ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

แค่นิยาย - ตอนที่ 15 Attacks

  1. Home
  2. แค่นิยาย
  3. ตอนที่ 15 Attacks
Prev
Next

“แฟรงค์กินส์ๆ !” เวโรนิก้าร้องดังลั่นทันทีที่กลับมาถึงบริษัท และเมื่อเจอหน้าเจ้าแวมไพร์ตัวนั้นเธอก็ส่งร่างชายหนุ่มให้มันทันที พร้อมกับเอ่ยถามถึงงานที่สั่ง “เครื่องข้ามมิติที่ข้าสั่งให้เปิดชาร์ทพลังงานถึงไหนแล้ว”

“ตอนนี้ชาร์ทถึง 36% แล้วครับ อีกไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็จะครบ 100% ถึงตอนนั้นเราก็เดินเครื่องทำงานได้แล้ว”

“1 ชั่วโมง ก็ยังดี อ๊ะ อุ๊ยยยยยยยย” แต่แล้วขณะที่กำลังสนทนาเวโรนิก้าก็ต้องเผลอครางออกมาเบาๆ

“ท่านเวโรนิก้าเป็นอะไรเหรอครับ” เจ้าแวมไพร์แฟรงค์กินส์เห็นเข้าก็อดเอ่ยถามไม่ได้

แต่เวโรนิก้าก็หันมาทำหน้าดุใส่แทนคำตอบ เพราะอาการที่เกิดขึ้นมันก็เกิดจากเวทย์โลกนิมิตแดนฝันของเธอนั่นแหละ จิตในโลกแห่งความฝันกับความจริงมันจะเชื่อมถึงกัน โดนเย็ดในความฝันก็จะพลอยรู้สึกโดนเย็ดในโลกความจริงไปด้วย ดังนั้นเธอในตอนนี้ก็รู้สึกราวกับว่ามีท่อนควยขนาด 8 นิ้วกำลังซอยเข้าออกในร่องสวาทของเธออย่างรุนแรง แต่ยังดีหน่อยที่จิตมันเชื่อมถึงกันแค่เป็นช่วงๆ ไม่งั้นเธอคงกลับมาถึงบริษัทไม่ไหวแน่

แวมไพร์สาวสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อพยามสงบอารมณ์ ก่อนที่เธอจะหันไปสั่งงานกับแวมไพร์คู่ใจ

“แฟรงค์กินส์ ………… เรียกระดมพลแวมไพร์ทั้งหมดกลับมาที่บริษัท แล้วให้เปิดระบบพร้อมรบเต็มรูปแบบ อีกไม่นานเราจะมีแขกชุดใหญ่มาเยี่ยม”

.
.
.
.
.

ณ ถนนร้างห่างออกไป ที่ที่พึ่งผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือดเมื่อ ตอนนี้ฝุ่นควันที่เกิดจากแรงระเบิดได้เบาบางลงไปแล้ว เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวที่มีลำแสงสีขาวกางปกคลุมทั่วร่าง นับเธอโชคดีไม่น้อยเพราะชั่วขณะที่เจ้าแวมไพร์มาโฮนมัวแต่ตกตะลึงเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกจุดระเบิด จนไม่ได้โจมตีเธอต่อ ทำให้เปิดโอกาสในเธอกางลำแสงเป็นบาเรีย เธอจึงรอดจากแรงระเบิดได้อย่างหวุดหวิด ส่วนเจ้าพาลาดินที่อยู่ห่างออกไป เกาะที่หุ้มกายมันอยู่ก็ปกป้องแรงระเบิดได้หมดเช่นกัน เรียกได้ว่าระเบิดเมื่อครู่ไม่สามารถทำอันตรายพวกเขาทั้งสองได้เลย แต่ว่า … ก็ทำให้พวกเขาคลาดจากนางแวมไพร์ไปจนได้

“อาร์ตตตตตตต !!” วิเวียนร้องลั่นอย่างร้อนใจ ว่าแล้วเธอก็ใช้เวทย์เชื่อมจิตติดต่อชายหนุ่มทันที แต่ก็ไม่ได้ผล ชายหนุ่มโดนสะกดให้หลับอยู่จึงไม่สามารถติดต่อได้ ครั้นจะแกะรอยตามไป นางแวมไพร์นั่นก็ไม่เหลือร่องรอยอะไรทิ้งไว้อีก ดูท่าเธอคงจะหาเขาไม่เจอแล้ว

“ใจเย็นน่าน้องสาว” สโตนเฮดปลดเกราะที่สวมอยู่ออกจนหมด ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างใจเย็น ทำเอาพรีสสาวต้องแปลกใจกับท่าทีของเขา เพราะการที่นายอาร์ตโดนแวมไพร์จับตัวได้แบบนี้ จริงๆแล้วเจ้าพาลาดินก็ควรจะเดือดร้อนไม่แพ้เธอ

“ที่ที่มันจะพาตัวเจ้าหนุ่มนั่นไปมีอยู่ที่เดียว ก็คือรังใหญ่ของมันที่นี่ที่มันเรียกว่าบริษัท สถานที่ตั้งของมันพวกข้าสืบมาเรียบร้อยแล้ว อีกเดี๋ยวเราก็ค่อยไปลุยมันด้วยกัน” เจ้าพาลาดินพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง

“จะรอทำไม เรารีบไปตอนนี้เลยสิ” วิเวียนเอ่ยอย่างร้อนใจ

“ใจเย็น ลุยกันแค่สองคนมันเหงา” สโตนเฮดเอ่ยเสร็จก่อนจะปรายตามองมาที่พรีสสาวเล็กน้อย “ข้าพึ่งชี้พิกัดตรงนี้ไป เดี๋ยวอีกสักพักกำลังเสริมก็จะมาแล้ว”

“กำลังเสริม?”

“นั่นไง …. มาแล้ว !!” สโตนเฮดร้องลั่นก่อนจะชี้มือขึ้นท้องฟ้า พริบตานั้นก็มีดวงไฟสีฟ้าสว่างแว๊บขึ้นมา 3 ดวง ก่อนจะพุ่งตกลงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ และทันทีที่กระทบพื้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นติดต่อกัน 3 ครั้ง ตูม ! ตูม ! ตูม !

และเมื่อสิ้นเสียงระเบิด ก็มีเงาของชาย 3 คนยืนอยู่กลางกลุ่มควัน ชาย 3 คนที่มีพลังมาน่ามหาศาลไม่แพ้สโตนเฮด ชายที่เป็นเจ้าของโคดเนมพาลาดินอีก 3 ธาตุ

ไซโคลนแห่งลม

ไอซ์เอจแห่งน้ำ

โวลต์แห่งสายฟ้า

.
.
.
.
.

“เร็วๆเข้าโว้ยยยยยย !!” เสียงตะโกนของเหล่าแวมไพร์ดังลั่นอื้ออึงไปหมด เหล่าแวมไพร์ชั้นนักรบจากทุกสาทิศต่างมารวมตัวกันหลังจากได้รับคำสั่งระดมพล จนตอนนี้ลานกว้างบริเวณชั้นล่างแน่นขนัดไปหมด แวมไพร์เหล่านี้โดนแบ่งออกตามธาตุประจำตัว แล้วแบ่งไปยืนในตำแหน่งตามที่ระบุค่ายกลพิชัยยุทธ์แห่งเวทย์ เพื่อใช้ประโยชน์ในหลักแพ้ทาง เสริมแรงให้เวทย์มนต์แต่ละสายมีอานุภาพการโจมตีรุนแรงยิ่งขึ้น

ที่ชั้นบนสุดของอาคาร แวมไพร์แฟรงค์กินส์ยืนมองสถานการณ์อย่างพึงพอใจ ตอนนี้กำลังพลที่ประจำอยู่ทั่วทุกสารทิศโดนเรียกระดมพลมาหมดแล้ว แถมการจัดวางกำลังก็กำลังเป็นรูปเป็นร่าง เพียงพอที่จะต้านผู้บุกรุกไม่ว่าหน้าไหน ในขณะที่เครื่องข้ามมิติก็ชาร์ตกำลังไปที่ 69 % จนเครื่องข้ามมิติที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกระจกบานใหญ่ เปล่งแสงสีฟ้าเรืองรอง เป็นสัญญาณว่าใกล้เวลาที่เครื่องจะพร้อมทำงานเข้าไปทุกขณะ

“ท่านเวโรนิก้า ตอนนี้ทุกอย่างใกล้พร้อมเต็มที่แล้วครับ” เจ้าแวมไพร์แฟรงค์กินส์ รายงานความคืบหน้าต่อแวมไพร์สาวทันที เนื่องจากตอนนี้เธอเป็นผุ้นำสูงสุดของบริษัทแห่งนี้ไปแล้ว

“อืม” เวโรนิก้ารับคำเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปสายตาไปจับจ้องชายหนุ่มที่หลับสนิทบนเตียง ที่ตั้งตระง่านบนด้านหน้าเครื่องข้ามมิติ ชายหนุ่มที่ตอนแรกโดนมนต์สะกดให้ต้องร่วมรักกับแวมไพร์สาวในความฝัน แต่หลังจากผ่านภาวะนั้นไปแล้ว ชายหนุ่มก็จะรับสนิทราวกับเจ้าชายนิทรา เป็นโอกาสในแวมไพร์สาวได้พินิจชายหนุ่มในระยะใกล้

‘หน้าตาใช้ได้ แถมลีลาดีแบบนี้นี่เอง นังพรีสนั่นถึงทั้งรักทั้งหลง ยอมเสี่ยงตายขนาดนี้’ เวโรนิก้ารำพึงเบาๆก่อนจะเอามือลูบไล้ไปตามผิวหน้าของชายหนุ่ม

แต่ชั่วขณะนั้นเอง !! เธอก็สัมผัสได้ถึงกลุ่มพลังมาน่าแปลกปลอม 5 กลุ่ม ที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเธอไปไม่น้อย เพราะเธอไม่คิดว่าพวกของวิเวียน จะมีกำลังเข้ามาเสริมได้เร็วขนาดนี้

“พวกมันมาแล้ว !!!” แวมไพร์สาวประกาศก้อง เป็นสัญญาณส่งไปถึงเหล่าแวมไพร์เบื้องล่างให้เตรียมตัวรับมือที่ แต่ไม่ทันที่เหล่าแวมไพร์จะพร้อมรบ เสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้นเบื้องหน้า

ตูมมมมมมมมมมมมมมมมม !!

สิ้นเสียงระเบิด หอกลำแสงด้ามหนึ่งก็พุ่งทะลวงด้านหน้า หอกลำแสงนี้เป็นเวทย์มนต์ระดับเลเวล 6 ไม่มีทางเลยที่เหล่าแวมไพร์จะต้านทานไว้ได้ มิหนำซ้ำ ธาตุแสงก็เป็นธาตุที่เป็นปฏิปักษ์โดยตรงของเหล่าแวมไพร์ ทำให้เจ้าแวมไพร์ที่โดนหอกลำแสงนี้ รวมไปถึงแวมไพร์บริเวณใกล้เคียงสูญสลายกลายเป็นละอองขี้เถ้าฟุ้งกระจาย และทันทีละอองขี้เถ้าจางลง หญิงสาวผมสีเงินแวววาวก็ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้ว

“ลำแสงสะเก็ดดาว ….. จ่อก่อร่างเป็นหอก” หญิงสาวรวมพลังแล้วร่ายเวทย์ทันที แสงในมือของเธอสว่างวาบก่อนจะรวมร่างเป็นหอกลำแสงทั้งข้าง ทันทีที่ร่ายเวทย์เสร็จแล้วหญิงสาวก็ร้องลั่นก่อนจะซัดหอกลำแสงในมือเข้าใส่ฝูงแวมไพร์ตรงหน้าทันที จนเสียงระเบิดดังสนั่น หญิงสาวเธอไม่หยุดแค่นั้น เธอร่ายเวทย์และซัดหอกออกไปอย่างต่อเนื่อง แค่พริบตาเดียว เหล่าแวมไพร์ก็โดนเธอสังหารไปจำนวนมาก ก็เล่นเอาค่ายกลแวมไพร์ที่ตั้งไว้แตกขบวนไม่เป็นท่า

“รักษาตำแหน่ง อย่าแตกกลุ่ม !!” แวมไพร์แฟรงค์กินส์ตะโกนสั่งการมากจากด้านบน เหล่าแวมไพร์ที่ยังเหลือรอดอยู่ต่างหันมาจับกลุ่มกันใหม่พร้อมกับเริ่มโต้กลับทันที เหล่าแวมไพร์ธาตุไฟซัดพลังเข้าตอบโต้ โดยมีแวมไพร์ธาตุดินคอยเสริมพลัง ทำให้ได้เปลวไฟที่มีอานุภาพรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า ……. แต่สุดไฟเวทย์ไฟนี้ก็ไม่ได้ผลอยู่ดีเมื่อมีร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเข้ามารับไว้

