ชาติพยัคฆ์ - ตอนที่ 6 เสียงคำรามของพยัคฆ์
“หืมมมม….มีคนสะกดรอยตามมางั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มวัยกลางคนรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ประมาณสามสิบคน พวกมันแอบสะกดรอยตามเขาอยู่แบบเงียบๆ นานแล้วที่ชายหนุ่มไม่เคยได้รับความรู้สึกถึงการคุกคามแบบนี้ นับตั้งแต่ออกมาจากประเทศญี่ปุ่นมาเกือบยี่สิบปีที่แล้ว ตอนนี้เขาเดินอยู่ในย่านตลาดใหญ่ใจกลางตัวจังหวัด ขณะที่สองมือกำลังเต็มไปด้วยถุงใส่ของที่ซื้อมาไม่ว่าจะเป็นแป้งข้าวเหนียว ถั่วแดง น้ำตาลทราย ผัก ผลไม้ และเนื้อสด กลุ่มคนที่น่าสงสัยกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่แบบห่างๆ เป็นระยะ เหมือนทำงานกันเป็นทีม แม้พวกมันจะทำทีท่าเหมือนต่างคนมาเที่ยวซื้อหาของกินของใช้ทั่วไปก็ตาม แต่หากสังเกตดูให้ดีแล้วจะพบว่าพวกมันคือพวกเดียวกันหมดทุกคน
“สงสัยจะต้องเปลี่ยนสถานที่ซักหน่อยแล้ว ที่นี้ออกจะคนเยอะเกินไป”
หากจะให้ละเลงเลือดในทันทีทันใด ที่นี้คงไม่เหมาะเป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงเริ่มเดินออกจากตลาด เดินเลี้ยวลัดเลาะไปยังอาคารร้างแห่งหนึ่งที่ไม่มีผู้คน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตลาดใหญ่ไกลพอสมควร เหล่าชายฉกรรจ์ที่กำลังตามสะกดรอยอยู่ต่างส่งสัญญาณคล้ายส่งซิกให้รีบติดตามเป้าหมายไป กลุ่มคนทั้งสามสิบคน กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ตาม ชาติพยัคฆ์ อย่างเหนื่อยหอบ แต่น่าแปลกที่ชายหนุ่มธรรมดาเพียงแค่คนเดียว แถมยังมีข้าวของเต็มไม้เต็มมือพะรุงพะรัง กลับสามารถเดินห่างจากพวกเขาออกไปได้ทุกที แถมไม่ออกอาการเหนื่อยให้ได้เห็นอีก กลับกลายเป็นพวกเขาต่างหากที่ต้องวิ่งกระหืดกระหอบไล่ตามตัวจนเหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาเต็มใบหน้า
“เฮ้ย!!!! มันหายไปไหนแล้ววะ?”
กลุ่มชายฉกรรจ์ ไล่ตามชาติพยัคฆ์มาอย่างกระชั้นชิด ก่อนจะมารวมตัวกันบริเวณอาคารร้างแห่งหนึ่งอยู่ครู่ใหญ่ พร้อมกับพยายามมองไปรอบๆ เพื่อคว้านหาตัวคนที่พวกเขาติดตามอยู่ ซึ่งจู่ๆ หายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอย ลูกน้องของกำธรต่างรีบชักปืนออกมาจากเอว เพราะรู้สึกว่าชักไม่เข้าท่าเข้าทางเสียแล้ว เหมือนตัวพวกเขาเองกำลังเดินเข้ามาติดกับดักของฝ่ายตรงข้ามอย่างไรชอบกล
“พวกแกเป็นใครกัน ตามฉันมาทำไม?”
เสียงอันเย็นยะเยือก ดังขึ้นอยู่ทางเบื้องหลังของพวกมัน จนทำให้พวกมันทุกคนต้องสะดุ้งสุดตัวรีบเหลียวหลังกลับไปมองดู คนที่พวกมันกำลังตามหาอยู่ กำลังนั่งใจเย็นอยู่ทางด้านหลังบนเศษผนังอิฐที่ยังก่อไม่เสร็จแผ่นหนึ่ง ในมือถือก้อนหินลูกขนาดเท่าฟองไข่อยู่สองสามลูก ก่อนโยนขึ้นมาเดาะเล่น ขณะที่ปลายเท้ายังมีข้าวของที่เขาซื้อเอาไว้กองทิ้งอยู่เต็มพื้นไปหมด
“เฮ้ย!!!! มันมาตอนไหนวะ?”
ลูกน้องของกำธร ต่างส่งเสียงขึ้นอารามด้วยความตกใจ พวกมันทุกคนต่างยกปืนขึ้นมาเล็งจ่อไปที่ชายหนุ่มเกือบจะพร้อมๆ กันในทันที
“มีมารยาทหน่อยสิ ฉันถามทำไมถึงไม่ตอบ” เสียงพูดของชายหนุ่มเหมือนจะไม่ดังมาก แต่กลับกังวานเข้าไปในรูหู จนพวกมันต่างพากันแสบแก้วหูไปหมด ทั้งๆ ที่เป้าหมายมีอยู่เพียงแค่คนเดียว อีกทั้งพวกมันยังมีปืนอยู่กันครบทุกคนแท้ๆ แต่ทำไมพวกมันถึงกลับรู้สึกว่าเหมือนกำลังถูกอีกฝ่ายข่มขู่อยู่
“มึงไม่ต้องพูดมาก วันนี้เป็นวันตายของมึงรู้ไว้ซะ” มือปืนที่ดูใจกล้ากว่าเพื่อนเอ่ยตอบโต้อย่างทันทีทันใด
“พวกแก เป็นคนของเสี่ยเส็งไม่ใช่เหรอ ฉันจำได้ว่าเสี่ยเส็งกับฉันไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อนนี้น่า ทำไมเสี่ยเส็งถึงส่งพวกแกมาเล่นงานฉันด้วย?”
ชาติพยัคฆ์ เอ่ยถามขึ้นเหมือนจะไม่ใส่ใจมากเท่าไหร่ สายตายังคงจับจ้องไปที่ลูกหินที่เขาเดาะเล่นอยู่ ราวกับว่าพวกมันไม่มีตัวตนอยู่เลยแม้แต่น้อย
“หนอย พูดมากอยู่ได้ ตายซะเถอะมึง” มือปืนคนที่พูดกับชาติพยัคฆ์อยู่เมื่อครู่ลั่นไกปืนในทันที
“ฟ้าววววววววววววว”
“โพล๊ลลลลลล”
“อ๊ากกกกกกกกกกกก”
ยังไม่ทันที่นิ้วของมือปืนใจกล้าจะได้เหนี่ยวไกปืน ลูกหินขนาดเท่าฟองไข่ พุ่งเป้าเข้าที่เบ้าตาจนทะลุออกไปราวกับถูกแรงอันมหาศาจจับยัด ร่างของมือปืนเคราะห์ร้าย ปลิวกระเด็นก่อนตกลงกระแทกพื้นเสียงดังโครม ร่างของมันชักกระตุกเหง็กๆ เลือดสดๆ ไหลออกมาจากเบ้าตาและปาก ก่อนจะสิ้นใจตายไปเพียงไม่กี่วินาที
“ฆ่ามัน!!!!!”
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ไม่ต้องบอกเป็นคำรบสอง ลูกน้องของกำธร พร้อมใจกันสาดกระสุนห่าใหญ่เข้าหาร่างของชาติพยัคฆ์โดยไม่ต้องนัดหมาย ชาติพยัคฆ์เหมือนไม่อาทรร้อนใจใดๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ แต่การกระทำทั้งหมดของเขากลับรวดเร็วยิ่งกว่าลูกกระสุนที่สาดเข้ามาหาเขาซะอีก!!!!
“ฟ้าววววววววววววววว”
“พรุ๊บบบบบบบบบบ”
“อ๊ากกกกกกกกกกก”
ลูกหินอีกสองลูกในมือพุ่งราวกับลูกธนูแล่นออกจากแหล่ง ปะทะเข้ากับหน้าอกของมือปืนอีกสองคนเข้าอย่างจัง ลูกหินทะลุผ่านร่างของมือปืนเคราะห์ร้ายราวกับมีดที่แหวกผ้า เลือดสดๆ ทะลักไหลออกมารูโบ๋ราวกับท่อน้ำแตก ร่างไร้ชีวิตสองร่างปลิวกระเด็นตกกระแทกลงบนพื้นไม่ต่างจากเจ้าคนแรก สร้างความแตกตื่นและขนพองสยองเกล้า จนมือปืนที่เหลืออยู่อีกยี่เจ็ดคนเกิดอาการรวนเรขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“เฮ้ย!!! ระวังตัวไว้พวกเรา ฝีมือมันไม่ใช่ย่อยๆ เลย” พวกมือปืนตะโกนร้องบอกกัน
ชาติพยัคฆ์ พุ่งกายเคลื่อนที่เข้าประชิดตัวศัตรู เลื้อยผ่านหลบหลีกลูกกระสุนปืนที่พุ่งเข้ามาหาเขาได้ราวกับภูติผี เขาปล่อยหมัดซัดกระแทกเข้าซี่โครงมือปืนอีกห้าคน พลังหมัดอัดกระแทกจนซี่โครงของพวกมือปืนวายร้ายแตกหักละเอียด พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเฉือดตัดที่คอหอยของพวกมันทั้งห้าคนอย่างรวดเร็ว
“ฉูดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“อ๊อกกกกกกกกกกกกกกกก”
เลือดกระฉูดพุ่งออกจากลำคอ ร่างเคราะห์ร้ายห้าร่างชักกระตุกล้มลงสิ้นใจในทันที
ชาติพยัคฆ์ร่ายรำกระบวนท่าหมัดมวยจีนโบราณออกมาอย่างรวดเร็วก่อเกิดพลังลมปราณเป็นรูปไทเก๊ก
“วิชาลับสมาคมหมื่นพยัคฆ์ เพลงหมัดมังกรแปดทิศ!!!”
ไป๋หู่ปี้ แห่งสมาคมหมื่นพยัคฆ์ เหินร่างราวกับบินได้ เขาใช้วิชาตัวเบาทะยานเข้าเล่นงานเหล่ามือปืนที่ตรงหน้าราวกับเสือตะลุยเข้าฝูงแกะ ท่าร่างที่รวดเร็วบวกกับเพลงหมัดมังกรแปดทิศที่หนักหน่วงพุ่งเป้าที่จุดตายพวกมือปืนอีกสิบสองคน หมัดที่อัดแน่นด้วยพลังลมปราณ ตลอดจนทั้งเข่าและศอก กระแทกเข้าที่ก้านคอ หน้าอก หัวใจของพวกมือปืนจนมันแหลกเหลวอยู่ข้างใน พวกมันตายโดยที่ยังไม่มีโอกาสได้ร้องแม้แต่เอะเดียว
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“ฆ่ามันให้ได้ ไม่งั้นพวกเราได้ตายแน่” พวกมือปืนตะโกนร้องด้วยความหวาดกลัว นี้พวกเขากำลังสู้กับคนหรือว่าปีศาจอยู่กันแน่
ไป๋หู่ปี้ เร่งผนึกพลังลมปราณจากช่องท้องใต้สะดือ (ตันเถียน) วาดมือเป็นวงกว้างขนาดใหญ่ จนเกิดกระแสลมหมุนวนเข้าสกัดลูกกระสุนปืนไว้ได้ทุกลูก ก่อนกระแทกส่งกลับคืนไปให้เจ้าของ ลูกกระสุนซัดสาดกลับเข้าหากลุ่มมือปืนอย่างในทันทีทันใด จนพวกมันต้องพากันวิ่งหลบหนีเข้าที่กำบัง
“ฟ้าวววววว”
“เปรี้ยงๆๆๆๆๆ”
กระสุนที่พุ่งกลับมาหาแทบไม่ต่างจากที่ถูกยิงออกจากลำกล้องปืนเลยแม้แต่น้อย สร้างความตื่นตระหนกที่สุดในชีวิตให้กับพวกมันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
“ฉิบหายแล้ว หนีเร็ว แบบนี้มันไม่ใช่คนแล้ว”
มือปืนคนหนึ่งตะโกนออกมา พร้อมกับวิ่งหนี แต่มีหรือที่พวกมันจะรอดพ้นเงื้อมมือของมัจจุราชไปได้
“ระวังหัวไว้ด้วยนะไอ้น้อง”
ชาติพยัคฆ์ ชิงมาดักหน้ามันเอาไว้ตอนไหนไม่ก็รู้ ชายหนุ่มแสยะยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างน่ากลัว เพียงแค่สะบัดปลายมือ หัวของมือปืนคนนั้นก็หลุดลอยกระเด็นออกจากบ่าออกไปทันที
“ฉับบบบบบบบบบ”
“เฮ้ยยยยย!!!!!!”
หัวของมือปืนโชคร้ายปลิวกระเด็นลอยออกไปตกอยู่ตรงหน้าเพื่อนร่วมชะตากรรม ใบหน้าของมันเบิกโพลงออกมาด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับเสียงดัง “คร๊อกๆๆ” ทั้งๆ ที่มีเพียงแค่ส่วนหัวอยู่เท่านั้น ส่วนร่างที่ไร้หัวยังน่ากลัวกว่าอีกไมรู้กี่ร้อยเท่า มันยังวิ่งวนไปอยู่ได้ชั่วครู่ราวกับผีหัวขาด ก่อนจะชนกับขอบกำแพงแล้วก็ล้มลงสั่นกระตุกแล้วก็ชัก
“เหวอออออ…ไม่เอาแล้ว….ไอ้หมอนี้มันไม่ใช่คน ..มันเป็นปีศาจชัดๆ”
เหล่ามือปืนที่เคยแต่ไล่ล่าฆ่าคนอื่น เวลานี้เหมือนมาเจอเข้ากับยมบาลตัวเป็นๆ ต่างพากันวิ่งแตกตื่นหนีหายกระจายกันออกไปคนละทิศละทางแบบไม่เหลียวหลัง แต่….มีเรื่องง่ายๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?
“กรรรรรรรรรรรร”
เสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายดังออกมาจากร่างของชาติพยัคฆ์ดังสนั่นหวั่นไหว เขาอัดพลังลมปราณจนถึงขีดสุด ก่อนจะร่ายรำท่าเพลงยุทธ์โบราณที่ทุกคนต่างคิดว่ามันสูญหายไปแล้วอย่างรวดเร็ว ก่อเกิดเป็นคลื่นกำแพงลมล้อมรอบกินอาณาบริเวณแถบนั้นทั้งหมด พร้อมกับสะบัดมือบังคับคลื่นลมให้คมราวกับใบมีด
“วิชาลับสมาคมหมื่นพยัคฆ์ กรงเล็บพยัคฆ์ใบหลิว!!!”
“ฉับบบบบบบๆๆๆ”
เสียงคลื่นคมดาบลมปะทะเข้ากับร่างมือปืนดังสนั่น พร้อมกับเสียงร้องของพวกมันที่ดังขึ้นอย่างโหยหวน
“อ๊ากกกกกกกกกกกกๆๆๆๆ”
คมคลื่นพายุ กรีดผ่านตัดร่างของพวกมัน จนหนังเปิดเนื้อแหว่ง ราวกับถูกหั่นเป็นชิ้นๆ นี้มันคือการฆาตกรรมหั่นศพที่สุดสยองที่สุดเท่าที่เคยมีมา
“โครมมมมๆๆๆๆ”
ร่างของมือปืนคนแล้วคนเล่า ร่วงหล่นลงมากกระแทกพื้นแบบไม่สมประกอบ ใบหน้าของพวกมันบ่งบอกถึงความเจ็ดปวดที่มันได้รับอย่างมากมายก่อนจะสิ้นใจ บางคนแขนขาด บางคนขาขาด จนจำแนกไม่ออกว่าเป็นชิ้นส่วนของใครบ้าง เป็นภาพที่ช่างน่าสะอิดสะเอียดเกินใครจะทนมองดูได้
“โอ๊ยยยยยยยยย”
ร่างของมือปืนคนหนึ่ง เต็มไปด้วยบาดแผล เลือดไหลออกมาท่วมกาย แต่ทุกชิ้นส่วนในร่างกายของเขายังอยู่ครบ เขาโชคดีที่ยังชีวิตรอดมาได้ ชาติพยัคฆ์เดินเข้าไปหามือปืนคนนั้นอย่างช้าๆ ก่อนจะใช้เท้าเหยียบเข้าไปที่หน้าของมันอย่างแรง ฝีมือของเขาตกลงจนมีคนรอดชีวิตด้วยเหรอ??????
“อย่า….ครับ….ผมกลัว…แล้ว…ไว้…ชีวิตผมเถอะ…”
มือปืนคนนั้นน้ำตาไหลพราก มันรับรู้แล้วว่าคนที่เคยถูกมันฆ่า พวกเขารู้สึกยังไงเมื่อความตายกำลังจะใกล้เข้ามา
“ทีนี้ บอกมาได้หรือยังว่าใครส่งพวกแกมา ต่อให้เสี่ยเส็งใจกล้าแค่ไหน มันก็ไม่กล้าส่งคนมาฆ่าฉันหรอก”
ไม่ใช่ …ฝีมือของชาติพยัคฆ์ไม่ได้ตกลงไปเลยแม้แต่น้อย แต่เขาจงใจไว้ชีวิตมือปืนคนนี้ต่างหาก เขาต้องการรู้ตัวคนบงการที่แท้จริง
“…อ๊อกกกก…คน…ที่สั่ง..พ..วก…ผมมา…คือ…คุณ…กำธร…ลูกชาย..เสี่ยเส็ง..ครั….บ..”
มือปืนที่ร่างเต็มไปด้วยเลือด พูดออกมาตะกุกตะกักด้วยความยากลำบาก..ร่างกายของเขาเจ็ดปวดเกินกว่าที่จะพรรณาได้
กลิ่นคาวเลือดเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ มันเหม็นคาวจนรู้สึกคลื่นไส้ แต่ชาติพยัคฆ์กลับรู้สึกคุ้นเคย เหมือนตอนที่ยังอยู่ที่ญี่ปุ่นไม่ผิดเพี้ยน
“…เฮ้อ!!!!…ว่าจะไม่แล้วนะ….แต่แวะไปทักทายเจ้าของเรื่องหน่อยก็น่าจะดี…..”
ชาติพยัคฆ์แสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว ประกายตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะเกินใครจะต้านทานได้
————————————————————–
ณ คฤหาสน์ของเสี่ยเส็ง เวลานี้เสี่ยใหญ่พ่อค้ายาเสพติดผู้ทรงอิทธิพลกำลั่งนั่งพักผ่อนดูโทรทัศน์อยู่กับม่ายสาวเมียรัก ทั้งสองกอดคอหอมแก้มกันกระหนุงกระหนิงอย่างมีความสุข ศจี ฉอเลาะเอาใจเสี่ยเฒ่าคอยป้อนของว่างและเครื่องดื่มให้อยู่ไม่ขาดปาก
“อาศจี ลื้อนี้ น่ารักจริงๆ นะ อั๊วคิดไม่ผิดจริงๆ ที่แต่งงานกับลื้อ”
เสี่ยเส็ง ยิ้นระรื่นหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจที่ม่ายสาวทั้งรักและดูแลเขาเป็นอย่างดี
“แหม!!! เสี่ยขา ก็ศจีเป็นเมียของเสี่ยแล้วนี้คะ ถ้าไม่ดูแลผัวจะให้ไปดูแลใคร” หล่อนโอบกอดเขา พร้อมทั้งหอมแก้มออดอ้อนอย่างน่ารักเอาใจ
“ฮะแฮ่ม….ทำอะไรอยู่ครับคุณพ่อ”
เสียงกำธรดังขึ้น ก่อนเขาจะเดินลงมาจากบันได แล้วมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ๆ กับเสี่ยเส็ง
“อ้าววว!!! อากำธร วันนี้ลื้อไม่ไปเที่ยวไหนเหรอ?”
เสี่ยเส็ง เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ นึกว่าเขาออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกซะอีก
“อ๋อ…วันนี้ผมขี้เกียจนะครับคุณพ่อ ก็เลยพักผ่อนอยู่ที่บ้านแทน” กำธรตอบ พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย เมื่อแอบเห็นม่ายสาวส่งสายตาหวานๆ มาให้
“เออ..ลื้ออยู่ติดบ้านก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวอีกสองสามวันข้างหน้านี้จะมีงานใหญ่ อั๊วจะให้ลื้อจัดการอยู่พอดี”
“อ๋อ..เหมือนเดิมใช่ไหมครับคุณพ่อ?” กำธรถามอย่างคุ้นเคย งานเดิมๆ แต่ก็กำไรเกินคุ้ม
“ใช่เลี้ยววว…ถ้าครั้งนี้ทำสำเร็จอีก….เราจะรวยกันอื้อซ่าเลย…อากำธร…. ฮ่าๆๆๆๆ” เสี่งเส็ง หัวเราะอย่างชอบใจ เมื่อนึกถึงจำนวนเงินมหาศาลที่เขาจะได้รับจากการขายยาเสพติดในล็อตนี้
พลันจู่ๆ ก็เกิดเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ดังขึ้นรอบตัวคฤหาสน์หรูหลังนี้ขึ้นมา
“ตุ๊บๆๆๆๆๆๆ”
“อ๊อกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆ”
“โครมมมๆๆๆๆๆๆ”
“ปังงงงๆๆๆๆๆๆ”
“เฮ้ย!!! ไอ้คนที่อยู่ข้างนอกนะ ทำอะไรกันอยู่วะ เบาๆ หน่อยสิโว้ยยยย คุณพ่อฉันกำลังพักผ่อนอยู่ไม่เห็นเหรอ” กำธร ตะโกนด้วยความโมโห ลูกน้องพวกนี้มันเลี้ยงเปลืองข้าวสุกจริงๆ ช่างไม่รู้จักกาลเทศะบ้างเลย
“เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงง”
“โครมมมมมมมมมมมมมม”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
ศจี ถึงกับส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นบานประตูหนาใหญ่พังทลายลงมาในพริบตา ก่อนที่มันจะปลิวกระเด็นมาทางพวกเธออย่างแรง จนทั้งเสี่ยเส็ง กำธร และศจี ต้องรีบวิ่งหนีลุกออกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ก่อนมายืนตื่นตระหนกตัวสั่นด้วยความตกใจอยู่อีกทางด้านหนึ่ง ขณะร่างที่ไร้ชีวิตของลูกน้องเสี่ยเส็งก็ลอยติดตามมาด้วยเกือบนับสิบคน ร่างของพวกมันกระเด็นเข้ามายังข้างในห้องแขกจนเลือดสาดกระจาย ส่งกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วห้อง ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในคฤหาสน์ของเสี่ยเส็งอย่างองอาจ พร้อมกับใช้มือจิกผมลากร่างที่เต็มไปรอยบาดแผล และมีเลือดที่ไหลโทรมกายตามเข้ามาด้วย มันคือร่างของมือปืนที่ไล่ตามฆ่าเขาเมื่อไม่นานนี้เอง
“สวัสดีครับ เสี่ยเส็ง สบายดีหรือเปล่า?” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายเหมือนคล้ายจะอารมณ์ดี แต่แววตากลับแผ่รังสีอำมหิตออกมาอย่างน่ากลัว
“คุงงงงงง…..ชาติ….พยัคฆ์….”
เสี่ยเส็งส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ที่จู่ๆ ชาติพยัคฆ์ก็บุกเข้ามาอาละวาดถึงในบ้านของเขา แถมยังฆ่าลูกน้องของเขาจนล้มตายลงราวกับใบไม้ร่วง
“นี้…มัน….เรื่อง…อะไรกัน…คุงงง…ชาติพยัคฆ์…ทำไมบุกมาที่บ้านอั๊ว แล้วยังเล่นงานคนของอั๊วแบบนี้ล้วยยย”
ชาติพยัคฆ์ไม่ตอบแต่กลับโยนของร่างมือปืนที่เขาลากมาด้วยไปกองอยู่ตรงหน้าของเสี่ยเส็งในทันที
“ที่ผมมาก็เพราะไอ้เจ้ามือปืนคนนี้แหละ มันบอกผมว่าลูกชายของเสี่ยคิดจะฆ่าผม เท่าที่จำได้ผมเองก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับลูกชายเสี่ยมาก่อนนี้นา อยู่ดีๆ ทำไมถึงอยากจะมาฆ่าผมซะล่ะ” ชาติพยัคฆ์พูดออกมาพร้อมกับจ้องหน้าลูกชายเสี่ยเส็งเพื่อหาคำตอบ
“อะไรนะ!!!! ….อากำธร…นี้ลื้อทำอะไรลงไปนะ”
เสี่ยเส็งส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าลูกชายจะทำเรื่องอะไรบ้าๆ แบบนี้ลงไปได้ เวลานี้สีหน้าของกำธรขาวซีดเหมือนกับกระดาษ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้ชายที่ชื่อ ชาติพยัคฆ์ คนนี้จะร้ายกาจน่ากลัวถึงขนาดนี้
“ลื้อ…บอกอั๊ว…มานะ..ลื้อ…กำลังทำบ้าอะไรอยู่…ลื้อคิดอะไรอยู่….”
เสี่ยเส็งเข้าไปกระชากคอเสื้อลูกชายด้วยความโมโห ส่งเสียงตะโกนตะคอกถาม ส่วนกำธรเองกลับนิ่งเงียบเฉยไม่กล้าพูดอะไรออกไป แล้วจะให้เขาบอกออกไปได้ยังไงเล่าว่า เมื่อหลายวันก่อนเขาเกิดไปเห็นรูปถ่ายภรรยาของชาติพยัคฆ์เข้า แล้วเกิดพึ่งใจในตัวหล่อนขึ้นมา จนถึงขนาดส่งคนไปกำจัดชาติพยัคฆ์ เพื่อที่เขาจะครอบครองเธอเสียเอง แม้แต่พนมที่พยายามห้ามปรามเขาไว้อย่างไร เขาก็หาฟังไม่ จนสุดท้ายเกิดเรื่องขึ้นมาจนได้
“อา…กำธร…ลื้อ..นี้..มัน…สาระเลวแท้ๆ..”
เสี่ยเส็งโมโหหนักมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นกำธรนิ่งเงียบไม่ยอมตอบคำถามอะไรเลยแม้แต่น้อย จึงเกิดบันดาลโทสะตบเข้าไปที่ใบหน้าของลูกชายเต็มแรง
“เพรี๊ยะ”
หน้าของกำธรหันไปตามแรงตบของผู้เป็นพ่อ จนใบหน้าชาและสั่นสะท้าน
“พ่อ!!!!!”
กำธร ตกใจ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า พ่อของเขาจะลงมือลงไม้กับเขาได้ถึงขนาดนี้ กำธรรู้สึกเสียหน้าเป็นครั้งแรกในชีวิต ความโกรธปะทุขึ้นมาอย่างทันทีทันใด เขาอยากจะฆ่ามันเหลือเกิน คนที่ทำให้เขาต้องอับอายได้ขนาดนี้ ไวเท่าความคิด กำธร กระชากปืนออกมาจากบั้นเอว ยกขึ้นมายิงชาติพยัคฆ์ในทันที
“ตายซะเถอะมึง!!!!!”
“อย่า …..อากำธร!!!!!”
เสี่ยเส็ง ตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่ช้าไปเสียแล้ว
“อ๊ออกกกกกกกกกกกกก” กำธรส่งเสียงออกมาอย่างโหยหวน เมื่อมือของเขากลับถูกชาติพยัคฆ์จับเอาไว้ได้ ปืนที่ถืออยู่ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาจากมือ ไม่มีใครรู้เลยว่าชาติพยัคฆ์พุ่งตัวเข้าหากำธรตั้งแต่ตอนไหน แต่เมื่อรู้ตัวอีกที ชาติพยัคฆ์ ก็บุกเข้ามาประชิดถึงตัวกำธรเสียแล้ว แรงบีบอันมหาศาลราวกับเครื่องบดเนื้อทำให้ทั้งเนื้อและกระดูกของกำธรแตกละเอียดจนเละไม่มีชิ้นดี
“อ๊อออกกกกกกกกกกก มือ..กู…มึง…ไอ้สาระเลว!!!!”
สีหน้าของกำธรเต็มไปด้วยความโกรธแค้นนี้เขาต้องการเป็นคนพิการแล้วเหรอนี้?
“คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นนะ ขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าขยับตัวจะดีกว่า ถ้ายังไม่อยากตาย” ชาติพยัคฆ์เอ่ยปากบอกพร้อมกับส่ายนิ้วไปมาอย่างช้าๆ
พนม ที่ถือปืนจ้องเล็งมายังชาติพยัคฆ์ กำลังเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขาเป็นอดีตมือปืนรับจ้างมาก่อน ย่อมรู้สึกได้ถึงรังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่มคนนี้ มันน่ากลัวซะจนเขาไม่กล้ากระดิกตัวเลยแม้แต่น้อย
“คุงงงงงงง…ชาติพยัคฆ์…ไว้ชีวิต..ลูกอั้วด้วย….ลูกอั้ว…ผิดไปแล้ว…คุงงงง…อยากได้เงินเท่าไหร่…อั้วจะให้..ขอชีวิต…ลูกอั้ว…ก็พอ….ไว้ชีวิต…ลูก..อั้วล้วยยยย….” เสี่ยเส็งถึงกับหลั่งน้ำตานองหน้า กอดขาชาติพยัคฆ์ไว้พร้อมกับขอร้องให้ไว้ชีวิตลูกชาย หากใครได้มาเห็นเสี่ยเส็งในเวลานี้ คงต้องรู้สึกสังเวชใจไม่น้อย เสี่ยเส็งที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า มาบัดนี้ไม่ต่างกับตาแก่ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีปัญหาแม้แต่กระทั่งจะช่วยชีวิตลูกชายตัวเอง
“เงิน….เหรอ?…..ผมไม่อยากได้หรอก….สิ่งที่ผมอยากได้ก็คือ…..”
ชาติพยัคฆ์ใช้มืออีกข้างหนึ่งซึ่งแข็งราวกับคีมหนีบจับเข้าไปที่ต้นแขนข้างนั้นของกำธรที่กำลังถูกมืออีกข้างของเขาจับอยู่ ก่อนกระชากมันออกมาอย่างแรง
“คว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก”
“อ๊กกกกกกกกกกกก” กำธรร้องโหยหวนยิ่งกว่าควายถูกเชือด แขนของเขาถูกกระชากขาดติดมือชาติพยัคฆ์ออกมา!!!!
“แขนนน…..แขน…กู……มึงงงงงงงงงงง…กูจะ…ฆ่ามึงงงงงงง…” กำธร ส่งเสียงโวยวายราวกับคนขาดสติ
“เปรี้ยงงงงงงงง”
“โครมมมมมมมมมมมม”
ชาติพยัคฆ์ประเคนเท้าเข้าที่ใบหน้าของกำธรเต็มๆ ร่างของเขาปลิวกระเด็นกระแทกเข้ากับโต๊ะรับแขกจนพังพินาศ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยหลุมลึกจากรอยฝ่าเท้า ชายหนุ่มตาดีกลับกลายเป็นคนอัปลักษณ์ไปในชั่วพริบตา ร่างของลูกชายเสี่ยเส็งกระตุกขึ้นลงราวกับคนใกล้จะตาย ก่อนกระตุกเฮือกสุดตัวแล้วสลบแน่นิ่งไป
“อากำธรรรร…..”
เสี่ยเส็ง ตกใจสุดขีดเมื่อเห็นสภาพอันยับเยินของลูกชายจนเป็นลมหมดสติ
“ว้ายยยยยยยย เสี่ยขา”
ศจี ตกใจรีบเข้ามาประคองเสี่ยเส็งไว้ เพราะกลัวเขาจะเป็นลมจนล้มหัวกระแทกพื้น ม่ายสาว จ้องมองชาติพยัคฆ์อย่างไม่กระพริบตา ชายหนุ่มหน้าตาคมสัน หล่อเหลาคนนี้ ทำไมเธอไม่เคยพบเห็นเขามาก่อน ทั้งพลังอำนาจ และความองอาจ ไม่มีส่วนไหนที่กำธรเทียบเขาได้เลยซักนิด แม้ขนาดเสี่ยเส็งยังต้องกลัวเขาจนลนลาน ทำไมเธอถึงไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ เขารอดสายตาเธอมาได้ยังไง มันช่างน่าเจ็บใจนัก
“ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันมอบให้ก็แล้วกัน ถ้าคราวหน้ายังมีแบบนี้อีก แม้แต่หลุมฝังศพของพวกแก ฉันก็จะไม่เหลือไว้ให้”
ชาติพยัคฆ์ ประกาศด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม ก่อนจะหมุนร่างแล้วเดินจากไป ขณะที่สายตาของศจี กลับจับจ้องมองดูเขาอย่างหลงใหล ใช่แล้ว นี้แหละผู้ชายที่เธอต้องการ เธอต้องหาทางรู้จักเขาให้ได้ เธอจะต้องทำให้เขารักและหลงใหลเธอ เหมือนอย่างที่เธอทำให้เสี่ยเส็งและกำธรหลงรักมาแล้ว
“กาๆๆๆๆ”
ชาติพยัคฆ์เดินผ่านซากกองศพที่นอนล้มตายระเนระนาดอยู่ทางด้านนอก ก่อนเปิดประตูขับรถออกจากคฤหาสน์หรูของเสี่ยเส็งไป คฤหาสน์ที่แลดูสวยงามหรูหราในยามนี้กลับช่างวังเวงเงียบสงัดราวกับป่าช้าเสียเหลือเกิน