  3. The Paradox บทที่ 2.1 วัฏฏะ
Prev
Next

The Paradox บทที่ 2.1 วัฏฏะ

เหม่อมองดูสายน้ำวน
เหม่อมองสายชลช่างไหลริน
เหม่อมองดูนกผกผิน บินลับไป
ยามเหงาเราถอนใจ บินไปไม่กลับมา

เสียงเพลงที่ผมเคยได้ยินในอดีตดังแว่วขึ้น ปลุกผมจากห้วงนิทรา แต่เมื่อผมเปิดตาขึ้นกลับ เปลือกตากลับไม่อยู่ในความควบคุมของร่างกาย เช่นเดียวกับความพยายามลุกขึ้นจากที่นอน ทุกสิ่งกลับอยู่ในความมืด ท่ามกลางเสียงเพลงที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

เปล่าเปลี่ยวจริงหนอหัวใจ
หากจะรักใครเศร้าใจทุกครา
หมดแรงกำลัง อ่อนล้าและหลงทาง
เจ็บนั้นยังเจ็บมิจาง..อ้างว้างดังสายชล

แสงสว่างปรากฏขึ้นลางเลือนในประสาทรับรู้ของผม แล้วค่อยเพิ่มระดับทีละน้อยพร้อมกับสัมผัสทางร่างกายที่บอกให้รู้ว่าผมกำลัง อยู่ในท่านั่ง มิใช่กำลังนอนอยู่อย่างที่ควรจะเป็น ภาพเบื้องหน้าปรากฏชัดเจนขึ้นเป็นภาพถนนที่ดูคุ้นเคยในความทรงจำ มือของผมประคองพวงมาลัยรถยนต์บังคับยานพาหนะให้เคลื่อนไปข้างหน้า ขาขยับไปเหยียบครัชและมือเอื้อมไปเปลี่ยนเกียร์เป็นครั้งคราว แต่สมองผมกับไม่รับรู้หรือสั่งการการเคลื่อนไหว มีเพียงสัมผัสของร่างกายกับวัตถุต่างๆ รอบตัวเท่านั้นที่ส่งมายังสมอง

……แม้ใจจะเจ็บ เก็บมาคิดคิด
อดีต ยังงามล้ำล้น…มิเคยลืมภาพเราสองคน..
มิเคยลืม..ว่าเคยรักเธอ…สายชล

“เพลงอะไรน่ะน้องริน ใครร้อง เพราะดีนะ..”

ริมฝีปากผมส่งเสียงออกไป โดยที่ผมไม่สามารถบังคับได้ หัวใจผมตกวูบทันทีกับประโยคที่ออกจากปาก ความทรงจำในอดีตกลับเข้ามาปรากฏในทันที ภาพข้างหน้าที่ผมเห็นคือภาพของถนนที่นำผมไปสู่สถานที่แห่งความทรงจำอันแสน สุขและทุกข์ทรมาณ และร่างที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมบนเบาะรถจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก..

“เพลงสายชลน่ะพี่เอ ของนักร้องใหม่ชื่อจันทนีย์ อุนากูล พี่เอคงไม่รู้จักหรอก มัวแต่เรียนกับซ้อมมวยแบบนี้ ”

‘น้องริน’

รินลดาตอบทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม เพื่อรับฟังบทเพลง

ไกรวิทย์ละความสนใจจากถนนยกมือขึ้นตั้งใจจะเคาะหัวน้องสาวที่ช่างประชดสัก ครั้ง แต่มือที่ยกขึ้นกลับยกค้างแล้วค่อยๆ ลดลง เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ด้านข้าง

ศีรษะผมหันไปทางด้านข้างเพื่อคุยกับเด็กหญิงผู้เป็นที่รัก ดังเช่นที่ผมเคยกระทำมาในอดีต ภาพเบื้องหน้าเป็นภาพของน้องรินของผม แจ่มจ้ากระจ่างชัดอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง ผมพยายามยามอย่างเต็มที่ที่จะโถมตัวเข้ากอดร่างน้อยด้านข้างให้สมกับความคิด ถึง แต่ดูราวกับว่าจิตใจผมติดอยู่ในร่างกายของนายไกรวิทย์ในวัย 15 ปี ที่กำลังตะลึงกับภาพเด็กหญิงที่เด็กหนุ่มเริ่มแปรเปลี่ยนจากสภาพพี่ชายมา เป็นคนรัก

รินลดานั่งหลับตาพริ้มส่งเสียงร้องคลอดบทเพลงอย่างตั้งใจ เสี้ยวใบหน้าเด็กหญิงกระทบแสงแดดยามเช้าเป็นประกายเปล่งปลั่ง ทำให้โครงใบหน้าเกิดเงาที่ขับเน้นความงามน่าทะนุถนอมราวกับเทพธิดาองค์น้อย ร่างโปร่งบางเอนราบไปกับเบาะรถที่ถูปรับให้อยู่ในจังหวะครึ่งนั่งครึ่งนอน สองแขนยาวเรียวช้อนประสานใต้ศรีษะ ทำให้หน้าอกขนาดกระทัดรัดซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเสื้อยืดสีชมพูรัดรูปพุ่งชูชัน ขึ้นมาเป็นก้อนกลมน้อยๆ สองขาของเด็กหญิงไขว่ห้างด้วยท่าทางปลายเท้าในรองเท้าแตะสานประดับดอกไม้ ส่ายไปมาเล็กน้อยตามจังหวะของเสียงเพลง สายตาของเด็กหนุ่มเหลือบมาจับจ้องที่ลำขาเรียวตรงที่พ้นขอบกางเกงขาสั้นปลาย บานที่ร่นตัวไปถึงสะโพกกระทัดรัด ทำให้ความงามของลำขาทั้งหมดเผยตัวออกมาอย่างเต็มที่ แสงที่ส่องกระทบท่อนขาทำให้ไรขนอ่อนเปล่งประกายสีทองราวกับส่องแสงได้ด้วยตน เอง ผิวสีน้ำตาลอ่อนและแนวกล้ามเนื้อของลำขาบอกให้รู้ว่าเจ้าของเป็นนักกีฬาที่ ออกกำลังเป็นประจำ แต่ผิวเนื้อที่อยู่ใกล้สะโพกกลับเป็นสีขาวผ่อง อันเกิดจากการปกปิดของกางเกงกีฬา ปลายสุดของลำขาขอบขอบกางเกงในสีขาวลายลูกไม้พ้นออกมาให้เห็นรำไร แต่กลับยิ่งเพิ่มความรู้สึกของผู้ที่ได้เห็นให้จินตนาการเตลิดเปิดเปิงอย่าง ไม่รู้จบ

ร่างนางฟ้าน้อยๆที่ประทับอยู่ในความทรงจำของผมมาตลอด 15 ปี ทำให้สมองผมร้องคร่ำครวญอย่างรุนแรง แต่ไม่สามารถปรับบังคับร่างกายหรือแม้กระทั่งคำพูดให้เป็นไปตามความต้องการ ได้ ทุกสิ่งดูราวกับหุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองในขณะที่ผมเป็นเพียงผู้ที่ ติดอยู่ในร่างกายนี้หัวใจผมร่ำร้องที่จะหยุดภาพนี้เอาไว้ตลอดไปแต่แล้วสายตา ของร่างที่ผมตกเป็นเชลยอยู่ภายในก็กลับมาจับจ้องที่ถนนเบื้องหน้าทั้งที่ผม ไม่เต็มใจ

แรงกระแทกที่ส่งผ่านช่วงล่างจนรถกระดอนอย่างแรง ทำให้ไกรวิทย์รู้สึกตัว และหันความสนใจมากที่การบังคับรถผ่านเส้นทางขรุขระ แต่สมองยังคงประทับภาพงดงามด้านข้างไว้อย่างไม่รู้ลืม สายตาของเด็กหนุ่มเหลือบมองร่างโปร่งบางเป็นระยะ ความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวแสนรักเริ่มสับสน ระหว่างความเป็นพี่ กับความต้องการสัมผัสเรือนร่างแสนงามของเพื่อนผู้เป็นเสมือนน้องสาว

สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงการปล่อยให้ทุกสิ่งดำเนินไปตามที่เคยเกิดขึ้นในอดีต กลิ่นหอมอ่อนๆ ของผิวกายน้องรินโชยมากระทบประสาทรับรู้ของจิตผม ยิ่งเตือนให้ผมจำได้ถึงกลิ่นกายน้องรินระหว่างการร่วมรักครั้งแรกใต้ต้นรัง ใหญ่ที่ยานพาหนะกำลังมุ่งหน้าไป

เสียงม้วนเทปกลับตัวปลุกรินลาดให้ลืมตาขึ้น มือขวาปรับที่นั่งให้ตั้งตรงเพื่อชมทิวทัศน์รอบข้างอย่างเบิกบาน เสียงอุทานของเด็กหญิงดังขึ้นเป็นระยะระคนเสียงหัวเราะเมื่อรถกระแทกหลุ่ม บ่อจนร่างน้อยกระดอนขึ้นลงราวกับรถไฟเหาะในสวนสนุก และส่งเสียงชวนคุยกับไกรวิทย์อย่างไม่ขาดปาก จนทำให้ความคิดที่เริ่มเตลิดเปิดเปิงของเด็กหนุ่มเริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ และพลอยเพลิดเพลินไปกับการสนทนา ครู่ใหญ่ไกรวิทย์ก็หักเลี้ยวออกนอกเส้นทางลูกรังขรุขระ พายานพาหนะลงมาตามไหล่เขาอย่างระมัดระวัง จนลำห้วยสายเล็กปรากกอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มบังคับรถให้จอดอยู่ใต้ต้นรังใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมห้วย ก่อนดับเครื่องและถอนใจยาว..

สถานที่แห่งความทรงจำของผมปรากฏอยู่เบื้องหน้าผ่านกระจกใสของยานพาหนะ ต้นรังใหญ่ที่ผมเคยร่วมรักกับน้องรินยังคงยืนตระหง่าน สายน้ำใสของลำห้วยเป็นประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสงอาทิตย์ มันไหลผ่านไปช้าๆ ต่างกับจิตใจผมที่กำลังสับสนวุ่นวายกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยที่ไม่ สามารถควบคุมได้ เสียงเด็กหนุ่มที่เคยเป็นผมเมื่อ 15 ปีก่อนดังขั้น ปลุกผมให้กลับมาสนใจสภาพรอบข้าง

“เฮ้อ…ถึงเสียที..ไม่ได้มาเสียนาน.ป่ารกขึ้นเป็นกองเลย…อ้าว..น้องรินจะไปไหนน่ะ”

ไกรวิทย์ร้องถาม เมื่อเห็นร่างลินลดาเปิดประตูรถออกแล้ววิ่งตรงไปยังแนวผาที่ห่างออกไประมา ณสิบเมตร ทันใดร่างของเด็กหญิงก็หายไปกับผาหินราวกับการแสดงมายากล ไกรวิทย์ส่ายหน้าลงจากรถ แล้วเดินตรงไปยังจุดเดียวกัน

ร่างกายที่ผมไม่สามารถบังคับได้ นำผมออกจากรถ ก้าวตามน้องรินไปยังบ้านเล็กเบื้องหน้า

สองมือเด็กหนุ่มแหวกรากไม้ที่ขึ้นปกคลุมหน้าผา และก้าวผ่านเข้าไปสู่ที่โล่งภายในซึ่งซ่อนตัวอยู่อย่างมิดชิดหลังม่านรากไม้ นี่คือ “บ้านเล็ก” ซึ่งเป็นสถานที่เล่นลับของไกรวิทย์ รินลดา และอัจฉริยา ที่ถูกพบเมื่อ 2 ปีก่อนจากความซนของน้องกิฟท์ ที่พยายามซ่อนตัวระหว่างการเล่นซ่อนหา ทำให้ได้พบกับถ้ำหินปูนขนาดเล้กที่ซุกซ่อนอยู่ และตั้งแต่นั้นมา เมื่อมีเวลา ทั้งสามจะขนย้ายเครื่องใช้ต่างๆ มาไว้ในถ้ำนี้จนมีความพร้อมสำหรับการใช้เป็นสถานที่ซ่อนตัวจากสายตาของ ผู้ใหญ่
สายตาไกรวิทย์จับจ้องที่ร่างของรินลดาซึ่งกำลังรื้อของในหีบไม้ใบย่อมที่เคย เป็นหีบใส่กระสุนของตำรวจ ซึ่งเป็นของที่ไกรวิทย์ขอมาจาก จสต.แม้นวงศ์ อดีต ตชด. แต่ตอนนี้ภายในถูกใช้บรรจุเครื่องใช้ต่างๆรวมทั้งของเล่นและหนังสือการ์ตูน ที่ถูกผู้ใหญ่สั่งห้ามไว้เต็มกล่อง

ประสาทสัมผัสผมรับรู้สภาพภายในถ้ำทุกอย่าง ผมรู้ดีว่าในกล่องที่น้องรินกำลังรื้อออกมานั้น นอกจากผืนเสื่อที่น้องรินกำลังหาแล้ว ก้นกล่องยังมีมีดเดินป่าขนาดใหญ่ที่ผมเก็บไว้ใช้ในการตัดถางเถาวัลย์ ผมพยายามบังคับให้ร่างเด็กหนุ่มเดินไปหยิบมีดมาเป็นอาวุธป้องกันตัว แต่ต้องผิดหวังเมื่อร่างกายนี้ยังคงยืนนิ่งอยู่ โดยที่สายตาจับจ้องร่างกายน้องรินอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา

“เจอแล้ว… ”
รินลดาส่งเสียงอย่างดีใจ หันกลับมาหาไกรวิทย์ พร้อมเสื่อกกผืนใหญ่ในมือ
“ไปปูนั่งเล่นริมห้วยกันเถอะพี่เอ… เดี๋ยวพี่เอไปเอาตะกร้าอาหารออกมาจัดนะ.”

