ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

ตอนที่ 14 Paladin

  1. Home
  2. แค่นิยาย
  3. ตอนที่ 14 Paladin
Prev
Next

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลาไม่นานก่อนหน้านี้ ณ สถานที่แห่งหนึ่งในโลก wonderland ‘นครบาร์รัค’ นครหลวงแห่งเหล่าวอร์ริเอร์ นครขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญไม่แพ้แซงจูรี่ย์แห่งเหล่าพรีส เมื่อพันปีก่อนนครแห่งนี้เดิมทีมีสถานะเป็นป้อมปราการขนาดยักษ์ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางรองรับเหล่าทหารหาญจากนครต่างๆทั่วโลก ที่เดินทางมารวมกันเพื่อผนึกกำลังต่อต้านเหล่าแวมไพร์ ซึ่งเมื่อมีทหารหลากหลายที่มารวมกัน การแลกเปลี่ยนความรู้ ชั้นเชิง ในการต่อสู้ก็เกิดขึ้น จนในที่สุดความรู้แขนงต่างๆก็รวมกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นศาสตร์ในเชิงรบที่เหนือกว่าวิชาใดๆ และทหารคนใดที่ได้ฝึกก็จะเป็นนักรบที่มีความสามารถสูง สูงขนาดที่ว่าสามารถใช้อาวุธธรรมดาต่อกรกับเหล่าผู้ใช้เวทย์ได้อย่างไม่เสียเปรียบ ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาฝึกฝนกันไม่ขาดสาย จนในที่สุดก็ก่อให้เกิดคลาสใหม่ขึ้นมาในโลกนั่นก็คือ วอร์ริเอร์ (warrior)

และเมื่อป้อมแห่งนี้มีผู้คนเข้ามาฝึกฝนกันเป็นจำนานมากมันก็เลยยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นเมือง โดยมีจุดศูนย์กลางเป็นหอคอยขนาดใหญ่ที่ชื่อ ไอเซนการ์ด ซึ่งเป็นที่อยู่ผู้นำสูงสุดของเหล่าวอร์ริเอร์ ซึ่งบัดนี้ก็คือนายพลแลนด์ซาร์ต ซึ่งขณะนี้ เขากำลังนั่งประชุมรายงานข่าวกรองกับเหล่าลูกน้องคนสนิท

“นางให้เหตุผลว่าชายผู้นั้นเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่แวมไพร์ จึงไม่ใช่ร่างกำเนิดใหม่ของอาลูคาร์ด นางเลยตัดสินใจไม่สังหารครับ” จุดเด่นที่น่ากลัวอีกอย่างของเหล่าวอร์ริเอร์ก็คืองานด้านการข่าวที่แม่นยำเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นข่าวของฝ่ายแวมไพร์หรือฝ่ายมนุษย์ จนมีคำกล่าวที่ว่าไม่มีความลับใดที่รอดสายตาวอร์ริเอร์ไปได้เลย แม้แต่เรื่องที่วิเวียนติดต่อรายงานลับกับสาธุคุณรอสก็ตาม

“เป็นอย่างที่ข้าคาดไว้ไม่ผิด สุดท้ายนางก็เป็นแค่พรีสอ่อนหัดที่ไม่เคยมีประสบการณ์ หึ ! ข้าอยากเห็นหน้าเจ้ารอสนัก เห็นมันโฆษณาซะดิบดีว่าฝึกมากับมือ ดูท่าคงฝึกกันแค่เรื่องเย็ดละมั้ง” นายพลแลนด์ซาร์ตกล่าวทันทีเมื่อฟังรายงานจบ

“สถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้เราควรจะยื่นมือเข้าไปจัดการน่ะครับ” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยเสนอ

“ถ้าทำอย่างนั้น พวกพรีสจะไม่พอใจเอาได้น่ะ” ลูกน้องอีกคนก็เอ่ยแย้ง

“แต่ข้าเห็นด้วยในเรื่องนี้ เรื่องสังหารอาลูคาร์ด ที่จริงแล้วมันควรจะเป็นหน้าที่ของวอร์วิเอร์อย่างเราเสียมากกว่า ……….. ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะส่งหน่วยพาลาดินไปจัดการ”

“แล้วไม่ทราบว่าท่านแลนด์ซาร์ตจะส่งพาลาดินท่านไหนไปหรือครับ” ลูกน้องคนนึงเอ่ยถาม

“นี่เป็นภารกิจสำคัญ เพื่อความไม่ประมาท ข้าจะส่งพาลาดินทั้ง 5 ไปจัดการ” คำตอบของแลนด์ซาร์ตเรียกเสียงฮือฮาจากห้องประชุมขึ้นมาทันที เพราะพาลาดินทั้ง 5 ถือเป็นกำลังรบสำคัญของเหล่าวอร์ริเอร์ จึงไม่บ่อยนักที่จะส่งทั้ง5 คนไปปฏิบัติภารกิจร่วมกัน

“แล้วปัญหาเรื่องการข้ามมิติล่ะครับ มันก็ต้องใช้ความร่วมมือจากเหล่าพรีสเช่นกัน”

“นั่นไม่ใช่ปัญหา” แลนด์ซาร์ตกล่าวจบก็หัดไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท “พาพวกเขาเข้ามา”

ลูกน้องคนสนิทของเขาทำความเคารพเล็กน้อยก่อนจะแยกออกไป ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับชายกลุ่มหนึ่ง ที่เมื่อดูจากการแต่งกายก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาคือ วิซาร์ด ที่ถูกส่งจากหอการค้าตามคำขอของแลนด์ซาร์ตเพื่อมาช่วยงานด้านการวิจัยอาวุธหินธาตุที่นี่ แต่เรื่องนี้น้อยคนที่จะทราบเพราะยังไงวิซาร์ดก็เป็นคลาสเกิดใหม่ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ มิหนำซ้ำยังถูกปฏิเสธโดยตรงจากเหล่าพรีสอีก แต่ตรงนี้แลนด์ซาร์ตก็ไม่ได้สนใจ เพราะที่เขาสนใจก็คือวิทยาการของพวกวิซาร์ดมากกว่า

“ข้าขอถามพวกท่านหน่อย ถ้าข้าต้องการให้ท่านช่วยข้ามมิติ พวกท่านจะใช้เวลาเท่าใด” แลนด์ซาร์ตเอ่ย

“พวกข้าขอเวลา 3 ชั่วโมงก็พอแล้ว” คำตอบของเหล่าวิซาร์ดทำให้เหล่าสมาชิกในที่ประชุมทึ่งไม่น้อย เนื่องจากพิธีนี้ พวกพรีสต้องใช้เวลาเตรียมการไม่ต่ำกว่า 3 วันทีเดียว

“ดี ! แล้วตอนนี้มีพาลาดินคนใดพร้อมประจำการ”

“พาลาดิน 4 ท่านออกไปทำภารกิจกำลังเดินทางกลับครับ ตอนนี้มีเพียงท่านสโตนเฮดครับ”

“ตกลง งั้นข้าจะส่งสโตนเฮดล่วงหน้าไปคนแรก”

.
.
.
.
.