สโตนเฮดนั่นเอง ตอนนี้เขามาในร่างหุ้มเกราะศิลาเต็มตัว เกราะศิลาที่สร้างขึ้นมาจากเวทย์มนต์ระดับ 9 จึงไม่ระคายผิวจากเปลวไฟที่เกิดจากเวทย์ต่ำชั้นกว่าหลายขั้นนี้แม้แต่น้อย เจ้าพาลาดินร่างยักษ์ยิ้มขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม ก่อนจะกระโดดเข้ากลางวงเหล่าแวมไพร์พร้อมกับสะบัดแขนจู่โจมทันที แขมขาที่หุ้มเกราะทรงพลังเมื่อกวัดแกว่งไปทางไหน แวมไพร์ที่อยู่ทางนั้นก็ร่างกายป่นปี้กระดูกแหลกเหลวทันที โดยที่แวมไพร์เหล่านั้นไม่อาจต้านทานได้เลย ดูแล้วช่างไม่ต่างอะไรกับหมาป่าตัวใหญ่ที่กระโจนเข้าขย่ำฝูงไก่อย่างไรอย่างนั้น

“กระสุนเวทย์เยือกหิมะ” เมื่อสโตนเฮดเข้าสู้แล้ว พาลาดินคนอื่นๆก็เริ่มลงมือตาม เริ่มจากไอซ์เอจที่เอาปืนรูปร่างประหลาดออกมาพร้อมกับร่ายเวทย์ พริบตานั้นหินธาตุน้ำที่บรรจุในปืนก็สว่างวาบรับกับเวทย์ทันที หินธาตุทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการดูดพลังธาตุน้ำในธรรมชาติเข้ามาไว้ที่ตัวปืน ก่อนที่พาลาดินไอซ์เอจจะยิงกราดออกไปเป็นลูกกระสุน กระสุนธาตุน้ำมีอานุภาพเย็นจัด เมื่อกระทบเข้าร่างแวมไพร์ตนใด แวมไพร์ตนนั้นก็มีสภาพเป็นศพแช่แข็งทันที

“ผนึกลมวาตะ” พาลาดินแห่งลมไซโคลนเป็นคนต่อมาที่เริ่มร่ายเวทย์ และหินธาตุที่บรรจุในปลอกแขนทั้งสองข้างของเขาก็ตอบสนองทันที พลังธาตุลมรอบข้างโดนดึงดูดเข้าไปรวมอยู่ข้างในปลอกแขน ก่อนที่ไซโคลนจะสะบัดอย่างแรงเพื่อปล่อยอาวุธลับที่เป็นมีดบินหลายสิบเล่มพุ่งออกมา มีดบินเหล่านี้เป็นมีดบินที่อาบไปด้วยพลังธาตุลม ทำให้มีอานุภาพในการทะลุทะลวงสูงกว่าเดิมหลายร้อยเท่า และด้วยการซัดที่แม่นยำของไซโคลน มีดบินเหล่านี้พุ่งเข้าจุดตายของแวมไพร์รอบด้านจนดับดิ้นราวกลับใบไม้ร่วง

แต่พลาดินคนสุดท้ายอย่างโวลต์กลับไม่เร่งรีบใช้เวทย์ไล่ห้ำหั่นเหล่าแวมไพร์ตรงหน้า เขาเลือกที่จะเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อดักรอพวกแวมไพร์ที่กำลังแตกขบวน พร้อมกับเกร็งพลังธาตุสายฟ้าจนสองมือที่เขาไขว้ไว้ข้างหลังเกิดประกายไฟวูบวาบ และทันทีที่แวมไพร์เหล่านั้นเข้ามาในระยะจู่โจม “มือประทับอัสนีบาต” พาลาดินแห่งสายฟ้าก็ร่ายเวทย์ทันที ก่อนจะเผยให้เห็นสองมือที่ห่อหุ้มไปด้วยถุงมือพิเศษที่ติดตั้งหินธาตุสายฟ้า ที่ทำหน้าที่รวมพลังธาตุสายฟ้าก่อนที่จะระเบิดออกจนได้พลังไฟฟ้าที่มีแรงช๊อตสูงเท่าเวทย์ระดับ 9 และเมื่อรวมกับเพลงฝ่ามือที่ร้ายการของโวลต์ พริบตาเดียวก็สังหารแวมไพร์ได้นับร้อยตัว

แม้ช่วงก่อนหน้านี้เหล่าแวมไพร์สามารถระดมพลจากทั่วทุกสารทิศจนได้ถึงหลายพันตน แต่สุดท้ายแล้ว จำนวนที่มากกว่าก็ไม่ได้ทำให้เหล่าแวมไพร์ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย พวกมันโดนพรีสสาวกับพาลาดินทั้ง4ไล่ล่าสังหารจนต้องล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แม้จะมีบางส่วนที่คิดหนีเอาตัวรอด แต่ทางออกทั้งหมดก็โดนเหล่าพาหลาดินกั้นขวางไว้หมดแล้ว ทำให้จำนวนแวมไพร์ในตอนนี้เหลือน้อยลงทุกที เมื่อเป็นเช่นนี้แผนการถ่วงเวลาเพื่อให้ทันเครื่องย้ายมิติพร้อมใช้งานของเวโรนิก้าก็ต้องล้มเหลวเป็นแน่

“ท่านเวโรนิก้า !!!” เจ้าแวมไพร์แฟรงค์กินส์ร้องขึ้นอย่างร้อนรน แตกต่างจากนายสาวของมันที่ยืนหน้านิ่งจ้องมองจอมอร์นิเตอร์อย่างเคร่งเครียด การเพิ่มจำนวนเข้ามาของพาลาดินอีก 3 ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของเธอเลย ทำให้แผนการของเธอพังทลายไปไม่เป็นท่า เมื่อเป็นแบบนี้เธอก็ต้องรีบคิดแผนการใหม่ขึ้นมา แต่แผนการใดเล่าที่จะทำให้เธอพลิกสถานการณ์ให้เหนือกว่าเหล่าศัตรูที่มีเวทย์เลเวลสูงกว่าถึง 3 ขั้น

“นำ วัลคีรี่ (valkyrie) ออกมา” แวมไพร์สาวออกคำสั่งทันที “ถึงเจ้าพวกพาลาดินมันจะมีเลเวลสูงถึงระดับ 9 แต่ยังไงมันก็ยังเป็นตัวผู้ ยังพอใช้วัลคีรี่จัดการได้”

“แต่วัลคีรี่เป็นการทดลองที่ไม่สมบูรณ์น่ะครับ แถมนังพรีสนั่นข้าว่าวัลคีรี่ไม่น่าจะทำอะไรมันได้” แฟรงค์กินส์เอ่ยตอบ

“ช่างมัน !! ถึงวัลคีรี่จะไม่สมบูรณ์แต่น่าจะใช้ต้านเจ้าพวกพาลาดินไหว ส่วนนังพรีส…..” เวโรนิก้าปรายตาไปทางนายอาร์ตที่กำลังหลับเพราะฤทธิ์เวทย์ ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาน้อยๆ “ข้ามีวิธีแยกตัวมันออกมา !!”

.
.
.

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก” เสียงร้องอย่างโหยหวนของแวมไพร์ที่เหลืออยู่ตนสุดท้าย ก่อนที่จะเงียบลงหลังจากสโตนเฮดกระทืบอย่างแรงจนกะโหลกมันแตกละเอียด เหล่าพาลาดินหัวเราะก้องอย่างสะใจ เพราะสำหรับพวกบ้าสงครามเช่นพวกเขา ไม่มีอะไรจะมันส์สะใจไปกว่าการไล่ฆ่าสังหารหมู่เผ่าพันธุ์คู่สงครามอย่างพวกแวมไพร์อีกแล้ว แต่สำหรับพรีสสาวที่ยืนห่างออกไปกลับไม่ได้มีสีหน้ายินดีในการต่อสู้ครั้งนี้เท่าไหร่นัก เพราะสิ่งสำคัญสำหรับเธอตอนนี้ก็คือต้องรีบหาตัวนายอาร์ตให้เร็วที่สุด แต่มันก็ไม่ใช่งานง่ายเพราะในบริษัทแห่งนี้เต็มไปด้วยห้องหับมากมาย แถมต้องหาทางสลัดพวกพาลาดินที่หมายสังหารชายคนรักของเธอเหล่านี้ให้หลุดด้วย

.
.

“วิเวียนนนนนนนนนนนน”

.
.

ชั่วขณะนั้น !! เสียงของชายคนรักเธอก็ผลุดขึ้นมาในสมอง เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงที่ส่งผ่านมาทางโทรจิต สัญชาติญาณ บอกเธอว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลเป็นแน่ ก็ในเมื่อชายคนรักของเธอโดนสะกดให้หลับใหลไปก่อนหน้า นี่อาจจะเป็นเล่ห์อย่างหนึ่งของพวกแวมไพร์ก็เป็นได้

หญิงสาวหลับตาเพื่อใช้กระแสเวทย์จับตำแหน่งของนายอาร์ต เป็นไปอย่างที่เธอคาด ชายคนรักของเธอโดนคลายสะกดเพื่อให้ตื่นขึ้นจริงๆ เมื่อเป็นแบบนี้เวทย์เชื่อมจิตที่เธอทำไว้กับเขาทำให้เธอสามารถรับรู้ตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ สิ่งนี้ยิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจ เหตุใดเจ้าแวมไพร์ถึงคลายสะกดเขาเหมือนจะบอกตำแหน่งของเขาให้เธอรู้

“เวทย์เชื่อมจิต !!” หญิงสาวร่ายเวทย์ขึ้นทันที พริบตานั้นตรงตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ก็บังเกิดวงกลมแสงสีแดงขึ้นโดยรอบ ความวิเศษของเวทย์บทนี้ก็คือทำให้คู่สัญญาสามารถสื่อสารกันผ่านทางโทรจิตได้ และก็สามารถวาร์บเธอให้กระโจนไปหาเขาในชั่วพริบตาได้เช่นกัน เล่นเหล่าพาลาดินที่เห็นเหตุการณ์ร้องขึ้นอย่างตกใจ เจ้าไซโคลนที่อยู่ใกล้สุดรีบกระโดดคว้าร่างของพรีสสาวทันที แต่ก็ไม่สำเร็จ ร่างของหญิงสาวหายไปต่อหน้ามัน

“นังพรีสสสสสสส” เจ้าพาลาดินแห่งลมได้แต่ร้องอย่างเจ็บใจ

.
.

“ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!!”

.
.

แต่มันก็ไม่ทันจะตกใจได้นาน ชั่วพริบตาที่ร่างของวิเวียนหายไป ก็มีของแข็งบางอย่างถูกทิ้งลงมาจากด้านบน จนทำให้ฝุ่นขี้เถ้าขึ้นเคล้าคลุ้งไปหมด และเมื่อฝุ่นขี้เถ้าเริ่มจากลง มันก็ได้เห็นว่าสิ่งที่ถูกทิ้งลงมาเป็นโลงศพขนาดใหญ่ทั้งหมด 10 โลงด้วยกัน และไม่ทันที่มันจะสงสัยได้นาน โลงศพเหล่านั้นก็เปิดตัวออก เผยให้เห็นแวมไพร์สาว 10 ตนที่นอนหลับอยู่ในโลงแต่ล่ะโลง แวมไพร์สาวแต่ละตัวอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ อีกทั้งแต่ละตัวก็งดงามหญิงกว่าแวมไพร์หรือมนุษย์คนไหนเป็นร้อยเท่า รูปร่างของพวกเธอก็โค้งสวยได้รูป เหล่ากับเป็นสิ่งที่ถูกสร้างจากเทพเบื้องบนอย่างไงอย่างงั้น

“เจ้าพวกแวมไพร์มันคิดจะเล่นตลกอะไรว่ะ” ไอซ์เอจเอ่ยขึ้นอย่างไม่วางใจ พร้อมกระชับปืนในมือเพื่อระมัดระวังแวมไพร์สาวเหล่านั้น โดยไม่ได้สนใจไอมาน่าของพวกแวมไพร์สาวที่กำลังคืบคลานมายังเขาเลยแม้แต่น้อย อาจะเป็นเพราะเขาเห็นแค่ว่ามันเป็นไอพลังมาน่าทั่วไปเลยไม่คิดสนใจซึ่งกว่าจะรู้ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาด เขาก็โดนไอมาน่านั่นไปเต็มๆ

เพราะทันทีที่เขาโดนไอมาน่านั่นสัมผัส ไฟราคะในกายเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาในทันทีจนท่อนเอ็นของเขาแข็งเป็นลำอัดแน่นไปหมด อาการเช่นนี้มันเป็นอาการของผู้ที่ถูกปลุกกำหนัดด้วยพลังมาน่า ซึ่งมันจะไม่น่าตกใจเลยถ้าผู้ที่โดนเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือวอร์ริเออร์อ่อนหัด แต่สำหรับเขาซึ่งเป็นพาลาดินที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชนจนไม่น่าจะเสียท่าแบบนี้ เจ้าพาลาดินแห่งน้ำพยามต่อสู้กับอารมณ์เงี่ยนอย่างถึงที่สุดพร้อมกับยกปืนขึ้นประทับเพื่อทำลายแวมไพร์สาวตรงหน้า แต่ยิ่งแวมไพร์สาวเยื้องย่างจากโลงศพหินมาใกล้เขามากเท่าไหร่ไฟราคะของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จนในที่สุดมือขวาที่ตั้งใจจะลั่นไกสังหารแวมไพร์ตรงหน้า ก็เปลี่ยนเป็นฉุดร่างของแวมไพร์สาวเข้ามาพร้อมกับควักท่อนเอ็นเข้ายัดปากทันที !!

