4661-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-34
… คมกริชลืมตาขึ้นมาอย่างงงๆ เพดานห้องมองดูคุ้นตา เขากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะนึกออกว่ามันคือห้องเปลี่ยนวิญญานในอาคารของหน่วยงานลับ ชายหนุ่มหลับตาลงอีกหน ความทรงจำที่วิ่งมาเป็นสายทำให้เขาขนลุก สายตาอันว่างเปล่าของปาร์คยองแบ ขณะที่กำลังปาดคอเขาช้าๆ ริมฝีปากของเธอที่ขมุบขมิบพูดอะไรโดยไม่มีเสียง มันดูคล้ายการสวดมนต์ท่องคาถา เด็กสาวมีสีหน้าที่เรียบเฉย ขณะที่หูของเขาแว่วเสียงร้องอย่างสยองขวัญของดอกเตอร์เพ็ญนิตย์
… ไม่มีการตายครั้งใดที่ไม่ให้ความสยดสยอง ถึงเขาจะเริ่มชินกับการตาย แต่ก็อยากจะลืมมันไปให้เร็วๆ ความทรงจำมากมายในหลายร่าง ทั้งร่างดั้งเดิม ร่างอวตารที่ผ่านๆมา มันสะสมรวมกันอยู่ในสมองของเขา และถ่ายทอดไปสู่สมองก้อนใหม่ทุกครั้งที่มีการย้ายร่าง รวมทั้งความรู้สึกสุดท้ายก่อนจะขาดใจ ความเจ็บปวดทุรนทุราย ความตกใจ อาการหนาวยะเยือก ประสบการณ์เหล่านี้ไม่ควรเลยที่จะจดจำ
… กลิ่นโจ๊กหมูหอมกรุ่นลอยมาเตะจมูก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข็นรถอาหารเข้ามาในห้อง คมกริชมองไปที่ข้างให้อง กระจกเงาบานนั้นยังคงติดอยู่ กระจกที่เขาจะเห็นรูปร่างและใบหน้าใหม่ของตนเองเป็นครั้งแรกเมื่ออวตาร แต่เขาเหนื่อยหน่ายเกินว่าที่จะอยากรู้แล้วว่า หน้าตาเขาจะเป็นอย่างไรในเวลานี้ โจ๊กหมูหอมๆพร้อมปาท่องโก๋ตัวอวบอ้วนนั่นยังน่าสนใจมากกว่าในเวลานี้
… ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนหลังเสร็จสิ้นการรับประทานอาหารมื้อแรกในร่างใหม่ เจ้าพน้าที่หน้าตาคุ้นๆคนหนึ่งเดินข้ามาในห้อง คมกริชเอ่ยปากถาม
“ดอกเตอร์กรกฏกับดอกเตอร์เพ็ญนิตย์ไปไหนครับ”
… หญิงคนนั้นหันมายิ้มให้แล้วตอบ
“ยังอยู่ในระหว่าเดินทางกลับมาจากประเทศเศษฝรั่งค่ะ”
… คมกริชขมวดคิ้ว
“อยู่เที่ยวกันต่อหรือครับ”
… หญิงคนนั้นทำท่าแปลกใจ
“เปล่ามังคะ กำลังรีบบินกลับมา อีกสักสี่ห้าชั่วโมงก็คงถึง”
… คมกริชลูบคอตัวเอง ก่อนจะนึกขึ้นได้
“นี่หมายความว่า ผมย้ายวิญญานผ่านระบบอินเตอร์เนตมาหรือครับ”
… เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นยิ้ม
“ค่ะ เมื่อสองชั่วโมงก่อนนี่เอง พอจำได้หรือยังคะ”
…คมกริชกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้นั้น ก่อนจะหลับตาลง เขาตั้งสติให้มั่น เพื่อที่จะลุกขึ้นมาดูหน้าตาของตัวเอง ก่อนที่จะชะงักแล้วลืมตาขึ้นโดยไม่ได้ลุกไปมองหน้าตัวเองในกระจกอย่างที่คิด ชายหนุ่มนับเลขเบาๆ
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ….”