“ไม่เลวนี่น้องสาว รู้จักข้าด้วย” สโตนเฮดกล่าวขึ้นพร้อมกับสูดบุหรี่ที่พึ่งจุดอย่างสบายอารมณ์ ตรงข้ามกับคู่สนทนาของเขา ที่ตอนนี้ยืนเกร็งอย่างเห็นได้ชัด

“ส่งมันมาให้ข้า” เขากล่าวจุดประสงค์ทันทีไม่อ้อมค้อม ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวหวาดวิตกไว้พอดี

“แต่ท่านสโตนเฮด ……. ทางสภาได้ทำข้อตกลงแล้วนะคะว่าจะมอบเรื่องนี้ให้พรีสเป็นคนดูแล ถ้าวอร์ริเอร์อย่างท่านมาแทรกแซง ข้าว่า……”

“ดูแล !! ดูแลยังไงของเจ้าห่ะ !!” สโตนเฮดตวาดเสียงดังลั่น “อย่านึกว่าข้าไม่รู้น่ะเจ้าได้ตัวมันมานานแล้ว แต่กลับไม่ยอมสังหาร ทำไม ติดใจควยมันนักหรือไงนังเด็กเมื่อวานซืน”

“แต่เขาเป็นมนุษย์นะคะ …… หน้าที่ของพวกเราคือปกป้องมวลมนุษย์จากแวมไพร์ไม่ใช่เหรอคะ ข้าคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่เราจะเป็นฝ่ายมาสังหารมนุษย์ด้วยกันเองแบบนี้”

“มนุษย์แล้วยังไง” สโตนเฮดเอ่ยเสียงเรียบ “มันก็แค่เล่ห์กลของเจ้าพวกแวมไพร์มากกว่า แล้วอีกอย่างนะน้อง” เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

“นี่มันสงคราม ……. การเสียสละก็ต้องมีกันบ้างไม่ใช่เหรอไง”

“หลักการแบบนั้น ข้าไม่ยอมรับหรอก !!” วิเวียนเอ่ยเสียงกร้าวก่อนจะรวบรวมพลังมาน่าผนึกเวทย์แสงขึ้นมาทันที เป็นการประกาศเจตนารมณ์ปฏิเสธของเธออย่างชัดเจน

“คิดจะขวางข้าเหรอ เวทย์ธาตุแสงของเจ้า มันก็ใช้หลอกได้แต่กับพวกแวมไพร์อ่อนหัดเท่านั้นแหละโว้ย” สโตนเฮดเอ่ยเสียงเหี้ยมพร้อมกับเดินเข้าใส่หญิงสาวอย่างไม่กลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร เสียงแตรรถก็ดังขึ้นทันที

“บรี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”

“วิเวียนนนนนนนน ไปเร็ววววววววว” นายอาร์ตนั่นเอง เขาอาศัยช่วงนี้แอบไปสตาร์ทรถเตรียมไว้ ก่อนจะเรียกหญิงสาวให้รีบหนี แต่นั่นก็เปิดโอกาสให้สโตนเฮดเห็นเป้าหมายพร้อมกับพุ่งเข้าจู่โจมทันที แต่วิเวียนก็ระวังอยู่แล้ว เธอซัดหอกลำแสงเข้าใส่ร่างเจ้าพาลาดินอย่างจัง จนร่างของมันกลิ้งไม่เป็นท่าเกิดฝุ่นตลบไปหมด

“ไปเร็วค่ะอาร์ต” วิเวียนเอ่ยทันทีเมื่อขึ้นรถเสร็จ เพราะเธอรู้ดีว่าหอกลำแสงเมื่อครู่แค่สกัดพาลาดินผู้นั้นได้เพียงครู่เดียว ซึ่งเธอก็เดาไม่ผิด สโตนเฮดค่อยๆลุกกายขึ้นท่ามกลางฝุ่นควันพร้อมกับจับจ้องไปยังรถที่พึ่งแล่นออกไป

“คิดหนีเหรอ …… อาภรณ์เทพศิลา” ทันทีที่เขาเอ่ยจบเจ้าพาลาดินก็ร่ายเวทย์ประจำตัว ทันใดนั้นสร้อยคอที่เขาใส่ก็เปล่งแสงสีน้ำตาลสว่างจ้าทันที พร้อมๆดินโคลนสีน้ำตาลไหลขึ้นมาห่อหุ้มร่างเขาจนมิดก่อนที่มันจะจับตัวแข็ง กลายเป็นชุดเกราะลวดลายแปลกตา สโตนเฮดขยับกายเล็กน้อยเพื่อให้ชุดเกราะเข้าที่ ก่อนที่เขาจะวิ่งทะยานตามไล่ล่ารถที่พึ่งแล่นออกไป

.
.
.
.
.

“เจ้าจะหนีไปถึงไหนห่ะ มาโฮน” แวมไพร์สาวผมดำขลับตวาดสั่นหน้าฝูงนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า ก่อนที่เจ้าฝูงนกเหล่านั้นจะบินโฉบลงมาด้านล่างก่อนจะรวมร่างกลับมาเป็นแวมไพร์ร่างสูงโปร่ง

“ข้าจะกลับบริษัท ขอกำลังเสริมจาก wonderland”

“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอมาโฮน กว่ากำลังเสริมจะมาป่านนั้นพวกมันก็ไปถึงไหนแล้ว ดีไม่ดีถ้าเกิดพวกมันหนีกลับเข้า wonderland ได้ เราจะชิงตัวลำบาก”

“เจ้าสิบ้า ไม่เห็นเหรอว่านังนั่นเป็นพรีสธาตุแสง พรีสธาตุแสงน่ะเว้ยยยยยยย ไอ้ธาตุในตำนานที่ใช้สังหารเผ่าพันธุ์เราโดยเฉพาะ ธาตุที่เราโดนมันเข้าจังๆแค่ทีเดียว แค่ทีเดียวก็สังหารเราได้แล้วน่ะเว้ย ถ้าเจ้าอยากเสี่ยงนัก ก็เชิญเจ้าเดินไปลงเหวคนเดียวเถอะเวโรนิก้า” มาโฮนพูดจบก็ตั้งท่าร่ายเวทย์ ร่างเงาพันปักษา เพื่อจะจากไป