นี่ก็คืออานุภาพของโปรเจ็ค วัลคีรี่ นั่นเอง …… วัลคีรี่เป็นโปรเจ็คทดลองที่เวโรนิก้ากับเหล่านักวิชาการแวมไพร์ที่อยู่ในมิตินี้คิดค้นขึ้น จุดประสงค์ก็คือเพิ่มสมรรถภาพของเหล่าแวมไพร์ผ่านการใช้ยากระตุ้น จากการทดลองเป็นระยะเวลานาน ก็ได้แวมไพร์สาวที่ผ่านกระบวนการ 10 ตน ทั้ง 10 ตนนี้มีคุณสมบัติพิเศษตรงสามารถปลดปล่อยพลังมาน่าสีเขียวเข้มผิดกับพลังมาน่าปกติ แถมมีอานุภาพสามารถกระตุ้นไฟราคะของเพศตรงข้ามได้ดีกว่าเดิมนับร้อยเท่า อีกทั้งช่องคลอดที่มีพลังในการดูดพลังมาน่าฝ่ายตรงข้ามสูง ขนาดที่แม้แต่พรีสระดับสูงก็ไม่อาจต้านทานได้ ….. แต่วัลคีรี่กลับมีข้อเสียที่ร้ายแรงก็คือเหล่าวัลคีรี่สูญสิ้นสติปัญญาจนหมด ในหัวมีแค่เพียงเรื่องเย็ดอย่างเดียวเช่นกัน สุดท้ายแล้วการทดลงนี้ก็ได้ออกมาแค่เพียงแวมไพร์ร่านสวาทเท่านั้น

แม้จะเป็นการทดลองที่ไม่สมบูรณ์ เวโรนิก้า ก็เลือกที่จะเก็บร่างทดลองเหล่านี้ไว้โดยอ้างเหตุเอาไว้ศึกษา โดยที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่รู้เลยว่าจะได้นำเหล่าวัลคีรี่นี้มาใช้อีก ซึ่งจะว่าไปเหล่าวัลคีรี่นี้ก็เหมาะจะใช้รับมือพวกพาลาดินพอดี เพราะในการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์นั้น ถ้าสู้ด้วยเวทย์ไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนมาสู้ด้วยการเย็ดกันนี่แหละ

.
.
.

ถัดขึ้นไปที่ห้องหนึ่งบนชั้นบนสุดของบริษัท วงกลมแสงแห่งเวทย์เชื่อมจิตได้ปรากฏขึ้นที่กลางห้อง ส่งให้ร่างของพรีสสาวผมเงินยาวสลวยมาปรากฏตรงหน้า หลังจากการวาร์ปเสร็จสิ้นลงวิเวียนก็มองไปรอบด้านอย่างระแวดระวัง ก่อนที่เธอจะพบว่าห้องแห่งนี้เป็นห้องโล่งว่างเปล่า มีเพียงประตูเชื่อมไปยังห้องต่างๆอีกหลายบานเท่านั้น คล้ายกับจะให้เธอเลือกว่าชายคนรักของเธออยู่ประตูบานใด

“เวทย์เชื่อมจิต” หญิงใช้เวทย์เชื่อมจิตเพื่อหาร่างชายคนรักอีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้เธอเจอตำแน่งของเขาอย่างง่ายดายว่าอยู่หลังประตูบานใด หญิงสาวเดินไปหยุดที่หน้าประตูพร้อมกับร่ายเวทย์อีกครั้งทันที “ลำแสงสะเก็ดดาว จงก่อร่างเป็นดาบ”

ทันทีที่เธอร่ายเวทย์สร้างดาบแสงสำเร็จ หญิงสาวก็ถีบประตูอย่างแรงเพื่อบุกจู่โจมเข้าไปทันที แต่ฝ่ายแวมไพร์ก็รอต้อนรับเธออยู่แล้ว มันร่ายเวทย์สร้างลูกไฟขนาดยักษ์โจมตีเข้าใส่ แต่วิเวียนก็สไลด์หลบได้หวุดหวิดก่อนที่จะชักดาบฟันเข้าใส่แวมไพร์ตรงหน้าจนร่างมันขาดครึ่ง เจ้าแวมไพร์ได้แต่เพียงร้องออกมาคำนึงก่อนที่ร้องของมันจะสลายไป

“นั่นคือแฟรงค์กินส์ …. ที่เจ้าพึ่งฆ่าไปเป็นวิศวกรที่มีค่ามากของพวกเรา เจ้ารู้หรือเปล่า” วิเวียนหันไปตามต้นเสียงทันที เสียงนี่เป็นเสียงที่เธอจำได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นของแวมไพร์คู่อาฆาตที่เธอปะทะมาด้วยหลายครั้ง เป็นเสียงของแวมไพร์ที่ลักพาคนรักมาจากเธอ เป็นเสียงของแวมไพร์สาวผมดำขลับที่ถูกเรียกในนาม เวโรนิก้า

“อาร์ตอยู่ไหน” วิเวียนเอ่ยเสียงกร้าว ก่อนจะหันปลายดาบแสงชี้ไปยังแวมไพร์สาวตรงหน้า

แต่เวโรนิก้าก็ไม่ตอบอะไร เธอแค่เพียงหลบฉากไปอีกด้าน เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มที่โดนพันธนาการให้นอนบนเตียงหิน แถมกำลังสะลึมสะลือเพราะพึ่งตื่นจากฤทธิ์เวทย์ วิเวียนเมื่อได้เห็นร้างชายคนรักเช่นก็วิ่งถลาเข้าไปหาทันที แต่ก่อนที่เธอจะถึงตัวเขาก็เกิดบาเรียสีม่วงอ่อนขึ้นมาคลอบคลุมร่างชายหนุ่มไว้ก่อนทันที

“ที่จริงเจ้าก็เป็นพรีสฝีมือดีนะ …… แต่น่าเสียดายที่เจ้าคาดเดาง่ายเกินไป แบบนี้ถ้าอยู่ในสงครามเจ้าไม่รอดแน่” เวโรนิก้าเอ่ยเย้ยหยัน แต่วิเวียนก็ไม่สนใจ เธอวาดดาบฟันเข้าใส่บาเรียตรงหน้าทันที แต่เจ้าบาเรียนั่นกลับดูดซับแรงโจมตีไว้หมดก่อนจะสะท้อนกลับดีดร่างพรีสสาวให้ถอยกลับไปหลายก้าว

“บาเรียเวทย์นั่น เจ้าทำลายไม่ได้หรอก” แวมไพร์สาวเอ่ย

“ถ้าฆ่าเจ้า บาเรียนั่นจะหายไปใช่ไหม” วิเวียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินสืบเท้าเข้าหาแวมไพร์แพศยาที่อยู่ตรงหน้า

“ดาบเหล็กสาบศิลา” เวโรนิก้าเอ่ยร่ายเวทย์ขึ้นทันที มือขวาของดึงดูดพลังเวทย์ธาตุดินในอากาศมาก่อร่างรวมกันจนเป็นดาบเหล็กรูปร่างสวยงาม แต่ก็ความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเวทย์เลเวล 6 หลังจากนั้นเธอจึงเอ่ยตอบคำถามของพรีสสาว “หายไปอยู่แล้ว”

เมื่อได้คำตอบเช่นนี้ วิเวียนก็บุกเข้าใส่แวมไพร์สาวอย่างไม่ลังเล ดาบเวทย์ของทั้งคู่ปะทะกันดังกึกก้อง ชี้ให้เห็นถึงพลังเวทย์ของทั้งคู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ผลแพ้ชนะก็ต้องวัดกันที่เชิงดาบ ซึ่งสำหรับวิเวียนวิชาดาบเป็นวิชาที่เข้าทางเธอไม่น้อย เธอจึงรุกไล่อย่างหนัก แต่ก็ไม่อาจทำอะไรแวมไพร์สาวตรงหน้าได้มากนัก เพราะคู่ต่อสู้ของเธอใช้วิธีปัดป้อง หลบฉากไปเรื่อยๆ พร้อมกับโต้สวนมาเป็นระยะ ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ต้องยืดเยื้อไปอีกนาน

.
.
.

“อ๊า …………” ในขณะที่ด้านบนกำลังดวลดาบกันอย่างดุเดือด การเย็ดด้านล่างก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เสียงครางที่สุขสมดังระงมไปหมด ไม่เว้นแม้แต่เหล่าพาลาดินก็ยังซูดปากด้วยความเสียว เริ่มจากไอซ์เอจที่กำลังซอยควยเข้าปากวัลคีรี่สาวอย่างเมามันส์ ริมฝีปากที่สวยงามได้รูปของเธอสร้างความสุขสมให้เขาไม่น้อย เพราะมันทั้งเนียนนุ่มลืนกระชับไปทั้งลำควย ยิ่งตอนที่ปากของวัลคีรี่สาวรูดจากลำควยขึ้นไปที่หัวหยัก ก็เล่นเอาเขาเสียวจนต้องร้องซี๊ดออกมาทันที เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงจับศีรษะของวัลคีรี่สาวจนแน่นก่อนจะกระแทกควยเขาเข้าไปอย่างแรงจนเสียงควยกระทบคอดังปั๊กๆ ก่อนที่จังหวะสุดท้าย เจ้าพาลาดินจะอัดควยเข้าไปในคอหอยจนมิดด้ามก่อนจะแช่ค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานาน เล่นเอาวัลคีรี่สาวตัวนั้นถึงกับดิ้นขลุกขลักเพราะกำลังใกล้ตายจากการขาดอาการหายใจ

“แค่ก ๆๆๆ” แต่ก่อนที่วัลคีรี่สาวตัวนี้จะขาดใจตาย เจ้าพาลาดินธาตุน้ำก็ถอนควยออกมาเสียก่อน เปิดโอกาสให้วัลคีรี่สาวได้คายเสลดในลำคอออกมาก้อนใหญ่ พร้อมกับน้ำหูน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทาง อาการเช่นนี้ไม่ทำให้เจ้าพาลาดินเห็นใจเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งเร้าอารมณ์เงี่ยนของมันขึ้นไปอีก ท่อนเอ็นที่แข็งอยู่แล้วก็ยิ่งแข็งโป๊กขึ้นไปราวกับเป็นท่อนไม้ แต่ท่อนเอ็นมันก็ไม่ต้องว่างนาน เพราะช่วยขณะที่วัลคีรี่สาวตัวนั้นคายท่อนเอ็นมันออก วัลคีรี่สาวอีกตัวที่อยู่ด้านข้างก็รีบเข้ามาดูดควยของเขาทันที ทำให้ความเสียวกระสันของมันไม่ได้ขาดตอนลงไปเลย

ถัดไปด้านข้าง โวลต์ พาลาดินสายฟ้า กำลังนอนเปลือยเปล่าอย่างสบายอารมณ์โดยที่มีวัลคีรี่สาวตัวหนึ่งกำลังนอนดูดท่อนเอ็นของมันให้ ท่อนเอ็นของมันที่ถูกดูดจนมิดด้ามจนทะลุลึกไปถึงคอหอย ทำให้เขารู้สึกเสียวกระสันไม่ต่างจากไอซ์เอจ เพียงแต่โวลต์ไม่เลือกที่จะกระแทกควยอัดปากไปแบบนั้น เพราะลำพังแค่จังหวะการดูดขึ้นลงของวัลคีรี่ตัวนี้ก็สร้างความเสียวกระสันให้มันอย่างมากอยู่แล้ว

