ชาติพยัคฆ์ - ตอนที่ 3 ความฝันของโทระ มารู
ภายใน safe house หลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตชานเมือง เป็นที่พักลับของโกโซ ฮิเด ยูยะ ในห้องรับแขกกำลังมีคนนั่งสนทนาอยู่กันด้วยกันสี่คน ประกอบด้วยบุรุษอาวุโสซึ่งนั่งอยู่เคียงคู่ชายหนุ่มอายุประมาณสิบแปดปี หน้าตาหล่อเหลา ประกายตาสีฟ้าอ่อน เขามีรูปร่างที่สูงใหญ่ และสง่างาม เส้นผมสีทองราวกับผ้าแพรไหมเนื้อดี ตัดกับผิวพรรณสีขาวที่มีลักษณะของคนเอเชียผสมอยู่ ชายหนุ่มผู้นี้กำลังนั่งดูข้อมูลบางอย่างใน iPad ด้วยท่าทีที่สงบ แต่บุรุษวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมด้วยหญิงสาวสวยที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ในมือถือดาบคาตานะ กลับรู้สึกได้ถึงรังสีสังหารที่เขาเปล่งออกมา
“ในฐานะหัวหน้าสมาคมมังกรทมิฬ ผมต้องขอบคุณ คุณนารุมะ เทโซ ที่กรุณาส่งคนไปช่วยคุณมิยาโมโต้ พร้อมกับนำหลักฐานสำคัญชิ้นนี้มามอบให้กับผมครับ” โกโซ ฮิเด ยูยะ ก้มหัวลงโค้งคำนับบุคคลตรงหน้าตามมารยาทนักรบ แม้พวกเขาจะมีฐานะศักดิ์ศรีในระดับเดียวกันก็ตาม แต่ถึงอย่างไรโกโซ ฮิเด ยูยะ ก็ยังอายุอ่อนกว่านารุมะ เทโซ อยู่มากนัก หากนับอายุกันจริงๆ แล้ว นารุมะ เทโซ คงมีอายุพอๆ กับชาติพยัคฆ์ (โทระ มารู) คุณอาของเขา
“สมแล้วที่เป็นผู้นำตระกูลโกโซรุ่นใหม่ พ่อพยัคฆ์ ยังไง ลูกก็ต้องเป็นพยัคฆ์ ดีไม่ดี เจ้าหมอนี้อาจจะร้ายกว่าพ่อซะอีก” นารุมะ โทโซ ครุ่นคิดอยู่ในใจ การวางตัวตลอดจนความนอบน้อมของชายหนุ่มบ่งบอกให้รู้ว่าเด็กคนนี้ได้ถูกฝึกอบรมมารยาททางสังคมมาเป็นอย่างดี
“คุณยูยะกล่าวหนักเกินไปแล้ว ความจริงทางผมต้องเป็นฝ่ายกล่าวขอโทษทางพวกคุณมากกว่า กว่าผมจะหาหลักฐานชิ้นนี้มาให้คุณยูยะได้ ก็เลยกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผมได้เคยให้สัญญาไว้กับสมาคมมังกรทมิฬแล้ว ผมรู้สึกขายหน้าเหลือเกิน หากรู้ตัวเร็วกว่านี้เจ้านารูทากิคงไม่มีอิทธิพลมากขนาดนี้” นารุมะ เทโซ กล่าวจากใจจริง แม้การลอบสังหารโกโซ ฮิเด มากิ จะเป็นเรื่องของสงครามภายในสมาคมมังกรทมิฬก็ตาม แต่การลอบสังหารในครั้งนี้กลับมีคนของสมาคมปิศาจสุริยะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณเทโซ หรอกครับ มันเป็นเรื่องความขัดแย้งภายในของสมาคมมังกรทมิฬของพวกผมเอง เพียงแต่เจ้านารูทากิมันใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือเท่านั้นเอง” โกโซ ฮิเด ยูยะ กล่าวแย้ง
“แต่ถึงอย่างไรผมก็ไม่อาจปัดความรับผิดชอบในส่วนได้ คนของผมส่วนหนึ่งกลับไปร่วมมือกับเจ้านารูทากิ ลอบสังหารคุณฮิเด มากิ บิดาของคุณยูยะด้วยวิธีการที่สกปรกที่สุด ตอนนี้ผมได้จัดการส่งพวกมันไปในที่ที่พวกมันควรอยู่แล้ว ยังเหลือแต่เจ้านารูทากิคนเดียวที่ผมยังไม่ได้คิดบัญชีกับมัน” พูดแล้วก็ให้แค้นนัก เจ้าหนูสกปรกนารูทากิ เป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูงเกินใครจะคาดคิด เป้าหมายของมันไม่ใช่แค่การขึ้นเป็นหัวหน้าสมาคมมังกรทมิฬแต่เพียงอย่างเดียว มันยังคิดกลืนแก๊งค์ยากูซ่าทั้งหมด รวมถึงสมาคมปีศาจสุริยะด้วย นารูทากิ แอบลับลอบติดต่อกับคนสำคัญของสมาคมปีศาจสุริยะอย่างลับๆ ทั้งยังเสนอผลประโยชน์ตอบแทนในการร่วมสังหารโกโซ ฮิเด มากิ โดยสัญญาว่าจะผลักดันพวกมันให้ขึ้นเป็นใหญ่ในสมาคมปีศาจสุริยะหลังจากที่นารูทากิครอบครองแก๊งค์ยากูซ่าทั้งหมดเอาไว้ได้แล้ว
“ผมต้องคงขออภัยต่อคุณเทโซด้วย สำหรับเจ้านารูกิทากิแล้ว ผมคงไม่อาจปล่อยให้คุณเทโซจัดการมันได้ คนที่จะจัดการมันมีเพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้นครับ” โกโซ ฮิเด ยูยะ ประกาศด้วยน้ำเสียงกร้าวแต่ไม่ได้มีลักษณะบ่งบอกว่าจะข่มขู่อีกฝ่าย
“เรื่องนั้นผมเข้าใจดีครับ เพราะมันเป็นเรื่องบุญคุณความแค้นภายในสมาคมของคุณยูยะเอง เอาเป็นว่าผมจะให้คุณยูยะเป็นคนจัดการเจ้านารูทากิก็แล้วกัน แต่หากมันโชคร้ายมาตกอยู่ในมือผมก่อนจะถึงมือคุณยูยะ ผมเองก็คงไม่อาจคืนมันให้แก่คุณยูยะได้เช่นกัน” นารุมะ เทโซ ตอบกลับ พร้อมทั้งใช้สายตาจับจ้องไปยังโกโซ ฮิเด ยูยะ เหมือนจะประลองเชิงกันเล็กน้อย
“ข้อนี้ผมไม่ได้ติดใจอะไรครับ จริงๆ แล้วมันก็เป็นกฎพื้นฐานของมาเฟียอย่างพวกเราอยู่แล้ว ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ก็ไม่มีปัญหาอะไร หากผมโชคร้ายไม่ได้ตัวมันก่อนคุณเทโซ ผมก็ยินดีให้คุณเทโซจัดการมันได้อย่างเต็มที่ครับ”
นารุมะ เทโซ ได้ฟังแล้วรู้สึกพอใจไม่น้อย การมาพบปะกับโกโซ ฮิเด ยูยะ ในครั้งนี้ออกจะผิดจากที่เขาคาดการณ์ไปบ้างพอสมควร นึกว่าทีแรกเจ้าหนุ่มคนนี้จะดื้อรั้นจนไม่ฟังเสียงใครซะอีก แต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว นอกจากนี้เขายังมีความรู้สึกที่ดีต่อเจ้าหนุ่มคนนี้อีกด้วย เนื่องจากรู้สึกว่าเขาและเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นคนประเภทเดียวกัน ทั้งนารุมะ เทโซ และโกโซ ฮิเด ยูยะ ต่างก็ไม่ใช่คนญี่ปุ่นโดยแท้ นารุมะ เทโซ เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเกาหลี ส่วนโกโซ ฮิเด ยูยะ เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นรัสเซีย ทั้งสองต่างก็มีที่มาคล้ายๆ กันและต้องผจญแรงกดดันจากหลายๆ ฝ่ายภายในแก๊งค์ยากูซ่าอยู่ไม่น้อย กว่าจะก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาจนถึงตรงจุดนี้ได้นับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากเอาการ
“ว่าแต่คุณมิยาโมโต้ พาคุณเอลิน่าไปซ่อนตัวที่เมืองไทยมาหรือครับ” นารุมะ เทโซ ยกน้ำชาขึ้นมาจิบ พลางเปลี่ยนเรื่องสนทนา
คำถามของหัวหน้าสมาคมปิศาจสุริยะ ทำเอามิยาโมโต้ถึงกับขมวดคิ้ว ไม่คิดมาก่อนว่าข่าวสารของสมาคมปีศาจสุริยะจะฉับไวถึงขนาดนี้ ถ้าแม้แต่คนอื่นยังรู้เรื่องนี้ คงจะปิดเจ้านารูทากิไว้ได้ไม่นานเป็นแน่
“เรื่องนี้ผมคงต้องขออภัยคุณเทโซด้วยครับ ที่พวกผมไม่สามารถให้รายละเอียดได้” โกโซ ฮิเด ยูยะ กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม
นารุมะ เทโซ กลับหัวเราะเบาๆ ในลำคอก่อนพูดออกมาว่า
“ถึงคุณยูยะไม่บอกรายละเอียดอะไร ผมก็มั่นใจว่าเวลานี้คุณเอลิน่าหลบอยู่ที่เมืองไทยแน่นอน เพราะตอนนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับคุณเอลิน่าเท่าที่เมืองไทยอีกแล้ว”
พอโกโซ ฮิเด ยูยะ ได้ฟังคำพูดของหัวหน้าสมาคมปีศาจสุริยะสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเล็กน้อย
“ทำไมคุณเทโซถึงคิดเช่นนั้นครับ”
หัวหน้าสมาคมปีศาจสุริยะยิ้มออกมาก่อนตอบว่า
“เพราะที่เมืองไทยมีคุณโทระ มารู อยู่นะสิครับ”
ประกายตาของเจ้าหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นรัสเซียบ่งบอกถึงความประหลาดใจ ไม่คาดคิดมาก่อนว่านารุมะ เทโซ จะรู้จักกับคุณอาของเขาด้วย
“คุณเทโซ รู้จักคุณอาของผมด้วยหรือครับ?”
นารุมะ โทโซ พยักหน้ารับก่อนตอบว่า
“ใช่ครับ ผมรู้จักกับคุณโทระ มารู แต่ผมกับคุณโทระ มารู รู้จักกันเพียงแค่ผิวเผินไม่ได้สนิทสนมอะไร หรือถ้าจะพูดให้ถูกคุณโทระ มารู เป็นคนที่เลือกคบคนต่างหาก คนของสมาคมมาเฟียในประเทศญี่ปุ่นต่างรู้จักชื่อเสียงของคุณโทระ มารูดี กันเป็นอย่างดี เพียงแต่มีน้อยคนที่จะได้เคยเจอตัวจริงของคุณโทระ มารู เท่านั้น เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหล่าแก๊งค์มาเฟียทั่วญี่ปุ่นต่างให้ความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะต่อกรด้วย”
นารุมะ เทโซ ยังคงจำได้ดีถึงการที่ได้พบปะกับโทระ มารู เป็นครั้งแรก ตอนนั้นเขายังเป็นยากูซ่าชั้นปลายแถวที่ยังไม่มีชื่อเสียง แต่เผอิญได้ไปเห็นวีรกรรมอันห้าวหาญของโทระ มารู เข้า ชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่เข้าไปช่วยหญิงสาวจากการถูกกลุ่มยากูซ่าที่ทรงอิทธิพลในขณะนั้นจับตัวไป โทระ มารู สู้กับสมาชิกแก๊งค์ยากูซ่าสองร้อยคนด้วยมือเปล่า ก่อนสังหารคนเหล่านั้นจนหมดสิ้น ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของศัตรู และดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนสัตว์ร้าย ทำให้เขาแทบเข่าอ่อนเกือบจะทรุดตัวลงไปร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เขายังคงจำสีหน้าที่อำมหิตแต่แววตากลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยนนั้นได้ดี โทระ มารู ผู้อหังการและไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ใคร
แม้จะเคยได้ยินเรื่องราวของคุณอามานักต่อนัก แต่นี้เป็นครั้งแรกที่โกโซ ฮิเด ยูยะ ได้ยินคำยกย่องจากปากของบุคคลภายนอกสมาคมมังกรทมิฬ
“คุณอาของผม ท่านเก่งขนาดนั้นเลยหรือครับ?” แม้จะรู้ว่าอาของเขามีชื่อเสียงไม่ธรรมดา แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเหล่ามาเฟียทั่วประเทศญี่ปุ่นจะเกรงกลัวคุณอาของเขาขนาดนี้
“คุณโทระ มารู เป็นวีรบุรุษระดับตำนานทีเดียวครับ เขาเคยสังหารพวกยากูซ่าจำนวนสองร้อยคนด้วยมือเปล่าเพียงตัวคนเดียว เคยบุกเข้าไปสังหารหัวหน้าสมาคมยากูซ่าอีกห้าแห่ง แถมยังฆ่าล้างสำนักกลุ่มนักฆ่าที่ถูกส่งมาลอบสังหารคุณพ่อของคุณโดยไม่บอกใคร ว่ากันว่าแม้แต่นักฆ่าที่ไม่เกรงกลัวความตายยังไม่กล้ายอมรับงานสังหารคุณโทระ มารู ทั้งที่ค่าหัวของเขาจะทำให้พวกมันมีกินมีใช้ไปได้อีกสิบชาติ”
โกโซ ฮิเด ยูยะ ถึงกับตื่นตะลึงเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากปากของนารุมะ เทโซ
“ถ้าไม่ใช่คุณเทโซเล่าให้ผมฟัง ผมคงไม่เชื่อแน่ๆ ว่าคุณอาของผมจะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้” เจ้าหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นรัสเซีย ซ่อนความปลาบปลื้มเอาไว้ในใจ เมื่อได้รู้เช่นนี้แล้วเขาก็คงไม่ต้องห่วงหรือกังวลใจในเรื่องความปลอดภัยของพี่สาวอีกแล้ว แต่ลึกๆ ในใจแล้ว เขาเองก็อยากเจอคุณอาของเขาเช่นกัน ผู้ชายที่คุณพ่อเล่าให้ฟังเสมอว่าเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆ ของตน
“ผมรบกวนคุณยูยะมานานแล้ว เห็นทีคงต้องขอตัวกลับซักที” นารุมะ เทโซ เอ่ยบอก พร้อมกับทำท่าลุกขึ้นคล้ายจะกลับ
“มิได้ครับ การพบกับคุณเทโซในวันนี้ผมยินดีเป็นอย่างยิ่ง และอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าในวันประชุมใหญ่ของสมาคมมังกรทมิฬ ผมขอเชิญคุณเทโซเข้าร่วมเพื่อเป็นเกียรติแก่ผมด้วยครับ” โกโซ ฮิเด ยูยะ กล่าวเชื้อเชิญ
หัวหน้าสมาคมปีศาจสุริยะแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา การประชุมของสมาคมมังกรทมิฬเป็นเรื่องภายในของพวกเขา เหตุใดจึงเชิญคนนอกเช่นตนเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
“มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ ถึงได้เชิญผมเข้าร่วมด้วย”
โกโซ ฮิเด ยูยะ ยิ้มออกมาพร้อมกับตอบว่า
“ผมอยากจะมอบของขวัญพิเศษให้กับเจ้านารูทากินะครับ หวังว่าคุณเทโซคงไม่ปฏิเสธเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย”
นารุมะ เทโซ รู้สึกคึกคักขึ้นมา ประกายตาบ่งบอกถึงความถูกใจ เมื่อเข้าใจความหมายที่โกโซ ฮิเด ยูยะ กล่าวถึง
“เวลานี้ผมกำลังรอฟังกำหนดการจากคุณยูยะอยู่”
หลังจากฟังเรื่องแผนการกำจัดโกโซ นารูทากิ จนหมดสิ้นข้อสงสัยแล้ว นารุมะ เทโซ พร้อมกับ เทยะ เซ็ตสึโกะ หัวหน้าองครักษ์ก็ออกจากบ้านพักลับของโกโซ ฮิเด ยูยะ ระหว่างเดินทางกลับ หัวหน้าสมาคมปีศาจสุริยะก็เอ่ยถามหญิงสาวขึ้นว่า
“เซ็ตสึโกะ เธอคิดว่า โกโซ ฮิเด ยูยะ เป็นคนยังไง?”
“เป็นคนที่กล้าหาญ ฉลาด เด็ดเดี่ยว เฉียบขาด และมีวิสัยทัศน์คะ ภายใต้การนำของเขา ตระกูลโกโซ จะยังคงครองความยิ่งใหญ่ได้อีกยาวนาน” เซ็ตสึโกะ ตอบคำถามแบบไม่ลังเล
“โฮ่…เธอประเมินค่าเขาไว้สูงไม่เบาเลยนิ” นารุมะ เทโซ พูดออกมาอย่างถูกใจ เพราะเขาเองก็ประเมินค่าหัวหน้าสมาคมมังกรทมิฬไว้ไม่ได้ต่ำกว่าเธอเช่นกัน
“แต่………” เซ็ตสึโกะ กลับนิ่งเงียบไป เหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดต่อดีหรือไม่
“แต่อะไรเหรอ?”
เซ็ตสึโกะ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยออกมาว่า
“แต่….ฉันรู้สึกถึงได้คะ…..รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น …..เขาอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์”
“หืมมมมมมมม….” นารุมะ เทโซ เอามือลูบครางเบาๆ เพิ่งจะเคยได้ยิน เซ็ตสึโกะ พูดแบบนี้เป็นครั้งแรก
ใช่แล้ว โกโซ ฮิเด ยูยะ เหมือนกับแสงสว่าง แสงสว่างที่ช่างแสนจะอบอุ่น ใบหน้าอันหล่อเหลา กับดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ทอประกายแสงเรืองรองนั้น ยามเมื่อสบตากับเธอเหมือนแสงสว่างนั้นจะเจาะทะลุเข้ามาถึงใจกลางความมืดมิดอันมืดดำที่คอยปกคลุมและป้องกันตัวเธออยู่ สรุปได้สั้นๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือ
เขาเป็นบุคคลอันตรายที่เธอไม่ควรเข้าใกล้ …และควรอยู่ห่างให้ไกลเป็นดีที่สุด‼‼
—————————————————————————-
“หืมมมม…หอมจัง….กลิ่นตัวของพี่มาเรียหอมจังครับ” ชาติพยัคฆ์เอ่ยขึ้นขณะที่นอนหลับตาอยู่บนตักของมาเรีย เสียงคลื่นที่ซัดสาดพร้อมกับสายลมที่โชยมาทำเอาเขาเคลิ้มหลับไป
“โทระ เธอออกจะปากหวานแบบนี้ ทำไมถึงยังไม่มีแฟนซักทีล่ะ”
เสียงหวานๆ ของมาเรียถามขึ้น พร้อมกับลูบเส้นผมสีดำของเขาเล่น
“แหม!!! พี่มาเรีย ผมหาผู้หญิงสวยๆ แล้วใจดีเหมือนกับพี่มาเรียมาเป็นแฟนไม่ได้นี้ครับ ไม่อย่างนั้นผมคงมีแฟนไปตั้งนานแล้ว” ชาติพยัคฆ์ตอบ พร้อมกับลืมตาขึ้นมามองเธอ
มาเรีย อาย่า ผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ทั้งความสวย ความงาม และความมีเสน่ห์ นัยตาสีฟ้าครามที่หวานซึ้งราวกับน้ำทะเล พร้อมกับเส้นผมสีทองที่ปลิวไสวอย่างอ่อนหวานในยามต้องลม ราวกับว่าเธอคือนางฟ้าในดินแดนมนุษย์ ใบหน้าที่งดงามสะสวยราวกับเทพวีนัส ทรวงอกเต่งตึงและเอวที่คอดกิ่วเย้ายวนให้ชายหนุ่มเฝ้าละเมอและเพ้อฝัน รวมถึงกลิ่นกายที่หอมระรื่น ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในตัวมาเรีย อาย่า แต่เพียงผู้เดียว รุ่นพี่ฮิเด มากิ ของเขาช่างโชคดีเหลือเกิน ที่ได้ผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้มาเป็นภรรยา
มาเรีย ยิ้มให้กับชาติพยัคฆ์อย่างเอ็นดู พลางพูดขึ้นว่า
“แต่เธอโตแล้วนะ สักวันหนึ่งก็ต้องมีคนมาคอยดูแล เธอคงจะมานอนหนุนตักพี่แบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอก”
ชาติพยัคฆ์ ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ
“ช่างประไร ถึงผมจะไม่มีใคร แต่อยู่แบบนี้ผมก็มีความสุขดีอยู่แล้วนิครับ ไม่อยากมีแฟนให้ปวดสมองหรอก อีกอย่างผมคงหาผู้หญิงที่นิสัยดีๆ แบบพี่มาเรีย มาเป็นแฟนไม่ได้ง่ายๆ ซะด้วยสิ”
นอกจากชาติพยัคฆ์แล้วไม่มีใครที่กล้านอนหนุนตักของมาเรียได้แบบนี้ แม้คนอื่นจะกลัวฮิเด มากิ แต่สำหรับชาติพยัคฆ์แล้ว ทั้งฮิเดมากิ และมาเรีย ต่างเป็นทั้งพี่ชาย พี่สาว ที่เขาเคารพรัก เหมือนเป็นคนในครอบครัวที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขและรู้สึกสบายใจที่สุด
“แต่พี่คิดว่าฮิเดมากิ คงไม่ปล่อยให้เธอเหงาอยู่แบบนี้หรอก อีกไม่นานเขาคงหาเจ้าสาวมาให้กับเธอแน่”
พอได้ยินที่มาเรียบอก ชาติพยัคฆ์ถึงกับส่ายหน้าในทันทีและพูดขึ้นว่า
“โห…..ไม่ไหวมั๊งครับพี่มาเรีย พี่ฮิเด มากิ นะ นอกจากหาแฟนให้ตัวเองแล้ว ไม่เคยเลือกผู้หญิงคนไหนให้กับลูกน้องได้ถูกใจใครซักคน”
“งั้นถ้าเปลี่ยนให้พี่เป็นคนหาเจ้าสาวให้กับโทระเองล่ะ เธอจะว่ายังไง?”
มาเรียถามเสียงกังวานหวานราวกับแก้วใสพร้อมทั้งระคนหัวเราะในตัว
“เอ๋…พี่มาเรียจะหาเจ้าสาวให้ผมเหรอครับ?”
ชาติพยัคฆ์ขยับเข้าไปนั่งใกล้กับมาเรียจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอคล้ายกับจะค้นหาความจริง
“จริงสิ ว่าแต่ถ้าพี่เลือกให้โทระแล้ว โทระจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าล่ะ?” มาเรีย ย้อนถามเหมือนต้องการคำตอบ
ชาติพยัคฆ์นิ่งคิดอยู่เพียงครู่เดียวก็ยิ้มและหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า
“เอาสิครับ ถ้าพี่มาเรียเป็นคนเลือกให้ผมเอง ต่อให้เป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดยังไงผมก็จะแต่งงานกับเธอคนนั้นด้วย”
“อย่าพูดเป็นเล่นไปนะโทระ คำสัญญาสำหรับมาเฟียถือเป็นเรื่องจริงจัง” มาเรีย เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างเครียด
“สัญญาครับ พี่มาเรีย ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย สัญญาแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด”
มาเรีย ค่อยๆ ยิ้มออกมา พร้อมกับกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ น้ำเสียงของเธอดังแว่วราวกับอยู่ในความฝัน
“ขอบใจจ๊ะ ที่ไว้ใจพี่ พี่จะเลือกเจ้าสาวที่ดีที่สุดให้กับเธอ แล้วอย่าลืมคำสัญญาด้วยล่ะ”
ร่างของมาเรีย ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ พร้อมกับดึงชาติพยัคฆ์ให้ลุกขึ้นตาม ก่อนจะค่อยๆ กระซิบไปที่หูของเขาด้วยเสียงน้ำเสียงที่อ่อนหวานที่สุด
“เธอจะต้องแต่งงานกับคนที่พี่เลือกให้กับเธอ”
พลันร่างของมาเรียก็ค่อยๆ จางลงและอันตรธานหายไป
“พี่มาเรีย!!!!!” ชาติพยัคฆ์ตะโกนร้องด้วยความตกใจ
“พี่มาเรีย…พี่มาเรีย….พี่มาเรีย….โอ๊ยยยยยยย!!!”
ชาติพยัคฆ์สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมา ด้วยความรู้สึกสับสน ทั้งยังรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่ด้านซ้ายอีกด้วย เมื่อลองเอามือสัมผัสดูก็รู้ว่าเป็นรอยเขี้ยวเล็กๆ รอยหนึ่ง ฝังจมลึกลงไปในเนื้อของเขา ในขณะเดียวกันนั้นเองมีก็หญิงสาวคนหนึ่งกำลังมองฝ่าความมืดจ้องไปที่ใบหน้าของเขาด้วยความโกรธปนหึงหวงนิดๆ
“เอลิน่า หนูทำอะไรนะ อาเจ็บนะ คิดยังไงถึงได้มากัดที่ไหล่อาแบบนี้!!!”
หญิงสาวนัยตาสีฟ้า ทำท่าคมค้อนใส่เขาก่อนนอนตะแคงหันหลังให้แล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่ได้คิดอะไรหรอกคะ แค่หมั่นไส้คนบางคนที่นอนละเมอเรียกชื่อแม่ของฉันอยู่เท่านั้นเอง”
“หนูพูดอะไรนะ …อานะเหรอ…นอนละเมอเรียกชื่อ..พี่มาเรีย”
สวยสาวนอนตะแคงหันหน้ากลับมา จ้องไปที่ใบหน้าของเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ โชคดีตรงที่ภายในห้องนั้นมันค่อนข้างมืด เขาจึงไม่ได้เห็นสีหน้าของสาวสวยในยามนี้
“คะ…..คุณเรียกชื่อแม่ของฉันซะเสียงหวานเชียว …นี้ถ้าคุณพ่อฉันยังอยู่ ไม่รู้ท่านจะรู้สึกยังไงบ้าง ถ้าเกิดมาได้ยินคุณนอนละเมอเรียกชื่อแม่ของฉันอยู่”
ชาติพยัคฆ์ถึงกับโคลงหัวด้วยความหนักใจ สำหรับเขาแล้วเขาทั้งรักและนับถือรุ่นพี่ฮิเด มากิ และพี่มาเรีย คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง แต่เขาไม่อยากให้ลูกสาวของทั้งสองคนต้องเข้าใจผิดอยู่แบบนี้
“เหลวไหลน่า เอลิน่า ที่อาละเมอเรียกชื่อแม่หนูออกไป เพราะอาฝันถึงแม่ของหนูต่างหาก”
“อ๋อ….คงฝันหวานมากสินะคะ ถึงได้เรียกชื่อแม่ของฉันยังกะคนรักแบบนั้น” เธอตอบกลับแบบประชดประชัน
“เพ้อเจ้อ ไปกันใหญ่แล้ว พี่มาเรีย เป็นห่วงอาต่างหากก็เลย……เอ้อ…”
จะบอกว่าพี่มาเรียเป็นห่วงเขาในเรื่องที่เขายังไม่ยอมแต่งงานซักที ถึงได้มาเข้าฝันแบบนี้นะเหรอ ฟังดูแปลกพิกลยังไงก็ไม่รู้
“เป็นห่วง?….คุณแม่ฉันเป็นห่วงคุณเรื่องอะไรหรือคะ คุณถึงได้เก็บมาฝันถึง..” น้ำเสียงของสาวสวยอ่อนลงก็จริง แต่ก็ยังคงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง
ชาติพยัคฆ์เองก็ไม่รู้จะตอบเธอว่าอย่างไรดี
“ช่างเถอะ อาจำไม่ได้แล้ว …นี้กี่โมงกี่ยามแล้วนี้….” ชายหนุ่มแกล้งเฉไฉก่อนควานหามือถือยกขึ้นมาดูนาฬิกาบนหน้าจอระบุเวลาเอาไว้ว่าตีสาม
“เพิ่งจะตีสามเองเหรอนี้….นอนหลับไปได้นิดเดียวเอง” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ
ชาติพยัคฆ์ล้มตัวลงนอนด้วยอ่อนเพลีย และไม่อยากพูดอะไรอีก แต่เอลิน่ากับสวมกอดเขาไว้ แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจแต่แก่นกายของเขาก็สัมผัสกับแพรไหมอันเนียนนุ่มเจ้าหล่อนพอดีอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่เอาน่า เอลิน่า อย่าแกล้งอาสิ” ชาติพยัคฆ์ดุอีกรอบ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรนี้คะ คุณคิดไปเองต่างหาก” เธอตอบด้วยอาการกึ่งงอน
ชาติพยัคฆ์ถึงกับต้องถอนใจ นี้ถ้ารุ่นพี่ฮิเดมากิ กับพี่มาเรีย ยังมีชีวิตอยู่ แล้วรู้ว่า เขากับเอลิน่ามานอนเปลือยกายกอดรัดฟันเหวี่ยงกันอยู่แบบนี้ สงสัยเขาคงเข้าหน้าทั้งสองคนไม่ติดเป็นแน่
“ขอโทษด้วยครับ พี่ฮิเด มากิ ครั้งนี้ถือเป็นเหตุฉุกเฉิกนะครับ ถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่อยากใช้วิธีนี้กับลูกสาวพี่หรอก วันนี้ผมโดนเธอแกล้งจนเพลียแล้ว ถ้าเกิดผมตายไปเมื่อไหร่ค่อยไปขอขมาต่อพี่มาเรียกับพี่ฮิเด มากิ บนสวรรค์แล้วกันนะครับ”
มันเป็นวิธีการที่ชาติพยัคฆ์ได้เรียนรู้มา เพื่อเอามาใช้รับมือกับผู้หญิงโดยเฉพาะ ชายหนุ่มเริ่มใช้ร่างกายที่กำยำโถมทับร่างของสาวงามเอาไว้ เอลิน่า ถึงกับสะดุ้งหวีดร้องด้วยความตกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของหนุ่มใหญ่ ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีริมฝีปากอันอวบอิ่มของเธอก็ถูกริมปากอวบหนาจุมพิตเข้าให้เสียแล้ว มือทั้งสองของเขาแปะป่ายไปที่ทรวงอกของหญิงสร้างความเสียนซ่านรัญจวนใจให้แก่เธอได้ไม่น้อย ก่อนที่ลิ้นของชายหนุ่มจะชอนไชเข้าไปในโพรงปากเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นของหญิงสาว เพื่อลองลิ้มชิมรสความหอมหวานโพรงปากนั้นอย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน
ช่วยไม่ได้จริงๆ แฮะ…วิธีแก้อาการงอนของผู้หญิงที่ดีที่สุดมันก็ต้องจูบแบบนี้แหละ พี่ฮิเด มากิ เขาสอนเอาไว้อย่างนั้น !!!!!