“มาโฮนนนนนน !!” เวโรนิก้าตวาดเสียงดังลั่น ก่อนที่นางจะเปลี่ยนเสียงพูดเป็นเสียงเหยียดหยามแวมไพร์ตรงหน้า “ที่แท้ตัวเจ้าก็ขี้ขาดเช่นนี้เองเหรอมาโฮน อ้อ …. เพราะคู่ขาตายไปก็เลยทำให้เจ้าสติแตกเหรอไง”

“เจ้าว่าไงน่ะ เวโรนิก้า !!” เจ้าแวมไพร์ร่างสูงหันมามองทันที สายตาของมันจ้องมองมาที่แวมไพร์สาวอย่างกินเลือดกินเนื้อ ซึ่งเธอก็ไม่สนใจ กล่าวเย้ยมันต่อ

“หึ ! ปกติข้าเห็นเจ้าชอบทำวางท่า แต่เอาเข้าจริงกลับขี้ขลาดเช่นนี้เลยเหรอ แต่พูดถึง ข้าก็มีกระโปรงเก่าๆอยู่ ยังไงเดี๋ยวข้าจะบริจาคให้เจ้าไปใส่น่ะ”

“เวโรนิก้า !! เจ้าเป็นแค่แวมไพร์ชั้นต่ำ แต่กลับกล้าหยามข้าขนาดนี้เรอะ” มาโฮนตวาดลั่นพร้อมกับฟาดฝ่ามือเข้าใส่ทันที ซึ่งแวมไพร์สาวก็พลิ้วหลบไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะตวัดฟาดสันมือเข้าใส่จนแวมไพร์ร่างสูงโปร่งล้มลงไม่เป็นท่า

“ร่างเงาพันปักษา” เจ้าแวมไพร์ร้องลั่นก่อนที่ร่างของมันจะแตกกระจายกลายเป็นฝูงนกนับพันบินร่อนอยู่เต็มท้องฟ้า และคราวนี้เจ้ามาโฮนก็ไม่ประมาทเหมือนครั้งก่อนๆ มันจัดรูปขบวนใหม่โดยเน้นตีวนอยู่รอบๆ และก็อาศัยจังหวะเข้าโจมตีจากมุมบอด

“อ๊ากกกกกกกกกกก”เวโรนิก้าหวีดร้องดังลั่น เมื่อเจ้านกตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่เธอจากด้านหลังอย่างแรงพร้อมกับระเบิดออก ทิ้งรอยไหม้สีแดงไว้ที่แผ่นหลัง แต่เธอเองก็เจ็บไม่ได้นาน เจ้านกตัวที่ 2-3 ก็บินโฉบลงมาแล้ว ทำให้เธอต้องร่ายเวทย์ป้องกันเป็นพัลวัน แต่เพราะจำนวนนกที่มีอยู่มากมายบวกกับมันโจมตีเธอได้จากทุกทิศทาง ทำให้ในที่สุดเธอก็โดนจนระเบิดเข้าไปหนึ่งชุดจนต้องล้มกับพื้น และนั่นก็เป็นโอกาสที่เจ้ามาโฮนจะโจมตีกระหน่ำเธอไม่ยั้ง จนแวมไพร์สาวบอบช้ำไปทั้งตัวหมดสภาพไปในที่สุด

“ฮ่าๆๆๆ เป็นไงล่ะมึง เจอเวทย์ประจำตระกูลกูเข้าไป ยังจะมาปากดีอีกไหม นี่แหละ ที่เขาเรียกว่าความต่างของแวมไพร์แท้กับแวมไพร์ตีตราล่ะเว้ย” เจ้ามาโฮนหัวเราะอย่างสะใจกับผลงานตรงหน้า

.
.

“อัสนีบาตหลั่งไหล”

.
.

เพราะเจ้ามาโฮนมัวแต่ย่ามใจนั่นเอง มันก็เลยเผลอเข้ามาในระยะโจมตีโดยไม่รู้ตัว ชั่วพริบตานั้นกระแสไฟฟ้าจำนวนมากก็กระจายออกจากร่างแวมไพร์สาวเข้าโจมตีร่างนกของมันทุกทิศทาง จนร่างนกของมันร่วงระนาวบนพื้น แต่แค่นั้นยังไม่พอ แวมไพร์สาวลุกยืนขึ้นพร้อมกับร่ายเวทย์อีกชุดที่รุนแรงกว่าทันที

“เสาสลัก เทพสายฟ้า” กระแสไฟฟ้าจำนวนมากในอากาศโดนดึงดูดเข้ามารวมกันในร่างของแวมไพร์สาวก็จะส่งผ่านเธอไปยังพื้นเข้าจู่โจมร่างนกของมาโฮนที่นอนกระจัดกระจาย จนเสียงร้องโหยโหวนดังไปหมด เพราะเวทย์ชุดนี้ เป็นเวทย์สายฟ้าระดับเลเวล 6 ที่มีพลังทำลายมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนโดนเป็นพวกธาตุน้ำด้วยล่ะก็ พลังทำลายก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเป็นหลายเท่า

“เวทย์ประจำตระกูลแล้วยังไง สุดท้ายมันก็ต้องอยู่ในสาระบบ 5 ธาตุจักรวาลอยู่ดี” แวมไพร์สาวเอ่ยขึ้นโดยที่ท่าทางเป็นปกติทุกอย่าง ราวกับว่าการโจมตีเมื่อครู่ของมาโฮนไม่ได้สร้างการบาดเจ็บให้เธอเลย

“และเวทย์ที่สามารถแบ่งร่างออกจากกันได้แบบนี้ ก็มีแต่เวทย์ธาตุน้ำใช่ไหมล่ะ แต่จะว่าไปทีแรกข้าก็ไม่แน่ใจหรอกนะ จนเมื่อเจ้าเร่งความร้อนในร่างนกจนเดือดแล้วพุ่งเข้าจู่โจมข้านี่สิ นี่มันการโจมตีแบบพวกธาตุน้ำชัดๆ”

“และนั่นก็คือสิ่งที่เจ้าทำพลาดมาโฮน เจ้าทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นพวกสายธาตุอะไร แถมการโจมตีของเจ้ามันก็ช่างไร้ความหมาย เพราะข้าเป็นแวมไพร์ธาตุไฟ เอาความร้อนมาโจมตีข้ามันไม่ดูสิ้นคิดไปหน่อยเหรอ” เวโรนิก้ากล่าวเหยียดเจ้าแวมไพร์ตรงหน้า ก่อนจะใช้เท้าขยี้ร่างนกที่นอนอยู่เกลื่อนพื้น

“เอาล่ะ จะกลับไปพร้อมกับข้าดีๆไหมมาโฮน” เวโรนิก้าเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะร่ายเวทย์ชุดเดิมอีกครั้ง พร้อมกับเสียงร้องอย่างโหยหวนที่ดังขึ้นของแวมไพร์มาโฮน

.
.
.
.
.