“นายท่านเจ้าขา ……..” วัลคีรี่อีกตัวเอ่ยกระซิบขึ้นข้างหู ทำให้เจ้าพาลาดินสายฟ้าต้องลืมหาหันไปมองหน้า วัลคีรี่ตัวนี้แตกต่างจากตัวอื่นตรงที่มีใบหน้าหวานใส อีกทั้งดวงตาก็กลมโตซึ่งเมื่อเขาได้สบกับสายตาคู่นั้น อารมณ์กำหนัดของเขาก็เพิ่มพูน ก่อนจะถึงวัลคีรี่ตัวนั้นเข้ามาประกบปากทันที ลิ้นของเขาที่แหย่เข้าไปในปาก โดนลิ้นของวัลคีรี่สาวตัวนั้นโอบรัดไว้อย่างนุ่มนวล ก่อนจะลากวนไปมาราวกับต้องการให้อารมณ์ของเขาพลุ้งผล่านยิ่งขึ้นไปอีก เท่านั้นไม่พอ มือของเขายังถูกวัลคีรี่นำไปวางบนเต้างามคู่สวยของเธอ ราวกับจะเชื้อเชิญให้เขาบีบเค้นมันได้ตามต้องการ ซึ่งพาลาดินหนุ่มก็ไม่ขัด เขาบีบเค้นอย่างแรงจนเต้างามคู่สวยนั้นแดงก่ำขึ้นมาทันใด

หลังจากแลกลิ้นกันไปสักพักเขาก็ถอนปากออก ก่อนจะหันไปหาวัลคีรี่สาวอีกตัวที่คลานเข้ามาหา วัลคีรี่สาวตัวนี้ค่อยๆเลื่อนตัวขึ้นไปค่อมบนศีรษะของเขา ก่อนจะแหวกแคมทั้งสองกลีบ เผยให้เห็นเนื้อติ่งสีชมพูดสวยใสที่อยู่ข้างใน ราวกับจะเชื้อเชิญให้พาลาดินสายฟ้ามาลิ้มลอง ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธ เขาลากลิ้นขึ้นไปชโลมเลียเม็ดติ่งสวยนั้นอย่างช่ำชอง สร้างความเสียวกระสันให้วัลคีรี่ตัวนั้นเป็นอย่างมาก จนเธอถึงกับร้องซี๊ดไม่หยุดปาก

“อ๊างงงงงงงงงงงงงงงงง” ห่างไปอีกด้าน วัลคีรี่ตัวนึงถูกจับให้นอนคลานในท่าหมา ที่ตอนนี้กำลังร้องครางด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากช่องคลอดของเธอถูกกระแทกอย่างแรงโดยท่อนเอ็นขนาดใหญ่ของพาลาดินสโตนเฮด ที่ใช้กำลังช้างสาร กระแทกท่อนเอ็นเข้ามาทีเดียวมิดด้าม ความเจ็บปวดที่เธอได้รับนี้เล่นเอาเธอต้องนอนฟุบลงไปกลับพื้นมีเพียงสะโพกที่ถูกพาลาดินข้างหลังรั้งเอาไว้ให้ลอยเหนือพื้น

“เสียวหัวควยเว้ยยยยย” เจ้าสโตนเฮดเองก็ร้องลั่นออกมาไม่แพ้กัน ช่องคลอดที่ฟิตแน่นของวัลคีรี่สาว ทำให้มันรู้สึกถึงของตอดรัดไปทั่วทั้งลำควย อีกทั้งเจ้าวัลคีรี่ตัวนี้ที่แม้ท่าทางจะเหมือนว่าใกล้สลบแล้ว แต่มันก็ยังขมิบหีเป็นจังหวะ เพื่อเพิ่มการตอดรัดเข้าไปอีก จนมันรู้สึกเสียวกระสันน้ำแทบแต่ทั้งๆที่ไม่ได้ขยับควยเข้าออกเลยแม้แต่น้อย

“อืออออออออออออออ” แต่แล้ววัลคีรี่สาวก็ต้องร้องครางอีกครั้ง เมื่อสโตรเฮดค่อยๆถอนลำควยออกมา ลำควยที่ใหญ่โตแถมยังแข็งปูดเต็มที่ เมื่อถูกถอนออกส่วนหัวหยักเลยครูดไปกับพนังช่องคลอด ทำให้เธอเสียวหีมากจนเผลอขมิบหีรัวสั่นระริก จนน้ำรักที่อยู่ภายในโดนขับออกมาจนเปียกเยิ้มไปทั้งโพลงหี ราวกับจะช่วยเหลือ ให้ท่อนเอ็นใหญ่ยักษ์นี้ขยับเข้าออกโพลงหีเธอได้ง่ายขึ้น ซึ่งเจ้าสโตนเฮดก็ไม่ขัดศรัทธา ทันทีที่เขาถอดท่อนควยออกมาใกล้หมดลำ เขาก็กระแทกมันกับไปอีกครั้งจนท่อนควยกระแทกเข้ากับพนังดังกึก ! ทำเอาวัลคีรี่สาวจุกแน่นจนไม่อาจร้องเสียงออกมาได้ แต่ไม่ทันที่เธอจะหายจุกดี ท่อนเอ็นก็ค่อยๆโดนลากออกไปช้าๆอีกครั้ง จนตอนนี้เธอรู้สึกจุกสลับเสียวซ่านไปมาไม่หยุด

ในขณะที่เจ้าพาลาดินเองก็ต้องเป่าปากด้วยความเสียวเช่นกัน เพราะน้ำรักที่หลั่งออกมาของวัลคีรี่สาวที่ออกมาช่วยหล่อลื่นจนเปียกชุ่ม ทำให้มันสามารถขยับเอวส่งท่อนเอ็นเข้าออกโพลงหีได้เร็วขึ้น ทำให้ตอนนี้มันกระแทกวัลคีรี่สาวตรงหน้าจนเสียงกระแทกดังลั่นไปหมด ไม่พอแค่นั้น มันยังเอื้อมมือขวาไปจิกผมวัลคีรี่สาวที่นอนฟุบลงกับพื้น ก่อนจะกระชากอย่างแรง จนวัลคีรี่สาวต้องเชิดหน้าร้องลั่นระงม

ในขณะที่สโตนเฮดกำลังกระแทกท่อนเอ็นอย่างเมามันส์ วัลคีรี่สาวอีกตัวก็เข้ามาสวมกอดเขาจากด้านหลัง ก่อนจะลากลิ้นตวัดโลมเล้าที่ซอกหูเขาเบาๆ สองมือของเธอก็ลูบไล้ไปมาบนแผ่นอกแข็งแกร่งก่อนที่จะเขี่ยหัวนมเขาเบาๆ ส่วนแผ่นหลังของเขาก็ถูกนวดเฟ้นไปมาด้วยเต้างามคู่สวยของเธอ การปลุกเล้าเข้าที่ 3 จุดพร้อมกันของวัลคีรี่สาว ได้ทวีความเสียวซ่านให้กับสโตนเฮดเป็นอย่างมาก จนมันอัดแน่นไปเต็มอก จนทำให้เขายิ่งกระแทกใส่วัลคีรี่สาวตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง เพื่อระบายความเสียวซ่านนี้ออกไป

ส่วนพาลาดินคนสุดท้ายอย่างไซโคลนที่ตอนนี้โดนรุมล้อมด้วยวัลคีรี่ถึง 3 ตัว 2 ตัวแรกเข้ามากระนาบเขาทั้งซ้ายขวา ก่อนจะกลดเขาให้นอนราบไปกับพื้น มีเพียงท่อนเอ็นยาวใหญ่ของเขาเท่านั้นที่ตั้งตระหง่านขึ้นมา ท่อนเอ็นที่มันวาวเพราะผ่านการเล้าโลมจากวัลคีรี่ทั้ง 3 ทำให้ตอนนี้มันแข็งเต็มที่พร้อมใช้งาน ทำให้วัลคีรี่ตัวสุดท้ายไม่รอช้าตรงเข้าขึ้นค่อมพร้อมกับหย่อยปากหีเข้ากลืนกินท่อนเอ็นนั้นจนมิดด้าม

“อ๊า ……………..” วัลคีรี่สาวตนนั้นเอ่ยร้องออกมาอย่างเสียวซ่าน ท่อนเอ็นที่แข็งแกร่งนี้คับแน่นไปทั้งช่องคลอดจนทำให้เธอจุกจนแทบจะหายใจไม่ออก จนเธอต้องแช่มันไว้สักพักเพื่อให้ช่องคลอดของเธอปรับตัวได้ และเมื่อทุกอย่างพร้อม วัลคีรี่สาวก็เริ่มลงมือขยับสะโพกขึ้นลงเป็นจังหวะ ก่อนจะค่อยๆเพิ่มความเร็วจนถึงความเร็วสูงสุด

“อือออออออออ” ลีลาการขย่มเอวของวัลคีรี่สาวต้องใจไซโคลนไม่น้อย ด้วยช่องคลอดที่แน่นกระชับ แถมมีแรงตอดที่รุนแรง เมื่อเสริมด้วยลีลาที่เร่าร้อนหนักหน่วงเข้าไปอีก ทำให้เขาอดใจไม่ไหว ต้องเอื้อมมือไปบีบขย่ำเต้างามคู่สวยของวัลคีรี่สาวตนนั้นอย่างรุนแรง โดยที่วัลคีรี่สาวตนนี้ก็ไม่ยอมถอย กลับยิ่งแอ่นอกให้ไซโคลนบีบแรงขึ้นไปอีก ในขณะที่สะโพกก็ขย่มต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอน

แต่เขาก็บีบเค้นได้ไม่นาน สองแขนของเขาก็ถูกกดลงโดยวัลคีรี่สาว 2 ตนที่กระนาบอยู่ด้านข้าง พวกเธอทั้งสองต่างก็จับนิ้วกลางกับนิ้วชี้ของไซโคลนเสียบเข้าไปในช่องคลอด ราวกับจะอ้อนวอนให้พาลาดินหนุ่มช่วยปลดเปลื้องความกระสันที่แน่นอยู่เต็มอกของเธอทั้ง 2 ให้จางหายไป ซึ่งเขาก็ตอบสนองความต้องการของเธออย่างไม่ขัดข้อง เขาเริ่มคลำหาพร้อมกับขยี้ไปที่เม็ดติ่งของเธอทั้งคู่ จนพวกเธอต้องกรีดร้องแต่เขาก็บีบเค้นได้ไม่นาน สองแขนของเขาก็ถูกกดลงโดยวัลคีรี่สาว 2 ตนที่กระนาบอยู่ด้านข้าง พวกเธอทั้งสองต่างก็จับนิ้วกลางกับนิ้วชี้ของไซโคลนเสียบเข้าไปในช่องคลอด ราวกับจะอ้อนวอนให้พาลาดินหนุ่มช่วยปลดเปลื้องความกระสันที่แน่นอยู่เต็มอก ของเธอทั้ง 2 ให้จางหายไป ซึ่งเขาก็ตอบสนองความต้องการของเธออย่างไม่ขัดข้อง เขาเริ่มคลำหาพร้อมกับขยี้ไปที่เม็ดติ่งของเธอทั้งคู่ จนพวกเธอต้องกรีดร้องอย่างเสียวซ่านก่อนที่เธอจะตอบแทนเขาด้วยการก้มไปเล้า โล้มที่หัวนมทั้งคู่ของพาลาดินหนุ่ม

ทำให้ตอนนี้ไซโคลนโดนจู่โจมทั้ง 3 ด้าน วัลคีรี่ตัวนึงก็ขย่มใส่เขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนอีกสองก็ช่วยกันชโลมเลียไปที่หัวนมเขาอย่างเร่าร้อน ทำให้ความเสียวกระสันของเขาเพิ่มพูดถึงอย่างต่อเนื่อง และด้วยความที่ในหมู่พาลาดิน เขาเป็นพาลาดินที่อายุน้อยที่สุด ทำให้ประสบการณ์ในสนามรักของเขายังด้อยอยู่เล็กน้อย ทำให้เขาไม่อาจทนความเสียวซ่านนี้ได้นานเท่าคนอื่น ทำให้เขาไม่อาจรับความเสียวนี้ได้ไหว เขาถึงกลับระเบิดน้ำเงี่ยนที่อัดแน่นเต็มกระบอกทะลักล้นออกมาเต็มช่องคลอด ของแวมไพร์คู่ขา

แต่แล้วไม่ทันที่เขาจะได้สุขสมกับการปลดปล่อยนี้ได้นาน เขาก็ต้องตื่นตกใจเมื่อพลังมาน่าของเขากำลังไหลออกอย่างรุนแรง นี่แหละความน่ากลัวของโพรงหีของแวมไพร์วัลคีรี่ เพราะที่จริงการดูดพลังมาน่าจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายมัวแต่สุขสมจากการเย็ดจนขาดสมาธิ แต่แวมไพร์วัลคีรี่กลับสามารถดูดพลังมาน่าได้เลยทันที นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดแม้แต่พรีสระดับสูงจึงไม่อาจต้านทานได้

แต่ไซโคลนก็ยังมีสติพอเขารวบรวมสมาธิต้านทานการไหลออกของพลังมาน่าอย่างเต็มที่ จนสามารถสกัดมันได้ แต่กระนั้นพลังของเขาก็ถูกดูดหายไปหลายส่วนจนร่างกายสิ้นเรี่ยวแรง ส่วนวัลคีรี่สาวเมื่อเห็นพลังมาน่าหยุดไหลแล้ว เธอก็ถอนเนินหีออกทันที แต่พริบตาเดียวก็มีวัลคีรี่สาวคนใหม่เข้ามาแทนที่ วัลคีรี่สาวตนนี้จับท่อนเอ็นของเขาจนแน่นก่อนจะอัดพลังมาน่าใส่ลงไป ทำให้มันแข็งพร้อมใช้งานทันที จากนั้นเธอก็จับเจ้าท่อนเอ็นมาจ่อที่ร่องก่อนจะเสียบลงไป

ไซโคลนกระตุกร่างอีกทั้งด้วยความเสียวซ่าน วัลคีรี่สาวตนนี้กระแทกสะโพกได้เร่าร้อนไม่แพ้วัลคีรี่สาวตัวก่อนหน้าเลย ทำให้เขาต้องเริ่มเพลงรักอีกรอบโดยไม่หยุดพัก ถึงตอนนี้เขาเริ่มจะรู้ตัวแล้วแต่เขาก็ไม่อาจขัดขืนได้ เพราะกำลังของเขาหายไปเกือบครึ่ง อีกทั้งยังโดนกระตุ้นอารมณ์ด้วยพลังมาน่าจากวัลคีรี่ทั้ง 3 ทำให้เขาได้แต่นอนแผร่หลาปล่อยให้วัลคีรี่ทั้ง 3 พลัดกันขึ้นมาขย่มเขาอย่างไม่อาจขืน

และนี่ไม่ใช่เกิดเฉพาะกับเขาคนเดียว พาลาดินคนอื่นๆก็เริ่มแย่กันแล้ว บางคนโดนขย่ม บางคนก็โดนดูดพลังมาน่า สิ่งเหล่านี้ทำให้เหล่าพาลาดินเจ็บแค้นจนแทบกระอัก หน่วยรบพาลาดินที่พวกเขาภาคภูมิใจ หน่วยรบที่เขาได้รับการสืบทอดต่อกันมา หน่วยรบที่เป็นจุดมุ่งหมายของเหล่าวอริเออร์ ตอนนี้หน่วยรบของพวกเขากำลังสิ้นท่าโดยฝีมือของพวกแวมไพร์ชั้นต่ำเท่านั้น

.
.
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!

.
.

แต่ก่อนที่พวกเขาจะโดนดูดพลังมาน่าจนหมด เสียงระเบิดกัมปนาทก็ดังกึกก้องทั่วบริษัท ประตูด้านหน้าถูกแรงกระแทกบางอย่างเข้าทำลาย บริเวนด้านหน้าทั้งแถบสลายเป็นจุลไปหมด แถมแรงกระแทกไม่หยุดแค่นั้น มันส่งต่อไปทั่วทั้งตึกจนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นหน้าต่างหรือกระจกแตกสลาย ไม่มีชิ้นดี !! และทันทีที่แรงสั่นสะเทือนนี้หยุดลง ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับปล่อยพลังมาน่าที่มีแต่กลิ่นไอ ของความโหดเหี้ยมออกมาจนน่าขนลุก กลิ่นไอที่แม้แต่วัลคีรี่ทั้ง 10 ตนยังตื่นกลัว จนต้องกระโดดถอยห่างเขาไปไกล

ชายหนุ่มเดินช้าๆอย่างไม่เร่งร้อนก่อนจะมาหยุดที่หน้าเหล่าพาลาดิน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “น่าละอาย !! เป็นถึงพาลาดินแท้ๆ แต่กลับแพ้กับแวมไพร์ชั้นสวะ”

“แกว่าไงน่ะ” ไอซเอจเอ่ยร้องอย่างเดือดดาด แต่ไม่ทันที่มันจะว่าอะไรต่อมันก็ต้องหูตาเหลือกเมื่อเห็นชายตรงหน้าตั้งท่า เตรียมจะร่ายเวทย์ประจำตัว ทำให้ไอซ์เอจไม่รอช้ารีบคว้าปืนหินธาตุก่อนจะชิงร่ายเวทย์ก่อนทันที

“กระสุนม่านน้ำแข็ง”

ไอซ์เอจร้องลั่นก่อนจะยิงปืนขึ้นไปเหนือหัว กระสุนเวทย์พุ่งขึ้นไปแตกออกทันทีก่อนจะหล่นมาครอบร่างของเขา เป็นบาเรียน้ำแข็งทรงครึ่งวงกลม ในขณะที่พาลาดินคนอื่นพอเห็นดังนั้นต่างก็รู้ได้ทันที แต่ก็รีบเข้ามาหลบในบาเรียน้ำแข็งของไอซ์เอจกันได้ทันท้วงที ส่วนชายตรงหน้านั้น เขาไม่ได้สนใจพาลาดินทั้ง 4 เลยแม้แต่น้อย เขาเดินหน้าร่ายเวทย์ประจำตัวเขาทันที

“ดินแดนเพลิงพระกาฬ”

ทันที่เขาร่ายเวทย์เสร็จ ร่างของเขาก็ลุกท่วมด้วยเปลวเพลิง ก่อนที่จะเบิดออกในชั่วพริบตา เกิดเป็นม่านเพลิงที่มีความร้อนมหาศาลแผร่กระจายไปรอบด้าน เปลวเพลิงนี้อานุภาพสูงมากขนาดที่ว่าสามารถเผาผลาญทุกอย่างในชั้นหนึ่งนี้ เป็นจุด ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ หรือแม้แต่ร่างของวัลคีรี่ทั้ง 10 ก็โดนเผาทำลายสิ้นในเปลวเพลิง

แต่ก็มีสิ่งเดียวที่ไม่ถูกเผาทำลายลงไป นั่นก็คือบาเรียน้ำแข็งของไอซ์เอจ เนื่องด้วยว่าเป็นเวทย์ระดับ 9 เท่ากัน อีกทั้งเวทย์ธาตุน้ำยังข่มธาตุไฟ แต่กระนั้นพวกพาลาดินก็แทบแย่ เพราะถ้าไอซ์เอจร่ายเวทย์ช้าไปแค่วินาทีเดียว พวกเขาทั้งหมดก็โดนเผาเป็นจุลไปแล้ว

“ทำอะไรว่ะ เบิร์น !!” สโตนเฮดเอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาด แต่เมื่อเจอสายตาที่ดุดันยิ่งกว่าของพาลาดินแห่งไฟเข้าไปก็เล่นเอาเขาไม่ กล้าพูดอะไรต่อ เพราะตามลำดับพลังเวทย์แล้ว เบิร์นจัดเป็นพาลาดินที่มีพลังเวทย์มากกว่าใคร จนทำให้เบิร์นได้รับการแต่งตั้งจากนายพลแลนด์ซาร์ตให้เป็นผู้นำแห่งพาลาดิน ทั้ง 5

พาลาดินแห่งไฟเงยหน้าขึ้นราวกับว่าสามารถจับพลังอะไรได้บางอย่าง ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นมาสั้นๆ

“ไป”
.
.
.

ถัดไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า

ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นบนสุดของบริษัท ที่ตอนนี้กำลังกลายเป็นสังเวียนประลองดาบอย่างเอาเป็นเอาตายของสาวงาม 2 คน คนแรกก็คือเวโรนิก้าแวมไพร์สาวที่ใช้ดาบเหล็กกล้าที่เกิดจากเวทย์ธาตุดิน เธอใช้ดาบเหล็กนี้ปัดป้องพร้อมกับถอยฉากไปมา รับการจู่โจมที่ดุดันของวิเวียนพรีสสาวที่ใช้ดาบแห่งแสง ที่กำลังรุกไล่เธออย่างหนัก แต่ละดาบที่วิเวียนฟาดลงมา ทั้งรุนแรงและเกรี้ยวกราด เนื่องจากเธอในตอนนี้ ต้องการจะเผด็จศึกแวมไพร์สาวตรงหน้าให้เร็วที่สุด

แต่แม้เพลงดาบของเธอจะรุนแรงแค่ไหน แต่เพราะแต่ละดาบของเธอทุ่มเทมากเกินไป ทำให้เธอโดนอ่านทางได้โดยง่าย เวโรนิก้าจึงใช้วิธีปัดป้องพร้อมกับหลอกล่อไปมา แทนที่จะปะทะกันโดยตรง ทำให้เมื่อปะดาบกันไปสักพักก็เริ่มเห็นผล วิเวียนที่ทุ่มเทรุกไล่เริ่มออกอาการเหนื่อยอ่อน ทำให้เมื่อดาบสุดท้ายที่เธอฟันพลาดจึงเปิดโอกาสให้เวโรนิก้าตอบโต้ทันที

“ย๊ากกกกกกกก” เวโรนิก้าร้องลั่นก่อนจะตวัดเท้าเตะอัดเข้าที่กลางหลัง จนวิเวียนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า

“การ์ดตกแล้ว การ์ดตกแล้ว” แวมไพร์สาวเอ่ยร้องก่อนจะควงดาบเดินวนอยู่รอบนอก เป็นโอกาสให้พรีสสาวได้พักหายใจได้ชั่วครู่

วิเวียนค่อยๆยันกายขึ้นช้า เธอในตอนนี้กำลังหอบหายใจอย่างหนัก เหงื่อกาฬไหลออกมาเต็มร่าง ทำให้เสื้อกล้ามสีขาวบางเปียกชื้นจนเห็นไปถึงเต้างามคู่สวยปราศจากบราคอยปกปิด สภาพเธอตอนนี้ช่างแตกต่างจากแวมไพร์สาวตรงหน้าของเธอนัก เพราะคู่ต่อสู้ของเธอไม่มีอาการเหนื่อยอ่อนเลยแม้แต่น้อยแถมยังควงดาบไปมา เพื่อยั่วเย้าให้เธอบุกเข้าใส่อีก

วิเวียนสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ เพื่อดับอารมณ์พลุ่งพล่านที่มีอยู่ข้างใน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอร้อนรนเนื่องจากเป็นห่วงอาร์ตมากเกินไป ต้องการรีบเผด็จศึกให้จบโดยไว จนสุดท้ายก็เผลอเล่นไปตามเกมส์แวมไพร์สาวตรงหน้า ทำให้สุดท้ายเป็นเธอเองที่โดนเตะอัดเข้าไปหนึ่งดอก แต่นั่นก็เหมือนเป็นโชคของเธอ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้สติของเธอกลับคืนมา

“ทำไมยังไม่เข้ามาอีกล่ะ ถ้าเข้ามาช้ากว่านี้ผู้ชายของเจ้าจะขาดใจตายเอาก็ได้น่ะ” แวมไพร์สาวร้องยั่ว ใช่ ! มันแค่ร้องยั่ว เพราะนายอาร์ตเองก็มีความสำคัญกับมันไม่น้อย มันย่อมไม่เอานายอาร์ตมาเสี่ยงเป็นแน่ เมื่อคิดได้เช่นนี้วิเวียนก็ยิ้มยะเยือกก่อนจะบุกเข้าใส่อีกรอบ

คราวนี้พรีสสาวรุกไล่อีกรอบเพียงแต่คราวนี้มันต่างออกไป เธอไม่รุกไล่เอาเป็นเอาตายเหมือนตอนแรก ทำให้ดาบแต่ละดาบของเธอไม่ได้รุนแรงมากนักแต่กลับรัดกุมยิ่งกว่า จากทีแรกที่เวโรนิก้าจะอาศัยจังหวะปัดป้องตอบโต้ก็ทำไม่ได้เหมือนเก่า กลายเป็นว่าคราวนี้แวมไพร์สาวโดนไล่ต้อนจริงๆจนสุดท้ายเธอก็เข้ามุมอับ ทำให้ดาบสุดท้ายที่วิเวียนฟาดลงมา เวโรนิก้าจึงต้องฝืนเอาดาบรับ

“ย๊ากกกกกกก” วิเวียนร้องลั่นก่อนจะตีเข่าเข้าร่างแวมไพร์สาวทันที ก่อนจะฮุคซ้ายเข้าเต็มหน้าอีกหนึ่งหมัดจนแวมไพร์สาวเซไปไกล ไม่หยุดแค่นั้น วิเวียนยังตามมาฟันด้วยดาบลำแสงอีกหนึ่งที แต่คราวนี้เวโรนิก้าเอาดาบรับไว้ได้ทัน ก่อนจะดีดตัวให้ถอยห่างออกไป

“ระวังดาบแสงของข้าหน่อยดีกว่าน่ะ แค่โดนฟันไปแค่แผลเดียวเจ้าก็จะตายทันที” วิเวียนร้องบอกก่อนจะรุกไล่เข้าไปอีกรอบ ทำให้แวมไพร์สาวที่เริ่มตกเป็นรองต้องใช้ดาบปัดป้องพลันวัน แต่ถึงแม้เวโรนิก้าจะปัดดาบให้เบี่ยงออกไปได้ เธอก็โดนหมัดของวิเวียนที่ตามเข้ามาซัดไปที่หน้าเธออีกครั้ง ก่อนที่เธอทั้งคู่จะถอยห่างออกจากกัน

วิเวียนชูสองนิ้วขึ้นเย้ยหยันแวมไพร์สาวตรงหน้า เพื่อบ่งบอกว่าเธอซัดไปได้สองหมัดแล้ว ทำให้เวโรนิก้าต้องปาดเลือดที่มุมปากทิ้งก่อนจะเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม “จะได้ใจไปแล้วนังพรีส”

เวโรนิก้าตรงเข้าเป็นฝ่ายรุกบ้าง เธอวาดดาบเข้าใส่พรีสสาวทันที แต่วิเวียนก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงปะทะดาบด้วย หันไปใช้วิธีรอจังหวะแล้วแทงสวน แต่เชิงดาบของเวโรนิก้าก็รัดกุมพอที่จะปัดป้องไม่ให้ดาบสำแสงทำอะไรเธอได้ ทำให้การปะดาบรอบนี้ยาวนานขึ้นกว่ารอบก่อนๆ

แต่ในที่สุด คนที่โจมตีดอกสุดท้ายได้ก็คือเวโรนิก้า เธอถีบใส่ร่างของวิเวียนเต็มแรง จนร่างของพรีสสาวกระเด็นไปอัดกำแพงด้านหลัง เวโรนิก้าไม่รอช้าตามเข้าไปซ้ำทันทีจนคราววิเวียนต้องฝืนใช้ดาบแสงรับ จนดาบของทั้งคู่อยู่ในสภาพยันกันกลางอากาศ ทำให้เวโรนิก้าไม่รอช้าเพิ่มแรงกดเข้าไปอีก จนตอนนี้คมดาบอยู่ห่างจากคอหอยของวิเวียนแค่ไม่กี่นิ้ว

ทำให้สภาพของวิเวียนตอนนี้เป็นรองอย่างมาก หลังของเธอโดนดันจนติดพนัง ดาบหน้าก็โดนดาบกดเข้ามาอย่างหนัก เรียกได้ว่าเธอในตอนนี้ไม่มีทางดิ้นหลุดได้เลย แต่ชั่วขณะที่คมดาบกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้คอหอยของเธอช้าๆ เธอก็เรียกพลังเฮือกสุดท้ายพลิกกลับไปอีกด้าน ให้เวโรนิก้าเป็นฝ่ายโดนกดกับพนังแทน คราวนี้วิเวียนจึงร้องลั่นก่อนจะเพิ่มแรงกดไปอย่างเต็มที่ ในขณะที่เวโรนิก้าก็ไม่มีทางเลือกต้องดันดาบออกต้านอย่างเต็มที่เช่นกัน ทำให้ทั้งสองสาวต่างก็ต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร

แต่แล้วสิ่งที่เวโรนิก้าไม่อยากเชื่อก็เกิดขึ้น ดาบเวทย์เหล็กกล้าของเธอเริ่มบิ่นเข้ามาเรื่อยๆ เหมือนกับเป็นสัญญาณบอกว่าดาบเวทย์ของเธอแข็งแกร่งสู้ดาบเวทย์ของวิเวียนไม่ ได้ถ้าปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป ดาบเวทย์ของเธอก็จะหักแล้วเป็นตัวเธอที่ต้องตายจากคมดาบแสง แวมไพร์สาวจึงรวบรวมแรงก่อนจะพลักพรีสสาวตรงหน้าอย่างเต็มที่ แต่แล้วเธอก็พบว่าเป็นพรีสสาวชาวมนุษย์ตรงหน้าต่างหากที่มีแรงเหนือกว่า แรงที่เธอพยามผลักออกไปสุดท้ายก็โดนแรงที่มากกว่าดันกลับเข้ามาใหม่จนหมด ทำให้ตอนนี้เธอเข้าตาจนอย่างที่สุด ด้านหลังก็ติดพนัง ส่วนด้านหน้าดาบที่ใช้ต้านไว้ก็เริ่มบิ่นจนใกล้หักเสียแล้ว

.
.

ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!

.
.

แต่ชั่วเสี้ยววินาทีนั้นเอง ก็มีเสียงระบิดดังกัมปนาทขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เวทย์ของใครที่ไหน เป็นเวทย์ของเบิร์น พาลาดินแห่งไฟ ในตอนแรกนั่นเอง เสียงระเบิดที่ดังสนั่นที่มาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่สั่นไหวไปทั้งบริษัท ได้สั่นเข้ามาถึงห้องโถงแห่งนี้ด้วยเช่นกัน กลายเป็นว่าแรงสั่นนี้ได้ช่วยชีวิตเวโรนิก้า เพราะมันทำให้วิเวียนเสียจังหวะ เธอจึงฉวยโอกาสผลักร่างพรีสสาวออก ก่อนจะแทงดาบตามน้ำเสียบเข้าร่างพรีสสาวทันที ก่อนที่แรงสั่นจะดีดให้ทั้งคู่แยกออกจากกัน

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” วิเวียนร้องลั่นก่อนจะรวบรวมพลังดึงดาบที่เสียบร่างของเธอออก เลือดของเธอไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย ทำให้เธอไม่อาจรอช้า รวมพลังเพื่อร่ายเวทย์สมานแผลทันที ในขณะที่แวมไพร์สาวค่อยๆยันกายลุกขึ้นยืนช้าๆ พร้อมกับมองสภาพคู่ต่อสู้ของเธอตรงหน้า

“ข้าชนะแล้ว”
.
.

“เกมส์จบแล้วอีหนู”

.
.

แต่ก่อนที่เวโรนิก้าจะปิดเกมส์เด็ดขาด ก็มีเสียงหนึ่งตวาดดังลั่นที่ด้านหลัง ก่อนที่เงาร่างของพาลาดินสายฟ้าจะพุ่งเข้ามาฟาดฝ่ามือใส่เธอ แต่โชคดีที่เธอรู้ตัวก่อนเธอจึงพลิ้วตัวหลบได้ทันในเสี้ยววินาที ฝ่ามือที่พลาดเป้าส่งประกายสายฟ้าลงพื้นจนระเบิดออกเป็นประกายไฟขนาดใหญ่ กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้แม้เวโรนิก้าจะหลบพ้นในคราวแรก แต่ประกายไฟฟ้าจากพื้นก็ช็อตใส่ร่างเธอ จนแวมไพร์สาวล้มตึงลงทันที

“อยู่นั่นไงร่างกำเนิดใหม่ของอาลูคาร์ด” เสียงของสโตนเฮดที่ตามเข้ามาเอ่ยดังลั่น ก่อนจะร่ายเวทย์หุ้มเกาะทั้งร่างพร้อมกับพุ่งเข้าไปทุบทำลายร่างของนายอาร์ต ที่หุ้มบาเรียไว้ทันทีโดยที่ทั้งวิเวียนและเวโรนิก้าไม่อาจจะขวางได้ทันอีก แล้ว

หมัดของสโตนเฮดที่หุ้มเกาะแข็งระดับเวทย์เลเวล 9 ถูกปล่อยเข้ากระทบกับเป้าหมายตรงหน้า จนบาเรียสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบราวกับจะแตกสลายไปในทันที แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น บาเรียที่เกิดจากมนต์แค่เลเวล 6 กลับดูดซับพลังโจมตีของสโตนเฮดได้หมด ก่อนจะสะท้อนเข้าใส่ร่างยักษ์ของเจ้าพาลาดินธาตุดิน จนมันเองต่างหากที่ต้องรับแรงกระแทกกระเด็นออกไป

“เวทย์เลเวล 6 แต่กลับสะท้อนเวทย์เลเวล 9 ได้” ไอซ์เอจเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา “เวทย์นอกสาระบบแบบนี้มีแต่เวทย์ของพวกวิซาร์ดเท่านั้น แวมไพร์ที่ใช้เวทย์ของวิซาร์ดได้เนี่ยน่ะ”

“เวทย์วิซาร์ด ที่ว่ากันว่า ไม่มีทางโดนดูดกลืนมาได้น่ะเหรอ” พาลาดินแห่งลมที่ตามเข้ามาเอ่ยขึ้น ก่อนจะสะบัดแขนเล็กน้อย เพียงเท่านั้นมีดพกที่ถูกเก็บไว้ในกลไกลของปลอกแขนก็หลุดออกมา ไซโคลนเดินไปยังร่างของเวโรนิก้าที่นอนตัวชาก่อนจะจิกผมแวมไพร์สาวเพื่อดึง เธอให้ลุกขึ้นมานั่งในท่าคุกเข่า เพื่อให้เขาปาดคอเธอได้ถนัดๆ “แต่ถ้าผู้ร่ายโดนปาดคอตายซะ เวทย์ก็สลายแล้วใช่ไหมล่ะ”

“ปล่อยนาง ไซโคลน !!” แต่ก่อนที่มันจะได้ปาดคอสมใจ เสียงตวาดลั่นของพาลาดินแห่งไฟก็ดังขึ้น ทำให้ไซโคลนต้องหันกลับไปมองอย่างไม่พอใจ แต่สุดท้ายมันก็ต้องยอมถอยฉากออกไปโดยดี เพราะทันทีที่มันสบตากับเบิร์น มันก็สัมผัสได้ถึงไฟที่ลุกโชน ไฟที่ไม่ได้เกิดจากพลังเวทย์ แต่เป็นไฟที่เกิดจากความแค้นต่างหาก

เมื่อไซโคลนถอยไปแล้ว เบิร์นก็ก้าวไปยืนเบื้องหน้าของแวมไพร์สาว ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับบีบใบหน้าของเธออย่างรุนแรง เพื่อบังคับให้เธอหันมาสบตา “มามุดหัวอยู่ที่โลกนี้เองเหรอ นังสารเลว !! รู้ไหมว่าข้าใช้เวลาตามล่าเจ้ามานานแค่ไหน เตรียมใจชำระหนี้แค้นที่เจ้าก่อไว้กับตระกูลรามิเรชแล้วหรือยัง !!”

“ตระกูลรามิเรช” เวโรนิก้าเอ่ยขึ้นช้าๆอย่างอ่อนแรง ก่อนจะย้อนความทรงจำสมัยที่เธอยังอยู่ที่โลก wonderland ในตอนนั้นเธอเป็นแวมไพร์สาวที่ปฏิบัติการภาคสนามมาอย่างโชกโชน มีศัตรูมากมายที่โดนเธอล่าสังหาร ตระกูลรามิเรชก็เช่นกัน ตระกูลนี้เป็นตระกูลวอร์ริเออร์ตระกูลหนึ่งที่ได้รับภารกิจมาจัดการกับเธอ เมื่อ 20 ปีก่อน แต่ผลสุดท้ายก็เป็นเธอที่สังหารล้างตระกูลนี้จนหมด เหลือไว้เพียงลูกชายคนเล็กที่วัยเพียง 10 ขวบ

“ข้าจำไม่ได้ว่ะ” เวโรนิก้าเอ่ยยั่วโทสะ ซึ่งมันก็ได้ผล เบิร์นเลือดขึ้นหน้าทันที เข้าปล่อยหมัดเข้าใบหน้าของแวมไพร์สาวอย่างแรงจนเธอหน้าสะบัดไปตามแรงหมัด ไม่พอแค่นั้น เจ้าพาลาดินแห่งไฟยังจิกผมเธอก่อนจะฟาดลงพื้นอย่างแรง เลือดของแวมไพร์สาวสาดกระเซ็น จนตอนนี้เธอแน่นิ่งสลบไปทันที

และทันทีที่เวโรนิก้าสิ้นสติ เวทย์บาเรียที่กางคุมร่างนายอาร์ตไว้ก็สลายทันที ทำให้สโตนเฮดที่โดนดีดกระเด็นไปในตอนแรกยิ้มเหี้ยมก่อนจะย่างสามขุมเข้าหา เพื่อปิดบัญชีอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่เขาจะเข้าถึงตัว วิเวียนที่รักษาอาการบาดเจ็บได้ทันท่วงที ก็ร่ายเวทย์ดาบแสงเข้าประจันหน้าเพื่อขัดขวางเหล่าพาลาดิน

“ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายน่ะนังพรีส อย่ามาขวางข้า ถึงพวกข้าจะไม่อยากมีปัญหากับพวกพรีส แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้น่ะ” สโตนเฮดเอ่ยขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว แต่นั่นมันก็ไม่ทำให้หญิงสาวหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เธอยกดาบขึ้นประจันหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ

“คำตอบของข้าท่านก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องเขา ต่อให้เป็นพวกท่านก็ตาม”

“ยิ่งเห็นก็ยิ่งทุเรศลูกตา …….. เจ้าได้รับภารกิจมาให้ฆ่ามันไม่ใช่เหรอไง แต่ตอนนี้กลับเอาตัวเข้าปกป้อง หึ ! ปล่อยให้ความร่านมันทำลายภารกิจเนี่ยน่ะ !!” พาลาดินแห่งไฟเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออดพร้อมกับย่างเท้าเข้าหาหญิงสาวทันที พร้อมกับเกร็งพลังมาน่าไปที่มือขวา จนมือของเขาไฟลุกท่วม

