4221-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-4
ตัองยอมพลีกายเพื่อช่วยชายคนรัก 4 (จบ) เย็นวันนั้น ทศขับรถพาดิฉันไปที่บ้านท่านรองเพรียวพงษ์อีกครั้ง สาวใช้พาเราเข้าไปพบท่านรองเพรียวพงษ์กับเสี่ยยู้ซึ่งนั่งคอยอยู่ที่ห้องรับแขก ท่านรองมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัดที่เห็นดิฉันกลับมาอีกครั้ง ส่วนเสี่ยยู้มองดิฉันด้วยรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ แต่ทศนั้นไม่เฉลียวใจซักนิดเดียวท่านรองเพรียวพงษ์พูดคุยกับทศอย่างเป็นกันเอง เขาสอบถามถึงความเป็นอยู่ในคุกเหมือนกับห่วงใยเสียเหลือเกิน แต่ดิฉันรู้ว่ามันเป็นการเสแสร้งทั้งสิ้น ทศนั้นไม่รู้ตัวเลย ท่าทางของเขาแสดงออกให้เห็นถึงความรู้สึกตื้นตันใจในพระคุณของท่านรองเพรียวพงษ์อย่างเหลือล้น น่าสงสารเหลือเกิน แต่ดิฉันก็เหมือนคนที่น้ำท่วมปากบอกอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวก็คือนั่งนิ่งๆ ฟังผู้ชายสามคนคุยกันอย่างอึดอัด สักพักสาวใช้ก็เข้ามาบอกว่าจัดอาหารเรียบร้อยแล้ว เราจึงย้ายไปนั่งกันที่โต๊ะอาหาร ดิฉันรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเพราะท่านรองไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไรไม่ดีกับดิฉันอีก แต่ท่าทีของเสี่ยยู้ทำให้ดิฉันไม่สบายใจ เขามักจะหันมามองดิฉันด้วยรอยยิ้มอย่างแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งสร้างความอึดอัดใจให้ดิฉันอย่างบอกไม่ถูก ดิฉันได้แต่ภาวนาขอให้อาหารมื้อนี้ผ่านอย่างรวดเร็ว เราจะได้กลับกันเสียที ท่านรองเพรียวพงษ์ต้อนรับเราด้วยอาหารชั้นเลิศที่สั่งตรงมาจากอาคารชินวัตร 3 ผู้ชายทั้งสามคนต่างกินกันด้วยความเอร็ดอร่อยพร้อมสนทนากันอย่างถูกคอ ดิฉันได้แต่นั่เงียบๆ เหมือนกับเป็นส่วนเกิน ด้วยความที่วิตกกังวลอยู่ตลอดเวลาทำให้ดิฉันทานได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในที่สุดดิฉันก็รวบช้อน บรรยากาศแบบนี้มันทำให้ดิฉันกินอะไรไม่ลงอีกแล้วอ้าว หนูปา ทำไมทานน้อยจัง กับข้าวไม่อร่อยหรือ ท่านรองถามสงสัย คุณปาจะรักษาหุ่นมั๊ง สาวๆ มักจะกลัวอ้วน เสี่ยยู้พูดไม่ค่ะ อาหารอร่อย แต่ปาอิ่มแล้วจริงๆ ดิฉันตอบท่านรองเพรียวพงษ์ ไม่สนใจสายตาของเสี่ยยู้ที่จ้องมองดิฉันไม่สบายหรือเปล่าปา เมื่อกลางวันก็ทานไปนิดเดียว ทศถามอย่างห่วงใยปามึนหัวนิดหน่อยค่ะ ดิฉันตอบแล้วหันไปทางท่านรองเพรียวพงษ์ ท่านคะห้องน้ำอยู่ไหนคะเดินตรงไปด้านหลังเลยครับ อยู่ทางด้านซ้ายดิฉันลุกไปเข้าห้องน้ำ พอทำธุระเสร็จออกมา ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสาวใช้คนหนึ่งยืนรออยู่หน้าห้อง ดิฉันรู้สึกหน้าร้อนวาบเพราะจำได้ว่าเธอเป็นคนที่เข้าไปทำความสะอาดเมื่อครั้งที่ดิฉันโดนท่านรองเพรียวพงษ์บังคับให้ทำรักด้วยปากวันนั้น คุณผู้หญิงคะ ท่านรองเพรียวพงษ์ให้มาเชิญคุณผู้หญิงไปคุยกันอีกห้องนึงค่ะดิฉันตกใจมากที่ได้ยินเธอพูดอย่างนั้น เพราะรู้เลยว่าถ้าตามเธอไปต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีกแน่ ไม่ดีกว่า ดิฉันปฎิเสธอย่างเด็ดขาด แล้วเดินเลี่ยงหลบเธอไป แต่สาวใช้คนนั้นคว้าแขนดิฉันไว้อย่างเสียมารยาทอย่าเพิ่งไปค่ะ ท่านรองเพรียวพงษ์บอกให้คุณอ่านนี่ เธอพูดแล้วส่งซองจดหมายให้ดิฉันดิฉันก้มลงเปิดออกดู แล้วก็ใจหายวาบ ความโกรธพุ่งพล่านขึ้นจนหูอื้อ เพราะข้างในมันเป็นรูปภาพที่ดิฉันกำลังโดนท่านรองล่วงเกินวันนั้น ดิฉันพลิกดูด้านหลังมันเขียนด้วยข้อความสั้นๆ ว่ามาหาผม ถ้าไม่อยากให้แฟนคุณเดือดร้อนดิฉันขยำภาพนั้นอยู่ในกำมือ เงยหน้าขึ้นก็เห็นสาวใช้คนนั้นมองอย่างยิ้มเยาะตามมาค่ะ เธอพูดแล้วหันหลังเดินไป โดยไม่สนใจดิฉันอีก ดิฉันไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องยอมเดินตามเธอไป ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าสลด ที่นี่ดิฉันสิ้นไร้ซึ่งศักดิ์ศรีใดๆ แม้แต่สาวใช้คนหนึ่งก็แสดงอาการเหยียดหยามดิฉันได้อย่างไม่เกรงใจ…ท่านรองเพรียวพงษ์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานขณะที่เราไปถึง สาวใช้คนนั้นเดินออกจากห้องแล้วปิดประตู ส่วนท่านรองเพรียวพงษ์ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาดิฉันหนูปา ผมคิดถึงหนูเหลือเกิน เขาพูดและพยายามจะดึงดิฉันเข้าไปกอด แต่ดิฉันปัดมือเขาออกท่านทำแบบนี้ทำไม เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว โธ่ อย่าตัดรอนขนาดนั้นซิ ผมคิดถึงหนูจริงๆ นะ คิดถึงมากด้วย เขาพูดแล้วดึงดิฉันเข้าไป พร้อมกับซุกจมูกลงที่พวงแก้ม ดิฉันดิ้นหลุดออกมาอีกครั้งท่านไม่รักษาสัญญา ท่านไม่ใช่ลูกผู้ชาย ดิฉันพูดอย่างโกรธเคืองผมยอมรับที่หนูว่าไม่รักษาสัญญา แต่ไอ้ที่ว่าไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่คงไม่ใช่ เขาว่า หนูสวยขนาดนี้ไม่มีใครทนได้หรอก ผู้ชายทุกคนก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นถ้ามีโอกาสท่านได้ทุกอย่างที่ต้องการไปแล้ว แม้แต่สิ่งที่ท่านไม่สมควรจะได้ก็ได้ไปจนหมด แล้วจะเอาอะไรกับปาอีก ดิฉันพูดเสียงสั่นเครือ รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง ปล่อยปาไปเถอะ ให้ปาได้ใช้ชีวิตของปาเหมือนเดิมแล้วหนูปาไม่คิดถึงผมหรือ ผมคิดถึงหนูตลอดเวลาเลย รู้มั๊ย เขาดึงร่างของดิฉันเข้าไปอีกครั้งและระดมจูบลงมา ฝ่ามือของเขาตะปบลงบนก้นของดิฉันและดึงรั้งเข้าหา ดิฉันรู้สึกถึงความเขม็งตึงของเขาเสียดสีอยู่ที่ด้านล่าง จึงพยายามดิ้นผลักไส แต่คราวนี้เขาไม่ยอมปล่อยให้ดิฉันดิ้นหลุดไปได้ แรงของเขาเยอะเหลือเกิน เขาลากดิฉันขึ้นไปนอนบนโต๊ะทำงานของเขาแล้วโถมตัวทับลงมา ปากซุกไซร้ไปทั่ว ดิฉันรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาเกลือกกลั้วไปตามใบหน้า