“เจ้านั้นเป็นใครเหรอวิเวียน พวกแวมไพร์หรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามทันทีหลังจากรถของพวกเขาทิ้งระยะออกมาได้ไกลพอดู

“ไม่ใช่แวมไพร์คะอาร์ต เขาเป็นคนในหน่วยพาลาดินของพวกวอร์วิเอร์น่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบพร้อมกับมองกระจกหลังเป็นระยะ

“วอร์ริเอร์ ??” ชายหนุ่มเอ่ยทวนอย่างฉงน

“พวกที่ต่อสู้กับแวมไพร์เช่นเดียวกับพรีสนี่แหละคะ เพียงแต่พวกเขาไม่มีพลังเวทย์ ใช้เพียงอาวุธและทักษะการต่อสู้เท่านั้น จะมีก็แต่หน่วยพาลาดินนี่แหละ ที่ฝึกการใช้เวทย์เพื่อเอามาประสานกับการต่อสู้ด้วย แต่เพราะเขาไม่ได้ฝึกฝนพลังมาน่าเพียงพอ ปกติพลังเวทย์ของเขาก็เลยไม่สูงนักแถมใช้ได้เพียงธาตุเดียว แต่ต่อมา พอมีพวกหินธาตุเกิดขึ้น พวกเขาก็พัฒนาพลังตัวเองแบบก้าวกระโดด จนผู้มีพลังสูงสุดของแต่ละธาตุ จะถูกเรียกมารวมกันเป็น 5 พาลาดิน แล้วได้ชื่อโคดเนมตามสายธาตุที่ตนใช้ ….. อย่างชายคนนั้นก็คือ สโตนเฮดแห่งธาตุดิน”

“วิเวียน ……!!” นายอาร์ตเอ่ยขึ้นทันทีที่วิเวียนพูดจบ ภาพที่เขาเห็นผ่านกระจกหลังเป็นภาพที่เขาไม่อยากเชื่อสายตา ภาพของชายที่สวมชุดเกราะที่คลุมมิดไปทั่วร่างกำลังไล่ตามเขามา ครั้นชายหนุ่มจะเร่งเครื่องหนี ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหนีพ้น ไม่แค่นั้น ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็กำลังถูกย่นเข้ามาเรื่อยๆ

“ชุดเกราะนั่นเคลื่อนไหวด้วยพลังเวทย์ แค่ความเร็วยังไม่พอหรอก” วิเวียนเอ่ยขึ้นก่อนจะเปิดประตูรถออก จากนั้นเธอก็ปล่อยหอกลำแสงเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่สองข้างทาง ทำให้ต้นไม้เหล่านั้นหักโค่นลงมากลายเป็นกำแพงกั้นขวางอยู่กลางถนน

“หึ !” สโตนเฮดสบถมาคำหนึ่งราวกับจะดูแคลนการกระทำตรงหน้า วิชาอาภรณ์เทพศิลาของเขาเป็นวิชาชุดเกราะธาตุดินระดับเลเวล 9 ท่อนไม้ที่ขวางหน้าพวกนี้ก็เป็นเหมือนไม้ซี่เล็กๆในสายตาของเขาเท่านั้นเอง ว่าแล้วเขาก็ตัดสินใจวิ่งเข้าชนท่อนไม้เหล่านั้นตรงๆ แรงปะทะทำให้ท่อนไม้เหล่านั้นฉีกกลางอย่างง่ายดาย

แต่นั่นก็เข้าแผนของพรีสสาวเต็มๆ เพราะทันทีที่สโตนเฮดวิ่งฝ่าท่อนไม้เหล่านั้นจนหมดเขาก็พบว่าทางข้างหน้าเป็นโค้งหักศอกที่ลาดชัน ท่อนไม้เหล่านี้แท้จริงแล้วไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อกีดขวางเขาแต่แรก แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือกีดขวางทัศนวิสัยของเจ้าพาลาดินให้พลาดท่าพลัดตกลงไปนั่นเอง

“เยี่ยม !!” นายอาร์ตร้องออกมาอย่างลิงโลดก่อนจะถือโอกาสเร่งเครื่องยนต์ขับหนีไปทันที เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าแค่พลัดตกลงไปอย่างมากก็แค่ทำให้เจ้าพาลาดินเสียเวลานิดหน่อยเท่านั้น

แต่ทันใดนั้น ชายร่างยักษ์ที่หุ้มเกราะทั้งร่างก็พุ่งพรวดออกจากข้างทาง ก่อนจะวิ่งเข้ากระแทกที่ตัวรถอย่างแรง แรงกระแทกทำเอาตัวรถเสียหลักวิ่งเข้าอัดข้างทางอย่างจัง โชคที่ระบบนิรภัยของตัวรถทำงานได้ทันเวลา นายอาร์ตกับวิเวียนก็เลยไม่ได้รับบาดเจ็บมาก แต่ยังไม่ทันที่พวกจะได้ตั้งตัว ประตูรถก็ถูกกระชากออก พร้อมกับร่างชายหนุ่มที่โดนเหวี่ยงกระเด็น

“ลำแสงสะเก็ดดาว …… จงก่อร่างเป็นเชือก !!” แต่ไม่ทันที่เจ้าพาลาดินจะได้ทำอะไรต่อ เชือกลำแสงจำนวนมากก็พุ่งเข้ามารัดร่างของเขาไว้ในทันที

“คิดจะขวางข้าให้ได้ใช่ไหม งั้นข้าไม่เกรงใจแล้วน่ะ !!” สโตนเฮดกล่าวเสียงเหี้ยมเกรียม ก่อนจะกระชากแขนอย่างแรง เชือกลำแสงที่สร้างจากเวทย์เลเวล 6 ก็ขาดสะบั้นเนื่องจากไม่อาจทานแรงของชุดเกราะเลเวล 9 ได้เลย และทันทีที่เจ้าพาลาดินสลัดได้สำเร็จ มันก็พุ่งหมัดขวาเข้าจู่โจมทันที

