รักไม่นับตัวเลข - ตอนที่ 29 “จากความรักไม่จำกัดเลขแห่งอายุหวนคืนสู่ความรักจนตราบเท่าที่ยังมีชีวิต”
- Home
- รักไม่นับตัวเลข
- ตอนที่ 29 “จากความรักไม่จำกัดเลขแห่งอายุหวนคืนสู่ความรักจนตราบเท่าที่ยังมีชีวิต”
“ทำไมพี่บรีมกับคุณแม่ถึงมาไม่ได้?”
“เพราะคุณพ่ออยากให้บรีนกลับ…พรุ่งนี้ค่ะ”
“หรือว่า…ท่านยังทำใจยอมรับไม่ได้ที่จะให้ผมคบกับบรีน?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ…เคนอย่าเพิ่งเข้าใจผิด”
“แล้วจะให้เข้าใจเป็นอื่นอีกได้หรือ?…ไม่!!…ผมไม่ให้บรีนไป!!!…รึถ้าจะไปก็ขอฝากหลานให้คุณพ่อสักคนก่อนล่ะกัน”
“ว้าย!!!!…เคนนี่ล่ะก็~~”
“เคนพูดจริงนะ!!!…บรีนพร้อมมีให้เคนหรือเปล่าครับ?”
“คือว่า…”
“……………………………………..”
“ค่ะ…บรีนอยากมีลูกกับเคน…อยากมีที่สุด”
“งั้นเหตุผลแค่นี้ก็พอแล้วที่ผมจะไม่ให้บรีนกลับไปที่นั่น”
“โธ่~~…ฟังก่อนสิคะ…คุณพ่อท่านอยากให้บรีนไปช่วยงานที่บริษัทต่างหาก”
“ข้ออ้างทั้งเพ!!!”
“พี่บรีมก็ด้วย…เธอจะกลับเมืองไทยเป็นการถาวรและเข้าทำงานพร้อมกับบรีนเพื่อช่วยแบ่งเบางานของคุณแม่จ้ะ”
“ถ้าอย่างงั้น…งานที่บรีนทำกับคุณอาตอนนี้?”
“คุณอาบอกว่าให้บรีนกลับไปช่วยคุณพ่อเถอะ”
“ทั้งนั้นแหละ!!!…ใครๆก็ต้องการพรากบรีนไปจากผม”
“เคน–”
…
4 พฤศจิกายน 2548
“อีกประมาณ 10 นาทีขบวนรถด่วนดีเซลรางปรับอากาศขบวนที่ 12 เชียงใหม่ปลายทางกรุงเทพฯจะเข้าจอดเทียบในชานชาลาที่ 2 ผู้ประสงค์จะโดยสารโปรดนำสัมภาระและสิ่งของรอขึ้นขบวนรถในชานชาลารางที่ 2 ครับ”
“ทั้งที่เราเพิ่งจะได้อยู่ด้วยกันแค่วัน 2 วันเองนะ…บรีนไม่อยู่ผมจะนอนกอดใคร…ต้องนอนเหงากายเหงาใจเพียงคนเดียวแน่เลย”
“ไม่เอา…เคนอย่างอแงเป็นเด็กๆสิคะอีกอย่างก็ไม่ได้จากกันชั่วชีวิตสักหน่อย…เราสองคนต้องพยายามมากแค่ไหนกว่าที่จะมีวันนี้…ดังนั้นเราจะต้องได้อยู่ด้วยกันตลอดไปแน่ๆค่ะ”
…
…ขบวนรถด่วนวิ่งไหลเข้ามาในตัวสถานีพิษณุโลกช้าๆโดยจะจอดประมาณ 10 นาทีเพื่อเติมน้ำและตรวจเช็คสภาพ…บรีนบอกจะเอาของขึ้นไปไว้แล้วรีบลงมาเพื่อต้องการอยู่กับผมให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ในระหว่างที่ขึ้นไปนั้นเธอชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง…
“ขอโทษค่ะ!!”