ไกรวิทย์ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูอาการร่าเริงของเด็กหญิง เอื้อมมือไปขอรับเสื่อ แต่รินลดากลับวิ่งแทรกออกไปจากถ้ำ ตรงไปที่ลำห้วย โดยมีไกรวิทย์เดินตามไปที่รถเพื่อนำตะกร้าอาหารปิกนิกออกมาแล้วตรงไปยังพื้น หญ้าใต้ต้นรังริมห้วย ซึ่งถูกปูทับไว้ด้วยเสื่อกกผืนใหญ่แล้ว ร่างของรินลดานอนเหยียดยาวบนเสื้ออย่างสบายใจ ส่งเสียงคุยเมื่อร่างของไกรวิทย์ก้าวเข้ามานั่งเคียงข้าง

สัมผัสอบอุ่นของร่างกายน้องรินแผ่ซ่านมากระทบความรู้สึก จนผมต้องร้องคร่ำครวญออกมา เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป ในอีกไม่นานนัก จะพรากชีวิตของเด็กหญิงที่ผมรักที่สุดในชีวิตไปตลอดกาล จิตใจผมพยายามดิ้นรนจากพันธนาการอย่างเต็มที่ แต่ไร้ผล ผมไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจิตใจผมจึงย้อนเวลากลับมาในอดีต และกลับมาในช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผมแบบนี้ แต่กลับไม่อนุญาตให้ผมสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับว่าต้องการให้ผมได้พบกับความปวดร้าวที่สุดในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง

“รินรักที่นี่ที่สุดเลยพี่เอ นี่ถ้าอีกหน่อยรินแต่งงาน รินจะต้องมาปลูกบ้านที่นี่ให้ได้ พี่เอคอยดูนะ ”

ไกรวิทย์ซึ่งกำลังเปิดฝาตะกร้าปิคนิค เริ่มจัดวางอาหารว่างลงบนพื้นเสื่อกก หยุดชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงาน ออกจากปากรินลดา เด็กหนุ่มพยายามบังคับเสียงให้ดูราวกับไม่สนใจและถามคำถามที่วนเวียนอยู่ใน ใจมาตั้งแต่เช้า

“จะแต่งงานแล้วหรือน้องริน แล้วมีใครมาจีบหรือยังล่ะ”

เสียงสั่นเล็กน้อยของเด็กหนุ่ม ทำให้ผมจำได้ทันทีถึงความรู้สึกของผมในอดีต ที่กำลังสับสนไปกับความรู้สึกของตนเอง ว่าจะอยู่ในสถานะอะไรระหว่างพี่ชายที่แสนดี กับคนรักที่ไม่ยอมพรากจากกันตลอดไป

เด็กหญิงเบะปาก คว้าแซนวิชข้างตัวมากัดกินคำหนึ่ง แล้วตอบคำถามทั้งที่ยังเคียวอาหารในปาก
“เยอะแยะไปพี่เอ ทั้งเพื่อนในห้อง ทั้งรุ่นพี่ นี่เมื่อวานพี่หนุ่มห้อง ม.ศ.2 ก็โทรมาชวนรินไปดูหนัง”
ไกรวิทย์กำขวดน้ำในมือที่กำลังหยิบออกมาวางอย่างไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินชื่อเด็กหนุ่มที่พยายามสร้างสัมพันธ์กับรินลดา เด็กชายหนุ่มเป็นรุ่นน้องที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาในอนาคต และด้วยความเป็นดาวเด่นของนักฟุตบอลรุ่นเล็กประจำโรงเรียน ทำให้เด็กชายถูกนักเรียนหญิงวัยเดียวกันรวมทั้งนักเรียนประถม 6วัยเดียวกันกับรินลดา รุมล้อมเป็นประจำ
“อ้าว ก็ดีนี่ แล้วน้องรินไม่ไปหรือ ”
ไกรวิทย์ถามด้วยน้ำเสียงแปร่งเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเด็กหญิงที่ยังนอนอย่างสบายใจไม่รับรู้
“รินไม่สนใจหรอก พวกนี้น่าเบื่อจะตายไป เห็นรินเป็นสาวน้อยบอบบาง คอยมาเอาใจให้ดอกไม้ ให้ขนม บ้า..ทำไมไม่มีใครให้เกมส์ family รินบ้างนะ…”

ประสาทรับรู้ทางสายตาของจิตใจผมที่ซ่อนตัวอยู่ร่างเด็กหนุ่ม สังเกตเห็นมือบอบบางของน้องรินสั่นน้อยๆ ใบหน้าหวานใสปรากฏสีแดงระเรื่อ ทำให้ผมรู้ทันทีว่าคำพูดที่ดูเหมือนไม่สนใจของน้องรินแฝงความหมายบอกใบ้ถึง ความรู้สึกที่เด็กหญิงทีต่อผมไว้ แต่ดูเหมือนว่าจิตใจของเด็กหนุ่มยังคงไม่รับรู้

ไกรวิทย์หัวเราะออกมาเต็มเสียง เมื่อได้ยินคำตอบของรินลดา นอกจากความโล่งใจที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวแล้ว เด็กหนุ่มยังรู้ดีว่าน้องสาวที่น่ารักคนนี้มีนิสัยแทบจะเป็นผู้ชาย ไม่สนใจการแต่งตัวหรือของสวยงามอย่างเด็กผู้หญิงคนอื่นในวัยเดียวกัน ตรงข้ามน้องรินกลับชอบเครื่องเล่นไฟฟ้าของผู้ชาย และกำลังงอนง้อขอให้บิดาซื้อเครื่องเล่นแฟมิคอม ที่กำลังเป็นที่นิยมกันมาให้ แทนที่จะร้องขอตุ๊กตาหรือเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำให้บางที พ.ต.อ.สมภพ บิดาของรินลดา ต้องมาบ่นกับพ่อเลี้ยงไกรสรบ่อยๆ ว่า ลุกสาวทำท่าจะกลายเป็นเด็กผู้ชายไปเสียแล้ว

รินลดาลุกขึ้นนั่งมองไกรวิทย์อย่างงงๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ร่างบอบบางกรากเข้ามาทุบไหล่ไกรวิทย์ถี่ยิบ

“พี่เอเนี่ย หัวเราะเยาะรินเหรอ”

ไกรวิทย์คว้าข้อมือเรียวของรินลดาไว้เพื่อบังคับให้หยุดทุบ

“พี่ไม่ได้หัวเราะ พี่เพียงแต่นึกถึงภาพน้องรินเล่นเกมส์คอนทรากับพี่ที่บ้าน ไม่ยอมนอนจนลุงสมภพต้องมาตามกลับน่ะ นี่ถ้าหนุ่มๆ พวกนั้นมาเห็นน้องรินร้องลั่นจะเล่นเกมส์ไม่ยอมกลับบ้าน สงสัยคงไม่มีใครมาจีบน้องรินแน่เลย”

ขณะที่ไกรวิทย์พูดปนหัวเราะ พร้อมกับกุมข้อมือรินลดาไว้เพื่อหยุดการทุบ เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าแรงดิ้นรนที่ข้อมือของเด็กหญิงเพื่อให้พ้น การกุม ลดลงจนหยุดนิ่ง สายตาของไกรวิทย์จับจ้องใบหน้าของรินลดาด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าเด็กหญิง เบือนหน้าไปเพ่งมองสายน้ำในลำห้วยเบื้องหน้า มือของไกรวิทย์ค่อยๆ ปล่อยข้อมือแบบบางที่กุมไว้ ปล่อยให้เจ้าของข้อมือนำไปซุกไว้ที่หน้าตัก เสียงเด็กหญิงดังขึ้นแผ่วเบา
“รินนี่ไม่มีความเป็นผู้หญิงจริงๆ นะพี่เอ…”

ไกรวิทย์ถอนใจ เคลื่อนกายไปนั่งข้างรินลดา แล้วเอื้อมมือไปดังมือของเด็กหญิงมากุมไว้อย่างนุ่มนวล

สัมผัสนุ่มนวลของเรียวมือน้อยๆ ในอุ้งมือ ส่งผ่านมายังจิตใจที่ว้าวุ่นของผม

“ ใครว่าน้องรินของพี่ไม่เป็นผู้หญิง ถ้ามีใครพูดมาบอกพี่นะ พี่จะรีบกลับมาจากกรุงเทพฯ ชกปากมันให้พูดไม่ได้ไปอาทิตย์หนึ่งเลย”

รินลดาหัวเราะเบาๆ กับคำพูดหยอกเย้าของพี่ที่เหมือนกับพี่ชายแท้ๆ เด็กหญิงหันหน้ามาสบตาไกรวิทย์แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่เอล่ะ คิดว่ารินเป็นผู้หญิงหรือเปล่า”

ไกรวิทย์สบสายตาผู้เป็นเสมือนน้องสาวแน่วนิ่ง สูดหายใจลึกก่อนตอบอย่างจริงจัง

“น้องรินของพี่ไม่ใช่แต่จะเป็นผู้หญิงนะ แต่ยังเป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโลกสำหรับพี่ด้วย”

สองแก้มของเด็กหญิงปรากฏสีแดงจัดขึ้นแผ่ซ่าน มือที่อยู่ในอุ้งมือไกรวิทย์สั่นเล็กน้อย เด็กหญิงก้มศีรษะลงแล้วส่งเสียงถามอย่างแผ่วเบา..

“ริน…รินน่ารักพอที่จะเป็นคนที่พี่เอแต่งงานด้วยหรือเปล่า..”

ประโยคที่ตรึงตราอยู่ในความทรงจำของผมมาตลอด ดังขึ้นอีกครั้งในสมองผม ดวงจิตผมตะโกนก้อง
‘พี่รักน้องรินที่สุด….’
แต่ร่างที่ผมติดอยู่ภายใน ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนอง

ลมหายใจเด็กหนุ่มชะงักไปกับคำถามที่ไม่คาดคิด ภาพของอดีตปรากฏขึ้นในความทรงจำอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงที่เคยวิ่งเล่นมาด้วยกัน เด็กหญิงที่ตนเองปกป้องจากการรังแก เด็กหญิงที่ทำให้หัวใจเบิกบานไร้ความทุกข์ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ เด็กหญิงที่บัดนี้กำลังย่างเข้าสู่วัยสาวและกำลังรอคอยคำตอบว่าผู้เป็น เสมือนพี่ชายที่ผูกพันกันมาตลอดชีวิตจะยึดถือเธอเป็นเพียงน้องสาวตลอดไป หรือจะก้าวข้ามระดับไปสู่ความมันพันธ์ที่ใกล้ชิดกว่า ยั่งยืนกว่า

ไกรวิทย์ยกมือของรินลดาขึ้นมาแนบริมฝีปาก จูบเบาๆ ที่หลังมือนวลเนียน ทำให้เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นสบตาแน่วนิ่งกับผู้ประทับรอยจูบลงไป ไกรวิทย์สูดลมหายใจลึกเพื่อถ่ายทอดคำพูดที่ซุกซ่อนในใจมาตลอด

“พี่ต่างหากที่ต้องถามน้องรินว่าจะอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิตได้ไหม”

รินลดาจ้องตาพี่ชายที่เด็กหญิงแสนรักอย่างไม่เชื่อหู น้ำตาไหลซึมออกมา ก่อนที่ไกรวิทย์จะตั้งตัว เด็กหญิงก็พลิกร่างโถมเข้ากอดร่างรัดไว้แนบแน่น ระล่ำระลักส่งเสียง

“พี่เอ…รินรักพี่เอที่สุด กลัวว่าพี่เอจะเห็นรินเป็นแค่น้องสาว ที่ผ่านมา รินไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย แต่พรุ่งนี้พี่เอต้องไปจากที่นี่แล้ว รินไม่รู้ว่าจะทำยังไงถ้าไม่มีพี่เออยู่ด้วย รินสัญญาจะรักพี่เอคนเดียว จะรอจนกว่าพี่เอกลับมา จะรอจนกว่ารินจะโตพอแต่งงานกับพี่เอได้ รินจะ…”

ไกรวิทย์หยุดคำพูดของรินลดาด้วยการเชยคางเรียวเล็กให้เงยหน้าขึ้น และก่อนที่รินลดาจะรู้ตัว ริมฝีปากอบอุ่นของผู้ที่เคยเป็นเสมือนพี่ชายก็ประทับเข้ากับริมฝีปากบาง เรียวอ่อนนุ่มที่เกร็งแน่นด้วยความตกใจ แต่เพียงครู่เดียวเด็กหญิงก็เผยอริมฝีปากรับรสสัมผัสที่ไกรวิทย์มอบให้เป็น ครั้งแรกในชีวิต

จิตใจผมรับรู้สัมผัสของจูบแรกระหว่างผมกับน้องรินอย่างเต็มที่ ความอบอุ่นนุ่มนวลของริมฝีปากบอบบางส่งผ่านความรักที่น้องรินมอบให้มาประทับ ในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สองแขนของรินลดาสอดเข้าโอบเอวไกรวิทย์อย่างลืมตัว ร่างบอบบางสั่นสะท้านเมื่อรับรู้ว่าลิ้นของไกรวิทย์เริ่มผ่านเข้ามาในช่อง ปากและแตะสิ้นเรียวบางราวกับจะชักชวนให้รับรสหอมหวานของการจูบพร้อมกัน ทำให้ลิ้นของเด็กหญิงเกี่ยวกระหวัดตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ไม่นานนักความเคลื่อนไหวของทั้งสองก็เริ่มเพิ่มน้ำหนักของการสัมผัส ดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่ใต้กรอบแว่นของรินลดาหลับพริ้ม ปล่อยใจให้ซึมซับการสัมผัสอย่างเต็มที่

เวลาผ่านไปราวกับไม่มีวันสิ้นสุด ก่อนที่ไกรวิทย์จะถอนจูบออกจากความหอมหวานของริมฝีปากรินลดา เด็กหญิงลืมตาขึ้นมองพี่ชายผู้กลายมาเป็นคนรักคนแรกในชีวิตอย่างเอียงอาย พวงแก้มแดงระเรื่อจากรสจูบครั้งแรก ไกรวิทย์ใช้มือจับของแว่นตาสีแดงดึงออกจากใบหน้าของเด็กหญิง เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการประสานสายตา รินลดาหลบสายตาที่จับจ้องอยู่เมื่อพบว่าประกายตาของเด็กหนุ่มที่มอบหัวใจให้ เต็มไปด้วยความรักที่แทบสัมผัสได้

ใบหน้าน่ารักที่แฝงแววเอียงอายของเด็กหญิงที่สัมผัสความรักเป็นครั้งแรก ปรากฏเต็มสายตาผม ริมฝีปากน้อยๆ สั่นระริก ดวงตาเป็นประกายสดใส มันเป็นภาพของใบหน้าที่ผมแสนรักและประทับอยู่ในความทรงจำอันปวดร้าวมาตลอด 15 ปี

“พี่เอ รังแกรินแล้วนะ..”