“จงก่อร่างเป็นโล่” วิเวียนร้องลั่นพร้อมกับร่างเวทย์ป้องกันหมัดของเจ้าพาลาดินทันที ด้วยเวทย์ที่ต่างระดับกันจนเกินไป โล่แสงจึงไม่อาจต้านทานได้เลย แม้ในการปะทะกันครั้งแรกโล่จะยังไม่แตก แต่แรงปะทะก็เพียงพอที่จะดีดร่างของพรีสสาวให้กระเด็นห่างออกไป และเมื่อหมดตัวขัดขวาง เจ้าพาลาดินก็พุ่งเข้าใส่ร่างของนายอาร์ตเพื่อทำการปิดฉากทันที

“อย่าน่ะ !!!” วิเวียนร้องเสียงหลงก่อนที่จะพยามพุ่งเข้าไปเบื้องหน้า แต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแล้วเพราะเจ้าพาลาดินง้างหมัดเต็มที่ก่อนจะปล่อยหมัดออกไปเต็มแรง

.
.

“ระเบิดเพลิงอัคนี !!”

.
.

แต่ก่อนที่หมัดของเจ้าพาลาดินเข้าจัดการนายอาร์ต พริบตานั้นก็มีร่างบางของแวมไพร์สาวโผล่เข้ามาตรงหน้า ก่อนจะจัดการร่ายเวทย์โจมตีทันทีจนเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว แม้ว่าระเบิดเวทย์ธาตุไฟจะธาตุที่เจ้าพาลาดินแพ้ทางพอดี แต่ด้วยระดับเลเวลแค่ 6 ก็ยังน้อยเกินไปที่จะทำอันตรายมันได้ แต่กระนั้นแรงระบิดก็ช่วยแยกพวกเขาให้กระเด็นออกจากกัน

“คิดถึงหม๊ามี๋ไหมจ๊ะ~~~” แวมไพร์สาวหันมายิ้มหวานใส่นายอาร์ตทันที และไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ตั้งตัว เธอก็ดึงเขามาจุมพิต ก่อนที่สติของชายหนุ่มจะดับวูบลง

.
.
.

“ตื่นได้แล้ว” แวมไพร์สาวก้มลงไปกระซิบเบาๆข้างหูชายหนุ่มที่นอนหนุนตักเธออยู่เบื้องล่าง ทำให้เขาต้องค่อยๆลืมตาตื่นจากภวังค์ขึ้นมาช้าๆ แต่ทันทีที่เขาลืมตาตื่นเต็มที่ เขาก็ต้องตกใจกับสภาพตัวเองทันที เพราะเขาตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า นอนราบอยู่บนทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา แถมมิหนำซ้ำ เขายังนอนหนุกตักแวมไพร์สาวที่เป็นคู่ปรับของคนรักของเขาเสียอีก แถมเธอเองก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเช่นเดียวกัน ทำให้เต้างามคู่สวยของเธอ เปล่งประกายโดดเด่นเย้ายวนสายตาของชายหนุ่มตรงหน้า และเมื่อเธอเห็นเขาตื่นเต็มที่แล้วเธอก็เอ่ยเสียงหวานๆใส่เขาทันที

“ตื่นแล้วเหรอหนุ่มน้อย ข้าชื่อเวโรนิก้า”

“ใครเขาถามกัน …… นี่เธอทำอะไรกับชั้นเนี่ย” นายอาร์ตเอ่ยเสียงหลงเพราะตอนนี้เขามานอนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แถมเมื่อเขาเริ่มขยับกาย ก็ปรากฏว่าร่างกายแข็งทื่อไม่อาจจะขยับได้เลย

“โลกนิมิตแดนฝัน” เวโรนิก้าตอบคำถามของเขาพร้อมกับลูบผมชายหนุ่มตรงหน้าเบาๆ “มนต์นิทราขั้นสูงนะ มนต์นี้ต่างจากมนต์นิทราอื่นๆทั่วไปก็เพราะว่ามนต์อื่นจะสะกดให้เจ้าหลับในจิตใต้สำนึกของเจ้า แต่มนต์นี้จะสะกดให้เจ้ามาหลับใจจิตของข้าแทน ….. เป็นไงจ๊ะ ชอบโลกที่ข้าสร้างไหม”

“ก็แค่ภาพลวงตา” ชายหนุ่มตอบ

“อู๊ ~~~~” แวมไพร์สาวลากเสียงยาวใส่เขาเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆยกหัวชายหนุ่มออกจากตักของเธอเบาๆ จากนั้นเธอก็ค่อยๆเลื้อยกายลงมาที่หน้าอกชายหนุ่ม ก่อนจะก้มลงมาขบกัดที่หัวนมของเขาเบาๆ เล่นเอาชายหนุ่มร่างกระตุกด้วยความเสียวซ่าน แวมไพร์สาวเห็นดังนั้นก็ยิ่งได้ใจ เอื้อมมือไปรูดควยของเขาเบาๆ พร้อมๆกับตวัดลิ้นโลมเล้าไปทั่วหัวนมทั้งสองด้าน

“ซี๊ดดดดดดดดด” ชายหนุ่มร้องเบาๆในลำคออย่างสุดกลั้น เขาพยามฝืนทนต่อการโล้มเล้าของแวมไพร์สาวอย่างเต็มที่ แต่เมื่อเขามาเจอกับลีลาตวัดลิ้นที่พลิ้วไหวสลับกับการขบกัดเบาๆที่เล่นงานเขามันค่อยๆปลุกเร้าในต่อมกระสันของเขาให้เริ่มทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้นไม่พอ ยิ่งเมื่อแวมไพร์สาวเอามือที่แสนนุ่มนวลของเธอโอบรัดรอบลำควยอวบอิ่มของเขา ก่อนจะรูดมันขึ้นลงช้าๆ ก่อนจะเน้นหนักบริเวณปลายหัว มันก็ทำให้เขาต้องเสียวซ่านจนเกินรับไหว จนในที่สุด เขาก็ต้องปล่อยเสียงครางหลุดออกมาเป็นระยะ

