4047-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-1-%e0%b8%9e%e0%b8%9a%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%99
ณ บ้านทรงยุโรปใหญ่หลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตต่างจังหวัด ภายในห้องรับแขกกำลังมีคนนั่งสนทนากันอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามคน ชายหนุ่มเจ้าของบ้านวัยย่างใกล้อายุสี่สิบ นั่งอย่างอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ใบหน้าสงบนิ่งจนไม่อาจคาดเดาความคิดได้ กำลังจ้องมองแขกผู้มาเยือนด้วยท่าทีเฉยเมยราวกับผู้ที่มานั่งอยู่ตรงหน้าเขาไม่มีตัวตนแม้แต่นิดเดียว หากแต่ชายชราผู้ยังบึกบึนอยู่กลับมีสีหน้าที่หนักใจในการมาพบกับเขาพอสมควร เพราะไม่แน่ใจว่าการบากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากหนุ่มใหญ่ผู้นี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ต่างจากหญิงสาววัยประมาณสิบแปดปี รูปร่างอวบอัด ผมสีทอง ผิวขาวราวกับสำลี ที่นั่งอยู่อย่างเงียบๆ คู่กับมิยาโมต้ กลับอดเพ่งพิศมองบุรุษที่องอาจและสง่าซึ่งอยู่ตรงหน้าเธอมิได้
“ผมต้องขออภัยที่มารบกวนการพักผ่อนของท่านโทระ มารู แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องฉุกเฉินจริงๆ ครับ หวังว่าท่านโทระ มารู คงจะอภัยให้กับการมาของผมในครั้งนี้ด้วย” ชายชราสูงอายุชาวอาทิตย์อุทัย ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ยกขบวนมาหาชาติพยัคฆ์กล่าวอย่างนอบน้อมด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรคุณมิยาโมโต้ ยังไงคุณก็เป็นคนเก่าคนแก่ของรุ่นพี่ฮิเด มากิ ไม่ว่าคุณจะมาเมื่อไหร่ผมก็ยินดีต้อนรับเสมอ เพียงแต่ผมแค่สงสัยเท่านั้นเองว่า ทำไมจู่ๆ คุณถึงมาหาผมถึงที่นี้ คงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในองค์กรของพวกคุณกระมัง?” บุรุษที่ชายชราเรียกว่า “โทระ มารู” ถามแบบไม่อ้อมค้อม
มิยาโมโต้ เหลือบมองไปยังหญิงสาวรุ่นหลานที่นั่งอยู่ข้างๆ ครู่หนึ่ง ก่อนหันมาตอบกับชายหนุ่มว่า
“ท่านโทระ มารู เดาได้ถูกต้องแล้วครับ ตอนนี้สมาคมมังกรทมิฬ กำลังเกิดปัญหาอยู่จริงๆ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าแก๊งค์ยากูซ่าที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น จะเกิดปัญหาใหญ่โต จนทำให้มิยาโมโต้ ซึ่งจัดอยู่ในหนึ่งในสิบสองผู้อาวุโสของสมาคมมังกรทมิฬ ต้องเดินทางมาหาเขาถึงประเทศไทย สมาคมมังกรทมิฬเป็นแก๊งค์ยากูซ่าอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น มีอิทธิพลในทุกๆ ด้าน ทั้งยังทำธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภท แม้แต่นักการเมืองในญี่ปุ่นที่ว่าแน่แค่ไหนก็ยังไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสมาคมมังกรทมิฬเลย
ตระกูลโกโซเป็นตระกูลเก่าแก่ทั้งยังเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดตระกูลหนึ่งในแก๊งค์ยากูซ่า ได้สืบสานการเป็นหัวหน้าสมาคมมังกรทมิฬมารุ่นต่อรุ่น จนมาถึงโกโซ ฮิเด มากิ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่เจ็ดของสมาคมมังกรทมิฬ สมัยที่ชาติพยัคฆ์ยังเป็นหนุ่มนั้น เป็นนักศึกษารุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับโกโซ ฮิเด มากิ เขาเคยได้ช่วยชีวิต ฮิเด มากิ จากการลอบสังหารของคนจากสมาคมปีศาจสุริยะ ซึ่งเป็นแก๊งค์ยากูซ่าอันดับสองของญี่ปุ่น จึงทำให้ชาติพยัคฆ์สามารถเข้านอกออกในบ้านตระกูลโกโซได้ราวกับว่าเป็นลูกหลานในตระกูลโกโซ จนกระทั่งเฮเด มากิ แต่งงานกับมาเรีย อาย่า ชาติพยัคฆ์จึงได้เดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยและไม่เคยได้กลับไปที่ญี่ปุ่นอีกเลยจนเกือบจะยี่สิบปี
“แล้วตอนนี้รุ่นพี่ฮิเด มากิ เป็นยังไงบ้างครับ?” ชาติพยัคฆ์ ถามถึงรุ่นพี่ที่เขาเคารพรัก
เพียงได้ยินชื่อของ ฮิเด มากิ ก็ทำให้ มิยามาโมโต้ ถึงกับมีสีหน้าที่เศร้าสลด แม้เขาจะเป็นนักรบแดนอาทิตย์อุทัยก็ตามแต่ก็อดที่จะตอบด้วยเสียงที่สั่นเครือไม่ได้เมื่อต้องกล่าวถึงเจ้านาย
“ท่านฮิเด มากิ เสียชีวิตได้สองปีแล้วครับ ท่านโทระ มารู”
“อะไรนะ!!!!!” ชาติพยัคฆ์ถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ
“นี้มันเรี่องอะไรกัน!!!! คุณมิยามาโมโต้ พี่ฮิเด มากิ ตายได้ยังไง แล้วพี่มาเรียล่ะ” ชาติพยัคฆ์ถามด้วยความร้อนรน เป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลาเกือบยี่สิบปีที่เขาควบคุมสติแทบไม่ได้
“คุณผู้หญิงตายพร้อมกับท่านฮิเด มากิครับ ท่านสองคนถึงคนลอบสังหารภายในบ้านพักตระกูลโกโซ เหลือรอดมาเพียงนายน้อยยูยะ กับคุณหนูเอลิน่า เท่านั้นครับ”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ มิยามาโมโต้ อดที่จะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ ความแค้นนี้ใหญ่หลวงนัก หากเขาไม่ตายเสียก่อน ยังไงก็ต้องหาทางลากตัวเจ้าพวกฆาตรกรมารับกรรมที่มันก่อเอาไว้ให้ได้
“ปัง” เสียงฝ่ามือตบลงบนโต๊ะดังสนั่น นี้เป็นครั้งแรกที่ชาติพยัคฆ์โกรธมากจริงๆ
“พวกคุณทำบ้าอะไรกัน!!!! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ผ่านมาตั้งสองปีแล้ว ทำไมถึงไม่ส่งข่าวให้ผมรู้บ้าง”
สีหน้าของชาติพยัคฆ์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าใครได้มาเห็นใบหน้าของเขาในตอนนี้ คงจะรู้ได้เป็นอย่างดีว่าเป็นสีหน้าที่บ่งบอกถึงความต้องการอยากจะฆ่าคน
“ก่อนตายท่านฮิเด มากิ ได้สั่งพวกผมไว้ไม่ให้ส่งข่าวให้ท่านโทระ มารู ทราบครับ ท่านฮิเด มากิ ไม่ต้องการให้ท่านโทระ มารู เข้ามาพัวพันกับสมาคมมังกรทมิฬ และกลัวว่าท่านโทระ มารู จะได้รับอันตรายด้วยครับ” มิยามาโมโต้ รีบอธิบาย
“พี่ฮิเด มากิ” ชาติพยัคฆ์ ถึงกับรำพึงเบาๆ ไม่คิดว่ารุ่นพี่จะห่วงเขามากถึงขนาดนี้
“เล่าเรื่องทั้งหมดมาให้ผมฟังเดี๋ยวนี้” ชาติพยัคฆ์สั่งในทันที
มิยามาโมโต้ จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ชาติพยัคฆ์ฟัง หลังจากที่โกโซ ฮิเด มากิ ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าสมาคมมังกรทมิฬแล้วไม่นาน ก็เริ่มรู้ระแคะระคายว่ามีคนต้องการขึ้นเป็นใหญ่ในสมาคมทมิฬเสียเอง ซึ่งคนที่ว่าก็คือ โกโซ นารูทากิ ผู้เป็นทายาทลำดับรองของตระกูลโกโซ ในชั้นแรก นารูทากิ พยายามดึงผู้อาวุโสในสมาคมมังกรทมิฬมาเป็นพวก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากผู้อาวุโสรุ่นก่อนเป็นคนเก่าแก่ของตระกูลโกโซ ที่เคร่งครัดในธรรมเนียม แต่หลังจากผู้อาวุโสรุ่นเก่าเริ่มทยอยล้มตามลงไปตามอายุขัย และมีผู้อาวุโสรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน นารูทากิ ก็สามารถดึงผู้อาวุโสรุ่นใหม่มาเป็นพรรคพวกได้ถึงหกคน และเริ่มแอบทำธุรกิจมืดปกปิดไม่ให้สมาคมมังกรทมิฬรู้ เพื่อหวังหาเงินมาใช้แย่งชิงตำแหน่งจากฮิเด มากิ ประจวบเหมาะกับช่วงเวลานั้น สมาคมมังกรทมิฬมีเรื่องบาดหมางกับสมาคมปีศาจสุริยะ มีการใช้กำลังเข้าเข่นฆ่าและทำร้ายกันในย่านธุรกิจต่างๆ จึงทำให้ฮิเด มากิ ต้องรีบหันมาสะสางเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว จึงปล่อยให้ นารูทากิ มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อนที่ฮิเด มากิ จะตาย นารูทากิ ยกเรื่องการบริหารงานที่ผิดพลาดของฮิเด มากิ จนทำให้สมาคมมังกรทมิฬอยู่สภาพตกต่ำกว่าที่เคยเป็น ถึงขั้นร้องขอเสียงสนับสนุนจากผู้อาวุโสสมาคมมังกรทมิฬเพื่อขับฮิเด มากิ ออกจากตำแหน่ง แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีผู้อาวุโสรุ่นเก่าที่คัดค้านอยู่ด้วยกันหกคน จึงทำให้ไม่มีเสียงพอที่จะขับฮิเด มากิ ลงจากตำแหน่งได้ จึงทำให้ นารูทากิ เกิดความไม่พอใจ ประกาศว่าจะแยกตัวออกจากสมาคมมังกรทมิฬ และในคืนนั้นเองฮิเด มากิ กับมาเรีย อาย่า ก็ถูกสังหารโหดในบ้านพักของตระกูลโกโซ โดยมีศพของฆาตรกรจำนวนหนึ่งถูกฆ่าตายในบ้านพักรวมอยู่ด้วย เมื่อมิยาโมโต้ทำการชันสูตรศพเพื่อหาหลักฐานการฆาตรกรรมก็พบว่าคนร้ายเหล่านั้น เป็นคนของสมาคมปีศาจสุริยะ ทำให้คนของสมาคมมังกรทมิฬเกิดความโกรธแค้น นำกำลังที่มีทั้งหมดเข้าเข่นฆ่าคนของสมาคมปีศาจสุริยะจนเกิดเป็นเรื่องราวลุกลามใหญ่โตแทบจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองใหญ่ จึงทำให้นารุมะ เทโซ หัวหน้าสมาคมปีศาจสุริยะ ต้องขอเข้าพบกับผู้อาวุโสสมาคมมังกรทมิฬ เพื่อหาทางเจรจาหย่าศึกเป็นการชั่วคราว ทั้งยังอ้างอีกด้วยว่าการตายของฮิเด มากิ ไม่ใช่ฝีมือของคนจากสมาคมปีศาจสุริยะ และขอเวลาหนึ่งปีในการพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ ผู้อาวุโสสมาคมมังกรทมิฬจึงอ้างกฎของสมาคมเลือกโกโซ ฮิเด ยูยะ บุตรชายของโกโซ ฮิเด มากิ ขึ้นมารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าสมาคมมังกรทมิฬสืบต่อจากฮิเด มากิ แทน นารูทากิ ซึ่งแต่เดิมทำท่าว่าจะแยกตัวออกไปก็เปลี่ยนท่าทีหันมาให้การสนับสนุนโกโซ ฮิเด ยูยะเช่นกัน และตั้งแต่โกโซ ฮิเด ยูยะ รับตำแหน่งมา เขาก็ถูกลอบสังหารมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแต่ก็โชคดีที่รอดมาได้
“สรุปแล้วก็คือยังจับมือใครดมไม่ได้ใช่ไหมครับ?” ชาติพยัคฆ์ถามหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด
“ใช่ครับ ท่านโทระ มารู” มิยามาโต้ตอบ
“เรื่องนี้ต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังแน่ ผมไม่มีทางปล่อยให้คนที่ฆ่าพี่ฮิเด มากิ และพี่มาเรีย มันหนีรอดลอยนวลไปได้เป็นอันขาด” ชาติพยัคฆ์พูดราวกับคำราม
“ได้โปรดฟังคำขอร้องจากผมด้วยเถอะครับท่านโทระ มารู” มิยาโมโต้ คุกเข่าลงกับพื้น ทำให้ชาติพยัคฆ์ถึงกับตกใจว่าทำไมมิยาโมโต้ต้องลงทุนขอร้องเขาถึงขนาดนี้
“อะไรกัน!!!! คุณมิยาโมโต้ ลุกขึ้นมาก่อนเถอะครับ” ชาติพยัคฆ์บอก พลางพยายามยื้ดยุดให้เขาลุกขึ้น
“ท่านโทระ มารู โปรดฟังคำร้องขอจากผมด้วยครับ โปรดช่วยท่านเอลิน่าให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเจ้านารูทากิด้วยเถอะ”
ชาติพยัคฆ์มองมิยาโมโต้ด้วยความไม่เข้าใจ สายตาพลันก็จับจ้องเป็นที่หญิงสาวรุ่นราวคราวลูกที่ยังคงนั่งสงบนิ่งและสวยสง่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ความงามของเธอไม่แพ้ผู้เป็นแม่เลยแม้แต่น้อย
“พี่มาเรีย” ชาติพยัคฆ์อดที่จะรำพึงถึงภรรยาของรุ่นพี่อยู่ในใจไม่ได้
“ท่านโทระ มารู โปรดแต่งงานกับท่านเอลิน่าด้วยเถอะครับ”
“คุณว่าอะไรนะ มิยาโมโต้!!!!!!”
ชาติพยัคฆ์ตกใจไม่คิดว่ามิยาโมโต้จะขอร้องเขาแบบนี้
“ตั้งแต่ท่านฮิเด มากิ กับท่านมาเรีย ตายไป เจ้านารูทากิ มันก็มองท่านเอลิน่าด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนหน้าที่ผมจะมาผมท่านโทระ มารู ท่านเอลิน่า เคยถูกคนร้ายจับตัวไป โชคดีที่พวกผมตามไปช่วยท่านเอลิน่าเอาไว้ได้ทัน แล้วยังจับตัวเจ้าคนร้ายนั้นมาได้ด้วย มันสารภาพต่อพวกผมและท่านยูยะว่า เจ้านารูทากิ เป็นคนสั่งการพวกมันมา เจ้านารูทากิมันพอใจในความงามของท่านเอลิน่า มันจึงสั่งให้คนของมันมาลักพาตัวท่านเอลิน่าไป แต่พอมันรู้ว่าคนของมันทำงานพลาด เจ้านารูทากิ ก็ส่งลูกน้องมาจัดการเก็บคนของมันซะ ท่านยูยะ เป็นห่วงกลัวว่าหากท่านเอลิน่า ยังคงอยู่ที่ญี่ปุ่นอาจจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป จึงขอร้องให้ผมพาท่านเอลิน่า มาหาท่านโทระ มารู เพราะมีแต่ท่านโทระ มารู คนเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยท่านเอลิน่าได้ ได้โปรดแต่งงานกับท่านเอลิน่าด้วยเถอะครับ”
ชาติพยัคฆ์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าเรื่องราวต่างๆ มันจะซับซ้อนถึงขนาดนี้ หากว่ากันตามตรงเขายินดีที่จะช่วยเหลือลูกสาวของรุ่นพี่ทุกวิถีทาง หากแต่จะให้ถึงขั้นแต่งงานด้วยแล้ว มันออกจะเกินเลยไปซักหน่อยกระมัง
“คุณอาคะ ได้โปรดแต่งงานกับฉันด้วยเถอะคะ” เอลิน่าที่นั่งนิ่งเงียบมานานเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“หนูพูดอะไรออกมานะเอลิน่า” ชาติพยัคฆ์เอ่ยถาม พร้อมทั้งยังคงจ้องมองเรือนหน้าที่งดงามนั้นอยู่
“เพื่อจะหนีจากเจ้านารูทากิ หนูไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ อารับรองว่า หากหนูอยู่ที่นี้ หนูจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”
“หากฉันยังไม่แต่งงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังไม่ปลอดภัยคะ” เอลิน่าตอบ
ชาติพยัคฆ์มึนงงหนักเข้าไปใหญ่นี้มันเรื่องอะไรกัน
“ในพินัยกรรมของท่านฮิเด มากิ ทำให้ท่านเอลิน่า ได้รับมรดกจากตระกูลโกโซจำนวนมหาศาล รวมทั้งผลประโยชน์จากรายได้ของสมาคมมังกรทมิฬด้วยครับ เจ้านารูทากิ เองก็ต้องารที่จะได้มรดกจำนวนมหาศาลของท่านเอลิน่าด้วยเช่นกัน มันจึงพยายามทำทุกทาง เพื่อที่จะได้ท่านเอลิน่าไปครอบครอง หากมันกลายเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านเอลิน่าเมื่อไหร่ มันก็สามารถหยิบจับทรัพย์สินจากท่านเอลิน่าได้โดยง่าย ทั้งยังอาจจะทำให้ท่านยูยะต้องพลอยลำบากไปด้วย ท่านโทระ มารู ได้โปรดช่วยท่านเอลิน่าด้วยเถอะครับ”
ชาติพยัคฆ์ นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เห็นทีคงมีแต่วิธีนี้จริงๆ เท่านั้น ที่จะช่วยเอลิน่าได้
“ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ ผมคงจำเป็นต้องทำตามที่คุณมิยาโมโต้ขอร้องแล้วครับ เอาเถอะ ผมสัญญาว่าจะดูแลเอลิน่าเป็นอย่างดี เมื่อไหร่ที่เรื่องราวต่างๆ จบลง ผมยินดีที่จะจดทะเบียนหย่าให้ เพื่อให้เอลิน่าได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นตามเดิม”
มิยาโมโต้ได้ฟังถึงกับร้องไห้ออกมา
“ขอบคุณพระคุณท่านโทระ มารู มากครับ ที่กรุณาถึงเพียงนี้ ขอบพระคุณจริงๆ ครับ”
“ขอบคุณคะคุณอา” เอลิน่า ก้มหัวลง พร้อมกับกล่าวขอบคุณจากใจ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองชาติพยัคฆ์อีกครั้ง ประกายตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่ดวงตาของชาติพยัคฆ์ ราวกับว่าเธอกำลังมองลึกไปถึงห้วงลึกในหัวใจของเขา
มิยาโมโต้ จึงรีบนำเอกสารบางอย่างออกจากกระเป๋ามาให้เอลิน่าเซ็น เพื่อให้เขาดำเนินการในเรื่องต่างๆ จากนั้น มิยาโมโต้ก็โทรตามทนายความที่เขาได้ติดต่อไว้ พร้อมสั่งให้ลูกน้องพานายอำเภอมาถึงที่บ้านของชาติพยัคฆ์ เพื่อดำเนินการจดทะเบียนสมรสให้กับคนทั้งคู่ หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว มิยาโมโต้ ก็พักอยู่ที่บ้านชาติพยัคฆ์เป็นเวลาสามวัน ก่อนรีบเร่งเดินทางกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น เพราะห่วงความปลอดภัยของโกโซ ฮิเด ยูยะ
————————————————————-
หลังจากที่มิยาโมโต้กลับประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว เอลิน่า ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของชาติพยัคฆ์ก็ก้าวเข้ามาทำหน้าที่ภรรยาของชาติพยัคฆ์อย่างเต็มตัว ในหลายๆ วันที่อยู่ร่วมกันเอลิน่า สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและใจดีของเขา แต่ถึงกระนั้นชาติพยัคฆ์ยังคงรักษาระยะห่างระหว่างเขาและเธอเอาไว้ และแล้วในคืนหนึ่งหลังจากที่ชาติพยัคฆ์กลับมาจากทำธุระข้างนอก เข้าได้เข้าไปอาบน้ำ เพื่อที่จะเตรียมตัวเข้านอน ขณะที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องของตน ด้วยความเคยชินกับการอยู่ตัวคนเดียว เขาจึงชอบที่จะเดินเปลือยกาย พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดคราบหยดน้ำที่ยังหลงเหลืออยู่ พลันต้องตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็พบว่าเอลิน่า ได้เข้ามาอยู่ในห้องของเขาแล้ว ในชุดนอนที่บางเบาจนเห็นชุดชั้นในที่เธอสวมใส่อยู่อย่างเด่นชัด ชาติพยัคฆ์เป็นผู้ชายไม่เหมือนผู้ชายทั่วไป เขาไม่ได้รู้สึกอายแม้ว่าจะอยู่ในสภาวะที่เปลือยเปล่าเช่นนี้ เขาจึงจ้องมองไปยังหญิงสาวและเอ่ยถามด้วยท่าทีที่เรียบเฉยว่า
“หนูเข้ามาในห้องนอนของอาทำไมเอลิน่า?”
“ฉันจะเข้ามานอนที่ห้องนี้คะ” คำตอบที่เรียบง่าย แต่ก็ทำให้ชาติพยัคฆ์ถึงกับสะอึกได้ไม่น้อย
“แต่อาจัดห้องนอนให้หนูต่างหากแล้วนี้”
“ใช่คะ แต่ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณ ฉันต้องปรนิบัติคุณตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี”
“หนูกับอาเป็นแค่สามีภรรยากันในนามเท่านั้น พอเรื่องทุกอย่างจบลงหนูก็จะได้กลับบ้าน ไม่จำเป็นที่จะต้องมาดูแลอาหรอก”
ชาติพยัคฆ์กล่าวแบบไม่สนใจ แต่เอลิน่ากลับเดินเข้ามาเขาจนแทบจะชิดตัว พร้อมกับขึ้นว่า
“แต่ฉันจะนอนกับคุณที่นี้คะ ไม่ว่าคุณจะว่ายังไงก็ตาม” สายตาของเธอบ่งบอกว่าเธอเอาจริง