เด็กหญิงส่งเสียงราวกับจะตัดพ้อ แต่ในน้ำเสียงไม่ปรากฏความไม่พอใจแม้แต่น้อย ไกรวิทย์ลูบไล้วงหน้ารินลดาอย่างทะนุถนอม

“ถ้ารินไม่ชอบพี่จะไม่รังแกก็ได้นะ”

รินลดาหน้าแดงเข้ม เอื้อมมือมาหยิกต้นแขนเด็กหนุ่มอย่างงอนๆ

“พี่เอบ้า..รินอายนะ”
“งั้นพี่ต้องจูบให้หายอาย…”

ขาดคำชายหนุ่มก็ก้มลงประทับจูบครั้งที่สอง รินลดาส่งเสียงครางในลำคอ สองแขนกอดรอบคอไกรวิทย์แน่น ปล่อยอารมณ์ให้เตลิดไปกับการจูบโดยไม่ยับยัง มือของไกรวิทย์ขยับลงไปที่ชายเสื้อยืดเด็กหญิง ก่อนสอดมือเข้าสัมผัสความนุ่นเนียนของหน้าท้อง แล้วเลื่อนขึ้นไปสู่เนินอกที่ถูกปกปิดด้วยบราเนื้อฝ้ายหนาแบบเด็กนักเรียน สัมผัสของฝ่ามือที่สะดุดกับปลายยอดอกที่แข็งตัวอยู่ภายใต้เนื้อผ้า บอกให้รู้ว่าเด็กหญิงกำลังตกอยู่ภายใต้การตื่นของอารมรณ์รักเป็นครั้งแรกใน ชีวิต ร่างบอบบางในอ้อมกอดไกรวิทย์เริ่มบิดตัวราวกับจะขัดขืน แต่ก็กลับการแอ่นร่างท่อนบนขึ้นราวกับต้องการรับการสัมผัสให้มากขึ้น มือของไกรวิทย์สอดอ้อมไปยังแผ่นหลังนวลเนียน สัมผัสตะขอเล็กๆ ของบราที่ใช้เพียงสองนิ้วก็ปลดออกได้อย่างง่ายดาย มือของเด็กหนุ่มวกกลับมาสอดเข้าใต้บราที่ปราศจากแรงดึงรั้ง กุมเต้านมกระทัดรัดไว้เต็มฝ่ามือ หัวใจไกรวิทย์เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เมื่อสัมผัสกับความตึงเปรี๊ยะของเต้านมที่แทบจะไม่ยุบตามแรงมือ แต่เนียนนุ่มราวกับผ้าแพรเนื้อดี

ประสาทรับรู้ของจิตใจผมสัมผัสรับความนุ่มนวลของผิวกายเด็กหญิง อารมณ์รักของเด็กหนุ่มพลุ่งพล่านขึ้นมากระทบกับจิตผม พร้อมกับอารมณ์ตื่นตัวของผมที่เริ่มก่อตัวและหลอมรวมกับกระแสอารมณ์ของไกร วิทย์ที่ผมกักขังจิตใจผมอยู่ภายใน ผมเลิกล้มความรู้สึกที่จะต่อต้านหรือพยายามบังคับร่างกายของเด็กหนุ่มเบื้อง หน้า สัมผัสทุกด้านรับรู้เพียงความรักที่ผมและน้องรินถ่ายเทให้กันผ่านการเล้าโลม เรือนร่างงดงามของน้องริน

“อ๊าส์…พะ พี่เอ…ทำอะ อะไร..”

ใบหน้ารินลดาผงะขึ้นเมื่อรับรู้แรงเค้นคลึงที่หน้าอก หัวนมเม็ดน้อยที่แม้แต่เมื่อสัมผัสกระแสลมยามอาบน้ำก็ยังสร้างความเสียวจน แทบทนไม่ได้ บัดนี้กลับอยู่ในอุ้งมือของไกรวิทย์ และเมื่อถูกบี้คลึงอย่างอ่อนโยนจากสองนิ้ว ร่างบอบบางของเด็กหญิงก็อัดเบียดเข้ารับการสัมผัสอย่างลืมตัว ใบหน้าน่ารักที่แดงราวกับลูกท้อซุกแน่นกับหัวไหล่ ปากน้อยๆอ้ากว้าง เสียงหอบกระเส่าดังขึ้นเป็นระยะ…

เนียนเนื้อหน้าอกเต่งของน้องริน ส่งผ่านแรงสะท้อนมายังมือของไกรวิทย์ที่เคล้นคลึงมันอย่างตื่นเต้น ผมรับรู้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจิตใจที่เต้นระทึกของเด็กหนุ่ม สัมผัสได้ถึงอารมณ์ตื่นตัวทางเพศที่ทำให้ท่อนเนื้อเบื้องล่างแข็งตัวชูชัน อัดแน่นอยู่ภายในกางเกงใน

“ยะ ยะ อย่าบี้มัน..โอย..มันหวิว…พะ พี่เอ…พะ พอ พอ เถอะ…”

เหมือนกับคำขอร้องเป็นคำยุ ไกรวิทย์สอดท่อนแขนทั้งสองหมดเข้าใต้เสื้อยืด ยึดบราตัวน้อยที่ปราศจากการควบคุมของตะขอ แล้วก่อนที่รินลดาจะตั้งตัว เด็กหนุ่มก็ลากบราขึ้นพร้อมเสื้อยืดออกไปจากร่างบอบบางที่กำลังอ่อนระทวยไป กับรสสัมผัส แล้วเหวี่ยงทิ้งไปด้านข้างอย่างไม่ใยดี เสียงอุทานอย่างตกใจของรินลดาดังขึ้น ขณะที่สายตาเด็กหนุ่มเบิกโพลงกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เด็กหญิงวัย 12 เปลือยท่อนบนกระจ่างกลางแสงอาทิตย์ยามสายที่สะท้อนน้ำจากลำห้วยมากระทบเรือน ร่างบอบบางเบื้องหน้า เด็กหญิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับการจู่โจมถอดอาภรณ์ท่อนบนออกอย่างไม่ทัน ตั้งตัว สองมือพยายามยกขึ้นมาปิดป้องกันสายตา แต่มือของไกรวิทย์กลับยึดข้อมือเรียวบางนั้นไว้แน่น เด็กหญิงหลับตาด้วยความอายเมื่อรู้ว่าหน้าอกแรกผลิของวัยสาวกำลังถูกสายตา ของคนรักจับจ้องโดยปราศจากสิ่งใดขวางกั้น หน้าอกขนาดเล็กที่ขาวนวลและเต่งตึงประดับปลายยอดด้วยเม็ดมณีกะทัดรัดสีชมพู เข้ม เผยตัวต่อหน้าสายตาไกรวิทย์ ใบหน้าหวานของเด็กหญิงแดงจัดเมื่อรับรู้ว่า สายตาของเด็กหนุ่มกวาดไปทั่วเรือนกายบอบบางขาวผ่องที่ซ่อนเคยซ่อนจากสายตา ทุกคู่ แรงต่อต้านที่จะยกมือขึ้นปิดป้องค่อยๆ ลดลงจนไกรวิทย์รู้สึกได้ ว่าสาวน้อยเบื้องหน้ายินยอมที่จะให้ชายคนรักได้ชื่นชมความงามทั้งหมดอย่าง เต็มใจ ไกรวิทย์ปล่อยมือจากการกุมข้อมือเด็กหญิง เลื่อนมือขึ้นมาลูบไล้หน้าอกเต้างามเบื้องหน้าอย่างทะนุถนอม
“น้องริน สวยเหลือเกิน.. ”

‘งดงามเหลือเกินน้องรินของพี่’ สมองผมร่ำร้อง

เสียงของเด็กหนุ่มแตกพร่าเมื่อสมองซึมซับรับรู้ความงามราวกับเทพธิดาที่ ปรากฏอยู่ตรงหน้า รินลดาก้มหน้าลงด้วยความอาย แต่ไม่ยกมือขึ้นป้องกันสายตาดังที่เคยตั้งใจกระทำ
“สำหรับพี่เอ..รินเป็นของพี่เอคนเดียวเท่านั้น…รินสวยพอสำหรับพี่เอไหม ”
เสียงตอบของเด็กหนุ่ม สั่นสะท้าน
“รินของพี่สวยที่สุด พี่ไม่เคยเห็นอะไรที่งดงามไปกว่านี้แล้ว ”

‘สวยเหลือเกิน พี่คิดถึงน้องริน คิดถึงร่างกายที่งดงามของน้องรินมาตลอด’

จิตใจผมพร่ำเพ้อถ้อยคำที่ติดอยู่ในความทรงจำออกมา พร้อมกับเด็กหนุ่มที่กำลังเคล้าคลึงร่างงามเบื้องหน้าอย่างลืมตัว สัมผัสผมผสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับไกรวิทย์ในอดีต ความเคลื่อนไหวของร่างกายที่โลมไล้น้องริน แม้จะยังคงไม่สามารถบังคับได้ แต่มันก็เป็นความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องตามความต้องการของผมทุกประการ

เด็กหญิงเคลื่อนกายเข้าหาไกรวิทย์ช้าๆ เข้าสู่วงแขนที่รอรับอยู่ ไกรวิทย์ถอดเสื้อยืดออกจากศรีษะอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรับร่างของเด็กหญิงประทับกอดแน่นกับ แผ่นอกทั้งสองบดเบียดกันแน่นจนไม่มีช่องว่าง เด็กหนุ่มประทับจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึมซับความหอมหวานจากริมฝีปากรินลดาราวกับ จะไม่มีวันพอ ร่างรินลดาบิดส่ายไปมาด้วยความเสียวซ่านเมื่อทรวงอกแรกผลิถูกดทับโดยหน้าอก ของพี่ชายแสนรัก ไกรวิทย์ถอนริมฝีปากซุกหน้ากับลำคอหอมกรุ่น

“หอมเหลือเกิน น้องรินของพี่หอมเหลือเกิน ”

“หอมเหลือเกิน น้องรินของพี่หอมเหลือเกิน ” จิตใจผมพร่ำตามไกรวิทย์

ความเคลื่อนไหวของร่างกายเด็กหนุ่มที่จิตใจผมสถิตอยู่สอดคล้องกันเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ผมปล่อยจิตใจของตนเองให้รับรู้สัมผัสนวลเนียนของน้องรินอย่างเต็มที่ ความคิดที่จะบังคับร่างกายให้หลุดพ้นจากเหตุการณ์ณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังการ ร่วมรักค่อยๆ ลดลง พร้อมกับรสสัมผัสแสนนุ่มนวลของน้องรินเข้ามาแทนที่

เสียงเด็กหนุ่มพร่ำบอกข้างหู รินลดาอ้าปากกว้างอารมณ์ของเด็กหญิงถูกกระตุ้นขึ้นเป็นครั้งแรกจากรสสัมผัส ที่เด็กหญิงไม่เคยประสบมาก่อน แม้จะยังคงตื่นเต้นระคนกลัวต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่อารมณ์ที่พลุ่งขึ้นมาต่อเนื่องรุนแรง ก็กลบกลืนความรู้สึกอื่นทั้งหมด เด็กหญิงเคลื่อนไหวร่างกายรับการสัมผัสอย่างเต็มที่ ดาวงตาหลับพริ้มเพื่อซึมซับความรู้สึกทั้งหมดไว้ โดยไม่รู้สึกตัวว่ามือของไกรวิทย์กำลังเลื่อนลงต่ำไปยังขอบกางเกงขาสั้น เบื้องล่าง นิ้วของเด็กหนุ่มปลดกระดุมเม็ดใหญ่ออกอย่างงายดาย ซิบถูกเลือนลงไปจนสุดราง อย่างช้าๆ รินลดารับรู้ว่าเอวถูกแขนยกขึ้นเล็กน้อย ขอบกางเกงขาสั้นและกางเกงชั้นในถูกดึงพ้นสะโพกกลมกลึง และเลื่อนออกไปจากปลายเท้า แต่เด็กหญิงดูจะไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นถูกปลดเปลื้องออก จากร่างกายแล้ว เด็กหญิงรับรู้เพียงรสสัมผัสจากลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดในช่องปาก และการเบียดส่ายหน้าอกนวลเนียนกับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนรัก อารมณ์รักคุโพลงจนไม่รับรู้ความเคลื่อนไหวใดภายนอก ไม่รับรู้แม้กระทั่งว่าไกรวิทย์ก็ได้ถอดสิ่งปกปิดร่างกายทั้งหมดออกแล้วเช่น กัน

ส่วนหนึ่งของความคิดผมยังคงหวาดหวั่นต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังการร่วม รัก แต่ผมก็ปล่อยใจตนเองให้ยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้ผมจะต้องเผชิญความทรมาณต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด

ไกรวิทย์หัวใจเต้นระทึก มือลูบไล้ลำขาเรียวตรงที่นุ่มเนียนแต่แข็งแรง ไปมา ไล้สู่ความหยุ่นตึงของสะโพกกระทัดรัด เคล้นคลึงอย่างทะนุถนอมก่อนที่จะเลื่อนกลับมาเบื้องหน้าเพื่อสัมผัสความลับ ของเด็กหญิงวัย 12 เพียงกระทบกับเนินนูนที่ปราศจากสิ่งปกคลุมใดๆ แรงสะท้อนที่ส่งผ่านกลับมา ทำให้ ฝ่ามือค่อยๆ เกาะกุมเนินเนื้อทั้งหมด หัวใจเด็กหนุ่มเต้นถี่เมื่อรับรู้ถึงขนาดและความโค้งสูงเด่นของสิ่งที่อยู่ ใต้ฝ่ามือ นิ้วของไกรวิทย์แยกออกเลื่อนไล้แตะรอยผ่าเบาๆ และรับรู้ได้ถึงความฉ่ำเยิ้มที่หลั่งไหลออกมาจนนิ้วแทบเปียกชุ่ม เพียงเลื่นขึ้นเล็กน้อย สัมผัสที่ปลายนิ้วก็พบกับการชูชันของจุดสำคัญที่สุดบนเนินเนื้อเด็กหญิง แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็แข็งตัวจนรู้สึกได้ ประสบการณ์ทางเพศของไกรวิทย์ ทำให้เด็กหนุ่มกดนิ้วคลึงจุดสำคัญอย่างนุ่มนวล
ร่างบอบบางของรินลดาที่ล่องลอยไปกับตามอารมณ์เพศ กระตุกเฮือกทันทีที่ถูกสัมผัส เด็กหญิงถอนริมฝีปากการการจูบทันที ส่งเสียงครวญครางกระเส่า…

“พี่…พี่เอ.. ทำ..ทำไมริน…ริน ใจมันหวิว แบบนี้”
“น้องรินกำลังเสียว…ไม่ต้องกลัวนะ ปล่อยใจให้สบาย พี่เอจะทำให้น้องรินมีความสุขที่สุด ”

“น้องรินกำลังเสียว…ไม่ต้องกลัวนะ ปล่อยใจให้สบาย พี่เอจะทำให้น้องรินมีความสุขที่สุด ”

เด็กหนุ่มและผมสอดประสานจิตใจเข้าด้วยกัน คำพูดและการเคลื่อนไหวทุกประการล้วนเป็นไปพร้อมกัน ผมรู้สึกได้ถึงการผนึกความคิดเข้ากับจิตใจที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์รักของเด็ก หนุ่มวัย 15 มันค่อยๆแพร่กระจายเข้ามาผสมกับจิตใจของผม จนสามารถรับรู้ได้ถึงความคิดและความสุขที่ได้รับจากากรสัมผัสเรือนร่าง เปลือยสล้างของน้องริน

ไกรวิทย์กระซิบข้างหูเด็กหญิง ขณะที่นิ้วยังคงคลึงเคล้นเม็ดเสียวจนเจ้าของร่างบิดส่ายไปมาราวกับได้รับ ความเจ็บปวดรุนแรง แต่น้ำรักแรกสาวที่หลั่งไหลออกมาเนืองนองบอกให้รู้ว่า ร่างกายแรกสาวพร้อมที่จะรับรองรับประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตแล้ว นิ้วเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากเคล้นคลึงเป็นแทรกผ่านลงระหว่างรอยผ่า มันจมลึกลงไปถึงข้อนิ้ว สัมผัสได้ถึงความนุ่มเนียนภายในที่กำลังรอรับการมาเยือนของแก่นกายเพศชาย ร่างรินลดากระตุกเฮือกเมื่อนิ้วแทรกผ่านเข้าสู่ร่องหลืบ ความเสียวพลุ่งทะลักขึ้นสู่สมองราวน้ำพุ อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นต่อเนื่องส่งเด็กหญิงเข้าสู่จุดสุดยอดเป็นครั้งแรกใน ชีวิต

“โอ๊ย…พะ พะ พี่เอ….ริน…อ๊าวส์.. ”

ร่างเด็กหญิงวัย 12 สั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนไกรวิทย์ สะโพกกลมกะทัดรัดกระตุกเป็นระยะราวกับไฟฟ้าช๊อต ไกรวิทย์รีบพลิกร่างขึ้นเหนือร่างรินลดาถอนนิ้วออกแล้วจ่อแก่นกายกับทางเข้า สู่ภายในที่ยังคงขมิบจากการถึงจุดสุดยอด เด็กหนุ่มวางแท่งเนื้อแข็งปั๋งขนาดไปกับแนวร่องระหว่างสองแคมอวบอิ่ม ยกสะโพกขึ้นจนแท่งเนื้อจ่อกับปากทางเข้าแล้วกดแทรกผ่านลงไปช้าๆ น้ำหล่อลื่นที่ชุ่มโชกอยู่เต็มสองแคมเปิดทางให้มันแทรกตัวผ่านลงไปได้ช้าๆ ไกรวิทย์ตัดสินในเพิ่มแรงกดจนหัวบานจมลงไปมากขึ้นแต่ต้องหยุดชะงัก เพราะแม้ สองแคมจะขยายตัวรับการรุกรานอย่างเต็มที่แต่ความใหญ่โตของแท่งเนื้อเด็ก หนุ่มวัย 15 ทำให้เกินความสามารถที่จะขยายตัวรับได้หมด ไกรวิทย์รู้สึกได้ว่าสองแคมกำลังลั่นเปรี๊ยะจากแรงตึง และหากยังคงขืนกดหัวบานผ่านลงไป สองแคมจะต้องปริฉีกขาดแน่นอน

หลืบเนื้อสองแคมนุ่มนวลที่ปลายแท่งเนื้อของผมกำลังแทรกผ่าน ส่งแรงต่อต้านผลักดันมิให้มันแหวกเข้าไปสร้างความเจ็บปวด จิตใจของผมและเด็กหนุ่มผสานกันเป็นหนึ่งเดียว ความต้องการที่จะครอบครองเรือนร่างงามนี้ไว้ผลักดันให้ผมและเด็กหนุ่มเพิ่ม แรงกดมันผ่านลงไปในร่องหลืบคับแน่น แรงบีดรัดแน่นเปรี๊ยะที่โอบรอบส่วนปลายของแก่นกายพลุ่งเข้าสู่สมอง

เพียงการเริ่มต้นแทรกผ่านของไกรวิทย์ ความเจ็บปวดก็พรั่งพรูเข้าสู่สมองเด็กหญิง เบื้องล่างอวัยวะน้อยๆของเพศหญิงกำลังถูกรุกราน จากสิ่งแปลกปลอมที่กำลังแทรกตัวลงไปในร่างกาย รินลดาอ้าปากกว้าง สองแขนเกร็งแน่น เล็บจิกเข้าไปยังแผ่นหลังไกรวิทย์อย่างแรงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ

“โอ๊ย…พี่เอ..ทำอะไร รินเจ็บ..ของรินจะฉีกอยู่แล้ว…อย่า.. ”

ไกรวิทย์รีบทาบร่างลงทับร่างบอบบางที่กำลังดิ้นรนให้หลุดจากแก่นกายเบื้องล่าง ส่งเปสียงปลอบประโลม

“พี่รักน้องริน พี่ขอให้น้องรินเป็นของพี่ได้ไหม ก่อนที่จะต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แต่ถ้ารินเจ็บมนไม่ไหวพี่จะหยุดก็ได้นะ ”

“พี่รักน้องริน พี่ขอให้น้องรินเป็นของพี่ได้ไหม ก่อนที่จะต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แต่ถ้ารินเจ็บมนไม่ไหวพี่จะหยุดก็ได้นะ ”

รินลดากลั้นเสียงสะอื้น มองหน้าชายผู้ที่กำลังจะกลายเป็นสามี อย่างสงสัย ขณะที่ไกรวิทย์ก็หยุดการกดแท่งเนื้อลงไปยังความคับแน่นเบื้องล่าง แต่ยังคงคลึงเคล้นและลูบไล้ร่างกายนวลเนียนของรินลดาในส่วนที่ไวต่อความ รู้สึกอย่างต่อเนื่อง
“พี่เอหมายความว่า ที่กำลังจะให้รินเป็นเมียพี่ใช่ไหม ”
ไกรวิทย์พยักหน้ารับ ก้มหน้าลงจูบหน้าผากกลมมนอย่างนุ่มนวล
“พี่ขอโทษรินนะ พี่เห็นแก่ตัวเกินไปจนทำให้รินเจ็บ ถ้างั้นพี่จะหยุดนะ ”

“พี่ขอโทษรินนะ พี่เห็นแก่ตัวเกินไปจนทำให้รินเจ็บ ถ้างั้นพี่จะหยุดนะ ”

เด็กหญิงส่ายหน้า หางตายังมีนำตาซึมออกมาจากความเจ็บปวดที่ได้รับ สองแขนเอื้อมขึ้นมาดึงศีรษะไกรวิทย์ลงมาแนบแก้ม
“พรุ่งนี้พี่เอก็จะไปแล้ว ถ้าพี่เอต้องการริน รินก็พร้อมจะเป็นของพี่เอ แต่พี่เอต้องสัญญาว่าจะรักรินตลอดไปนะ รินจะยึดมั่นสัญญานี้ไว้รอให้พี่กลับมา ”
ไกรวิทย์เงยหน้าขึ้นสบตารินลดา ก่อนตอบอย่างหนักแน่น
“ชีวิตนี้ พี่ขอรักน้องรินตลอดไป…พี่จะไม่มีวันทำให้น้องรินเสียใจ พี่สัญญา”

“ชีวิตนี้ พี่ขอรักน้องรินตลอดไป…พี่จะไม่มีวันทำให้น้องรินเสียใจ พี่สัญญา”
ผมเปล่งคำพูดที่ในอดีตผมเคยตั้งใจมั่นออกไปพร้อมกับเด็กหนุ่ม

รินลดาซุกหน้าเข้ากับทรวงอกของผู้ที่เป็นเสมือนพี่ชาย ส่งเสียงกระซิบเบาๆ
“พี่เอเข้ามาเถอะ…รินขอรับร่างกายพี่เอเอาไว้เดี๋ยวนี้เลย ”
ไกรวิทย์พยักหน้าสูดลมหายใจลึก กดสะโพกหนักๆ จนหัวที่บานออกของแท่งเนื้อผ่านสองแคมลงไปขอบแคมที่ตึงเปรี๊ยะ ฉีกขาดจนรู้สึกได้ ร่างน้อยเบื้องล่างสะท้อนเฮือก น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ริมฝีปากบางเม้มแน่น จนไกรวิทย์ต้องหยุดการเคลื่อนไหว กระซิบถามอย่างห่วงใย..
“น้องรินทนไหวไหม ..จะให้พี่หยุดหรือเปล่า”

“น้องรินทนไหวไหม ..จะให้พี่หยุดหรือเปล่า”

รินลดาสั่นหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ส่งเสียงรอดริมฝีปากที่ขบแน่นออกมาแผ่วเบา

“อย่าหยุดพี่เอ รินทนได้ พี่เอเข้ามา รินจะขอเป็นเมียพี่เอให้ได้วันนี้ ”

ประสบการณ์ทางเพศของไกรวิทย์แม้จะมีไม่มากนัก แต่เด็กหนุ่มก็รู้โดยสัญชาติญานว่า ร่องหลืบที่แสน บริสุทธิ์ของรินลดายังไม่พร้อมที่จะรองรับการร่วมเพศอย่างเต็มที่ ไกรวิทย์โหยงตัวขึ้น เพื่อเคลื่อนศีรษะมายังทรวงอกแรกผลิ ซุกแนบกับความเต่งตึง ปากเด็กหนุ่มไซร้ไปที่ยอดอกที่กำลังชูชันเลียไล้เม็ดสีชมพูน่ารักไปมา พร้อมกับขบฟันเบาๆ ร่างเด็กหญิงเริ่มบิดส่ายกับรสสัมผัสที่แปลกประหลาด แขนขวาพยายามผลักศรีษะเด็กหนุ่มให้ออกจากหน้าอกเต่ง แต่แขนซ้ายกับกดแนบแน่นยิ่งขึ้น ร่างนวลเนียนแอ่นขึ้นรับการดุนดันของลิ้นอย่างลืมตัว

“พี่เอ..พี่เอ..ทำอะไร อย่าดูด..ริน สะ เสียว.. ”

แทนที่ไกรวิทย์จะหยุดตามคำขอร้อง เด็กหนุ่มกลับเร่งเพิ่มแรงดูดนวลเนื้อหน้าอกให้มากขึ้น จนปลายยอดแข็งจัวราวกับก้อนกรวดเม็ดน้อย มืออีกข้างของเด็กหนุ่มเพิ่มการโจมตีหัวนมอีกข้าง สองนิ้งบี้คลึงไปมา จนร่างงามสั่นระริก บิดส่ายไปมาอย่างทุรนทุราย

“ริน ริน ไม่ไหวแล้วพี่เอ ริน ริน ช่วยรินด้วย ”

สองแขนเด็กหญิงไขว่คว้าร่างกายไกรวิทย์ สะโพกน้อยๆ ส่ายเป็นวงอย่างลืมตัว ยิ่งเพิ่มการสัมผัสของท่อนลำกับเม็เสียวเบื้องล่าง ไกรวิทย์รู้สึกถุงการเคลื่อนไหวของแท่งเนื้อที่เพิ่มขึ้นจากการบิดว่ายสะโพก และน้ำรักที่เริ่มเอ่อซึมออกมาอีกครั้ง แก่นกายขนาด 5 นิ้วเริ่มจมลงไปอย่างช้าๆ จนกระทบกับปราการสุดท้ายของพรหมจารีย์รินลดา ไกรวิทย์ขยับสะโพกขึ้นลงช้าๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคย จนสะโพกรินลดาเริ่มแอ่นตัวตามการกระเด้าสั้นๆ เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนตัดสินใจกดอาวุธคู่กายฉีกผ่านเยื่อพรหมจรรย์ ลงไปฝังตัวมิดอยู่ในความรัดรึงฟิตแน่นของเด็กหญิงวัย 12 รินลดาอ้าปากกว้าง ใบหน้าเด็กหญิงบ่งถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ไกรวิทย์รีบประกบปากปิดกั้นเสียงร้องเอาไว้แน่น แท่งเนื้อฝังตัวมิดอยู่ในการตอดรัดที่คับแน่นเกินกว่าหญิงใดที่เคยไกรวิทย์ เคยมีประสบการณ์มาก่อน มันเสียวจนแทบกลั้นการทะลักทะลายไม่ได้ เด็กหนุ่มตระหนักในทันทีว่าบัดนี้เด็กหญิงเพื่อนเล่นที่เคยเป็นเสมือนน้อง สาวแท้ ได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นภรรยาของตนเองโดยสมบูรณ์แล้ว
ไกรวิทย์ฝังแท่งเนื้อเอาไว้โดยไม่เคลื่อนไหว ก้มหน้าลงกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูรินลดา

“น้องริน เป็นเมียพี่แล้วนะ ”