“…………………………………….”
…หญิงสาวคนนั้นยิ้มกลับมาในเชิงความหมายว่าไม่เป็นไร…ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้!!!…ผมไม่ได้เห็นพวกเธอซะนาน…จริงสิ!!!!…เพราะนี่มันใกล้จะเปิดเทอมใหม่แล้วนี่หว่า…
“โฮ่ย~~…พี่ช่วยหิ้วถุงกะกาเป๋าหน่อยเด้!!…ใจคอจะให้น้องถือคนเดียว…มันหนักน๊า~~”
“……………………………………..”
“ทำเฉย?…หงึ!!…ใจร้าย~~…ใช้แรงงานน้องนุ่ง”
“อย่าบ่นมากได้มั้ย?…ที่มันหนักก็เพราะบรรดาของฝากที่เธอซื้อทั้งนั้น”
“อ้าวพี่!!…ไม่รู้จักหิ้วของติดไม้ติดมือมาฝากเดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราไม่มีน้ำใจนะจ๊ะ…เนี่ย–…แคบหมูน้ำพริกหนุ่มส่วนนี่กุนเชียงเจ้าอร่อยในลำปาง…ทางนี้ก็ของฝากจากอุดรบ้านเรา…เครื่องดื่มมึนเมาที่ตาบอลจะต้องชอบและติดใจแน่นอน”
“เออ–”
…สาวผู้พี่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำนุ่งกระโปรงสั้นเหนือเข่าสีครีมสวมรองเท้าหนังสีขาวปลอดส่วนสาวผู้น้องใส่เสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายชินจังนุ่งกางเกงยีนส์สวมรองเท้าแตะดูน่ารักน่าชังส่วนนายตำรวจที่ลงจากรถมาก่อนหน้าคนนี้ผมเคยเห็น…เขามักไปฝึกเทควันโด้ที่สำนักของพี่จุนบ่อยๆและคนอื่นชอบเรียกเขาว่า “ผู้กองชาติ” อีกทั้งยังเป็นคนเดียวกับที่ผมเห็นที่สระว่ายน้ำตอนไปกับพี่จุน…
“ฝนจะไปซื้อกาแฟดื่มแก้ง่วง…ของฝากไว้ที่พี่ก่อนนะจ๊ะ”
“ซื้อน้ำเปล่ามาฝากด้วย…เอ๊ะ?…แบมือทำไมน่ะ?”
“ก็ตังค์ไง”
“จะออกไปก่อนไม่ได้หรือไง?…เอ้า!!”
“นี่ลืมไปแล้วเรอะพี่จ๋า?…หนูฝากเงินไว้ที่พี่ทั้งหมดนิ”
…ทั้ง 2 พี่น้องยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิด…บรีนลงจากรถมานั่งข้างๆผมและถาม…
“เคนรู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือคะ?…เห็นมองเธอจัง”
“เธอคือพี่แคทที่ผมเคยเล่าให้ฟังไงครับ”
“อ๋อ!!…สาวรุ่นพี่คนนี้เองที่เคนแอบปลื้มนักหนา…ตัวสูง…รูปร่างสมส่วน…แหม~~…หน้าตาก็ยังสะสวยมากเลย…ขนาดบรีนเป็นผู้หญิงยังอดชื่นชมไม่ได้…”
“ไม่ใช่นะครับ!!!!…เคนยอมรับว่าเมื่อก่อนแอบชอบพี่แคทแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว…ผมมีบรีนอยู่ในใจเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“รีบแก้ตัวเชียวนะคะแต่บรีนก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย…มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดที่เคนจะเคยแอบชอบเพราะเธอสวยมากจริงๆ”
…ผมรีบคว้าบรีนมากอดและพูดปลอบประโลมเพราะฟังจากโทนเสียงก็ชักรู้สึกว่าสาวคนรักจะมีความหึงหวงนิดๆแล้ว…
“อย่าได้สงสัยอีกเลยนะจ๊ะสุดที่รักของผม…เวลานี้ทั้งกายและใจของผมเป็นของบรีนจนหมดสิ้น…ต่อไปห้ามพูดตัดพ้อแบบนี้อีกนะรู้มั้ย?”