“อิๆๆ ก็แค่ภาพลวงตาเหรอ” เวโรนิก้าเล่นเสียงสูงล้อเลียนชายหนุ่มตรงหน้า แต่เขาก็ยังปิดปากเงียบพร้อมกับเบือนหน้าหนีราวกับยังไม่ยอมแพ้ ทำให้เธอชักจะหมั้นไส้ชายหนุ่มคนนี้ขึ้นมาเล็กๆ ว่าแล้วเธอก็เลยหันไปเน้นโจมตีเจ้าท่อนเอ็นของชายหนุ่มทันที ซึ่งเธอก็ต้องตื่นตะลึงกับท่อนเอ็นในมือเธอไม่น้อย เพราะเจ้าท่อนเอ็นที่ตอนนี้เติบโตเต็มที่ ขนาดของมันจึงขยายใหญ่ออกมาถึง 8 นิ้ว อีกทั้งยังรูปทรงสวยได้รูป หัวหยักก็เปล่งสีแดงระเรื่อ นับว่าเจ้าท่อนเอ็นนี้เป็นท่อนที่สวยงามท่อนหนึ่งที่เธอเจอมาเลยทีเดียว ทำเอาแวมไพร์สาวทนไม่ไหว ต้อก้มหน้าลงไปลิ้มลองดูสักที

“อุยยยยยยย” นายอาร์ตต้องร้องสะดุ้งขึ้นมาทันทีเมื่อปากนุ่มๆอวบอิ่มของแวมไพร์สาวค่อยๆดูดกลืนท่อนควยของเขาเข้าไปช้าๆ ก่อนจะเริ่มโม๊คขึ้นลงอย่างเร่าร้อน จนนายอาร์ตต้องหลุดครางออกมาอย่างไม่อาจกลั้น แม้ว่าท่อนควยของเขาจะผ่านฝีปากหญิงสาวมาไม่น้อย แต่กลับไม่อาจะเทียบเคียงการใช้ปากของแวมไพร์สาวผู้นี้ได้เลย ปากของเธอนั้นช่างอวบอิ่มนุ่มนวล แต่ขณะเดียวกันเมื่อใช้ดูดรัดท่อนควยของเขา มันก็ช่างรัดแน่นจนเขาเสียวไปทุกจุด สลับการใช้ลิ้นของเธอ ที่ช่างพลิ้วไหวแผ่วเบา แต่ขณะเดียวกันก็โจมตีได้ตรงจุดกระสันของเขาได้อย่างแม่นยำราวกับว่าเธอทราบเป็นอย่างดีว่าเขามีจุดเสียวที่ตรงไหน จนเขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านี่เป็นการเย็ดกันครั้งแรกของเขาและเธอ

ส่วนแวมไพร์สาวเมื่อเห็นชายหนุ่มเริ่มแสดงอาการเสียวซ่านออกมา เธอก็ยิ่งเร่งสปีดโม๊คท่อนควยให้หนักขึ้น จนท่อนควยที่ขนาด 8 นิ้วยิ่งอวบขยายมากขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นสัญญาณให้เธอบอกกับเธอว่า ชายหนุ่มคนนี้ใกล้ถึงที่หมายแล้ว เมื่อเป็นดังนั้นเธอก็ใช้มือช่วยรูดท่อนควยอีกแรง เพื่อจะยิ่งเร่งให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวกระสันให้มากที่สุด ซึ่งมันก็ได้ผล ชายหนุ่มรู้สึกอัดแน่นที่หัวควยจนแทบระเบิด เขารู้สึกได้เลยถึงน้ำเงี่ยนในตัวที่ไหลมาอัดแน่นรวมกันราวกับโดนดูดอย่างหนักจากแวมไพร์สาวตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนควยแทบระเบิด และในที่สุดเขาก็ไม่อาจทานทนไว้ เขาร้องออกมาหนึ่งคำก่อนจะฉีดน้ำเงี่ยนเหล่านั้นออกไปอย่างรุนแรง เล่นเอาแวมไพร์สาวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะดูดกลืนน้ำเงี่ยนเหล่านั้นไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว

“อร่อยจัง” เธอยิ้มหวานก่อนจะบอกเขาเบาๆ น้ำเงี่ยนของเขานั้นไม่คาวมากนักแถมยังออกหวานหน่อยๆ ทำให้แวมไพร์สาวรู้สึกถูกใจไม่น้อย เธอจึงก้มลงไปดูดใหม่อีกครั้ง เล่นเอาชายหนุ่มที่พึ่งปลดปล่อยอารมณ์เมื่อครู่ต้องเสียวซ่านขึ้นมาอีกรอบ ท่อนควยที่แห้งเหี่ยวไปแล้วจากการโดนรีดน้ำในรอบแรก ก็กลับค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง แถมลีลาการโม๊คของเธอก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เธอยังดูดได้รุนแรงและเสียวซ่านเช่นเดิม ราวกับว่าเธอสามารถดูดได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

และทันทีเจ้าท่อนควยขยายขึ้นเต็มที่ เธอก็ขยับปากออกก่อนจะขยับนำเนินหีของเธอมาจ่อแทน หีของเธอในตอนนี้เปียกเยิ้มไปด้วยน้ำรักแสดงให้เห็นว่ามันพร้อมที่จะทำงานแล้ว เธอจึงตัดสินใจค่อยๆกดเนินหีของเธอลงไปทันที “อ๊ายยยยยยยยยยยยยย” แค่เริ่มต้นยัดท่อนควยเข้าไปเล็กน้อยเท่านั้นแวมไพร์สาวหวีดร้องออกมาทันที เนื่องจากช่องคลอดของเธอที่ฟิตแน่นอยู่มาก ต่อให้มีน้ำรักไหลเยิ้มมากแค่ไหน แต่การจะยัดท่อนควยใหญ่โตเช่นนี้ลงไปมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว แวมไพร์สาวมองดูชายหนุ่มเบื้องล่างตอนนี้เขาเองก็หน้านิ่วไปด้วยความเสียวไม่แพ้เธอ เมื่อเป็นเช่นนี้เธอก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะทิ้งตัวพรวดลงไปทันที เล่นเอาเจ้าท่อนควยกระแทกไปถึงมดลูกดังกึก แถมเธอเองก็ต้องจุกแน่นไปหมด จนเธอต้องหวีดร้องออกมาเพื่อระบายความอัดแน่นที่อยู่ในกาย แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงชายหนุ่มร้องออกมาคำหนึ่งเช่นกัน เธอก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะเท่ากับว่าที่เธอลงทุนแกล้งเขาเมื่อครู่มันได้ผล