“น้องริน เป็นเมียพี่แล้วนะ ”
สัมผัสของเยื่อบอบบางที่ขาดสะบั้น กลีบเนื้อภายในที่เกร็งตัวบีบรัดลำลึงค์ผมแน่นสนิท ส่งผ่านความสุขล้นปรี่และความเสียวสุดยอดเข้ามาในจิตใจผมและเด็กหนุ่ม ดวงหน้าอ่อนเยาว์ของรินลดาปรากฏอยู่เบื้องหน้า เป็นใบหน้าของเด็กสาวที่รับรู้ถึงความสัมพันธ์สูงสุดของมนุษย์เป็นครั้งแรก ประกายตามที่ฉาบด้วยน้ำตาเอ่อคลอเต็มไปด้วยความรัก จิตใจของผมผสานเข้ากับเด็กหนุ่มอย่างเต็มที่ จนหลงเหลือแต่เพียง “เรา” ที่กำลังร่วมรักอยู่

รินลดาลืมตาขึ้น ดวงตาที่ยังมีน้ำตาเอ่อล้น พยายามยิ้มให้ผู้เป็นสามี

“มันเข้าไปหมดหรือยังพี่เอ… ”

“เรา” พยักหน้ารับ รินลดาส่งเสียงแผ่วเบา

“นี่เสร็จแล้วหรือพี่เอ รินยังรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับยังไปไม่ถึงที่หมายเลย ”

“เรา” หัวเราะเบาๆ

“ยังหรอกน้องริน แต่ต่อจากนี้ไปจะมีแต่ความสุขแล้วล่ะ ”

ท่อนล่างของ “เรา” เริ่มขยับขึ้นแล้วกดลงช้าๆ รินลดาสูดปาดเบาๆเมื่อรอบฉีกขาดขาดของเนินเนื้อเบื้องล่างถูกเสียดสี ขณะที่ “เรา” เริ่มเพิ่มระยะทางกระเด้ามาขึ้นทีละน้อย ความคุ้นเคยกับการสัมผัสเริ่มเกิดขึ้นกับเด็กหญิง แล้วเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านทีละน้อย ก่อตัวขึ้นจนเริ่มกลบความเจ็บปวด เม็ดเสียวเบื้องล่างถูกเสียดสีต่อเนื่อง ร่างเด็กหญิงเริ่มบิดว่ายไปมา สะโพกแอ่นตัวขึ้นลงตามการกระเด้า

“พี่เอ..พี่เอ…เร็วอีกนิด รินเป็นอะไรไม่รู้ มันจี๊ดไปหมดแล้ว.. ”

“น้องรินกำลังเสียว …ของน้องรินเยี่ยมที่สุดเลย ทั้งตอดทั้งดูด ”

“เรา” ตอบด้วยเสียงหอบกระเส่า ร่องหลืบภายในของรินลดาบีบรัดแท่งเนื้อราวกับจะบดขยี้ให้สายตัวไป ความเสียวก่อตัวมารวมกันที่ปลายแท่งเนื้ออย่างรวดเร็ว

รินลดารู้สึกเหมือนพลุที่กำลังไต่ขึ้นสู่ท้องฟ้า แก่นกายของ“เรา” เพิ่มความเร็วจนกลายเป็นความเคลื่อนไหวถี่ยิบ เสียงเนินนูนกระทบกับเนินหัวเหน่าดังเป็นจังหวะ พร้อมเสียงเสียดสีของกลีบเนื้อกับท่อนลำ ความเจ็บปวดจางหายไปจากประสาทรับรู้ ความเสียวที่คล้ายกับการถึงสุดยอดด้วยนิ้วเมื่อครู่เริ่มก่อตัวขึ้น ด้วยความรุนแรงกว่าเป็นสิบเท่า ร่างเด็กหญิงสั่นสะท้านทั่วร่าง กล้ามเนื้อทุกส่วนสั่นระริก

“พี่เอ…อ๊าวส์…ริน…มัน..โอ๊วส์.. ”

พร้อมกับที่รินลดาไต่ขึ้นสู่จุดสุดยอดอย่างสมบูรณ์ ความเสียวที่ปลายแท่งเนื้อ “เรา” ก็ระเบิดออกน้ำรักขาวขุ่นพรั่งพรูเข้าสู่โพรงมดลูกที่ตอดรับถี่ยิบอย่าง รุนแรง

“ริน…พี่ก็…อาวววว ”

ความเสียวซ่านพุ่งออกมาเป็นระลอก “เรา” สูดหายใจลึกเพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่อึดใจหลังจากหลั่งน้ำรัก กองคำจะเข้ามาทางเบื้องหลังและทำร้ายที่ศีรษะผมจนหัวใจหยุดเต้น และน้องรินจะต้องตกเป็นเหยื่อการข่มขืนอย่างทารุณ แต่ขณะที่น้ำรักกำลังฉีดเข้าไปในมดลูกน้องรินที่กำลังตอดขมิบรับถี่ยิบนั้น “เรา” รับรู้ถึงการเคลื่อนของปราณผสานกับน้ำรักเข้าไปร่างกายน้องรินและเริ่มหมุน โคจรตามแนวทางของปราณคชสีห์ ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับทิพย์วารี และน้องพิม ในความทรงจำของอนาคต จิตใจของ “เรา” ถูกส่งผ่านตามกระแสปราณเข้าสู่จิตใจน้องริน ซึมรับความรู้สึกประสบการณ์ทั้งมวลของเด็กหญิง พร้อมถ่ายทอดความทรงจำของ “เรา” เข้าสู่จิตสำนึกของน้องริน

ดวงตาน้องรินเบิกกว้าง เมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังก่อรูปขึ้นในจิตใจ และกระแสปราณที่ถ่ายเทเข้าสู่ร่าง แววตาน้องรินสั่นระริก …

“ พี่เอ…อะ อะไร…ทำไม…”

ปราณคชสีห์วนเวียนในร่างน้องรินอย่างรวดเร็วและผ่านกลับเข้าสู่ร่างกาย พร้อมกับความรู้สึกรับรู้ที่กลับเข้ามาในร่างอีกครั้ง แต่มันกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวไม่มีการแบ่งแยกอีกต่อไป สภาพของ “เรา” ไม่ปรากฏอีก มีแต่ “ผม” ที่หลอมรวมจิตใจของเด็กหนุ่มวัย 15 เข้ากับชายหนุ่มวัย 35 อย่างสมบูรณ์ ร่างกายที่เคยเคลื่อนไหวไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยที่ไม่สามารถบังคับได้ กลับมาอยู่ในความควบคุมของผม หัวใจผมเต้นระทึกถี่ยิบเมื่อรับรู้ว่าผมสามารถหนีรอดการควบคุมของอดีตได้และ อาจสามารถป้องกันเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ดวงตาผมจับจ้องใบหน้าน้องรินที่เริ่มทอแววหวาดกลัว ทำให้ผมรู้ในทันทีว่าน้องรินรับรู้แล้วว่าสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้นจากความจำ ของผมที่ถ่ายทอดออกไป ปราณในร่างกายผมโคจรอย่างเร่งร้อนจนผมสัมผัสได้ถึงร่างหนึ่งที่กำลังเคลื่อน ตัวเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว ผมน่ใจอย่างที่สุดว่านั่นคือร่างของกองคำที่กำลังฉกฉวยโอกาสที่ปราณคชสีห์ หยุดการหมุนเวียน เข้าทำร้ายผมกับน้องริน

“พี่เอของริน…รินรักพี่เอเหลือเกิน ”

เสียงน้องรินดังขึ้น ราวกับเป็นการเปล่งเสียงจากความทรงจำในอดีต ผมสูดลมหายใจลึกโคจรปราณในร่างกาย สองมือกอดร่างน้องรินแนบแน่น ก่อนเปล่งประโยคสุดท้ายซึ่งผมเคยพูดกับน้องรินออกไป

“พี่ก็รักรินที่สุด รินเป็นเมียพี่แล้ว พี่จะดูแลรินตลอดไป ”

กระแสอากาศแยกตัวอย่างรุนแรง ขณะที่ผมยึดร่างน้องรินพลิกตัวออกไปทางด้านข้าง เสียงวัตถุหนักๆ กระทบพื้นเสื่อพร้อมกับเสียงอุทานด้วยความแปลกใจตามมา ผมถอนแก่นกายออกจากร่างเปลือยของน้องรินเพื่อลุกขึ้นเผชิญหน้ากับกองคำศัตรู คู่อาฆาต แต่ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้ผมต้องเซถลาด้วยความตกใจ พร้อมกับเสียงอุทานลั่นของน้องริน

“น้าแม้น…..”

—————————-

ร่างชายที่ยืนทะมึนเผชิญหน้าผมมีสีหน้างุนงงเมื่อเห็นว่าผมสามารถหลบการทำ ร้ายได้ ใบหน้านั้นเงยขึ้นจับจ้องผมตรงๆ ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นใบหน้าของ จ.ส.ต.แม้นวงศ์ ผู้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ผมมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่แทนที่จะเป็นใบหน้าที่เปี่ยมความปราณีและห่วงใยดังที่ผมเห็นมาตั้งแต่จำ ความได้ มันกลับเป็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น ดวงตาที่จับจ้องผมอยู่เปล่งประกายสีทองเจิดจ้าราวกับมีการเปล่งแสงออกมาจาก ตัวเอง ร่างกายของ จ.ส.ต.แม้นวงศ์ เปลือยเปล่า แต่แทนที่จะเป็นร่างกายของชายวัยกลางคนที่ค่อนข้างผอมเกร็งตามคุณลักษณะ ของอดีตตำรวจตะเวนชายแดน มันกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำยำทุกสัดส่วน กล้ามเนื้อทุกส่วนเปล่งประกายสีทองจางๆ เช่นเดียวกับดวงตา อวัยวะเพศขนาดไม่ต่ำกว่า 1 ฟุตตระหง่านเป็นลำทะมึนมาด้านหน้า แต่มันกลับเป็นสีดำสนิท เต็มไปด้วยปุ่มปมเส้นเลือดพันกันจนดูราวกับเป็นรากไม้ขนาดใหญ่.. แม้ร่างนี้จะเป็นร่างของน้าแม้นที่ผมรู้จักดีอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกระตุ้นสัญชาติญาณของผมให้ตระหนักว่า นี่ไม่ใช่น้าแม้นที่ผมรู้จักอย่างแน่นอน

“ปราณคชสีห์ไม่หลับใหล เจ้าทำได้อย่างไร”

“มึงคือกองคำใช่หรือไม่ และมึงแทรกจิตมาอยู่ในร่างน้าแม้นได้อย่างไร”

ผมคำรามถามผู้ที่สถิตในร่างน้าแม้น โดยไม่ตอบคำถาม เสียงแผ่วต่ำแต่ก้องกังวานต่างจากน้าแม้นและคำถามถึงปราณประจำกาย ทำให้ผมแน่ใจทันทีว่าร่างที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าไม่ใช่ผู้ที่ผมรู้จักคุ้น เคย ผมขยับร่างให้อยู่ในท่วงท่าพร้อมต่อสู้ ปราณคชสีห์วนเวียนไปตามเส้นเลือดทุกจุด ขณะที่กระแสอบอุ่นของปราณจักรวาลก็แผ่กระจายไปทั่วผิวกาย ทำให้ผมสับสนไปชั่วครู่เมื่อระลึกได้ว่าผมกำลังมีชีวิตอยู่ในอดีตกาล และเป็นช่วงที่ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดปราณจักรวาลจากแก้วคำ การคงอยู่ของปราณจักรวาลในร่างของเด็กหนุ่มวัย 15 จึงเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับมิติเวลาอย่างยิ่ง แต่มันก็ส่งผลให้ปราณคชสีห์ที่ควรจะหยุดโคจรหลังการร่วมรักกลับมาสู่ภาวะ ปกติได้ทันเวลา จนผมสามารถรอดพ้นจากการทำร้ายของร่างเบื้องหน้า

“กองคำคือใคร ข้าไม่รู้จัก และไม่จำเป็นต้องรู้จัก เจ้ารับรู้แต่เพียงว่าวันนี้เจ้าทั้งสองจะต้องตายตามบัญชาของนายท่านเท่า นั้นก็พอ..”

วงแขนเรียวบางของน้องรินกอดผมไว้ด้านหลัง ส่งเสียงสั่นๆ ด้วยความหวาดกลัว

“พี่เอ..นั่นน้าแม้นไม่ใช่หรือ”

ผมดันร่างน้องรินให้พ้นจากรัศมีร่างกาย ขณะที่สายตายังคงจับจ้องกับศัตรูที่เผชิญหน้า

“น้องรินหลบไปก่อน..นี่ไม่ใช่น้าแม้น แต่มีใครหรืออะไรบางอย่างเข้าสิงสู่อยู่”

น้องรินขยับหลบไปทางด้านหลัง ขณะที่ผมเคลื่อนกายไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อรักษาสมดุลร่างกายให้พร้อมรับการโจมตี

“ใครคือนายท่าน..ทำไมต้องทำร้ายเราทั้งสอง”

ผมถามพร้อมผนึกกระแสปราณมารวมที่แขนทั้งสองข้าง

“ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องรู้ ในเมื่อเจ้าหลบพ้นจากอาวุธ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะหลบพ้นจากปราณหรือไม่”

ร่างที่เคยเป็นน้าแม้นทิ้งแท่งเหล็กกลมที่อยู่ในมือขวาลงกับพื้น ทั่งร่างเริ่มเปล่งประกายเรืองสว่างขึ้น ร่างกำยำลอยตัวขึ้นเหนือพื้นอย่างช้าๆ จนหยุดที่ความสูง 1 ฟุต ประกายสีทองทั่วร่างไหลเป็นสายราวกับหมอกมารวมตัวที่สองมือจนเกิดเป็นกลุ่ม แสงสีทองเรืองรอง หัวใจผมเต้นระรัวพร้อมความหนาวเยือกในใจ เมื่อนึกขึ้นได้ถึงคำพูดของพ่อครูคำแปงในอดีตเมื่อผมถามถึงอำนาจของปราณรูป แบบต่างๆ

‘ศิษย์ข้า…ปราณในโลกหล้าแบ่งเป็นสองกระแส คือกระแสแห่งแสงสว่าง และกระแสแห่งความมืด แม้จะแบ่งแยกจากวิธีการฝึกและรูปแบบที่ส่งผลสะท้อนต่อจิต แต่จุดหมายสุดท้ายของปราณล้วนมุ่งไปยังปราณสูงสุดในโลก คือปราณสุญญตา อันเป็นปราณที่ปราศจากการแบ่งแยก มีเพียงความว่างเปล่าที่คำรงอยู่ชั่วกาล’

‘ถ้าเช่นนั้นปราณสุญญตาก็คือปราณที่มีอำนาจทำลายสูงสุดใช่ไหมพ่อครู’

‘ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ปราณสุญญตากลับเป็นปราณที่ไม่มีพลังทำลายสิ่งใด แม้แต่ใบหญ้าสักใบก้ไม่เกิดผลกระทบ’

‘ถ้าเช่นนั้นจะป้องกันตนเองจากศัตรูได้อย่างไรพ่อครู’

‘ไม่มีผู้ใดทำร้ายผู้ทรงปราณสุญญตาได้ เพราะไม่มีผู้ใดสามารถบังเกิดจิตคิดทำร้าย แม้แต่ศัตรูคู่อาฆาตทแต่บรุพกาล เมื่อมาพบผู้ทรงปราณสุญญตาก็ไม่สามารถเกิดความเกลียดชังได้..เมือ่ไม่เกิด ความเกลียดชัง สภาพศัตรูก็ไม่เกิด เมื่อไม่เกิดสภาพศัตรู การต่อสู้ทั้งหมดก็ไม่จำเป็น..’