และเมื่อวิเวียนได้เห็นสายตาของพาลาดินที่กำลังก้าวเข้ามาตรงหน้า เธอก็รู้แน่ว่าเบิร์นเอาจริง แล้วแบบนี้เธอจะทำเช่นไรดี ฝ่ายตรงข้ามคือพาลาดินแห่งไฟที่ว่ากันว่าเก่งกาจที่สุด พลังเวทย์ของเขาก็ต่างระดับกับเธอถึง 3 ขั้น ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางรับการโจมตีของเขาได้แน่ ……

แต่ … เมื่อเธอมองพิจารณาตัวเขาดูดีๆ กลับพบว่าพาลาดินผู้นี้เดินมาหาเธอในสภาพเปลือยเปล่า ไม่มีเกราะหรืออาภรณ์ใดๆช่วยป้องกัน แถมลักษณะเดินก็เต็มไปด้วยช่องโหว่ว เพราะอะไรกัน หรือเขามั่นใจในตัวเองมาก มั่นใจว่าจะหลบดาบเราทัน แต่เพราะความมั่นใจนี้นี่แหละ จะเป็นโอกาสเดียวให้เธอพลิกสถานการณ์ เพราะถ้าเขาเข้ามาในระยะทำการ และเธอสามารถแทงดาบได้เร็วพอ ดาบของเธออาจจะตัดขั้วหัวใจเขา และเธอก็จะสถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้แน่

และทันทีที่หญิงสาวตัดสินใจได้ เธอก็เลยแทงดาบออกไปในทันที ดาบของเธอพุ่งทะยานทะลุผ่านร่างพาลาดินตรงหน้า เสียบเข้าที่ขั้วหัวใจทะลุออกด้านหลัง โดยที่เจ้าพาลาดินแห่งไฟได้แต่เบื้องตาค้าง ไม่ทันที่จะได้ขยับหลบหลีกเลยแม้แต่นิดเดียว

.
.

“นี่เจ้ากล้าแทงข้าจริงๆเหรอ”

.
.

แต่แล้ววิเวียนก็ต้องตกตะลึงยิ่งกว่า เมื่อพาลาดินตรงหน้าที่ถูกเธอแทงไปแล้วกลับพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย !! และเมื่อเธอมองเข้าไปที่ร่างของพาลาดินแห่งไฟอีกที เธอก็พบว่าบาดแผลที่เธอแทงเขากลับไม่มีเลือดหรือร่องลอยบาดเจ็บอะไรเลย มีแค่เพียงตรงบาดแผลที่ลุกไหม้เป็นไฟอยู่เท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับที่เธอแทงดาบผ่านกองเพลิงยังไงยังงั้น

“นี่มันอะไรกัน….” แต่พรีสสาวก็ทำได้เพียงอุทานมาแค่นั้น เพราะเจ้าพาลาดินแห่งไฟปล่อยหมัดฮุคซ้ายเข้าอัดร่างเธออย่างจัง หมัดของเขาเข้ากระทบซี่โครงของเธออย่างจังจนมันหักในทันที ทำให้พรีสสาวต้องล้มลงสิ้นท่าอีกครั้ง

และเมื่อสิ้นพรีสสาวที่มาคอยขัดขวางแล้ว เบิร์นก็มุ่งหน้าเขาหาร่างนายอาร์ตที่นอนอยู่ในทันที เปลวไฟที่ลุกไหม้ที่มือขวาก็โหมกระหน่ำลุกไหม้ยิ่งขึ้นไปอีก ราวกับจะเป็นไฟบรรลัยกัลป์ที่สามารถเผาผลาญทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่เจ้าพาลาดินจะปล่อยหมัดไฟบรรลัยกัลป์นั้นเข้าใส่ร่างนายอาร์ตที่นอน นิ่งไม่ไหวติงในทันที …..

แต่ก่อนที่หมัดเพลิงจะเข้าถึงตัวนายอาร์ต กลไกในเตียงหินก็ทำงาน พื้นด้านใต้ของเตียงเปิดออก ส่งผลให้เตียงหล่นหายลงไปใต้พื้น ก่อนที่พื้นจะปิดอย่างรวดเร็ว ทำให้หมัดของเบิร์นทำลายได้แต่เพียงพื้นด้านบนเท่านั้น และเมื่อตามไปดู ก็พบว่าใต้พื้นที่เตียงหล่นไปมีสายพานลำเลียงอยู่และตอนนี้เตียงเคลื่อนที่ ไปตามสายพานอย่างรวดเร็วจนเตียงถูกส่งหนีออกไปไกลแล้ว

เจ้าพาลาดินแห่งไฟหันหลังกลับไปมองด้วยสัญชาติญาณในทันที ภาพที่เขาเห็นก็คือแวมไพร์สาวที่เขาจับโขกพื้นจนแน่นิ่งไปแล้วกำลังยืนอยู่ ‘นี่มันอะไรกัน’เขาได้แต่ร้องถามในใจ นังนั้นมันแกล้งสลบเพื่อตบตาเขางั้นเหรอ แกล้งสลบเพื่อหาจังหวะเปิดกลไกลให้ร่างกำเนิดใหม่ของอาลูคาร์คหายไป แกล้งสลบเพื่อหาจังหวะหลบหนี แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เจ้าพลาดินก็ไม่ได้คำตอบเสียแล้ว เพราะเวโรนิก้ายิ้มเยาะเขาเล็กน้อยก่อนจะพุ่งทะยานหนีหายไปทันที ทิ้งให้เจ้าพาลาดินแห่งไฟ ต้องกร่นร้องอย่างคลั่งแค้น

“นังสารเลวววววววววววววววววววววววววววววววววววว !!”

.
.
.

จุดที่สายพานลำเลียงเตียงหินไปนั้น ก็คือจุดแรกที่มันตั้งอยู่นั่นเอง ห้องควบคุมที่เป็นที่ตั้งของเครื่องข้ามมิติที่ตอนนี้ตัวเครื่องซาร์ตพลัง ได้เต็ม 100 แล้ว ตามที่จริงห้องนี้จะอยู่คนละด้านกับห้องโถงที่เป็นเวทีต่อสู้เมื่อครู่ แต่ห้องนี้กับห้องโถงนั้นสามารถเชื่อมต่อกันด้วยกลไกสายพานความเร็วสูง ที่มีเพียงความเร็วของผู้มีพลังเวทย์ลมระดับสูงเท่านั้นที่ตามทัน ซึ่งในที่นี้ก็คือเวโรนิก้านี่เอง

“ได้เวลาพอดีเลยน่ะ” เวโรนิก้าร้องอย่างตื่นเต้นที่ตอนนี้เครื่องข้ามมิติพร้อมใช้งานแล้ว ก่อนที่เธอจะปลดพันธนาการต่างๆบนร่างนายอาร์ตก่อนที่จะพยุงเขาเพื่อข้ามผ่าน ไปยังโลกต่างมิติที่อยู่ตรงหน้า

“ฉันไม่ไป !!” นายอาร์ตพยามร้องขัดขืน

“เอาแต่ใจตัวเองตอนนี้ ไม่ได้แล้วย่ะ” เวโรนิก้าเอ่ยว่าชายหนุ่มหนึ่งคำก่อนจะพาร่างเขาไปยังเครื่องทันที

แต่เสี้ยววินาทีนั้นเธอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังพุ่งเข้ามา แต่นั่นมันก็ช้าไปเสียแล้ว มีดบินเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงหลังของเธอทะลุออกท้องไปทันที แวมไพร์สาวทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างเจ็บปวด เลือดของเธอไหลทะลักออกจากแผลราวก๊อกแตก จนพื้นห้องในตอนนี้แดงฉานไปด้วยเลือดของเธอ ความเจ็บปวดจากแผลที่ได้รับทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จนไม่อาจส่งเสียงร้องใดๆออกมาได้ เธอในตอนนี้ทำได้แต่หันกลับไปมองชายตรงหน้า ผู้ที่เป็นเจ้าของผลงานซัดอาวุธลับใส่เธอ

“เจ้าเบิร์นนี่เอาแต่ใจตัวเองชะมัด ถือสิทธิ์ที่ท่านนายพลแต่งตั้งมันให้เป็นผู้นำของ 5 พาลาดิน สั่งโน่นสั่งนี่ แม้แต่พี่สาว มันก็สั่งว่าให้จับเป็น” ผู้ที่ซัดอาวุธลับนั้นก็คือไซโคลนนั่นเอง เขาพูดพลางพร้อมกับสั่งกลไกในปลอกแขน เพื่อปลดมีดอีกเล่มออกมา “แต่กลับเจ้าอาลูคาร์ด คำสั่งมันคือให้จับตายเว้ยยยยยยย”

“โล่พิทักษ์ธาตุดิน !!” แต่ก็ไวเท่าความคิด ช่วงจังหวะที่ไซโคลนกำลังซัดมีดบินออกมา เวโรนิก้าก็เอาตัวเขาขวางนายอาร์ตไว้ พร้อมกับร่ายเวทย์ป้องกันในทันที แต่น่าเสียดาย ที่โล่ของเธอเกิดจากเวทย์เลเวล 6 จึงไม่อาจป้องกันมีดบินที่อาบพังเวทย์ลมเลเวล 9 ได้เลย มีดบินสามารถทะลวงผ่านมาได้อย่างง่ายดาย แต่กระนั้นความรุนแรงของมีดก็โดนลดทอนลง เพราะมีดพุ่งเข้าร่างแวมไพร์สาว แต่ไม่อาจทะลุออกไปโดนนายอาร์ตที่อยู่ด้านหลังได้

“เธอ …..” นายอาร์ตร้องอย่างตกใจ ในขณะที่แวมไพร์สาวกระอัดเลือดมาคำใหญ่ก่อนจะเอนกายเข้าซบอกนายอาร์ตอย่าง อ่อนแรง แต่กระนั้นเธอก็ยังรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายใช้เวทย์รักษาบาดแผลทั้งสองแห่ง ที่ช่องท้อง

“อย่างนั้นแหละรักษาตัวเองไปซะ เกิดพี่สาวตายก่อนที่พวกเจ้าเบิร์นจะตามมาทันข้าจะแย่เอา” พาลาดินแห่งลมกล่าว “ว่าแต่ทำไมพี่สาวไม่ใช่เวทย์วิซาร์ดเมื่อกี้ล่ะ ดูท่ามันคงมีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้ใช้ไม่ได้อยู่สิน่ะ”

“นี่มีเจ้าตามมาคนเดียวเหรอ” แวมไพร์สาวเอ่ยถาม

“ก็อย่างว่าน่ะ คนที่จับร่องกระแสลมที่เจ้าทิ้งไว้ แล้วสามารถตามมาถูกได้เนี่ย มันก็มีแต่ผู้ใช้เวทย์ลมชั้นสูงอย่างพาลาดินธาตุลมคนนี้ไง”

คำตอบที่เวโรนิก้าได้รับจากไซโคลนทำให้เธอคิดอะไรได้บางอย่าง ‘ถ้าเจ้านี่มาคนเดียว แบบนั้นก็ดีสิ เพราะแบบนี้เราก็สามารถหาทางหนีได้ง่ายกว่าพวกมันมากันหมด’ แต่ความคิดของ แวมไพร์สาวก็ดูเหมือนจะถูกเจ้าพาลาดินแห่งลมสัมผัสได้ มันยิ้มขึ้นมาก่อนจะเอ่ยช้าๆ

“อย่าแม้แต่จะคิดพี่สาว ตอนนี้จุดตายของพี่สาวกับเจ้าอาลูคาร์มันทับซ้อนกันอยู่ ถ้าพี่สาวเบี่ยงตัวแค่เซ็นเดียว ข้าจะซัดมีดแบบที่ไวกว่าแสงเข้าจุดตายของเจ้าอาลูคาร์ดทันที”

“พี่สาวจบเห่แล้ว จงรักษาตัวไปแบบนี้เถอะ

แวมไพร์สาวในตอนนี้ได้แต่นั่งนิ่งเงียบไปทันทีที่ได้รับคำตอบ แม้เธอจะเป็นคนฉลาดแค่ไหนแต่ในตอนนี้เธอเองก็อ่านไม่ออกว่าที่เจ้าไซโคลนพูดมา มันสามารถทำได้จริงหรือแค่ขู่เฉยๆ แต่สำหรับเธอ ความปลอดภัยของนายอาร์ตต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่อาจจะเสี่ยงได้ แต่เธอจะทำเช่นไรล่ะ เธอจะทำเช่นไรถึงสามารถจัดการเจ้าพาลาดินตรงหน้าโดยที่เธอไม่ต้องขยับ

“ถ้าแผลเธอหายเมื่อไหร่ เธอหนีไปเถอะ” นายอาร์ตเอ่ยขึ้นเบาๆ เพราะถึงแม้หญิงสาวที่ซบร่างเขาอยู่จะเป็นแวมไพร์ แต่เมื่อครู่เธอก็ปกป้องเขา ถ้าเธอต้องมาตายไปกับเขา เขาคงให้อภัยตัวเองไม่ได้

“พ่อพระเอก” เวโรนิก้าเอ่ยเสียงสูงหยอกล้อ ก่อนที่เธอจะหันมาสบตาเขาช้าๆ “เสียใจหรือเปล่าที่ตอนนี้นางเอกเป็นข้า ไม่ใช่แม่พรีสผมเงินนั่น”

“ดูท่าข้าจะพาเจ้ามาได้แค่นี่เองน่ะ” เวโรนิก้าเอ่ยเบาๆ
.
.
“ข้าไม่เคยสอนให้เจ้าเป็นคนยอมแพ้ เวโรนิก้า”
.
.