ในขณะที่มือของเขาก็ลูบคลำไปทั่วตัว ดิฉันปัดป้องเมื่อเขาสัมผัสถูกอย่างเป็นพัลวัน พยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนพร้อมกับสบถด่าเขาอย่างรุนแรง แต่เขาไม่สนใจ ดิฉันเลยเอาเล็บจิกข่วนไปที่หลังของเขาแรงๆ ถึงจะมีเสื้อกั้นแต่เขาก็ร้องลั่น ถอนใบหน้าออก แต่มือยังจับต้นแขนทั้งสองข้างของดิฉันตรึงไว้กับโต๊ะไม่ให้ดิ้นหนีอย่าขัดใจผมซิหนูปา เขาพูด หรืออยากจะให้ผมเอาเทปชุดนั้นให้แฟนคุณดู อยากจะให้เป็นอย่างนั้นใช่มั๊ย คำขู่ของเขาได้ผล เพราะนี่คือสิ่งที่ดิฉันกลัวที่สุด ดิฉันจึงหยุดดิ้นรน น้ำตาไหลพรากออกมาด้วยความคับแค้นใจอย่างที่สุด ท่านรองเพรียวพงษ์ยิ้มอย่างพอใจที่สยบดิฉันลงได้ เขาลุกขึ้นแล้วจัดการปลดเปลื้องกางเกงของดิฉัน โดยรูดซิบลงแล้วรูดออกทั้งชั้นนอกชั้นใน จนมันเปลือยเปล่า ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ส่วนนั้น ดิฉันได้แต่หลับตาขณะที่เขาโถมใบหน้าและละเลงลิ้นเข้ามาไม่ยั้ง ร่างของดิฉันสั่นสะท้าน กัดฟันกรอด มือที่หยาบกร้านของเขาตะโบมอยู่บนทรวงอก ดิฉันไม่กล้าขัดขืน นอนใจเต้นและตัวแข็งทื่อ พูดและร้องอะไรไม่ออก แม้จะรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงแต่ก็ต้องปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจอืมมม หอมเหลือเกิน หนูปา หอมหวานชื่นใจจริงๆ เขาพึมพำสลับกับครางออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ห้องนั้นเงียบกริบ มีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศดังอยู่เบาๆ เท่านั้น ดิฉันได้แต่ร่ำไห้ทนฟังเขาพึมพำพูดแต่สิ่งที่น่าอับอายอยู่ตลอดเวลาชั่วครู่ท่านรองเพรียวพงษ์ก็ลุกขึ้นยืน ดิฉันเหลือบตามองก็เห็นเขาปลดกางเกงออก ท่อนลำของเขาจ่ออยู่ที่ส่วนนั้นของดิฉัน เมื่อเห็นดิฉันมอง เขาก็จ้องมองมาที่ดวงตาของดิฉัน แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดิฉันตัวสั่นหน้าร้อนวูบวาบด้วยความอับอาย ดิฉันหลับตาลงขณะที่เขาดันของเขาเข้ามา ความอัปยศอดสูใจได้เกิดขึ้นอีกครั้ง และดิฉันไม่อยู่ในสถานะที่จะปกป้องตัวเองได้เลย เขาขยับกระแทกลงมาอย่างรุนแรงจนดิฉันเจ็บ มันเป็นความเจ็บปวดและเศร้าใจที่สุดในชีวิต นอกจากจะเสียใจให้กับตัวเองแล้ว ยังละอายใจเหลือเกิน ดิฉันถูกย่ำยีขณะที่คนรักของดิฉันยังนั่งอยู่ที่ห้องอาหารซึ่งห่างออกไปไม่ไกล ดิฉันได้แต่ร้องไห้ตลอดเวลา รู้สีกเสียใจแทนทศยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก ทศไม่รู้เลยว่าคนที่เขาคิดว่ามีพระคุณอย่างล้นเหลือนั้นจะทำกับดิฉันอย่างนี้มือของท่านรองเพรียวพงษ์ ลูบคลำขยำทรวงอกของดิฉันอย่างเมามันโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของดิฉัน เขาปลดกระดุมเสื้อและทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางกั้นออกจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย มือของเขาขยำขยี้อย่างเมามันหนักขึ้น นิ้วหยาบๆ โลมไล้อยู่บนก้อนเนื้อ จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาโลมเลียไปทั่วทรวงอก สุดท้ายก็อ้าปากขบเม้มลงบนยอดทรวงของดิฉัน มือก็คลึงเคล้นเต้าทรวงอีกข้าง ขณะที่ด้านล่างก็โหมกระแทกกระทั้นอย่างไม่ปราณีเขาขยับโขยกอยู่เป็นเวลานานอย่างไม่ยอมหยุด จากนั้นก็ยกเท้าข้างหนึ่งของดิฉันขึ้นพาดบ่า อย่า… อย่าทำแบบนี้ ดิฉันพยายามร้องห้าม แต่เขาไม่สนใจทำไมล่ะ มันดีออก ผมชอบแบบนี้ เขาพูดแล้วก็ขยับกระแทกรุนแรงยิ่งกว่าเดิมอีก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้น ดิฉันตกใจรีบดิ้นรน พยายามผลักร่างเขาออกห่าง แต่เขากดบ่าดิฉันไว้แน่น พร้อมกับดุเสียงดังอย่าดิ้นน่ะ กำลังมันส์ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกท่านรองเพรียวพงษ์คะ ดิฉันเข้าไปได้มั๊ย เสียงดังขึ้นจากหน้าประตู ซึ่งดิฉันจำได้ว่าเป็นเสียงของสาวใช้ที่พาดิฉันเข้ามาในห้องนี้อี๊ดหรอ… เข้ามาได้ ท่านรองเพรียวพงษ์ตะโกนตอบดิฉันใจหายวาบ แล้วประตูก็เปิดออก ดิฉันหลับตาด้วยความอับอายในสภาพของตัวเอง แต่ท่านรองเพรียวพงษ์ยังโหมกระแทกลงมาอย่างไม่ชะลอเลย มีอะไรอี๊ด เสียงท่านรองเพรียวพงษ์ถาม แต่แทนที่ดิฉันจะได้ยินเสียงสาวใช้ที่ชื่ออี๊ดตอบ กลับมีแต่ความเงียบงันเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ดิฉันเหลือบมองไป ก็เห็นสาวใช้คนนั้นกำลังจ้องมองมา หน้าของเธอแดงก่ำ ดิฉันรีบเบือนหน้าหนี มันเป็นความอับอายเกินกว่าความอับอายใดๆ ที่เกิดขึ้นมาในชีวิต มันยิ่งกว่าเมื่อครั้งโดนท่านรองเพรียวพงษ์ย่ำยีต่อหน้าช่างภาพและเสี่ยยู้เสียอีก ดิฉันบอกไม่ถูกว่าทำไมดิฉันจึงรู้สึกอับอายมากขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะสีหน้า แววตา ของเธอ ที่เหมือนจะเยาะเย้ยดูถูกดิฉัน น้ำตาของดิฉันไหลพรากลงมาไม่ขาดสาย มันเป็นความเจ็บปวดร้าวรานและทำให้ดิฉันเกิดความขยะแขยงขึ้นมาอย่างสุดขีด คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะปล่อยให้สาวใช้ของเขาเข้ามาขณะที่ทำกิจกรรมที่น่าอายอย่างนี้ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยเอ้า… นิ่งอยู่ทำไมล่ะ…อี๊ด.. ฉัน…ถามว่า.มีเรื่องอะไร ท่านรองพูดเสียงกระหืดกระหอบขณะที่ยังกระแทกไม่หยุดคุณผู้ชายที่โต๊ะอาหาร เค้าถามถึงท่านรองเพรียวพงษ์กับคุณผู้หญิงน่ะ จะให้ตอบว่าไงคะไปบอกว่าฉันกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับท่านนายกรัฐมนตรีพี่เขยฉันอยู่ ..ส่วนแฟนเขายังไม่ออกจากห้องน้ำค่ะไปได้แล้วเสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปลืมตาขึ้นมาหนูปา เขาสั่งอายนังอี๊ดมันหรือ เขาถาม ดิฉันมองหน้าเขาอย่างโกรธเคือง แต่เขาหัวเราะชอบใจไม่ต้องอายหรอกน่ะ ได้อารมณ์จะตาย เขาพูดแล้วจับขาของดิฉันให้งอเข่าลงมาติดกับหน้าอก แล้วกระแทกเข้ามา คราวนี้เขาโหมจังหวะอย่างรุนแรงถี่ยิบดิฉันต้องทนทุกข์ทรมานตกเป็นเบี้ยล่างความใคร่ของเขา ในที่สุดช่วงเวลาแห่งความอัปยศก็จบสิ้น เขาปล่อยให้น้ำของเขาทะลักเข้ามาราวกับสายน้ำแตกจนเต็มข้างใน แล้วร่างหนาหนักของเขาก็ล้มตัวทับลงมาบนร่างของดิฉัน แต่มือยังกดดิฉันไว้แน่นไม่ยอมให้ดิ้นหลุด สักพักจึงยอมปล่อยตัว ดิฉันรีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า เมื่อดิฉันแต่งตัวเสร็จแล้วหันกลับไป เขาก็ยังคงนั่งเปลือยกายอยู่อย่างนั้นผมต้องขอบคุณหนูปาจริงๆ ที่ทำให้ผมมีความสุขอีกครั้งเราคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องแล้วละ… ดิฉันพูดเสียงสั่น นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ปายอมให้ท่าน หวังว่าต่อไปท่านจะทำตามสัญญาและไม่มารบกวนปาอีกผมทำไม่ได้หรอกหนูปา ผมรักหนูมาก และหนูต้องมาเมื่อผมเรียก ถ้าหนูไม่มาผมก็จะเอาเทปส่งให้กับแฟนหนูดูลองดูซิ ดิฉันโต้กลับด้วยความโกรธ ถ้าท่านทำอย่างนั้น ปาก็จะเอาออกไปให้คนทั้งเมืองได้ดูกัน ปาไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้วคำพูดของดิฉันคงโดนใจดำของเขา ทำให้เขาชะงักไปในทันทีปายอมท่านในครั้งแรกเพราะความจำเป็น แต่ท่านก็รู้ว่ามันไม่ถูกต้อง และปาก็รู้สึกขยะแขยงการกระทำแบบนี้จริงๆ ปาทนไม่ได้ที่จะทำเรื่องแบบนี้ เขานั่งฟังดิฉันเงียบๆ ไม่ตอบโต้อะไร ทำให้ดิฉันเสียงอ่อนลงเพราะไม่อยากให้เขาแค้นดิฉันปาขอบคุณในความกรุณาที่ท่านช่วยเหลือเราสองคน …ปาจะลืมเรื่องร้ายๆ นี้ และจะขอจำแต่สิ่งดีๆ ที่ท่านทำ ถ้าท่านรักปาอย่างที่ท่านพูดจริงก็หวังว่าท่านคงยอมปล่อยให้ปากลับไปใช้ชีวิตแบบที่ปาต้องการดิฉันพูดจบแล้วก็เปิดประตูแล้วเดินออกมาจากห้องนั้นทันที พอไปถีงโต๊ะอาหาร ทศเห็นหน้าตาของดิฉันบวมแดงเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ก็ตกใจซักถามว่าเป็นอะไร ทำไมหายไปนาน ดิฉันได้แต่บอกว่าไม่สบายพร้อมกับขอให้เขาพากลับบ้าน เรารอจนท่านรองออกมา จึงขอตัวกลับ หลังจากวันนั้น ดิฉันมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะท่านรองเพรียวพงษ์ยังพยายามโทรมาตามตื๊อดิฉัน ทั้งขู่ทั้งปลอบสารพัดเพื่อให้ดิฉันกลับไปหาเขาอีก ร่างกายของดิฉันซูบผอมลงเพราะความวิตกกังวลกลัวว่าเขาจะทำบ้าๆ ขึ้นมาจริงๆ แต่ดิฉันตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วที่จะไม่ยอมกลับไปรองรับความใคร่ของเขาอีก ในที่สุดดิฉันก็เป็นฝ่ายชนะเพราะเขายอมที่จะเลิกราไปเอง ตอนนี้ดิฉันกับทศกับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ความทรงจำที่เลวร้ายยังฝังแน่นอยู่ในใจ ดิฉันได้แต่หวังว่ากาลเวลาจะช่วยลบเลือนมันออกไปได้ในวันหนึ่ง..