4368-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-1
เลิศชาย หนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากอเมริกามาสดๆร้อนๆในวิชาวิศวกรรม ความรู้ของเขานั้น วงการงานทั้งราชการและเอกชนต่างก็อ้าแขนรับเขาด้วยปริญญาบัตรเกียรตินิยมอัน สวยงาม เขาจึงได้ตำแหน่งนายช่างโทของหน่วยราชการแห่งหนึ่ง…เลิศชาย เป็นหนุ่มร่างสมาร์ต พูดเก่ง ซ้ำยังเป็นคนมีเสน่ห์ในตัวเข้าไหนเข้าได้ ทุกคนรู้จักเขาดี ดังนั้นเขาจึงเป็นที่หมายตาปองใจของบรรดาสาวๆมากมาย
ในที่สุด…พรหมลิขิตก็ดลบันดาลให้เขาได้พบกับสาวหนึ่งโดยบังเอิญในงานกาชาด ที่สวนอัมพรเมื่อปีที่แล้ว เพียงแต่เห็นกันในครั้งแรก ทั้งสองก็ต้องศรรักกามเทพด้วยกันทั้งคู่การพบกันครั้งนี้เอง เลิศชายก็เพียรพยายามหาทางรู้จักกับหล่อนให้จงได้ หล่อนก็คือ….รจนา
รจนา เพิ่งสำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาเช่นกัน เธอมีเรือนร่างที่สมส่วน สะดุดตา ผิวขาวนวลอมชมพู ใบหน้ารูปไข่มนๆ หน้าผากนูน..บอกถึงความเป็นคนเจ้าปัญญาและก็โคกเนื้อหน้าขาก็โหนกใหญ่เอาการ อกอิ่มอวบอูมพุ่งพองาม เอวก็คอดกิ่ว สะโพกผายบาน ก้นกลมผึ่งงอนงามย้อยลง ทั้งสองรู้จักกันผ่านการแนะนำของเพื่อนของเลิศชาย รู้จักกันได้ไม่นานความรักก็งอกงาม เมื่อถึงขนาดถึงจุด…เลิศชายก็จัดการสู่ขอและหมั้นหมายกันไว้ก่อน เพื่อรอเรือนหอที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ
…วงสังคมพากันแปลกใจที่ชาย หนุ่มอย่างเขาไม่น่าจะตกลงปลงใจในตัวรจนาถึงขนาดนั้น บรรดาสาวๆที่หมายตาจะจับเขาต่างก็ผิดหวังไปตามๆกัน แต่เลิศชายไม่ใส่ใจ พอเลิกงานเขาก็จะขับรถไปรับรจนาที่ที่ทำงานของเธอ แล้วก็จะพากันไปเที่ยวไปกินอาหารตามภัตตาคารต่างๆเสมอมา…
วันนี้ก็เช่นกัน เลิศชายเลิกงานแล้วก็ขับรถแลนเซียสีเขียวใบบัวใหม่เอี่ยม ตรงไปรับรจนาเช่นวันก่อนๆ
“วันนี้จะไปไหนอีกล่ะคะเลิศ?” รจนาถามเมื่อขึ้นมานั่งเคียงคู่กับเขาในตอนหน้าของรถ
“หาอะไรทานรองท้องเสียก่อน แล้วไปดูบ้านเราดีกว่า คุณพ่อบอกว่าเสร็จแล้ว ให้ตาแช่มมาเฝ้าอยู่… ผมอยากให้รจไปดู เผื่อเลือกเครื่องเรือน แล้วก็การตกแต่งภายใน ตกลงไหมจ้ะรจ?” เขาบอกเธอ
“ไปก็ไปค่ะ…ดีเหมือนกัน”
จาก นั้นเขาก็พาเธอไปหาอะไรทานกันจนเกือบค่ำจึงได้ขับรถมาที่เรือนหอ ซึ่งปลูกอยู่ในซอยหนึ่งทางทุ่งมหาเมฆ เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณบ้าน… สิ่งปลูกสร้างที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางที่ดินอันร่มรื่นด้วยต้นไม้ยืนต้น คือตึกขนาดกลาง ๒ ชั้นทาสีเปลือกไข่ไก่ ซึ่งสร้างแบบสถาปัตย์ยุคใหม่ แม้จะยังเหลือร่องรอยของการก่อสร้างเพิ่งเสร็จแต่ก็จัดว่าเรียบร้อยพอควร
พอ เขาจอดรถสนิทที่บันไดตึก ตาแช่มคนเฝ้าบ้านวัยกลางคนแต่ยังแข็งแรงล่ำสันก็ปราดเข้ามาเปิดประตูรถพร้อม กับยกมือไหว้ หนุ่มสาวพากันรับไหว้ เลิศชายเปิดประตูให้รจนา แล้วก็พาเธอลงจากรถ มายืนมองดูรอบๆบริเวณ เขานึกชมคุณพ่อที่ช่วยเนรมิตวิมานรักให้เขากับคู่หมั้นได้อย่างรวดเร็วและ เรียบร้อย เขายืนพูดคุยกับตาแช่มอยู่สักครู่ ก็ชวนคู่หมั้นสาวเข้าไปดูภายในตึก
“ขึ้นไปข้างบนเถอะรจ…จะได้ดูว่าอะไรยังขาดอยู่บ้าง แช่มขอกุญแจเถอะ”
เมื่อ ได้กุญแจมาแล้ว เขาก็เดินจูงมือรจนาสาวสวยคู่หมั้นเดินขึ้นตึก ทำเอาตาแช่มซึ่งยังเตะปีบดังถึงกับมองบั้นท้ายที่ก้อนเนื้อสองก้อนกลมย้าย โยกสะบัดเบียดกันไปมาของรจนาอย่างลืมหายใจ
ชายหนุ่มพาคู่หมั้นเดินดูห้องต่างๆจนทั่ว ซึ่งต่างก็ออกความเห็นในการตบแต่งและเพิ่มเติมไปด้วย จนขึ้นมาถึงชั้นบน
“เลิศคะ…พารจไปดูห้องนอนซิ รจอยากจะเห็น…” รจนาซึ่งเกาะแขนเขากระซิบบอก
“ไปซิจ้ะรจ..ผมสั่งให้เขาทาสีภายในสีเขียวอ่อน ไม่รู้ว่าถูกใจไหม?”
“เหรอคะ…ห้องไหนค่ะเลิศ?”
“โน่น..ห้องสุดพอดี มันรับลม..แล้วก็รับแสงจันทร์พอดี” เขาบอกพร้อมกับชี้ให้ดู
“เลิศชอบแสงจันทร์ด้วยเหรอคะ?” เธอเอ่ยถาม พลางซบแก้มใสบนไหล่เขาอย่างออเซาะ
“ชอบ ซิ…เดือนหงายๆจะได้รูดม่านให้แสงจันทร์เงาเดือนผ่านเข้ามาถึงเตียงนอน ผมอยากดูรจนอนอาบแสงเดือน…ยิ่งเวลา…” เขาพูดค้างแล้วมองดูเธอยิ้มๆ
“เวลาไหนเวลาอะไรค่ะเลิศ?” เธอถามอย่างสนใจ
“ก็ตอนที่รจนุ่งผ้าน้อยชิ้นที่สุด …หรือไม่ได้นุ่งเลยนะสิ” เขาตอบ
“อุ๊ย!! เลิศนี่แหละ พูดอะไรก็ไม่รุ…” เธอร้องเสียงสูง..หน้าแดง.. มือหยิกแขนเขาเบาๆ
“จริงๆนะ ผมอยากเห็น…”
“เซี้ยว!!!”
พอ ดีถึงห้องนอน เขาไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป มือก็เปิดสวิซต์ไฟ …ไฟสว่าง รจนาซึ่งก้าวตามเข้ามา ถึงกับตะลึงในความโอ่อ่า ห้องกว้าง..มีเตียงนอนขนาดใหญ่ ที่นอนหนาตั้งศอกวางอยู่กลางห้องค่อนไปทางริมหน้าต่าง ถัดมาเป็นฉากญี่ปุ่นตั้งหน้าเตียง นอกจากนั้นก็มีเครื่องประดับอื่นๆ ล้วนแต่สวยงามและราคาแพง …ถัดไปเป็นห้องน้ำที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ
“โอ้โห! จัดได้เหมาะจังค่ะเลิศ ใครออกแบบคะ?”
“เจ้าชัชเพื่อนผม มันบอกว่าทั้งออกแบบ เขียนแปลน ค่าแรง ๕๐๐๐ บาทมันยังไม่รับ แต่มันทำให้เป็นของขวัญแต่งงานของเรา…”
“โก้จริงๆ ไหนรจขอดู…อ่ะ..เตียงนอนหน่อย..” เธอพูดเสียงเบาลงในตอนท้ายๆ
“ไปสิ..มันอยู่หลังฉากญี่ปุ่นนั่นแหละจ้ะ”
เขา พาเธอเดินเข้าไป พอเธอเห็นมันเต็มตา ความหนาของที่นอน…ใจเธอก็เต้นรัว คิดไกลไปถึงคืนวันแต่งตอนส่งตัวเข้าหอ..เธอกับเขาจะนอนร่วมเตียงกันบนที่นอน นี้ มันเหมือนเวทีที่เธอ… จะต้องรองรับ..รอรับความเป็นผัว.. เขาจะทำทุกอย่าง… เจ้าที่นอนหนาตั้งศอกมันคงจะเป็นสปริงอย่างดี ที่จะยุบ..ทั้งเด้งไปตามจังหวะลีลาของเพลงโลกีย์… คิดถึงตอนนี้ รจนาก็ใจหวิว..เสียวในส่วนลึกของสายเลือด ใบหน้าแดง ใจยิ่งเต้นรัว …เตียงนี้แหละที่เธอและเขาจะหลอมความอัดอั้น ความอยากและความสุขทางโลกีย์ ลงในอ่างสวาทของเธอ…
“เป็นงัยรจ… ที่ใช้ผ้าปูที่นอนสีม่วงอ่อนๆ เพื่อจะให้เข้ากับผิวขาวนวลของรจ ถูกใจไหมจ้ะ รจจ๋า…” เขาบอกเบาๆ มือก็โอบเอวคู่หมั้น
“อ้า…อุ๊ย..อ่ะ..รจตอบไม่ถูก… ใจมันเต้นเหลือเกิน…” เธอตอบตะกุกตะกัก เสียงสั่นๆ
เลิศ หันมามองเธอ…ใบหน้าแดงซ่านด้วยแรงฉีดของเลือดสาว ดวงตาหรี่เยิ้มเป็นประกาย เลิศชายพอจะรู้ว่ารจนาได้เห็นเตียงที่เธอกับเขาจะต้องนอนด้วยกัน…และอะไร ที่จะเกิดขึ้นบนเตียงนี้ เหตุนี้เองที่ทำให้รจนามีอาการเปลี่ยนไป เสียงถอนหายใจยาวระรัว มือสั่น… เลิศชายรู้ได้ว่ารจนาคู่หมั้นสาวกำลังคิดอะไร เขาผ่านผู้หญิงมาบ้าง จึงพอจะรู้…
“ลองนอนดูซิรจ…มันนุ่มน่านอนมั๊ย?”
“ไม่…ไม่..ค่ะ”
“ลองดูสิ..ถึงยังไงก็จะต้องนอนในวันแต่งงาน” เขาบอกมือก็รั้งเอวเข้ามาจนร่างเธอปะทะนบร่างเขา
“ก็…ยังไม่ถึงวันนั้นนี่คะ..เลิศ” เธอตอบเขาเบาๆ
“วันนี้ก็นอนได้…มาผมจะอุ้มรจไปนอน” ขาดคำ เลิศก็อุ้มร่างคู่หมั้นสาวขึ้นมาในวงแขน รจนาทั้งตกใจทั้งดิ้นรน สองเท้าเธอยกขึ้นลงสลับกัน แต่มือกลับโอบรอบคอเขาแน่นเพราะกลัวตก
“ตายแล้ว!!!…เลิศอุ้มรจทำไม?…ปล่อย..อี้ย์…”
“ลองนอนน่ะ..รจจ๋า..ยังไงวันหนึ่งเราก็ต้องนอนด้วยกัน”