ชั่วขณะนั้นเอง ก็มีเสียงดังกังวานของผู้ที่ทรงอำนาจสูงดังขึ้น พร้อมๆกับไอความมืดที่ไม่ทราบที่มาผลุดคลุมเวโรนิก้ากับชายหนุ่มเป็นวงกลม ราวกับจะเป็นป้อมปราการป้องกันพวกเธอจากศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งไซโคลนก็ไม่รอช้าซัดมีดออกไปทันที !! แต่ที่น่าตกใจก็คือ ทันทีมีดสั้นของเขาทะลวงเข้าไปในไอความมืด เขาก็ไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของมีดเล่มนั้นได้เลย ราวกับว่ามันโดนกลืนหายไปอีกมิติหนึ่ง

“เจ้าเป็นใคร !!” พาลาดินแห่งลมเอ่ยอย่างเดือดดาด

ไม่มีเสียงตอบใดๆ มีแต่เพียงไอมาน่ามหาศาลที่อยู่ๆก็ทวีความรุนแรงขึ้น ไอที่มีที่มาจากหลังบานประตูเครื่องข้ามมิติ ไอที่ที่ผู้เป็นเจ้าของกำลังคร้ามผ่านเครื่องนี้เขามา ไอของชายผู้ร่างกายสูงใหญ่ แต่งตัวด้วยชุดออกรบเต็มอัตราศึก ไอของผู้ที่เป็นเจ้าของสามารถสร้างความตื่นตระหนกในกลับพาลาดินแห่งลมตรง หน้า จนเขาต้องเอ่ยเรียกชายผู้นั้นปากคอสั่น
.
.

“จะ … เจ้า ลินคอร์น !!!”
.
.

“เห็นข้าแล้วยังไม่ใสหัวไปอีก” จ้าวขุนพลแห่งแวมไพร์เอ่ยขึ้นด้วยสำเนียงทรงพลัง จนเจ้าพาลาดินแห่งลมที่อยู่ตรงหน้าเหงื่อไหลออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว แต่กระนั้นมันก็ยังเค้นเสียงตอบกลับ

“อย่ามาตลก ลินคอร์น เจ้ามันก็แค่แวมไพร์ชั้นขุนพล เวทย์สูงสุดของเจ้ามันก็แค่เลเวล 9 ไม่ต่างกับข้า ไม่มีเหตุผลที่ข้าต้องกลัวเจ้าหรอกเว้ย”

เมื่อไซโคลนพูดจับมันก็ปลดมีดบินสองเล่มออกมาทันที แต่เขาก็ทำแค่ตั้งท่าหยั่งเชิงไว้อย่างนั้น เพราะเขากับแวมไพร์ตรงหน้าอยู่เลเวลระดับเดียวกัน ทำให้ผลแพ้ชนะมันออกได้ทั้งสองหน้า ทำให้เขาไม่อยากเสี่ยง จึงเลือกที่จะหยั่งเชิงเพื่อรอเวลา รอเวลาที่พาลาดินคนอื่นๆจะตามรอยเข้ามาเสริมได้ทัน ซึ่งเขาก็ไม่ต้องรอนาน เพราะแค่อึดใจเดียว พาลาดินอีก 4 ก็ตามมาเสริมแล้ว

“นั่นน่ะเหรอลินคอร์น พลังมาน่าที่น่าสะอิดสะเอียนนั่นเป็นของมันนี่เอง” พาลาดินแห่งน้ำกล่าวขึ้นเป็นคนแรก แต่ไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบดี เบิร์นก็ออกไปยืนนำหน้าพาลาดินทั้งหมดเสียแล้ว

“ข้าได้ยินสมญานามท่านมานานแล้ว ท่านขุนพลไร้พ่ายผู้ยิ่งใหญ่ แต่ข้าไม่นึกเลยว่าการพบกันครั้งแรกของเราจะเกิดขึ้นในที่แบบนี้ ข้ายังเคยคิดว่าจะได้เจอท่านในสมรภูมิที่ยิ่งใหญ่ซะอีก”

“ชั่วชีวิตข้าทำแต่สงครามที่ยิ่งใหญ่ แล้วเจ้าล่ะมัวแต่ไปทำอะไรอยู่ ไอ้หนู”

สิ้นคำกล่าวของลินคอร์น พาลาดินแห่งไฟก็ชักสีหน้าขึ้นมาทันที คำกล่าวนี้ความหมายโดยนัยก็คือ สนามรบที่ขุนพลแวมไพร์ผู้นี้เผชิญมามันอยู่คนละระดับกับสนามรบที่พาลาดินผู้นี้ได้เผชิญ สนามรบที่พาลาดินแห่งไฟผ่านมานั้น สำหรับเขา มันก็แค่สนามเด็กเล่นเท่านั้นเอง คำกล่าวเช่นนี้ ในหมู่นักรบนับว่าหยามเกียรติกันไม่น้อย

“ปากดีนักน่ะไอ้สวะ !!” พาลาดินแห่งไฟกล่าวอย่างเดือดดาด “ข้าอยากรู้นักว่าแวมไพร์สวะอย่างเจ้ามันจะดีแต่ปากหรือเปล่า เจ้ากับข้า มาดวลกัน !!”

สิ้นเสียงประกาศ ลินคอร์นก็ตอบรับในทันที เขาสะบัดเสื้อคลุมทิ้งไปเหลือไว้เพียงร่างกายสูงใหญ่กับเพราะสีดำน่าเกรงขาม ในขณะที่เบิร์นเองก็ก้าวไปประจันหน้าอย่าไม่หวาดกลัวเช่นกัน แต่ความรู้สึกของพาลาดินคนอื่นกลับแตกต่างออกไป อย่างเช่นไอซ์เอจ เขาไม่พอใจการตัดสินใจครั้งนี้ของเบิร์นอย่างมาก เพราะในความคิดเขา พาลาดินทั้ง 5 น่าจะร่วมมือกันโจมตีแวมไพร์ลินคอร์นมากกว่า แต่เมื่อเบิร์นตัดสินใจไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถทำอะไรต่อได้ นอกจากถอยฉากออกไปเท่านั้น

“ในฐานะที่เจ้าเป็นแวมไพร์มีชื่อเสียง ข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างสมเกียรติ ด้วยเวทย์ที่ร้ายกาจที่สุดของข้า …. ดินแดนเพลิงพระกาฬ…รวมศูนย์ !!!”

ดินแดนเพลิงพระกาฬ เป็นเวทย์ธาตุไฟเลเวล 9 ที่ทรงอานุภาพเวทย์หนึ่ง หลักของเวทย์นี้ก็คือใช้ร่างกายผู้ร่ายเป็นสื่อกลาง เพื่อชักนำพลังธาตุไฟรอบด้านมาใช้งาน เวทย์นี้เมื่อฝึกสำเร็จแล้ว ร่างกายผู้ใช้จะลุกไหม้เป็นเปลวเพลิง ทำให้ผู้ใช้สามารถเป็นอมตะได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะถูกโจมตีด้วยอาวุธหรือเวทย์มนต์แค่ไหน เปลวไฟก็สามารถกลับมาลุกได้ใหม่เสมอ เวทย์นี้จัดว่าเป็นเวทย์ที่มีระดับความยากสูงมาก ขนาดในหมู่พรีสชั้นสูงยังหาผู้ฝึกสำเร็จได้น้อย แต่พาลาดินแห่งไฟผู้นี้กลับทำได้ ทั้งที่เขาอยู่ในคราสวอร์ริเออร์ด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงได้รับโคดเนม เบิร์น จากนายพลแลนด์ซาร์ต และถูกยกให้เป็นผู้นำแห่งพาลาดินทั้ง 5

ดินแดนเพลิงพระกาฬรวมศูนย์ เป็นเวทย์ที่เบิร์นพัฒนาต่อยอดจากเวทย์ปกติ เพราะปกติแล้วเวทย์นี้จะโจมตีโดยการระเบิดตัวเองให้ทุกสิ่งรอบด้านกลายเป็น ทะเลเพลิง เหมือนที่เบิร์นใช้ในทีแรก แต่สิ่งที่เขาพัฒนาต่อก็คือเขารวมพลังทำลายเหล่านั้นให้กลับมารวมตัวใน รูปลูกไฟเพลิง ผลก็คือได้ลูกไฟที่มีพลังทำลายมากกว่าเวทย์ไหนๆในระดับเลเวล 9 ลูกไฟที่เผาได้ทุกอย่างแม้แต่คาถาป้องกันธาตุน้ำ เรียกว่าระดับความรุนแรง เท่ากับเวทย์เลเวล 10 ก็ว่าได้ !!

“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

เบิร์นตวาดลั่นพร้อมกับซัดลูกไฟเพลิงใส่ร่างแวมไพร์ตรงหน้าทันที เบิร์นในตอนนี้มั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสยบศัตรูได้อยู่หมัด เพราะแวมไพร์ตรงหน้าระดับของมันก็แค่ระดับขุนพลเท่านั้น เวทย์ใดๆของแวมไพร์ขุนพล ไม่มีทางป้องกันลูกไฟนี้ได้อยู่แล้ว

แต่แวมไพร์ลินคอร์นกลับไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใด ……. เขาทำแค่เพียงยืนมือออกไปด้านหน้าก่อนจะร่ายเวทย์บางอย่าง

“ม่านรัตติกาล”

ทันที่ที่ร่ายจบ ควันสีดำจำนวนมหาศาลก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นก่อนจะจับตัวกันแน่นจนเป็นกำแพงหนา ขนาดที่ว่าสามารถบดบังชายร่างสูงใหญ่อย่างลินคอร์นได้มิด ก่อนที่มันจะรับลูกไฟจากเบิร์นอย่างจัง !! แต่น่าแปลก ทั้งๆที่เวทย์ทั้งสองนี้โจมตีเข้าใส่กันอย่างจังแท้ๆ แต่มันกลับเงียบเชียบ ไม่มีแม้กระทั้งเสียงระเบิดใดๆ ราวกับลูกไฟนั้น โดนกลืนหายไปเสียเอง

“นี่มันอะไรกันว่ะ” เบิร์นสบถออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา

“เอาคืนไป” ลินคอร์นไม่รอช้าตอบโต้กลับทันควัน กำแพงม่านดำเกิดการเปลี่ยนแปลง ลูกไฟที่โดนกลืนไปเมื่อครู่ กับกำลังโผล่ออกมา แต่คราวนี้สิ่งที่ต่างออกไป นั่นคือคราวนี้ลูกไฟตกอยู่ภายใต้การควบคุมของลินคอร์นเสียแล้ว และไม่ทันที่เบิร์นจะตั้งรับหรือหลบหลีก ลูกไฟก็พุ่งเข้าเผาร่างจนลำตัวท่อนบนของเขาสูญสลายไปหมดสิ้น

“นี่น่ะเหรอพลังของลินคอร์น” ในขณะที่พาลาดินทั้ง 4 กำลังตื่นตะลึงกับการพ่ายแพ้ของเบิร์น ไอซ์เอจก็พูดขึ้นมาเป็นคนแรก “มิน่าล่ะ การข่าวของเราถึงมีข่าวมันน้อยมาก ที่แท้มันมีเวทย์ที่ร้ายกาจจึงสามารถสังหารสายลับของเราได้หมด”

“นี่มันเวทย์อะไรไอซ์เอจ” ไซโคลนร้องถาม

“เวทย์ธาตุอะไรน่ะรึ” ไอซ์เอจเอ่ย “เวทย์ในตำราโลกธาตุมีด้วยกันทั้งหมด 7 ธาตุ 5 ธาตุแรกเป็นธาตุจักวาล 2 ธาตุหลังเป็นธาตุพิเศษ ธาตุแรกก็คือสายแสงสว่าง แต่อีกธาตุนี่สิ น่าจะเป็นธาตุของมันโดยแน่”

.
.

“ธาตุความมืด”

<จบตอน>

Related

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 15 Attacks"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved