ตัองยอมพลีกายเพื่อช่วยชายคนรัก - ตอนที่ 3
ตัองยอมพลีกายเพื่อช่วยชายคนรัก 3 ชุดนอนของดิฉันถูกถลกขึ้นไปอยู่เหนือทรวงอก ขณะที่ทศใช้ลิ้นโลมไล้ไปตามเนื้อตัวอันเปล่าเปลือยของดิฉัน เวลานั้นดิฉันรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่เขาเพิ่งกลับมา เพราะถ้าเขากลับมาเร็วกว่านี้อีกวันสองวัน เขาคงจะได้เห็นรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวของดิฉันแน่ๆ แต่เวลานี้รอยช้ำนั้นมันแทบจะหายไปหมดสิ้นแล้ว อาจจะมีบางแห่งที่เหลือร่องรอยจางๆไว้ แต่ด้วยไฟที่สลัวอย่างนี้มันยากที่จะสังเกตเห็นทศค่อยๆ ลากปลายลิ้นสลับกับจูบไปมาตามเนื้อตัวของดิฉัน จากยอดทรวงทั้งสองข้าง แล้วค่อยๆเลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ พอถึงท้องน้อยดิฉันก็จับศีรษะเขาไว้ แล้วพยายามดึงกลับขึ้นมาทศคะ..อย่า ดิฉันร้องห้ามเขาชะงักชั่วครู่เหมือนกำลังจะตัดสินใจว่าจะทำต่อหรือไม่ แต่ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ ลุกขึ้นมา แววตาของเขาแสดงถึงความผิดหวังและไม่เข้าใจปา… เขาเรียกชื่อดิฉัน.. อึกอักเหมือนจะอุทธรณ์ แต่แล้วก็กล้ำกลืนมันไว้มานั่งซิคะ… ปาจะทำให้ทศเอง ดิฉันพูดเบาๆ ก้มหน้าที่ร้อนวูบวาบด้วยความอายปา… เขาร้องย้ำคำเดิม แต่น้ำเสียงแปรเปลี่ยนไปเป็นความลิงโลดและผสมผสานไปด้วยความแปลกใจทศลุกขึ้นจัดแจงถอดเสื้อผ้าออกเช่นเดียวกับดิฉัน เขานั่งลงที่ขอบเตียง ขณะที่ดิฉันเปลี่ยนไปคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเขา… ดิฉันได้ตัดสินใจแล้ว… ตัดสินใจมาหลายวันแล้วที่จะทำอย่างนี้ ก็ในเมื่อดิฉันทำให้ท่านรองกับไอ้เสี่ยยู้ได้ ทำไมดิฉันจะทำให้ทศไม่ได้.. อันที่จริงดิฉันควรจะทำให้เขามาตั้งนานแล้ว ดิฉันมันโง่เง่าสิ้นดี ทศควรจะเป็นชายคนแรกและคนเดียวที่สมควรจะได้รับสิ่งนี้… แต่เขาก็ไม่เคยได้… กลับกลายเป็นคนเลวสองคนนั้นที่ได้มันไปแทน ดิฉันจะชดใช้ให้ทศ ดิฉันจะทำให้เขาอย่างดีที่สุด ทำทุกๆอย่างที่เขาต้องการจะทำ อย่างน้อยก็เพื่อบรรเทาความรู้สึกผิดที่ได้ทำไปในระหว่างที่เขาไม่อยู่ แม้ทุกอย่างที่ดิฉันจะทำลงไปจะเป็นการทำเพื่อเขาเพราะถูกสถานการณ์บังคับก็ตามปา…ผมไม่ได้ทำให้ปาลำบากใจใช่มั๊ย เขาถามย้ำอย่างไม่แน่ใจไม่หรอกค่ะ ..ปาเต็มใจ.. ดิฉันพูดเบาๆ แล้วยิ้มให้เขาอย่างอายๆ เพื่อแสดงให้รู้ว่าดิฉันเต็มใจ ที่จะทำทุกอย่างเพื่อเขาทศหยิบหมอนส่งมาให้ปา คุกเข่าลงบนหมอนดีกว่านะจะได้ไม่เจ็บเข่าดิฉันยิ้ม รับหมอนจากมือเขามาวางตรงแทบเท้าแล้วคุกเข่าลงไป ใจเต้นระทึก ขณะที่มือข้างหนึ่งของดิฉันประคองท่อนลำของเขา อีกข้างวางอยู่ที่สะโพกของตัวเอง ริมฝีปากเผยอขึ้นดื่มด่ำ ขยับเขยื้อนรุดหน้าถอยหลัง โดยในช่วงแรกเป็นการดื่มด่ำแต่เพียงเล็กน้อยที่ปลายเท่านั้น แล้วในที่สุดก็ปล่อยให้ทั้งหมดหายเข้าไปในปากดิฉันเม้มริมฝีปากขณะที่ปลายลิ้นพลิ้วลามเลียไปด้วย รู้สึกได้ถึงอาการสั่นระริกของทศ เขาคงปั่นป่วนไปหมดแน่ๆ ดิฉันแน่ใจเลยว่าทศคงคาดไม่ถึงว่าดิฉันจะทำได้ดีถึงขนาดนี้ ยามใดที่ท่อนลำของเขาถูกปลายลิ้นอันเร่าร้อนสัมผัสดิฉันก็จะพบอาการสั่นสะท้านอย่างรุนแรงทุกครั้ง ช่วงเวลานั้นดิฉันสัมผัสได้ด้วยสัญชาตญานว่าเขาทำท่าจะโลดแล่นไปสู่บทอวสานอยู่แล้ว ทันใดนั้นเขาก็ร้องคราง เอื้อมมือมาจับใบหน้าให้ดิฉันเบนออก แต่ดิฉันแกล้งเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมหนีไปไหน พอก่อนปา…หยุดก่อน.. ผมยังไม่อยากเสร็จแบบนี้ เขาร้องวิงวอนดิฉันหัวเราะคิก เพราะตอนนี้หน้าของเขาแดงก่ำด้วยความอาย ดิฉันยอมรับเลยว่าหน้าของผู้ชายหล่อๆเวลาอายนี่ก็ดูน่ารักไม่เบาเหมือนกันอ๋อ..หัวเราะชอบใจหรอ .. ตาผมบ้าง… ขึ้นมาเลย..ขึ้นมาเลย.. ทศบอกดิฉันลุกขึ้นแล้วนั่งลงไปข้างๆเขา ใจวาบหวิวเพราะรู้ตัวว่าเขาต้องแก้แค้นดิฉันแน่ๆที่ทำให้เขาต้องอาย.. ทศขยับตัวรั้งร่างดิฉันให้นอนหนุนตักแล้วก็โน้มใบหน้าลงประทับจูบทันที ไม่เพียงเฉพาะริมฝีปากเท่านั้น แต่มือข้างหนึ่งของเขายังสอดผ่านเข้ามาในร่องหลืบของดิฉัน ซึ่งทำให้ดิฉันต้องบิดขาก่ายกันไปมาเพราะฤทธิ์ปลายนิ้วของเขา เขาคุ้ยเขี่ยอยู่ที่จุดที่ไวต่อความรู้สึกขณะที่อีกสองนิ้วสอดลึกเข้าไป ความกระสันรัญจวนทำให้ดิฉันได้เริ่มตอบสนองเขาด้วยการตอดกระชับนิ้วของเขาเป็นระยะ การกระตุ้นที่เร้าใจของเขาทำให้ดิฉันหน้าร้อนวูบวาบครวญครางปาจะทนไม่ไหวแล้วค่ะทศ จะทำอะไรก็ทำเข้าเถอะคราวนี้เป็นทีของเขาที่จะได้เป็นฝ่ายหัวเราะชอบใจบ้างเสียวมากหรอปา ดีแล้ว เสียวอย่างนี้ดีแล้ว … เดี๋ยวผมจะทำให้เสียวกว่านี้อีก ต่อไปจะได้ไม่กล้าปากดีกับผมอีกอื้อหือ..จิ๋มปาแฉะมากเลยนะ..เอ๊ะ..ทศนี่ดิฉันทุบไปที่ไหล่ของเขาเบาๆด้วยความอาย ทศจับดิฉันให้นอนลง ส่วนตัวเขาขยับเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างปลายเท้าของดิฉัน แล้วก็โถมตัวลงทาบทับ ความหนุ่มแน่นของเขาบดเบียดอยู่กับความสาวของดิฉันพอดีโอ..ทศ… ดิฉันร้องครวญครางขณะที่สัดส่วนกำยำของเขาฝังเข้าสู่ความสาวของดิฉันอย่างรวดเร็ว ขนาดของทศพอเหมาะกับของดิฉันที่สุด มันไม่เหมือนของท่านรองที่ใหญ่จนดิฉันเจ็บเกินกว่ามี่จะมีความเสียว ความรู้สึกของดิฉันปั่นป่วนไปหมดขณะที่เขาขยับเขยื้อนเอวไปมาโอ…ปาเสียวเหลือเกิน..ทศ…อูยยย ดิฉันร้องครวญคราง ทศชักนำความหนุ่มแน่นเดินหน้าถอยหลังจากช้าๆนุ่มนวล แล้วค่อยๆเร่งขึ้นอย่างเมามันแต่เขาดูพยายามที่จะไม่ทำรุนแรงให้ดิฉันเจ็บ จนดิฉันต้องเป็นฝ่ายเร่งเขาเองแรงขึ้นอีกสีคะทศ แรงขึ้นอีก อูยยย ดิฉันร้องครวญคราง รสชาติของเขาเต็มไปด้วยความเร้าใจ และดิฉันรู้สึกตื่นเต้นเหลือเกิน เขาเปลี่ยนเป็นชะลอจังหวะให้เชื่องช้าเนิบนาบ ถอนกลับจนสุดตัวก่อนจะรุกใหม่เต็มเหยียด ความเสียวซ่านทำให้ดิฉันต้องยกบั้นท้ายขึ้นลอยจากเตียงตอบโต้การรุกไล่ของเขาอย่างไม่ยอมแพ้ชั่วเวลาไม่นาน จังหวะการเคลื่อนไหวระหว่างเราทั้งสองก็สอดประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สถานการณ์มันเลยเถิดไปจนถึงขั้นที่ไม่อาจระงับความเสียวซ่านไว้ได้อีกแล้ว เขายังคงเดินหน้าให้ความหนุ่มแน่นของเขารุกสุดตัวเข้ามาในร่องหลืบของดิฉัน พอมันเดินเข้ามาดิฉันจะกลั้นใจแน่น พอมันถอยกลับดิฉันจะอ้าปากหอบหายใจครวญคราง ขณะเดียวกันบั้นท้ายก็ยกขึ้นตอบโต้อย่างลืมตัว สะโพกของดิฉันส่ายคลอนอย่างไม่มีการระงับยับยั้งอีกต่อไปแล้วช่วงนี้เขาโหมจังหวะรุกไล่อย่างดุดันและรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ปล่อยมือดิฉันให้เป็นอิสระ ซึ่งดิฉันก็กระหวัดรัดรอบคอเขาอย่างลืมตัวอีกชั่วครู่ ท่ามกลางที่บรรยากาศที่แสนจะปั่นป่วนรัญจวนใจ ความสุขที่ใฝ่หาก็แผ่กระจายไปทั่วร่างสั่นระริกของดิฉัน จวบจนคลื่นแห่งความสุขสุดยอดระลอกสุดท้ายโถมทับเข้ามา ร่างของดิฉันก็อ่อนระทวยหงายเหยียดยาวบนเตียง ยกท่อนแขนข้างหนึ่งปิดป้องใบหน้าด้วยความอาย ทศก้มลงจูบที่แก้มดิฉันเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปทำความสะอาดตัวเองในห้องน้ำคืนนั้นเป็นคืนที่ดิฉันนอนหลับอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต ความโหดร้ายดูจะลอยห่างไปทุกที ถ้าเป็นอย่างนี้ดิฉันคงจะลืมเรื่องร้ายๆไปได้ในเวลาไม่นาน. . . . . . . เช้าวันถัดมา ขณะที่ดิฉันกำลังนอนอยู่อย่างสบายในผ้าห่มที่อ่อนนุ่ม เสียงของทศก็ดังที่ข้างหูตื่นได้แล้ว แม่ตุ๊กตาขี้เซา ดิฉันขยับตัวด้วยความงัวเงีย เอาผ้าห่มปิดหู ไม่คิดที่จะลุกขึ้นเลย ตื่นสิ แม่ตู๊กตาจอมขี้เกียจของผม ทันใดนั้นดิฉันก็รู้สึกว่ามือของเขาได้สอดเข้ามาในผ้าห่มแล้วบีบที่เต้านมของดิฉันเบาๆ.. ดิฉันอุทาน ตีเพี๊ยะไปที่มือของเขาอย่างรุนแรงโอ๊ย เจ็บนะ ปานี่เล่นอะไรแรงๆ เขาบ่นพึมพำดีสม.. อยากมาจับนมปาทำไมล่ะ ดิฉันดุเขา แล้วหัวเราะชอบใจ ลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตาด้วยความงัวเงีย มันช่างเป็นเช้าที่มีความสุขเหลือเกินไปแต่งตัวเถอะ วันนี้เรามีเรื่องต้องทำอะไรคะ ดิฉันถามอย่างงุนงงเราต้องไปขอบคุณท่านรองเพรียวพงษ์น่ะว่าไงนะ ดิฉันอุทานแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความสุขที่มีเหือดหายไปในพริบตาเสี่ยยู้เขาโทรมา ว่าท่านรองต้องการพบเรา ท่านอยากรู้ว่าเราเป็นยังไงบ้างทศ…มันจบไปแล้วนะ เราอย่าไปยุ่งกับพวกเค้าเลย ดิฉันแย้งอย่างร้อนใจปา เราต้องไปขอบคุณท่าน ท่านช่วยผมให้เป็นอิสระ มันเหมือนกับผมได้เกิดใหม่เลยนะ ทศ..เค้าไม่ได้ช่วยเราฟรีๆนะ ปาจ่ายเงินเค้าไปตั้งเยอะ เค้าได้เงินไปแล้ว มันก็ควรจะจบกันไปแค่นั้น เรากำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ดีๆ อย่าไปยุ่งกับคนอื่นเลยปาพูดเหมือนกับคนไม่มีน้ำใจ เขาตำหนิดิฉัน ถึงท่านจะรับเงิน แต่ท่านก็มีบุญคุณต่อผมอยู่ดี เพราะถ้าไม่มีท่านผมคงไม่ได้กลับมาหาปาหรอกทศ..อย่าพูดเลย… ไปกับผมเถอะ ปา…ทำเพื่อผมซักครั้งได้มั๊ยดิฉันอึ้ง น้ำตาซึม…พูดไม่ออกเลย… คำพูดที่ว่าทำเพื่อเค้าซักครั้งจะได้มั๊ย. มันทำร้ายจิดใจดิฉันมากเค้าไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ดิฉันทำให้เขานั้นมันมากมายและสร้างความเจ็บช้ำให้ดิฉันอยู่จนถึงตอนนี้ แต่ดิฉันจะโกรธเขาได้ยังไง.. เพราะทศไม่รู้เรื่องจริงๆ.. ดิฉันได้แต่ครุ่นคิด จะห้ามเขายังไง.. ดิฉันอึดอัดใจเหลือเกิน… เรื่องที่เกิดขึ้นมันเลวร้าย แต่ดิฉันก็พูดไม่ออก จะบอกกับใครก็ไม่ได้ด้วย.. ดิฉันเคยลองคิดในใจว่าถ้าบอกเรื่องทั้งหมดให้ทศฟังจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะโกรธดิฉันหรือ?…ไม่หรอก เขาเป็นคนที่มีเหตุผล… หรือ จะแก้แค้นกับท่านรองเพรียวพงษ์? ..ไม่มีทาง … ไม่มีทางเลยที่เขาจะแก้แค้นท่านรองได้ ทศเป็นเพียงนักธุรกิจที่สุจริต ไม่มีกำลังอะไรที่จะไปต่อสู้กับท่านรองได้ การบอกความจริงรังแต่จะทำให้เขาเจ็บปวดเพิ่มขึ้นมาอีกคน ดิฉันจะยอมให้เขารู้ความจริงไม่ได้เด็ดขาด แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังทำให้ดิฉันเข้าตาจน.. ไม่มีทางเลือก.. ดิฉันอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่ก็ต้องเก็บซ่อนไว้เพราะไม่อยากให้เขาเอะใจ ได้แต่หวังว่าท่านรองเพรียวพงษ์จะเป็นคนรักษาสัญญา ไม่มายุ่งกับดิฉันอีกดิฉันปลอบใจตัวเองว่าแค่ไปพบเขาจะเป็นไรไป ทศก็ไปด้วย ท่านรองเพรียวพงษ์คงไม่กล้าล่วงเกินดิฉันแน่ๆ ดิฉันพยายามปลอบใจตัวเองอย่างหดหู่…