Home Post 4565-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-58-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%87%e0%b8%94%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%99

4565-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-58-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%87%e0%b8%94%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%99

ภายในห้องพักสุดหรูของโรงแรมห้าดาวริมหาดบางแสน

ร่างเปลือยบอบบางของเด็กสาวตัวน้อยกอดกระหวัดโอบรัดรั้งร่างกำยำของชายหนุ่มด้วยกิริยาอันเร่าร้อนรุนแรง ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนประกบแนบแน่นอยู่กับจุมพิตแสนหวานร้อนแรงจนแทบละลายหลอมรวมเข้าด้วยกัน รสความซาบซ่านของจูบจากผู้เป็นพี่ชายที่บดขยี้ริมฝีปากของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งเร้าจนผู้เป็นน้องสาวอย่างเธอหัวหมุนติ้ว หากกระนั้นเด็กสาวอ่อนวัยไร้เดียงสาก็ไม่ลืมที่จะดูดปากตวัดลิ้นพัวพันตอบสนองเสนอรสจูบที่หอม
หวานเคลิบเคลิ้มยิ่งกว่าลูกกวาดรสใด ๆ ที่เคยลิ้มลองมา

มายด์ พยายามขืนตัวโอบมือรั้งรอบคอของเขาไว้ เมื่อชายหนุ่มปลดปล่อยริมฝีปากของเธอออกจากรสจูบอันแสนหวาน ดวงตาอันกลมโตสดใสจ้องมองเขาด้วยสายตาเว้าวอนออดอ้อนร้องขอ ซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มรับแล้วก้มหน้าลงมาบดจูบขยี้ริมฝีปากอันบอบบางของเธออีกครั้ง หากคราครั้งนี้กลับดุเดือดกว่าเดิม รุนแรงเร่าร้อนกว่าเดิม จูบนั้นกระหน่ำปรนเปรอเสียจนร่างบางของเธอสั่นกระตุกสะท้านระริกแทบขาดใจ

เด็กสาวส่งเสียงหอบฮั่กคราเคล้าไปกับเสียงครางกระเส่าเมื่อเขาปลดปล่อยเธอจากรสจูบแสนหวาน เธอสะดุ้งตัวสะท้านเมื่อทรวงอกที่เพิ่งตั้งเต้าเป็นกระเปาะน้อย ๆ โดนเขาอ้าปากงับแล้วดูดเม้ม เด็กสาวบิดตัวส่ายไหวไปมาด้วยความเสียวซ่าน มือเรียวเล็กป่ายเปะตวัดไปมาบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม พร้อมกับแอ่นสะโพกแนบกลีบกุหลาบที่เนียนสะอาดเบียดเสนอเข้าหาร่างกายอันแกร่งกร้าวอย่างเร่าร้อนลืมตัว

เอก ตอบสนองกิริยาส่ายเด้งสะโพกที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการของมายด์ด้วยการล้วงมือวูบลงไปลูบไล้กลีบกุหลาบอันฉ่ำชื้นของเธอ ปลายนิ้วทั้งห้าขยับคลึงเน้นไปตามส่วนที่ไวต่อสัมผัสของเด็กสาวจนเธอตัวสั่นสะท้านระริก จากนั้นก็แหย่นิ้วแยงพรวดเข้าไปในร่องรูจนเด็กสาวตัวกระตุกร้องวี๊ดออกมา

ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างด้วยความรุ่มร้อนที่กำลังพุ่งพล่านไปทั่วร่าง มือเล็กบอบบางตวัดไขว่คว้าไปมา ก่อนจะคว้าหมับไปที่ข้อมืออันแข็งแกร่งของผู้เป็นพี่ชาย สองขาเรียวเล็กเกร็งหนีบแน่นเข้าหากันสุดแรงด้วยความทรมาณขณะที่ปลายนิ้วแหย่ทะลวงลึกวิ่งเข้าไปในรูสวาทอันฟิตคับของเด็กสาวอ่อนวัยแบบไม่มียั้ง

ยิ่งปลายนิ้วของเขาสอดลึกเข้าไปในร่างของเธอมากเพียงใด น้ำรักอันใสบริสุทธ์ของเด็กสาวก็ยิ่งผุดเอ่อทะลักล้นออกมาจนอาบชุ่มไปทั่วความยาวของนิ้วมือที่ยังคงแหย่แยงกรีดกรายครูดคราดสัมผัสไปตามผนังร่องอันฟิตคับ ยิ่งเขาสอดกระชับนิ้วเข้ามา ร่องโพรงของเด็กสาวก็ยิ่งตอดรัดขมิบดูดยุบยิบขยับเข้าใกล้สรวงสวรรค์เข้าไปทุกขณะ

กระนั้นในห้วงที่มายด์ใกล้จะสำเร็จความใคร่ ชายหนุ่มกลับถอนมือออกจากการหยอกล้อกลีบกุหลาบงามอย่างกระทันหันจนเด็กสาวเหม่อมองด้วยแววตาสับสนงุนงง เอกยิ้มอย่างผู้มีชัยแวบหนึ่ง ก่อนจับยกสะโพกขาวเนียนขึ้น แล้วยัดเอาหมอนใบใหญ่มารองรับไว้จนเนินสวาทลอยสูงเด่น จากนั้นก็ขยับจับสองขาของเธอถ่างอ้าออกจนสุดแล้วทิ่มแทงแก่นกายสอดลึกเข้าไปในร่างเลือดเนื้อที่เปี่ยมด้วยความใคร่ของเด็กสาวตัวน้อย

“พี่เอกจ๋า …. อืมม อะ อืมมมมมมมมม …. อะ อืออออออ พี่เอกจ๋า อึ๋ยยยยย พี่จ๋า พี่จ๋า มายด์เสียว ซี้ดดสสสส”

เด็กสาวแสนสวยวัยสิบเอ็ดขวบส่งเสียงร้องครวญครางลั่นห้อง ขณะหลับตาปี๋ส่ายสะบัดหน้าเริ่ดไปมา ร่างขาวเปลือยบอบบางที่แลดูบริสุทธ์สดใสน่าทะนุถนอมดั่งนางฟ้าตัวน้อย ๆ นอนถ่างขาอ้าซ่าเปิดทางให้ชายหนุ่มร่างกำยำค่อย ๆ ขยับบั้นเอวเร่งความเร็วโหมกระเด้าเข้าใส่อย่างเมามันส์จนเตียงนอนอันอ่อนนุ่มเด้งสะท้านยวบยาบแทบพังทลาย

สองมือเล็กบอบบางของเด็กสาวอ่อนวัยไขว่คว้าสะบัดไปมา เธอบีบมือกำขยี้ผ้าปูเตียงอย่างเร่าร้อน แม้จะรู้สึกมึนงงไม่เข้าใจอยู่บ้างว่าเหตใดเธอจึงมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ เพราะเท่าที่เธอจำได้ล่าสุดก็คือเธอกำลังอาบน้ำอยู่ แต่พอรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งเธอก็อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นวาบหวามซาบซ่านร้อนแรงของพี่ชายเข้าเสียแล้ว และแม้ว่าจะตื่นตกใจอยู่บ้างที่พี่สาวของเธอนั่งส่งเสียงให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ เหมือนจะเห็นชอบด้วยที่เธอมีอะไรกับพี่เอก แต่กระนั้นเด็กสาวก็ปล่อยตัวปล่อยใจดื่มด่ำความหฤหรรษ์แห่งราคะรสที่พี่ชายสุดที่รักของเธอเสนอปรนเปรอให้โดยมิรู้สึกตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด

“มายด์สู้ ๆ นะ ทนอีกนิดเดียว พี่เอกกัดฟันกรอดแบบนี้แสดงว่าใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ เชื่อพี่ได้เลย”

เสียงให้กำลังใจที่ดังมาจากด้านข้างทำให้มายด์เพิ่งมีโอกาสได้มองสภาพของเมย์ผู้เป็นพี่สาวด้วยความตื่นเต้นสงสัย ที่แท้พี่สาวของเธอเองก็อยู่ในสภาพอันเปลือยเปล่าเช่นเดียวกันกับเธอ รอยแดงจ้ำบนหน้าอก คราบน้ำสีขาวที่ละเลงเลอะอยู่บนใบหน้า และเส้นผมบ่งบอกว่าพี่สาวของเธอคงเพิ่งจะมีอะไรกับพี่ชายของเธอมาได้โดยไม่ต้องมีใครอธิบาย

มายด์พยายามหวนนึกถึงเรื่องราวอีกครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่อาจจะนึกคิดถึงสิ่งใดได้ เพราะเรื่องที่เธอจดจำได้ล่าสุดก็คือเธอมาถึงโรงแรมพร้อมกับพี่เมย์และพี่เอก จากนั้นเธอก็ไปแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำคนเดียว ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็จดจำอะไรไม่ได้อีกเลย จวบจนกระทั่งมาถึงตอนนี้เธอก็กำลังร่วมรักกับพี่ชายต่อหน้าต่อตาพี่สาวของเธอเสียแล้ว

“ซี้ดดสสสส … รู้ดีจริงนะเมย์ ไปจำมาจากไหนเนี่ย … อูยยย แต่ก็เกือบแล้วจริง ๆ น่ะแหละ”

“ก็จริงใช่มั้ยล่ะคะ ตอนทำกับเมย์ก็แบบนี้แหละ กัดฟันเม้มปากแล้วค่อยน้ำแตกใส่เมย์ ตอนที่พี่เอกทำกับผู้หญิงคนอื่นก็แบบนี้เหมือนกัน เมย์แอบดูพี่เอกบ่อยจนรู้หมดแล้วล่ะ”

“เด็กไม่ดีนะเนี่ยเราน่ะ แอบดูผู้ใหญ่เอากันแบบนี้ เดี๋ยวพี่จับตีก้นซะเลย … อูยยยย ของมายด์ตอดดีจริง ๆ”

“อยากตีก้นก็ตีซิไม่กลัวซะหน่อย ใครใช้ให้พี่เอกพาผู้หญิงพวกนั้นมาเอาที่บ้านล่ะคะ แถมยังไม่สนใจเมย์ด้วย เมย์ก็เลยได้แต่ต้องแอบดูน่ะซิว่าพี่เอกชอบทำท่าไหน ทำยังไง”

เมื่อเมย์พูดจบก็ขยับตัวหันหลังมานอนข้างมายด์ที่กำลังงุนงง จากนั้นก็คว่ำหน้ากระดกก้นขึ้นร่อนส่ายไปมาท้าทายพี่ชายของเธอที่ยังคงโหมกระเด้าเอวเข้าใส่มายด์ไม่หยุด จากนั้นเมย์ก็สะดุ้งโหยงเมื่อเกิดเสียงดังเพี๊ยะเบา ๆ

“โอ๊ย พี่เอกอ่ะ เมย์เจ็บนะคะ ใครใช้ให้ตีจริง ๆ แบบนี้ล่ะ”

“ก็ใครใช้ให้มาส่ายก้นขาว ๆ ดุ๊กดิ๊กยั่วต่อหน้าต่อตาท้าให้ตีกันแบบนี้ล่ะ เห็นแล้วมันเขี้ยว”

“เมย์ไม่ได้อยากให้ตีก้นเมย์ซะหน่อย เมย์อยากโดนอย่างอื่นต่างหากล่ะ พี่เอกจะทำให้เมย์มั้ยน้า”

เมย์ส่งเสียงออเซาะครางกระเส่าพลางส่ายก้นโยกไหวไปมาด้วยกิริยาอันแสนเย้ายวนคล้ายนางแมวยั่วสวาทก็มิปาน และนั่นก็ดูจะกระตุ้นเร้าสร้างความสนใจให้กับเอกไม่น้อย เพราะนอกจากเอกจะเร่งเอวกระแทกเข้าใส่มายด์ผู้เป็นน้องสาวคนเล็กอย่างถี่ยิบกว่าเดิมแล้ว ก็ยังเอื้อมมือไปบีบขยำแก้มก้นของเมย์น้องสาวคนกลางพร้อมกับพยายามสอดนิ้วแยงไปที่รูก้นเล็ก ๆ ของเมย์ไปพลาง จนสองเด็กสาวแสนสวยตัวกระตุกสะท้านส่งเสียงครางออกมาไม่ขาดปาก

มายด์แม้จะงุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับเธอขอแค่ให้สามารถมีอะไรกับพี่ชายอย่างเปิดเผยต่อหน้าพี่สาวของเธอได้แบบนี้ก็ดีที่สุดแล้ว เด็กสาวจึงไม่สนใจอะไรอีกนอกจากหลับตาพริ้มรับความหฤหรรษ์ที่โถมกระหน่ำเข้ามา และเป็นอย่างที่พี่เมย์ของเธอว่าไว้จริง ๆ เมื่อจุดสุดยอดมาเยือนอีกครั้ง มายด์ก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นกระตุกในท้องน้อย กระแสน้ำอุ่นวาบกระฉูดทะลักหลั่งไหลเข้าไปในร่างของเธอจนล้นเอ่อออกมานอกโพรงสวาท วินาทีนั้นพี่ชายของเธอก้มตัวลงมากอดรัดร่างของเธอเอาไว้จนแน่น ร่างอันบอบบางของเธอจึงกระตุกเฮือสะท้านซึมซับความเสียวสุดยอดไปพร้อม ๆ กับร่างกำยำของผู้เป็นพี่ชาย

ด้วยความเหนื่อยอ่อนที่สะสมมายาวนาน มายด์รู้สึกเหมือนหนังตาของตัวเองหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ขึ้น สติของเธอเริ่มเลื่อนลอยคว้างร่างกายรู้สึกได้ว่าพี่ชายของเธอถอนร่างออกไปจากเธอ เด็กสาวพยายามยกสะโพกตามด้วยบังเกิดความรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง แม้จะรู้สึกปวดแสบระบมตรงส่วนนั้นอยู่บ้าง แต่เด็กสาวก็ยังอยากจะกอดรัดดึงร่างของพี่ชายให้สอดใส่เข้ามาในร่างของเธออีกสักครู่ กระนั้นด้วยหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงจึงทำให้มิอาจบังคับให้ร่างกายของตัวเองทำอะไรได้

มายด์กระพริบตาถี่ ๆ ด้วยความรู้สึกโหวงเหวงที่ขาดหายไปจากเจ้าสิ่งนั้นของพี่ชาย เธอเหลือบมองภาพพี่ชายของเธอขยับไปประกบติดที่ด้านหลังของเมย์ผู้เป็นพี่สาว แท่งเนื้อดำมะเมื่อมแท่งนั้นที่เธอหลงไหลจรดจ่อพยายามแหย่แยงเข้าไปในรูก้นอันแดงแจ๋ของผู้เป็นพี่สาว ถัดจากนั้นเมย์ก็หวีดร้องครวญครางที่แยกไม่ออกว่าเจ็บหรือมีความสุข

แม้จะพยายามถ่างตามองฉากรักของพี่ชายและพี่สาวอย่างเต็มที่ แต่กระนั้นด้วยความเหนื่อยล้าอันแสนสาหัสเกินที่เด็กสาวอ่อนวัยจะรับเอาไว้ได้ เปลือกตาของมายด์เริ่มค่อย ๆ กระพริบหรี่ปรือลงไปทีละน้อย พร้อมกับภาพใบหน้าอันแสนสุขของพี่เมย์และพี่เอกที่ค่อยลางเรือนหายไปทีละน้อย

หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกว่าเสียงร้องของพี่เมย์ค่อย ๆ ห่างไกลออกไปทีละน้อยจนไม่ได้ยินเสียงอีก สติของมายด์เริ่มดับวูบลงไปในห้วงแห่งการหลับไหล กระนั้นก่อนที่จะวูบดับไปโดยสมบูรณ์ เด็กสาวตัวน้อยกลับได้ยินบทสนทนาที่ไม่ทราบว่ามาจากที่ใด อีกทั้งยังยากจะทำความเข้าใจได้ว่าเป็นผู้ใดพูดคุยกับผู้ใด เธอรู้สึกเพียงว่ามันเป็นเสียงของเด็กผู้ชายสองคน พูดคุยกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

“ป้าตะเคียนบ้ากามพอได้แล้ว สิงร่างหนูมายด์จนร่างเค้าโทรมขนาดนี้แล้ว ปล่อยให้เค้าพักบ้างเหอะ หนูมายด์ยังเด็กอยู่เดี๋ยวจะแย่เอา”

“ฮึ โทรมที่ไหนกัน เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าจะรู้อะไร ทุกคราที่ข้าสิงสู่ใคร จะร่ายมนต์นงคราญสู่วัยเยาว์กำกับให้เสมอ ต่อให้ใช้งานหักโหมเพียงใด ร่างกายก็จะฟื้นได้เอง เรารับรองได้ว่าอกฟูรูฟิตก้นงอนไม่มีหย่อนคล้อย ไม่มีหลวมโพรก ลุยงานได้ทุกเช้าค่ำ ขอเพียงได้นอนหลับพักผ่อนยาว ๆ สักตื่นก็เป็นพอ”

ได้ยินเพียงเท่านี้มายด์ก็รู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในร่างของเธอ จากนั้นมายด์ก็หลับวูบไปโดยสมบูรณ์ ไม่ได้รับรู้เหตการณ์ต่อจากนั้นเลยว่า เรือนร่างวัยเด็กอันบอบบางของเธอ และพี่สาว ถูกวิญญาณนางตะเคียนนำไปใช้งานอย่างหักโหมต่อเนื่องจนเสร็จไปอีกหลายครั้ง โดยมิได้หยุดพักจนกระทั่งถึงยามเย็นก่อนฟ้ามืดเลยทีเดียว

……………………………………………………..

“พี่เอกขี้โกงอ่ะ แอบพาน้องเมย์ กับน้องมายด์ ไปเที่ยวทะเลกันสามคน ไม่เห็นชวนหญิงไปบ้างเลย หญิงโป้งแล้วด้วย”

หญิง นักศึกษาสาวดาวมหาลัยสุดเอ็กซ์วัยสิบแปดปี ขมวดคิ้วส่งเสียงเง้างอนผ่านโทรศัพท์มือถือไปยังชายหนุ่มสุดที่รักซึ่ง
กำลังถือสายพูดคุยอยู่ริมทะเล เธอวางปากกาที่กำลังขีดเขียนรายงานลงบนโต๊ะหินอ่อนแล้วเงยวงหน้าอันสวยซึ้งดุจเทพธิดา
จากสรวงสวรรค์ขึ้นมา มองบรรยากาศยามเย็นของมหาวิทยาลัยด้วยความรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง ที่ค่ำคืนนี้เธอจะไม่ได้กอดรัด
ฟัดเหวี่ยงเสพสมอารมณ์รักกับแฟนหนุ่มอย่างที่เธอต้องการ

ภายใต้ความงามอันวิจิตรที่สุดจะหาหญิงใดเปรียบ หนุ่ม ๆ นักศึกษาที่แอบลอบชำเลืองมองมาจากม้านั่งหินอ่อนที่อยู่รายรอบ
ถึงกับหัวใจเต้นตึกตักบังเกิดความรู้สึกวาบหวาม พากันคิดไปกันเองว่าคุณหนูที่สวยซึ้งดุจนางฟ้าคนนี้กำลังมองสบสายตากับ
พวกเขา บางคนถึงกับลุ่มหลงเพ้อมองจนแทบลืมตัวตน บางคนก็รีบก้มหน้างุดเพราะเกรงว่านางฟ้าแสนสวยคนนี้จะรับรู้ว่ากำลัง
โดนเขาแอบลอบมองอยู่

ขณะเดียวกันชายหื่นหลายคนก็กำลังลอบมองเรือนร่างอันอวบอัดรัดรึงของสาวสวยด้วยดวงตาอันกระหายกลัดมัน ซึ่งแม้ว่า
ชายหนุ่มที่รายล้อมจะอยู่ในอารมณ์ความคิดอันหลากหลาย และมีสาวมหาลัยที่น่ารักสดใสอยู่อีกหลายคน แต่กระนั้นสายตา
ของบุรุษเพศทุกผู้คนต่างก็จับจ้องมองไปยังนักศึกษาสาวแสนสวยที่กอปรไปด้วยความงามอันบริสุทธ์ และเรือนร่างเลือดเนื้อ
อันอุดมสมบูรณ์หนั่นแน่นเร้าเสน่หาคนนี้แต่เพียงผู้เดียว

“คิก คิก งั้นหญิงจะยกโทษให้ก็ได้ค่ะ ไปกันเสาร์นี้เลยมั้ยคะ อ้อ แล้วก็พายัยฟ้าไปด้วยนะคะ กำลังแอบนั่งฟังหูผึ่งอยู่เนี่ย”

น้องหญิงแย้มยิ้มจนเห็นไรฟันขาวสะอาด เธอหัวเราะคิกคักออกมาจนสองเต้าที่อวบเด้งชูชันดันเสื้อนักศึกษาออกมาเป็นก้อน
กลมดิกสั่นกระเพื่อมไหวอย่างแผ่วเบา หากกิริยาอันธรรมดาสามัญนี้กลับทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนถึงกับเบิกตาจ้องโพลงหอบ
หายใจฟืดฟาดกันยกใหญ่ เพราะเสื้อนักศึกษาที่เธอสวมใส่นั้นทั้งรัด ทั้งฟิต และบางเฉียบตามแบบฉบับสมัยนิยม จนสามารถ
มองเห็นรอยยกทรงที่รัดรึงโอบอุ้มทรวงอกอวบเอาไว้ได้เลยทีเดียว และเมื่อครู่ที่เธอไม่ทันระวัง ชายหนุ่มสามคนที่นั่งอยู่ด้าน
ข้างก็ถึงกับแลบลิ้นออกมาเลียรอบปาก เพราะแอบมองลอดร่องกระดุมที่ค่อนข้างห่างเข้าไปจนเห็นร่องอกและยกทรงสีชมพู
ได้แวบหนึ่ง ได้เห็นเพียงเท่านี้ผู้ชายคนหนึ่งก็รีบเก็บข้าวของแล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าไปช่วยตัวเองในห้องน้ำที่อยู่ข้างเคียงทันที

ฟ้า นักศึกษาสาวหมวยหมัดหนักผู้เป็นเพื่อนรักวัยเดียวกันของน้องหญิงแสร้งทำทีเหมือนไม่ได้สนใจฟัง แต่ก็อดไม่ได้ต้อง
ยกสะโพกขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อแอบฟังเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนที่
อยู่ทางขวามือของหญิง ทำให้มองเห็นกิริยาของผู้ชายที่แอบมองลอดร่องกระดุมดูนมของเพื่อนรักด้วยแววตาหื่นกามแล้วลุก
ไปเข้าห้องน้ำได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากเป็นก่อนหน้านี้เธอก็จะมองผู้ชายพวกนั้นด้วยแววตาเหยียดหยามน่ารังเกียจ แล้วบ่น
กับเพื่อนรักของเธอให้แต่งตัวให้มิดชิดกว่าเดิมอีกสักหน่อย ถึงแม้ว่าการแต่งกายของเพื่อนรักก็ค่อนข้างจะถือได้ว่าไม่สั้น
เกินไป และค่อนข้างเรียบร้อยกว่านักศึกษาคนอื่นที่รัดปลิ้นอยู่บ้างแล้วก็ตาม

กระนั้นหลังจากผ่านประสบการณ์วันคืนอันหฤหรรษ์ซาบซ่านในรูปแบบสี่หญิงหนึ่งชาย โลกของฟ้าก็ถูกเปิดกว้าง จนความ
คิดเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย เธอเริ่มรู้สึกว่าเซ็กส์เป็นเรื่องของความสุขในชีวิตอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องต่ำช้าสามานย์
วันนี้ฟ้าจึงแต่งตัวเปรี้ยวขึ้นกว่าเดิม เสื้อนักศึกษาที่ค่อนข้างคับรัด และกระโปรงคับติ้วโดนรื้อออกมาจากตู้เสื้อผ้าอวดเรือนร่าง
เสริมเสน่ห์สาวนักศึกษาสลัดภาพสาวทอม จนหนุ่ม ๆ พากันหันมามองตาเป็นมัน ซึ่งแม้ว่าจะสวยดึงดูดสู้หญิงเพื่อนรักของ
เธอไม่ได้ แต่ฟ้าก็ค่อนข้างพอใจแล้วที่มีหนุ่ม ๆ บางคนจ้องมองเธอด้วยสายตากระหายกลัดมันแบบเดียวกันกับที่จ้องมอง
เพื่อนรักของเธอ และจากเหตการณ์ในวันนี้เพียงวันเดียว ฟ้าก็สามารถสลัดภาพสาวทอมออกไปได้จนหมดสิ้น ทั้งยังถูกจัด
อันดับเป็นคนหนึ่งในสิบนักศึกษาสาวที่น่าฟันที่สุดในมหาลัยเข้าเสียด้วย

“ค่ะ ยัยฟ้านั่งอยู่ข้าง ๆ นี่แหละ กำลังช่วยกันรีบปั่นรายงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ เพราะใครก็ไม่รู้กลั่นแกล้งจนหญิงกับฟ้าไม่ได้
หลับไม่ได้นอน แถมยังไม่ได้อ่านหนังสือ ทำรายงานด้วย … คิก คิก ไม่ต้องมาช่วยเลย ถ้าพี่เอกช่วย สงสัยหญิง
กับฟ้า คงไม่ได้ทำรายงานแหง”

หญิง หัวเราะคิกคักด้วยใบหน้าอันเปี่ยมสุขจนตรึงความสนใจจากชายหนุ่มรอบข้างอย่างไม่รู้ตัว ชายหนุ่มเหล่านั้นคล้ายจะ
หลอมละลายให้กับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของนางฟ้าแสนสวยคนนี้กันอย่างถ้วนทั่ว แต่เนื่องจากนั่งอยู่ห่างพอประมาณจึง
ไม่ได้ยินเสียงสนทนาพวกเขาจึงหารู้ไม่ว่านางฟ้าที่แลดูบริสุทธ์ไร้ราคีคาวคนนี้กลับกำลังกระซิบกระซาบพูดคุยเรื่องราวรัก
ใคร่กับผู้ชายที่แสนโชคดีคนหนึ่งอยู่ซึ่งหากมีใครสักคนที่ได้ยินบทสนทนานี้เข้า ก็คงจะต้องถึงกับหัวใจแตกสลายเป็นแน่แท้

“พี่เอกบ้า … หญิงไม่เจ็บหรอกค่ะ ปกติอยู่กับพี่เอกคนเดียวทั้งคืนยังไหวเลย คราวนี้ก็มีคนอื่นมาช่วยอีกตั้งสามคน …
เมื่อเช้าแค่ระบมหน่อย ๆ แต่นอนตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงก็ไม่รู้สึกแล้วค่ะ พี่เอกไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ … พี่ฝ้ายไปเข้าเวรที่
โรงพยาบาลแล้ว ส่วนพี่ฝนตอนหญิงออกมายังนอนหลับบนโซฟาอยู่เลย ไม่รู้ตอนนี้ตื่นหรือยัง … ค่ะ งั้นหญิงจะรอเจอ
พี่เอกคืนพรุ่งนี้นะคะ … ได้ค่ะ เดี๋ยวจะส่งต่อให้คุยกับฟ้า … รักพี่เอกนะคะ”

หญิง แก้มแดงระเรื่อขณะพูดกระซิบกระซาบบอกรักผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยน้ำเสียงอันหวานฉ่ำ ซึ่งแม้ว่าฟ้าจะไม่ได้ยิน
ประโยคคำถามของพี่เอก แต่แค่เพียงได้ฟังประโยคคำตอบ ฟ้าก็ถึงกับหน้าแดงออกมาด้วยเช่นกัน เพราะพอจะคาดเดา
ได้อยู่ว่าพี่เอกสุดที่รักของพวกเธอถามถึงเรื่องอะไร พอหญิงยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ ฟ้าก็เลยอ้ำอึ้งเล็กน้อยไม่รู้ว่าจะจัดท่า
จัดทางอย่าไงดี

“ฮัลโหล …. ป่าวซะหน่อย อย่ามาขี้ตู่นะ ฟ้าไม่ได้คิดถึงพี่เอกเลยซักกะนิด …. คืนพรุ่งนี้เหรอคะ ? เอ ไปดีมั้ยน้า
เหมือนว่าฟ้าจะติดธุระซะด้วยซิ … แต่ถ้าพี่เอกอยากให้ฟ้าไปหามาก ๆ พี่เอกก็พูดอ้อนหวาน ๆ หน่อย ฟ้าก็จะยอมไปให้
ก็ได้นะคะ … คนลามก ท่าใหม่อะไรฟ้าไม่สนใจหรอก ไม่อยากคุยด้วยแล้ว แค่นี้นะคะ”

ฟ้า ยังคงเอกลักษณ์ปากไม่ตรงกับใจของตัวเองเช่นเดิม พอพี่เอกชวนให้เธอไปหาเขาพร้อมกับหญิงในคืนพรุ่งนี้ เธอก็ดีใจ
จนหน้าแดงแต่ปากก็ทำทีเป็นว่าไม่สนใจ เพราะอยากให้เขาออดอ้อน แต่กลายเป็นว่าพี่เอกของเธอก็ไม่ยอมพูดออดอ้อนให้
เธอได้ยิน แถมยังพูดจาลวนลามใส่จนเธอเขินงอนต้องกดปิดสายหนีเอาดื้อ ๆ

“อ้าว ปิดสายซะงั้น คุยเรื่องอะไรกัน แค่นิดเดียวก็หน้าแดงซะแล้วนะยัยฟ้า”

“ไม่ต้องพูดเลยนะยัยคุณหนู ก็พี่เอกของพวกเราน่ะแหละตัวดีเลย ลามกได้ตลอด พูดออกมาได้ว่าถ้าฟ้าเอาชุดว่ายน้ำไป
จะสอนท่าใหม่ให้ในสระว่ายน้ำที่คอนโด ใครจะกล้าทำล่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าล่ะเขินตายเลย”

“งั้น … ถ้าฟ้าไม่อยากทำ หญิงทำเองก็ได้นะ ดูซิว่า ‘พี่เอกของพวกเรา’ จะมีอะไรใหม่ ๆ สอนบ้าง”

“จะบ้าเหรอ ทำในสระว่ายน้ำเนี่ยนะ ไม่กลัวคนอื่นเห็นหรือไง … เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าเธอเคยทำแบบนี้มาแล้ว
ยัยคุณหนู”

“… อื้ม ก็ … เคยอยู่บ้างนิดหน่อยน่ะ”

“นิดหน่อยน่ะแค่ไหนยะ สาธยายมาให้หมดตั้งแต่เริ่มคบกับพี่เอกเดี๋ยวนี้นะ ยัยคุณหนูใจแตก ถ้าไม่ยอมบอก ฟ้าจะ
โกรธด้วย”

“ไม่เอา ไม่เล่าหรอก เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”

“ไม่ต้องมากั๊กเลยนะยัยคุณหนู เล่ามาให้ฟังเดี๋ยวนี้ กระซิบเบา ๆ ไม่มีใครได้ยินหรอก”

“จ้า ๆ เล่าให้ฟังก็ได้ … อืมมม ครั้งแรกสุดก็ … โดนพี่เอกลวนลามบนรถเมล์”

“จะบ้าเหรอ บนรถเมล์นี่นะ !!!!! แล้วคนอื่นไม่เห็นเข้าหรือไง”

“ยัยฟ้า !!! พูดเบา ๆ ซิ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินเข้าหรอก”

หญิงตีแขนฟ้าดังเพียะทีหนึ่งพร้อมกับส่งเสียงร้องห้าม แต่เหมือนจะยังดีที่ไม่มีใครได้ยินเสียงสนทนาของพวกเธอสองคน

“จ้า ๆ ขอโทษที อืม ๆ แล้วยังไงต่อ พี่เอกทำอะไรเธอบนรถเมล์น่ะ แล้ว แล้ว … เอากันบนรถเมล์เลยเหรอ?”

“จะบ้าเหรอบนรถเมล์จะทำงั้นได้ไงล่ะ พี่เอกเค้าแค่กอด แล้วล้วงมือจับโน่นจับนี่นิดหน่อยเอง”

“แล้วเป็นไงต่อล่ะยัยคุณหนู เล่าละเอียด ๆ หน่อยซิ จับโน่นจับนี่น่ะจับอะไร”

“ก็ … ตอนนั้นคนแน่นมาก พี่เอกเค้าก็กอดมาจากข้างหลัง มือนึงก็จับข้างบน อีกมือนึงก็ล้วงลงไปขยำข้างล่าง
ซักพักพี่เอกเค้าก็ปล่อย แล้วพาหญิงไปส่งที่บ้านน่ะ …”

“ข้างบนนี่คือจับนมใช่มั้ย แล้วข้างล่างก็ อึ๋ย ล้วงกันบนรถเมล์เลยเหรอ แล้วล้วงจน จน เอ่อ จนแกเสร็จเลยหรือ
เปล่าล่ะ”

“อืมม ก็ …. ก็ … ก็เสร็จไปครั้งนึงนะ”

น้องหญิงตอบเสียงกระซิบกระซาบอ้อมแอ้มอย่างแผ่วเบาด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ แต่ฟ้าก็ยังคงรุกเร้ายิงคำถามต่อไป

“กล้าจริง ๆ เลยนะยัยคุณหนู ว่าแต่แค่นั้นจริง ๆ เหรอ ? แน่ใจนะว่าไม่ได้ไปทำกันต่อที่ไหน?”

“เปล่าหรอก ก็ไม่ได้ต่อที่ไหน จบแค่ตรงนั้นแหละ”

“แล้วตอนนั้น … แบบว่า … ไม่มีอารมณ์เหรอ … แบบว่าไม่อยากโดนพี่เอกทำมากกว่านั้นเหรอ?”

“ก็อยากนะ .. ถ้าตอนนั้นพี่เอกขอให้ไปนอนด้วย … หญิงก็คงจะยอมไปนอนกับพี่เอกแน่ ๆ ”

“อืม อืม … แล้วหลังจากนั้นล่ะ มีอะไรกันอีก?”

หญิง นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เพราะเมื่อนึกเหตการณ์ย้อนกลับไป เรื่องราวที่เธออยากลืมเลือนอย่างเรื่องที่เกือบโดนข่มขืน
ก็ลอยแวบขึ้นมา ซึ่งเธอก็ตัดสินใจมองข้ามเรื่องราวเหล่านั้นไป แล้วเลือกเล่าเฉพาะเรื่องราวแสนหวานของเธอและพี่
เอกสุดที่รักออกมา

“หลังจากนั้น หญิงก็ชวนพี่เอกไปดูหนัง แล้วก็ … กอดจูบกัน แล้วหญิงก็ใช้ปากทำให้พี่เอกในโรงหนัง …”

“ยัยคุณหนู !!!! บนรถเมล์กับในโรงหนังเนี่ยนะ ทำไมเพื่อนที่สุดแสนจะเรียบร้อยของชั้นถึงได้ปล่อยตัวปล่อยใจ
ได้ขนาดนี้เนี่ย”

“ก็ … อารมณ์มันพาไปนี่นา ไม่รู้ทำไม พออยู่ใกล้ ๆ พี่เอกทีไร ใจก็หวิว ๆ แปลก ๆ ยอมเขาทุกทีเลย”

“อืม … งั้นมีอะไรอีก เล่าต่อซะดี ๆ นะยัยคุณหนูจอมลามก”

น้องหญิงคิดย้อนกลับไป โดยพยายามข้ามตอนที่ตัวเองเกือบโดนข่มขืนที่สระว่ายน้ำ และข้ามช่วงที่เกือบจะโดนคุณ
พ่อของตัวเองลักหลับไป รวมไปถึงเหตการณ์ที่โดนรุ่นพี่ฉุดไปจนเกือบโดนข่มขืนด้วย

“… หญิงมีอะไรกับพี่เอกครั้งแรกตรงสระว่ายน้ำที่บ้าน … หลังจากนั้นก็มีอะไรกันทุกวันที่คอนโดพี่เอก …
นอกจากนั้นก็มีใช้ปากทำให้พี่เอกตอนขับรถอยู่บ้าง … มีแวะจอดทำกันบนถนนข้างทางบ้าง … ทำกันในป่าบ้าง
… แล้วล่าสุดก็ในโรงแรมม่านรูดที่ฟ้าอยู่ด้วยนี่แหละ”

กระซิบกระซาบเล่าถึงตรงนี้น้องหญิงก็ถึงกับหน้าแดงไม่กล้ามองสบตาฟ้าผู้เป็นเพื่อนรัก ส่วนฟ้าเองเมื่อได้ฟังก็ถึงกับ
อึ้งในวีรกรรมของเพื่อนสาวผู้เป็นคุณหนูไฮโซคนนี้เช่นกัน เพราะไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนสาวที่สวยหวานเรียบร้อยเป็น
กุลสตรีมาตลอด จะปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้กับผู้ชายคนหนึ่งได้ถึงขนาดนี้ แต่กระนั้นเมื่อได้ลองคิดไป ฟ้าก็รู้สึกว่าเธอ
เองก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้พี่เอกไม่แพ้กัน เพราะว่าแค่วันแรก เธอก็ยอมนอนทอดกายให้เขาเชยชมเสียแล้ว

“ไม่ต้องทำเป็นเงียบเลยนะยัยฟ้า … เธอเองก็เหอะ เมื่อคืนเราเห็นนะ ตอนที่ไปทำกับพี่เอกที่นอกระเบียงห้องน่ะ”

“ก็ตอนนั้นมันปิดไฟมืดแล้วนี่นา อยู่ชั้นสูงด้วย ไม่มีใครแอบมองหรอก แล้วเราก็ทนพี่เอกอ้อนไม่ได้… แต่เธอน่ะแหละ
ไปทำกันในห้องครัวประเจิดประเจ้อ เดี๋ยวน้องเมย์ กับน้องมายด์ มาเห็นเข้าล่ะก็เป็นเรื่องเลยนะ”

“ไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนั้นก็ปิดไฟมืดแล้ว แถมน้องเมย์ กับน้องมายด์ก็หลับแล้วด้วย ไม่มีใครแอบมองหรอก”

หญิง พูดกระซิบใช้ประโยคเดียวกันกับฟ้าเป็นการย้อนกลับ โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าเกมรักของพวกเธอและพี่เอกนั้น อยู่ใน
สายตาของน้องเมย์กับน้องมายด์แทบจะตลอดเวลา

“ฮึ ยัยคุณหนูไม่ต้องมาย้อนเลยนะ … เอ ว่าแต่ … เราถามอะไรอย่างซิ … เมื่อคืนเห็นตอนที่พี่เอกทำกับพี่ฝน
บนโซฟาหรือเปล่า”

“อืมม ก็เห็นอยู่นะ มีอะไรเหรอ”

“… แล้วหญิงเคยโดนพี่เอกทำแบบนั้นบ้างหรือเปล่าล่ะ”

“บนโซฟาน่ะเหรอ ก็เคยทำนะ”

“เปล่า ไม่ได้หมายถึงบนโซฟา … ฟ้าหมายถึงที่พี่เอกจับพี่ฝนยืนโก้งโค้ง แล้วก็ … แล้วก็ทำทางประตูหลังน่ะ”

“ก็เคยนะ ทำไมเหรอ”

“แล้ว … แล้ว โดนแบบนั้นเจ็บหรือเปล่า หรือรู้สึกยังไง มันดีมั้ย”

“อีะ ๆ ที่แท้ก็อยากโดนแบบนั้นบ้างนี่เอง งั้นหญิงไม่บอกหรอก รอให้ฟ้าโดนเองดีกว่า … แบร่ แบร่”

“บ้าเหรอ เราไม่ได้อยากทำซะหน่อย …. ก็แค่ถามเพราะอยากรู้เฉย ๆ หรอก”

หญิงหัวเราะคิกคักใส่ฟ้าที่กำลังหน้าแดงกว่าเดิม กิริยาที่สองสาวหยอกล้อหัวเราะงอนง้อใส่กันนั้น หากมองดูจากมุม
ของบุคคลภายนอกที่ไม่ได้ยินบทสนทนาแล้วกลับยิ่งแลดูบริสุทธ์น่ารักสดใสสะกดจนหลายคนถึงกับเคลิบเคลิ้มเหม่อ
ลอยไปถึงไหนต่อไหน แต่กลับไม่มีใครรับรู้เลยสักคนว่าสองนักศึกษาสาวแสนสวยคู่นี้กำลังสนทนาเรื่องบนเตียงกันอยู่
และก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าในขณะที่นักศึกษาชายหลายคนกำลังจ้องมองเรือนร่างของน้องหญิงด้วยดวงตาหื่นกระหายกลัด
มันอยู่นั้น สองนักศึกษาสาวเพื่อนรักก็เริ่มคิดถึงชายหนุ่มสุดที่รัก และเริ่มบังเกิดอารมณ์รักจนชุ่มฉ่ำเข้าเสียแล้ว

“ยัยคุณหนู … แล้ว อืมม … คือ … ฟ้าเคยบังเอิญอ่านเจอในนิตยสารมาน่ะ … เค้าเขียนว่าผู้ชายส่วน
ใหญ่จะ … เอ่อ … จะเสร็จได้อย่างมากก็แค่วันละสี่ห้าครั้ง … เอ่อ ไม่ได้ตั้งใจอ่านนะ แค่บังเอิญเคยอ่าน
ผ่านตา … แล้ว แล้ว ฟ้าก็เลยสงสัยว่า ทำไมพี่เอกถึงได้เสร็จได้ตั้งหลายครั้ง แถมสามวันที่ผ่านมามีอะไรกับพวก
เราทั้งสี่คนจนเสร็จไปไม่รู้กี่ครั้ง แต่พี่เอกก็ยังทำได้ต่อเรื่อย ๆ เหมือนไม่มีวันเหนื่อยไม่มีวันหมดแรงเลย ฟ้าก็เลยนึก
สงสัยน่ะ”

“อ๊ะ ๆ นิตยสารที่บอกว่าบังเอิญผ่านตาน่ะ นิตยสารเล่มไหนกันจ๊ะ อย่าบอกนะว่าสาวหมวยหมัดหนักอย่างเธอสนใจ
อ่านเรื่องพวกนี้ด้วย”

“ไม่ต้องมาเซ้าซี้เลย เรื่องนั้นช่างมันเหอะ ว่าแต่เธอไม่สงสัยบ้างหรือไง ว่าทำไม พี่เอกมีเรี่ยวแรงทรหดอะไรขนาดนั้น
แล้วเธอจำเมื่อวันก่อนได้มั้ย ที่พี่เอกมาช่วยพวกเราสองคน แล้วจับไอ้กระเทยควายนั่นเหวี่ยงขึ้นไปบนบ้านชั้นสองน่ะ
ฟ้ายังจำได้ติดตาเลยนะ ไอ้กระเทยควายคนนั้นต้องหนักกว่าร้อยกิโลแน่ ๆ แต่พี่เอกของพวกเราก็จับเหวี่ยงขึ้นไปบน
บ้านชั้นสองที่ห่างออกไปเกือบสิบเมตรได้สบาย ๆ …คนธรรมดาไม่มีใครทำแบบนี้ได้หรอก … ฟ้าก็เลยสงสัยว่า
พี่เอกต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ เลย … ยัยคุณหนูเธอสารภาพมาซะดี ๆ นะ ว่าพี่เอกของพวกเรา เป็น super
man หรือ ซูปเปอร์ฮีโร่ อะไรที่ไหนหรือเปล่า บอกฟ้ามาซะดี ๆ นะ”

ฟ้าสาวหมวยหมัดหนักผู้รักการต่อสู้ และความแข็งแกร่งเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อถามถึงตรงนี้ก็หันไปมองหญิงด้วยดวงตา
เปล่งประกายแวววาวคาดหวัง ราวกับเธอได้ยึดถือพี่เอกสุดที่รักของเธอเป็นซุปเปอร์ฮีโร่เหนือมนุษย์ที่เธอใฝ่ฝันอยาก
ได้เป็นแฟนเข้าให้เสียแล้ว

น้องหญิง เมื่อรับฟังถึงตรงนี้ ก็ต้องหวนคิดย้อนกลับไปอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยสงสัยในความพิเศษของผู้ชายที่เธอ
รักที่สุดในโลกคนนี้เพียงแต่เธออยากให้เขาเป็นคนพูดออกมาเองโดยที่เธอไม่ต้องถาม เธอนึกย้อนกลับไปตอนที่พี่เอก
จัดการบรรดาโจรร้ายที่บ้านของเธอรวมไปถึงเหตการณ์ที่เธอโดนรุ่นพี่ที่มหาลัยฉุดไป และสุดท้ายก็คือเหตการณ์เมื่อสี่
วันก่อนที่เธอและฟ้าเกือบจะโดนอาจารย์พิชัยข่มขืนเหตการณ์ทุกครั้งที่ผ่านมา พี่เอกของเธอจะสามารถไปช่วยเหลือ
ได้ทันท่วงทีตลอด ไม่เช่นนั้น เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทุกวันนี้เธอจะต้องอยู่อย่างขมขื่นทรมาณเพียงใด ดังนั้นหากฟ้า
จะถามว่าพี่เอกของเธอเป็นฮีโร่หรือเปล่า เธอก็คงจะตอบไปอย่างเต็มปากว่า ใช่ พี่เอกคือฮีโร่เพียงคนเดียวในใจของเธอ
แต่กระนั้นด้วยการที่เธอเป็นเด็กอัจฉิริยะเรียนดี จึงมองสรรพสิ่งเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ และไม่กล้ายอมรับเรื่องราว
ที่อธิบายไม่ได้

“Super man งั้นเหรอ … ยัยฟ้า เธอนี่บ้าหนังซุปเปอร์ฮีโร่เหมือนเดิมเลยนะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วนี่ ที่เธอฝันว่า
อยากมีแฟนเป็นซุปเปอร์แมนคอยให้กำลังใจเขาออกไปปราบเหล่าร้าย … แต่ว่าพี่เอกคงไม่ใช่หรอกมั้ง ที่แข็งแรง
ขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะแรงกระตุ้นเหมือนตอนคนยกของหนีไฟไหม้มากกว่า หญิงเคยอ่านเจอนะ ว่าคนเราใช้พลัง
จริง ๆ ได้แค่ 30% ที่มี ส่วนอีก 70% ที่เหลือ จะใช้ได้ตอนภาวะฉุกเฉิน”

“โห ไม่ต้องเอาหลักวิทยาศาสตร์มาอธิบายเลย 30% อะไรที่ไหน รู้มั้ยว่าถ้าอยากจะเหวี่ยงคนหนักร้อยกิโลให้ปลิวขึ้น
ไปบนบ้านชั้นสองที่อยู่ห่างออกไปเป็นสิบเมตรน่ะใช้คนสิบคนช่วยกันเหวี่ยงยังทำไม่ได้เลย แล้วนี่พี่เอกใช้แค่แขนเดียว
ยกสบาย ๆ คิดยังไงก็ไม่น่าเชื่อพี่เอกก็ไม่ได้ล่ำเวอร์แบบพวกนักยกน้ำหนักซะหน่อย แค่มีกล้ามเนื้อสมส่วนกำลังดีแค่
นั้นเอง … ฮึ ฟ้าว่าพี่เอกต้องเป็นซุปเปอร์แมนแน่ ๆ ไม่งั้นผู้ชายที่ไหนจะหุ่นเป๊ะเวอร์ขนาดนี้ ไม่ล่ำจนน่าเกลียด
แต่เนื้อแน่นกำลังดี ซิกซ์แพคงี้ กล้ามแขนงี้ แผงหน้าอกงี้ โดยเฉพาะตรงนั้นนะทั้งใหญ่ทั้งแข็งแรง เห็นทีไรรู้สึกมัน
เขี้ยวอยากกระโดดเข้าไปกัดทุกทีเลย … อุ๊ย … ปล่าวนะ ฟ้าหมายถึงว่า ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นน่ะ ฟ้าไม่ได้อยาก
กัดเองนะ”

หญิงเริ่มรู้สึกได้ถึงอารมณ์อันวูบวาบเมื่อมองแววตาอันวาบหวามของฟ้าที่กำลังบรรยายถึงพี่เอกด้วยความหลงไหล แม้ว่า
ฟ้าจะพยายามพูดจากลบเกลื่อนคำพูดที่เผลอปล่อยออกมา แต่นั่นก็เป็นไปตามนิสัยปากไม่ตรงกับใจของฟ้าตามปกติ
ในความเป็นจริงก็คือ ฟ้า และ เธอ ต่างก็กำลังหลงรักผู้ชายคนนี้อย่างหัวปักหัวปำพอกัน และเพียงแค่นึกภาพไปตาม
คำพูดของฟ้าแล้ว หญิงก็รู้สึกหวิว ๆ ที่ปลายถัน ด้านล่างก็เริ่มเปียกชุ่มจนแทบทนไม่ได้ รู้สึกอยากชวนฟ้าขับรถไปหา
พี่เอกที่บางแสนเสียตอนนี้เลย แต่กระนั้นด้วยมีรายงานกองใหญ่รออยู่ เธอจึงได้แต่ชักชวนให้ฟ้าพูดคุยเรื่องอื่นกัน
ก่อนที่เธอจะอดใจตัวเองไม่ไหวจนต้องไปหาฮีโร่ของเธอ

…………………………………………………………….

ชายหาดบางแสน

ม่านความมืดแห่งรัตติกาลโรยตัวลงมาครอบคลุมสรรพสิ่งเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ท้องทะเลสีฟ้าครามอันสวยงาม
ค่อยเริ่มผันเปลี่ยนเป็นห้วงแห่งความมืดหม่นอันน่าพรั่นพรึง เสียงร้องโห่ฮาของผู้คนในช่วงกลางวัน ล้วนหายมลายสิ้น
หลงเหลืออยู่แต่เพียงเสียงของเกลียวคลื่นที่ม้วนสาดซัดเข้าฝั่ง และเสียงของสายลมที่พัดหวีดหวิวไปมาอยู่เบื้องบน

เอก นอนหลับตาพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์บนเตียงผ้าใบ เวลานี้เขารู้สึกคล้ายดำรงคงอยู่ระหว่างความมืดมิดและแสงสว่าง
เบื้องหน้าของเขาเป็นท้องทะเลอันมืดมิดที่ไร้ผู้คน หากขณะที่ด้านหลังห่างออกไปก็เป็นโรงแรมห้าดาวที่เปิดแสงไฟนีออน
จนสว่างเจิดจ้าราวกับเป็นเวลากลางวัน

ชายหนุ่มแม้จะนอนอยู่ในท่วงท่าอันผ่อนคลาย หากกระนั้นเขากลับรู้สึกว่าประสาทสัมผัสของเขากลับกำลังตื่นตัวเต็มที่อย่าง
ไม่เคยเป็นมาก่อน พลังลึกลับในร่างกายคล้ายจะเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเดิม สัมผัสต่าง ๆ ก็คล้ายยิ่งเฉียบแหลมมากขึ้นตาม
ไปด้วย แม้จะหลับตาอยู่ แต่สายลมที่พัดผ่าน และการสั่นสะเทือนอันบางเบาของอากาศที่อยู่รอบข้างกลับทำให้ชายหนุ่ม
รับรู้ได้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกาย

เขาสัมผัสได้ถึงปูตัวน้อยที่กำลังขุดรูมุดลงไปในดินทราย สัมผัสได้ถึงสภาพการส่ายไหวของยอดต้นมะพร้าวที่อยู่ห่างออก
ไปเกือบร้อยก้าว ได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกและคำพูดสนทนาของผู้คนที่อยู่ห่างออกไปได้อย่างชัดเจน ทั้งยังมองเห็นภาพ
สองวิญญาณเด็กน้อยรักยมที่วิ่งย่ำตะบึงลงไปในท้องทะเลอย่างคึกคะนองได้โดยมิต้องลืมตาขึ้นมาดู ที่ด้านข้างก็สัมผัสได้
ถึงท่วงท่าการพลิกตัวอย่างยั่วเย้าของนางตะเคียนที่สะบัดผ้าสไบมาใส่ชุดว่ายน้ำนอนเล่นอยู่บนเตียงผ้าใบอีกผืนได้อย่างแจ่มชัด

จิตของชายหนุ่ม สะดุดอยู่กับหย่อมถุงขยะพลาสติคซึ่งปลิวว่อนตามแรงลมอยู่บนชายหาด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยรู้สึกขัดใจ
ในความมักง่ายของผู้คนที่ทิ้งขยะจนทำลายบรรยากาศอันสวยงามวิจิตรแห่งท้องทะเลตามธรรมชาติ มันเกือบจะเป็นความรู้สึก
เกรี้ยวกราดอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าตัวเขาเองเป็นท้องทะเลที่โดนทำให้สกปรกแปดเปื้อนก็มิปาน

เอก ที่ยังคงนอนหลับตาอยู่ พลันยกมือขวาขึ้นเล็กน้อย กระแสเวทย์มนตราโดนปลดปล่อยหลอมกลืนเข้ากับห้วงอากาศ
เพียงชั่วพริบตากระแสลมที่แผ่วพลิ้วไปตามธรรมชาติพลันเปลี่ยนผันพลิกพริ้วไปมา บังเกิดกระแสลมหมุนเล็ก ๆ สี่ลูกหมุน
วนครอบคลุมกองขยะพลาสติคเหล่านั้น กระแสลมค่อยหมุนทวีวนแรงขึ้นจนพัดพาถุงขยะหมุนคว้างลอยวูบขึ้นไปด้านบน

เมื่อชายหนุ่มขยับมือเล็กน้อย กระแสลมหมุนนั้นก็ขยับวูบลอยตาม ถุงขยะโดนพัดปลิวว่อนราวกับโดนมือของเขาจับกุมเอาไว้
และเมื่อชายหนุ่มสะบัดมือวูบหนึ่ง กระแสลมหมุนทั้งสี่ลูกนั้นก็พัดพาขยะลอยวูบมารวมกันเป็นลมหมุนลูกใหญ่หนึ่งลูก จากนั้น
ก็ลอยลิ่วนำพาขยะทั้งหลายปลิวลงไปในถังขยะ แล้วสลายหายวับกลับกลายกลืนหายเป็นสายลมอันแผ่วเบาแห่งท้องทะเลเฉก
เช่นที่มันเคยเป็น

‘โอ … ยอดรักของข้า ที่แท้เจ้ากลับสามารถบรรลุควบคุมวายุเวทย์ได้ถึงเพียงนี้แล้วเชียวรึ … เช่นนี้ นับว่าการฝึกฝน
เจ็ดธาตเวียนวน ที่อ้ายเด็กทะโมนเหลือขอทั้งสองตัวนั่นให้กระทำ ถือว่าได้ผลลัพธ์ดียิ่ง’

วิญญาณนางตะเคียนในสภาพสวมใส่ชุดว่ายน้ำสีเขียวสดใส พลิกเรือนร่างอันโค้งเว้าตะแคงหันมาพูดจากับเอกด้วยแววตา
ตื่นเต้นชื่นชมยินดีกระนั้นก็ยังคงไม่วายแอบพูดเหน็บแหนมรักยมที่กำลังวิ่งเล่นตะบึงอยู่ในท้องทะเล โดยที่ไม่มีคนธรรมดา
มองเห็น

‘เจ็ดธาตเวียนวน ? คืออะไรครับพี่แก้ว ? ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนมีพลังเวทย์เพิ่มขึ้น แล้วก็เหมือนจะสัมผัสสายลมได้ดีขึ้น’

เอก ส่งกระแสจิตถามโดยยังคงไม่ลืมตาขึ้นมอง คล้ายกับยังไม่อยากตื่นจากภวังค์ที่หลอมกลืนไปกับกระแสลมแห่งธรรมชาติ

‘จากวาจาของอ้ายลิงทะโมนทั้งสองตัวนั่น เจ็ดธาตเวียนวน เป็นหลักการของมหาเวทย์คัมภีร์เจ็ดธาตอันเก่าแก่ลึกซึ้ง เป็น
บทที่ว่าด้วยการปรับธาตทั้งเจ็ดให้สมดุลย์ โดยอาศัยการซึมซับปรับแต่งธาตผ่านหญิงสาวที่เหมาะสมอย่างน้อยเจ็ดนาง’

นางตะเคียนหยุดชะงักเล็กน้อย แล้วลอยวนมานอนนิ่งอยู่เหนือร่างกำยำของเอกด้วยท่วงท่าคล้ายกับการคลอเคลียของชาย
หญิง ซึ่งแม้ว่าร่างวิญญาณของเธอจะมิอาจสัมผัสถูกร่างเลือดเนื้อของชายหนุ่มได้ แต่นางตะเคียนก็หลับตาพริ้มอย่างพึงพอ
ใจ แล้วค่อยเริ่มเล่าความต่อ

‘อันดับแรก ต้องกล่าวแบ่งแยกให้ชัดแจ้งก่อน ว่าเจ้ามีพลังอยู่สองขุมที่แยกกันอยู่ อันดับแรกคือพลังเวทย์พื้นฐานในกาย
ที่จะค่อยเพิ่มพูนขึ้นเมื่อได้เสพราคะกับหญิงสาว ซึ่งส่วนนี้มิได้เกี่ยวข้องเวทย์ธาตที่ข้าเพิ่งกล่าวไปเมื่อครู่ หากจะกล่าวถึง
เวทย์ธาตคงต้องกล่าวย้อนกลับไปตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งว่าด้วยการที่ทุกสรรพสิ่งกอปรไปด้วยส่วนย่อยของธาตพื้นฐาน ตามหลัก
การคัมภีร์แต่ละเล่มนั้นอาจจะแบ่งแยกแตกต่างออกไป เช่นอาจจะมองว่ามีเพียงสี่ธาตดินน้ำลมไฟ หรืออาจจะหลักห้าธาต
ที่มีที่มาจากประเทศจีน หากแต่สำหรับคัมภีร์เจ็ดธาตนั้นกลับเก่าแก่กว่านั้น โบราณกว่านั้น ทั้งยังมิได้ถูกจารึกด้วยภาษาไทย
ขอม หรือ เขมร แต่กลับเป็นภาษาโบราณที่แทบสูญหายไปเมื่อนานแสนนาน’

นางตะเคียนเว้นวรรคไปช่วงหนึ่ง จากนั้นค่อยเล่าต่อ

‘คัมภีร์เจ็ดธาต แบ่งแยกธาตพื้นฐานเป็น หนึ่งแก่นแท้ สี่ธาตหลัก สองธาตเริ่มต้น … หนึ่งแก่นแท้ คือธาตแห่งจิต
วิญญาณ หนึ่งสรรพสิ่งมีหนึ่งจิตวิญญาณ เช่นตัวเจ้ามีหนึ่งจิตวิญญาณ และตัวข้าที่ไม่มีร่างเนื้อก็มีหนึ่งจิตวิญญาณ หาก
ไร้ซึ่งวิญญาณก็จักไร้ซึ่งความรู้สึกนึกคิด ไร้ซึ่งการรับรู้ตอบสนอง … สำหรับสี่ธาตหลักนั้นเจ้าอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง
มันประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ … ธาตหลักทั้งสี่ประกอบผสมรวมให้เกิดสรรพสิ่งที่จับต้องได้ เช่น ทรายเบื้องหน้า
ก็คือธาตดิน น้ำทะเลก็คือธาตน้ำ … ต่างธาตต่างผสมปนเปพึ่งพาหักล้างกัน เช่น ต้นไม้เกิดจากดินและน้ำผสมปนเปกัน
แต่ต้นไม้ก็มิอาจอยู่ได้หากไร้ซึ่งอากาศแห่งธาตลม ทั้งยังมิอาจอยู่ได้หากขาดซึ่งการสังเคราะห์แสงที่ถือเป็นพลังงานแห่ง
ธาตไฟ … เจ้าเข้าใจหรือไม่’

‘ธาตวิญญาณ … ดิน น้ำ ลม ไฟ … ธาตวิญญาณนี่หมายถึงพลังเวทย์พื้นฐานหรือเปล่าพี่แก้ว’

‘เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว ยิ่งจิตวิญญาณแข็งแกร่ง พลังเวทย์ก็ยิ่งเพิ่มพูน หากแต่นั่นมิได้เกี่ยวกับธาตอื่น ๆ’

‘แล้วสองธาตเริ่มต้น ที่เหลือคืออะไร?’

‘สองธาตเริ่มต้น เชื่อกันว่าเป็นธาตพื้นฐานตั้งแต่ก่อเกิดจักรวาล เป็นธาตที่มิอาจสัมผัสได้โดยง่าย หากแต่มันก็ดำรงคงอยู่
แทรกซึมอยู่ในทุกสรรพสิ่ง ซึ่งก็คือธาตแห่งแสงสว่าง และความมืด คนทั่วไปมักจะถือว่าแสงสว่างคือความดี ความมืดคือ
ความชั่วช้า หากแต่ความจริงแล้วธาตแห่งแสง และความมืด มิได้สะท้อนความดีหรือความชั่วช้าใด ๆ ธาตแห่งแสงเพียง
แทนสัญลักษณ์แห่งการเกิดและดำรงคงอยู่ ส่วนธาตความมืดนั้นเป็นธาตแห่งการแตกดับเสื่อมสูญสลาย ซึ่งเป็นวัฏจักรแห่ง
ธรรมชาติ มีเกิดและมีสูญสลาย แต่ผู้คนมักยึดถือเป็นความดีและความชั่ว โดยมิเคยนึกคิดเลยว่า แสงสว่างก็อาจจะชั่วช้า
หรือความมืดอาจเป็นนักบุญก็๋ได้ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นความดีความเลวมิได้ขึ้นกับตัวธาตวัตถุ หากแต่เป็นผลจากการกระทำของ
จิตวิญญาณซึ่งยึดถือเป็นหนึ่งแก่นแท้’

‘…. อืมมม … สรุปว่า มีธาต วิญญาณ ดิน น้ำ ลม ไฟ แสง แล้วก็ความมืด ทั้งหมดเจ็ดอย่าง … อย่างงี้ถ้า
ควบคุมได้ทั้งเจ็ดธาต ก็ทำอะไรได้ทุกอย่างเหมือนเป็นเทพเจ้าเลยน่ะซิ’

‘สิ่งที่เจ้าว่ากลับถือเป็นจุดมุ่งหมายอันสูงสุดของทุกลัทธิศาสนา การมุ่งหลุดพ้นก็คือการสลัดหลุดพ้นจากการควบคุมของ
ธาตทั้งเจ็ด ซึ่งข้าเองก็มิอาจทราบว่าหากกระทำเช่นนั้นได้จักมีสภาพเช่นไร หากแต่สิ่งที่เรารู้ก็คือไม่ว่าจะเป็นรุกขเทวดา
บนสรวงสวรรค์ก็ยังคงไม่อาจหลุดพ้นจากธาตแห่งวิญญาณและธาตแห่งแสงได้ กล่าวคือ เทวดาเพียงกอปรด้วยพลังวิญ
ญาณที่ละเอียดกว่า ทั้งยังกอปรด้วยพลังแห่งธาตแสงเป็นหลักส่วนบรรดาภูติผีปีศาจก็อยู่ในด้านตรงข้าม แต่ก็ยังคงอยู่
ในธาตวิญญาณซึ่งเป็นแก่นแท้ และผสมผสานด้วยธาตความมืด … สำหรับวิญญาณภูติผีทั่วไป มักจะมีแต่เพียงวิญ
ญาณ โดยมิมีธาตอื่นมาเกี่ยวข้อง … แต่ก็อาจจะมียกเว้นอยู่บ้างเช่นวิญญาณของตัวข้า ที่มีพลังแห่งธาตดินและน้ำ
ผสมปนเปกันจนสามารถสื่อสารกับบรรดาต้นไม้ใบหญ้าได้ ส่วนเจ้ารักยมทั้งสองนั้นมีแต่เพียงธาตวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่ง’

‘แล้วทำไงถึงจะได้สามารถควบคุมได้ทั้งเจ็ดธาตล่ะครับพี่แก้ว’

เอก ลืมตาขึ้นมองร่างวิญญาณสีเขียวจางของนางตะเคียนด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น และในขณะเดียวกันเขาก็กำลัง
ควบคุมลมหมุนเล็ก ๆ สองลูกวิ่งวนบนฝ่ามือและแขนไปด้วยพร้อมกัน

‘เรามิทราบ เจ้ารักยมก็คงมิอาจทราบ … หากจะมีใครทราบก็อาจจะเป็นมหาบุรุษผู้หนึ่งที่ตรัสรู้ในสรรพสิ่งเมื่อสอง
พันห้าร้อยกว่าปีก่อน’

นางตะเคียนหยุดนิ่งเล็กน้อย เมื่อเห็นดวงตาที่ทอประกายผิดหวังของชายหนุ่ม เธอก้มลงไปจูบปากของเขาอย่างแผ่วเบา
โดยที่มิอาจสัมผัสร่างเนื้อก่อนกล่าวอธิบายต่อ

‘ควรทราบว่า ธาตแต่ละธาตสามารถส่งเสริมกัน และก็สามารถหักล้างกันอย่างรุนแรง เช่น น้ำมิอาจอยู่ร่วมกับไฟ ลมมิ
อาจอยู่ร่วมกับดิน แสงมิอาจอยู่ร่วมกับความมืด หากจะมีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ร่วมกันได้กับทุกอย่างก็คือธาตแห่งจิตวิญญาณ
เพียงเท่านั้น … หนึ่งจิตวิญญาณอาจควบคุมธาตได้สองสามธาตที่ไม่ขัดแย้งกัน เช่น แสง ลม ไฟ หรืออาจจะเป็น
ความมืด น้ำ ดิน ซึ่งเท่าที่ข้ารู้ มีแต่เพียงผู้ที่ตรัสรู้สิ้นจึงสามารถกระทำการควบคุมบงการทุกสรรพสิ่งได้ … ยกตัว
อย่างเช่นตัวเจ้าซึ่งสมบูรณ์ไปด้วยวายุเวทย์ เจ้าอาจจะเรียนรู้ใช้งานธาตอื่นใดก็ได้ ยกเว้นก็แต่เพียงธาตดินที่อยู่ด้าน
ตรงข้าม กระนั้นก็เพียงกล่าวได้ว่า “อาจจะ” เท่านั้น เพราะมีคนเพียงหนึ่งในล้านที่สามารถสัมผัสพลังธาตได้สักหนึ่ง
ธาต และจากจำนวนั้นก็จะมีอีกเพียงน้อยนิดที่สามารถสัมผัสได้มากกว่าหนึ่งธาต’

‘แสดงว่ายากมาก น่าเสียดายจัง งั้นเอาไว้ให้รักยมกับพี่แก้วสอนผมลองฝึกควบคุมธาตอื่นดูบ้างก็แล้วกัน’

‘ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ การควบคุมธาตมิใช่เรื่องที่สามารถฝึกปรือกันได้ สิ่งนี้เป็นคล้ายพรสวรรค์ ที่หากกระทำได้
ก็สามารถกระทำได้เองโดยมิต้องสอน อาจจะเพียงต้องอาศัยการฝึกฝนเพื่อให้สามารถใช้งานได้ดียิ่งขึ้น แต่หากไม่สามารถ
สัมผัสได้ ไร้ซึ่งพรสวรรค์ ก็มิอาจสื่อสารบงการธาตเหล่านั้นได้ ตัวอย่างเช่นเจ้า ที่สามารถควบคุมลมวายุได้ ก็เป็นเพราะ
ตัวเจ้าเองมีพื้นฐานแห่งธาตลม อีกทั้งยังประสบเรื่องราวมหัศจรรย์ได้พบเจอจิตวิญญาณแห่งมหาวายุในโลกแห่งจิตวิญญาณ
เจ้าจึงสามารถสื่อสารกับธาตลมได้เช่นนี้’

‘…. งั้นถ้าไปในโลกวิญญาณอีกครั้ง แล้วไปเจอกับวิญญาณของดิน น้ำ ไฟ แสง หรือ ความมืดอีก ผมก็จะใช้พลัง
พวกนั้นได้หรือเปล่า?’

‘เจ้าช่างละโมบโลภมากเกินไปแล้วกระมังยอดรักของข้า … การเข้าไปในโลกวิญญาณทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นมิใช่เรื่องง่าย
เช่นที่เจ้าคาดคิด ขอเพียงผิดพลาดเพียงชั่ววูบ พันธะแห่งกายเนื้ออาจสลายสิ้นได้ทุกเมื่อ โอกาสที่คนจะสามารถถอดจิต
เข้าไปในโลกแห่งวิญญาณได้แล้วกลับมาอย่างปกตินั้น กล่าวได้ว่าต่อให้มีจิตสมาธิระดับสูงก็ยังต้องกระทำการสักร้อยครั้ง
แล้วสำเร็จเพียงหนึ่งครั้ง … ยิ่งนับเรื่องมหัศจรรรย์ที่จะได้พบเจอเข้ากับมหาวิญญาณอันบริสุทธ์ของธาตทั้งหลายแล้ว
สามารถรอดจากการถูกดูดกลืนได้ ก็ยิ่งต้องบอกว่ากระทำการสักล้านครั้ง คงเคราะห์ดีได้พบเจอเข้าสักครา… จงอย่า
ได้คิดเสี่ยงอีกเชียวเจ้าหนุ่มน้อยของข้า’

‘… แล้วที่บอกว่าเจ็ดธาตวนเวียน คืออะไรล่ะครับพี่แก้ว?’

‘ก่อนจะเริ่มเจ็ดธาตวนเวียน คงต้องกล่าวให้ชัดแจ้งก่อนว่า พลังธาตลมของเจ้าที่มีสูงกว่าธาตอื่นอย่างเห็นชัดนั้น เปรียบ
เช่นเสาธงของธาตลมที่ตั้งตระหง่านอยู่เพียงธาตเดียว หากเอาแต่เพิ่มความสูงของยอดธง สักวันธงนั้นก็จะง่อนแง่นไม่มั่น
คง อาจเพียงถึงขั้นไม่แน่วนิ่ง หรืออาจจะร้ายแรงถึงขั้นพังทลายหายมลายสิ้น … เหตนี้ การที่จะทำให้พลังแข็งแกร่ง
กว่าเดิม หรือทำให้ยอดธงสูงกว่าเดิมนั้น มิใช่เพียงแค่การต่อเติมไปข้างบน หากแต่ยังรวมไปถึงการเติมแต่งเสริมสร้างราก
ฐานให้แข็งแรงกว่าเดิม เพื่อรองรับความสูงส่งของพลังอีกด้วย … พูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ การที่จะทำให้พลังธาตลมของ
เจ้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เจ้าจำเป็นจะต้องดูดซับปรับพลังธาตอื่น ๆ ให้เป็นพื้นฐานไว้รองรับด้วย แม้อาจจะเรียกใช้โดยตรง
มิได้ แต่ก็จักมีประโยชน์นับเอนกอนันต์ในภายหลัง’

‘สรุปว่าต้องเสริมพื้นฐานให้แน่น ว่างั้น โอเคครับสมเหตสมผล แล้วต่อไปยังไงต่อ’

‘ทุกสรรพสิ่งกอปรด้วยธาตทั้งเจ็ดผสมผสานในสัดส่วนที่แตกต่างกัน มนุษย์ก็เช่นกัน มีจิตวิญญาณเป็นแกนกลาง ร่าง
เลือดเนื้อกอปรด้วยส่วนผสมของ ดิน น้ำ ลม ไฟ มีธาตแสงช่วยในการก่อเกิดเติบโต มีธาตมืดในการเสื่อมสลาย หาก
แต่ทุกธาตจะคงอยู่ในระดับของจุดสมดุลย์ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น … ในผู้คนนับล้านคนอาจจะมีสักคนที่มีธาตโดด
เด่นเช่นตัวเจ้าที่มีธาตลม ซึ่งผู้คนส่วนมักจะไม่รู้ตัว และไม่สามารถควบคุมพลังนั้นได้แต่ก็กล่าวสรุปได้ว่า บางคนมีธาต
อันโดดเด่นอยู่บ้าง และ หญิงสาวที่มีธาตอันโดดเด่นเหล่านั้นเอง คือกุญแจสำคัญของหลักการเจ็ดธาตวนเวียน ที่สามารถ
เสพผสมผสานรวมปรับฐานรากแห่งพลังธาตให้เจ้า … ทุกครั้งที่ร่วมรักตามหลักเจ็ดธาตวนเวียนกับหญิงสาวนางหนึ่ง
ธาตในกายของเจ้าที่ตรงกันกับธาตของหญิงสาวผู้นั้นจะปรับเพิ่มพูนขึ้นส่วนหนึ่ง เช่น หากเจ้าร่วมรักกับหญิงสาวธาตไฟ
ธาตไฟในกายเจ้าก็จะแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้น และหากร่วมรักกับหญิงสาวครบเจ็ดธาตเจ้าก็จะสามารถปรับสมดุลย์ธาตได้จน
พื้นฐานแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ‘

‘เอ๊ะ … งั้นก็หมายความว่า … เข้าใจแล้ว คำว่าผู้หญิงที่เหมาะสมก็คืออย่างงี้นี่เอง … งี้ก็แสดงว่าพวกน้องหญิง
น้องฟ้า ฝน ฝ้าย น้องเมย์ น้องมายด์ เป็นผู้หญิงที่มีพลังธาตโดดเด่น … พอผมปรับสมดุลย์ธาตกับพวกเธอ ก็เลยทำ
ให้พื้นฐานผมแน่นขึ้น สามารถใช้พลังลมได้ดีขึ้น แล้วก็ยังมีพลังเวทย์ที่เป็นธาตวิญญาณสูงขึ้นด้วย … สรุปอย่างงี้ถูก
ใช่มั้ยครับพี่แก้วสุดสวย’

‘คิก คิก … ว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ซิ สมแล้วที่เป็นผู้ชายของข้า’

‘ว่าแต่ … ถ้าแต่ละคนมีธาตเด่นหนึ่งอย่าง แล้วคนไหนมีธาตอะไรบ้างล่ะเนี่ย’

‘เจ้าจักลองคาดเดาดูมั้ยเล่า การมีธาตเด่นใด ผู้นั้นก็มักจะมีลักษณนิสัยเด่นคล้ายธาตนั้น ๆ ตัวอย่างเช่นเจ้าที่มีธาตลม
ก็จะมีนิสัยเฉื่อยแฉะ ปล่อยตัวตามสบาย ไม่ค่อยยึดติดกับสิ่งใด’

‘โห พี่แก้ว ปล่อยตัวตามสบายนี่ยังพอไหวนะ แต่เฉื่อยแฉะนี่มันฟังดูยังไงอยู่’

‘คิก คิก … ยังจะเถียงอีก ว่าแต่อยากจะลองคาดเดาดูมั้ยเล่าว่าผู้หญิงของเจ้าใครเป็นธาตไหนบ้าง’

‘อืมมม … ธาตลม ปล่อยตัวตามสบายไม่ยึดติดเหรอ … งั้นเดาว่าน่าจะเป็นฝน … ดูเธอสบาย ๆ ปล่อยตัวไป
ตามเหตการณ์ดี’

‘ไม่เลวทีเดียว เจ้าเดาได้ถูกต้อง … คนต่อไปล่ะ’

‘ธาตไฟ .. ใจร้อนหรือเปล่า … น่าจะเป็นน้องฟ้าแน่ รายนั้นเจอใครไม่พอใจเป็นอัดแหลก’

‘ถูกต้อง ยอดเยี่ยม ต่อไป’

‘…. ต่อไปใครล่ะ …. น้องหญิง ถ้าบอกว่าชาติก่อนเคยเป็นนางฟ้ามา งั้นก็น่าจะมีธาตแสง ใช่มั้ย?’

‘มิผิด … บุคคลที่มีธาตแสงนั้นหาได้ยากยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ผู้หญิงที่เจ้ารักที่สุดคนนั้นกลับกอปรด้วยธาตแห่งแสงมาก
มายนัก และนั่นจักเป็นคุณประโยชน์ต่อตัวเจ้าอย่างล้นเหลือ … ที่เหลือน่าจะเริ่มคาดเดาได้ยากแล้วกระมัง’

‘เริ่มเดาไม่ออกจริง ๆ ธาตน้ำใครล่ะ … ธาตดิน ?? วิญญาณ ??? ธาตมืด ???? โอย นึกไม่ออก’

‘คิก คิก งั้นมิต้องคาดเดาให้เสียเวล่ำเวลาแล้ว … ธาตน้ำ คือมายด์น้องสาวคนเล็กของเจ้า … ธาตดินก็คือ
หญิงสาวชื่อแพรที่เจ้าเพิ่งมีอะไรด้วยเมื่อเช้า … หญิงสาวชื่อฝ้ายที่เป็นนางพยาบาลมีธาตวิญญาณอันสูงส่ง …
ส่วนธาตความมืดที่หายากรองลงมาจากธาตแห่งแสง ก็คือเมย์น้องสาวคนกลางของเจ้า … เจ้าคงเริ่มสังเกตเห็น
แล้วกระมัง ว่าวันนี้เมื่อเจ้าได้ร่วมรักกับน้องสาวของเจ้าทั้งสองคน พลังธาตของเจ้าก็ปรับสู่สมดุลย์ทั้งเจ็ดมากขึ้น
พลังธาตลมของเจ้าก็เลยสูงส่งกว่าเดิมส่วนหนึ่ง… หากวันใดเจ้าแข็งแกร่งกว่านี้ เจ้าก็จักสัมผัสได้เองว่า คนผู้ใด
กอปรด้วยธาตอันใด’

‘โห … เมื่อกี้พี่แก้วบอกว่า คนล้านคน จะมีซักคนที่เหมาะสม แล้วนี่ผมได้เจอครบทั้งเจ็ดคน เลยเหรอ งีี้โชคดี
ยิ่งกว่าถูกหวยอีกนะเนี่ย’

‘เจ้าอาจจะใช้คำว่าโชคดีก็มิผิด … แต่หากถามข้า ข้าคงมิกล้าใช้คำว่าโชคดี .. หากแต่เป็นโชคชะตาที่ถูกลิขิต
มาตั้งแต่ปางก่อน … โอ๊ะ เพื่อนที่คู่ควรแก่การเป็นคู่หูของเจ้ามาโน่นแล้ว ข้าไปก่อนล่ะ กะว่าจะไปนอนอาบแสง
จันทร์เล่นเสียหน่อย’

พูดจบร่างวิญญาณสีเขียวจางของนางตะเคียนก็ลอยพลิ้วราวกับปลิวลมขึ้นไปนอนเล่นบนยอดมะพร้าว ขณะที่สองเด็ก
น้อยรักยมยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่ในน้ำทะเลแบบไม่ยอมเลิกลา เอกจึงรีบปลดปล่อยกระแสลมหมุนที่วิ่งเล่นอยู่ในมือ
จนสลายหายกลายเป็นสายลมอ่อน แล้วนอนนิ่งอยู่บนเตียงผ้าใบเช่นเดิม จากนั้นก็มีเสียงสวบสาบย่ำทรายเดินเข้ามาใกล้
พร้อมกับเสียงทักทายอันคุ้นหูดังขึ้นมา

……………………………………………………………….

“สวัสดีไอ้เกลอ เราเจอกันอีกแล้ว”

“สวัสดีครับคุณบอย”

เอก ลืมตามองบอยที่ถือวิสาสะนั่งลงบนเตียงผ้าใบที่อยู่ด้านข้าง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ที่อยู่ ๆ ก็โดนพูดคุยราวกับว่าเป็น
เพื่อนรักกันมานานนม แต่กระนั้นก็พูดตอบกลับไปตามมารยาท แต่ก็แฝงถ้อยคำที่ค่อนข้างเว้นระยะห่างออกมา

“อย่าเรียกคุณ อะไรเลย ฟังแล้วมันกระดาก เราคุยกันแบบธรรมดาเหมือนเพื่อนดีกว่านะ … ลมทะเลกลางคืนนี่มันเย็น
สบายดีจัง มานั่งนานหรือยัง”

“ก็นานพอดูอยู่ แต่ตอนนี้ว่าจะไปที่อื่นแล้วล่ะครับ ผมชอบอยู่เงียบ ๆ แบบไม่มีคนกวนมากกว่า”

เอก ตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ แต่ก็แอบแฝงความหมายไม่พอใจและเรียกอีกฝ่ายเป็นตัวกวน ซึ่งเอกก็เหมือนจะรู้ดีว่าความ
หงุดหงิดไม่พอใจนั้นเป็นเพราะเรื่องที่ว่านายบอยคนนี้เคยเกือบจะข่มขืนน้องเมย์ของเขานั่นเอง

“อ้าว จะไปแล้วเหรอ งั้นก็ดีเลย เราไปเที่ยวผับกันมั้ย ผมรู้จักผับที่มีเด็กสาววัยรุ่นหลายแห่งเลยนะ”

บอยยังคงชักชวนพูดคุยต่อเหมือนไม่เข้าใจความนัยที่เอกต้องการสื่อทำเอาเอกต้องขมวดคิ้วไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม

“โอเค ๆ ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร จริง ๆ แล้วผมกะจะพาไปเลี้ยงขอโทษขอขมา แต่ถ้าไม่อยากไป ให้ผมพูดขอโทษ
ตรงนี้เลยล่ะกัน”

“ขอโทษเรื่องอะไร?”

“เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง ขอให้ฟังให้จบก่อนนะ ความจริงผมกะว่าจะเก็บเป็นความลับ แต่ว่าถ้าไม่พูดออก
มาคงได้่บ้าตายแน่เรื่องนี้เกี่ยวกับน้องเมย์ แต่ผมรับรองว่ายังไม่มีอะไรเกินเลย อดทนฟังผมหน่อยนะ เรื่องราวเป็นอย่างงี้
….”

บอย เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำปั๊มน้ำมันที่เขาเกือบจะข่มขืนน้องเมย์ให้เอกฟังอย่างละเอียด โดยทุกขั้นตอนเขายอมรับ
ผิดทุกอย่าง พอฟังจนจบเอกก็เลยค่อยรู้สึกว่าโกรธไม่ลง เพราะจะว่าไปต้นเรื่องส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะโดนรักยมจัดฉากด้วย
อีกทั้งถ้าเป็นตัวเขาเอง เจอเหตการณ์แบบนั้นกับเด็กสาวแสนสวยอย่างน้องเมย์เข้าไป ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะควบคุมตัวเองให้
หยุดได้หรือเปล่า และที่สำคัญ เมื่ออีกฝ่ายสารภาพบาปออกมาตรง ๆก็กลับยิ่งทำให้เอกรู้สึกผิดเข้าไปเสียอีก เพราะช่วง
เวลาเดียวกันนั้น เขาก็เป็นคนใช้คาถาล่องหนจัดการกับแพรที่เป็นแฟนของบอยอย่างเมามันส์อยู่เหมือนกัน พอคิดได้ถึง
ตอนนี้ความรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจก็สลายหายไป กลายเป็นความรู้สึกผิดคิดค้างอีกฝ่ายไปเสียอีกต่างหาก

“ผมเข้าใจ … น้องเมย์ก็สารภาพเล่าเรื่องออกมาหมดแล้ว … ถือว่าเรื่องนี้เราลืม ๆ มันไปซะเถอะ … ว่าแต่
แพรไปไหนซะแล้วล่ะ”

“เป็นเพื่อนกันต้องใจกว้างอย่างงี้ซิ …. อ้อ แพร มาถึงโรงแรมก็หลับสนิทเลย ไม่รู้ทำอะไรเหนื่อยมา ทำยังไงก็
ไม่ยอมตื่น ขนาดผมแอบลักหลับไปตั้งสามครั้งก็ยังไม่ยอมตื่นเลย”

“ลักหลับ ? !!!”

“แหะ แหะ ก็อารมณ์ต่อเนื่องมาจากน้องมายด์ ตามด้วยน้องเมย์ นั่นแหละ เด็กอะไรสวยน่ากินทั้งสองคนเลย แล้วพอ
มาถึงโรงแรมก็เห็นน้องเมย์โดนเอาจนร้องลั่นแบบเต็มตาอีก อารมณ์ผมก็เลยขึ้นน่ะซิ … แล้วคิดดูในห้องมีสาวสวยหุ่น
นางแบบอย่างแพรนอนหลับอยู่บนเตียง ผู้ชายคนไหนรจะไปอดใจไหว … เฮ้อ … ผมก็เลยแอบจัดไปสามดอก
แต่ก็ไม่นึกเลยว่าจะไม่ตื่น … พอยิ่งไม่ตื่นผมก็ยิ่งเอามันเลย ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าลักหลับผู้หญิงนี่มันโคตรตื่นเต้น
ได้ลุ้นตลอดว่าจะรู้สึกตื่นขึ้นมาหรือเปล่า … นายเคยลองทำป่าววะไอ้เกลอ”

“ลักหลับแบบผู้หญิงไม่รู้ตัวเหรอ … เหมือนจะยังไม่เคยนะ … เคยแต่ตอนหลับแต่เค้ารู้ตัว … ฟังแล้วน่าสนใจ
เหมือนกันแฮะ”

“น่าลองใช่มั้ยล่ะ ลองไปทำกับน้องเมย์น้องมายด์แล้วจะติดใจ แค่ลองนึกภาพก็สยิวกิ้วแล้ว แอบย่องไปปลดกระดุมเสื้อ
นอนน้องเมย์ทีละเม็ด แล้วค่อย ๆ ลูบ ค่อย ๆ บีบเบา ๆ ซักพักก็รูดกางเกงออก ใช้นิ้วคลึงจนน้องเค้าเปียก แล้วค่อย
รูดกางเกงในออก จับซอยสอยให้ครางทั้งที่ยังหลับอยู่ อูย แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากลองแอบลักหลับแพรอีก
ซักรอบ … อ้อ ขอโทษด้วยนะ ผมมันพวกปากตรงกับใจมากไปหน่อย … แล้วก็ขอนะ อย่าไปบอกไอ้แพรมันล่ะ
ว่าผมแอบไปลักหลับมัน เดี๋ยวงานงอก”

เอกขมวดคิ้วอีกรอบเมื่อได้ยินคำพูดคำจาที่ออกจะละลาบละล้วงเกินไปหน่อยของบอย แต่กระนั้นก็รู้สึกดี ๆ มากขึ้นให้
กับการแสดงออกที่ตรงไปตรงมาของเพื่อนใหม่คนนี้ และแม้ว่านิสัยแบบนี้จะค่อนข้างต่างจากนิสัยของเขาอยู่บ้าง แต่ก็
ไม่รู้สึกถึงความขัดแย้งให้รู้สึกโกรธขึ้งแต่อย่างใด และที่สำคัญ เอกก็ถึงกับอดไม่ได้ต้องแอบนึกภาพไปตามคำพูดของ
บอยที่แฝงรสนิยมเรื่องผู้หญิงที่เขาชื่นชอบเช่นเดียวกันกำแพงแห่งความระแวดระวังที่ก่อตั้งกั้นขวางมิตรภาพเอาไว้จึง
ค่อย ๆ เลือนหายไปอย่างช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว

“โอเค .. ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใครก็แล้วกัน …”

“ขอบใจมากไอ้เกลอ … ว่าแต่ ทำไมนั่งอยู่คนเดียว น้องเมย์ กับน้องมายด์ อยู่ไหนซะล่ะ”

บอยเอื้อมมือมาตีไหล่ของเอกราวกับเป็นเพื่อนรักที่คบหากันมานาน แล้วค่อยทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงผ้าใบเพื่อรับลมทะเลต่อ

“ก็นอนสลบเหมือดกันอยู่ในห้องน่ะแหละ กว่าจะตื่นคงเช้าโน่นเลย เพราะโดนเล่นไปหลายยก”

“ร้ายนี่หว่าไอ้เกลอ … จะว่าไปก็โคตรจะน่าอิจฉาอยู่นะ ได้ทำกับผู้หญิงสวยตั้งสองคน น้องมายด์ถึงจะเด็กไปหน่อย
แต่ก็ขาวน่ารักเหมือนตุ๊กตา ส่วนน้องเมย์นี่ขาว สวย แถมหุ่นยังอวบบึ้บบั้บเกินเด็ก ผมเพิ่งจะรู้ถึงสัจธรรมของคำว่า หน้า
ประถม นมมหาลัยก็วันนี้นี่เอง ฮ่า ฮ่า …. งั้นคืนนี้หนุ่มโสดอย่างพวกเราสองคนจะไปไหนกันดี ไปผับลงมือจีบสาวกัน
เอง หรือว่าจะไปหาแบบสำเร็จรูปก็ได้ ผมเป็นเมมเบอร์วีไอพีอาบอบนวดใกล้ ๆ นี้เอง เด็กสวย ๆ แบบน้องเมย์ไม่มี
แต่พวกสาว ๆ เบอร์ตองก็รับรองว่าสวยน่ากินใช่เล่น … หรือถ้าสนใจอยากลองพวกต่างชาติอย่างญี่ปุ่น เกาหลี หรือ
พวกฝรั่งผมทองไปเลยก็ได้ ผมรู้แหล่ง อยู่ไม่ไกล อยากไปไหนบอกเลยผมเป็นเจ้ามือเอง”

เอก แอบอมยิ้มน้อย ๆ ให้กับท่าทีอันแสนเปิดเผย และค่อนข้างคิดเหมาเอาเองของบอย ซึ่งอันดับแรกเลย เขายัง
ไม่ได้รับปากไปเที่ยวด้วยแม้แต่สักคำเดียว แต่บอยก็เหมาไปเองแล้วว่าเขาจะไปด้วย แถมยังสาธยายแหล่งท่องเที่ยว
ที่น่าสนใจออกมายาวเหยียดจนเขาเองเริ่มรู้สึกไม่อยากปฎิเสธในน้ำใจที่อีกฝ่ายมีให้ และที่สำคัญเขาเองก็ยังไม่มีแผน
การณ์สำหรับคืนนี้เลย ซึ่งหากจะให้กลับไปนอนพักก็คงจะนอนไม่หลับเพราะยังไม่รู้สึกง่วง ดังนั้นการไปเที่ยวเตร่กับเพื่อน
ใหม่คนนี้ก็อาจจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเวลานี้ แต่ขณะที่เอกกำลังคิดเลือกว่าจะไปเที่ยวแห่งหนใดดี ก็พลัน
ต้องหยุดชะงักเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเข้าเสียก่อน

เอก หันขวับมองไปทางต้นเสียงที่คล้ายเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาว แต่กลับไม่ได้ยินเสียงอันใดอีก
นอกจากเสียงลมและขณะที่ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดไปเองหรือไม่ เขาก็สัมผัสได้ถึงขุมพลังบางอย่างปรากฎ
แวบวูบมาจากทางด้านทิศนั้นซึ่งแม้ว่าจะเป็นสัมผัสอันบางเบาน้อยนิดเพราะอยู่ห่างไกลออกมา หากแต่ชายหนุ่มกลับรู้สึก
สังหรณ์แน่ใจว่ามีอะไรบางอย่างที่อยู่ในป่าอันรกร้างห่างจากหาดทรายนั้น และเขาสมควรที่จะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้

“อ้าว เลือกที่เที่ยวได้แล้วเหรอ ลุกพรวดพราดเชียว”

“ขอโทษทีนะ แต่ผมมีธุระด่วนบางอย่างต้องทำ เดี๋ยวถ้าเสร็จแล้วผมจะไปหาที่ห้องก็แล้วกัน”

เอก พูดจบก็รีบวิ่งตรงไปทางทิศนั้นอย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากมีสายคาผู้คนและรถราอยู่ค่อนข้างเยอะ ทำให้เขาไม่สามารถ
เร่งความเร็วเหนือมนุษย์อย่างตอนที่ไปช่วยน้องหญิงได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่ค่อย ๆ วิ่งแบบจำกัดความเร็วให้เหมือนคนธรรมดา
คนหนึ่งกำลังวิ่ง ไปตามเส้นทางที่มีผู้คนพลุกพล่าน แล้วทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้กับการรับฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ที่อาจจะดังขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้

เมื่อชายหนุ่มข้ามถนนและกระโดดข้ามคูน้ำเล็ก ๆ เข้าไปในดงไม้ ก็เริ่มรู้สึกเหมือนตนเองหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง โลก
แห่งนีดำมืดไร้ซึ่งแสงไฟ โลกแห่งนี้เงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงผู้คน โลกแห่งนี้มีแต่เพียงต้นไม้ใบหญ้า มีแต่เพียงเสียงเกรียวกราว
ของกิ่งไม้ที่ขยับเสียดสีเมื่อต้องแรงลม โลกแห่งนี้คล้ายไร้ซึ่งมนุษย์ที่มีชีวิต โลกแห่งนี้มีแต่เพียงจิตวิญญาณของคนตายล่อง
ลอยกระจายอยู่เต็มไปหมดทั้งผืนป่า

ภายใต้สภาวะที่ไม่น่าไว้ใจนั้น เอก พลันสะดุ้งกระโดดไปเบื้องหน้าสุดแรงเมื่อได้ยินเสียงตุบดังขึ้นจากเบื้องหลัง เขารีบหมุนตัว
มามองในสภาพเตรียมพร้อมต่อสู้กับอันตรายทุกรูปแบบ หากเมื่อหันมองมาก็ค่อยรู้สึกคลายใจที่เห็นว่าเสียงตุบนั้นก็คือเสียงบอย
ที่กระโดดข้ามคูน้ำแล้วลื่นล้มตึงลงบนพื้นตอนลงนั่นเอง

“แฮ่ก แฮ่ก โอย หายใจไม่ทัน … วิ่งเร็วชะมัด นึกว่าจะวิ่งตามมาไม่ทันซะแล้ว ไม่รอกันเลย มีอะไรให้ผมช่วยได้หรือเปล่า”

บอย พยายามพูดขณะหอบหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเพราะใช้เรี่ยวแรงวิ่งตามมาจนแทบหมดสิ้น ส่วนเอก ก็ได้แต่มอง
ตอบด้วยความรู้สึกงุนงงไม่เข้าใจว่าเหตใดบอยจึงตามเขามาด้วย แต่ขณะที่กำลังจะออกปากไล่ให้เขากลับไปก่อน ก็พลันได้
ยินเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือออกมาอีกครั้ง และคราครั้งนี้ก็เป็นเสียงที่ชัดเจนยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่เพียงเขาที่ได้ยิน แต่
บอยที่กำลังหอบก็ได้ยินจนสะดุ้งตัวเหมือนกัน

“ผมได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย เลยรีบวิ่งมา คุณบอยกลับไปก่อน ผมไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรหรือเปล่า”

“ไอ้เกลอ จะให้ทิ้งเพื่อนได้ไง เราไปด้วยกันนี่แหละ สองหัวดีกว่าหัวเดียว รีบไปดูก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร ถ้าช่วยไม่
ไหวยังไงก็รีบโทรหาตำรวจได้”

บอยพูดจบก็เดินฝ่าดงไม้เข้าไปตามทิศทางของเสียงโดนไม่สนท่าทีคัดค้านของเอกแม้แต่น้อย เอกจึงได้แต่ส่ายหน้า เพราะ
รู้สึกว่าหากอยู่คนเดียวจะทำอะไรได้สะดวกกว่า แต่หากมีคนอื่นอยู่ด้วยแบบนี้ กลับไม่แน่ใจว่าจะเป็นการช่วยเหลือ หรือเพิ่ม
ภาระกันแน่ แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกว่าไม่อาจปฎิเสธน้ำใจของบอยได้ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วรีบเดินจ้ำตามเข้าไปในดงไม้
อันมืดมิด โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เสียงร้องของหญิงสาวคนนั้น

…………………………………………………………
ภายใต้ม่านหมอกอันดำทะมึนของค่ำคืนเดือนมืดที่ไร้สิ้นซึ่งแสงดาวและแสงจันทรา ปรากฎสอง
ชายหนุ่มกึ่งวิ่งกึ่งเดิน ย่ำเท้าเหยียบฝ่าดงหญ้าส่งเสียงดังสวบสาบ ประชันขันแข่งกับเสียงกรีด
ร้องระงมของแมลงกลางคืน

มันเป็นความมืดที่แทบมองสิ่งใดไม่เห็น มีแต่เพียงเงาไม้อันลางเลือนปรากฎขึ้นเมื่อเดินเข้าไป
จนใกล้จะชน บอยเดินไปพลางสะบัดมือปัดเหล่าแมลงที่เกาะตามแข้งขาด้วยความหงุดหงิด
รำคาญ เหงื่อเริ่มไหลออกมาเปียกชุ่มไปทั้งตัวเพราะระยะทางที่เดินฝ่ามามิใช่น้อยนิดดั่งที่หวัง
เอาไว้

ความเหนื่อยเริ่มสะสมเพิ่มพูนจนบอยหอบหายใจแทบไม่อาจทานทน ยิ่งเหนื่อยอ่อน บอยก็ยิ่ง
ขาดสมาธิที่จะหลบหลีกกิ่งไม้ที่แตกแขนงออกมากีดขวางจนเสื้อขาดเพราะโดนเกี่ยวไปหลาย
รอย ซึ่งบางครั้งก็ทิ้งรอยแผลถลอกเลือดไหลซิบตามแขนขาไปอีกไม่ใช่น้อย

ยิ่งเจ็บตัวก็ยิ่งหงุดหงิด จนบอยลืมระมัดระวังและเดินชนเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งเข้าอย่างจัง ต้นไม้
ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย แต่ร่างของคนนั้นเซถลาล้มกลิ้งลงไปกองกับพื้นในทันที

“โอ๊ยย ต้นไม้เวร มาขวางทางซะได้ มืดชิบ มองไม่เห็นอะไรเลย มาทางนี้แน่เหรอวะไอ้เกลอ”

เสียงแมลงในป่าเงียบลงอย่างกระทันหัน เมื่อบอยส่งเสียงบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด ชายหนุ่ม
ปล่อยตัวนั่งกองอยู่กับพื้นด้วยท่าทียอมแพ้ พลางใช้มือนวดหน้าที่ชนกระแทกเข้ากับต้นไม้
เข้าอย่างจัง สิ้นเสียงบ่นไม่นาน ก็ปรากฎเสียงเอกเดินย่ำเท้าฝ่าดงหญ้าสวบสาบใกล้เข้ามาหา
พร้อมกับเสียงตอบ

“ก็ไม่มืดเท่าไหร่นะ มาทางนี้แหละถูกแล้ว อีกแค่นิดเดียว แต่จะนั่งพักรอตรงนี้ก็ได้”

“ไม่มืดที่ไหน นี่มันแทบมองอะไรไม่เห็นเลยนะ ยื่นมือตัวเองออกมายังมองแทบไม่เห็นเลย
เดินไปก็โดนกิ่งไม้เกี่ยวไป นี่เผลอแว้บเดียวก็ชนต้นไม้โครมเข้าให้”

เอกรับฟังคำพูดของบอยอย่างมึนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไง เพราะภายใต้สายตา
ของเขานั้นแม้จะเห็นความมืดห่มคลุมไปทั่ว แต่ก็ยังสามารถเห็นสิ่ง ๆ ต่าง ๆ ปรากฎได้อย่างค่อน
ข้างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้ ใบหญ้า หรือแม้แต่นกกลางคืนที่บินร่อนไปร่อนมาอยู่เบื้องบน ก็
ปรากฎอยู่ในประสาทสัมผัสขึ้นมาอย่างเด่นชัด

หากจะมีอะไรที่รบกวนการเดินทางอยู่บ้างก็คงเป็นบรรดาร่างวิญญาณที่บ้างอ่อนจาง บ้างเขียวเข้ม
ลอยวนเวียนไปมาอยู่เต็มป่า และระหว่างที่เดินมา เอกต้องหยุดเดินแล้ววกกลับมาลากดึงบอยเดิน
อ้อมหลบไปสองครั้ง เมื่อพบเห็นเข้ากับร่างวิญญาณตายโหงสีแดงเข้มที่นางตะเคียนเคยพูดเตือน
ไว้ว่าหากไม่จำเป็นก็อย่าได้เผลอเข้าไปใกล้ และเมื่อนึกขึ้นมาถึงตอนนี้เอกก็ค่อยรู้ว่าร่างกายของ
เขาในตอนนี้ไม่ได้เหมือนมนุษย์ทั่วไปสักเท่าไหร่ ซึ่งหากจะสามารถมองเห็นในที่มืดได้ชัดเจน
กว่าคนธรรมดาก็คงไม่แปลกอะไรนัก

“ถ้าจะไปต่อก็เดินตามมาก็แล้วกัน ผู้หญิงคนนั้นอาจจะรอนานไม่ได้”

เอก พูดตัดบทด้วยไม่อยากอธิบายเรื่องราว ก่อนดึงมือของบอยให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำฝ่าดงหญ้า
ไปด้วยความร้อนใจ ซึ่งบอยที่เข้าใจในสถานการณ์ก็เดินตามไปแต่โดยดี ถึงแม้จะบ่นอุบอิบไปตลอดเส้นทางก็ตาม

ผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง บอยจึงค่อยพบว่า ตลอดการเดินย่ำเท้าตามเงาร่างอันลางเลือนของเอกที่เดินนำอยู่เบื้องหน้านั้น เขาไม่โดนกิ่งไม้เกี่ยว หรือชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เหมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นพรานป่ามือฉมังที่สามารถมองเห็นและเดินเหินในป่าอันมืดมิดได้ราวกับเวลากลางวันก็มิปาน

เอกเดินนำหน้าลุยขึ้นเนินดินเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ก่อนหยุดดึงบอยให้ลงนั่งที่ข้างดงหญ้า ซึ่งบอยที่เหนื่อยแทบขาดใจอยู่แล้วก็ได้โอกาสทิ้งตัวลงไปนั่งหอบหายใจฟืดฟาดโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ตรงส่วนไหนของป่าแห่งนี้ ส่วนทางด้านเอกนั้นกลับไม่มีอาการหอบเหนื่อยแม้แต่น้อยนิด

ขณะที่บอยยังนั่งไม่ทันหายเหนื่อย ก็พลันปรากฎแสงสว่างจากไฟฉายส่องวาบกราดสำรวจไปมาตามต้นไม้และดงหญ้า จากนั้นก็เป็นเสียงตะโกนสบถด่าทอของผู้ชายหลายคนที่แว่วดังตามหลังมา บอยทำท่าจะลุกชะโงกหน้าขึ้นไปมองดูด้วยความตื่นตระหนก แต่ก็โดนเอกจับไหล่กดเอาไว้ให้นั่งนิ่ง ๆ อยู่เช่นเดิม ก่อนหันมาพูดกระซิบบอกเขาด้วยคำพูดที่ฟังแล้วขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที

“เงียบ ๆ ไว้ ผู้หญิงที่ร้องให้ช่วย กำลังซ่อนตัวอยู่ในดงไม้ใกล้ ๆ นี้เอง … เท่าที่เห็นพวกมันมากันสี่คน
… ไม่ซิ ต้องบอกว่าห้าต่างหาก … แต่ว่าอีกหนึ่งที่ตามมาอยู่ห่าง ๆ นั่น ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเป็นคนหรือเปล่า”

……………………………………………………………….