‘ถ้าเช่นนั้นปราณใดที่มีอำนาจการทำลายสูงสุดล่ะพ่อครู’

‘นั่นคือปราณในตำนานที่สาบสูญจากการถ่ายทอดไปนับร้อยปี เป็นปราณที่ปราศจากผู้ต้านทาน มีอำนาจทำลายทุกสิ่งที่สัมผัส ชื่อของมันคือปราณพิทักษ์เทพ’

‘ทำไมถึงสาบสูญไปล่ะพ่อครู’

‘เพราะปราณนี้จะใช้ได้ครั้งเดียวในชีวิต มันเป็นปราณที่มีกำเนิดจากอาณาจักรเจนละ ที่กษัตริย์จะสั่งให้องครักษ์ผู้ไว้วางใจฝึกปราณนี้แก่บุตรของพวกเขาตั้งแต่ แรกเกิด กว่าปราณจะเข้มแข็งก็ต้องใช้เวลา 20 ปี และเมื่อกษัตริย์ต้องการกำจัดศัตรู ก็จะให้ผู้ทรงปราณถอดจิตออกจากร่างเพื่อควบคุมญาติมิตรใกล้ชิดของศัตรู แล้วรวมปราณทั้งหมดกำจัดศัตรูในคราวเดียว ผู้ถูกจิตปราณพิทักษ์เทพควบคุมจะมีพลังเพิ่มขึ้นมหาศาล พลังทั้งหมดจะกระจายออกเป็นละอองสีทองทั่วร่าง สามารถต่อต้านฟ้าดิน เคลื่อนไหวไปในอากาศ มีอำนาจการทำลายที่ไร้ผู้ต้านทาน แม้จะคงอยู่ได้เพียง 1 ชั่วยาม แต่ก็เกินพอสำหรับกำจัดศัตรู หลังจากนั้นจิตจะถอนออกกลับมาสู่ร่างเดิม แต่คนผู้นั้นจะไม่มีพลังปราณอีกต่อไป กลับเป็นเพียงผู้พิการที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตลอดชีวิต `ด้วยเหตุนี้หลังจากกษัตริย์แห่งเจนละเสื่อมอำนาจ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าฝึกปราณนี้อีก’

‘แล้วผู้ที่ถูกควบคุมจะเป็นอย่างไรหลังจากจิตแห่งปราณถอนออกไปล่ะพ่อครู’

‘คนผู้นั้นจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง และต้องทนทุกข์กับการทำร้ายผู้ที่ตนรัก เป็นความทุกข์ที่ไม่สามารถลบเลือนได้ และไม่สามารถบอกใครได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง เพราะอำนาจในการควบคุมยังคงค้างอยู่ในร่างตลอดไป’

‘ แล้วปราณพิทักษ์เทพมีวิธีใดเอาชนะหรือไม่พ่อครู’

‘นอกจากผู้ทรงปราณสุญญตาแล้ว ไม่มีสิ่งใดต่อต้านจิตแห่งปราณพิทักษ์เทพได้’

“ปราณพิทักษ์เทพ”

คำบอกเล่าของพ่อครูคำแปงที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำ ทำให้ผมต้องร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ศัตรูเบื้องหน้าที่กำลังลอยตัวพร้อมโจมตี ชะงักร่างอยู่กลางอากาศ เมื่อได้คำพุดที่ผมกล่าว ใบหน้าโหดเหี้ยมแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น..

“สมแล้วที่เป็นทายาทของปราณมารคชสีห์ รู้จักปราณพิทักษ์เทพ เห็นแก่ความรู้เจ้าเราจะให้เจ้าและสตรีนางนี้ได้ตายโดยได้รับความทรมานจาก อำนาจปราณอย่างเต็มที่..”

สองมือที่เปล่งประกายสีทองถูกยกขึ้นประกบที่กลางหน้าอก ประกายสีทองรวมตัวเป็นลูกกลมสีทองเจิดจ้าจนแทบไม่สามารถจับตามองได้ แล้วผลักเข้าใส่ผมทันที

กระแสความร้อนราวขุมนรกพุ่งตรงเข้าใส่ ขณะที่ผมกระจายปราณไปทั่งร่างพลิกตัวหลบวูบลงกลิ้งกับพื้น ทำให้ดวงแสงผ่านร่างไปอย่างเฉียดฉิว มันพุ่งตรงข้ามลำห้วยไปยังหน้าผาเบื้องหน้า และระเบิดด้วยเสียงกัมปนาทเมื่อกระทบแผ่นกินหน้าผา สายตาผมเหลือบไปเห็นช่องว่างขนาดใหญ่กว่า 1 เมตรปราฏผนผนังผาท่ามกลางฝุ่นคละคลุ้งจากการระเบิด และเสียงกรีดร้องของน้องริน

“พี่เอ…ระวังตัวด้วย ”
“น้องริน หลบเข้าไปที่บ้านเล็กเร็วเข้า”

ผมรีบส่งเสียงบอกให้น้องรินออกห่างบริเวณต่อสู้ อานุภาพของปราณพิทักษ์เทพที่รุนแรงเหนือความคาดคิด ทำให้ผมต้องหาทางให้น้องรินพ้นอันตรายให้เร็วที่สุด ผมพลิกร่างขึ้นเผชิญหน้ากับผู้ทรงปราณเบื้อหน้า ที่กำลังปรากฏอะอองสีทองคลุมมือทั้งสองข้างอีกครั้ง ใบหน้านั้นยิ้มอย่างสมเพชเมื่อเห็นผมกระโจนเข้าหาพร้อมหมัดที่รวมปราณทั่ว ร่างเอาไว้

…….เปรี๊ยะ……

เสียงลั่นราวฟ้าผ่าดังขึ้นเมื่อปราณผมใกล้กระทบกับร่างศัตรู แต่แทนที่มันจะกระแทกจุดหมาย ปราณคชสีห์ของผมกลับระเบิดออกเมื่อยังอยู่ห่างจากร่างนั้นเกือบ 3 นิ้ว ละอองสีทองเข้มข้นขึ้นที่จุดกระทบ และกระจายกลับไปยังจุดเดิม

“ในเมื่อเจ้ารู้จักปราณพิทักษ์เทพ เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าไม่มีพลังปราณใดผ่านเกราะพลังของปราณได้ แม่แต่กระสุนปืนก็ตาม”

เสียงเย้ยหยันดังขึ้น พร้อมกับมือที่ปกคลุมด้วยละอองสีทองถูกยกขึ้นอีกครั้ง แต่แทนที่จะรวมไว้ที่อกเช่นที่เคยทำ มือทั้งสองกลับสลัดออกส่งกระแสพลังสองสายพุ่งวาบมาตรงหน้า ด้านซ้ายผมคือต้นรังใหญ่ที่ไม่สามารถหลบไปได้ ขณะที่ปราณสองสายนั้นสายหนึ่งพุ่งตรงมา แต่อีกสายหนึ่งสกัดทางเลี่ยงด้านซ้ายเอาไว้ ทางเดียวที่จะทำได้คือต้องปะทะกับพลังปราณสายใดสายหนึ่งอย่างไม่สามารถหลีก เลี่ยง ผมตัดสินใจผนึกพลังปราณคชสีห์ทั้งหมดขึ้นที่ฝ่ามือ ปราณจักรวาลที่ปกคลุมร่างเคลื่อนวาบมารวมตัวที่จุดเดียวกัน ผมกระแทกหมัดเข้าปะทะกระแสปราณพิทักษ์เทพอย่างเต็มกำลัง

…….เปรี้ยง……..

แรงปะทะส่งร่างผมปลิวกระดอนออกมากว่า 5 เมตร และเมื่อตกลงกับพื้นแล้วยังไถลต่อไปอีกช่วงใหญ่ สองแขนปวดแปลบราวกับกระดูกจะแยกออกจากกัน … แต่ผมต้องรีบดีดกายลุกขึ้นทันทีเมื่อพบว่าร่างของศัตรูกำลังลอยเข้ามาใกล้ อย่างรวดเร็ว กระแสปราณสีทองพุ่งออกจากนิ้วเป็นสายทำให้ผมต้องกระโดดหลบเลี่ยงโดยไม่ สามารถตั้งตัวตอบโต้ได้ ผมเคลื่อนร่างวนหนีไปทางต้นรังใหญ่อย่างรวดเร็วเพื่อใช้เป็นที่กำบัง ขณะที่กระแสปราณจากนิ้วพุ่งเสียบลำต้นรังถี่ยิบจนเกิดควันคลุ้งจากการเผา ไหม้ฟุ้งกระจาย บอกให้รู้ถึงความร้อนที่บรรจุอยู่ในกระแสปราณที่สามารถทำลายร่างกายมนุษย์ ได้อย่างง่ายดาย ผมอาศัยช่องว่างการโจมตีจากการหลบหลังต้นไม้เคลื่อนร่างรอบลำต้น ผนึกปราณที่เท้าเพื่อเตะก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นพุ่งตรงไปยังศีรษะศัตรู แต่เพียงก้อนหินเข้าใกล้ร่างมันก็กระดอนออกมาราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นผลัก ออก ผมสูดหายใจลึกพยายามตั้งสติรับมือกับปราณที่แม้กระทั้งพ่อครูคำแปงก็บอกว่า ไม่มีทางต่อสู้ได้

ร่างที่เคยเป็นของน้าแม้นถอยห่างออกจากลำต้นรังไปหยุดนิ่งอยู่ที่ลานหิน กว้าง ละอองสีทองที่ปกคลุมอยู่อ่อนจางลงเล็กน้อย กริยาของมันทำให้ผมรู้ว่าเป็นการรวบรวมปราณอีกครั้งหลังจากปลดปล่อยปราณ มหาศาลโจมตีผมเมื่อครู่ ใบหน้าศัตรูยังคงความเกี้ยวกราดขณะส่งเสียงคำรามก้อง

“ปราณคชสีห์รับพลังสลายสังขารได้อย่างไร…เจ้าฝึกปรือปราณใดกันแน่”

ผมนึกถึงการผนึกปราณรับการโจมตีตรงๆ ที่ผ่านมา ที่แม้จะมีปราณจักรวาลช่วยเสริมป้องกัน แต่ก็แทบทำให้กระดูกทุกชิ้นในร่างผมแตกกระจายเมื่อสัมผัสพลังมหาศาลที่กระทบ เข้ามา แต่เสียงที่แฝงแววกังวลใจของศัตรูเบื้องหน้า ทำให้ผมเชื่อว่าผมอาจสามารถยืดระยะเวลาการต่อสู้ออกไปถึงหนึ่งชั่วยาม ซึ่งเป็นขีดจำกัดของการคงจิตแห่งปราณพิทักษ์เทพไว้ในร่างที่ใช้โจมตี

“ปราณพิทักษ์เทพ ไม่เห็นจะร้ายกาจสมคำร่ำลือเลย ”

ผมใช้กระแสเสียงเยาะเย้ยเพื่อกระตุ้นความโกรธของศัตรู

“ปราณมารที่ต่ำต้อย บังอาจดูหมิ่นเรา…จงรับนี่ไว้”

สิ้นเสียงคำรามด้วยความโกรธ ละอองหมอกสีทองก็กระจายออกตรงมาหาผมราวกับสายน้ำ มันเข้าครอบคลุมอากาศรอบตัวผมไว้ในทันที ลมหายใจผมติดขัดราวกับอากาศรอบด้านถูกสูบออกทั้งหมด ผมดีดตัวเพื่อออกจากรัศมีของประกายสีทอง แต่กลับปะทะกระแสพลังรุนแรงจนกระดอนกลับมาที่เดิม

“ ป่วยการหนี เจ้าติดอยู่ในพลังกักอสูรแล้ว จงรับความตายอย่างสงบเถอะ”

ประกายเรืองที่สองมือผู้ทรงปราณพิทักษ์เทพเรืองขึ้นเจิดจ้า แล้วประกบกันที่ทรวงอกจนเกิดเป็นลูกกลมแสงอีกครั้ง ผมล้มเลิกความตั้งใจหลบหนี เพื่อเตรียมผนึกปราณทั่วร่างปะทะพลังซึ่งแม้แต่หน้าผาหินยังถูกทะลวงแตก กระจาย ทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีทางต้านทานได้..

“พี่เอ หนีไปเร็ว……. ”
“ น้องรินอย่า…. ”

เสียงร้องของน้องรินดังขึ้น ขณะที่ร่างเปลือยบอบบางกระโดดโถมเข้ากอดร่างผู้ทรงปราณพิทักษ์เทพทางด้าน หลัง ผมโถมเข้าหาร่างศัตรูอย่างลืมตัวเพราะรู้ดีว่าน้องรินจะต้องถูกเกราะพลัง ปราณคุ้มครองร่างกระแทกออกมาอย่างแน่นอน แต่ภาพที่ปรากฏขณะที่ผมโถมร่างเข้าใส่กลับทำให้ผมต้องอ้าปากค้างด้วยความ ตกใจ

ลูกกลมพลังที่ก่อตัวขึ้นหดตัววูบในทันที ร่างของน้าแม้นที่ถูกควบคุมอยู่บิดส่ายไปมาราวกับได้รับความเจ็บปวดสาหัส ขณะที่ร่างเปลือยของน้องรินขี่อยู่กลางหลังและกอดรัดรศัตรูไว้แนบแน่น ละอองสีทองที่กักผมไว้สูญสลายไปในทันที หมัดที่บรรจุพลังปราณคชสีห์เปี่ยมล้นกระแทกเข้ากลางทรวงอกผู้ทรงปราณพิทักษ์ เทพโดยไม่มีเกราะพลังป้องกัน ผมรู้สึกถึงกระดูกซี่โครงหักจากพลังหมัด ร่างศัตรูสะบัดรุนแรงด้วยความเจ็บปวดจนร่างน้องรินกระเด็นออกจากกลางหลัง ตกลงกับพื้น ผมรีบโถมร่างเข้าบังน้องรินไว้ขณะที่สายตายังคงจับจ้องศัตรูเบื้องหน้า..แต่ ผมต้องสะท้านไปทั้งร่างเมื่อพบว่าสายตาของมันไม่ได้จับจ้องที่ผม หากแต่มุ่งตรงไปยังร่างน้องรินที่อยู่เบื้องหลัง

“อุทกมาร…อุทกมาร…ที่แท้เจ้าคือ….อ๊ากส์”

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแผดก้อง ละอองสีทองกระจายออกจากร่างเบื้องหน้าราวกับสายน้ำ และเมื่อมันกระทบอากาศก็แตกตัวเป็นละอองที่เล็กลงทุกขณะจนในที่สุดก็กระจาย หายไป คงทิ้งไว้แต่ร่าง จ.ส.ต.แม้นวงศ์ ที่นอนฟุบอยู่บนพื้น

“น้องริน…ไม่เป็นไรใช่ไหม”

ผมหันไปดึงร่างเปลือยน้องรินขึ้นมากอดไว้แนบแน่น น้องรินรัดร่างผมไว้ขณะที่ร่างกายสั่นระริก

“พี่เอ เกิดอะไรขึ้น”
“พี่ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทุกอย่างน่าจะยุติแล้ว มันออกไปจากร่างน้าแม้นแล้ว”

ร่างน้าแม้นที่ฟุบอยู่หดตัวลงจนกลายเป็นร่างผอมเกร็งของบุคคลที่ดูแลผมมาโดย ตลอด ผมประคองร่างเปลือยน้องรินให้ลุกขึ้นยืน ก่อนตรงมาที่ร่างอดีตตำรวจตะเวนชายแดน ทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงของแสดงให้รู้ว่าน้าแม้นยังคงมีชีวิตอยู่ ผมช้อนร่างน้าแม้นขึ้นในวงแขนแล้วอุ้มตรงไปที่รถ โดยมีน้องรินก้าวตามมา

“ พี่เอจะพาน้าแม้นไปไหน”

ผมวางร่างน้าแม้นลงที่เบาะหลัง ก่อนหันกายมาดึงร่างเปลือยของน้องรินมากอด

“`น้องรินไปแต่งตัวก่อน เดี๋ยวเราต้องไปหาคนๆ เดียวที่สามารถให้คำตอบสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น…”
“ใครกันพี่เอ..”
“พ่อครูคำแปง”

——————————-

ร่างชายชราวัยใกล้ 90 แต่ยังคงดูเหมือนมีอายุเพียง 60 เศษของพ่อครูคำแปง ก้มหน้าอยู่กับตั่งที่ถูกปกคลุมไว้ด้วยกองสมุดข่อยโบราณไว้เต็ม ดวงตาจ้องเขม็งไปยังข้อความที่บันทึกไว้เป็นอักษรโบราณที่แม้แต่นักโบราณคดี ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถแปลความหมายได้ ฝุ่นละอองที่คละคลุ้งออกมาจากกองสมุด ทำเอาผมและน้องรินที่นั่งอยู่ด้านข้างคันจมูกจนต้องจามออกมาเป็นระยะ แต่ดูเหมือนชายชราจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนใดๆ ที่เกิดขึ้น สมาธิทั้งหมดเพ่งอยู่กับเนื้อหาและความหมายของข้อความตรงหน้าเท่านั้น ด้านหลังของพ่อครูคำแปง มีร่างที่ไร้สติของน้าแม้นนอนเหยียดยาวอยู่ หน้าอกที่สะท้อนขึ้นลงเบาๆ เป็นสัญญานของชีวิตที่ยังคงอยู่ แต่แม้พ่อครูจะพยายามกระตุ้นอย่างไรก็ไม่สามารถปลุกน้าแม้นขึ้นมาสอบถาม ข้อมูลได้

น้องรินนั่งกอดแขนผมไว้แน่น หน้าอกเต่งตึงเบียดจนแทบเป็นเนื้อเดียวกับร่างกายผม แต่ดูเหมือนว่าเราทั้งสองไม่ได้คิดถึงเรื่องการสัมผัสแต่อย่างใดเพราะปม ปัญหาของสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงค้างคาอยู่ในจิตใจ ซึ่งแม้แต่พ่อครูคำแปงเมื่อได้ฟังผมเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่บ้านเล็ก พ่อครูที่นับได้ว่าเป็นผู้รู้เรื่องปราณดีที่สุดก็ยังต้องตกตะลึง และพยายามค้นหาข้อมูลจากตำราที่สะสมตกทอดมานับร้อยปีของตระกูลคชสีห์

“พี่เอ…รินสับสนไปหมดแล้ว”

เสียงน้องรินกระซิบถามผมเบาๆ เพื่อไม่ให้รบกวนพ่อครูคำแปง

“เรื่องอะไรหรือน้องริน”

“ความจำของพี่เอที่ถ่ายเข้ามาให้ริน มันแปลกมาก พี่เอจำว่ารินตายไปแล้ว แต่ทำไมรินถึงอยู่ที่นี่กับพี่เอ แล้วที่พี่เอเล่าเรื่องที่พี่เอฆ่าคนชื่อกองคำและหนีไปกรุงเทพ 15 ปี รินรับรู้ความจำทั้งหมด รินรู้ว่าพี่เอมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงชื่อทิพย์วารี และพิมพ์มาดา แต่ทำไมรินไม่เคยรู้จักคนชื่อกองคำเลย”

ผมหันไปสบตาน้องรินด้วยความแปลกใจ

“กองคำ ก็พี่ชายของแก้วคำ นักเรียน ม.ศ.2 ที่โรงเรียนเราไง รินยังเคยบอกพี่เลยว่า กองคำนี่น่าเสียดาย หน้าตาดีๆ ดันเป็นคนบ้าเดินแก้ผ้ากลางตลาด”

น้องรินส่ายหน้าไปมาด้วยแววตาสับสน

“ โรงเรียนเราไม่มีคนชื่อแก้วคำนี่พี่เอ…และรินก็ไม่เคยรู้จักคนชื่อกองคำด้วย”

แววตาน้องรินที่บอกถึงความมั่นใจในความทรงจำของตนเอง ทำให้ผมงุนงงไปกับความผิดเพี้ยนของความจำที่ผมมีอยู่ แต่ก่อนที่ผมจะซักถามน้องรินเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่าง เสียงสมุดตกลงจากตั่งมายังพื้นก็ปลุกให้ผมหันกลับมายังพ่อครูคำแปง และต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าดวงตาพ่อครูเบิกค้างจ้องมาที่น้องรินอย่างไม่ เชื่อสายตาตัวเอง

“พี่ครู…พ่อครู..มีอะไรหรือ”

ผมกรากเข้าไปยังตั่งเพื่อปลุกพ่อครูขึ้นจากอาการตกตะลึง ชายชราสะดุ้งตัวและหันมาสบตาผม แล้วชี้เอื้อมมือไปหยิบสมุดโบราณที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมากางไว้ที่เดิม พร้อมชี้มือไปยังภาพๆ หนึ่ง..ผมกวาดสายตามองตามพบว่ามันเป็นภาพวาดโครงร่างสตรีเปลือยเปล่ายืนอยู่ เป็นภาพวาดที่ใช้ลายเส้นที่ชำนาญจนดูราวกับมีชีวิต หน้าอกตูมตั้งของภาพหญิงสาวถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์จนแทบจะได้ยินเสียง หัวใจเต้นอยู่ภายใน แต่ระหว่างช่วงขาอวบงามที่ควรเป็นอวัยวะเพศหญิงกลับมีภาพวาดดวงหน้าอสรูกาย ดุร้ายแทนที่ ด้านข้างของภาพสตรีเปลือยมีภาพกลุ่มเทพยดาคุกเข่าทำความเคารพอยู่ด้านขวา และกลุ่มอสูรกายหมอบกราบกรานอยู่ด้านซ้าย

“ภาพอะไรน่ะพ่อครู ”

ผมถามด้วยความสงสัย ขณะที่น้องรินก็เบียดเข้ามาร่วมดูทางด้านข้าง

“อุทกอสูร….ข้าไม่เคยติดเลยว่ามันเป็นความจริง”

พ่อครูคำแปงเอ่ยคำที่ร่างผู้ทรงปราณพิทักษ์เทพร้องออกมาก่อนสูญสลายออกมา ก่อนหน้านี้ขณะที่ผมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น พ่อครูถึงกับตกตะลึงเมื่อรับรู้ว่ามีผู้ใช้ปราณพิทักษ์เทพทำร้ายผมกับน้อง ริน แต่เมื่อได้ยินคำ อุทกอสูร พ่อครูกลับมีสีหน้าหวาดหวั่นกลัวและสั่งให้ผมกับน้องรินนั่งรอ และหันกลับไปรื้อสมุดโบราณออกมาค้นหา..

“อะไรคืออุทกอสูรคะ พ่อครู”

น้องรินถามอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าพ่อครูคำแปงยังคงตกอยู่ในอาการตะลึงงัน เสียงของน้องรนินทำให้พ่อครูเบือนสายตามาจับจ้องใบหน้าน้องรินเขม็ง ก่อนเอ่ยถาม

“นังหนูริน ตอบข้ามาตามจริง เอ็งกับเจ้าเอเย็ดกันก่อนถูกไอ้แม้นโจมตีใช่ไหม”

น้องรินหน้าแดงก้มหน้าวูบ ผมรีบคว้ามือน้อยๆ ขึ้นมากุมไว้ แล้วตอบแทน

“ก่อนหน้าถูกโจมตี เราเพิ่งเป็นผัวเมียกันน่ะ ..พ่อครู”
“แล้วนังหนูรินมันบริสุทธิ์อยู่ใช่ไหม”

ผมพยักหน้ารับแทนคำตอบ ขณะที่น้องรินก้มหน้านิ่ง สองแก้มแดงจัดด้วยความอาย

“ที่แท้…ที่แท้เจ้าคือ…. ”

พ่อครูคำแปงครางออกมา… เคลื่อนร่างออกจากท่านั่งมายังน้องริน และก่อนที่ผมจะทันเข้าใจพ่อครูก็ฟุบร่างลงกับเท้าน้องริน ส่งเสียงสั่นเครือด้วยความปิติ

“ข้าไม่เสียชาติเกิด…มารดาเทพอสูรกำเนิดแล้ว… คำแปงขอถวายหน้าที่รับใช้”
“ พ่อครู.. ”
“ ว๊าย…พ่อครู…ทำอะไร….ลุกขึ้นนะ”

เสียงผมกับน้องรินร้องอุทานออกมาพร้อมกัน น้องรินรีบถลาเข้าไปเพื่อพยุงร่างพ่อครูคำแปงขึ้น แต่ชายชรากลับถอยร่างหนีไปทางเบื้องหลัง

“ท่านหญิงอย่าสัมผัสข้า ข้าเป็นเพียงทาสรับใช้ ไม่สมควรให้ท่านหญิงสัมผัส”

น้องรินหันมาสบตาผมอย่างงุนงง ผมรีบบอกพ่อครูคำแปง

“ พ่อครูลุกขึ้นเถอะ บอกผมหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ”
“ ต่อจากนี้ไปห้ามทั้งสองท่านเรียกข้าเป็นพ่อครูอีก…ข้าเป็นเพียงทาสรับใช้ ถ้าทั้งสองท่านอนุญาตให้ข้าบอกเล่าข้าก็จะบอก ขอแต่เพียงให้ท่านรับข้าไว้เป็นทาสรับใช้เท่านั้น”

ผมถอนใจ หันไปสบตาน้องรินอย่างจนปัญญา

“ตกลง พ่อครูท่านลุกขึ้นเล่าให้เราฟังเถอะ ”
“อย่าเรียกข้าว่าพ่อครูอีก ”..
“ก็ได้ ท่านลุกขึ้นเถอะ แล้วเล่าให้เราฟัง..บอกเราเถอะว่าอุทกอสูรคืออะไร”

พ่อครูคำแปงเงยหน้าขึ้นสบตาผมและน้องริน และเริ่มเล่าด้วยเสียงแผ่วเบา

“นับแต่โลกนี้ก่อเกิด ปราณแห่งจักรวาลก็แบ่งออกเป็นสองสาย สายหนึ่งคือปราณแห่งแสงสว่าง อีกสายหนึ่งคือปราณแห่งความมืด การหักล้างของพลังปราณทั้งสองก่อเกิดสรรพชีวิตขึ้นในจักรวาล ทุกชีวิตต่างมีปราณทั้งสองเป็นรากฐานโดยไม่แบ่งแยกเป็นดีชั่ว ไม่แบ่งแยกเป็นเทพเป็นอสูร ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา สรรพชีวิตดำรงอยู่อย่างสมดุล แต่เมื่อเกิดชีวิตที่มุ่งครอบครองเหนือผู้อื่น ความสมดุลของปราณก็ถูกแบ่งออกเป็นสองด้าน ก่อเกิดการกำหนดดีชั่ว ก่อเกิดการกำหนดแบ่งแยกตัวตน ก่อเกิดการแบ่งฝ่ายเป็นเทพและอสูร ต่างฝ่ายต่างมุ่งทำลายล้างกันและกัน จนทำให้ความสมดุลแห่งจักรวาลสูญสิ้น สรรพชีวิตกระจายไปทั่วจักรวาล ต่อสู้เพื่อทำลายอีกฝ่าย สร้างนิยามแห่งความดีความชั่วมาแบ่งกั้น จนในที่สุดทุกชีวิตก็ตกอยู่ในความควบคุมของปราณใดปราณหนึ่ง ไม่มีความสมดุลอีกต่อไป”

ผมหันไปสบตาน้องรินด้วยความงุนงงกับสิ่งที่พ่อครูคำแปงกำลังบอกเล่า แต่ดูเหมือนชายชราจะไม่รับรู้และยังคงส่งเสียงแผ่วเบาอย่างต่อเนื่อง

“ในโลกแห่งนี้ ปราณแห่งแสงสว่างและความมืดต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอำนาจในการปกครองควบคุม ชีวิตให้ดำเนินไปในแนวทางของตนเอง จนปราณที่ควรเป็นพลังชีวิตกลับถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้เป็นปราณเพื่อการทำลาย ล้าง แตกกระจายออกเป็นวิชาปราณต่างๆ ตกทอดมาถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังคงแยกเป็นปราณหลักสองสายเช่นที่เคยเป็นมา เวลาผ่านไปความเจริญทางวัตถุเริ่มสูงขึ้น วิถีชีวิตของมนุษย์เริ่มให้ความสำคัญจนวัตถุ จนปราณที่เคยโคจรอยู่ในร่างกายของมนุษย์ทุกคน กลับกลายเป็นเพียงธาตุหล่อเลี้ยงชีวิตสามัญที่ไม่มีผู้ให้ความสนใจอีกต่อไป แต่นั่นมิได้หมายความว่าการต่อสู้ยุติลงแล้ว หากแต่ยังคงดำเนินไปภายใต้วิถีของมนุษย์อีกกลุ่มที่ยังคงรักษาปราณเอาไว้ ด้วยการสนับสนุนของเทพเจ้าทั้งสองสายที่ใช้มนุษย์เป็นเครื่องตัดสินว่าฝ่าย ใดจะครอบครองสากลจักรวาลนี้”

“แล้วอุทกมารคืออะไรล่ะ ท่านคำแปง”

ผมพยายามตัดบทเพื่อให้พ่อครูคำแปงยุติการพรรณณาข้อความที่ผมไม่สามารถเข้าใจได้ ชายชราหันมาสบตาผม ก่อนตอบคำถาม..

