Home Post 4075-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-1

4075-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-1

……เมื่อสงครามมหาเอเซียบูรพาเกิดขึ้นใหม่ๆ ยอดชายมีอายุได้ ๑๑-๑๒ ปีเท่านั้น และยังอาศัยอยู่กับคุณแม่และพี่ๆในต่างจังหวัด คือที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ตำบลท่าไข่ บ้านอยู่ในคลองท่าไข่ ติดริมคลองเลย เนื่องจากครอบครัวของยอดชายเป็นผู้มีอันจะกิน บ้านช่องของเขาจึงกว้างขวางใหญ่โตมาก
……ทั้งนี้เมื่อคุณพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ ได้ดำรงตำแหน่งกำนันมาจนตลอดชีวิต มีบรรดาศักดิ์เป็น”ขุน”เสียด้วย ซ้ำท่านได้เคยเป็นทหารอาสาผ่านสงครามโลกครั้งที่ ๑ มา จึงเป็นที่รู้จักและกว้างขวางในตำบลท่าไข่เป็นอย่างดี

……คุณพ่อของยอดชายถึงแก่กรรมเมื่อก่อนสงครามเอเซียบูรพาเพียงปีเดียว งานศพพ่อของเขาจะเรียกว่าเป็นงานที่ใหญ่ยิ่งในจังหวัดขณะนั้นก็ได้ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งทางกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมทั้งพ่อค้าและชาวบ้านที่สนิทสนมนับถือท่านไปร่วมด้วยเป็นอันมาก

……ในงานครั้งนี้นอกจากคุณแม่และครอบครัวเป็นเจ้าภาพแล้ว ยังมีท่านผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯผู้หนึ่ง มีบรรดาศักดิ์เป็น”คุณพระ”ร่วมเป็นเจ้าภาพด้วย ซึ่งเห็นคุณแม่บอกว่าคุณพระเป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อ ตั้งแต่มหาสงครามโลกครั้งที่ ๑

……หลังเสร็จงานศพคุณพ่อแล้ว คุณพระยังพักอยู่ที่บ้านยอดชายหลายวัน จำได้ว่าตอนนั้นคุณพระได้ออกปากขอยอดชายไปเลี้ยงเป็นบุตรบุณธรรมที่กรุงเทพฯ
……ทั้งนี้เพราะคุณพระเองมีลูกเพียง ๒ คน เป็นชายคนหนึ่งแต่ก็ได้ส่งไปเรียนที่อเมริกา คนเล็กเป็นหญิงอายุยังน้อยมาก ตอนนั้นอายุสัก ๗-๘ ขวบเห็นจะได้ และอีกทั้งคุณพระก็กำพร้าเมียเหมือนกัน
…….ตอนนั้นคุณแม่บอกว่ายอดชายยังเล็กนัก ขอให้โตเรียนจบชั้นประถมเสียก่อนแล้วจึงจะส่งไปให้อยู่กับคุณพระที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้เพราะยอดชายเป็นลูกคนสุดท้องในจำนวน ๔ คนที่คุณแม่มี พวกพี่ๆของยอดชายก็มีเหย้ามีเรือนไปหมดแล้ว ถ้ายอดชายจากไปเสียอีกคนคุณแม่ก็จะเหงามาก

……พอสงครามเอเซียเกิดขึ้นก็พอดีกับยอดชายสำเร็จชั้นประถม ๔ แต่คุณแม่ก็ยังไม่ยอมส่งตัวยอดชายไป เพราะเกรงจะเป็นอันตรายจากภัยสงครามทางกรุงเทพฯ เมื่อสงครามเกิดได้สักปีกว่า กรุงเทพฯก็ถูกระเบิดลงเรื่อยๆ คุณแม่มีความเป็นห่วงคุณพระผู้เพื่อนของคุณพ่อทางกรุงเทพฯ จึงส่งพี่ชายของยอดชายไปเยี่ยมท่าน และขอร้องให้ท่านอพยพครอบครัวมาอยู่ที่บ้านด้วย

……ตอนเย็นวันหนึ่ง เมื่อยอดชายกลับจาก ร.ร. จึงได้พบครอบครัวของคุณพระที่อพยพมาอยู่ที่บ้านแน่นขนัดไปหมด อาศัยที่บ้านใหญ่โตและมีเรือนหลังเล็กๆอีกหลายหลัง จึงพออาศัยอยู่กันสบาย
……คุณแม่กับยอดชายย้ายจากเรือนใหญ่ไปอยู่ที่บ้านหลังเล็ก เพราะคุณแม่ต้องการยกเรือนหลังใหญ่ให้คุณพระและครอบครัวได้อยู่

……คณะคุณพระที่มาอยู่ที่บ้านก็มีตัวคุณพระ ลูกสาวหรือคุณ”ศิริสม”หรือคุณ”แดง” ซึ่งเป็นชื่อเรียกกันเล่นๆ คุณ”นิตยา” ซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของคุณพระ อายุอ่อนกว่าคุณพระมาก เห็นคุณแม่บอกว่าว่าอ่อนกว่าลูกชายคนโตของคุณพระอีก ตอนนั้นคงอายุสัก ๒๐ ปีได้
……นอกจากนี้ก็มีพี่เลี้ยงคุณแดง แม่ครัว และคนรับใช้ทั่วไป รวมแล้วครอบครัวคุณพระมีด้วยกัน ๖ คน เป็นชายคือตัวคุณพระคนเดียว นอกนั้นเป็นหญิงทั้งนั้น มีเด็กๆและสาวๆทั้งสิ้น แม้แต่แม่ครัวของคุณพระอายุก็ไม่เกิน ๓๐ ปี
……ทั้งนี้เพราะคุณพระไม่ต้องการให้มีคนแก่ในบ้านของท่าน ท่านเกลียดความแก่มาก ตัวท่านเองแม้จะอายุร่วม ๕๐ แล้วก็ยังดูเป็นหนุ่ม ผมไม่มีหงอกเลย ซึ่งท่านย้อมของท่านเสมอ ฟันยังเต็มปากซึ่งก็ล้วนแต่ฟันปลอม ท่าทางท่านก็ยังดูกระฉับกระเฉงมากอยู่เหมือนกัน

……ในตอนนี้ยอดชายรู้สึกว่าเวลาอยู่บ้านสนุกพอใช้ เพราะได้รับความกรุณาเรื่องขนมนมเนยจากครอบครัวของคุณพระเป็นอย่างดี และซ้ำยังมีเพื่อนเล่นคือคุณแดง แม้จะเป็นหญิงก็ยังดี แต่ในไม่ช้าคุณพระก็นำคุณแดงไปฝากโรงเรียนสตรีในจังหวัด เพื่อจะไม่เสียเวลาในการเล่าเรียน
……โดยต่อจากนั้นมายอดชายก็ต้องเป็นผู้ทำหน้าที่รับส่งคุณแดงไปกลับโรงเรียน จึงทำให้มีความสนิทสนมกันยิ่งขึ้น ยอดชายเองได้ทำหน้าที่สุภาพบุรุษอย่างดี เช่นป้องกันมิให้เด็กอื่นมาเกเรรังแกคุณแดงได้ หรือช่วยเหลือในการถือของเล่นหรือหนังสือ

……ยอดชายปฏิบัติกับคุณแดงเช่นน้องในไส้ ทำให้คุณพระให้ความเอ็นดูยอดชายมากขึ้น ถึงกับออกปากกับคุณแม่ของยอดชายว่า ถ้าสงครามสงบเมื่อใดจะส่งยอดชายไปเรียนเมืองนอกและจะอุปการะจนสำเร็จการศึกษา และยังพูดเป็นเชิงหมั้นหมายให้ยอดชายแต่งกับลูกสาวท่านเมื่ออายุสมควร ซึ่งคุณแม่ของยอดชายก็พอใจ

……ในไม่ช้าคุณพระก็ซื้อเรือแท็กซี่เล็กๆไว้ใช้ ๑ ลำ เพราะท่านจำเป็นต้องเดินทางขึ้นล่องไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับแปดริ้วอยู่เสมอ ด้วยท่านเป็นสมาชิกสภาสูง บางเวลาต้องเข้าไปประชุมสภา เมื่อท่านเดินทางเข้ากรุงเทพฯก็ไปกับคุณนิตยาและคนเรือเท่านั้น

……เหตุการณ์ในตอนสงครามไม่มีอะไรมาก และอีกทั้งยอดชายก็ยังเด็กมากเกินกว่าที่จะเข้าใจในโลกีย์วิสัย นอกจากสนุกสนานไปวันๆ
……จนกระทั่งเมื่อมหาสงครามเอเซียสงบลง คุณพระและครอบครัวก็อพยพกลับ และได้ชวนยอดชายไปอยู่ด้วย แต่คุณแม่ของยอดชายขอร้องให้สอบห้อง ๖ เสร็จก่อน แล้วจึงจะส่งไปเรียน ม.๗-๘ ที่กรุงเทพฯ และจะให้พักอยู่ที่บ้านคุณพระด้วย

……พอสอบห้อง ๖ เสร็จแล้ว คุณแม่ก็พายอดชายเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะฝากฝังกับคุณพระดังที่สัญญาไว้ คุณพระได้ให้ความปราณียอดชาย จนคุณแม่ของยอดชายถึงกับน้ำตาคลอ
……เพราะท่านได้ลงทุนปลูกเรือนไว้ในบริเวณบ้านของท่านสำหรับยอดชายหลัง ๑ เป็นเรือนขั้นเดียว มีห้องนอน ๑ ห้อง ห้องน้ำและห้องนั่งเล่นพร้อมทั้งเครื่องแต่งบ้านทุกประการ และท่านยังออกปากขอยอดชายมาเป็นบุตรบุญธรรมด้วยเลย เพื่อท่านจะได้อุปการะให้เต็มที่ สมกับความดีของพ่อแม่ของยอดชายที่เคยมีต่อท่าน ซึ่งคุณแม่ของยอดชายก็จำต้องรับปาก

…….บริเวณบ้านคุณพระกว้างขวางมาก เนื้อที่ในอาณาเขตไม่ต่ำกว่า ๒ ไร่ มีตึกปลูกอย่างทันสมัย ซ้ำยังมีเรือนกล้วยไม้กว้างขวาง
……คุณพระเป็นนักเล่นกล้วยไม้มือหนึ่งของกรุงเทพฯทีเดียว เวลาหน้าออกดอกจะดูสะพรั่งไปทั้งเรือน มีกลิ่นหอมตลบไปหมด เรือนกล้วยไม้ติดกับตัวตึกเลยทีเดียว มีโรงรถแยกอยู่ต่างหากทางรั้วด้านหนึ่ง
……คนขับรถเป็นแขกอิสลามชื่อลุงหวัง ลูกเมียไม่มี อาศัยอยู่กับคุณพระแต่กินอยู่แยกต่างหากที่เรือนคนใช้ นอกจากคนทำสวนอีกคนแล้วก็ไม่มีใครในบ้านที่เป็นผู้ชายอีกเลย

…….พอคุณแม่ลาคุณพระกลับบ้าน คุณพระก็จัดแจงพายอดชายไปเข้าโรงเรียนกวดวิชาเพื่อการสอบเข้า ร.ร.เตรียมอุดมฯต่อไป คุณพระได้ถามความประสงค์ว่ายอดชายจะเรียนอะไร ยอดชายตอบว่าจะเรียนบัญชีและธรรมศาสตร์(นิติศาสตร์?) ซึ่งตรงกับประสงค์ของคุณพระอย่างยิ่ง เพราะลูกชายที่ไปเรียนนอก ปรากฏว่าไปเรียนวิศวกรรม ไม่ได้เรียนวิชาซึ่งคุณพระต้องการ

……ขอรวบรัดตัดความเพื่อให้ย่นย่อเข้า… เป็นอันว่ายอดชายได้อยู่อย่างสุขสบายในบ้านของคุณพระพ่อบุญธรรม และได้เรียน ร.ร.เตรียมฯแผนกอักษรศาสตร์ตามความปรารถนาของคุณพระ
……จนกระทั่งสำเร็จเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย ได้เรียนวิชาบัญชีตามความประสงค์ โดยไปสมัครเข้าเรียนธรรมศาสตร์อีกด้วย พอยอดชายเข้าเป็นนิสิตปีที่ ๑ คุณพระก็ซื้อรถยนต์ให้ใช้ส่วนตัวคัน ๑ แต่ให้ช่วยทำหน้าที่ขับรับส่งคุณแดงด้วย เพราะเธอยังเรียนย ม.๖อยู่ ร.ร.ฝรั่งแห่งหนึ่ง

……ปกติ คุณพระมักจะชอบให้มีการฉายหนังเล่นในบ้านเสมอ ท่านมีเครื่องฉายหนังขนาดเล็กของท่านเอง ส่วนฟิล์มหนังขอยืมเขามาบ้าง เช่ามาบ้าง และท่านยังได้ซื้อกล้องถ่ายหนังขนาด ๘ ม.ม.ขนาดเล็กให้ยอดชายหัดถ่ายแล้วเอามาฉายเล่นเสมอๆเหมือนกัน
……นับว่ายอดชายมีโชคอย่างยิ่ง ในอันที่จะได้พ่อตาในอนาคตผู้ใจดีต่อเขายิ่งกว่าลูกในไส้ ยอดชายก็ให้ความเคารพนับถือท่านมาก เป็นการตอบแทนกัน

……แต่เกณฑ์ชะตาของยอดชายยังจะมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก โดยที่กามเทพได้หมายหัวเอาไว้แล้ว จึงทำให้เขาต้องพัวพันกับผู้หญิงอีกมากมาย
…….เพียงแค่เข้าเรียนไม่ถึงครึ่งปี ยอดชายก็เป็นดาราอยู่ในกลุ่มเพื่อนหญิงชายเสียแล้ว ทั้งนี้เขาไม่ได้มีความลืมตัวแต่ประการใด
…….เขาวางตัวอย่างเหมาะสม ทำให้เพื่อนหญิงจำนวนไม่น้อยเปิดประตูใจให้เขาเป็นแฟนอย่างเห็นชัด

…….ทุกคนในครบครัวคุณพระเองก็ให้ความรักเอ็นดูเขาเหมือนกับลูกชายคุณพระจริงๆ ยิ่งคุณแดงทราบว่ายอดชายเป็นคู่ของเธอในอนาคตด้วย ทำให้เธอภูมิใจจนอดจะอวดกับเพื่อนๆไม่ได้ว่าเธอมีคู่หมั้นหมายที่ถูกใจเธออย่างยิ่ง

……จนกระทั่งวันหนึ่งถึงเวลาที่กามเทพจะเริ่มให้ยอดชายได้พบกับสวรรค์ของกามารมณ์ และให้เป็นผู้บริการความสุขแก่สตรีผู้มีโชคดี ซึ่งจะมีโอกาสผ่านเข้ามาในวงสวาท เพื่อรับความหรรษาจากเขาเป็นลำดับไป

…….วันนั้นเป็นวันเสาร์ หลังจากยอดชายทานอาหารค่ำแล้ว ก็ขอตัวไปเรือนพักเพราะรู้สึกเมื่อยๆตัว ด้วยตอนกลางวันออกกำลังที่มหาวิทยาลัยมากไปหน่อย หลังจากนอนหลับไปสักครู่เขาก็ตื่นขึ้นมา เนื่องจากเป็นคืนเพ็ญที่พระจันทร์เต็มดวง เขาจึงออกไปเดินเล่นข้างนอก
……พอเดินผ่านทางห้องนอนคุณพระ เขาได้ยินเสียงคล้ายๆเครื่องฉายหนังกำลังฉายอยู่ในห้องท่าน ความอุตริอยากดูจึงปีนต้นมะม่วงใหญ่ซึ่งอยู่ตรงกับหน้าต่างห้อง เมื่อขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วสามารถที่จะมองเห็นได้ทั้งในห้องของคุณพระกับห้องกลาง ซึ่งเป็นทางผ่านไปยังห้องอื่นๆ เช่นห้องคุณแดง ห้องพระ ห้องอื่นๆ
……เขาป่ายปีนไปบนกิ่งที่ใกล้หน้าต่างที่สุด มองเข้าไปในห้องของคุรพระกำลังมืด มีแต่แสงสว่างจากหลอดฉายหนังออกทางด้านหลังเครื่องฉาย ทำให้พอเห็นอะไรได้บ้าง

……ทีแรกตายังไม่ชินกับความมืด เขาก็มองเห็นแต่หนังซึ่งกำลังฉายอยู่บนจอ…เขาเกือบจะตกจากต้นมะม่วงเพราะความตกใจ ภาพที่เห็นบนจอนั้นทำให้เขาถึงกับสะดุ้งเพราะเกิดมายังไม่เคยประสพอะไรเช่นนั้นเลย
……มันเป็นภาพของหญิงชายคู่หนึ่งเปลือยกายล่อนจ้อน แสดงกิจกรรมการเป็นผัวเมียกันอยู่บนเตียงนอน เขามึนงงรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก
……แต่เมื่อเบนสายตาไปบนเตียงนอนของคุณพระ เขายิ่งต้องสะดุ้งยิ่งขึ้นเพราะภาพบนเตียง คุณพระกับคุณนิตยากำลังแสดงอะไรกันมิผิดจากจอหนังเลย เขาพยายามเพ่งสายตาดูให้เห็นได้ชัด แต่ก็ทำไม่ได้เพราะกิ่งมะม่วงที่เขาเกาะอยู่มันอาจจะหักหากเขาขยับตัวเข้าใกล้ยิ่งเข้าไปอีก

…….พอเขาส่ายสายตามองดูเข้าไปทางกลางโถงห้องกลางซึ่งเปิดไฟไว้สว่างพอควร รู้สึกแปลกใจที่เห็นแม่ครัวพี่เลี้ยงของคุณแดงกำลังก้มดูทางรูกุญแจห้องคุณพระอยู่ ตาของแม่แจ๋วดูเหตุการณ์ภายในห้องคุณพระแต่ทำไมมือของแม่แจ๋วจึงขยุกขยิกอยู่ตรงที่ของลับตัวเองด้วย
…….กำลังสังเกตุการณ์ดูมาเพลินๆ พอดีหนังหมดม้วน ยอดชายก็เห็นไฟในห้องคุณพระเปิดสว่างขึ้น ตอนนี้เขาต้องเกาะกิ่งมะม่วงไว้แน่น
……เพราะร่างของคุณพระที่กำลังยืนปลดฟิล์มหนังนั้นมิได้นุ่งผ้าเลย ร่างของคุณนิตยาซึ่งนอนแผ่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงก็เฃ่นกัน เขาเผลอตัวเพ่งตาดูส่วนสัดต่างๆของคุณนิตยาไว้ราวจะจำไปจนตาย เพราะเขารู้สึกว่าทุกๆสัดส่วนของคุณนิตยาถูกใจเขายิ่งนัก

……สมองกำลังคิดอะไรยุ่งๆอยู่ พอหันกลับไปทางโถงกลางแม่แจ๋วหายไปแล้ว เขาก็เลยขยับตัวจะไต่ลงจากต้นมะม่วง เขาก็เห็นร่างแม่แจ๋วเดินลอดต้นมะม่วงไปยังเรือนของเขา เล่นเอาเขาต้องกลั้นหายใจ กลัวจะทำให้เกิดเสียงกะโตกกะตาก แม่แจ๋วจะจับได้ว่าเขามาแอบดูละแย่แน่เชียว
……พอแม่แจ๋วขึ้นบนเรือนเขาแล้ว เขาก็รีบลงจากต้นมะม่วง แล้วสาวเท้าก้าวยาวๆตามขึ้นไปเลย ใจยังเต้นตึกตักเพราะยังตื่นเต้นไม่หาย เสียงแม่แจ๋วเรียกเขาเบาๆตอนที่เขายังอยู่ในห้องนอก
……ซึ่งทีแรกแม่แจ๋วคงกำลังสงสัยที่ไม่เห็นตัวเขา เลยถือวิสาสะเข้าไปหาถึงในห้องนอนเลยและไม่เปิดไฟเสียด้วย อาศัยแสงเดือนซึ่งส่องผ่านหน้าต่างเข้าไปจึงพอเห็นได้

……ยอดชายจึงเร่งเดินตามเข้าห้องนอนไปทันที พอดีกับแม่แจ๋วเธอหันมา เล่นเอาเธอสะดุ้งร้องออกมา
“อุ้ยตาย!!” ซึ่งเธอคงใจหายจริงๆ ยอดชายระงับสติถามออกไปว่า
“มีธุระอะไรแม่แจ๋ว?”
แม่แจ๋วบอกว่า “ก็เป็นห่วงว่าไม่ค่อยสบาย ก็เลยมาดู คุณยอดชายไปไหนมาเล่า?”
เขาเลยโกหกว่า “ไปเดินเล่นมา” และว่า
“ขอบใจแม่แจ๋วที่อุตส่าห์นึกถึง”
แม่แจ๋วก็เลยว่า “ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็กลับละ” แล้วชยับตัวทำท่าจะออกจากห้องไป

……ยอดชายเลยถือวิสาสะจับข้อมือดึงไว้แล้วว่า
“ยังไม่ดึกนัก แม่แจ๋วนั่งลงคุยกันก่อนเถอะ” แล้วดึงเธอไปนั่งที่ริมเตียงนอน

……ส่วนแม่แจ๋วแสร้งสะบัดสะบิ้งนิดหน่อยเป็นธรรมเนียม แล้วพูดว่า
“ไม่ดีหรอกค่ะ ปะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
ฝ่ายยอดชายก็ว่า “ไม่มีใครหรอกน่า” ว่าแล้วเขาก็เลยถือโอกาสโอบเอวแม่แจ๋วเข้ามากอด

……ซึ่งขณะนั้นทั้งคู่มีลักษณะคล้ายกัน คือต่างฝ่ายต่างถูกไฟสวาทเผามาจนเหลวเป็นน้ำอยู่แล้ว แทบจะไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรกันลงไป
……ยอดชายรู้สึกเพียงแต่ว่าเขาดึงแม่แจ๋วนอนลงบนเตียง เลิกผ้าถุงขึ้นแล้วซุกมือเข้าไปในหว่างขาของแม่แจ๋ว กางเกงแพรของเขาปลดออกยังไม่ทันหมด
……เขาก็ทิ่มของดีของเขาเข้าไปตรงที่ๆเขาคิดว่าควรจะตำ แล้วก็กอดแม่แจ๋วไว้แน่น ซึ่งแม่แจ๋วก็กอดเขาแน่นเหมือนกัน สติความรู้สึกอะไรต่อมิอะไรวูบหายไปหมดมีแต่ความใคร่ต้องการอย่างเดียว คือจะกอดกันให้แนบเป็นเนื้อเดียวเท่านั้น

……เวลาผ่านไปอีกเท่าใดไม่ทราบ เมื่อรู้สึกตัวขึ้น เขากับแม่แจ๋วก็ยังอยู่ในสภาพนั้น คือเขาฟุบอยู่บนอกและลึงค์เขาฝังอยู่หว่างขาของแม่แจ๋ว แม่แจ๋วก็หลับตาพริ้ม มือยังโอบกอดเขาไม่ยอมปล่อย
……เมื่อยอดชายเอามือคลำไปที่หว่างขา รู้สึกว่ามีน้ำเมือกเหนียวๆไหลเลอะเทอะไปหมด จะไปเปิดไฟก็ไม่กล้า อาศัยแสงเดือนพอมองเห็นว่าเป็นน้ำอะไรข้นเหนียวๆเปรอะที่หว่างขาแม่แจ๋วและบริเวณโยนีของลับ ซ้ำยังไหลไปกองที่ผ้านุ่งอีกแยะ
……เขาจึงลุกขึ้นปลดกางเกงแพรของเขาออกจนหมด แล้วเอาผ้ามาเช็ดน้ำเมือกที่เปื้อนโยนีของลับแม่แจ๋วจนแห้ง แม่แจ๋วก็นอนหลับตาปล่อยให้เขาทำอะไรไปตามเรื่อง เวลามือเขาไปถูกของดีโยนี เธอก็อดที่จะเอื้อมมือไปบีบแขนยอดชายไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมพูดอะไรกันเลย

……ยอดชายถือโอกาสสำรวจส่วนต่างๆของร่างแม่แจ๋วไปในตัว เขาถลกเสื้อแม่แจ๋วออก ภาพที่เขาเห็นคือ..นมทั้งคู่ขาวจั๊วะต้องกับแสงเดือน หัวนมนิดเดียวแต่ลุกแข็งเป็นเม็ด เขาทนอยู่ไม่ได้เลยทั้งจูบทั้งเฟ้น
……แม่แจ๋วถึงกับบิดตัว มือยิ่งกำแขนยอดชายไว้แน่น ยอดชายรู้สึกว่าร่างกายเขาเกิดความต้องการกามอีกแล้ว เพราะขณะนี้ลำลึงค์เขาพองเหยียดเต็มที่ ไม่รอช้าอีก เขาเร่งจรดลึงค์ตรงรอยแยกหว่างขาแม่แจ๋วเลย
……ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันจะเข้าไปได้อย่างไร ค่อยๆกดค่อยๆดันตามตัวอย่างที่เห็นเมื่อกี้ ประกอบกับน้ำเมือกแม่แจ๋วเอ่ออยู่เต็มปากรู ลึงค์ของเขาก็ผ่านพรวดเข้าไป

……ทั้งเขาและแม่แจ๋วสะดุ้งพร้อมๆกัน ผวากอดกันกลมดิก รสสวาทที่เขาได้รับสุดที่จะยับยั้งความรู้สึกไว้ได้ ถึงกับครางออกมาว่า
“แจ๋วจ๋า…” ข้างแม่แจ๋วก็ขานเสียงสั่นว่า “ขขขาาา” แล้วก็เงียบไป
……ยอดชายและแม่แจ๋วขณะนี้เพิ่งได้รู้สึกว่ารสของการร่วมสวาทเป็นอย่างไรเป็นครั้งแรกในชีวิต อาศัยที่ยอดชายได้ล่มปากอ่าวมาเมื่อไม่นานนี้เอง จึงทำให้ในครั้งหลังนี้เขามีโอกาสปรุงสวาทได้นานหน่อย ลึงค์ของยอดชายไม่อยู่นิ่งเลย ชักเข้าชักออกในช่องสวาทของแม่แจ๋วตลอดเวลา และชักจะเร็วขึ้นแรงขึ้นทุกที
……แม่แจ๋วทนไม่ไหวเหมือนกัน ร้องครางออกมาไม่ได้ศัพท์สลับร้องบอกว่า
“คุณยอดขา อุ๊ย! แจ๋วจะขาดใจแล้ว”
พอยอดชายยิ่งลงแส้หนักเข้าไปอีก ปากเขาอยู่ไม่สุขเลย ดูดเม้มอยู่ที่หัวนมของแม่แจ๋ว
ส่วนมือของแม่แจ๋วก็อยู่ไม่เป็นที่ กอดก่ายเปะปะไปทั่วร่างยอดชาย
ตะโพกก็ส่ายรับลึงค์ไปมา สุดท้ายเสียงแม่แจ๋วร้อง
“อุ๊ย! ทนไม่ไหวแล้ว” มือทั้งสองกอดยอดชายไว้แน่นแอ่นเอวขึ้นมาสูง ยอดชายไม่ยอมฟังเสียง กระแทกโครมๆเข้าไป แม่แจ๋วตัวบิดเป็นเกลียวปากก็ว่า
“พอค่ะ พอค่ะ แจ๋วพอแล้ว” ทั้งนี้เพราะเธอถึงสวรรค์ก่อนแล้ว ยอดชายก็เกือบๆจะถึงเหมือนกัน เลยยิ่งโหมใหญ่ เธอเลยยิ่งครวญครางใหญ่ จนกระทั่งยอดชายพุ่งน้ำเข้าในมดลูก จึงกอดรัดฟัดกันแน่นิ่งไปอีก

…….ยอดชายหลับไปเมื่อไรไม่รู้ จนกระทั่งย่ำรุ่งจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะความหนาวของอากาศ จึงรู้ว่าตัวเองนอนหนาวอยู่คนเดียว เสื้อผ้าล่อนจ้อนต้องดีงเอาผ้าห่มมาห่ม คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อ ๖-๗ ชั่วโมงที่แล้ว รู้สึกอยากๆจะลองอีก

…….กำลังนึกๆอยู่ก็ได้ยินเสียงคนมาเรียกและเดินผ่านประตูห้องเข้ามา เขาจำได้ว่าเป็นคุณแดง–ศิริสมลูกสาวคุณพระนั่นเอง จึงแกล้งทำนอนหลับตา เสียงบ่นของคุณแดงได้ยินว่า
“พี่ยอดพี่นอนขี้เซาจริง ประตุก็ไม่ปิด”
……แล้วเธอเลยถือวิสาสะเดินเข้ามาปลุกยอดชายถึงที่นอน เขาจึงปรือตาขึ้นมองดู เห็นคุณแดงแต่งตัวนุ่งชอร์ตสแล็คเสียสั้นจู๋ เห็นขาอ่อนอวบขาว แถมยังใส่เสื้อยืดคอกลมฟิตติ้ว นมเป็นกระเปาะตั้งชี้แทบปริออกมานอกเสื้อ
……ความอยากใคร่กามในรสใหม่ ทำให้เขาเอื้อมมือไปฉุดคุณแดงให้นั่งลงบนที่นอน เสียงเธอพูดขึ้นว่า
“พี่ยอดลุกเถอะ ไปเดินเล่นกับแดงกัน”
ยอดชายจึงตอบว่า “คุยกันดีกว่าน่า” แล้วถือโอกาสดึงตัวเข้ามากอดจูบ จนคุณแดงว่า
“อย่าค่ะพี่ยอด อะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าหรอก”
ยอดชายก็ว่า “ไม่มีใครหรอกน่า”
“ไม่มีอะไรกัน ประตูก็ไม่ปิด”
“แดงไปปิดทีซิ”

…….คุณแดงก็ช่างว่าง่าย ลุกไปปิดประตูทั้งชั้นนอกชั้นในลงกลอนเรียบร้อย แล้วเข้ามาหาเขาบนเตียงอีก เขาเลยประคองเธอให้นอนลงแนบตัว แล้วกอดก่ายจูบจับตามความต้องการ
……คุณแดงเธอก็สนองตอบเขาเช่นกัน ด้วยเธอก็รักเขาอยู่เต็มอก แล้วพอปากของยอดชายจูบปากเธอ เธอถึงกับนิ่งเกร็งไม่กระดุกกระดิก ปล่อยให้เขาถลกชายเสื้อจนเต้าทั้งสองหลุดออกมา
……แล้วเขาจึงถอนปากไปไซ้เต้านมอันเป็นกระเปาะแข็งเป็นไต หัวนมยังเป็นจุดเล็กแดงดังชาด คุณแดงถูกจูบถูกเคล้านมทั้งสองเต้า เล่นเอาเธอตัวสั่นเทาเพราะไม่เคยต้องมือชายใดเลย ยอดชายจึงถือโอกาสถอดกางเกงขาสั้นเธอออกไปพร้อมทั้งกางเกงใน
…….พอคุณแดงรู้สึกตัวว่าถูกแก้ผ้าล่อนจ้อน ก็ถามเสียงสั่นสะท้านเบาๆว่า
“พี่ยอดถอดกางเกงหนูทำไม?”
เขาเงียบนิ่ง มือเขากลับป่ายเปะปะไปที่เนินสวาท โคกเธอขาวผ่องเป็นยองใยไม่มีไฝฝ้าเลย มีขนอุยขึ้นรำไร กลีบกุหลาบของเธอมีรอยแย้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เยิ้มไปด้วยน้ำสวาท ยอดชายถึงกับฟุบหน้าลงบนโคกงามนั้น เล่นเอาคุณแดงร้อง
“อุ๊ย!” แล้วถามต่อไปว่า “พี่ยอดจะทำอะไรหนูคะ พี่ยอดขา หนูจั๊กจี้นะคะ”

…….เขาไม่ตอบ เขาสลัดผ้าห่มออกพ้นตัว ซึ่งเขาเองก็ล่อนจ้อนเช่นกัน ลึงค์แข็งลุกโชนหัวแดงก่ำ ยังมีร่องรอยของการประลองสวาทกับแม่แจ๋วอยู่ เขาเคลื่อนกายเข้าตรงหว่างขา แยกขาคุณแดงออกจนเต็มที่ กลีบกุหลาบแย้มเห็นแคมในแดงแจ๋ เขาจรดหัวลึงค์ลงตรงปากทางสวรรค์ทันที พอเธอโดนลึงค์ทิ่มเข้าที่สำคัญของเธอ เธอต้องถามเขาด้วยสงสัยว่า
“พี่ยอดจะแกล้งอะไรหนูอีกคะ อย่าทำให้หนูเจ็บนะคะ”

…….ยอดชายยังคงไม่เอ่ยตอบ ค่อยๆประจงดันลึงค์เข้าไป เขารู้สึกคับมาก คุณแดงก็ชักจะขัดขืนด้วยสัญชาตญาณ เขาจึงก้มลงไปจูบรับขวัญเธอ แล้วกระซิบแผ่วเบา
“แดงรักพี่มากไหมจ๊ะ?”
“มากซิคะ ไม่มากแดงจะยอมให้พี่แกล้งอย่างนี้หรือ พี่อย่าทำหนูเจ็บๆนะคะ”
ยอดชายก็ตอบว่า “ถ้าแดงรักพี่ เจ็บบ้างก็ทนนะ แล้วพี่จะพาแดงขึ้นสวรรค์”
“ค่ะ หนูจะทน”

……เขาได้โอกาสก็ขยับลึงค์เข้าไปอีก จนรู้สึกเหมือนว่าช่องสวรรค์ตันเสียแล้วเพราะดันต่อไปไม่เข้า แต่ลึงค์ของเขายังเหลืออยู่อีกเกือบนิ้ว ยอดชายเกือบจะกลั้นความรู้สึกไม่ไหว เพราะลึงค์ของเขาถูกช่องสวรรค์ทั้งบีบทั้งรัดจะขยับเข้าออกก็ทำได้ไม่ถนัด
…….ครั้นจะทำแรงๆก็กลัวว่าคุณแดงจะเจ็บเกินไป เพราะขณะนี้เธอถึงกับกัดฟันครางอู้อี้อยู่แล้ว คอยเตือนเขาตลอดเวลามิให้ทำแรงๆ จนเขาสุดทนจึงขยับแรงๆสองสามที

…….คุณแดงถึงกับร้องวี้ดออกมาเพราะทีสุดท้ายเขากระทุ้งจนลึงค์กระแทกปีกมดลูกของเธอ ยอดชายรีบประกบปากจูบเพื่อกันมิให้เสียงลอดออกไปนอกห้อง
……พอเขาพุ่งน้ำกามเข้าไปหมดแล้วรีบชักออก น้ำได้หลั่งออกมาจากช่องสวาทเป็นอันมาก แคมนอกแดงและช้ำ คุณแดงยังคงซี๊ดปากด้วยความเจ็บ
…….ยอดชายเห็นมีเลือดปนออกมากับน้ำสวาทและที่ลำลึงค์ของเขา แสดงให้เห็นว่าเขาได้เผด็จพรหมจรรย์ของเธอเสียแล้วด้วย นั่นทำให้เขาถึงผวาเข้ากอดเธอพร้อมกับอุทานออกมา
“แดงเมียรักของพี่”

คุณแดงถึงกับตกใจ พร้อมกับเอ่ยว่า
“เอ๊ะ พี่ยอดคะ ผัวเมียเขาทำกันอย่างนี้หรือคะ? งั้นหนูก็เป็นเมียพี่แล้วหรือ?”
ยอดชายพยักหน้า เธอทำหน้าตกใจและว่า
“พี่ยอดคะ หนูกลัวมีลูก”
“ผัวเมียเด็กๆอย่างนี้ ยังไม่มีหรอก” เขาปลอบ
“ไม่เอาล่ะ คราวหลังพี่อย่าทำหนูเลยนะ เดี๋ยวหนูท้อง” เธอบอกกับเขา
“ไม่เป็นไรหรอก อย่างนั้นแดงก็ไม่รักพี่นะสิ” ยอดชายว่า
“รักซิคะ แต่รอให้แดงโตกว่านี้ก่อน แล้วแดงจะยอมพี่ทำทุกวันเลย” คุณแดงตอบ
“นี่พี่ก็ไม่ได้ทำหนูทุกวันนี่นา เวลาพี่ต้องการ แดงรักพี่ต้องยอมนะ” เขาพยายามเซ้าซี้
“ดูก่อนค่ะ” คุณแดงว่า

……แล้วรีบลุกขึ้นแต่งตัวเพื่อกลับออกไปเดินเล่น เธอออกปากชวนเขาอีกครั้ง แต่ยอดชายปฏิเสธด้วยเพลียเต็มที่ ประเดิมชัยกามรสตั้ง ๓ ยก เล่นเอาผงกหัวลุกไม่ไหว คุณแดงก็เลยออกไป
……เขาสังเกตดูว่าเธอก้าวเดินขาถ่างๆ แล้วเขาก็เลยหลับสลบไสลไปด้วยความสุข

……แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ หาได้พ้นสายตาของแม่สมใจคนครัวไปได้ไม่ นับตั้งแต่วันแรกที่ยอดชายประเดิมแม่แจ๋วและกินหัวน้ำคุณแดงแล้ว แม่สมใจได้มีโอกาสเห็นการประลองยุทธของหนุ่มสาวทั้งสามอย่างใจหวาบหวาม
……อันที่จริงแม่สมใจเองก็หาใช่สาวแส้ไม่ เคยผ่านการมีผัวมาแล้วแต่เลิกกันไปโดยที่ไม่มีลูกเต้าด้วยกัน แม้จะอายุเข้า ๓๐ เศษแล้วก็ยังดูเป็นสาวพริ้งอยู่ รูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว รักความสะอาดเรียบร้อย ตลอดทั้งทำกับข้าวกับปลาเป็นที่ถูกใจของคนทั้งบ้าน ซึ่งคุณพระก็ให้ความเอ็นดูอยู่ คุณนิตยาเองก็เคยพูดเลียบๆเคียงๆให้ท่านอยู่เหมือนกัน แม่สมใจก็รู้เชิงแต่เธอยังเฉยอยู่ แต่ก็ได้พูดไว้เป็นเชิงแบ่งรับแบ่งสู้เหมือนกัน

……นับตั้งแต่ได้เห็นยุทธกามกรีฑาคืนวันนั้นแล้ว แม่สมใจชักจิตใจไม่ใคร่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้คอยนึกถึงรสหวานมันเผ็ดร้อนที่เธอเคยได้รับจากผัวอยู่ครามครัน แม้จะห่างมานานปี รสชาตมันก็ยังคงฝังตรึงจิตใจอยู่ไม่วาย ยิ่งมาถูกกระตุ้นด้วยภาพพิเศษเช่นนี้ เล่นเอาเกือบคุมสติไว้ไม่อยู่
……ซึ่งคืนวันนั้นเธอร่ำๆจะปล่อยทีเด็ดเสียแล้ว ครั้นต่อมาก็ครุ่นคิดอยู่เสมอว่า ด้วยวิธีใดหนอจึงจะทำให้เธอได้รับรสเช่นนั้นจากคุณยอดชายบ้าง ซึ่งเธอยินดีจะสนองไม่อั้นประตูอยู่เหมือนกัน