… แล้วเขาก็เงียบกริบ เสียงที่เขาได้ยิน เสียงนั้นมันคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าคุ้น เขากระโจนพรวดลงจากเตียง ทั้งๆที่ร่างเปลือยเปล่า ผ้าห่มที่ปิดคลุมร่างอยู่หลุดกองอยู่บนเตียง
… ร่างที่ปรากฏในกระจก เป็นร่างของเด็กหนุ่มอายุราวๆสิบหกปี ร่างกายกำยำ กล้ามสวยเป็นมัด ซิกแพคที่หน้าท้องเด่นชัด อวัยวะที่พาดห้อยอยู่หว่างขามองดูบึกบึน คมกริชเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าในกระจกเงานั้น ก่อนจะเย็นวาบไปทั้งตัว
… ใบหน้าของเขาเอง ใบหน้าของนายคมกริช เด็กนักเรียนมัธยมปลายที่กำลังจะสอบเข้าโรงเรียนทหาร เขาเพ่งมองสรีระของตัวเอง หัวใจเต้นโครมครามอย่างตื่นเต้น นี่มันร่างของเขาเอง ร่างอวตารของเขาเอง
——————————-
… อาหารมื้อนั้นหรูหรา ดอกเตอร์กรกฏรินไวน์สีแดงเข้มแจกจ่ายให้กับทุกคนด้วยตนเอง พร้อมทั้งอวดสรรพคุณของไวน์ขวดนั้น
“หมูตองรูไช รุ่นปี 1890 ร้อยกว่าปีมาแล้ว เหลือห้าขวดในโลก ตอนนี้อยู่บนโต๊ะอาหารของพวกเราขวดนึง เชียส”
… ดอกเตอร์เพ็ญนิตย์ดมไวน์ก่อนจะจิบไวน์นั้น แล้วทำเสียงขลุกขลักในคอเหมือนจะบ้วนปาก แล้วกลืนมันลงคอไป
“อืมม์ รสชาติดีมากค่ะป๋า ว่าแต่ป๋าได้มายังไงคะขวดนี้”
“ขโมย”
… ดอกเตอร์กรกฏตอบสั้นๆ คมกริชหัวเราะหึๆ
“จิ๊กมาจากไหนครับ”
“ทำเนียบไอ้ฮวยเซ็งไง”
… คมกริชทำหน้าสงสัย
“คอกเตอร์เข้าไปนั้นด้วยหรือครับ ผมไม่เห็นเลย”
“เข้าไปสิ คุณไม่เห็นเอง ช่วงชุลมุนก่อนคุณจะหนีออกมานั่นแหละ ทีมีเสียงระเบิดตูมตามนั่นแหละ ผมเข้าไปทำภารกิจอีกส่วนหนึ่งสำเร็จ”
“ทำอะไรหรือครับ”
… ดอกเตอร์กรกฏทำปากจู๋ ก่อนจะซดไวน์ดังโฮก
“ขโมยไง”
“ขโมยไอ้ไวน์ขวดนี้น่ะหรือครับ ดอกเตอร์ลงทุนเสี่ยงขนาดนั้นเลยหรือ”
“เปล่า ไม่ใช่แค่นี้ มันมีอะไรอีกมาก แล้วจะเล่าให้ฟัง กินกันก่อนดีกว่า อาหารดีๆทั้งนั้น ด้วยอภินันทนากราจากฮวยเซ็ง 5555”
—————
… คมกริชลงรถไฟฟ้าที่สถานีสยามสแควร์ เด็กนักเรียนสาวๆสองสามคนเดินเบียดเขาที่ประตูรถอย่างจงใจ ก่อนจะหัวเราะกันคิกคัก พร้อมทั้งทิ้งหางตาให้อย่างท้าทาย พวกเธอทั้งสามเหล่เด็กหนุ่มคนนี้มากว่าสามสถานีแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะยิ้มๆให้แต่ไมได้สนใจ
… ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ย่านนั้นมีงานแฟชั่นโชว์ คมกริชตั้งใจมาในงานนี้โดยเฉพาะ หลังจากย้ายร่างครั้งสุดท้ายแล้ว เขาก็ได้รับทราบว่าหมดหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจในฐานะผู้อวตาร แต่จะได้เข้าร่วมทีมงานเป็นทีมแบคอัพ คอยช่วยเหลือร่างอวตารร่างต่อๆไป ในการปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติ
… คมกริชจะยังคงเป็นบุคคลลึกลับต่อไป ทำงานภายใต้หน่วยงานลับ แต่ได้อิสระในการใช้ชีวิต และที่สำคัญเขาได้รับโบนัสมาเป็นเงินสามร้อยล้านบาท ครั้งแรกที่ได้เห็นจำนวนเงิน คมกริชถึงกับตาเหลือก เขาถามดอกเตอร์กรกฏอย่างไม่แน่ใจ