ชาติพยัคฆ์ถึงกับถอนใจ ไม่คิดว่าสาวสวยเช่นเธอจะดื้อรั้นถึงขนาดนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจหนูก็แล้วกัน แต่บอกก่อนอาไม่คิดจะนอนที่พื้นข้างล่าง และเวลานอนอาไม่ชอบใส่เสื้อผ้านอนด้วย”
เหมือนเขาจะพูดขู่แต่จริงๆ แล้วชาติพยัคฆ์ พูดตามความจริง เขาไม่ใช่คนที่ใจดีมากมายและไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดทำอะไรเธอก็ตาม แต่ก็คงไม่ถึงขนาดทำตัวเป็นพระเอกเหมือนในนิยาย โดยให้ตัวเองต้องลำบากไปนอนบนพื้นข้างล่างแข็งๆ นั้น ชาติพยัคฆ์โยนผ้าเช็ดตัวลงไปที่ตะกร้าก่อนจะลงตัวนอนบนเตียงพร้อมกับห่มผ้าและหันหลังให้กับเธอ
เอลิน่า อมยิ้มเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าบางเบาที่เธอสวมใส่อยู่รวมถึงชุดชั้นในจนไม่เหลือเลยซักชิ้น ก่อนเดินไปปิดไฟ และก้าวขึ้นไปนอนบนเตียงกับชาติพยัคฆ์ ชายหนุ่มต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้ง เมื่อมีวงแขนงามคู่หนึ่งมาโอบกอดรัดเขาจากทางด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ พร้อมกับกลิ่นตัวของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกรัญจวนใจ จนแก่นกายที่นิ่งสงบเริ่มลุกโชนขึ้นมา และที่ร้ายกว่านั้นก็คือ ด้านหลังที่เปลือยเปล่าของเขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของหน้าอกหญิงสาวที่แนบสนิทกับด้านหลังของตน จนเขาต้องรีบหันหน้ามาเผชิญหน้ากับสาวสวย
“เอลิน่า นี้หนูทำอะไรนะ!!!”
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ แม้ว่าภายในห้องจะมืดมิด แต่ก็พอมีแสงจันทร์สลัวๆ จนทำให้เขามองเห็นริมฝีปากที่อวบอิ่มพร้อมกับฟันที่ขาวราวกับไข่มุกนั้น
“ฉันก็กำลังจะนอนสิคะ นี้ก็ดึกมากแล้วด้วย” หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงหวาน
“จะนอนแล้วทำไมถึงต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดด้วย” เขาถามเสียงเครียด
“ปกติฉันก็นอนแบบเดียวกับคุณนั้นแหละคะ เวลานอนฉันไม่ค่อยชอบใส่เสื้อผ้าหรอกคะ นอนแบบนี้แล้วรู้สึกสบายตัวมากกว่า ไหนคุณบอกว่าจะหลับแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงถามฉันเสียงแจ้วแบบนี้ล่ะ”
เธอยิ้มน้อยๆ เหมือนรู้สึกพอใจที่สามารถแกล้งเขาได้
“นี้หนู…..”
ชาติพยัคฆ์พูดไม่ออก ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงแบบนี้ในโลกด้วย ช่างไม่วางตัวให้สมกับเป็นหลานสาวของเขาเสียเลย แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อไปอีก เอลิน่า ก็โอบกอดรัดเขามากขึ้นก็เดิม ร่างกายของคนทั้งคู่สัมผัสและเสียดสีกันจนชาติพยัคฆ์รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกเอลิน่าประทับริมฝีปากจุมพิตเบาๆ เข้าให้เสียแล้ว
“Good night my sweet heart”
เอลิน่า กล่าวกับเขาเบาๆ ก่อนจะซุกตัวเข้าหาไออุ่นของชายหนุ่มแล้วค่อยๆ นอนหลับไป
“ให้ตายสิ แบบนี้ใครจะไปหลับลงกัน!!!!”
ชาติพยัคฆ์ สบถเบาๆ ไม่รู้เพราะเหตุใด ทำไมค่ำคืนนี้ถึงช่างยาวนานเป็นพิเศษสำหรับเขาเสียเหลือเกิน