“เสียวไหม” เธอถาม ซึ่งคำตอบที่เธอได้รับกลับมาก็คือเสียงครางกระเส่าของเขานั่นเอง ดูท่าตอนนี้เขาคงพ่ายแพ้ในเกมส์กามต่อเธออย่างหมดท่าเสียแล้ว

และเมื่อเป็นเช่นนี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องตรึงร่างเขาอีกต่อ แวมไพร์สาวดีดนิ้วเบาๆหนึ่งครั้ง เพียงเท่านี้ชายหนุ่มก็เป็นอิสระ และทันทีที่เขาเป็นอิสระจากเธอ เขาก็พลิกร่างเธอนอนคว่ำทันที ก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างกดแขนของเธอแนบไปกับพื้น พร้อมกับกับตะบันควยเข้าไปอย่างรุนแรง ราวกับอดอยากมานาน ซึ่งแวมไพร์สาวก็ตอบโต้ทันควัน เธอยื่นขาสองข้างไปพาดบ่าของเขาทันที เพื่อจะแน่นแอ่นเนินหี รับการกระแทกอย่างป่าเถื่อนนั้นแบบเน้นๆ

“แรงๆเลยคะที่ร๊ากกก แรงๆเลยยยยย” เธอหวีดร้องอย่างเสียวซ่าน พร้อมกับขมิบตอดรัดใส่ท่อนควยที่กระแทกมานั้นอย่างรุนแรง เล่นเอานายอาร์ตต้องเหงื่อไหลออกมาอย่างสุดเสียว แต่ช่องคลอดที่ฟิตแน่น บวกกับการขมิบรัดอย่างรุนแรง ก็ทำให้เขารู้สึกสะใจกับการเย็ดครั้งนี้ไปอย่างไม่รู้ตัว เขากระเด้าสะโพกไปมาใส่ร่างงามนั้นอย่างเมามันส์ ซึ่งเธอก็หวีดร้องออกมา ดูท่าเธอเองก็คงเสร็จสมไปเรียบร้อยแล้ว

ชายหนุ่มก้มลงไปมองหญิงสาวตรงหน้า ตอนนี้เธอหน้านิ่วเล็กน้อยแม้เธอจะเสร็จสมไปแล้วแต่อาการจุกแน่นก็ยังไม่หายไป เขาจึงก้มลงจูบใส่แวมไพร์สาวตรงหน้าอย่างดูดดื่มราวกลับจะปลอบประโลมเธอให้หายจากอาการนั้น พร้อมกันนี้เขาก็ขยับเอวให้ช้าลงเธอจะได้ไม่ต้องเจ็บมาก

แต่เป็นแวมไพร์สาวเองที่เอามือไปเกาะกุมที่เอวของเขาพร้อมกับครางเสียงกระเส่า “มะ….ไม่เป็นระ….ไร ข้า…..ทนได้”

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็กระแทกควยใส่เธออย่างรุนแรงสะใจต่อทันที จนตอนนี้น้ำเงี่ยนที่พึ่งผลิตขึ้นมาใหม่ ก็หลั่งไหลมารวมกับที่ลำควยเขาอีกครั้งจนมันบวมเปล่งเต็มที่ เมื่อเป็นเช่นนี้ชายหนุ่มก็กระหน่ำแทงลงไปไม่ยั้ง และในที่สุดเขาก็ถึงที่หมายสมใจ น้ำเงี่ยนทั้งหมดก็ฉีดทะลักเข้าไปในมดลูกเธอจนหมด โดยที่เขาทิ้งร่างลงบนตัวหญิงสาวอย่างเหนื่อยอ่อน ซึ่งเธอก็ตอบสนองโดยการกอดเขาไว้แน่น และเมื่อเธอเห็นว่าลำควยที่ค้างอยู่ในช่องคลอดกำลังจะอ่อนลง เธอก็เลยจัดการขมิบตอดเจ้าท่อนควยนี้อีกครั้งจนมันค่อยๆแข็งขึ้นมาทันตา

ดูท่าการเย็ดของเธอและเขาคงไม่จบลงง่ายๆแน่

.
.
.

“เจ้าทำอะไรกับอาร์ต” วิเวียนเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองร่างบางตรงหน้าอย่างเดือดดาด ตอนนี้ชายคนรักของเธอสลบไสลไปในอ้อมแขนของมันแล้ว

“ทำอะไร …… ก็เย็ดกันอยู่นะสิ” เวโรนิก้ากล่าวยั่วโทสะฝ่ายตรงข้ามทันที ซึ่งก็ได้ผล พรีสสาวหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “เย็ดกันในฝันแท้ๆแต่ก็ส่งผลมาถึงร่างจริงด้วยแหะ ให้ตายสิ … ระบมหีชะมัด”

“แต่ก็มันส์จริงๆเลยนะ พ่อหนุ่มคนนี้เย็ดเก่งแถมควยก็ใหญ่อีก รู้แบบนี้ข้าจับเย็ดไปนานแล้วล่ะ” แวมไพร์สาวกล่าวยั่วโทสะคู่ปรับตรงหน้าต่อ พร้อมกับประครองร่างชายหนุ่มยืนขึ้น ซึ่งนั่นก็พร้อมกันกับความอดทนของพรีสสาวที่ขาดสะบั้น เธอรวบรวมพลังแสงพร้อมกับตวาดลั่นทันที

“นังแพศยา !!!” ว่าแล้วเธอก็ซัดหอกลำแสงใส่แวมไพร์สาวตรงหน้าทันที หอกลำแสงที่เวโรนิก้ารู้ซึ้งถึงอานุภาพดี แต่คราวนี้เธอกลับไม่คิดหลบ พร้อมกับยิ้มบางๆออกมาเล็กน้อย

.
.
.
.
.