“ดอกเตอร์ครับ รัฐบาลเราจ่ายค่าจ้างงามอย่างนี้เลยหรือครับ”
“เปล่า ใครบอกคุณว่ารัฐบาลให้”
“อ้าว แล้วเงินมาจากไหนครับ ตั้งสามร้อยล้าน”
… ดอกเตอร์กรฏหัวเราะหึๆ
“ขโมย”
“เฮ๊ยย ดอกเตอร์ไปขโมยใครมา”
“ขโมยไปทั่วแหละ ทั้งของไอ้ฮวยเซ็ง ของไอ้เศษฝรั่ง ตอนคุณไปทำงาน ผมก็ออกไปหาทุนทรัพย์สำหรับทีมงานของพวกเรา”
… คมกริชคงทำหน้าพิกล ดอกเตอร์เพ็ญนิตย์ก็หัวเราะบ้าง
“ฉันได้ห้าร้อยล้าน มากกว่าคุณหน่อยนึง เพราะตำแหน่งสูงกว่า ป๋าขโมยมาแจกพวกเราทุกคนแหละ ได้กันถ้วนหน้า ทีมงานของเราแข็งแกร่งขึ้นมาก ทำเพื่อชาติได้อีกนาน”
… คมกริชซดไวน์หมดแก้ว ก่อนจะกระแอม
“ทำเพื่อชาตินี่ ต้องหากินเองด้วยการขโมยเชียวหรือครับ”
ดอกเตอร์กรกฏหัวเราะก๊าก
“โธ่ คุณก็เคยทำงานในหน่วยงานของรัฐมา จะหน่วยไหน เงินเดือนมันก็เท่ากันทั้งนั้นแหละ ตามระเบียบแล้ว ผมได้เดือนละสองหมื่นห้า ยายเพ็ญได้สองหมื่นหนึ่ง ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ได้กันแค่นี้ ทีมงานเราบางคนเงินเดือนหมื่นสอง ทำงาน 24 ชั่วโมงไม่ได้พักเลย เวลาเราออกปฏิบัติงาน มันจะพอกินที่ไหนกัน”
“แล้วรัฐบาลไม่ว่าหรือครับ ที่เราไปขโมยเงินมา”
“อ้าว เราไม่ได้ขโมยรัฐบาลเรานี่คู๊ณ เราเอาเงินของชาติเรากลับคืนมาแบ่งกันใช้เท่านั้นเอง”
“เงินของชาติเรา”
…คมกริชถามด้วยเสียงสงสัย ดอกเตอร์กรกฏรินไวน์เติมให้ตัวเอง ก่อนจะซดรวดเดียวหมดแก้ว
“ใช่ เงินไอ้ฮวยเซ็ง ผมถือเป็นเงินค่าแผ่นดินที่มันโกงเราไป ตอนคุณกำลังหนีออกมา ผมระเบิดเซฟลับของมันในห้องทำงาน ได้รหัสธนาคารสวิสของมันมา แล้วบินไปกวาดเงินมาจนหมดแบ๊งค์ ส่วนที่เศษฝรั่งในเซฟของไอ้ฌองนั่น มีรหัสธนาคารสวิสของพ่อมัน ไอ้ประเทศนี้มันเคยโกงเงินประเทศเราไปมากมาย ผมเลยกวาดเงินพ่อมันมาหมดแบ๊งค์สวิสเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ”
“ดอกเตอร์ครับ แล้วเขาจะไม่โวยวายเหรอที่เงินหายไปหมด”
…ดอกเตอร์กรกฏหัวเราะก๊าก
“โจรปล้นโจรไงคุณ พวกมันจะโวยได้ยังไงว่าเงินหายไปนับแสนล้าน ประชาชนของมันจะได้รู้สิว่า พวกมันโกงเงินชาติมาเป็นเงินส่วนตัว”
.. ดอกเตอร์เพ็ญนิตย์สะดุ้งเฮือก
“ป๋า เมื่อกี้ป๋าว่าเท่าไหร่นะ แสนล้านเหรอ แล้วทำไมเพ็ญได้แค่ ห้าร้อยล้าน เฮ๊ย ไม่ยุติธรรมนี่หว่า ป๋าอม”
… ดอกเตอร์กรกฏทำหน้าปูเลี่ยนๆ
“แหม เพ็ญ ห้าร้อยล้านมันก็เยอะนา ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด”
“ไม่ได้ ป๋า มันต้องแบ่งอย่างยุติธรรมซี่ อะไรขโมยมาเป็นแสนล้าน แบ่งลูกน้องคนละสองสามร้อยล้าน ใช้ได้ที่ไหน”
“เออๆๆ เดี๋ยวป๋าเพิ่มให้ แหม เราก็ต้องเก็บไว้เป็นทุนมั่งดิ ทีมงานเรายิ่งใช้เงินเปลืองๆกันอยู่”
… งานเลี้ยงคืนนั้นต่างก็เมากันถ้วนหน้า เมื่อพักผ่อนจนหายเหนื่อย คมกริชก็ต้องออกมาทำหน้าที่สำคัญอีกครั้ง
———
… ห้างสรรพสินค้านั้นคนแน่นขนัด เพราะมีงานแฟชั่นโชวส์ของวัยทีน เด็กสาวมากหน้าหลายตาเดินแบบในชุดวัยรุ่นสวยงามบนแคทวอล์ค แต่ดาวเด่นในงานนั้นเห็นจะหนีไม่พ้นกลุ่มดาราวัยรุ่น เช่นน้องสายพาน ที่เดินฉับๆในชุดลำลองเสื้อกางเกงติดกัน ท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับจากแฟนคลับที่มาดูกันหนาแน่น
… แต่สายตาของคมกริชรอเพียงดวงใจของเขา ที่เดินอกมาด้วยชุดวัยใสอันน่ารัก เสื้อยืดรัดรูป กางเกงขาสั้นแบบกีฬา และรองเท้าผ้าใบสีสวย น้องพลอยแลดูโตขึ้นมาก ทรวดทรวงองค์เอวมองเห็นเด่นชัด หน้าอกนูนเด่นดันผ้าของเสื้อยืดจนเป็นเต้า
“โห ยายพลอยนี่นมโตขึ้นเยอะว่ะ น่าบี้ฉิบหาย”
… เสียงปากเปราะของหนุ่มวัยรุ่นที่ยืนดูแฟชั่นโชว์อยู่ดังขึ้นมา คมกริชปรายตาไปมองคนพูด ก่อนจะหัวเราะหึๆอยู่ในใจ พลางคิดว่า โตสิ ไม่โตได้ไง กูปั้นกะมือ
… แฟชั่นโชว์นั้นจบลง ผู้คนแยกย้ายกันไปเดินชอปปิ้ง คมกริชเดินเลาะไปทางหลังเวที เขามองเห็นเหล่านางแบบเดินเข้าไปในห้องที่จัดไว้สำหรับแต่งตัว ชายหนุ่มในร่างเด็กหนุ่มเดินวนไปรอบๆ และหมายตาประตูด้านหลังของห้องนั้นเอาไว้ มันเป็นประตูที่จะออกไปยังลานจอดรถ
… ไม่นานเหล่านางแบบวัยรุ่นที่เสร็จธุระแล้ว ก็ทยอยกันออกมาจากประตูนั้นจริงๆ หลายคนเดินวนกลับไปชอปปิ้งในห้าง หลายคนเดินออกไปที่ลานจอดรถ ในที่สุดน้องพลอยก็เดินออกมา เธอเดินวนกลับเข้าไปในห้าง เด็กหญิงลบเครื่องสำอางค์ออกจากใบหน้าจนหมด แถมใส่หมวกหรุบใบหน้าและสวมแว่นตาดำอันโต เธอพรางตัวเพื่อที่จะไม่ให้มีใครจำได้
“น้องพลอย พี่อยู่นี่”
… พลอยสะดุ้ง ก่อนจะหันมามองหน้าเด็กหนุ่มที่ทักทายเธอ เด็กหญิงถอยหลังไปสองก้าว คนที่ทักเธอนั้น เธอไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย ๆไม่รู้จัก
“พี่เอง คมกริช”
… พลอยยืนนิ่ง เมื่อวานนี้เด็กหญิงได้รับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้า แต่ทักทายเธอเหมือนสนิทสนม และบอกว่าชื่อคมกริช พลอยอึ้งตั้งแต่ได้ยินชื่อนั้น และเมื่อเสียงนั้นทบทวนความหลังบางอย่างให้ฟัง พลอยก็ชาไปทั้งร่าง เรื่องส่วนตัวระหว่างเธอกับพี่โอ้ เรื่องที่ไม่มีใครรู้นอกจากคนสองคน เสียงนั้นบอกเล่ามาได้ถูกต้องจนหมด
“นี่มันอะไรกันคะ พลอยไม่เข้าใจ พลอยไม่รู้จักคุณ”
“น้องพลอยคะ นี่พี่เองคมกริช คนที่เคยอยู่ในร่างของพี่โอ้ ที่โทรไปหาน้องพลอยเมื่อวานนี้”
… ใช่ พลอยรู้ เขาโทรมา พูดทุกอย่างที่เป็นเรื่องลับ ไม่ว่าจะเรื่องในโรงถ่ายวันนั้น เรื่องในคอนโดของพี่โอ้ เรื่องแหวน ชื่อที่สลักในแหวน และรอยปากกาหมึกแห้งที่ใช้แทนรอยสักบนท้องแขน ด้วยรอยนั้นเองทำหใพลอยรู้ว่า พี่โอ้คนที่เธอเจอในครั้งถัดมา ไม่ใช่พี่โอ้ของเธอ
“พลอยจะแน่ใจได้อย่างไรว่าใช่คุณ พลอยสับสน พลอยไม่เข้าใจ”
… คมกริชมองตาน้องพลอย ผู้คนที่ผ่านไปมาก็ไม่ได้ใส่ใจกับเด็กสองคนซึ่งยืนคุยกันอยู่ ไม่มีใครจำน้องพลอยได้ ไม่มีใครรู้จักคมกริช
“มองตาพี่สิ น้องพลอย”
… พลอยมองดวงตาคู่นั้นผ่านแว่นตาดำที่เธอสวมอยู่ มองเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอะไร แววตานั้นดูใสซื่อจริงใจ แต่มองไปนานๆเธอก็เริ่มคุ้นๆ
“เราไปหาที่นั่งคุยกันดีไหมคะ น้องพลอย”
… พลอยตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า เด็กหญิงเดินตามคมกริชไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างนั้น ชายหนุ่มในร่างเด็กหนุ่มเลือกห้องรับประทานอาหารส่วนตัว ก่อนจะสั่งอาหารมาสองสามอย่าง เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง เขาก็เริ่มทบทวนความหลังอันลึกลับอีกครั้ง ความหลังที่ไม่มีใครรู้นอกจากคนสองคนเท่านั้น
… น้องพลอยเดินยิ้มอย่างสดใส หลายเดือนมาแล้วที่เด็กหญิงระทมทุกข์กับการที่ไม่รู้ว่าคนที่เธอรักคือใคร หายไปไหน จนวันนี้ความจริงจึงได้กระจ่าง รสจูบที่เด็กหนุ่มคนนี้มอบให้ในห้องอาหารญี่ปุ่นนั้น เรียกความทรงจำกลับมาได้อย่างประหลาด และน้องพลอยก็ต้องสะท้านเมื่อเขาฟุบหน้าลงบนตักของเธอ และมันก็เหมือนวันนั้น วันที่เกิดขึ้นในโรงถ่าย วันที่เธอหัวใจละลายไปกับรสของความสุขในมุมมืดกับใครคนหนึ่ง
“เฮ้ย ไอ้สัตว์ ควงดาราเลยเหรอมึง”
… วาจาสถุลนั้นทำให้น้องพลอยสะดุ้งโหยง มือที่จูงมือกับคมกริชบีบแน่น เด็กหนุ่มหันไปมองตามต้นเสียง ก็พบกลุ่มเด็กวัยรุ่น ไอ้พวกปากเปราะที่แซวน้องพลอยบนเวทีนั่นเอง
“หนักกะบาลมึงเหรอ ไอ้เหี้ย”
… คมกริชตอบกลับไป ก่อนจะดันน้องพลอยให้ไปหลบที่ด้านหลัง เด็กหญิงหน้าซีดเผือด กลุ่มอสรกุ๊ยนั้นมีสิบคน และกำลังตีวงล้อมกรอบเธอกับพี่คมกริชทันทีที่ได้ยินเสียงด่ากลับไป
“มึงซิไอ้เหี้ย เฮ้ยพวกเรา กระทืบมัน”
… เสียงบงการดังมาจากไอ้ปากเปราะตัวเดิม เมื่อสิ้นเสียงสั่ง เสียงดังพลั่กก็ดังติดตามมาจนนับไม่ถ้วน พร้องกับเสียงสบถ เสียงคราง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
… น้องพลอยดูไม่ทันจริงๆ พี่คมกริชถลาไปข้างหน้า ก่อนจะชกโครมเข้าให้สองหมัดพร้อมกันที่สองคน เตะตัดขา ศอกกลับ จรเข้ฟาดหาง เข่าลอย และสารพัดท่ามวยที่พลอยเคยเห็นแต่ในหนัง ราวกับ จา พนม เพียงพริบตา สิบร่างก็ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นกลางห้างดัง และก่อนที่พลอยจะทันรู้ตัว พี่คมกริชก็โอบเอวพลอยพาวิ่งออกไปจากที่นั่น เอ๊ะ พลอยไม่ได้วิ่งเลย เหมือนถูกหิ้วออกมามากกว่า
——
… วันรุ่งขึ้น คมกริชพาน้องพลอยมายังที่พักของเขา คอนโดหรูในย่านซอยทองหล่อ น้องพลอยยังคงตื่นเต้นกับบทบู๊นอกจอในห้างดังกลางเมืองเมื่อวานนี้ แต่ก็ลืมมันไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพี่คมกริชจูบเธอ
… ปากของน้องพลอยยังคงหวาน ลิ้นเล็กๆที่พัวพันกับลิ้นของคมกริชนุ่มอุ่น เด็กหนุ่มสูดกลิ่นสาปเด็กหญิงที่ฟุ้งไปด้วยฟีโรโมนอันหอมกรุ่น ขอบคุณดอกเตอร์กรกฏสำหรับสิ่งดีๆในร่างใหม่ของเขา มันยังมีคุณสมบัติของร่างอวตารครบถ้วน และร่างนี้จะมีอายุขัยเช่นมนุษย์โดยปกติทั่วไป
… คมกริชดึงเสื้อยืดของน้องพลอยขึ้นไปพ้นราวนม ก่อนจะดันเสื้อชั้นในตัวไม่เล็กนักขึ้นไปพ้นเต้านม น้องพลอยโตขึ้นจริงๆในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นมตูมแน่น หัวนมแหลมชี้ชูชัน ก้อนเนื้อนุ่มนวลสองก้อนนั้นมีแนวโน้มจะอวบมาจนชิดติดกัน ชนิดทัดดอกจำปีไม่ร่วง
… คมกริชอ้าปากอมหัวนมข้างซ้ายเข้าไปในปาก ก่อนจะดูดอย่างทนุถนอม น้องพลอยหลับตาปี๋ และกอดหัวพี่คมกริชไว้แน่น มืออีกข้างหนึ่งของพี่คมกริชก็ตระโบมเต้านมข้างขวา แถมบีบหัวนมเล่นเบาๆ
… เด็กหญิงร่างอ่อนระทวย พี่คมกริชปอกเปลือกของเธอออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นในสีขาวตัวเดียว กางเกงนั้นชักจะเล็กเกินไปแล้วสำหรับร่างอวบอัดของน้องพลอย ขอบกางเกงรัดเอวรัดขาน้องพลอยจนแน่น ท่าทางเธอจะต้องเปลี่ยนขนาดกางเกงชั้นในเสียแล้วล่ะ ดังนั้นตัวนี้จึงไม่ต้องเสียดมเสียดายมัน
… คมกริชดึงผ้ากางเกงในตรงเป้าออกสองข้างอย่างแรง มันขาดดังแคว่ก และโคกหีอันมีขนขึ้นหรอมแหรมของน้องพลอยก็ปรากฏแก่สายตา กลีบหีสองกลีบยังมีสีเนื้ออมชมพู และก่ายกันปิดสนิทเข้ามาแน่น ทั้งๆที่คมกริชเคยผ่านทางนี้เข้าไปเชยชมภายในมาแล้ว ด้วยทั้งลิ้นและควย
… เขาประกบปากเข้ากับร่องหีของน้องพลอย ลิ้มรสหีเด็กหญิงอันหอมกรุ่น น้ำเมือกใสไหลปรี่ออกมาย้อยเข้าปาก ลิ้นของเขาตวัดเลียเม็ดแตดเล็กๆวนไปมา
… ท้องของน้องพลอยหดเกร็ง เด็กหญิงบิดตัวไปมา ใบหน้านั้นแดงก่ำไปด้วยความเสียว เธอถวิลหาความรู้สึกนี้แทบทุกคืน หลังจากพี่คมกริชในร่างพี่โอ้หายไป ลิ้นของเด็กหนุ่มเริ่มแยงลึกเข้าไปภายในโพรงหีของน้องพลอย ลิ้นอวตารยังคงทำหน้าที่ได้อย่างสุดยอด
… โพรงหีคับแน่นของน้องพลอยกัดลิ้นของคมกริชจนรู้สึกได้ รูหีของเด็กหญิงขมิบถี่ๆ เสียงครางเบาๆดังออกมาจากปากจิ้มลิ้มนั้น ลิ้นอัดแน่นเข้าไปในโพรงหี ริมฝีปากกดคลึงเม็ดแตด จมูกฝังลงบนโหนกหีที่นูนราวกับหลังเต่า มือเอื้อมขึ้นไปเคล้นนมเต่งทั้งสองเต้า บีบหัวนมสองหัวนั้นไปมา
… แล้วน้องพลอยก็สะท้านสั่นระริก เด็กหญิงไปถึงจุดสุดยอดที่โหยหามาตลอดเวลาที่ห่างกัน ถึงมันจะไม่ซาบซ่านเท่ายามที่พี่โอ้ เอ๊ะ ไม่ใช่สิ พี่คมกริชเย็ด เอ๊ย นอนกับเธอ แต่น้องพลอยก็พึงพอใจ และเผยอปากรับรสจูบทันทีที่พี่คมกริชละปากจากร่องหีขึ้นมาประกบปากกับเธอ
… ไม่มีอะไรต้องรีบร้อนอีกแล้ว คมกริชนอนกกกอดน้องพลอยจากด้านหลังไว้แน่น ท่อนควยสอดผ่านร่องขาหนีบ หลังควยบาดแคมหีอ่อนนุ่มนั้นจนแบะออก แต่หัวควยโผล่ออกมาที่โคกหีด้านหน้าของน้องพลอย สองมือกุมสองเต้าเอาไว้ จมูกไซร้ซอกคอ โน้มใบหน้ามาหาแก้มใสบ้างเป็นครั้งคราว
… ท่อนควยอวตารถูกปรับให้ขนาดพอดีที่จะพาดปากร่องหีของน้องพลอยเอาไว้อย่างนั้น คมกริชยังไม่อยากเสพกามกับน้องพลอย มีเวลาอีกมากในชีวอตนี้ เขาเพียงทำให้เด็กหญิงมีความสุข อบอุ่น และรู้จักร่างกายของกันและกัน
… มือเรียวเล็กอันอบอุ่นของน้องพลอย กุมหัวควยบานแฉ่งที่พาดจากร่องตูดของเธอผ่านร่องหีจนโผล่ออกมาที่ด้านหน้า หัวควยนั้นจะว่าแข็งมันก็แข็ง แต่จะว่านุ่มมันก็นุ่ม เธอบีบมันเล่นพร้อมทั้งรูดนิ้วผ่านสันเงี่ยงไปมา น้ำเมือกใสจากรูหีของเธอเองฉาบเปียกอยู่บนหัวควยของพี่คมกริช พลอยนอนขนลุกขนชันพร้อมทั้งสยิวสท้านเป็นระยะ พี่คมกริชขยับตูดดึงท่อนควยให้บาดปากหีของเธอในจังหวะสั้นๆ มัเนสียวสยิวอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังได้จับของที่น้องพลอยเองก็ไม่มีและไม่คิดว่าจะได้สัมผัสมันอย่างจุใจเช่นในวันนี้
… อ้อมกอดของพี่คมกริชช่างอบอุ่น ถึงอากาศในห้องจะเย็นไปสักหน่อยด้วยลมจากเครื่องปร้บอากาศ แต่น้องพลอยก็อบอุ่นจากไอตัวของพี่คมกริชที่อัดติดอยู่กับแผ่นหลัง มืออุ่นๆของพี่เค้าก็กุมนมน้องพลอยเอาไว้ ท่อนควยนั้นก็ร้อนผ่าว แล้วพลอยก็ร้องคราง
“พี่คมกริชขา พลอย พลอย ออกอีกแล้ว”
————-
… ภารกิจของหน่วยงานลับยังคงดำเนินต่อไป คมกริชเข้ารับหน้าที่ประสานงานลับในการออกปฏิบัติภารกิจ เขาไม่ได้พบดอกเตอร์กรกฏและดอกเตอร์เพ็ญนิตย์อีก เพราะทีมงานที่เขาต้องตั้งขึ้นมาใหม่มีศูนย์ปฏิบัติงานอยู่คนละที่กับของทั้งสองดอกเตอร์ เมื่อไม่มีงานคมกริชก็ว่างพอที่จะไปรับน้องพลอยมารักกันได้ทุกเมื่อ ชีวิตของเขาอบอุ่นและมั่นคง แต่เมื่อมีสัญญานเรียกตัว เขาก็ต้องรีบมาปฏิบัติหน้าที่โดยด่วน
… ดวงนภากระโจนขึ้นมาบนรถคอนเทนเนอร์ปฏิบัติการ คมกริชวิ่งตามขึ้นมาติดๆ ภารกิจด่วนที่ตะวันออกกลาง คำสั่งจากศูนย์ให้พาร่างอวตารร่างใหม่ไปทำหน้าที่ในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่
… ร่างอวตารนั้นถูกพามาส่ง ชายชาวอาหรับร่างใหญ่ หนวดเคราเขียวครึ้ม อยู่ในชุดของอาหรับคลุมมิดแทบทั้งตัว บนหัวมีเชือกไหมสีดำสลับด้วยเกลียวเส้นทองอร่ามตา มันเป็นชุดของเจ้าชายอาหรับ เจ้าชายชั้นมงกุฏราชกุมาร
… คมกริชมองร่างอวตารนั้น มันคงมีอวัยวะอะไรๆเหมือนกับที่เขามี ดอกเตอร์กรกฏคงได้ทีมงานคนใหม่มาทำงานแทนเขาแล้ว นี่อาจจะเป็นอดีตนายทหาร หรือตะรวจ หรือผู้เชี่ยวชาญสาขาใดสาขาหนึ่ง เด็กหมุ่มยื่นมือไปเพื่อทักทาย ชายชาวอาหรับนั้นจับมือเขาแล้วเขย่าแรงๆ
“สวัสดีครับ ผมคมกริช นี่ดวงนภา ทีมงานแบคอัพของคุณ”
“สวัสดี”
… เสียงชายชาวอาหรับนั้นทุ้มนุ่มนวล
“ผมเคยทำหน้าที่ร่างอวตารเช่นคุณ จึงได้รับหน้าที่เป้นทีมแบคอัพคอยช่วยเหลือให้งานลุล่วง งานแรกของผมคือเข้าไปนำตัวเจ้าชายตัวจริงออกมา แล้วให้คุณสวมรอยเข้าไปแทน”
… ชายชาวอาหรับนั้นโบกมือด้วยท่าทางแปลกๆ
“ไม่ต้องอธิบาย ผมรู้แล้ว”
… คมกริชกระพริบตาปริบๆ
“ไม่ได้ครับ มันเป็นงาน คุณต้องรู้ว่าเราจะดำเนินการอย่างไร และคุณจะต้องทำอะไรบ้าง”
… ชายชาวอาหรับนั้นหัวเราะหึๆ คมกริชทำจมูกฟุดฟิด ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เฮ้ย กลิ่นแก่ๆ
“ดอกเตอร์กรกฏ”
.. คมรกิชอุทาน ชายชาวอาหรับนั้นยิ้มเผล่
“เออ จำกันได้ซะที แหมนี่ คมกริช ผมพึ่งรู้นะว่าอีตอนโดนตัดหัวเนี่ย สยองฉิบหาย ยายเพ็ญแกหวดเต็มแรงเลย สงสัยล้างแค้นเก่าๆกะผม ฮ่าๆๆๆๆ”
“ดอกเตอร์ นี่ลงมาเล่นเองเลยหรือครับ”
… คมกริชถามพร้อมหัวเราะ ชายชาวอาหรับหัวร่อฮ่าๆ
“แน่สิคู๊ณณณ ผมจะปล่อยให้คุณสนุกสนานคนเดียวได้ยังไง คมกริชคุณรู้ไหม งานนี้สนุกแน่นอน เจ้ชายองค์นี้มีฮาเร็มด้วย ฮ่าๆๆๆๆ งานนี้ผมกะมันสุดขีด”
“เอ๊ย ดอกเตอร์ ขอโทษครับ ลืมไปแล้วหรือว่าร่างเศษฝรั่งของผมน่ะ ตายห่าเพราะเรื่องอย่างว่า นี่ถ้ามันพลาดผมช่วยดอกเตอร์ไม่ทัน ดอกเตอร์ตายห่าคาอกแล้ว จะมาโทษผมไม่ได้นะครับ”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก อย่าลืมสิ ว่านี่ ดอกเตอร์กรกฏ ไม่แน่ใจ ผมไม่ลงมาเล่นเองร๊อกก ฮ่าๆๆๆ”
“ผมไม่เข้าใจครับ ดอกเตอร์หมายความว่าอย่างไร”
“ร่างนี้ ผมปรับปรุงใหม่ พลังงานเหลือเฟือ ไม่มีหมดอายุ อย่าว่าแต่สามชั่วโมงเลยคู๊ณณณ ฟาดหมดฮาเร็ม นางฟ้าร้อยคน ห้าวันห้าคืนไม่ต้องนอน มันก็ทำได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
.. คมกริชส่ายหัว เขาไม่รู้สึกอิจฉาดอกเตอร์กรกฏเลย ชีวิตของเขาพอแล้ว มีงานที่มั่นคง มีเงินเหลือเฟือ และมีน้องพลอยที่รักคนเดียว คมกริชก็ไม่ต้องการอะไรอีก
“ดอกเตอร์กรกฏคะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องสาธิตวิธีเปลี่ยนภาษา หรือวิธีทำงานอะไรให้ดอกเตอร์แล้วใช่ไหมคะ รู้หมดแล้วนี่”
… ดวงนภาถาม ชายชาวอาหรับมองหน้าคมกริช ก่อนจะพูดเบาๆ
“คมกริช คุณไปพักผ่อนอีกห้องเถิด ผมจะติวกับดวงนภาซักหน่อย เอ่อ คือร่างมันยังไม่ได้ทดสอบน่ะ”
… คมกริชหัวเราะพรืด ก่อนจะลุกขึ้นเปิดส่วนกันของตู้คอนเทนเนอร์ปฏิบัติการหายเข้าไปอีกด้านหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ดวงนภาทำตาเหลือก พูดเสียงสั่นๆ
“ทดสอบอะไรคะดอกเตอร์”
… ดอกเตอร์กรกฏในร่างชายชาวอาหรับ ถลกชายกระโปรงชุดอาหรับยาวที่สวมอยู่ขึ้น ควยอวตารกระดกหงึกหงัก
“ทดสอบไอ้นี่ไง ยังไม่ได้ใช้งานเลย ยายเพ็ญเค้าไม่ยอมปิดซิงร่างนี้ให้ป๋า ป๋าเลยจะมาลงที่หนูนี่แหละ มามะ เรามาทดสอบกัน”
… คมกริชนั่งหัวเราะหึๆอยู่บนเก้าอี้ทำงานในอีกส่วนหนึ่งของตู้คอนเทนเนอร์ปฏิบัติงาน เมื่อได้ยินเสียงครางอย่างโหยหวนของดวงนภา เสียงครางนั้นมันเป็นเสียงของความมัน สุขสม ซาบซ่าน อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงฮึ่มฮั่มของดอกเตอร์กรกฏ ที่คึกคะนองกับร่างอวตารใหม่
“นี่แน่ะๆ เด๋วป๋าจะสอยหนูให้ทะลุปากเลย ด๊วบๆๆ “….