“…ก็บรีนอดหึงเคนไม่ได้นี่~~”
…หญิงสาวเอนศรีษะซบแผ่นอกชายหนุ่มพลางเผยความในใจออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนและสายตาอันวิงวอน…ผมเชิดคางขึ้นและประทับจูบกลางหน้าผากบรีนด้วยความตื้นตันในหัวอก…
“กว่าที่เราจะครองคู่กันต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมาย…บรีนไม่อยากจากเคนไปไหนอีกเลยจริงๆนะคะ”
“ตัวผมก็ไม่ต้องการจากบรีนไปแม้สักเสี้ยววินาทีเดียวเช่นกัน…อีกไม่ถึง 5 นาทีรถไฟก็จะออก…ดีล่ะ!!!!…เคนจะไปกับบรีน”
“อะไรนะคะ?”
“ไม่มีอะไรจะมาพรากความรักของเรา 2 คนได้!!!…จะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อการพลัดพราก…เคนจะไปพบคุณพ่อของบรีนด้วย…เคนเชื่อว่าท่านจะต้องเห็นใจพวกเรา”
“เดี๋ยวสิคะ!!!…แล้วเรื่องเรียนล่ะ?…อีกอย่างคุณพ่อก็…”
“ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นครับนอกจากต้องการจะพิสูจน์ความจริงใจและความรักที่มีต่อบรีนให้คุณพ่อได้ประจักษ์!!!!”
(แปะๆๆๆ)
“ฝน?”
…สาวน้อยวัยกระเตาะยืนปรบมือก่อนเดินเข้ามาหาพวกเรา…
“พูดได้ดีนิ!!!…ถึงฉันจะไม่รู้เรื่องอะไรก็เถอะแต่ต้องขอชื่นชมกับความกล้าของนายนะเคน”
“เธอ…เธอรู้ชื่อฉันได้ยังไง?”
“ไม่รู้ก็แปลกแล้ว…คือคุณผู้หญิงตอนเดินสวนกับฉัน…เธอเอ่ยแต่คำว่าเคนซ้ำไปซ้ำมา”
“คุณได้ยิน?”
“แหะๆ…ขอโทษนะคะที่ฉันหูไวดันไปได้ยินเข้า…ถึงแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ก็ขอพูดอะไรสักนิด…ในเมื่อทั้ง 2 ไม่อยากพลัดพรากก็จงอยู่ร่วมกันตลอดไปสิคะ”
“ฉันต้องการอย่างนั้นยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้ค่ะ…แต่คุณพ่อฉัน…”
“คือฝนยังเด็กอยู่มากและไม่ถนัดกับเรื่องรักๆใคร่ๆนี่จึงไม่ขอบังอาจออกความเห็นส่วนตัวให้ขายหน้าน่ะค่ะ…แต่!!…ขอให้พวกคุณจงมีความกล้าและความหวังเป็นเครื่องคุ้มครองใจไว้เถิดนะคะ”
“ความกล้า…”
“…ความหวัง”
“ใช่แล้ว!!!…ความกล้าคือพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้มนุษย์สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้ส่วนความหวังก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกันเพราะถ้าไม่มีความหวัง…เราก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว…หายใจอยู่ไปวันๆไม่มีอะไรดีขึ้นมา”
“ขอบคุณ…ขอบคุณมากค่ะ…คุณได้มอบความกล้าให้ฉันอีกแล้ว”
“เอ๋?”
“ขอขอบคุณเธอมากจริงๆนะฝน…ความฝันของเรา 2 คนผมสัญญาว่าจะต้องทำให้สำเร็จ”
“หึๆ…นายนี่เติบโตขึ้นมาก…ยินดีด้วยๆ…ต่อไปนี้ขอให้ทั้ง 2 คนสมปรารถนาดังใจหวังนะคะ”
(เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง)
“ค่ะ…คุณพ่อ”
“………………………………………..”
“อะไรนะคะ?”
“………………………………………..”
“จริง…จริงหรือคะคุณพ่อ!?”
“!?”
…หญิงสาวโผร่างเข้ากอดผมแน่นแต่ไม่ยอมบอกอะไรเลยสักคำ…ถามก็ไม่ตอบ…
“มีอะไรหรือครับ?”
“พ่อ…คุณพ่ออยากพบเคนค่ะ”
“หา?…จริง…นี่เรื่องจริงหรือ?…เอ่อ–…ท่านมีอะไรจะคุยกับผมล่ะเนี่ย?”
“ค่ะ…ท่านสั่งให้เคนเดินทางไปพร้อมกับบรีนซะด้วยกันเลยและย้ำว่าถ้าไม่ไปก็อย่ามานับถือเป็นพ่อตา”
“ไชโย!!!!!…ฮ่าๆๆๆๆๆ…สำเร็จ…สำเร็จแล้ว!!!!!!!!!”
“ว้ายเคนอ่ะ~~~…คนมองใหญ่แล้ว!!!!”
“ไม่มีอะไรให้ต้องอายครับ!!!…ดีซะอีกที่ทุกคนจะได้เป็นสักขีพยานในความรักของเคนกับบรีน”
…..ผมแหกปากร้องตะโกนอย่างลิงโลดก่อนจะตรงเข้ายกตัวว่าที่ภรรยาในอนาคตแล้วหมุนไปรอบๆจนไม่ทันสังเกตว่าฝนกำลังเดินจากพวกเราไปช้าๆพร้อมยกนิ้วโป้งให้
…..บรีนน้ำตานองหน้าด้วยความดีใจอย่างล้นเหลือซึ่งเธอยิ้มและก็ร้องให้เหมือนกับเด็กๆ…ท่ามกลางเสียงคนในบริเวณที่พูดคุยกันด้วยความสงสัยบางคนก็ปรบมือให้ทั้งที่ไม่รู้เรื่องราวรวมไปถึงเสียงหวูดรถไฟที่ส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังใกล้จะออกจากสถานีแล้ว…
“คุณผู้โดยสารเชิญขึ้นขบวนรถได้แล้วค่ะ”
“บรีน…ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าอนาคตหรือความสุขของเราก็ล้วนจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บัดนี้ไปนะครับ…แม้จะมีกำแพงที่สูงชันหรืออุปสรรคต่างๆนาๆมาขวางกั้นแล้วมันจะแน่นหนาแข็งแกร่งหรือยากลำบากเพียงใด…ความรักของเราที่มีให้กันและกันมันก็จะพังทลายจนหมดสิ้น!!!!”
“ค่ะ…เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป…จะไม่มีใครสั่นคลอนขัดขวางความรักอันมั่นคงของสองเรา!!!!”
…น้ำตาแห่งความสุขสมหวังยังหลั่งรินไหลอาบแก้มหญิงสาวอย่างไม่ขาดสาย…ไม่ว่าจะทั้งสุขหรือทุกข์สิ่งนี้มันก็ช่วยทำให้คนเราเข้มแข็งขึ้นเติบโตขึ้นพร้อมทั้งลุกเดินหน้าต่อไป…ผลตอบแทนจากความรักที่ไม่นำพาต่อตัวเลขได้กลับคืนมาสู่เรา 2 คน ณ บัดนี้แล้วจะกลายเป็นความรักที่ยืนยงถาวรจนตราบเท่าที่ยังมีชีวิต…
รักไม่นับตัวเลข อวสาน.
…
…หลังจากที่ขบวนรถด่วนเที่ยวล่องเคลื่อนตัวออกจากสถานีไปแล้ว…
“ขบวนรถที่กำลังจะเข้าจอดเทียบชานชะลารางที่ 2 เป็นขบวนรถเร็วเที่ยวขึ้นรับส่งผู้โดยสารจากกรุงเทพฯปลายทางสถานีเด่นชัย…”
“เมื่อไหร่สากับหนูอ้อยจะซื้อของเสร็จซะที?…เชอะ!!…แค้นใจเจ้าพี่บ้านั่นนัก…ไม่มารอรับพวกเราได้ยังไง?”
“เขาอาจจะติดธุระสำคัญอยู่ก็ได้”
“จะมีธุระอะไรสำคัญกว่าการมารอรับน้องสาวผู้น่ารักคนนี้…อื๋อ?…พี่แคท!!!!”
“ฟิ้ว~~…เอาจนได้…ฝน…น้องเคยบอกว่าป้อมอาจจะดักรอที่ไหนสักแห่งเพื่อคอยเล่นงานเรา…”
“ใช่ค่ะ…แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้านี่จะมาจองกฐินกันตั้งแต่สถานีรถไฟเชียว!!!”
…บริเวณกลางเสาของชานชะลาสถานีปรากฏเข็มสีทองยาวประมาณครึ่งไม้บรรทัดปักอยู่โดยห่างจากใบหูของสาวแคทเพียงไม่ถึงขนาดความยาวของนิ้วก้อย…
“เข็มเล่มที่ 7?”
“อยู่ไหน?…ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?”
“ออกมาสิน้องป้อม!!…เรามาพูดคุยกันดีๆตามประสาพี่น้องเถอะ…พี่สาวคนนี้จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเอง”
“…………………………………..”
“…………………………………..”
“ไม่ยอมออกมาเจรจากันรึ?…งั้นยึดไอ้นี่ล่ะนะเจ้าป้อม…เหะ!!…ช่างให้เกียรติพวกเราซะจริงๆเพราะเท่าที่ฉันรู้น่ะเธอยังไม่เคยนำเข็มทองคำมาใช้กับใครเลย…ใช่มะ?”
“…………………………………..”
“นั่นไง!!!…มันกำลังขึ้นไปอยู่บนสะพานลอยค่ะพี่แคท”
“แล้วทำไมต้องยิ้มแสยะอย่างนั้น?”
…ที่สะพานลอยข้ามทางรถไฟพลันปรากฏร่างของเด็กหญิงผู้หนึ่ง…นั่นคือลูกพี่ลูกน้องคนเล็กสุดของแคทและฝนที่มีวัยเพียง 14 ปี…
“พี่ลองเพ่งดูตาซ้ายที่ลุกวาวเป็นประกายของยัยตัวเล็กซึ่งปกติจะไม่ได้เห็นกันง่ายๆ…ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องซ่อนอุบายอะไรบางอย่างไว้แน่นอน”
“อุบาย?”
“เราได้รู้แน่ค่ะ…ฝนจะไปจับตัวมันมาเอง!!!”
…สาวน้อยเดินเข้าไปใกล้ช้าๆแต่พยายามเงยหน้ามองเด็กหญิงข้างบนตลอด(ไม่ให้คลาดสายตา)ซึ่งอีกฝ่ายก็มองตอบลงมาแล้วฉีกยิ้มจนเห็นฟัน(เขี้ยว)ขาว…แต่ทว่า–…พอเท้าข้างหนึ่งของฝนแตะถูกขั้นบันไดขั้นแรกป้อมก็สับเท้าวิ่งจู๊ดลงอีกฝั่งอย่างเร็วจี๋ก่อนจะใช้ประโยชน์จากแมกไม้ช่วยอำพรางตัวหายไปโดยปล่อยให้อีกฝ่ายอ้าปากค้างยืนงงเป็นไก่ตาแตก…
“เฮ้ย!!!!”