ไม่กี่นาทีก่อนหน้า

“นี่นะเหรอรังของพวกมัน” มาโฮนเอ่ยขึ้นหลังจากที่มันและเวโรนิก้าพุ่งทะยานมาถึงบ้านไอ้ตุ๋นแล้ว “เงียบแบบนี้หรือมันจะหนีไปแล้ว”

“ไม่ใช่หนีธรรมดาด้วย เพราะดูท่ากำลังมีคนไล่ตามพวกมันอยู่” เวโรนิก้าเอ่ยขึ้นเมื่อสำรวจพบรอบเท้าของสโตนเฮดบนพื้น

“พวกเราหรือเปล่า” มาโฮนถามขึ้น

“ไม่รู้ แต่เรารีบตามไปดีกว่า” เวโรนิก้าเอ่ยตอบพร้อมกับรีบทะยานไปทันที แต่แล้วเจ้ามาโฮนก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน

“เดี๋ยวเวโรนิก้า …….. ถึงยังไงข้าก็ขอพูดอีกครั้ง นังพรีสนั่นเป็นพรีสธาตุแสง รู้แบบนี้เจ้าจะทำยังไง”

“แล้วเจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับธาตุแสงสว่างมั่งล่ะ” เวโรนิก้าหันมาเอ่ยถาม

“ธาตุแสงสว่างก็เป็นหนึ่งในสองธาตุพิเศษที่อยู่นอกเหนือสาระบบ 5 ธาตุจักรวาล ที่ผู้ใช้ต้องเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมกับมีธาตุนี้เป็นธาตุหลักเท่านั้น ไม่อาจจะฝึกได้ ธาตุนี้ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเผ่าแวมไพร์อย่างเราโดยตรง แค่โดนพลังธาตุนี้เข้าจังๆไปแค่ครั้งเดียวก็จะสลายทันที และว่ากันว่า ท่านอาลูคาร์ดในอดีตก็โดนสังหารด้วยเวทย์ธาตุนี้นี่แหละ”

“แล้วธาตุสายนี้ชนะหรือแพ้ทางธาตุสายไหนมั่งไหม” แวมไพร์สาวเอ่ยถามต่อ

“ไม่มี ….” เจ้ามาโฮนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ ซึ่งแวมไพร์สาวก็ยิ้มน้อยๆรับคำตอบนั้น

“นั่นแหละ เราจะใช้ตรงนี้สู้กับมัน”

.
.
.
.
.

“โล่พิทักษ์ธาตุดิน”

แวมไพร์สาวร่ายเวทย์ดังลั่นทันที ชั่วพริบตานั่นโล่ทรงกลมสีน้ำตาลก็พลุดขึ้นกลางอากาศรับการโจมตีของหอกลำแสงทันที ก่อนที่แวมไพร์สาวจะร้องลั่นอีกรอบ โล่พิทักษ์ก็เบี่ยงตัวเล็กน้อยเบี่ยงเอาพลังหอกลำแสงพุ่งเฉียดไปอีกทาง

แม้ธาตุแสง จะเป็นธาตุที่มีพลังทำลายโดยตรงต่อแวมไพร์ แต่เนื่องจากว่าไม่มีธาตุใดแพ้ทางธาตุนี้เลย ทำให้ตรงนี้กลายเป็นจุดอ่อน เวโรนิก้าก็เลยเรียกเอาเวทย์สายป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอมารับมือ ซึ่งมันก็ได้ผล แม้ไม่สามารถรับการโจมตีได้ 100% แต่ก็สามารถเบี่ยงทิศทาง เพียงเท่านี้เวทย์ธาตุแสงก็ไม่อาจทำอะไรเธอได้แล้ว

“หึ !” สโตนเฮดสบถออกมาคำหนึ่งก่อนจะพุ่งเข้าใส่แวมไพร์สาวตรงหน้าทันที แต่แวมไพร์สาวเองก็รู้จักกิตติศัพท์พาลาดินตรงหน้าเป็นอย่างดี เธอประครองร่างชายหนุ่มทะยานหลบไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยเรียกดังลั่น

“เอาเลย มาโฮนนนนนนนน!!”

พริบตานั้นฝูงนกที่ซุ่มแอบอยู่สองข้างทางก็พุ่งทะยานออกมาโจมตีทันที วิเวียนที่อยู่ในวงล้อมพยามรวบรวมพลังเวทย์เข้ารับมือแต่ฝูงนกที่รุมตีอย่าง ต่อเนื่องก็ทำให้เธอไม่อาจรวมพลังเวทย์ได้ ในขณะที่สโตนเฮดแม้จะตีฝูงนกพวกนี้แตกกระจายไปหลายตัว แต่มันก็กลับมารวมร่างกันใหม่พร้อมกับโจมตีเขาอีกรอบ จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แค่ปัดป้องไปมาเท่านั้น

“แผนเจ้าไม่เลวว่ะเวโรนิก้า ตอนนี้เราเผ่นกันดีกว่า” เจ้ามาโฮนในร่างนกตัวหนึ่งแยกจากฝูงออกมาบอกกับเธอ

แต่แวมไพร์สาวยิ้มเหี้ยมก่อนจะเอ่ยตอบช้าๆ “ไม่ใช่เราว่ะมาโฮน”

“อัสนีบาตกัมปนาท !!”

เวทย์สายกัมปนาทเป็นเวทย์ระเบิดในรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้ใช้จะอัดพลังเวทย์ใส่ร่างอีกฝ่ายให้กลายเป็นระเบิดเวลา ก่อนจะสั่งให้จุดตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ เพียงแต่เวทย์บทนี้มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งอย่างก็คือจะอัดใส่ลงไปได้เฉพาะเวทย์ ที่แพ้ทางกันเท่านั้น

และเมื่อสิ้นเสียงร่ายเวทย์ เจ้ามาโฮนก็ตาค้างตื่นตะลึง ‘นังนี้อัดเวทย์เข้ามาตอนไหน ….. หรือว่าตอนดาดฟ้า …… นังนี้มันวางแผนไว้แต่แรกแล้วเหรอ อ๊ากกกกกกกกก’

บรึม ! บรึม ! บรึม ! บรึม ! บรึม ! บรึม ! บรึม ! บรึม ! บรึม ! บรึม ! บรึม !

แต่เจ้ามาโฮนก็ไม่อาจหาคำตอบได้แล้ว เพราะตอนนี้ร่างของมันก็ระเบิดกระจุยกระจาย โดยเฉพาะตอนนี้มันกำลังอยู่ในร่างนก รัศมีการทำลายก็ยิ่งทวีคูนไปไกล และคนที่ได้รับผลกระทบนี้ไปด้วยก็ไม่พ้นพรีสสาวกับเจ้าพาลาดินที่ตอนนี้พวก เขาไม่ต่างกับอยู่ทามกลางระเบิดนับพัน แรงระเบิดที่ดังต่อเนื่องเล่นเอาเศษดินเศษฝุ่นบริเวนนั้นฟุ้งกระจายไปทั่ว

เวโรนิก้ายิ้มเย็นยะเยือกอีกครั้งที่แผนทั้งหมดสำเร็จตามเป้าหมาย ก่อนที่แวมไพร์สาวจะพยุงร่างของชายหนุ่มทะยานหนีกลับไป

<จบตอน>

Related

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 14 Paladin"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved