ชาติพยัคฆ์ - ตอนที่ 5 สมาคมหมื่นพยัคฆ์
“ตับๆๆๆๆๆ”
เสียงดังของพวงไข่ที่กำลังกระแทกเข้าเนินเนื้อสาวดังขึ้นมาอยู่ไม่ขาดระยะ ดังเล็ดลอดจากห้องนอนหลังหนึ่งในคฤหาสน์ของเสี่ยเส็ง เจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลในจังหวัด ร่างของชายหนุ่มคนกำลังกระเด้าบั้นเอวส่งควยเข้าออกรูหีของหญิงสาวทรงเสน่ห์ที่กำลังโก้งโค้งแอ่นตูดอยู่บนเตียงดังรัวถี่ยิบ กำลังวังชาและจังหวะจะโคนของเจ้าหนุ่มทำเอาแม่ม่ายสาวพร่าวเสน่ห์ถึงกับอาการหัวสั่นหัวคลอนด้วยความถูกอกถูกใจ
“ซี๊ดดดดด……กำธรขา….ดีเหลือ….ศจี…ช๊อบชอบ….กระแทกควย…เข้ามาแรงๆ …อีกสิคะ…”
ม่ายสาวสวยส่งเสียงเว้าวอนเจ้าหนุ่มคู่ขา ขณะที่กำลังโก้งโค้งแอ่นตูดเกร็งสะโพกรับแรงกระแทกของลำควยอยู่บนเตียง หล่อนซบหน้าลงบนหมอนใบนุ่นจนลำตัวแอ่นโค้งขึ้นมา
“ซี๊ดดด…มันส์จริงๆ ครับ…ศจี…ผม..ไม่เคยเย็ดใคร…มันส์เท่าคุณเลย…..ซี๊ดดดดด…..”
กำธร ส่งซี๊ดซ๊าดด้วยมาด้วยความเสียว ลำควยของเขาถูกรูสวาทของแม่ม่ายสาว ตอดแล้วตอดอีกจนเกือบจะหลั่งครั้งแล้วครั้งเล่า หากแต่เจ้าหนุ่มยังไม่อยากถึงจุดปลายเร็วไปนัก เขาจึงรีบชักแท่งมังกรออกจากรูรักก่อนที่จะหลั่งน้ำกามออกมา
“บ้วบบบบ”
เสียงดังของควยใหญ่ที่หลุดออกจากรูหี เผยให้เห็นร่องรักของแม่ม่ายสาวที่กำลังกลวงโบ๋ พร้อมหนั่นเนื้อด้านในกำลังเคลื่อนที่ตอดหาแท่งลำควยด้วยอาการขมุบขมิบอยู่ตลอดเวลา
“ว้ายยยย”
ม่ายสาวที่กำลังมันส์ในอารมณ์ ส่งเสียงหวีดร้องด้วยความเสียดายและงุ่นเงี่ยนหัวใจ เธอกำลังเสียวเต็มที่จนเกือบจะเสร็จแล้วอยู่แล้ว แต่จู่ๆ เจ้าหนุ่มก็ถอนแท่งลำควยออก จนร่องสวาทของเธอเป็นรู้อ้ากลวงโบ๋ ตามขนาดแท่งลำที่หายไป หนั่นเนื้อเสียวข้างในสั่นระริกด้วยความอยากกระสันต์อย่างสุดทน
“กำธรขา….ถอนควย…ออกทำไมคะ…กำลังมันส์อยู่เลย….อย่าแกล้ง….ศจี…สิคะ…ที่รัก…”
แม่ม่ายสาวผู้ไร้ยางอาย โก้งตูดแอ่นหีขึ้นลงขยับตัวเข้าหาควยชายหนุ่มอย่างแรดร่านเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความใคร่ในอารมณ์ กำธรไม่ตอบอะไรเธอ แต่ก้มตัวลงนอนหงายแล้วประกบหน้าของเขาเข้าที่ร่องหีของหญิงสาวซึ่งเต็มไปด้วยน้ำเงี่ยนที่หลั่งออกมา ชายหนุ่มเกร็งลิ้นจนแข็งเป็นกรวย ก่อนส่งลิ้นนั้นเข้าไปคว้านลึกถึงข้างในรูแล้วห่อลิ้นแทงเข้าออกในร่องหีอย่างสนุกปาก
“ว้ายยยยย….กำธรขา…..ดีคะ….แทงลิ้นเข้าไปลึกๆ ……ลิ้นผัว…ดีจริงๆ…ซี๊ดดดดดด….”
เมื่อครู่ตอนที่เจอลิ้นเข้าไป ศจีเด้งเนินหีอย่างห้ามไม่ได้เพราะรู้สึกเสียววาบขึ้นมาในโพรงหีอย่างกระทันหัน แต่ถูกสองมือของกำธรกดสะโพกของเธอเอาไว้จนแน่นจนขยับสะโพกไปไหนไม่ได้ แต่พอร่องสวาทของเจ้าหล่อมชินที่จะชินและสนุกกับความเสียวที่ปะทุขึ้นมา กลับกลายเป็นหล่อนเสียเองที่กดสะโพกตอกหีเข้าใบหน้าของกำธรอย่างเมามันส์
“ผับๆๆๆ”
เสียงแผ่นหีกระทบเข้าใบหน้าของชายหนุ่มดังรัวถี่ยิบ ร่องหลืบปะทะเข้ากับลิ้นของเจ้าหนุ่มที่แทงเข้าออกอย่างสนุกสนานครั้งแล้วครั้งเล่า ม่ายสาวไร้ซึ่งยางอายใดๆ เกลือกหีไปทั่วใบหน้าของกำธรด้วยความกระสันต์อยาก เธอใกล้จะถึงจุดปลายทางเต็มที่แล้ว
“ผัวขา…เมียใกล้จะแตกแล้ว…แทงลิ้นลึกๆ…คะ…ผัวขา….จะ….แต…ก…..แล้ววว……แตก….แ…ล้วว…ผั..ว..ขา…..อร๊ายยย……..”
ศจีส่งเสียงกรี๊ดร้องด้วยความสุขสม ร่างงามสั่นไหวเกร็งตูดแอ่นเนินหีเข้ากดทับที่ใบหน้าของเจ้าหนุ่ม หยาดน้ำรักพรั่งพรูล้นทะลักออกมาจากร่องสวามเป็นลำธาร กำธรเกร็งลิ้นขึ้นห่อรับดูดกลืนธารน้ำรักของม่ายสาวด้วยความกระหายและไม่รังเกียจ ศจี กระตุกเนินหียิกๆ ด้วยความเสียวซ่านที่จุกขึ้นมาถึงหัวใจ ก่อนล้มตัวนอนคว่ำกระตุกตัวนอนหายใจหอบรวยระรินเหมือนคนขาดอากาศ ทั้งๆ ที่เนินรักของเธอยังถูกเจ้าหนุ่มดูดเลียอยู่ไม่เลิก
กำธร รีบละใบหน้าออกจากร่องหี พลิกตัวลงตัวนอนหงายอยู่บนเตียงจนแท่งมังกรชี้โด่เด่ ก่อนจับร่างบางของเจ้าหล่อนขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวของเขา เจ้าหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้ศจีได้พักเลยแม้แต่น้อย ม่ายสาวค้อนควักให้เจ้าหนุ่ม แต่ยิ้มตอบรับอย่างรู้งาน ก่อนจับปลายแท่งลำควยเข้าไปในรูรักของเธอ
“ซี๊ดดดดดดดดด”
เสียงของเจ้าหนุ่มและม่ายสาวดังขึ้นเกือบพร้อมกัน เมื่อลำควยใหญ่ยาวหายวับเข้าไปในรูหีจนมิดด้าม
“….ซี๊ดดดด….ใจคอจะไม่ให้ศจี…พักบ้างเลยเหรอ…ผัวขา…..” ม่ายสาวส่งเสียงออดอ้อนพร้อมทั้งชะม้ายชายตายั่วยวน
“…ซี๊ดดดดดด….ก็ผัวยังไม่เสร็จ…เลยนิครับ……เมียผัวสวยขนาดนี้…แถม….ยังเย็ดมันส์….แบบนี้…ใครจะไปอดใจไหวได้….”
“…..ซี๊ดดดด…ไม่ต้องมาพูดเลย…..เห็นพูดแบบนี้…ทุกทีแหละ….พอได้เค้าแล้ว…ก็ทิ้งเหมือนเคย…ซี๊ดดดดด…”
ม่ายสาวแสแสร้งแกล้งมารยาทก่อนจะยกตัวขึ้นกระแทกเนินหีเข้าหนอกควยอย่างรู้จังหวะ
“….ซี๊ดด…..โธ่!!!…….ใครจะกล้าทิ้งเมียคนนี้ได้ลงคอ…เย็ดมันส์ออก…ขนาดนี้….” กำธร อ้อนเสียงหวาน ขณะกำลังเสียวสุดชีวิต เขายกบั้นเอวขึ้นกระแทกสวน พร้อมทั้งจูบเธอไปทั่วทั้งใบหน้า เพื่อระบายความเงี่ยนที่กำลังจะปะทุขึ้นมา
“…..หืมมมม….ดูพูดเข้า…..อย่าลืมสิคะ…ว่าเมียคนนี้…เป็น..แม่เลี้ยงสุดที่รัก…ของผัว..ด้วยนะ..คะ…ผัว…ขา..ซี๊ดดดด…..”
“….แหม!!!….จะเป็นไรไปครับ…อีกหน่อยสมบัติของพ่อ….ก็เป็นของผัวคนนี้หมดแล้ว…รวมถึงเมียของผัวคนนี้ด้วย…จะห่วงอะไร…ว่าแต่ระหว่างผัว…กับพ่อ….ใคร…เย็ดมันส์…กว่ากันละจ๊ะ…ที่รัก…ซี๊ดดดด….”
“….อุ้ย!!!!….ถามได้…ก็ต้องผัวสิคะ….ใหญ่…ยาว…อึด..ทน…ขนาดนี้…ใครจะสู้..ได้…ซี๊ดดดด..” หล่อนฉอเลาะเขาอย่างเอาอกเอาใจ เทียบกันแล้ว มีหรือที่โคเฒ่าอย่างเสี่ยเส็งจะมีกำลังวังชาสู้โคหนุ่มอย่างลูกชายได้
อนิจา!!!…ทั้งเสี่ยเส็งและลูกชายต่างใช้ผู้หญิงคนเดียวกันเป็นเครื่องสนองตัณหาอารมณ์ เสี่ยเส็งที่ยิ่งใหญ่คับจังหวัดหารู้ไม่ว่าโดนลูกชายตัวเองตีท้ายครัวเข้าให้เสียแล้ว
กำธร รู้สึกปวดหนึบที่พวงไข่ เขารู้สึกว่ากำลังใกล้จะถึงสวรรค์เต็มที่ เร่งยกบั้นเอวกระเด้าสวนควยขึ้นไปเข้าออกในรูหีของม่ายสาวราวกับจักรผัน หนอกควยกับเนินหีปะทะกระทบรับกันเสียงดัง “ตับๆๆๆ” จนศจีข่มความเสียวที่เกิดขึ้นไม่ไหวก้มตัวลงมาจูบกำธรอย่างรัญจวนใจ ก่อนที่ชายหนุ่มส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากจิ้มลิ้มเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นหล่อนแลกน้ำลายกันอย่างดูดดื่มจนออกรส
“ตับๆๆๆๆๆ”
เสียงหนอกกับเนินกระทบกันเสียงดังสนั่น ร่องสาวของม่ายสาวขมิบตอดรัดแท่งควยของชายหนุ่มจนกำธรสุดจะกั้นต่อไปได้
“…เมียจ๋า….ผัว…ใกล้จะแตกแล้ว…แล้ววววว……”
ม่ายสาวได้ยินเช่นนั้นรีบตอกหีเข้ากระเด้าควย เพียงไม่กี่วินาทีก็เชิดหน้าตาปรือส่งเสียงร้องเมื่อถึงจุดสุดยอด
“….ผัวขา….เมีย..กำลัง….จะแตก….แล้ว….แ..ตกกก….แล้ววววว…..แตก…แล้ววววว..อร๊ายยยย………”
ม่ายสาวสวยตัวสั่นระริกเมื่อถึงปีนป่ายถึงสวรรค์ หนั่นเนื้อหีด้านในขมิบตอดควยของชายหนุ่มรัวถี่ยิบก่อนน้ำจะแตกออกมา ด้านกำธรเองก็เสียวจนสุดที่ทนเช่นกัน ลำควยใหญ่ยาวของเขาถูกร่องสวาทของม่ายสาวตอดดูดจนทนไม่ไหว ส่งควยกระเด้าเข้าออกรูหีได้เพียงอีไม่กี่ที ก็อัดหนอกควยเข้ากับเนินหีแน่น ก่อนระเบิดน้ำเงี่ยนขาวขุ่นข้นเข้าไปในมดลูกของเธออย่างมากมาย
ศจีถึงกับตัวสั่นระริกอย่างสุดจะห้าม เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วท้อง น้ำเงี่ยนของทั้งสองผสมผสานกันจนเอ่อล้นลงจากร่องหลืบไหลย้อยผ่านลำควยแท่งยาวเป็นเงามมันวาว
“อุ่นท้องจังคะที่รัก!!!”
ม่ายสาวละเมอเพ้อออกมาอย่างสุขสม เธอจุมพิตกำธรอย่างหลงใหล หล่อนหลงรสสวาทที่เขาหยิบยื่นให้จนลืมแม้กระทั่งเสี่ยเส็งที่เป็นสามี
“..ดูสิคะ…..ผัวขา….น้ำผัวเยอะ…แบบนี้…เดี๋ยวเมียก็ท้องเอาหรอก…..” ม่ายสาวทำเสียงอ่อนเสียงหวานออดอ้อนชู้รักอย่างเอาอกเอาใจ เธอเองก็อยากจะมีลูกกับเขาเหมือนกัน เพื่อที่จะได้ผูกใจเขาเอาไว้ได้นานๆ
“…หืมมมมม…ท้องก็ดีสิจ๊ะ…เมียจ๋า…..จะได้มีลูกด้วยกัน…”
“…คิกๆๆ…ดูพูดเข้า….ไม่เอา…กลัวเสี่ยรู้……”
“….พ่อไม่รู้หรอก…เชื่อผัวสิ…ผัวไม่พูด เมียไม่พูด ใครมันจะไปรู้ ฮะๆๆ….
ทั้งสองต่างนอนกกกอดหัวเราะต่อกระซิบเอาอกเอาใจกันอยู่นาน จนกระทั่ง ศจี เข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวเดินออกจากห้องไป กำธร ถึงได้หยิบบรั่นดีขึ้นมาดื่มพร้อมกับเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ริมระเบียง
“ก๊อกๆๆๆ”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
“เข้ามาได้”
สิ้นเสียงสั่ง ก็มีชายหน้าบากคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องนอนของกำธร เขาเป็นลูกน้องคนสนิทมีชื่อว่า พนม อดีตเคยเป็นมือปืนรับจ้าง แต่หนีการจับกุมของราชการ ตอนหลังหนีมาอยู่กับเสี่ยเส็ง จนสุดท้ายได้มาเป็นลูกน้องคนสนิทของกำธร เจ้าหนุ่มที่อยู่ในชุดคลุมหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาอีกใบ ก่อนรินบรั่นดีแล้วส่งให้กับพนม
“ขอบคุณครับ คุณกำธร”
พนม รับแก้วจากกำธร ก่อนยกบรั่นดีขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด
“เป็นไงบ้าง ข่าวที่ฉันให้ไปสืบมา?”
“ตอนนี้ตำรวจกำลังพยายามหาพยานหลักฐานในคดีฆาตกรรมพ่อค้ายาเสพติดอยู่ครับ แต่คุณพ่อของคุณกำธรทำงานได้แนบเนียนมาก ไม่ทิ้งหลักฐานให้พวกมันตามสืบได้แม้แต่ชิ้นเดียว”
กำธร ได้ฟังก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
“งั้นป่านนี้ ไอ้ผู้กำกับปกรณ์ มันคงดิ้นพล่านน่าดูล่ะสิท่า”
“ครับ เห็นว่าผู้กำกับปกรณ์เองก็พยายามหาหลักฐานเล่นคุณพ่อของคุณกำธรอยู่ คงจะถูกเร่งรัดมาจากทางเบื้องบนอีกทีหนึ่ง แต่ก็ยังทำอะไรคุณพ่อของคุณกำธรไม่ได้”
ลูกชายเสี่ยเส็งได้ฟังความจากลูกน้องแล้วก็ให้รู้สึกหงุดหงิดนัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรคุณพ่อของเขาถึงทำอะไรนายตำรวจคนนี้ไม่ได้ซักที
“ทำไมพ่อฉันไม่เก็บมันไปซักทีวะ ปล่อยให้มั เป็นหอกข้างแคร่อยู่ได้”
พนม นิ่งอยู่นิดหนึ่ง ก่อนตอบกำธรว่า
“ความจริงคุณพ่อของคุณกำธรก็อยากจะจัดการกับผู้กำกับปรกณ์อยู่หรอกครับ แต่เสี่ยคงไม่อยากจะไปมีเรื่องกับคนๆ หนึ่งเข้า ก็เลยจำเป็นต้องปล่อยมันเอาไว้อยู่แบบนี้ ผู้กำกับปกรณ์ค่อนข้างจะสนิทสนมกับคนที่ว่าอยู่พอสมควร”
กำธร แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณพ่อของเขาถึงกับเกรงกลัวคนๆ หนึ่งได้มากถึงขนาดนี้
“มันเป็นใครวะพนม พ่อฉันถึงได้กลัวนักกลัวหนาแบบนี้” ลูกชายเสี่ยเส็งถาม ก่อนยกบรั่นดีขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากที่มีคนสามารถท้าทายอำนาจคุณพ่อของเขาได้
“เขาชื่อว่าคุณชาติพยัคฆ์ครับ”
“ชาติพยัคฆ์งั้นเหรอ? …แม่งฟังแล้วชื่อโครตลิเกเลยวะ”
กำธร ส่ายหน้าไปมาด้วยความขบขัน เพียงแค่ได้ยินชื่อก็ออกจะโหลถ้วยป่านนี้ มีอะไรที่คุณพ่อเขาต้องกลัวนักหนาด้วย
“อย่าประมาทไปครับคุณกำธร คุณชาติพยัคฆ์ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คุณเข้าใจนะครับ เท่าที่ผมรู้มาแม้แต่ผู้ใหญ่ในประเทศนี้ยังต้องเกรงใจเขาอยู่ไม่น้อย ประวัติความเป็นมาก็ไม่มีใครรู้ ผมรู้เพียงแค่แต่ว่า วันๆ หนึ่งเขาไม่เคยทำงานอะไร แต่ก็มีกินมีใช้อย่างฟุ่มเฟือย ปกติไม่ชอบเข้าสังคมกับใคร นานๆ ถึงจะเข้ามาในตัวจังหวัดซักทีหนึ่ง”
กำธร ถึงขมวดคิ้วขึ้นมา ขนาดว่าเครือข่ายข่าวของคุณพ่อเขาที่อยู่ระดับวงในยังไม่สามารถสืบจนรู้ประวัติของชาติพยัคฆ์ได้ ก็แสดงให้เห็นว่าคนๆ นี้มีความเป็นมาลึกลับอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เชื่อว่าคนๆ นี้จะเก่งกาจหรือยิ่งใหญ่คับฟ้าจนไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย อย่างน้อยก็มีเขาคนหนึ่งละที่ไม่กลัว
“แล้วแกมีรูปของมันบ้างหรือเปล่าวะ ฉันชักอยากจะเห็นหน้าค่าตาของมันซะแล้วสิ ไอ้คนที่ชื่อชาติพยัคฆ์นี้”
“มีครับ” พนมตอบ ก่อนชักซองสีน้ำตาลออกมากระเป๋าเสื้อด้านใน
“บังเอิญเมื่อวันก่อนผมให้ลูกน้องตามสะกดรอยผู้กำกับปกรณ์ไว้อยู่พอดีก็เลยได้รูปของคุณชาติพยัคฆ์ติดกับมาด้วย”
พนม ส่งซองสีน้ำตาลให้กับลูกชายเสี่ยเส็ง กำธรรับซองใบนั้นขึ้นมาเปิดดู ด้านในมีรูปอยู่ประมาณหกเจ็ดใบที่คนของพนมแอบถ่ายมาได้ กำธร ดึงรูปออกมาดูในนั้นมีรูปของชายสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในศูนย์การค้าที่เขาคุ้นเคย
“นี้เหรอวะ ไอ้ชาติพยัคฆ์ น่าตาดีเอาเรื่องนี้หว่า” แม้จะไม่ถูกชะตากับชาติพยัคฆ์ แต่กำธร ก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ชาติพยัคฆ์ เป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการคนหนึ่ง แม้จะไม่รู้อายุเท่าไหร่ แต่ดูจากรูปแล้วน่าจะมีอายุมากกว่าเขาแน่นอน
กำธร หยิบรูปใบอื่นๆ ขึ้นมาดูเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงรูปใบสุดท้าย ถึงได้สะดุดตากับรูปหญิงสาวที่มีอยู่เพียงแค่ใบเดียว ลูกชายเสี่ยเส็งจ้องมองดูรูปนั้นราวกับจะทะลุ คล้ายกับต้องการให้คนในรูปหลุดออกมาอยู่ตรงหน้า รูปของหญิงสาวที่สวยที่สุด ที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยในชีวิต หญิงสาวผมสีทอง นัยตาสีฟ้าที่ทอประกายหวานซึ้ง ผิวเนียนสีขาว ใบหน้ารูปไข่ ซึ่งรับกับจมูกที่โด่ง และริมฝีปากที่จิ้มลิ้มนั้น เหมือนเธอกำลังเผยอยิ้มและพูดคุยกับผู้ชายที่ชื่อว่าชาติพยัคฆ์ราวกับว่าเขาและเธอเป็นคนรักกัน
“พนม แกรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?” กำธร รีบส่งรูปให้พนมดูทันที
ลูกน้องคนสนิทของกำธร รับรูปใบนั้นมาดูอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ส่ายหน้าออกมา
“ไม่ทราบครับคุณกำธร ผมเองก็เพิ่งจะเคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้เป็นครั้งแรก ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นใคร” ในสายตาของพนม เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ แต่เป็นความสวยที่ไม่น่าแตะต้องหรือเข้าใกล้ พนมเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาในใจอย่างห้ามไม่ได้ ความวิบัติฉิบหายต่างๆ กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขาเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว
“สืบเรื่องของเธอมาให้ฉันให้ได้ พนม ฉันต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเธอ!!!”
กำธรรีบสั่งการลูกน้องในทันที เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นคนมักมากในกามรมณ์ ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นลูกเมียของใคร ขอเพียงสวยถูกใจเขาแล้ว เขาจะต้องแสวงหาเอามาครอบครองและเชยชมให้ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครรอดพ้นจากเงื้อมมือของเขาไปได้เลยซักราย ยิ่งตอนนี้รู้แล้วว่ามีผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์ยิ่งกว่าแม่เลี้ยงของเขาอยู่แบบนี้ มีหรือที่เขาจะปล่อยเธอให้หลุดรอดไปได้ง่ายๆ
—————————————————————-
“กิ๊งก๊องๆๆ”
เสียงกดอ๊อดดังขึ้นที่หน้าประตูบ้านของชาติพยัคฆ์ ก่อนที่แม่บ้านจะเข้าไปเปิดประตูแล้วรับชายหนุ่มแต่งตัวแปลกคนหนึ่งเข้ามาในบ้านหลังนั้น ตามปกติแล้ว ชาติพยัคฆ์ เป็นคนรักสันโดษ จึงไม่เคยมีคนใช้ที่กินนอนอยู่ในบ้าน หากแต่จะจ้างแม่บ้านหรือคนใช้ให้มาทำงานในเวลากลางวัน พอตกเย็นก็ให้กลับออกไป เวลานี้ชาติพยัคฆ์ออกไปทำธุระข้างนอก จึงเหลือเพียงเอลิน่ากับแม่บ้านและคนใช้เพียงไมกี่คนที่อยู่ในบ้านเท่านั้น
เอลิน่า ซึ่งค่อนข้างเคยชินกับความเงียบสงบของบ้านหลังนี้มานาน จึงอดแปลกใจไม่ได้ ที่จู่ๆ มีแขกเข้ามาในบ้านของเธอ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างจากชั้นสองจึงมองเห็น ชายหนุ่มแต่งตัวคล้ายชาวจีนคนหนึ่ง เดินตามแม่บ้านของเธอเข้ามาในบ้าน ก่อนที่แม่บ้านจะพาเขาไปยังห้องรับแขก เอลิน่า จึงรีบเดินลงมาข้างล่างพร้อมกับเอ่ยถามแม่บ้านออกไปว่า
“ป้าแช่มคะ ใครมาหาคุณชาติพยัคฆ์หรือคะ”
ป้าแช่ม เห็นภรรยาเจ้าของบ้านเดินมาถาม จึงบอกกับคุณนายไปว่า
“เป็นแขกของคุณผู้ชายนะคะ ประมาณสองหรือสามเดือนเขาจะแวะมาหาคุณผู้ชายทีหนึ่ง ทุกครั้งคุณผู้ชายจะให้ป้าพาเขาไปรออยู่ที่ห้องรับแขก แต่ป้าเองก็ไม่ทราบว่าเขาชื่ออะไรนะคะ ทุกครั้งที่เขามา เขาจะนั่งรอคุณผู้ชายอยู่เงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรกับใคร”
“แปลกจัง!!!” เอลิน่า อดสงสัยไม่ได้ ไม่คิดว่าจะมีคนประหลาดแบบนี้มาพบกับสามีของเธอด้วย
“งั้นป้าแช่มช่วยจัดขนมกับเครื่องดื่มให้ด้วยนะคะ จะได้เอาไปให้เขาทาน ฉันจะลองเข้าไปคุยกับเขาดูว่าเขามาพบคุณชาติพยัคฆ์เรื่องอะไร”
“อุ้ย!!! จะดีหรือคะ คุณนาย ยังไงเขาก็เป็นผู้ชายนะคะ ป้ากลัวว่า….”
“ไม่เป็นไรหรอกคะ ไหนๆ เขาก็เป็นแขกของคุณชาติพยัคฆ์คงไม่มีอันตรายอะไรหรอก อีกอย่างถ้าฉันไม่ไปต้อนรับคงจะเสียมารยาทน่าดู” เอลิน่า ยิ้มพร้อมกับบอกให้ป้าแช่มไปจัดขนมและเครื่องดื่มมาให้ แม่บ้านสูงอายุจนใจที่จะแย้งเธอ จึงเดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนจัดเตรียมขนมและเครื่องดื่ม เดินนำหน้าเอลิน่าไปยังห้องรับแขก
ป้าแช่มเดินเอาขนมและเครื่องเข้าไปเสิร์ฟโดยวางไว้บนโต๊ะ ชายหนุ่มคนนั้นยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร เพียงแต่จ้องมองดูเท่านั้น จนกระทั่งป้าแช่มเดินออกจากห้องไป เอลิน่าถึงได้เดินเข้ามา
ตอนนี้เอลิน่า จึงได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน ชายหนุ่มคนนี้รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายไม่เบา อายุอานามน่าจะมากกว่าเธอสองถึงสามปี เขาสวมใส่เสื้อผ้าไหมจีนสีเทา กางเกงสีดำ ที่เสื้อปักลายรูปพยัคฆ์สีทองเหยียบอยู่บนหน้าผา ที่นิ้วโป้งข้างซ้ายใส่แหวนหยกสีเขียวอ่อนไว้วงหนึ่ง ด้านชายหนุ่มที่กำลังนั่งรอชาติพยัคฆ์อยู่ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย ที่จู่ๆ มีหญิงสาวสวย เดินเข้ามาเขาในห้องรับแขกแห่งนี้ ทุกทั้งที่เขาเข้ามาพบคุณชาย เขาไม่เคยเจอเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว หญิงสาวที่สวยที่สุดที่เขาเคยพบเห็นมา สาวสวยผมสีทอง พร้อมกับนัยตาสีฟ้าที่ดูหวานซึ้งคู่นั้น เธอช่างดูสูงส่งและสง่า จนหัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นในทันทีที่ได้เห็น
“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องรอนาน ฉันเอลิน่า เป็นภรรยาของคุณชาติพยัคฆ์คะ” เอลิน่า เอ่ยคำขอโทษด้วยภาษาไทย แต่กระทำกริยาขอโทษตามแบบฉบับมารยาทของชาวญี่ปุ่น เธอรู้สึกว่าเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างมากที่ปล่อยให้แขกของสามีต้องคอยนานเช่นนี้
เพียงคำว่า “ภรรยาของชาติพยัคฆ์” หลุดออกจากปากของเธอ ก็ทำให้ชายหนุ่มเกิดอาการสะดุ้งขึ้นมาในทันทันใด สีหน้าพลันขาวซีดลงอย่างถนัดตาบ่งบอกถึงความตกใจเป็นอย่างมาก ผู้หญิงที่สูงส่งเช่นเธอกลับให้การต้อนรับนอมน้อมกับเขาถึงเพียงนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงสำหรับเขามาก จนชายหนุ่มต้องรีบลุกขึ้นออกมาจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ก่อนคุกเข่าลงประสานมือคาราวะเธออย่างนอบน้อมในทันที
“ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ไม่ทราบมาก่อนว่าคุณหนูเป็นฟู่เหริน (เอกภิรยา) ของคุณชาย โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย”
“ฟู่เหริน อย่างนั้นเหรอ?”
เอลิน่า ทวนคำของเขาออกมาด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ กำลังพูดคุยอะไรกับเธออยู่กันแน่ ถึงได้กล่าวด้วยถ้อยคำแปลกๆ ออกมาแบบนี้ แต่สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งเข้าพอดี
“รอยสัก…หางพยัคฆ์!!!!”
แม้รอยสักนั้นจะเห็นไม่เด่นชัดนัก เพราะถูกปกปิดอยู่ภายใต้แขนเสื้อคลุมยาวตัวนั้น แต่เธอก็แน่ใจเหลือเกินว่าเป็นรอยสักรูปหางพยัคฆ์ไม่ผิดแน่นอน เอลิน่า ตะลึงลานไปอยู่ชั่วครู่หนึ่ง พลันจู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องๆ หนึ่ง ที่คุณพ่อของเธอเคยเล่าให้ฟังขึ้นมาได้ คุณพ่อของเธอเคยเล่าให้ฟังเสมอถึงเรื่องกลุ่มมาเฟียชาวจีนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกกลุ่มหนึ่ง พวกเขาแผ่อิทธิพลเข้าครอบงำพื้นที่เกือบทั่วทุกมุมโลก แม้กระทั่งเข้าไปในประเทศญี่ปุ่นของเธอ แต่จู่ๆ เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนกลุ่มมาเฟียชาวจีนกลุ่มนี้ก็ถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยโดยไม่ทราบสาเหตุ มิเช่นนั้นแล้วสมาคมมังกรทมิฬของคุณพ่อเธอจะไม่มีทางที่จะเป็นใหญ่ได้เหมือนเช่นทุกวันนี้เป็นแน่ สมาคมมาเฟียกลุ่มนี้ สมาชิกในกลุ่มจะต้องสักรอยสักรูปพยัคฆ์ไว้กับตัว และมักจะสวมเสื้อผ้าที่มีลวดลายรูปพยัคฆ์อยู่เสมอ แต่นั้นยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอต้องตกใจเท่ากับคำพูดของเขาที่เรียกเธออยู่เมื่อกี้นี้ต่างหาก
“เดี๋ยวนะคะ คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ ฟู่เหริน อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ขอรับ ในเมื่อคุณหนูเป็นภรรยาของคุณชายก็ต้องเป็น ฟู่เหริน ของพวกเราด้วย”
ใช่แล้ว เธอ นึกขึ้นมาได้อีกเรื่องหนึ่งจริงๆ ว่ากันว่าภรรยาของมาเฟียกลุ่มนี้ หากผู้ที่เป็นสามีมีหน้าที่หรือฐานะอยู่ในระดับสูงแล้ว เหล่าสมาชิกในแก๊งค์มักจะเรียกภรรยาของคนเหล่านั้นว่า “ฟู่เหริน”
“เดี๋ยวก่อนคะ นี้มันเรื่องอะไรกัน คุณเป็นใครกันแน่?”
“เอ๊ะ…คุณชายไม่เคยบอก ฟู่เหริน ถึงเรื่องของพวกเรามาก่อนหรือขอรับ?” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าคุณชายของพวกเขาจะไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสมาคมก็ตาม แต่ก็ควรบอกกล่าวเรื่องราวของสมาคมให้ฟู่เหรินรู้บ้าง แต่ครั้นเขาเองจะพูดออกมาเองก็กลัวจะถูกคุณชายลงโทษเช่นกัน จึงออกอาการอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่
“ฉันก็อยู่ในตระกูลมาเฟียเหมือนกับพวกคุณเหมือนกัน คุณบอกฉันมาเถอะคะ ว่าคุณเป็นใครกันแน่?”
แม้จะไม่แน่ใจนัก แต่เอลิน่า ก็อดถามออกไปตรงๆ ไม่ได้ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอเหมือนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนค่อยๆ เอ่ยออกมาว่า
“ข้าน้อยมีนาม จาง อี้หลาง (ขบคิดดั่งหมาป่า) เป็นหนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์กฎของสมาคมหมื่นพยัคฆ์ขอรับ”
เอลิน่า เบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ ขนาดหนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์กฎของสมาคมหมื่นพยัคฆ์แก๊งค์มาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังนอบน้อมต่อเธอถึงเพียงนี้ งั้นก็หมายความว่า….
“โทระ…คุณชาติพยัคฆ์…เกี่ยวข้องอะไรกับสมาคมหมื่นพยัคฆ์คะ” เอลิน่าถามด้วยใจสั่นระทึก
จาง อี้หลาง นิ่งเงียบครู่หนึ่ง แต่เอลิน่ากลับรู้สึกว่าเขานิ่งเงียบอยู่นานราวกับเป็นชั่วโมง ก่อนจะได้ยินเขาตอบกลับมาว่า
“คุณชายไป๋หู่ปี้ (กำแพงพยัคฆ์ขาว) เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของท่านผู้เฒ่าเอกอุอดีตหัวหน้าสมาคมหมื่นพยัคฆ์ขอรับ”
***** “ฟู่เหริน” หมายถึง คุณนาย, คุณหญิง, เมียหลวง, ภรรยาหลวง, เอกภริยา คล้ายกับคำว่า “madame” ที่แปลว่า “คุณผู้หญิง” ในภาษาฝรั่งเศส แต่ จาง อี้หลาง ยกย่องฐานะให้เกียรติ เอลิน่า เหมือนกับคำว่า “ฮูยิ้ง” ในสมัยจีนโบราณ ซึ่งหมายถึง “ภริยา” ของเจ้าผู้ครองนครหรือมหาเสนาบดี ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ตำแหน่ง “ฮูยิ้ง” เป็นตำแหน่งพระราชทานที่มีตราตั้ง ฮ่องเต้จะพระราชทานให้กับเอกภริยาของข้าราชการขั้นหนึ่งหรือสอง (ระดับมหาเสนาบดี) เท่านั้น