ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99
hard36a001

A4U Hard Series 80 Albums

October 15, 2024
80 79

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

ตอนที่ 13 Vivian

  1. Home
  2. แค่นิยาย
  3. ตอนที่ 13 Vivian
Prev
Next

“อ๊ากกกกกกกกกกก ….. อ๊ากกกกกกกกกกก ….. อ๊ากกกกกกกกกกก”

เสียงร้องลั่นโหยหวนของเจ้าแวมไพร์ร่างยักษ์ดังก้องไปทั่วอีกครั้ง ก่อนที่มันจะสำรอกเอาของเหลว ที่ผสมปนเปกับเลือด ออกมาจากปากอีกกองใหญ่ แสดงให้เห็นว่าหมัดลุ้นๆของนายอาร์ตเมื่อครู่ ส่งผลกระทบไปถึงอวัยวะภายในของมัน จนบอบช้ำแทบแหลกเหลว นี่ถ้ามันเป็นแวมไพร์ชั้นปลายแถวทั่วไป ป่านนี้มันคงจะสิ้นชื่อไปนานแล้ว แต่กระนั้นสภาพมันตอนนี้ก็ไม่ได้ดีกว่านั้นไปเท่าไหร่เลย เพราะแค่มันพยามจะพยุงตัวขึ้น ความเจ็บปวดก็เล่นงาน จนมันต้องล้มกระแทกพื้นไปอย่างสิ้นท่า

“มึ ………… ง !!” ความเจ็บปวดยังตามเล่นงานเบลลิคไม่หยุด ขนาดแค่มันพยามจะพูดความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านจนมันไม่อาจจะเอ่ยออกมาเป็นคำได้เลย ครั้นมันจับจ้องไปยังมนุษย์ตัวน้อยที่เป็นผู้สร้างความบอบช้ำ ความเกี้ยวกราดที่มีอยู่ในตอนแรกก็แทบมลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แค่เพียงความหวาดผวาเท่านั้น ก็เพราะสายตาที่คู่นั้นที่จับจ้องมาที่มัน มันช่างดูเหี้ยมเกรียม โหดร้าย และน่าหวาดหวั่นอย่างที่มันไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ไม่ทันที่มันจะคิดอะไรต่อ ร่างตรงหน้าพุ่งทะยานเข้ามาจู่โจมมันแล้ว !!

ตูมมมมมมมมมมมมม !! เสียงกระแทกจากการโจมตีของชายหนุ่มดังกึกก้องราวกับเสียงระเบิดยังไงยังงั้น ทั้งๆที่การโจมตีเมื่อครู่ก็แค่เพียงการกระโกดถีบเท้าเท่านั้นเอง ส่วนผลของการจู่โจมนั้น ก็ก่อให้เกิดหลุมลึกขนาดใหญ่ใต้เท้านายอาร์ต และตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนขนาดแผ่นดินไหวย่อมๆ เล่นเจ้าแวมไพร์มาโฮนหน้าตาตื่นเพราะเขตอาคมที่มันกางไว้ทานแรงไม่ไหวจนแทบจะปริแตก จนมันถึงกับต้องอุทาน “แค่โจมตีธรรมดาเท่านั้นน่ะ…….”

แต่เจ้าแวมไพร์เบลลิคก็ยังไวพอ เสี้ยววินาทีก่อนที่การโจมตีนั้นจะมาถึงตัว มันก็กลิ้งหลบไปได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นมันก็รวมพลังอีกเฮือก ก่อนจะรีบคลานไปหาแวมไพร์ทั้งสองตนที่อยู่ด้าน พร้อมกับร่ำร้องอย่างตื่นตระหนก “พวกเจ้าทำอะไรสักอย่างสิโว้ยยยยยยยยย !!”

“ผลึกเกล็ดน้ำแข็ง !!” ก่อนจะมีใครจะขยับตัว เวโรนิก้าก็พุ่งทะยานมาด้านหลังนายอาร์ต พร้อมกับร่ายเวทย์ดังลั่น ไอเย็นจัดของเวทย์น้ำแข็งเลเวล 6 ถูกปล่อยออกจากมือทั้งสองข้างของเธอทันที แค่พริบตาเดียว ไอเย็นเหล่าก็เกาะกุมไปร่างของนายอาร์ตแล้วเปลี่ยนเป็นผลึกน้ำแข็ง คลุมทั้งร่างของเขาไว้จนเหมือนรูปสลักน้ำแข็งก็ไม่ปาน “หยุดมือก่อนเถอะค่ะท่านอาลูคาร์ด”

“ฮ่าๆๆ ทำได้เจ๋งมากเวโรนิก้า” เจ้าเบลลิคหัวเราะร่าอย่างสะใจ ที่เห็นร่างผู้ที่ไล่ต้อนมันเมื่อสักครู่สิ้นท่าอยู่ภายใต้ผลึกน้ำแข็ง และมันก็ไม่ปล่อยช่วงเวลานี้ไปเฉยๆแน่ ว่าแล้วมันก็จัดการเอาคืนทันที “ทีกูละมึงงงงงงงงง !! ประกายแสงสายฟ้าฟาด”

พลังธาตุสายฟ้าในอากาศถูกดึงดูดมารวมไว้ที่อุ้งมือของเจ้าแวมไพร์ยักษ์ ก่อนจะรวมผสานเข้ากับพลังมาน่าในร่างของมัน เพื่อรวมเป็นมนต์ทำลายของธาตุสายฟ้าในระดับเลเวล 6 ชั่วพริบตาที่การผสานเสร็จสมบูรณ์ เจ้าเบลลิคก็ซัดพลังสายฟ้าที่รุนแรงนั้นเข้าในร่างน้ำแข็งตรงหน้าทันที

“เจ้าโง่ ………. !!”เวโรนิก้าตวาดดังลั่น ที่เธอเลือกใช้เวทย์น้ำแข็งก็เพื่อเพียงจะหยุดการเคลื่อนไหวของร่างนายอาร์ตโดนให้เกิดการบาดเจ็บน้อยที่สุดเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่า เจ้าแวมไพร์หน้าโง่ตรงหน้ากับอาศัยโอกาสนี้ ใช้เวทย์ของเธอไปเสริมกับเวทย์สายฟ้าของมันแทน โดยที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่อาจหยุดยั้งการโจมตีนั้นได้ เนื่องจากตัวเธออยู่ในระหว่างใช้เวทย์ระดับสูงอยู่นั่นเอง ตัวเธอในตอนนี้ทำได้แค่เพียงมองดูกระแสไฟฟ้าแรงสูง พุ่งเข้าใส่ร่างชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น

.
.

“โล่พิทักษ์ธาตุลม”

.
.

แต่ชั่วพริบตานั้นเอง …………. โล่พิทักษ์ธาตุลมสีขาวก็ถูกกางขึ้นหน้าร่างชายหนุ่ม โล่นั้นดูดกลืนพลังเวทย์อีกสายที่แพ้ทางเข้าไปจนหมด ก่อนจะสะท้อนเวทย์สายฟ้านั้นกลับไปยังผู้ร่าย จนเจ้าเบลลิคถึงกับล้มทั้งยืน ไม่แค่นั้น ผลึกน้ำแข็งที่เกาะกุมทั่วร่างของชายหนุ่มนั้นก็ระเบิดออกกระจัดกระจายไปทั่ว เศษน้ำแข็งก้อนหนึ่งก็พุ่งใส่ร่างเวโรนิก้า จนตัวเธอต้องเซถลาไปตามแรง ได้รับบาดเจ็บไปเช่นกัน

“ร่ายเวทย์โล่ห์พิทักษ์ได้ ทั้งๆที่โดนผนึก พร้อมกับใช้เวทย์ธรรมดาสะลัดผลึกน้ำแข็งจากภายใน ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ …. ระดับของท่านอาลูคาร์ด ต่างจากพวกเราจนเกินไป” เจ้าแวมไพร์มาโฮนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเลยสามารถเข้าใจได้ในทันที “จัดการแวมไพร์ระดับแม่ทัพได้ 2 ตัวในชั่วพริบตา แล้วแบบนี้เราจะทำไงดีว่ะ”

แต่ชายหนุ่มตรงหน้า นอกจากจะไม่ยินดียินร้ายในผลงานของตัวเองแล้ว ตรงกันข้าม ดูท่าเขาจะไม่สบอารมณ์อีกด้วย “การผสานร่างยังไม่สมบูรณ์ พลังของข้าโดนลดทอนไปมากขนาดนี้เลยรึ เจ้านั่นโดนข้าโจมตีไปถึง 3 ครั้ง แต่มันก็ยังรอดมาได้ แถมเวทย์ของนางแวมไพร์นั่น ข้าก็ป้องกันไม่ทัน ฮึ ! ท่าทางข้าจะยังควบคุมร่างนี้ไม่ได้ดั่งใจง่ายๆแน่”

เขาค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ เป้าหมายก็คือแวมไพร์ร่างยักษ์ตรงหน้าที่พึ่งโดนเวทย์สายฟ้าสะท้อนเข้าไปจังๆ นับว่าเจ้าเบลลิคนี่อึดไม่น้อยเลย โดนเข้าไปขนาดนี้แต่ก็ยังทนอยู่ได้ แต่สภาพของมันก็ร่อแร่เกินทน ชายหนุ่มไม่รีบร้อนเข้าไปจู่โจมนัก เพราะเขามีบททดสอบอย่างอื่นที่อยากทดสอบมากกว่า

“ขอยืนเจ้าเป็นเป้าทดสอบพลังเวทย์ของข้าหน่อยน่ะ” เขาเอ่ยเบาๆแต่แผงไว้ด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม มวลพลังธาตุมหาศาลในอากาศ โดนดึงดูดเข้ามาร่ายล้อมรอบตัวเขา ก่อนที่เขาจะใช้พลังมาน่าระดับแวมไพร์ใน ตำนานหน่วงพลังธาตุเหล่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นให้กลายเป็นลูกไฟทรงกลมขนาดใหญ่ราวกับพระอาทิตย์ก็ไม่ปาน “เริ่มจากเวทย์ธาตุไฟเลเวล 9 นี่แหละ ……….. จักรพรรดิแดง !”

ลูกไฟขนาดใหญ่ที่เกิดจากเวทย์มนต์ระดับเลเวล 9 สาดแสงส่องประกายไปทั่วบริเวณ เปลี่ยนเอาท้องฟ้าที่มืดมิดของยามค่ำสว่างไสวราวกับเวลาเที่ยงวัน บ่งบอกถึงอานุภาพของมันได้เป็นอย่างดี และก็บ่งบอกได้ถึงชะตาของเป้าหมาย ว่าไม่มีทางที่จะหลุดพ้นลูกไฟดวงนี้ไปได้เลย เจ้าเบลลิคได้แต่สั่นเป็นเจ้าเข้าอย่างตื่นกลัว ของเสียในร่างกายไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก ครั้นจะใช้สมองหาทางรอด ปัญญาของมันก็ด้อยเกินกว่าจะคิดอะไรได้ทัน สุดท้ายมันก็ทำได้แต่เพียงนั่งรอความตายที่กำลังคลืบคลานมาตรงหน้าเท่านั้นเอง

.
.

บรึมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!

.
.

แต่ชั่วพริบตานั้นเอง ลูกไฟขนาดใหญ่ราวกับพระอาทิตย์ดวงน้อยนั้นก็ระเบิดสั่นกลางอากาศ ท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่เว้นแม้แต่ราชาแวมไพร์อาลูคาร์ดที่อยู่ในร่างชายหนุ่ม เพราะอะไรกัน ทำไมอยู่ๆดวงไฟเวทย์ของเขาจึงระเบิดไปก่อน เพราะมาน่าของเขาไม่พอจะหน่วงพลังธาตุของดวงไฟงั้นเหรอ ไม่ใช่ มันเกิดมาจากที่เขายังไม่สามารถควบคุมร่างนี้ได้เต็มที่ พลังมาน่าก็เช่นกัน เขาไม่อาจะหน่วงรั้งพลังไว้ได้ตลอด เมื่อเขาทดลองใช้พลังเวทย์ชั้นสูง มันจึงระเบิดไปก่อนนั่นเอง แต่ไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรต่อ แรงระเบิดจากดวงไฟก็กระแทกร่างเขาลอยกระเด็นออกไปทันที

“แฮ่ก ๆๆๆๆๆ” ชายหนุ่มหอบหายใจอย่างแรงตัวโยน เหงื่อกาฬของเขาผุดขึ้นเต็มร่าง จนเสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปหมด เล่นเอาเขาสิ้นเรี่ยวแรงแม้แต่จะเอ่ยคำใดๆออกมาเลยทีเดียว แต่ดูท่าผลกระทบจะไม่ได้มีแค่นั้น เพราะวิญญาณอาลูคาร์ดในร่างของเขาไม่อาจทนกระแสพลังที่ปั่นป่วนในตัวได้ สุดท้ายก็หลุดออกจากร่างเข้ากลับไปสู่โลกของจิตใต้สำนึกอีกครั้ง และเป็นวิญญาณของนายอาร์ตที่กลับเข้ามาครองร่างใหม่ เท่ากับว่า ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนดังเดิม

แต่ดูท่างานนี้ คนที่ดีใจที่สุดก็คงไม่พ้นเจ้าแวมไพร์ยักษ์เบลลิคนี่แหละ เมื่อครู่นี้มันเกือบจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปอยู่แล้ว แต่เพราะเหตุใดมันก็ไม่รู้ อยู่ๆเจ้าดวงไฟนั่นก็ระเบิดไปก่อน แถมพลังมาน่าของเจ้ามนุษย์ที่ไล่ต้อนมันเมื่อครู่ก็กำลังลดระดับลงจนไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไป เมื่อเป็นเช่นนี้ ความคิดชั่วร้ายบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว มันค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ ก่อนจะเดินโซเซไปที่ร่างของนายอาร์ต มือข้างหนึ่งของมันดูดเอาพลังธาตุมารวมกันจนเกิดประกายแสงออกมา พร้อมกับคำรามอย่างกราดเกรี้ยว “เมื่อกี้ทำกูแสบนักน่ะมึง กูขอเอาคืนหน่อยเถอะว่ะ ….. ทุบหินผา !”

หมัดที่รวบรวมพลังธาตุของเจ้าเบลลิคถูกปล่อยเข้าใส่ทันที พร้อมกับเสียงร้องลั่นอย่างเจ็บปวด

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก”

แต่เสียงร้อง กับเป็นเสียงของเจ้าเบลลิคซะเอง เพราะทันทีที่มันปล่อยหมัดออกไปนั้นก็มีร่างบางร่างหนึ่งมาขวางกลางพร้อมกับร่ายเวทย์ โล่พิทักษ์ธาตุไฟ ขึ้นมาขวาง และทันทีที่หมัดธาตุดินปะทะเข้ากับโล่ธาตุไฟ เจ้าแวมไพร์ยักษ์ก็ต้องร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

“ทำอะไรของเจ้าว่ะ เวโรนิก้า !” มันร้องถามแวมไพร์สาวตรงหน้าอย่างเดือดดาด

“ข้าต่างหากที่ต้องถาม เจ้าคิดจะทำอะไรเบลลิค เจ้าจะทำร้ายท่านอาลูคาร์ดหรือไง” แวมไพร์สาวเอ่ยตอบเสียงเรียบ แต่คำถามของเธอก็เล่นเอาเจ้าแวมไพร์ยักษ์ถึงกับสะอึก แต่ไม่ทันที่มันจะพูดอะไรตอบ แวมไพร์คู่หูของมันก็เอ่ยแทรกขึ้นมา

“ก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างไงล่ะเวโรนิก้า” เจ้าแวมไพร์มาโฮนเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะทะยานเข้ามาร่วมวง “เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อครู่ท่านอาลูคาร์ดคลุ้มคลั่งไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองได้ ถ้าส่งท่านไปทั้งอย่างนี้ ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อท่านลินคอร์นหรือท่านเลอเซอโร่ก็ได้ ยังไงเราก็หาทางควบคุมท่านอาลูคาร์ดก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”

“แค่หักแขนหักขาสักหน่อยไม่เป็นอะไรหรอกน่าเวโรนิก้า ถึงยังไงเดี๋ยวเราก็ใช้เวทย์รักษาทีหลังได้ไม่ใช่เหรอ” เจ้าเบลลิคพูดจบก็เค้นเสียงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย แวมไพร์สาวก็ได้ขบกรามกรอดอย่างเจ็บใจ เธอรู้ดีว่าไอ้เหตุผลที่พวกมันยกมาเมื่อครู่นี้น่ะก็แค่ข้ออ้างชัดๆ พวกมันแค่อยากเอาคืนท่านอาลูคาร์ดเท่านั้น แต่ในเมื่อเธอไม่สามารถหาเหตุผลใดมาหักล้างพวกมันได้ เธอก็ไม่อาจขวางมันได้อีกแล้ว

เจ้าแวมไพร์เบลลิคขยับเข้าไปหาชายหนุ่มช้าๆไม่รีบร้อน ก่อนจะตวัดเท้าเข้ากลางลำตัวนายอาร์ตอย่างแรง จนร่างของเขาถึงกับลอยกระเด็นไปตามแรงช้างสารของเจ้าแวมไพร์ พร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ท่านกลางเสียงหัวเราะอย่าสะใจของเจ้าแวมไพร์ตรงหน้า ไม่พอแค่นั้นมันยังตามมาที่ร่างของชายหนุ่มก่อนเหยียบขยี้ไปบนข้อเท้าของเขา “ฮ่าๆๆๆ ไงล่ะมึง หมดท่าแล้วเหรอว่ะ ถ้างั้นกูขอข้อเท้าขวามึงก่อนล่ะน่ะ ฮ่าๆๆๆ”

“อ๊า ………………………..” ชายหนุ่มร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด เขาพยามดิ้นรนอย่างเต็มที่ แต่ว่าเพราะเรี่ยวแรงที่เหือดหายบวกกับความเจ็บปวดที่ยิ่งทวีคูณ ทำให้เขาไม่อาจจะดิ้นหลุดได้เลย ……

“อาร์ต …………” วิเวียนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่ห่างเอ่ยออกมาช้าๆ ภาพที่เห็นชายคนรักโดนทำร้ายตรงหน้าทำให้เธอเรียกแรงฮึดออกมาได้อีกครั้ง เพราะคนที่จะช่วยเขาได้ในตอนนี้ก็มีแค่เธอคนเดียว แต่จะทำอย่างไรล่ะ เพราะแม้ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเธอจะทุเลาไปมากแต่ด้วยเวทย์ธาตุลมแค่เลเวล 4 ก็ไม่เพียงพอที่ช่วยเขาได้แน่

.
.

ถ้าจะช่วยเขาก็ต้องใช้เวทย์มนต์ที่ระดับสูงกว่านั้น !!

.
.

แต่ ……….. มนต์ระดับสูงที่ว่าของเธอ โดนสั่งห้ามโดยตรงจากสาธุคุณรอส เพราะถ้าขืนใช้มันโดยพลการก็จะส่งผลกระทบถึงเหล่าพรีสและมนุษย์ทุกคน แต่ถ้าไม่ใช้ เธอก็ไม่อาจช่วยชายคนรักของเธอได้อีกแล้ว ….. เธอควรจะทำอย่างไรดี

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของชายคนรักดังกระทบโสตประสาทของเธออีกครั้ง และคราวนี้ดูเหมือนมันจะทำให้เธอ ตัดสินใจได้สักที

“ขอโทษนะคะ ท่านพ่อ วิเวียนตัดสินใจแล้ว” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยันกายยืนขึ้น พร้อมกับสูดหายใจช้าๆ จากนั้นก็เร่งเร้าพลังมาน่าในร่างจนถึงขีดสุด ก่อนจะใช้มันดึงรั้งเอามวลกระแสธาตุเข้ามารายสู่ร่างกาย ก่อนจะแปรสภาพพลังธาตุธรรมชาติเหล่านั้น ให้กลายเป็นพลังเวทย์อันทรงพลังในระดับเลเวล 6

“นังพรีสนั่น ยังลุกไหวด้วยอีกเหรอ” เวโรนิก้าเอ่ยเบาๆ ก่อนที่เธอจะสังเกตุบรรยากาศรอบข้าง “กระแสพลังธาตุไหลเวียนแบบนี้ นี่เจ้าใช้เวทย์ระดับเลเวล 6 ได้ด้วย !”

“หึ …. สรุปว่าที่ผ่านมานางใช้แต่เวทย์ธาตุรองงั้นสิ งั้นธาตุที่แท้จริงของนางคงไม่ใช่ธาตุลมสิน่ะ นี่คงคิดเก็บเวทย์ธาตุหลักไว้ใช้ทีหลังงั้นสิ” เจ้าแวมไพร์มาโฮนกล่าวเสริม

“สุดท้ายมันก็เหมือนเดิม กะอีแค่พลังเวทย์เลเวล 6 มันจะทำอะไรได้ว่ะ” เจ้าเบลลิคกล่าวเย้ยหยัน ก่อนที่มันจะล่ะความสนใจจากร่างชายหนุ่มใต้ฝ่าเท้า มาเป็นหญิงสาวที่กำลังร่ายเวทย์ตรงหน้า “หึ ! ลุกขึ้นมาก็ดีแล้วอีดอก เมื่อกี้กูยังเย็ดไม่สะใจเลย”

“เจ้าโง่ ถอยออกมา เรายังไม่รู้ว่านางใช้เวทย์ธาตุอะไร” แวมไพร์สาวร้องบอกเมื่อเห็นเจ้าแวมไพร์ร่างยักษ์เดินย่างกรายเข้าไปหา เพราะตอนนี้ร่างของพรีสสาวตรงหน้ามีแสงสีขาวเรืองรองออกจากร่าง ดูท่านางคงร่ายเวทย์เสร็จแล้ว

“กลัวอะไรว่ะเวโรนิก้า ดูท่าก็รู้ว่าธาตุที่นางใช้ไม่ใช่ธาตุไฟ ถ้าไม่ใช่ธาตุที่ข้าแพ้ทางมันก็ทำอะไรเวทย์ปรานคุ้มกายของข้าได้หรอก” ว่าแล้วเจ้าเบลลิคก็ร่ายเวทยปรานคุ้มกายธาตุดินระดับเลเวล 6 ทันที พร้อมกับกล่าวเย้ยพรีสสาวตรงหน้า “กูจะให้มึงซัดมาก่อนสักทีก็ได้ มึงจะได้สำนึกไงว่าไอ้ไม้ตายก้นหีบของมึงมันไม่ได้ผลหรอก โว้ย !”

“ลำแสงสะเก็ดดาว ………… จงก่อร่างเป็นหอก” ทันที่ที่หญิงสาวเอ่ยจบ ประกายแสงเรืองรองเหล่านั้นก็ไหลมารวมกันที่ฝ่ามือ ก่อนมันจะรวมร่างจนมีลักษณะคล้ายหอกใบใหญ่ และเสี้ยววินาทีนั้นเอง หญิงสาวก็ซัดหอกลำแสงพุ่งเข้าใส่เป้าหมายตรงหน้าทันที หอกลำแสงที่พุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงแค่ชั่วพริบตาก็เสียบเข้ากลางอกเจ้าแวมไพร์ยักษ์อย่างจัง

เจ้าแวมไพร์ยักษ์มองภาพหอกที่เสียบกลางอกตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ยังไม่ทันที่มันจะส่งเสียงอะไรออกจากลำคอร่างของมันก็กระตุกวาบ 1 ครั้ง พร้อมกับมีสำแสงสีขาวที่ส่องแสงออกมาจากภายใน ก่อนที่ร่างของมันจะ สลายกลายเป็นผงธุลีไปในทันที ท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของแวมไพร์ร่วมศึกของมันทั้งสอง

“พลังแบบนี้ นี่มัน ……. ธาตุแสง !! เวทย์ธาตุแสงสว่าง !!” เวโรนิก้าเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็น แต่หลายๆอย่างก็ตรงตามที่บันทึกเก่าแก่เคยกล่าวไว้ ถึงธาตุในตำนาน 2 สายที่อยู่นอกสาระบบ 5 จักรวาล

“ธาตุนั่นมันมีแต่ในตำนานไม่ใช่เรอะ” แวมไพร์มาโฮนกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ แม้ภาพที่เห็นมันจะฟ้องความจริงที่อยู่เบื้องหน้า

“เจ้าก็รู้จักผู้ที่ใช้ธาตุความมืดไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมจะมีธาตุแสงสว่างไม่ได้” แต่ไม่ทันที่เวโรนิก้าจะกล่าวอะไรต่อ หอกลำแสงด้ามที่สองก็ซัดออกมาแล้ว บีบให้เจ้าแวมไพร์ทั้งสองต้องถอยฉากออกจากร่างชายหนุ่ม

“ถอยก่อน เวโรนิก้า” เจ้ามาโฮนพอเห้นท่าไม่ดีก็จึงร้องตะโกนก่อนสะบัดร่างเปลี่ยนเป็นฝูงนกจำนวนมากบินหายไปทันที ทิ้งให้เวโรนิก้าต้องมองตามอย่างเจ็บใจ ก่อนที่เธอจะจำใจล่าถอยกลับไปอีกคน

“อาร์ตไหวไหม” วิเวียนวิ่งเข้าไปดูอาการชายคนรักทันที โชคดีที่เขาบาดเจ็บไม่มาก ข้อเท้าก็แค่ช้ำนิดหน่อยยังไม่ถึงกับหัก เธอจึงค่อยๆพยุงร่างเขาขึ้นก่อนมองหาพาหนะ “ไปที่รถเถอะ”

โชคดีที่รถยุโรปคันใหญ่ของไอ้ตุ๋นยังเสียบกุญแจคาไว้ วิเวียนจึงประครองร่างนายอาร์ตไปนั่งข้างคนขับ ก่อนที่เธอจะขับทะยานมันออกไปทันที จุดหมายก็คือรีบกลับไปยังบ้านที่พักให้เร็วที่สุด แต่ขับออกมาได้ไม่นาน หญิงสาวก็พบความผิดปกติในร่างกาย มีพลังบางอย่างไหลเวียนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
แถมยังอัดแน่นไปหมดราวกับไม่สามารถระบายออกได้ เล่นเอาหญิงสาวรู้สึกทรมานจนหายใจไม่ออก จนในที่สุดเธอก็ต้องหักรถลงข้างทาง

“วิเวียนคุณเป็นอะไร” นายอาร์ตร้องเสียงหลงเมื่อเห็นอาการหญิงสาวตรงหน้า แต่เธอก็ไม่อาจจะอธิบายได้ ว่านี่มันเกิดจากการที่เธอฝืนใช้เวทย์มนต์ระดับสูงกะทันหันจนเกินไป ร่างกายที่ยังไม่ได้ปรับสภาพมาก่อนจึงปรับตัวไม่ทัน กระแสพลังมาน่าในร่างจึงไหลเวียนปั่นป่วนไปเช่นนี้

‘วิธีแก้ก็คือต้องระบายมันออก’ วิเวียนสูดลมหายใจช้าๆเพื่อจะปรับพลังมาน่าในร่างให้หยุดปั่นป่วนชั่วคราว ก่อนที่สายตาเธอจะจับจ้องไปยังเป้าหมายเบื้องหน้า นั่นก็คือเจ้าท่อนเอ็นขนาด 8 นิ้ว ที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงของชายข้างกายเธอนั่นเอง

“วิเวียน เดี๋ยวก่อน วิเวียนนนน” นายอาร์ตเอ่ยอย่างตกใจที่หญิงสาวคนรักของเขาเมื่อครู่ยังแสดงท่าทางบาดเจ็บอยู่เลย แต่ตอนนี้เธอกลับกระโจนเข้าใส่เขา ก่อนจะปลุกปล้ำจนกางเกงเขาหลุดหายไปอย่างรวดเร็ว และทันทีที่เจ้าท่อนเอ็นนั้นเป็นอิสระ หญิงสาวก็ไม่รอช้า จับมันดูดเข้าปากอย่างรุนแรง

“อุยยยยย วิเวียน ซี๊ดดดดด” ชายหนุ่มเผลอร้องออกมาอย่างสุดกลั้น ริมฝีปากที่สวยงามได้รูปของเธอทำหน้าที่ได้ดีเสมอ โดยเฉพาะครั้งนี้ มันรูดขึ้นสุดลงสุดอย่างรุนแรง กลับกับที่เธอใช้ลิ้นโลมเล้าไปทั่วบริเวนหัว แค่นี้ไม่นานเจ้าท่อนเอ็นก็ถูกปลุกให้ขนาดขยายใหญ่เต็มที่ แต่ริมฝีปากคู่นั้นก็ยังทำหน้าที่ไม่หยุดเธอยังโม๊คให้เขาอย่างรุนแรงเช่นเดิม และในเมื่อท่อนเอ็นมันขยายขึ้นเช่นนี้ ก็แปลว่ามันต้องเข้าไปลึกมากกว่าเดิม บางจังหวะมันแทงลึกเข้าไปถึงในคอหอยเธอเลยทีเดียว

“โอ๊ะ …..” นายอาร์ตร้องอย่างตกใจเล็กน้อย เพราะเนื่องจากว่า อยู่ๆหญิงสาวก็ปรับเบาะเขาให้เอนลงโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรต่อ เธอก็พลิกกายขึ้นค่อมเขาแล้ว สถาพเธอในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเขาเลย ท่อนล่างที่เปลือยเปล่า เนินสวาทที่เปียกเยิ้ม กำลังเคลื่อนกายลงมาช้าๆ ก่อนที่จะค่อยๆกลืนท่อนเอ็นขนาด 8 นิ้วนั้นเข้าไป

“ซิ๊ดดดดดดดด” เธอสูดปากอย่างเร่าร้อน เนื่องจากพลังมาน่าที่ปั่นป่วนในร่างกาย มันก็ส่งผลกระทบให้ช่องคลอดของเธอบีบรัดรุนแรงขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้ทุกครั้งที่เธอขยับสะโพกเข้าใส่ หัวหยักก็จะยิ่งครูดไปมากับช่องคลอด นั่นก็ยิ่งทำให้เธอเสียวซ่านขึ้นเป็นทวี จนเธอต้องยิ่งกระแทกสะโพกหนักเข้าไปอีก ถึงตอนนี้ ภายในรถตอนนี้มีเพียงเสียงเนื้อกระแทกกันป๊าบๆ สลับกับเสียงครวญครางอย่างเร่าร้อนที่ดังระงม

“อาร์ตตตตตต อาร์ตตตตตต …….. อ๊า ……….อ๊า” วิเวียนร้องครางอย่างสุขสม มือที่ว่างอยู่ของเธอเอื้อมลงมาถลกเสื้อของเขาทิ้งไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้สภาพของเขาเปลือยเปล่าปราศจากอาภรใดๆ สภาพแบบนี้แหละที่เธอรู้สึกเร้ารวญใจเป็นที่สุด แต่ไม่ทันที่เธอจะทำอะไรต่อชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปจับสะโพกกลมสวยของเธอ ก่อนจะกระเด้าเอวสวนเข้าไปอย่างรุนแรง เล่นเอาหญิงสาวต้องผวาลงไปกอดร่างเปลือยเปล่าของเขาอย่างสุดเสียว

“อย่าหยุดน่ะ อย่าหยุดน่ะ” เธอพร่ำร้องอยู่ข้างหูเขาอย่างแผ่วเบา ตอนนี้ตัวเธอเดินทางมาถึงปลายทางแล้ว หญิงสาวยิ่งผวากอดชายคนรักตรงหน้าแน่นไปอีกพร้อมกับเด้งสะโพกสวนเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างเร่าร้อน ริมฝีปากของเธอวางประกบกับปากของเขา ช่องคลอดของเธอก็บีบรัดเข้าไปอีกอย่างรุนแรง และใส่ที่สุด

“อ๊ายยยยยยยยยยยย” เธอหวีดร้องออกมาเสียงดังลั่น ตอนนี้เธอถึงจุดหมายที่ต้องการแล้ว พลังต่างๆที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายถูกปล่อยออก พร้อมๆกับความเสียวซ่านที่ได้ระบายออกมา

“โอ๊ะ” ส่วนชายหนุ่มก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงพลังที่ไหลออกมาจากตัวผู้อื่น พลังเหล่านั้นไหลผ่านเข้ามาสู่ร่างเขา ผ่านทางท่อนเอ็น แล้วไปสู่ทั่วร่างกาย แต่เมื่อมันแล่นเข้ามาสู่หัวเขานี่สิ ภาพบางอย่างก็ผุดขึ้นมาทันที

.
.
.
.
.

นครศักดิ์สิทธิ์ แซงจูรี่ย์

นครแห่งนี้แม้เนื้อที่บริเวนจะไม่ได้กินเนื้อที่มากมายเชกเช่นนครใหญ่อื่นๆ แต่ความสำคัญนั้นกลับยิ่งใหญ่สำคัญกว่านครมนุษย์ไหนๆใน wonderland เสียอีก เนื่องจากนครแห่งนี้ เป็นศูนย์กลางของศิลปวัฒนธรรมต่างๆทั่วโลก ซึ่งเห็นได้จากสถาปัตยากรรมต่างๆที่ขึ้นเรียงรายโดยล้อมนั้นมีความสวยงามตระการตายิ่งกว่าสถานที่ไหนๆ ขนาดเวลาล่วงเลยผ่านพ้นมาหลายพันปี นครแห่งนี้กลับดูไม่เสื่อมโทรมลงเลย

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้นครแห่งนี้ถูกขนานนามว่านครศักดิ์สิทธิ์ ก็เนื่องจากว่าที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของโบสถ์คาดินัลล์ โบสถ์ศักดิ์สิทธ์ที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดราวกับราชวังก็ไม่ปาน โบสถ์ที่เป็นสถานที่พำนักของสังฆราชสูงสุดผู้ที่เป็นผู้นำของเหล่าพรีส ไม่แค่นั้น ภายในโบสถ์แห่งนี้ยังประกอบไปด้วยสถานที่ฝึกวิชาหลายแขนงที่ช่วยสรรสร้างพรีสรุ่นใหม่ออกมามากมาย เปรียบแล้วก็เท่ากับว่า นครแห่งนี้ก็คือนครหลวงของเหล่าพรีสนั่นเอง ทำให้ผู้คนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นพรีสเดินทางมาที่นครแห่งนี้ไม่ขาดสาย นครแห่งนี้จึงไม่เคยหลับใหลไม่ว่าจะทั้งกลางวันหรือกลางคืน

“แม่จ๋า แม่จ๋า” เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยร้องเสียงใสพร้อมกับกระตุกแขนมารดาของเธอเบาๆพร้อมกับชี้ให้ดูภาพเบื้องหน้า ภาพเบื้องหน้าที่เป็นร้านขายไอครีมเลื่องชื่อของที่นี่ สิ่งที่ทำให้ร้านแห่งนี้พิเศษกว่าร้านอื่นก็คือรสชาติที่หอมหวาน แถมเจ้าของร้านยังสามารถตกแต่งตัวไอครีมจากไอครีมธรรมดาเป็นรูปทรงอะไรก็ได้ ทำให้ร้านนี้มีไอครีมที่ปั้นเป็นรูปสิงสาราสัตว์อยู่เต็มไปหมด

“ขอถ้วยหนึ่งจ๊ะ” หญิงผู้เป็นแม่ทนเสียงรบเร้าจากลูกสาวไม่ไหวจึงตัดสินใจซื้อให้เธอถ้วยหนึ่ง เป็นไอครีมก้อนที่ปั้นแต่งเป็นกระต่ายน้อยน่ารัก 3 ตัว ลูกสาวตัวน้อยของเธอร้องขึ้นอย่างดีใจก่อนจะตักไอครีมแสนหวานนี้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย มารดาของเธอต้องเผลอยิ้มแย้มอย่างมีความสุขตามไปด้วย แต่ชั่วขณะเดียวหญิงสาวก็ต้องหุบยิ้มลง เมื่อชายที่อยู่ด้านข้างขยับเข้าหาเธอพร้อมกับจ้องมาที่เธอเขม็ง แม้เขาจะไม่พุดอะไรแต่เธอก็เข้าใจความหมายนั้นดี

“ไปต่อเถอะลูก เดี๋ยวท่านจะรอ”

สองแม่ลูกเดินตามทางช้าๆโดยมีจุดหมายก็คือโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์คาดินัลล์ที่ตั้งอยู่กลางใจเหมือง โดยรอบข้างของเธอมีพรีสกลุ่มหนึ่งคอยอารักขาไม่ห่าง แต่ยิ่งเธอขยับเข้าใกล้โบสถ์มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งใจหายเพราะเท่ากับว่าเธอใกล้จะต้องแยกจากกับลูกสาวผู้เป็นที่รักของเธอ

“ลูกอยู่นี่ต้องขยันตั้งใจเรียนนะ” เธอบีบมือลูกสาวก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ค่ะแม่ …. หนูจะตั้งใจเรียนจะได้เป็นพรีสเร็วๆ แล้วจะได้กลับมาที่หมู่บ้าน ปกป้องแม่ ลุงอาโนลด์ ป้ามิเชล แล้วก็ทุกๆเลยด้วย” เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยตอบเสียงใส ทำเอามารดาของเธอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ต้องอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมากอดไว้แนบอก เพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอก็ต้องจากลูกสาวไปนาแสนนาน

“ถึงแล้ว” เสียงพรีสที่ติดตามมากับเธอเอ่ยขึ้นช่วยลุกเธอให้หลุดจากภวังค์ และเมื่อเธอมองตามออกไปก็จะพบโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าที่เธอจิตนการไว้เสียอีก โดยเฉพาะประตูหน้าของโบสถ์ที่ใหญ่โตจยิ่งกว่าประตูไหนๆ ราวกับเป็นประตูที่กั้นระหว่างโลกข้างนอกกับภายในยังไงยังงั้น แต่เธอก็ตื่นตะลึงกับตัวโบสถ์ได้ไม่นาน เธอก็ต้องพบสิ่งที่น่าตื่นตกใจยิ่งกว่า เมื่อมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก้าวออกจากประตู

“ทะ ….. ท่านสาธุคุณรอส” เหล่าพรีสที่ติดตามสองแม่ลูกเอ่ยขึ้นอย่างตกใจก่อนจะรีบก้มลงทำความเคารพแทบไม่ทัน โดยที่สังฆราชสูงสุดผู้นี้ไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขากำลังจับจ้องไปยังเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ภายในอ้อมกอดของมารดา ชายชราเปรยตาไปพรีสรับใช้คู่กายเล็กน้อย ซึ่งพรีสผู้นั้นก็เข้าใจคำสั่งทันที เดินไปอุ้มเด็กหญิงคนนั้นออกจากมารดาทันที พร้อมกับปลดฮูดที่คลุมศีรษะออก เผยให้เห็นผมยาวสลวยสีเงินแวววาวของเด็กน้อย

“วิเศษๆ” ชายชราผู้อยู่เหนือพรีสทั้งมวลเอ่ยร้องอย่างยินดี ก่อน จะเอื้อมมือไปลูบไล้เรือนผมของเด็กหญิงตัวน้อย “ตรงตามตำราว่าไว้ทุกอย่าง ไม่ผิดจริงๆ หนูน้อยคนนี้แหละคือผู้ใช้ธาตุแสงสว่าง ทีนี้แหละชัยชนะก็เป็นของข้าแล้ว ฮ่าๆๆ”

“พานางออกไปได้แล้ว” พรีสรับใช้ของสาธุคุณรอสเอ่ยดังลั่น พรีสเหล่านั้นคำนับรับคำสั่งไปหนึ่งที ก่อนจะกันหญิงสาวออกห่างออกไป ซึ่งเธอในตอนนี้ทำใจไม่ได้เสียแล้วกับการต้องจากลูกสาว น้ำตาของผู้เป็นแม่หลั่งไหลออกมาดังลั่นไม่สนใจใคร

“แม่จ๋าๆๆ” เด็กหญิงร้องไฟ้ลั่นเมื่อเห็นแม่เดินห่างออกไป ครั้นเด็กหญิงจะวิ่งตามก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมือของเธอ โดนเกาะกุมโดยชายชราที่อยู่ด้านข้าง เด็กน้อยในตอนนี้ก็จึงทำได้แค่เพียงร้องไห้สะอึกสะอื้นเท่านั้น

“โอ๋ …… ไม่ต้องร้องน่ะหนูน้อย หนูชื่ออะไรหืม ?” สาธุคุณรอสเอ่ยปลอบประโลมเด็กหญิงพร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม

“วิเวียนค่ะ” เด็กหญิงตอบ

“ไม่ต้องเสียใจ อีกไม่นานหนูก็จะได้เจอแม่ของหนูอีกครั้งแล้ว ตอนนี้หนูก็อยู่กับลุงไปก่อนน่ะ มาลุงจะเป็นพ่อให้หนูเอง ไหนลองเรียกคุณพ่อสิ”

“คะ คุณพ่อ”

.
.
.
.
.

“อาร์ตๆ” เสียงหญิงสาวที่เอ่ยขึ้นเบาๆที่ข้างหูทำให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าตอนนี้เขายังอยู่ในรถเหมือนเดิม อยู่สภาพเดิมก็คือนอนเปลือยเปล่าโดยมีหญิงสาวผมสีเงินแสนสวยนอนเปลือยท่อนล่างอยู่บนตัวเขา หญิงสาวเมื่อเห็นดังนั้นก็เริ่มขยับสะโพกไปมาเข้าใส่ท่อนเอ็นที่แข็งค้างอยู่ในช่องคลอดอีกครั้ง

“อีกรอบนะคะอาร์ต” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวานก่อนจะยันกายขึ้นช้าๆพร้อมกับเริ่มควบใส่ท่อนควยอีกครั้ง แต่เนื่องจากเธอพึ่งผ่านการต่อสู้มาไม่นานบวกกับพึ่งเสร็จไปแล้ว 1 ครั้ง เรี่ยวแรงที่มีก็เลยหายไปเกือบหมด

“เปลี่ยนกันเถอะครับ เดี๋ยวผมทำเอง” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะพลิกเธอลงมาด้านล่าง แม้จะทุลักทุเลนิดหน่อยเพราะในรถมันไม่ค่อยถนัด แต่สุดท้ายก็สำเร็จ เมื่อจัดที่เข้าทางแล้ว ชายหนุ่มก็เลยซอยใส่ร่างบางตรงหน้าทันที

“อ๊า …….อาร์ตค๊า …….. อาร์ต …….” หญิงสาวหวีดร้องครวญครางอีกครั้ง พร้อมกับสาวรู้สึกเสียวซ่านที่แผ่ขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่มีท่อนควยแข็งๆครูดไปมาในช่องคลอดมันทำให้เธอเสียวกระสันได้ทุกครั้ง จนเธอทนไม่ไหวต้องกัดฟันเด้งสวนแม้ในตอนนี้เธอจะอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงก็ตาม

“แรงๆ แรงๆ” หญิงสาวเอ่ยร้องก่อนจะลากมือของชายคนรักมาเกาะกุมที่เต้างามคู่สวย เป็นสัญญาณว่าเธอต้องการให้เขาบีบเต้างามคู่นี้ ซึ่งเขาก็ตอบสนองเธออย่างดี โดยการบีบเค้นไปยังเต้างามคู่สวยของเธออย่างรุนแรง จนหญิงสาวต้องเผลอร้องออกมาย่างเจ็บปวด แต่ถึงจะเจ็บอย่างไรเธอก็ไม่ยอมแพ้ กลับยิ่งกดมือชายคนรักเธอหนักขึ้นไปอีก เพราะความเจ็บปวดแบบนี้นี่แหละ ที่กระตุมต่อมกระสันของเธอได้ชะงัด

“อาร์ตตตตตตต” วิเวียนร้องลั่นอีกครั้งก่อนที่จะผวากอดชายหนุ่มแน่น ตอนนี้ทั้งร่างของเธอเกร็งแน่นไปหมด สะโพกของเธอที่เด้งรับเมื่อครู่หยุดลง และเปลี่ยนเป็นแอ่นขึ้นเพื่อให้ชายตรงหน้ากระแทกใส่เน้นๆแทน ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่าหญิงสาวใกล้จะถึงจุดหมายอีกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งชายหนุ่มคนรักของเธอก็รู้ดี เขาขยับสะโพกเข้าใส่อย่างรุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้น จนในที่สุด

“อ๊า …………….” วิเวียนหวีดร้องอย่างสุขสม เธอเสร็จอีกเป็นครั้งที่สอง พลังมาน่าที่ยังอัดแน่นในร่างได้ระบายออกอีกครั้ง พร้อมๆกับความทรงจำที่ผ่านมาเข้าไปยังร่างชายหนุ่มคนรักของเธอ

.
.
.
.
.

“ย๊ากกกกกกก” เด็กสาวตัวน้อยร้องลั่นก่อนจะตั้งค่าเตรียมพร้อม แม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเด็กหนุ่มอายุมากกว่าเธอหลายปีถึง 3 คน แต่เธอก็ไม่หวั่น กลับเป็นเจ้า 3 คนนั่นเสียอีกที่สีหน้าหวาดหวั่น เพราะถ้าที่เธอตั้งมันชั่งดูรัดกุมปราศจากช่องโหว่ใดๆ ว่าแล้วมันทั้ง 3 จึงตกลงแยกไปคนละด้านพร้อมกับเตรียมจู่โจมใส่เธอ 3 ด้านพร้อมกัน !

แต่ไม่ทันที่เจ้าเด็กหนุ่มทั้งสามจะถึงตัวเธอ วิเวียนก็พุ่งเข้าชิงจังหวะได้ก่อน เธอกระโดดถีบเท้าเข้ายอดอกของเจ้าคนหน้า ก่อนจะใช้แรงส่งเหวี่ยงเธอเข้าหาเจ้าคนซ้ายพร้อมกับเตะตวัดเข้าที่ก้านคออย่างแรง ก่อนจะใช้ร่างของเจ้าเด็กหนุ่มนั่นดีดตัวเข้าใส่เจ้าคนขวาก่อนที่จะหมุนตัวเตะเข้าปลายคางจนมันล้มลง และชั่วขณะที่เธอจัดการเด็กหนุ่มไปได้ 2 คนแล้วนั่นเอง เจ้าเด็กหนุ่มคนแรกที่โดนเธอเหยียบอกพุ่งหมัดเข้าใส่เธอทันที แต่เด็กหญิงก็ไวพอ เธอเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยก็หลบวิธีหมัดนั้นพ้น เสร็จแล้วเธอก็จับเจ้าเด็กหนุ่มนั่นเหวี่ยงฟาดลงกับพื้นทันที

“ยอดมากๆ มีมือของเจ้าพัฒนาขึ้นเร็วมาก จนข้าแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าฝึกฝนการต่อสู้แค่ 5 ปีเท่านั้น วิเวียน” บาทหลวงโบน ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ประจำสถาบันฝึกสอนพรีสร้องชมดังลั่น พร้อมกับก้าวเข้าวิเวียน ที่ตอนนี้นางมีอายุ 10 ขวบแล้ว

“ขอบคุณค่า” เด็กสาวเอ่ยยิ้มอย่างดีใจที่ได้รับคำชมจากอาจารย์ ก่อนที่เธอปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าเบาๆ พริบตานั้นกลิ่นอายบางอย่างก็แผ่ออกจากร่างกายของเธอ เล่นพรีสที่อยู่ในห้องนั้นไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ต่างขนลุกขึ้นมากันทันที

“นังหนูนี่ท่าจะมีพลังมาน่าแผงอยู่ไม่น้อยเลย แค่สะบัดเบาๆก็ทำเอาพรีสชั้นสูงอย่างเราเงี่ยนขึ้นมาได้เลยแหะ แบบนี้ต่อไปนางจะต้องเป็นพรีสที่ทรงพลังแน่ๆ”

.
.
.

“เป็นยังไงบ้างโบน” สาธุคุณรอสเอ่ยถาม เป้าหมายถึงเขาก็คือเด็กผู้หญิงผมสีเงิน ที่กำลังขะมักเขม้นฝึกซ้อมวิชาต่อสู้ด้วยมือเปล่าอยู่ด้านล่าง

“เรียกว่าอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ครับ แม่หนูเนี่ยฝึกวิชาต่อสู้ด้วยมือเปล่า และเวทย์โลกเก่ากับเราได้เพียง 5 ปีเศษ แต่ฝีมือแม่หนูตอนนี้รุดหน้ากว่าพวกที่ฝึกมาก่อนหน้านางทุกคน ผลงานในห้องฝึกแม่หนูก็ทำได้ดีกว่าใครๆเลยครับ”

“ดี งั้นก็แปลว่าวิเวียนพร้อมแล้วใช่ไหมกับการฝึกใช้พลังมาน่า” คำพูดเรียบๆของชายผู้อยู่เหนือเหล่าพรีสแต่กลับสร้างความตื่นตะลึงให้ อาจารย์ใหญ่ของสถาบันแห่งนี้มากพอดู

“แต่แม่หนูพึ่งอายุแค่ 10 ขวบเองน่ะครับ ข้าว่ามันจะระ …..”

“ไม่เลย โบน ข้าเชื่อว่าวิเวียนพร้อมแล้ว อีกอย่างข้าอยากให้วิเวียนพร้อมให้เร็วที่สุด อย่าลืมสิ พลังธาตุแสงสว่างของเธอจะช่วยเรากำจัดเจ้าพวกแวมไพร์ได้ทั้งหมด”

“คะ …. ครับ ท่านสาธุคุณรอส” บาทหลวงโบนเอ่ยรับเมื่อไม่สามารถขัดคำสั่งสาธุคุณรอสได้ แต่ถ้าเขาจะก้มหัวช้ากว่านี้อีกสักนิดก็คงเห็นไปแล้ว เห็นดวงตาที่หื่นกระหายของชายแก่ตัญหากลับตรงหน้า

.
.
.

“เจ้าไม่ได้นวดให้พ่อมานานเท่าไหร่แล้วน่ะ วิเวียน” ชายชรานี่ตอนนี้นอนร่างเปลือยเปล่าบนเตียงเอ่ยขึ้น โดยมีเด็กผู้หญิงวัยเพียง 10 ปีนั่งเปลือยเปล่าอยู่หลังคอยนวดกดเส้นให้ไม่ห่าง

“ก็คุณพ่อต้องเดินทางบ่อยนี่คะ วิเวียนเลยไม่ได้อยู่บรนนิบัติใกล้ๆเลย” เด็กสาวเอ่ยตอบ

“งั้นเจ้าก็ปรนนิบัติพ่อหน่อยสิ” ชายแก่เอ่ยเสร็จก็พลิกด้าน ให้เจ้าท่อนเอ็นตั้งตระง่าน เด็กสาวเห็นรู้งาน เธอเอื้อมมือไปชโลมน้ำมันจนชุ่ม ก่อนจะรูดมือช้าๆ จากนั้นก็ค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นกิจวัตรที่เธอมักจะทำกับสาธุคุณรอสบ่อย จากทีแรกท่านสาธุคุณจะแค่ให้เธอเข้าไปช่วยถูหลัง ต่อมาก็ให้เธอแก้ผ้าเปลือยเปล่าแล้วคอยนวดให้ จนหลังๆ ท่านมักให้เธอทำแบบนี้ รูดมือขึ้นลงกับลำควยแบบนี้ โดยที่ชายแก่ก็จะคอยเอื้อมมือมาล้วงจับเนินสวาทของเธอเช่นกัน โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า ไอ้การกระทำที่ชายแก่บอกเธอว่าเป็นการบรนนิบัตินั้น ก็แค่การสนองตัญหาของชายเฒ่าผู้นี้นั่นเอง

“เจ้าอยากเป็นพรีสที่เก่งกาจไหม วิเวียน” ชายชราเอ่ยถามระหว่างที่เด็กสาวกำลังรูดควยอย่างตั้งใจ

“อยากคะ” เด็กสาวเอ่ยตอบอย่างไร้เดียงสา

“พรุ่งนี้ ข้าจะให้เจ้าฝึกพลังมาน่า ……. แต่การจะฝึกพลังนี้ได้เจ้าต้องเรียนรู้สิ่งหนึ่งก่อน นั่นก็คือการเย็ด” ชายแก่พูดจบก็ชันตัวขึ้นทันที “เดี๋ยวข้าจะสอนการเย็ดให้เจ้าเอง”

ทันทีที่พูดจบ เจ้าสาธุคุณตัญหากลับก็ดึงร่างของเด็กสาวตัวน้อยเข้ามาใกล้ ก่อนจะพรหมจูบไปทั่วร่าง ท่ามกลางความตกใจของเด็กสาว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนผู้มีพระคุณตรงหน้า ได้แต่นั่งตัวเกร็งให้ชายแก่พร่ำจูบ และล้วงเข้าเนินสวรรค์อย่างสะใจ ก่อนจะกดร่างเด็กสาวลงบนเตียงหนานุ่ม แล้วจับควยของเขาถูไถไปมาก่อนจะพยามยัดเข้าไป

“โอ๊ยยยยยย วิเวียนเจ็บบบบบ” เด็กสาวร้องโฮอย่างเจ็บปวดพร้อมกับพยามดันร่างชายแก่ออกไป

“ฟิตโว้ยยยยย” ชายแก่ร้องขึ้นอย่างสะใจ แต่เนื่องจากเนินสวาทของวิเวียนนั้นยังไม่เคยต้องมือชายใด อีกทั้งน้ำหล่อลื่นก็ยังมีไม่มากพอ ทำให้การใส่ท่อนควยเข้าไปเป็นไปได้ยากเต็มที ดังนั้นเจ้าชายแก้จึงตัดสินใจ ใช้ พลังมาน่า กระตุ้นความเงี่ยนใส่เด็กสาวทันที

“อือออออออออ” เด็กสาวบิดกายไปมาอย่างเสียวซ่าน สองมือของเธอจิกลงบนเตียงหนานุ่มจนผ้าที่ปูไว้ยัยยู่ย่ไปหมด

เจ้าชายแก่หัวเราะอย่างสะใจ มันเร่งปล่อยพลังมาน่าใส่เด็กสาวเข้าไปอีก จนเธอต้องร้องลั่น และในที่สุดเด็กสาวก็ทนไม่ไหวปล่อยน้ำรักไหลออกมาเต็มเนินกาม เจ้าชายแก่ยิ้มอย่างสะใจ และทันใดนั้นมันก็สอดแท่งควยของมันเข้าไปใหม่ แม้คราวนี้จะมีน้ำรักมาช่วยหล่อลื่นมากขึ้นแต่มันก็ยังรู้สึกฟิตมากอยู่ดี มันต้องใช้ความพยายามอยู่นานกว่าจะยัดท่อนเอ็นของมันใส่เข้าไปได้ และเมื่อยัดได้ มันก็ซอยใส่อย่างรุนแรงโดยไม่สนใจเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเด็กน้อยเบื้อง หน้า และในที่สุด มันก็ปล่อยนำกามไหลทะลักออกมาเต็มท้อง

“สะใจจริงโว้ย” สาธุคุณเฒ่าเอ่ยสบถมาหนึ่งคำ ก่อนที่มันจะถอยลำควยออก และทันทีที่มันถอดออกสำเร็จน้ำกามบวกกับเลือดพรหมจรรย์ของเด็กสาวก็ไหลทะลัก ออกมาเป็นจำนวนมาก พร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาจากความเจ็บปวด

“เลิกร้องได้แล้ววิเวียน …. ไหนเจ้าบอกไม่ใช่เหรอ ว่าอยากเป็นพรีสเพื่อช่วยปกป้องผู้คนน่ะ กับการฝึกแค่นี้เจ้าก็ต้องอดทนสิ”

“ค่ะคุณพ่อ” เด็กสาวเบาเอ่ยตอบก่อนจะพยามขยับอย่างช้าๆ เนื่องจากเธอปวดระบมบริเวณเนินสวาทไปหมด

“เอาล่ะไปพักซะ แล้วพรุ่งนี้เจ้าก็ต้องมาฝึกแบบนี้กับข้าอีก เข้าใจไหม”

“ค่ะคุณพ่อ”

.
.
.
.
.

“ซื๊ดดดดดดดดดดดดด วิเวียนนนนนนนนนน” ลีลาการโม๊คท่อนเอ็นของวิเวียนทำให้นายอาร์ตเอ่ยร้องขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะสังเกตุบริเวนรอบ ตอนนี้เขาและหญิงสาวออกมาอยู่นอกรถแล้ว เพราะว่าภายในรถมันคับแคบเกินไปทำให้เย็ดไม่ถนัด เขาค่อยๆเอื้อมลงไป ก่อนจะถลกเสื้อกล้ามสีขาวที่เป็นอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของเธอทิ้งไป ทำให้ตอนนี้ทั้งเขาและเธอต่างก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่

“ยังปวดอยู่อีกเหรอวิเวียน” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

“อีกสักรอบคะถึงจะหาย” เธอตอบคำถามของเขาพร้อมกับใช้มือรูดควยไปมา จนตอนนี้มันแข็งพร้อมใช้อีกครั้ง “พร้อมแล้ว เย็ดวิเวียนเร็ว เดี๋ยวจะมีคนมาเห็นน่ะ”

หญิงสาวพูดจบก็หันไปเกาะกระโปรงรถ พร้อมกับแอ่นสะโพกราวกับจะเชิญชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งเขาก็ไม่รอช้าเพราะบริเวณนี้แม้จะไม่มีรถผ่านแต่มันก็ไมใช่ทางที่ เปลี่ยวนัก เขาจึงรีบเสียบเจ้าแท่งเอ็นที่แข็งเต็มที่เข้ากลีบสวาทเธอทันที เล่นเอาหญิงสาวก็ซี๊ดปากด้วยความเสียว ก่อนที่เธอจะเด้งสะโพกใส่ท่อนควยนั้นก่อนอย่างร้อนแรง อาจจะเป็นเพราะเธอเก็บกดมาจากในรถที่คับแคบนั่นเอง

อาการบาดเจ็บที่ทุเลาลงไปมากบวกกับมาน่าส่วนเกินที่เธอได้ระบายออก ทำให้ตอนนี้กำลังของเธอเริ่มกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เธอจึงสามารถร่อนสะโพกได้เร่าร้อนยิ่งกว่าเดิม โดยที่ชายคนรักของเธอก็ตอบสนองโดยการเอื้อมมือไปบีบขยำบริเวนเต้างามตรงหน้า พร้อมกันนั้นก็โลมเล้าไปที่บริเวนใบหู เพื่อปลุกไฟสวาทให้ยิ่งลุกโชน

“อือออออออออ” หญิงสาวกัดฟันให้เสียงออกมาแค่ในลำคอก่อนที่เธอจะรวบแรงเท่าที่มีเด้งใส่ ท่อนควยนั้นไม่ยั้ง จนเสียงเนื้อกระแทกกันดังบีบๆดังรั่วถี่ยิบ โดยมีจุดหมายก็คือเส้นชัยตรงหน้า และในที่สุด

“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เธอก็สุขสมกับรสกามไปอีกครั้ง พร้อมๆกับพลังมาน่าส่วนเกินกลุ่มสุดท้ายที่โดนขับออกมา

.
.
.
.
.

เสียงเปียโนที่ก้องกังวานใสไปทั่วโบสถ์คาดินัลล์ เรียกความสนใจให้เหล่าพรีสมากมายที่ประจำการอยู่ต้องเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ ไม่เว้นแม้แต่ผุ้นำสูงสุดอย่างสาธุคุณรอสที่ถึงกับต้องเดินไปยังห้องบรรเลง เพื่อไปชมฝีมือการบรรเลงของศิลปินสาว ผู้ที่เขาเอ่ยเรียกเธอว่าลูกแต่กลับเรียกเธอเข้าไปบำบัดความใคร่แทบทุกครั้ง ที่มีโอกาส

ทันที่เขาเปิดประตูห้องบรรเลงเข้าไป ภาพตรงหน้าก็กระตุกต่อมราคะของเขาให้ทำงาน ภาพของวิเวียนที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า กำลังบรรเลงเปียโนอยู่บนเวทีอย่างตั้งใจ แต่ต่างออกไปตรงที่มีพรีสระดับสูงถึง 4 คนยืนประจำตรงมุมทั้ง 4 ด้าน พร้อมกับปล่อยพลังมาน่าขึ้นมาบนเวที จนไอสีเขียวตลบอบอวลไปหมด หญิงสาวจึงมีอาการหน้าแดงก่ำด้วยความเงี่ยน แต่เธอก็ยังกัดฟันอดทนฝืนความรู้สึกนั้นบรรเลงเพลงต่อไปจนในที่สุด

“อ๊า …….. อ๊า ………. อ๊างงงงงงงงงงง” เธอก็บรรเลงเพลงจบพร้อมกับปล่อยน้ำเงี่ยนที่อัดแน่นให้ไหลทะลักออกมาอย่างเหนื่อยหอบ

“เป็นยังไงบ้าง โบน” สาธุคุณรอสเอ่ยถามอาจารย์ใหญ่ ผู้ที่เห็นอยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอด อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในพรีสระดับสูงที่ปล่อยพลังมาน่าในวิเวียน

“วิเศษมากครับท่านสาธุคุณ โดนพลังมาน่าจากพรีสถึง 4 คน แต่นางบรรเลงเพลงติดต่อกันได้ถึง 3 เพลง โดยที่ความไพเราะไม่สดลงเลย พรีสสาววัยขนาดนางที่อดทนต่อพลังมาน่าได้ขาดนี้ ข้าก็พึ่งเห็นมีนางเป็นคนแรก”

“แล้วเรื่องวิชาเวทย์มนต์ของนางล่ะ”

“นางสามารถศึกษาเวทย์ธาตุแสงได้ถึงเลเวล 9 และสามารถใช้ได้ถึงเลเวล 6 ส่วนเวทย์ธาตุลมที่นางฝึกเป็นธาตุรองก็ศึกษาถึงเลเวล 6 และใช้ได้ถึงเลเวล 3 น่าเสียดายนะครับ เพราะเวทย์ธาตุแสงต้องใช้พลังมาน่าหน่วงรั้งถึง 3 เท่ากว่าเวทย์ปกติ ไม่งั้นนางคงสำเร็จถึงระดับ 9 แล้ว” บาทหลวงโบนบ่นอย่างเสียดาย

“ไม่เป็นไร แค่เลวล 6 ก็เพียงพอแล้วสำหรับสังหารอาลูคาร์ด” ชายชราเอ่ยเสียงเรียบแต่กับบาทหลวงโบนไม่ได้คิดเป็นเช่นนั้น

“แต่นางยังไม่เคยมีประสบการณ์ในสนามรบน่ะครับ ส่งนางไปทั้งแบบนี้ ข้าว่า ……” แต่เขาก็ต้องหยุดพูดเมื่อเห็นชายตรงหน้ายกมือปฏิเสธความเห็น

“พวกเจ้าเลอเซอโร่เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ภารกิจนี้รอไม่ได้ ยังไงข้าก็ฝากเจ้าช่วยเตรียมการพิธีข้ามมิติด้วยน่ะ โบน”

.
.
.

“อ๊า …… อ๊า ….. อ๊า……” เสียงหญิงสาวร้องครวญครางดังระงมก้อง ผสานกับลีลาขย่มเอวที่แสนเร่าร้อน สร้างความเสียวกระสันให้ชายแก่เบื้องล่างเป็นอย่างยิ่ง ลีลาของนางพัฒนาขึ้นทุกครั้งที่เขาได้เย็ด ทำให้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมานี้เขาแทบไม่ต้องเรียกพรีสสาวคนอื่นมาบำเรอกามเลย จะว่าไปแล้วชายแก่ก็นึกภูมิใจในตัวเองไม่น้อย ที่ได้บัญญัติกฎข้อหนึ่งที่ว่า พรีสชั้นสูง สามารถเรียกพรีสสาวคนใดก็ได้ที่ต้องตาต้องใจมาบำเรอสวาทโดยไม่มีข้อแม้

ความเสียวซ่านที่เขาได้รับจากพรีสสาวผมสีเงินคนนี้ ทำให้เขาทนไม่ไหวต้องกระเด้งควยสวนเข้าใส่เป็นระยะจนในที่สุดควยของเขาก็พอง โตใกล้ระเบิด ซึ่งหญิงสาวก็รับรู้ได้ เธอเร่งขย่มอย่างรุนแรงสลับกับขมิบตอดเป็นระยะ จนในที่สุด ควยของเขาก็ระเบิดน้ำออกทันที หญิงสาวจึงค่อยๆหยุดขย่มพร้อมกับแช่ค้างไว้ให้ช่องคลอดของเธอดูดซับน้ำกาม ทุกหยดนั้นไม่ให้เหลือ

“เสียใจเรื่องหมู่บ้านเจ้าด้วยน่ะ” ชายชราพูดจบพร้อมกับเอามือลูบไล้ผมสีเงินสลวยของหญิงสาวที่นอนซบอกเขาตรงหน้า

หญิงสาวสะอื้นเบาๆพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรินไหล เมื่อไม่นานมานี้เธอพึ่งได้รับข่าวร้ายที่ทำเอาใจแทบสลาย หมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของเธอโดนบุกจู่โจมจากเหล่าแวมไพร์ คนในหมู่บ้านที่เธอรู้จักโดนสังหารไปจนหมด ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวของเธอทำให้ความฝันของหญิงสาว ที่จะได้กลับบ้านหลังจากมา 15 ปี ต้องพังทลาย

“วิเวียนไม่เหลือใครแล้ว”

“เด็กโง่ …… เจ้าก็ยังเหลือพ่อแก่ๆคนนี้ไง และอีกหน่อย เจ้าก็คงเจอคนรักที่เจ้าจะสร้างครอบครัวด้วยเป็นแน่” คำปลอบประโลมของชายชราผู้นี้ดูจะได้ผลไม่น้อย เธอปาดน้ำตาที่มีก่อนจะเงยขึ้นสบตาเขา สายตาอ่อนโยนแบบนี้ของเขานั่นแหละ ที่ทำให้เธอทั้งรักทั้งศรัทธา หญิงกอดรัดชายตรงหน้าแน่นขึ้นอีก ราวกับเด็กน้อยที่โหยหาความอบอุ่น

เธอจึงไม่ทันสังเกต ว่าสายตาของขายตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสายตาหื่นกระหายของชายตัญหากลับไปแล้ว

“วิเวียน พ่อมีของจะให้ ไปดูที่โต๊ะสิ” หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างสงสัย ก่อนจะขยับกายช้าๆลุกไปที่โต๊ะอย่างว่าง่าย บนโต๊ะนั้นมีกล่องกำมะหยี่วางอยู่บนโต๊ะกล่องหนึ่ง เมื่อเธอเปิดออก ก็พบว่ามันเป็นกล่องใส่แหวนและกำไล ซึ่งเมื่อเธอเห็นก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือแหวนหินธาตุกับกำไลเวทย์ อุปกรณ์เวทย์มนต์ที่ผลิตโดยพวกวิซาร์ด

‘ทำไมคุณพ่อถึงมอบสิ่งนี้ ในเมื่อพวกเราปฏิเสธการมีตัวตนของพวกวิซาร์ดมาโดยตลอดนี่’ วิเวียนได้แต่คิดสงสัยในใจ และไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำถามนี้ออกไปดีหรือเปล่า

“วิเวียนข้ามีภารกิจให้เจ้า” สาธุณรอสเอ่ยพร้อมกับยืนขึ้นซึ่งเมื่อหญิงสาวได้ยินก็ลงไปนั่งคุกเข่ารับภารกิจทันที

“ข้าจะส่งเจ้าข้ามมิติไปยังอีกดินแดนหนึ่ง ที่นั่นเราได้รับรายงานว่าตรวจสอบแห่งพลังมาน่ามหาศาลที่ต้องสงสัยว่าจะเป็น ร่างของแวมไพร์ในตำนาน อาลูคาร์ด ภารกิจของเจ้า ก็คือหามันให้พบ แล้วทำลายให้สิ้นซาก” ชายชราพูดจบก็นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเงื่อนไขขั้นต่อไป

“โดยที่ข้ามีเงื่อนไข ก็คือ ห้ามเจ้าใช้เวทย์ธาตุแสงสว่างโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะใช้สังหารอาลูคาร์ดเท่านั้น”

“ห้ามใช้เวทย์ธาตุแสงเหรอค่ะ” วิเวียนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“ตอนนี้เจ้าใช้เวทย์ได้ที่เลเวล 6 ซึ่งถือว่าดี แต่ยังไม่พอที่จะใช้รับมือพวกแวมไพร์ชั้นขุนพลและชั้นราชา ดังนั้นถ้าเจ้าใช้มันก็จะเป็นการเปิดเผยตัวตนของเจ้า ตอนนั้นพวกแวมไพร์ชั้นสูงก็จะแห่กันมาแล้วเจ้าจะรับมือไม่ไหว ………. อย่าลืมสิวิเวียน ต่อไปข้างหน้า เจ้าจะต้องเป็นกำลังสำคัญของพวกเรา ในการล้างบางพวกแวมไพร์นะ”

“ส่วนเวทย์ธาตุลมของเจ้ายังไม่สูงพอ ดังนั้นของพวกนอกรีตพวกนี้คงช่วยภารกิจเจ้าได้ ภารกิจนี้สำคัญนะวิเวียน อย่าทำให้ข้าผิดหวังรู้ไหม”

“ค่ะ คุณพ่อ”
.
.

“อาร์ตคะ รีบเก็บของนะคะ เดี๋ยวเราต้องไปจากที่นี่แล้ว” วิเวียนเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากที่พวกเขาขับรถกลับมาถึงบ้านแล้ว และหลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งหายเข้าไปในบ้านทันที

ชายหนุ่มเดินตามหลังเข้าไปช้าๆ ตอนนี้มีสิ่งต่างๆที่ผุดขึ้นมาในใจของเขา เธอจะรู้ไหมนะว่าตอนที่เธอเสร็จออกมา 3 ครั้งนั้น ภาพความทรงจำของเธอก็ได้แล่นเข้ามา และภาพเหล่านั้น มันก็ก่อให้เกิดคำถามต่างๆขึ้นมาภายในใจของเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะถามมันดีไหม

“เราจะไปไหนกันเหรอวิเวียน” เขาถามขึ้นหลังจากเก็บของเสร็จแล้ว

“เราจะไปหลบที่บ้านพวกของสาวกคนอื่นคะอาร์ต แล้วค่อยหาทางกลับ wonderland กัน” หญิงสาวตอบคำถามเสร็จก็พาเขาออกเดินทางทันที

.
.

ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!!

.
.

เสี้ยววินาทีนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงดังกึกก้องราวกับเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวนภายนอก ทำให้วิเวียนต้องฉุดกระชากนายอาร์ตเข้ามาหลบภายในบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยปากบอกชายคนรักของเธอ “อาร์ตหลบก่อน”

สีหน้าของวิเวียนวิตกขึ้นทันที สิ่งที่ทำให้เธอต้องกังวลนั้นไม่ใช่แค่เสียงระเบิดปริศนา แต่เป็นมวลพลังมาน่าระดับมหาศาลที่อยู่ภายนอก มากขนาดที่ว่าอยู่ในระดับเดียวกับแวมไพร์ชั้นขุนพลเลยทีเดียว !! วิเวียนค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ ก่อนจะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับอาคันตุกะหน้าบ้าน จะได้รู้กันว่าเขาคือมิตรหรือศัตรู

.
.

อาคันตุกะผู้นั้นเป็นชายร่างยักษ์ผิวสีดำสนิท มีใบหน้าดุดันดวงตาแข็งกร้าวแผงไว้ด้วยความเหี้ยมโหดเต็มเปี่ยม กล้ามเนื้อของเขาใหญ่โตแข็งแรง บ่งบอกว่าเป็นผู้ที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างหนักหน่วง เรื่องดีอย่างหนึ่งก็คือเขาผู้นั้นไม่ใช่แวมไพร์ ……….. แต่ก็เป็นผู้ที่ทำให้เธอต้องหวาดวิตกไม่แพ้กัน

.
.

“ท่านพาลาดิน ……. สโตนเฮด”

<จบตอน>

Related

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 13 Vivian"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

© 2025 Madara Inc. All rights reserved