“!?”
“หน็อยแน่ะเจ้าบ้า~~…คอยจ้องตาเป็นมันเชียวนะยะ!!!…อุบายที่ว่าก็แค่เผ่นเท่านั้นเองเรอะ?”
…จะมีลูกพี่ลูกน้องที่ไหนทำแบบนี้กันบ้าง?…เด็กหญิงป้อมมอบรอยยิ้มให้ “พี่สาว” คล้ายกับว่าเป็นมิตรแต่กลับไม่ยอมอยู่แม้จะสนทนาซ้ำยังโกยแน่บไปต่อหน้าต่อตาอีก…
“ถึงความเร็วจะเป็นรองฝนแต่ในรูปการนี้ป้อมได้เปรียบไม่มีเสีย…วันนี้เธออาจจะแค่มาทักทายพวกเรา”
“จะอยู่คุยกันสักคำก็ไม่มี…หา!!!…ทักทาย?…พี่แคทพูดอะไรคะนี่?…เจ้ามะขามป้อมซัดเข็มทองคำปักเสาเฉียดหูพี่ไปแค่นิดเดียวเนี่ยนะเรอะ?”
“ก็นั่นแหละคือการทักทาย…ถ้าหากมุ่งหวังจะทำร้ายก็คงพุ่งเข็มมาที่ตัวพี่แล้ว”
“ฮึ่ย~~…ยัยตัวกะเปี๊ยกไม่กล้าหรอกแต่ไม่แน่ว่าตอนนี้มันคงจะหัวเราะเยาะเรา 2 คนจนท้องขัดท้องแข็งแล้วล่ะมั้ง?…เจ็บใจ!!”
“ป้อมส่งข้อความมา…”
“ท้ารบว่ายังไงคะ?”
“…ขอฝากเข็มทองไว้ที่พวกพี่แล้วอีกไม่นานจะมารับคืน…เจอกันครั้งหน้ารับรองสนุกกว่านี้เพราะฉันกับพี่อ๋อมจะไปเยี่ยมเยียนถึงที่แน่นอน”
“สาเหตุมาจากเรื่องที่เราคุยกันบนรถจริงๆ…เสือน้อยเข้าคู่กับนางพญาเสือ…นับว่าตึงมือมากถึงมากที่สุด”
“ทำได้ดีจ้ะน้องรัก…พี่ภูมิใจในตัวป้อมมากนะ”
“ฮึ้ย~~…มันจ้องจะตีกับเราอยู่ข้างพี่ยังไปชมอีก?”
“ฝนฟังนะ…อ๋อมน่ะอาจต้องใช้ความพยายามมากสักหน่อยจึงจะทำให้เธอเข้าใจแต่สำหรับป้อมคงคุยได้ไม่ยากหรอก…น้องก็รู้ดีนี่นา”
“ก็หวังให้เป็นอย่างนั้นค่ะเพราะใจจริงหนูไม่ต้องการจะทะเลาะกับญาติพี่น้องตัวเองเลยสักนิด…เอ้ย!!!”
“โวยวายอะไรอีกล่ะ?”
“ดูท้ายขบวนรถเร็วที่วิ่งออกไปสิพี่…ยัย…ยัยตัวเล็กมันยืนอยู่ตรงนั้น!!…หนอย~~…เชิดหน้าใส่เราด้วย!!!”
“ก็คงจะกลับโยนกทักษิณล่ะนะ”
“ชิ!!…ถ้าคราวหน้าเจ้านี่เกิดพาพี่อ๋อมออกมาด้วยจริงก็จะต้องเกิดเรื่องยุ่งแน่ๆและคนที่ซวยที่สุดก็ต้องไม่พ้นฝนกับพี่แคท…สงสัยก่อนจะพูดจารู้เรื่องมีหวังได้ตีกันแหลกก่อนแหงๆมั้ง?”
“……………………………………”
…