“อุทกมารคือสิ่งศักสิทธิ์ที่สุดของปราณฝ่ายมืด เท่าเทียมกับอุทกเทพของปราณแห่งแสงสว่าง มันจะเกิดขึ้นทุกๆ 1,000 ปี เมื่อเทพเจ้าทั้งสองฝ่ายตัดสินใจที่จะใช้มนุษย์ผู้ครองปราณทำสงครามตัดสิน ชะตาของมนุษย์ ปราณกำเนิดของทั้งสองสายจะถูกส่งมายังสตรีผู้จะทำหน้าที่ให้กำเนิดทายาทแห่ง แสงสว่างและความมืด ปราณแรกกำเนิดของสตรีจะไม่เกิดขึ้นจนกว่านางจะบรรลุถึงความเป็นหญิงโดย สมบูรณ์ด้วยการร่วมสัมพันธ์กับชายผู้ทรงปราณ โลหิตแห่งเยื่อพรหมจรรย์ของสตรีนางนั้นคืออุทกมารและอุทกเทพ การก่อเกิดของอำนาจปราณกำเนิดมีอำนาจเหนือปราณตรงข้ามทุกชนิด แม้จะเป็นปราณที่ไร้ผู้ต่อต้านเช่นปราณพิทักษ์เทพที่พวกท่านพบมาก็ตาม ตามที่พวกท่านเล่ามาท่านหญิงรินได้กระโดดขึ้นขี่หลังของเจ้าแม้นที่ถูกครอบ งำโดยปราศจากแรงสะท้อนของเกราะเทพ ก็เพราะโลหิตพรหมจรรย์ที่เป็นอุทกมารของท่านหญิงทำลายกระแสปราณทั้งหมด และทำให้จิตแห่งปราณพิทักษ์เทพแตกสลาย”

น้องรินหน้าแดงจัดเมื่อพ่อครูคำแปงบรรยายที่มาของอุทกมาร ขณะที่ผมต้องหันไปจับจ้องร่างน้องรินผู้เป็นภรรยาของผมอย่างงุนงง

“น้องรินคือมารดาเทพอสูรหรือ พ่อครู.. เอ๊ย.. ท่านคำแปง”

ชายชราพยักหน้า..แววตาเป็นประกาย

“อุทกอสูรคือข้อพิสูจน์ ไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีกแล้ว และท่านก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ข้าอีกต่อไป แต่ท่านคือเทพผู้สร้าง ที่จะต้องร่วมกับมารดาเทพอสูรก่อเกิดผู้ที่จะเป็นตัวแทนปราณฝ่ายมืดต่อสู้ กับปราณแห่งแสงสว่าง”

“แต่ปราณคชสีห์ของผม ไม่ใช่ปราณฝ่ายมืดนี่นา ท่านคำแปง”

ชายชราสั่นศีรษะ

“ท่านเข้าใจผิด… ปราณคชสีห์ถูกถือเป็นปราณฝ่ายมืดมาตั้งแต่เริ่มกำเนิดจากการผสานของปราณ คชสารที่เป็นปราณแห่งแสงสว่าง กับปราณสีหราชของฝ่ายมืดเมื่อ 500 ปีก่อน ท่านคำพันแม่ทัพแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ต่อสู้ศึกกับทัพของท่านหญิงซอเกอนีแห่งอาณาจักรจาม โดยไม่สามารถแพ้ชนะกันได้ ทั้งสองจึงได้ตกลงที่จะต้อสู่กันตัวต่อตัวบนยอดเขาคีรีมาส แต่ในที่สุดทั้งคู่กลับหลงรักอีกฝ่ายหนึ่งและร่วมสัมพันธ์รักในคืนนั้น โดยไม่รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วทั้งสองคือพี่น้องฝาแฝดที่ถูกแยกจากกัน ตั้งแต่เกิด ด้วยความเชื่อของชาวจามที่จะต้องฆ่าฝาแฝดทิ้งคนหนึ่งเพื่อถวายภูติผี แต่ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้สังหารท่านคำพันกลับทิ้งร่างทารกไว้ในป่า จนพรานป่าชาวอโยธยาเก็บท่านไปเลี้ยงและเติบโตมาเป็นแม่ทัพแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อผู้เป็นสายเลือดร่วมสัมพันธ์กันทำให้ปราณคชสารและปราณสีหราชรวมตัวกัน โดยบังเอิญก่อเกิดปราณคชสีห์ที่รวมปมเด่นของปราณทั้งสองเอาไว้”

“แล้วทำไมปราณคชสีห์จึงถือเป็นปราณฝ่ายมืดล่ะท่านคำแปง ในเมือครึ่งหนึ่งเป้นปราณแห่งแสงสว่าง”

น้องรินเอ่ยปากถามขึ้นบ้าง หลังจากนั่งฟังอย่างตั้งใจ

“นั่นเป็นเพราะปราณคชสีห์ไม่สามารถฝึกปรือได้ ต้องเกิดจากสายเลือด ทำให้การถ่ายทอดปราณคชสีห์ต้องทำผ่านสายโลหิตเดียวกัน และต้องผ่านการร่วมรักเท่านั้น ทำให้ผู้สืบทอดปราณคชสีห์ล้วนเป็นผุ้ที่เกิดในสายเลือดบริสุทธิ์เดียวกันสืบ มาตั้งแต่ท่านคำพันและท่านหญิงซอเกอนี การร่วมเพศของพี่น้องทำให้ปราณคชสีห์ถูกผู้ทรงปราณฝ่ายแสงสว่างประณามเป็น ปราณฝ่ายมืด แต่ในขณะเดียวกันผู้ทรงปราณฝ่ายมืดก็ไม่ยอมรับปราณคชสีห์ ทำให้ในที่สุดตระกูลคชสีห์ต้องแตกกระจายไปหลบซ่อนอยู่ในเขตรกร้างของ อาณาจักรจามมาจนปัจจุบัน”

พ่อครูคำแปงอธิบายอย่างตั้งใจ แต่คำอธิบายนั้นกลับกระตุ้นความสงสัยของผมอย่างรุนแรง

“ถ้าหากปราณคชสีห์ถ่ายทอดทางสายเลือดผ่านการร่วมรักของพี่น้อง แล้วปราณคชสีห์ของผมมาจากไหนล่ะท่านคำแปง ในเมื่อคุณพ่อกับคุณแม่…หรือว่า…”

ผมตะลึงไปกับความคิดที่ไม่กล้านึกถึง พ่อครูคำแปงพยักหน้ารับ

“ท่านไกรวิทย์รู้แล้ว… ท่านพ่อและท่านแม่ของท่านคือพี่น้องกัน ”

ผมหลับตาแน่นเมื่อได้รับรู้ความลับของครอบครัว มือเย็นเฉียบของน้องรินเอื้อมมากุมมือผมไว้แน่น ความทรงจำผมระลึกไปถึงใบหน้าของคุณพ่อและคุณแม่ที่คล้ายกันราวฝาแฝด ความเมตตาปราณีที่ผมได้รับอย่างอบอุ่นมาตั้งแต่วัยเยาว์ ปรากฏขึ้นเป็นภาพต่อเนื่องในสมอง ในที่สุดผมก็สามารถระงับสติลงได้ และทำใจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น

“ไม่ว่าพี่เอจะเป็นใคร รินก็จะรักพี่เอคนเดียว”

เสียงน้องรินกระซิบข้างหูผม ขณะที่ร่างน้อยเข้ากอดผมไว้แน่น ผมลืมตาขึ้นหันไปยิ้มให้น้องริน

“ไม่เป็นไรหรอกน้องริน พี่รับทุกสิ่งได้ คุณพ่อคุณแม่เป็นพี่น้องกันจะเป็นอะไรไป ในเมื่อท่านทั้งสองรักกันอย่างไม่เสื่อมคลายแบบนี้ …แต่… ”

ผมหันขวับไปหาพ่อครูคำแปงด้วยความสงสัย

“ถ้าเช่นนั้นทำไมปราณคชสีห์จึงถ่ายทอดสู่น้องรินได้ล่ะ ในเมือน้องรินไม่ได้เป็นสายเลือดของตระกูลคชสีห์”

พ่อครูคำแปงยิ้มรับคำถามของผม

“ทีแรกข้าเองก็ไม่เข้าใจเมื่อท่านเอ เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง และได้ตรวจชีพจรท่านหญิงรินพบว่ามีปราณคชสีห์โคจรในร่าง แต่เมื่อข้าส่งปราณเข้าไปตรวจอย่างละเอียดก็พบปราณอีกสายหนึ่งที่ข้าไม่ รู้จักควบคุมปราณคชสีห์อยู่..แต่ไม่ว่ามันจะเป็นปราณอะไรมันก็ไม่ก่อผลเสีย ใดๆ ต่อปราณคชสีห์ และกลับทำให้ปราณคชสีห์สามารถถ่ายทอดสู่บุคคลนอกตระกูลได้เป็นครั้งแรก ข้าจึงดีใจที่ต่อไปนี้ปราณคชสีห์จะแพร่กระจายออกไป ไม่ต้องจำกัดหลบซ่อนตัวเองในเงามืดอีกแล้ว และท่านเอ .. ท่านคือผู้ที่ต้องทำหน้าที่ถ่ายทอดปราณนี้ต่อสตรี เพื่อให้นางกำเนิดบุตรธิดาที่มีปราณคชสีห์ในสายเลือดต่อไป”

“แต่…ท่าน..คำแปง ผมมีน้องรินเป็นภรรยาอยู่แล้ว ”

ผมตะกุกตะกักตอบ ขณะที่น้องรินหยิกผมอย่างแรง ส่งเสียงพึมพำ

“ ปราณอะไรกันต้องร่วมเพศกับผู้หญิงอื่นด้วยหรือเนี่ย…ปราณลามก พี่เอดีใจล่ะสิ”

ใบหน้าน้องรินแสดงอาการของเด็กหญิงที่หวงผุ้เป็นที่รัก จนลืมนึกถึงปัญาหาที่รุมล้อมไปชั่วครู่ ผมรีบดึงร่างน้อยเข้ามากอดไว้

“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่จะมีน้องรินคนเดียวเท่านั้น”

ผมปลอบเบาๆ แต่พ่อครูคำแปงกลับส่งเสียงขัด

“ท่านหญิงริน ข้าขอร้อง ท่านเอคือผู้เดียวที่สามารถรักษาปราณคชสีห์เอาไว้ ท่านหญิงโปรดอนุญาตให้ท่านเอถ่ายทอดปราณให้สตรีอื่นด้วยเถิด ”
น้องรินหน้าแดง หันไปมองพ่อครูคำแปง ก่อนซุกหน้าลงกับอกผมส่งเสียงอย่างแง่งอน

“ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าพี่เอจะถ่ายทอดปราณให้ใคร รินต้องรับรู้และอนุญาตก่อน”

“ครับท่านหญิง ”

ผมตอบรับอย่างล้อๆ ทำให้น้องรินหัวเราะออกมา บรรยากาศที่เคร่งเครียดเริ่มคลายตัวลง

น้องรินหันไปมองร่างของ จ.ส.ต.แม้นวงศ์ที่ยังไม่สติ ก่อนถามด้วยความเป็นห่วง

“พี่เอ นี่จะบ่ายสามแล้ว น้าแม้นยังไม่ฟื้นเลย ทำไงดีล่ะ…..”
“บ่ายสามโมง..”

ผมอุทานออกมา คำพูดของน้องรินทำให้ผมระลึกได้ถึงความทรงจำที่ผ่านมา

“พี่เอเป็นอะไร….”

ผมผุดลุกขึ้นยืนทันที..

“น้องริน พ่อครู ไปกับผมเดี๋ยวนี้ เราต้องรีบแล้ว”

พ่อครูคำแปงลุกขึ้นในทันทีหันกายไปคว้าย่ามประจำตัวโดยไม่ไต่ถามอะไรทั้งสิ้น ขณะที่น้องรินที่ถูกผมฉุดร่างให้ลุกขึ้นถามด้วยความสงสัย

“ไปไหน..พี่เอ ”

ผมตอบสั้นๆ ก่อนดึงร่างน้องรินให้ตามมาที่รถ

“น้องกิฟท์ ”

Related

Prev
Next

Comments for chapter "The Paradox บทที่ 2.1 วัฏฏะ"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved