Home Post 3917-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-16-welcome-to-wonderland

3917-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-16-welcome-to-wonderland

วิเวียนค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ ก่อนที่เธอจะก้มลงมาสำรวจร่างกายตัวเอง ด้วยเวทย์รักษาที่เธอใช้ ทำให้ตอนนี้บาดแผลที่ท้องจากการถูกแทงโดยเวโรนิก้า ซี่โครงที่หักไปจากการทำร้ายของเบิร์น ตอนนี้หายเป็นปิดทิ้งแล้ว แถมกำลังของเธอก็กลับคืนมาได้บางส่วนแล้วอีกด้วย ……. แต่ปัญหาต่อจากนี้นี่สิ ตอนนี้เธอสถานการณ์ของเธอกำลังแย่เข้าไปทุกขณะ เพราะสิ่งที่เธอปรารถนาก็คือช่วยชายคนรักให้กลับมาอย่างปลอดภัย แต่จะทำยังไงในเมื่อเขาในตอนนี้ตกอยู่ในมือของแวมไพร์ที่หมายจะพาเขากลับ wonderland ไหนจะเหล่าพาลาดินที่ตามมาหมายจะเอาชีวิตเขาอีก ทำให้เธอในตอนนี้ต้องรับมือกับศึกสองด้านเลยก็ว่าได้

แต่ฉับพลันนั้นเอง เธอก็สัมผัสได้ถึงพลังมาน่ากลุ่มใหญ่ที่มีปริมาณมากมายมหาศาล มหาศาลขนาดที่สามารถปลุกไฟราคะที่มีอยู่ในตัวเธอให้ออกมาลุกโชน ร่องกลีบของเธอตอดรัดเป็นจังหวะอย่างเสียวซ่าน จนตัวเธอเองไม่อาจทนไว้ ต้องใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแหย่เข้าไปในร่างสวรรค์เพื่อระบายความกำหนัดที่มีอยู่ออกมาให้หมด แต่เธอก็แหย่ร่องสวรรค์นั้นไม่ได้นาน เพราะแค่ครู่เดียวน้ำรักจำนวนมากของเธอก็หลั่งไหลออกมาเสียแล้ว เล่นเอาพรีสสาวต้องนอนฟุบหายใจแรงอย่างเหนื่อยหอบ

หลังจากขึ้นสวรรค์ไปหนึ่งรอบแล้ว พรีสสาวค่อยๆหลับตาลงเพื่อทำสมาธิสู้กับไฟราคะที่เกิดจากการโดนพลังมาน่าลึกลับนั่นปลุกโหม แต่แม้ว่าเธอจะเคยผ่านบทเรียนนี้มาจนเชี่ยวชาญแค่ไหน แต่คราวนี้มันกลับไม่ง่ายเลยเพราะพลังมาน่านี้ที่เธอเจอมันรุนแรงกว่ามาก แต่ว่าพลังมาน่าที่รุนแรงขนาดนี้เป็นของใครกัน “หรือว่าเป็นของ …..” เมื่อคิดได้ดังนั่นวิเวียนจึงฝืนร่างกาย รีบไปยังต้นตอของพลังมาน่านั้นทันที

.
.
.

และไม่กี่อึดใจ พรีสสาวก็มุ่งหน้ามาถึงห้องควบคุม ห้องที่เป็นต้นตอพลังมาน่าลึกลับนั่น แต่เธอก็คาดการณ์เจ้าของพลังมาน่าที่ว่านั่นผิดไป เพราะในตอนแรกเธอกลับนึกว่าเป็นของนายอาร์ตเหมือนที่ใช้ตอนสู้กับพวกเบลลิคเสียอีก แต่เจ้าของกลับเป็นแวมไพร์ร่างสูงใหญ่ที่มีไอสีดำพวยพุ่งอยู่ด้านหน้า และจากคำบอกเล่าของไอซ์เอจ แวมไพร์ตอนนี้คือแวมไพร์ลินคอร์น ขุนพลไร้พ่ายที่เป็นทหารคู่ใจของราชาแวมไพร์เลอเซอโร่ แต่ที่น่าใจยิ่งกว่าก็คือแวมไพร์ผู้นี้ เป็นผู้ที่ใช้ธาตุความมืด ธาตุพิเศษเช่นเดียวกับเธอ

แต่ถ้าเขาเป็นธาตุความมืด จะแพ้ทางธาตุแสงสว่างของเธอหรือเปล่า

“ลำแสงสะเก็ดดาว จงก่อร่างเป็นหอก”

วิเวียนร่ายเวทย์ของตัวเองทันที ก่อนที่เธอจะซัดหอกลำแสงเข้าใส่แวมไพร์ตรงหน้า แต่แล้วหอกลำแสงนั้นก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในม่านควันเช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับเวทย์ก่อนๆของเหล่าพาลาดินเลย แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน หมายความว่าเลเวลของเธอต่ำเกินไป หรือธาตุความมืดไม่เคยแพ้ทางธาตุแสงแต่แรกอยู่แล้ว

“ผู้ใช้ธาตุแสง !!” ลินคอร์นเองก็ตกตะลึงไม่น้อยเมื่อเห็นเวทย์ที่พรีสสาวใช้ ชั่วขณะนั้นทำให้เขารับรู้ถึงอันตรายของตัวเธอทันที การมีอยู่ของเธอจะภัยพิบัติครั้งใหญ่ของเหล่าแวมไพร์ ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าร่ายเวทย์เข้าโจมตีเธอทันที

“เกลียวคลื่นเงาราหู”

สิ้นคำร่ายเวทย์ ไอดำมหาศาลก็มารวมตัวกันอีกครั้ง ก่อนที่มันจะถูกซัดออกไปเหมือนเกลียวคลื่นที่อยู่ในทะเลคลั่ง เกลียวคลื่นสีดำถาโถมเข้าใส่เป้าหมายอย่างที่ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้ พลังโจมตีที่รุนแรงทำให้แม้แต่วิเวียนยังต้องหวาดหวั่น เธอจึงเลือกที่จะพุ่งหลบแทนที่จะตั้งรับ ซึ่งนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทุกสิ่งที่โดนเกลียวคลื่นนั้นซัดใส่ จะถูกกลืนกินหายไปตลอดกาล

แต่เพราะว่าลินคอร์นมัวสนใจโจมตีพรีสสาวนี้นี่เอง ทำให้เหล่าพาลาดินที่เหลือถือโอกาสลอบจู่โจมในมุมอับ เริ่มจากสโตนเฮดสวนเกราะศิลาก่อนจะพุ่งหมัดเข้าใส่ร่างลินคอร์นทันที การลอบโจมตีนี้ ช่างเป็นการลอบโจมตีที่รวดเร็ว ชนิดที่เป้าหมายอย่างลินคอร์นไม่อาจจะขยับตัวหลบหลีกหรือต้านรับใดๆได้เลย

“พันธนาการแห่งความมืด”

แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้น ทุกๆการโจมตีของเหล่าพาลาดินเป็นสิ่งที่ลินคอร์นรับรู้อยู่แล้ว เขาจึงร่ายเวทย์อีกชุดเพื่อรับมือทันที เวทย์ชุดนี้เมื่อร่ายจบก็บังเกิดเงาเป็นสายที่ลักษณะเหมือนเชือก พุ่งออกมาจากเงาของสโตนเฮดก่อนที่จะพุ่งรัดพันเจ้าตัวแน่น ก่อนที่จะฉุดลากอย่างรุนแรง จนเจ้าพาลาดินแห่งหินผาต้องนอนราบไปกับพื้นอย่างหมดท่า ไม่เพียงแต่สโตนเฮดเท่านั้น พาลาดินคนอื่นก็เช่นกัน แต่ละคนเจอเงาเชือกพุ่งทะยานออกมาจากเงาตัวเอง เข้ามารัดพันจนสินท่า

“แค่เวทย์ไม่กี่บท ก็เอาชนะพาลาดินได้หมด !!” วิเวียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา นี่น่ะเหรอคือฝีมือของแวมไพร์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลไร้พ่าย แต่เธอก็ไม่มีเวลาคิดอะไรต่อเพราะแวมไพร์ตรงหน้าเดินย่างก้าวเข้ามาหมายจะจัดการเธอเป็นคนต่อไป ซึ่งเธอในตอนนี้ทำได้แค่เพียงร่ายเวทย์เพื่อสร้างหอกลำแสงมาต่อกรแค่นั้นเอง

“อย่าดิ้นรนเลยอีหนู” ลินคอร์นกล่าว “ไม่เกี่ยวกับเลเวลเวทย์ ไม่เกี่ยวกับการแพ้ทาง แต่เพราะข้าคือความมืด ความมืดที่สามารถกลืนกินได้ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่แสงของเจ้า …. อีหนูเอ๊ย เจ้าไม่ทางที่จะเอาชนะพลังธาตุที่ชนะได้ทุกอย่างของข้าหรอก”

สิ้นคำกล่าวของลินคอร์น เชือกดำจำนวนมากก็พุ่งจากเงาวิเวียนมารัดตัวเธอเช่นกัน จนตัวเธอในตอนนี้ต้องนอนราบไปกับพื้นมีสภาพไม่ต่างกับพาลาดินคนอื่นเลย แต่ลินคอร์นก็ไม่หยุดแค่นั้น เขาบังคับเงาดำในมือให้ไหลออกมาก่อรูปเป็นดาบขนาดพอดีมือ พร้อมกับหันดาบนี้ไปยังวิเวียนที่นอนราบ

“และเพราะเป็นผู้ใช้ธาตุแสง การมีอยู่ของเจ้าจะทำภัยมาสู่เหล่าแวมไพร์ ดังนั้นข้าจึงต้องจัดการเจ้าที่นี่ซะ !!”

“ม่ายยยยยยยยยยยยยย” นายอาร์ตพยามร้องห้าม

“เวโรนิก้า พาเขากลับไปได้แล้ว !!” ขุนพลแวมไพร์เอ่ยปากสั่งการลูกน้องสาวคู่ใจ

“ค่ะ” เวโรนิก้ารับคำในทันที บาดแผลที่ท้องของเธอตอนนี้ใช้เวทย์รักษาจนอาการบรรเทาแล้ว เธอจึงมีแรงลุกขึ้นฉุดร่างของนายอาร์ตเพื่อที่จะพาข้ามมิติไปในทันที แม้ว่านายอาร์ตจะพยามขัดขืน แต่เขาก็ไม่อาจจะต้านแรงเธอได้เลย

.
.

“อย่าหวังเลยเว้ยยยยยยยยย”

.
.

เสียงตวาดของพาลาดินแห่งไฟดังลั่น เสียงนี้มีที่มาจากร่างของเขา ที่โดนเผาจนเหลือแต่ท่อนร่าง แต่บัดนี้ท่อนร่างนั้นกลับลุกไม้กลายเป็นไฟ ก่อนที่ไฟจะก่อตัวกลับมาเป็นร่างของพาลาดินแห่งไฟผู้นี้ใหม่อีกครั้ง และเมื่อร่างกายเขาก่อขึ้นเสร็จ เขาก็ตวาดลั่นพร้อมกับร่ายเวทย์ไม้ตาย สร้างลูกไฟดินแดนเพลิงพระกาฬรวมศูนย์ขึ้นทันที

“ตายยากนักน่ะ” แวมไพร์ลินคอร์นกล่าวขึ้นพร้อมกับหันไปรับมือ ในขณะที่เจ้าพาลาดินแห่งไฟยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะซัดลูกไฟเข้าใส่ทันที

แต่เป้าหมายของลูกไฟคราวนี้กลับไม่ใช่ร่างของลินคอร์น ไม่ใช่ร่างของเวโรนิก้าและนายอาร์ต แต่เป้าหมายนั้นกลับเป็นเครื่องข้ามิติต่างหาก !! เครื่องข้ามมิติเป็นเครื่องมือธรรมดาจึงไม่ได้สร้างจากโลหะพิเศษอะไรอยู่แล้ว เมื่อกระทบเข้ากับพลังทำลายล้างของเวทย์ไฟนี้ ตัวเครื่องจึงระเบิดเสียหายทันที ปล่อยให้แสงสีฟ้าที่เก็บไว้ในตัวเครื่อง สาดแสงจ้าไปทั่วทั้งห้อง

“ไม่มีไอ้เครื่องบ้านี่ แกก็หนีไป wonderland ไม่ได้แล้วเว้ยยยยยยย” พาลาดินแห่งไฟหัวเราะร่าอย่างสะใจ

ในขณะที่ลินคอร์นเลือดขึ้นหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว ว่าแล้วเขาก็ซัดเวทย์ เกลียวคลื่นเงาราหู เข้าใส่พาลาดินผู้นี้ทันที โดยที่เจ้าเบิร์นมัวแต่สะใจ เลยไม่อาจหลบเวทย์ที่ซัดมาได้ทัน !! ….. แต่ก่อนที่เวทย์แห่งความมืดจะมาถึงตัวเขา เบิร์นก็รู้สึกผิดปกติบางอย่าง เพราะทันทีที่แสงสีฟ้าจากเครื่องข้ามมิติที่พังไปนั้นสาดใส่ร่างเขา เขาก็เหมือนถูกแรงมหาศาลบางอย่างดูดอย่างรุนแรง แรงขนาดที่ว่าดูดจนตัวเขาหายไปจากมิตินี้ทันที

แต่ไม่เพียงเขาเท่านั้น พาลาดินและแวมไพร์คนอื่นๆที่กระทบแสง ต่างก็โดนแรงดูดนี้เข้าไปเช่นเดียวกัน จนแต่ละคนเริ่มหายร่างไป ไล่ตั้งแต่เวโรนิก้า พาลาดินทั้ง 4 ลินคอร์น นายอาร์ต

“อาร์ตตตตตตตตตตตตตตตตตต” วิเวียนร้องเสียงหลงก่อนที่เธอเองจะถูกดูดหายไปเช่นกัน

.
.
.
.
.

ณ ทุ่งหญ้ารกร้างที่ห่างไกลออกไป ที่ตอนนี้กำลังปรากฏการณ์ประหลาดบางอย่าง ท้องฟ้าที่เมื่อครู่สว่างไสวพลันมืดครึ้มราวกับมีเมฆฝน สายลมที่พัดเอื่อยก็พลันรุนแรงราวกับจะมีพายุร้ายพัดผ่าน สร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่อาศัยอยู่ในทุ่งนี้เป็นอย่างมาก จนฝูงสัตว์เหล่านั้นต่างก็วิ่งหนีตายกันอย่างอลม่าน และท่ามกลางพายุร้ายเหล่านั้น ก็บังเกิดแสงสีฟ้าสว่างจ้าขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนที่แสงนี้จะส่งร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งตกลงมาสู่พื้น

“โอยยยยยยยย” วิเวียนนั่นเอง เธอร้องออกมาเล็กน้อยเมื่อทันทีที่เธอตกลงมาจากฟ้า ก่อนที่เธอจะค่อยๆยันกายขึ้นพร้อมกับหันไปสำรวจรอบด้าน ตอนนี้ท้องฟ้าที่มืดครื้มพลันสดใสขึ้นมาแล้ว สายลมที่โหมกระหน่ำเมื่อครู่ที่เหลือเพียงสายลมที่พัดเอื่อย ทำให้เธอในตอนนี้สามารถสำรวจทิวทัศน์รอบด้านได้ถนัดตา …….. ทิวทัศน์ที่นี่ช่างคุ้นตาเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ป่าเขา บรรยากาศ และยิ่งกว่านั้น เมื่อเธอแหงนหน้ามองท้องฟ้า มันก็ยิ่งทำให้เธอจำได้แม่น

“ที่นี่มัน wonderland !!!” วิเวียนเอ่ยร้องอย่างไม่เชื่อสายตา เธอไม่เข้าใจเลยว่าเธอกลับมาที่นี่ได้ยังไงกัน แต่เรื่องนั้นยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเรื่องที่สำคัญก็คือต้องรีบหาตัวนายอาร์ตให้เจอก่อน เมื่อเป็นอย่างนั้นเธอจึงใช้เวทย์เชื่อมจิตทันที

.
.

“พันธนาการแห่งความมืด !!”

.
.

แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับตัว พรีสสาวก็โดนเล่นงานทันที เชือกเงาจำนวนมาก็พุ่งขึ้นมารัดเธอจากด้านหลัง ก่อนจะฉุดร่างเธอให้ล้มลงนอนหงายกับพื้นโดยที่เธอไม่อาจขัดขืนได้เลย และทันทีที่เวทย์สัมฤทธิ์ผล ผู้ร่างเวทย์อย่างลินคอร์นก็ก้าวออกมาพร้อมกับดาบในมือ พร้อมกับเอ่ยเสียงเหี้ยม

“มาสานต่อให้จบดีกว่าอีหนู !!”

.
.
.
.
.

ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง !

ห่างออกไปในเวลาเดียวกัน ที่ตอนนี้เงาร่างสองสายกำลังไล่ล่ากันตามแนวป่า ผู้ล่าก็คือพาลาดิแห่งน้ำที่ตอนนี้กำลังสาดกระสุนเวทย์เข้าใส่เป้าหมายตรงหน้าอย่างสนุกมือ กระสุนเวทย์ที่มีอานุภาพการแช่แข็งสูง ขนาดที่ว่าไม่ว่าอะไรถูกกระสุนนี้เข้าไปจะโดนแช่แข็งทันที แถมระดับของมันก็เท่ากับเลเวล 9 ทำให้ผู้ถูกล่า อย่างแวมไพร์สาวเวโรนิก้า ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยได้แต่อาศัยหลบหลีกตามแนวป่า เพื่อให้เงาไม้ช่วยกำบังให้เธอได้พอมีเวลาหายใจ

“ป่าแถบนี้มันอยู่ในเขตแดนของมนุษย์นี่ บ้าเอ๊ยยยยย !!” เวโรนิก้าได้แต่สบถในใจ

แท้จริงแล้วที่เครื่องข้ามมิติสามารถใช้ส่งคนไปมาระหว่างโลกกับ wonderland ได้นั้น เป็นเพราะพลังงานสีฟ้าที่บรรจุภายในที่ฝ่ายแวมไพร์พัฒนาขึ้นมาต่างหาก วิธีการใช้ก็แค่เดินผ่านแสงก็สามารถข้ามมิติได้แล้ว โดยที่ตัวเครื่องข้ามมิติจะทำหน้าที่เก็บสะสมพลังแสงนั่นไว้ อีกทั้งยังเป็นตัวนำร่องเพื่อกำหนดให้ผู้ที่ข้ามมิติไปปรากฏตัวที่ใด แต่เพราะเบิร์นทำลายตัวเครื่องทิ้ง ทำให้พลังงานรั่วไหลออกมา จนส่งทุกคนกลับมาที่ wonderland กันหมด แล้วก็เพราะเครื่องโดนทำลายเช่นกัน จึงทำให้ระบบนำร่องเสียหาย การกลับมา wonderland จึงกลายเป็นโผล่แบบสุ่ม แล้วแต่ว่าจะโผล่มายังที่ไหน

แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่โผล่มาที่ไหน แต่เป็นโผล่มากับใครต่างหาก !! อย่างเวโรนิก้าที่โผล่มาพร้อมกับเหล่าพาลาดินทั้ง 5 เธอจึงต้องหนีการไล่ล่าของพวกมันอย่างหัวซุกหัวซุน

“อยู่นั่นเองเหรอนังกระหรี่ !!” ไอซ์เอจตระโกนลั่นก่อนจะกราดยิงเข้าที่ต้นไม้ที่เธอซ่อนตัวทันที ทำให้แวมไพร์สาวต้องพุ่งทะยานหนีอีกรอบ จนเธอสามารถสลัดมันหลุด ออกมาพ้นแนวป่าที่อยู่ด้านนอก

แต่เมื่อพ้นแนวป่ามาได้ เธอก็ต้องเจอปัญหาใหญ่ เพราะด้านหน้าของเธอ เจ้าสโตนเฮดกระโจนทะยานจากที่ซ่อน เข้ามาดักหน้าเธอไว้ในทันที ครั้นเธอถอยหลังหลบทะยานหนีไปอีกทาง เจ้าพาลาดินสายฟ้าก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน พร้อมกันนี้มันก็กางแขนออกทั้งสองข้าง เพียงเท่านี้ก็ปิดทางหนีของเธอได้หมดสิ้น

“อ้อ …. ที่เจ้าพาลาดินธาตุน้ำนั่นทำ ก็คือไล่ต้อนเรามาจนมุมที่นี่เองหรอกเหรอ” เวโรนิก้าเอ่ยขึ้นในใจ พร้อมกับพยามมองหาลู่ทาง ที่จะหลุดพ้นจากวงล้อมของเจ้าพาลาดินทั้งสองนี้ให้ได้ แต่ไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรต่อ เสียงของเจ้าพาลาดินสายฟ้า ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“เจ้านี่โชคดีไม่น้อยนะ นังแวมไพร์” โวลต์เอ่ยขึ้นพร้อมกับร่ายเวทย์ประจำตัว จนตอนนี้สองมือของมันมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนวูบวาบ “เบิร์นต้องการให้จับเจ้าเป็นๆ ไม่งั้นเจ้าได้ตายไปนานแล้ว”

เวโรนิก้าเพ่งมองพาลาดินแห่งสายฟ้าผู้นี้ราวกับติดใจอะไรบางอย่าง นั่นก็เพราะกระแสพลังธาตุที่ถูกเขาชักนำลงถุงมือนั้นเบาบางกว่าที่ควรจะเป็น ราวกับว่านี่ไม่ใช่เวทย์ระดับเลเวล 9 และเมื่อเธออ่านกระแสพลังธาตุไปสักพักเธอก็รู้ว่าพาลาดินผู้นี้ใช้เวทย์ มือประทับอัสนีบาตร แต่ลดระดับลงเหลือแค่เลเวล 6 เท่านั้น นั่นอาจจะเป็นเพราะคำสั่งให้จับเป็นตัวเธอ แต่การที่จะใช้เวทย์ระดับ 6 มาจับตัวเธอนั้น คงเป็นเรื่องยากสักหน่อยน่ะ

“แขนคู่ม้วนพายุ”

เวโรนิก้าร่ายเวทย์ลมเพื่อรับมือ ทันทีที่เธอร่ายเสร็จพลังธาตุลมที่อยู่รอบด้านก็โดนดึงดูดเข้าหา ก่อนที่พลังธาตุเหล่านั้นจะพัดวนรอบแขน ไล่ตั้งแต่หมัดจนไปถึงข้อศอก และพัดแรงขึ้นจนเห็นเป็นลมหมุนได้อย่างชัดเจน จนตอนนี้ดูเหมือนกับว่า มีลมทอร์นาโดขนาดเล็ก หมุนวนครอบแขนของเธอทั้งสองข้าง

“ใช้เวทย์ลมรับมือเหรอ ไม่เลวนี่ แต่ถึงมันจะกันพลังสายฟ้าของข้าได้ แต่สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดของข้า มันคือเพลงฝ่ามือต่างหาก !!”

สิ้นเสียงประกาศ เจ้าพาลาดินแห่งสายฟ้าก็ฟาดฝ่ามือใส่เวโรนิก้าทันที ซึ่งเธอเองก็รอตั้งรับอยู่แล้ว ฝ่ามือที่มันฟาดลงมาจึงโดนแขนลมพายุป้องกันในทันที ประกายสายฟ้าในฝ่ามือเมื่อเจอลมหมุนที่อยู่รอบแขนนั้นก็โดนพัดสลายไปจนหมด เรียกได้ว่าเวทย์นี้แพ้ทางกันอย่างชัดเจน แต่แม้ฝ่ามือแรกจะโดนสกัด เจ้าพาลาดินสายฟ้าก็ระดมกระบวนท่าเพลงฝ่ามือเข้าใส่เป็นชุด แต่แวมไพร์สาวก็ใช้ท่อนแขนปัดป้องได้หมด ก่อนที่ทั้งคู่จะดีดร่างออกจากกัน

“มือตกแล้วนี่หว่าโวลต์ ไม่โดนเลยสักที อย่าบอกน่ะว่าแกจะมาแพ้แวมไพร์แค่ชั้นแม่ทัพน่ะ” สโตนเฮดที่ดูอยู่ด้านข้างกล่าวเย้ย

เมื่อเจ้าพาลาดินแห่งสายฟ้าถูกเย้ยเช่นนั้น ก็ออกอากาศเกี้ยวกราดขึ้นมาทันที มันรวบรวมพลังเข้าที่ฝ่ามืออีกครั้งพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ทันที แต่คราวนี้เพลงฝ่ามือของมันหนักหน่วงกว่าเดิม อีกทั้งก็เร็วขึ้นมาก ทำให้แวมไพร์สาวเริ่มออกอาการไม่สู้ดี แม้เวทย์ของเธอจะป้องกันพลังสายฟ้าได้หมด แต่ฝ่ามือที่หนักหน่วงรุนแรง ก็ซัดไล่ต้อนเธอไปทุกขณะ จนร่างของเธอเริ่มเสียสมดุลจนต้องโดนเอียงไปตามแรงหมัด นี่คงเป็นความต่างระหว่างพาลาดินระดับสูง กับแวมไพร์ที่อยู่แค่ระดับแม่ทัพ ที่เมื่อโดนลุกไล่อย่างหนัก ชั้นเชิงในการต่อสู้ก็จะแสดงความห่างออกมาชัดเจน

และเมื่อโวลต์เห็นแวมไพร์สาวตรงหน้าเริ่มออกอาการต้านไม่ไหว มันก็ยิ้มออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม มันรวมพลังทั้งหมดไว้ที่ฝ่ามือขวา ก่อนจะซัดเปรี้ยงใส่ร่างแวมไพร์สาวตรงหน้าเพื่อทำการปิดเกมส์ !!

แต่ก่อนที่ฝ่ามือสายฟ้าจะซัดเข้าถึงตัวเวโรนิก้า ข้อมือของมันก็ถูกเวโรนิก้าซัดเปรี้ยงด้วยท่อนแขนขวา ทำให้ทิศทางฝ่ามือถูกเบี่ยงออกเล็กน้อยจนเฉียดหน้าแวมไพรสาวออกไป และทันทีที่ฝ่ามือนี้พลาด ช่องโหว่วจุดใหญ่บนสีข้างของเจ้าพาลาดินก็เปิดออกอย่างชัดเจน และแวมไพร์สาวก็ไม่พลาดโอกาสนี้ เธอฮุคซ้ายเข้าไปเต็มเปา แรงหมัดที่ประสานกลับแรงลมหมุนนั้นส่งพลังทำลายเข้าใส่เจ้าพาลาดินเต็มแรง ส่งผลให้มันทรุดลงในหมัดเดียว

ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเวโรนิก้านี่เอง เธอใช้ประโยชน์จากที่โวลต์เป็นคนทระนงตนว่าเป็นพาลาดิน ใช้ประโยชน์จากที่เขาดูถูกเธอว่าเป็นแค่แวมไพร์ชั้นแม่ทัพ ใช้ประโยชน์จากที่เขากำลังได้ใจเมื่อเห็นเธอกำลังออกอาการ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อล่อให้พาลาดินตรงหน้าประมาท จนเผลอใช้ท่าที่ไม่รัดกุมพอ ทำให้เธอสามารถพลิกสถานการณ์จัดการพาลาดินตรงหน้าได้นั่นเอง

แต่งานเธอก็ยังไม่จบ เพราะยังเหลือพาลาดินอีกหนึ่งที่ยืนอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างกันก็คือ เจ้าสโตนเฮดกลับเลือกใช้พลังสูงสุดในระดับเลเวล 9 โดยไม่มีกั๊ก

“ข้าน่ะเกลียดแวมไพร์ !!” สโตนเฮดเอ่ยดังลั่น “และแวมไพร์ที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือพวกแวมไพร์ตีตรา !! เป็นมนุษย์ดีอยู่แล้ว กับคิดคดทรยศเผ่าพันธุ์ตัวเองไปเข้ากับแวมไพร์ ……… คำสั่งไอ้เบิร์นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่สำหรับข้าถ้ามีโอกาสได้ฆ่าแวมไพร์ตีตราอย่างพวกแก ข้าก็ไม่ออมมือหรอกเว้ยยยยยยย”

“อย่ามาพูดมาก เข้ามาเลยดีกว่า”

ทันทีที่เวโรนิก้าพูดจบ เจ้าสโตรเฮดก็พุ่งเข้าใส่ทันที ร่างกายที่สูงใหญ่แถมยังสวมเกราะหนา ไม่ได้สร้างความหวั่นเกรงให้แวมไพร์สาวแม้แต่น้อย แถมเธอกลับพุ่งทะยานเข้าใส่เช่นเดียวกัน ร่างทั้งคู่วิ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูง จนเมื่อเข้าระยะโจมตี สโตเฮดก็ปล่อยหมัดออกไปทันที

แต่แล้วเวโรนิก้ากลับใช้วิธีสไลด์หลบรอดหว่างขาของสโตนเฮดออกไปได้อย่างสวยงาม แต่ไม่ทันที่เจ้าสโตนเฮดจะได้ทำอะไรต่อ แวมไพร์สาวก็พลิ้วร่างหนีออกไปได้ไกลเสียแล้ว ………… ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะตัวเวโรนิก้าตั้งใจหลบหนีตั้งแต่แรกอยู่แล้วนั่นเอง

และจุดหมายที่แวมไพร์สาวต้องการไปก็คือเขตแดนของแวมไพร์ ซึ่งถ้าเธอหนีเข้าไปได้ พวกพาลาดินก็ไม่อาจจะตามได้ต่อ แต่การจะหนีกลับไปได้นั้น เธอยังต้องผ่านสองจุดใหญ่ๆนั่นก็คือแนวภูเขาหินกับทุ่งโล่งกว้าง เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงเร่งฝีเท้าเข้าไปอีก จนเริ่มเห็นที่หมายอยู่ตรงหน้า

แต่ไม่ทันที่เธอจะเข้าถึงแนวภูเขาหิน กระสุนเวทย์น้ำแข็งก็ยิงกราดใส่เธออีกชุด จนเธอต้องพลิ้วกายหลบตรงข้างทาง …… เป็นไอซ์เอจนั่นเองที่มาดักรอเธออยู่ เพราะมันเองก็คาดการไว้แล้วว่าเธอจะมุ่งมาที่นี่ จึงมาดักรอโจมตีตรงทางเข้าภูเขาหินพอดี ……. แต่แวมไพร์สาวยังมีโชคอยู่บ้างตรงที่ได้โขดหินใหญ่น้อยคอยกำบัง

“เปลี่ยนโหมดกระสุนระเบิด” เมื่อกระสุนยิงกราดใช้ไม่ได้ผล ไอซ์เอจจึงเปลี่ยนระบบกระสุนใหม่ เขาเอ่ยคำสั่งกับปืนคู่ใจซึ่งมันก็ขานรับโดยการเรืองแสงขึ้นมา และเมื่อการเปลี่ยนโหมดเสร็จสิ้น ไอซ์เอจก็ประทับยิงทันที

“วื๊ดดดดดดดด” เสียงรวมพลังของปืนหินธาตุดังลั่นตามด้วย “บรึมมมมมมมม” กระสุนเวทย์ลูกยักษ์ยิงออกไปทันที ก่อนที่มันจะกระทบเข้ากับโขดหินที่แวมไพร์สาวหลบอยู่ เจ้าโขดหินยักษ์กลายสภาพเป็นก้อนน้ำแข็งในทันที ก่อนที่มันจะระเบิดออกอย่างรุนแรง จนสะเก็ดน้ำแข็งกระจายออกเป็นวงกว้าง ……. แต่ยังดีที่แวมไพร์สาวระวังตัวอยู่แล้ว เธอจึงกระโดดหลบไปยังโขดหินที่อยู่ด้านข้างได้ทันท่วงที มีเพียงบาดแผลที่ได้รับจากสะเก็ดน้ำแข็งเล็กน้อยเท่านั้น

“ยังมีต่อ” เจ้าพาลาดินแห่งน้ำตะโกนลั่นก่อนจะยิงกระสุนเข้าใส่ทันที ทำให้แวมไพร์สาวต้องกระโดดหลบไปมาอย่างทุลักทุเล แต่หลังจากที่ต้องหลบกระสุนอยู่ครู่ใหญ่ แวมไพร์สาวก็สังเหตุอะไรได้บางอย่าง ปืนนี้แม้จะมีอานุภาพสูง แต่ก็มีระยะดีเลย์ก่อนยิงและหลังยิงอยู่เล็กน้อย ซึ่งถ้าเธอจับจังหวะดีๆก็สามารถหลบได้ ไม่แค่นั้น แนวหินใหญ่น้อยที่เรียงรายนี้ถ้าใช้บังดีๆ ก็สามารถพาเธอเข้าถึงตัวเจ้าพาลาดินได้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงเริ่มลงมือตอบโต้ทันที

แวมไพร์สาวตั้งสมาธิใช้การฟังเสียงการทำงานของปืนเพื่ออ่านจังหวะ ก่อนจะพุ่งตัวไปยังโขดหินที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอสามารถหลบกระสุนเวทย์ได้ทัน แถมยังร่นระยะระหว่างเธอกับเจ้าพาลาดินตรงหน้าได้อีกด้วย และเมื่อการหลบครั้งแรกได้ผล แวมไพร์สาวก็พุ่งหลบไปตามโขดหิน จนเธอเข้าใกล้เป้าหมายไปทุกที

“บ้าเอ๊ยยยยยยย” พาลาดินแห่งน้ำร้องอย่างเดือดดาดก่อนจะยิงเข้าใส่แวมไพร์สาวตรงหน้า แต่สุดท้ายกระสุนของเขาก็ทำลายได้แค่โขดหินที่ตั้งเรียงรายเท่านั้น แวมไพร์สาวรุกคืบเข้าใกล้เขาไปทุกขณะโดยไม่อาจจะหยุดยั้งได้ หลายครั้งที่เขาหันไปทำลายโขดหินล่วงหน้า แต่ผลของมันก็แค่ทำให้แวมไพร์สาวเปลี่ยนทางที่จะเข้าใกล้เขาเท่านั้นเอง และในที่สุด แวมไพร์สาวก็หลุดแนวโขดหินพุ่งเข้าใส่เขาทันที

.
.

แต่นั่นมันก็เข้าแผนร้ายของเจ้าพาลาดินอย่างจัง

.
.

เพราะทันทีที่แวมไพร์สาวเขาถึงตัวเขา มีดบินเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ร่างเธอทันทีจนร่างของเธอล้มลง พร้อมกับร่างของไซโคลนที่แอบซุ่มอยู่จะออกมา ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเจ้าพาลาดินทั้งคู่นั่นเอง ไอซ์เอจเป็นตัวล่อเพื่อให้เวโรนิก้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะให้ไซโคลนที่ซุ่มอยู่เป็นคนจัดการ ด้วยวิธีนี้ทำให้พวกเขาสามารถจับเธอได้เป็นๆ

“ฮ่าๆๆๆ คิดจริงๆหรือว่าข้าจะยอมให้เจ้าเข้าถึงตัวได้น่ะ หา…….” พาลาดินแห่งน้ำหัวเราะร่าก่อนจะเดินเหยียบไปที่แขนของแวมไพร์สาว ก่อนจะใช้สายตาสำรวจไปตามเรือนร่างของแวมไพร์สาว ซึ่งมันทำให้เขาสังเกตุได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง นางแวมไพร์ตนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย

“ก็ไม่คิดน่ะสิ” เวโรนิก้าเค้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะร่ายเวทย์ทันที “ประกายแสงหิงห้อย”

เวทยนี้เป็นเวทย์ไฟเลเวล 6 แต่ถึงจะอยู่ในเลเวล 6 เวทย์นี้ก็ไม่ได้มีพลังทำลายอะไร เพียงแต่เมื่อใช้แล้วผู้ร่ายจะร่างกายเรืองแสงเจิดจ้าดั่งดวงอาทิตย์ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ตาพร่าไปชั่วขณะ และเพื่อจะใช้เวทย์นี้ให้ได้ผล เวโรนิก้าจึงจงใจแกล้งเจ็บเพื่อล่อให้พาลาดินเข้ามาใกล้ แม้จะผิดคาดเล็กน้อยที่มีพาลาดินอีกคน

“อ๊ากกกกกกก” เจ้าพาลาดินทั้งสองร้องขึ้นมาหนึ่งคำก่อนจะดีดตัวถอยห่างตามสัญชาติญาณ ทำให้เปิดโอกาสให้แวมไพร์สาวพุ่งทะยานหนีไปในภูเขาหิน ซึ่งกว่าสายตาของเจ้าพาลาดินทั้งคู่จะกลับมาปกติ แวมไพร์สาวก็พุ่งทะยานหนีไปไกลเสียแล้ว อีกทั้งด้วยแนวหินที่สลับซับซ้อน จึงยากที่จะหาตัวเธอได้เจอ

“ข้าตามเอง” แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาของไซโคลน เพราะแวมไพร์สาวนั้นเคลื่อนไหวด้วยพลังเวทย์ลม ทุกครั้งที่เคลื่อนตัว เธอจะทิ้งร่องกระแสลมเอาไว้ซึ่งมีแต่ผู้ใช้เวทย์ลมเท่านั้นที่สัมผัสได้ และเขาก็เคยใช้ร่องกระแสลมนี้ในการตามตัวเธอได้มาแล้ว และทันทีที่พาลาดินแห่งลมอ่านกระแสพบ เขาก็พุ่งทะยานเข้าไล่ล่าในภูเขาหินทันที

และด้วยพลังเวทย์ที่เลเวลสูงกว่า ไม่นานเขาก็ไล่ตามแวมไพร์สาวได้ทัน และเมื่อเห็นเป้าหมายตรงหน้า ไซโคลนก็ระดมซัดอาวุธลับเข้าใส่ทันที แต่แนวหินที่ตั้งเรียงรายนั้นก็ช่วยเป็นเกราะกำบังให้แวมไพร์สาว จนเธอสามารถรอดพ้นคมอาวุธลับนั้นได้ทั้งหมด

“ท่าทางท่านพาลาดินจะเจาะหินพวกนี้ไม่เข้าสิน่ะ” เวโรนิก้าเอ่ยเย้ยหยัน

“อย่างนั้นเหรอ” ไซโคลนเอ่ยตอบพร้อมกับปลดกลไกลบางอย่างที่ปลอกแขน ทำให้ใบมีดเล่มใหญ่ 8 เล่มไหลออกมาจากปลอกแขนทั้งสองข้าง ต่อจากนั้นเจ้าพาลาดินแห่งลมก็นำด้ามใบมีดมาต่อกันจนได้ดาวกระจายยักษ์ 4 แฉก 2 เล่ม

“เอาไปเลยยยยยยย !!” ไซโคลนร้องลั่นพร้อมกับเหวี่ยงดาวกระจายทั้งสองทันที ดาวกระจายที่เกิดจากใบมีดที่อาบพลังธาตุลม 4 เล่ม เมื่อนำมารวมกันทำให้ความคมเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าเช่นกัน ทำให้สามารถตัดภูเขาหินได้อย่างง่ายดาย เท่ากับว่าตอนนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถป้องกันเวโรนิก้าได้อีกแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นแวมไพร์สาวก็ยังพอพริ้วหลบได้ เพราะดาวกระจายนี้มีกระแสลมหมุนวนอยู่โดยรอบ ทำให้นี่จึงตัวบอกตำแหน่งดาวกระจายให้เวโรนิก้าทราบได้เป็นอย่างดี แต่การเคลื่อนที่ของดาวกระจายจะเคลื่อนเป็นวงกลม ทำให้ดาวกระจายกลับไปอยู่ในมือไซโคลนได้เสมอ และด้วยเพลงซัดที่พลิกแพลงได้หลากหลาย แวมไพร์จึงหลบได้ยากขึ้นทุกที จนตัวเธอเริ่มได้บาดแผลเข้าบ้างแล้ว

“รู้ไหมข้าหมันไส้ท่าทางชอบวางกล้ามของเจ้าเบิร์นนัก” ไซโคลนพูดพลางก่อนจะเปลี่ยนการควบคุมดาวกระจายจากมือมาเป็นพลังเวทย์ “และถ้ามันอยากได้เจ้าแบบเป็นๆนัก ข้าก็จะตัดหัวเจ้ากลับไปให้มันแทนไงล่ะ”

หลังจากพูดจบ ไซโคลนก็ซัดดวงกระจายทันที แต่คราวนี้แตกต่างออกไป เพราะเมื่อดาวกระจายโดนบังคับด้วยพลังเวทย์ การหมุนของมันจะยิ่งเร็วขึ้น อีกทั้งความเร็วก็จะมากขึ้นไปอีก ทำให้แม้แวมไพร์สาวจะหลบดาวกระจายเล่มแรกได้ แต่เล่มที่สองที่ตามมาก็ยากที่จะหลบพ้น ทำให้คราวนี้เธอโดนบาดที่สีข้างได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

และเมื่อเธอได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ไซโคลนก็ใช้พลังเวทย์บังคับให้ดาวกระจายย้อนกลับมา ดาวกระจายเล่มแรกพุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว จนเธอต้องฝืนกระโดดหลบอีกรอบ คราวนี้แม้หลบได้แต่บาดแผลของเธอก็เปิดออกจนเลือดไหลออกมา ทำให้ดาวกระจายเล่มที่สอง เธอจึงไม่อาจฝืนกระโดดหลบได้อีกแล้ว

แต่เมื่อหลบไม่ได้ ทำให้เธอเหลืออยู่ทางเดียว แวมไพร์สาวตั้งสมาธิจนแน่วแน่พร้อมกับพุ่งมือเข้าใส่ดาวกระจายนั้น ก่อนจะคว้าเอาด้ามจับ ทำให้สามารถหยุดดาวกระจายได้อย่างเฉียดฉิว เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที แน่นอนว่าเจ้าพาลาดินแห่งลมนั่นยังไม่รู้ตัว นี่จึงเป็นจังหวะงามที่เธอจะตอบโต้กลับ เธอจัดการซัดดาวกระจายที่ยึดมาได้ เข้าใส่เจ้าพาลาดินแห่งลมที่ยืนจังก่า แต่จังหวะนั้น เจ้าพาลาดินก็ซัดดาวกระจายเล่มที่เหลือมาพอดีเช่นกัน ทำให้ดาวกระจายทั้งสองปะทะกันเสียงดังสนั่น ก่อนที่ดาวกระจายทั้งสองจะแตกออกกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง

“อ๊ากกกกกกก” เจ้าไซโคลนร้องอย่างเจ็บปวด เพราะเศษดาวกระจายที่แตกออก มีเศษหนึ่งพุ่งเข้าเสียบที่หัวไหล่ของเขาอย่างจัง จนเจ้าพาลาดินถึงกับต้องล้มลงกับพื้น ในขณะที่แวมไพร์สาวก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่เธอยังพอยืนอยู่ได้ เธอจึงถือโอกาสนี้ ค่อยๆเดินจากไป

ในบาดแผลทั่วร่างของเธอนั้น บาดแผลที่สีข้างของเธอสาหัสที่สุด ถึงแม้เธอจะใช้เวทย์รักษาจนเลือดหยุดไหล แต่บาดแผลก็ยังไม่ปิดดี แต่ถึงกระนั้นเธอเองก็ไม่มีเวลามาหยุดพัก เพราะตอนนี้เหลือเพียงแนวทุ่งโล่งตรงหน้า ถ้าเธอผ่านทุ่งโล่งตรงนี้ไปได้ นั่นก็หมายถึงเธอเข้าเขตแวมไพร์ได้แล้ว ……. เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบเร่งหลบหนีให้เร็วขึ้น จนในที่สุด ก็เธอสามารถหลุดพ้นภูเขาหินออกมาได้เสียที …….. แต่ภาพตรงหน้า มันกลับทำให้เธอไม่เชื่อสายตา

นี่คงเป็นเพราะเธอไปอยู่ที่ต่างมิติเป็นเวลานาน เธอจึงไม่รู้ว่ามีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม อย่างทุ่งโล่งเมื่อก่อน ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว แต่กลายเป็นเมืองเล็กๆมาตั้งแทน !!

แต่แวมไพร์สาวก็ไม่มีทางเลือกมากนัก พวกพาลาดินกำลังไล่ตามมา อีกทั้งแผลเธอก็เริ่มเปิด ดังนั้นเธอจึงต้องหลบเข้าไปในเมืองก่อนทันที …..

.
.
.
.
.

“อย่า………………………..!!” วิเวียนร้องลั่นพร้อมกับพยามดิ้นรนขัดขืนอย่างเต็มที่ แต่เธอก็ไม่สามารถทำไรได้มากนักเพราะสองแขนของเธอโดนเชือกเงายึดกุมอยู่ เสื้อกล้ามตัวจิ๋วของเธอโดนเจ้าแวมไพร์ตรงหน้าฉีกขาดอย่างง่ายดาย ทำให้เต้างามนวลสวยออกมาอวดโฉมยั่วยวนอย่างน่าหลงใหล ยอดปทุนถันสีชมพูสดที่ชูตระง่านทำให้ผู้ที่พบเห็นยากจะอดใจไหว ไม่เว้นแม้แต่ขุนพลแวมไพร์ผู้นี้ มันก้มลงไปดูดเลียอย่างหื่นกระหาย

“อืมมมมมมมมมมมม” วิเวียนกัดฟันแน่นเพื่อสู้กับความเสียวกระสันที่มาจากการกระทำอย่างดิบเถื่อนของแวมไพร์ตรงหน้า แต่ถึงแม้เธอจะพยามฝืนแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องเผลอครางออกมาเป็นระยะ เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าแวมไพร์ก็ยิ่งลงมือรุนแรงยิ่งขึ้น สองมือของมันบีบขยำเข้าไปที่เต้างามทั้งสองของเธอสลับกับการดูดกัดอย่างรุนแรง จนเห็นเป็นรอยแดงไปหมด

“อ๊า……………….” และในที่สุดวิเวียนก็ต้องร้องครางออกมา เมื่อเจ้าแวมไพร์กระชากกางเกงของเธอออก ก่อนจะยัดนิ้วลงไปพรวดเดียว จนเธอต้องขมิบหีตอดรัดแน่น เจ้าแวมไพร์จึงตอบสนองด้วยการกระแทกนิ้วเข้าออกอย่างรุนแรง แค่ไม่กี่ครั้งหญิงสาวน้ำแตกเสียแล้ว

“ร่านนักน่ะ แค่นี้ก็เสร็จแล้วเหรอ ไหนขอชิมหน่อยสิ” ทันทีที่พูดจบ เจ้าแวมไพร์ก็ละมือออกจากเต้างาม พร้อมกับเลื่อนตัวลงด้านล่าง ทำให้หญิงสาวแอบเสียดายเล็กน้อย หญิงสาวพยามชะโงกหน้าไปมองการกระทำของเจ้าแวมไพร์ ก่อนจะเห็นมันกำลังพยามแหวกเนื้อแคมเธอออก ก่อนที่เธอจะร้องครางออกมาเมื่อมันลากลิ้นยาวไปตามร่องจากร่างขึ้นบน

“ไม่เลว” เจ้าแวมไพร์เอ่ยชมน้ำรักของหญิงสาว ว่าแล้วมันก็ตวัดลิ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับจะตักตวงน้ำรักที่เอ่อ ….มาต่อส่วนที่ขาดไปครับ….

“ไม่เลว” เจ้าแวมไพร์เอ่ยชมน้ำรักของหญิงสาว ว่าแล้วมันก็ตวัดลิ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับจะตักตวงน้ำรักที่เอ่อล้นเข้าปาก โดยที่วิเวียนได้แต่ร้องครวญคราง เพราะแค่เธอโดนมันลากลิ้นทีเดียว หญิงสาวก็เสียวสะท้านจะแย่อยู่แล้ว นี่มาเจอการตวัดไปมาอย่างรุนแรงนี้เข้าไป ทำให้เธอยิ่งเสียวนักเข้าไปใหญ่ จนเธอต้องเผลอแอ่นเอวตาม และเมื่อเจอการดูดติ่งเสียวสลับไปด้วยแล้ว ในที่สุดวิเวียนก็เสร็จไปเป็นรอบที่สอง

“เสร็จไปสองรอบแล้ว ตาข้าบ้างสิ” พูดจบลินคอร์นก็ลุกขึ้นปลดเกราะทุกอย่างออกจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า ก่อนที่เจ้าลินคอร์นจะยืนค่อมหน้าพร้อมกับยื่นท่อนเอ็นจ่อที่ปากของหญิงสาว ขนาดของมันช่างอวบใหญ่จนหน้ากลัว อีกทั้งเส้นเลือดที่บวมปูดโดยรอบทำให้มันดูเหมือนท่อนไม้มากกว่า ขนาดวิเวียนที่มีประสบการณ์กับท่อนเอ็นใหญ่ๆมาแล้วยังอดหวาดหวั่นไม่ได้ แต่ไม่ทันที่เธอจะว่าอะไรต่อ เจ้าแวมไพร์ก็ยัดเข้ามาในปากเธอเสียแล้ว

“อืมมมมมมมมมม ดีๆ” และทันทีที่สามารถยัดท่อนเอ็นเข้ามาในปากพรีสสาวได้ เจ้าแวมไพร์เอ่ยร้องอย่างพอใจ เนื่องจากวิเวียนเองก็บรรเลงเพลงกามอย่างเต็มที่ ปากของเธอพยามโอบรัดท่อนควยอวบใหญ่ให้หมดก่อนจะขยับเข้าออกเป็นจังหวะ สลับกลับการใช้ลิ้นโลมเล้าตวัดไปมา เพียงแต่ติดตรงที่เธอโดนมัดแน่นกับพื้น ทำให้เธอไม่สามารถผงกหัวเธอใช้ปากเธอได้ถนัด ดังนั้นเมื่ออมไปได้สักพัก เจ้าแวมไพร์จึงกดหัวเธอลงกับพื้น เพื่อที่จะเป็นคนคุมเกมส์เสียเอง

และทันใดนั้นเจ้าแวมไพร์ก็กระแทกท่อนควยเข้าไปในคอหอยของหญิงสาวทีเดียวมิด ด้าม ทำให้หญิงสาวต้องผวาดิ้นรนด้วยความตกใจ แต่เจ้าแวมไพร์ก็ไม่หยุดแค่นั้น มันพยามยัดท่อนควยลึกเข้าไปอีกเท่าที่จะทำได้ แถมยังแช่ไว้ในสภาพนั้นเป็นเวลานาน นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมานของหญิงสาว เธอพยามดิ้นรนอย่างเต็มที่เพราะท่อนควยที่ยัดเข้ามาทำให้เธอเริ่มขาดอากาศ หายใจ สองมือของเธอดิ้นรนอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะโดนเชือกเงามัดขึง แต่ช่วงเสี้ยวนาทีที่เธอใกล้หมดสติเจ้าแวมไพร์ก็ถอนท่อนควยออกมา

“แค่กๆๆๆ” หญิงสาวบ้วนน้ำลายที่เอ่อล้นเต็มลำคอออก พร้อมกับหลั่งน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง ทรวงอกของเธอก็เต้นขึ้นลงอย่างหนัก ราวกับพยามจะปั้มอากาศที่ขาดหายไปกลับคืนมา ภาพความทรมานเช่นนี้ชั่งสร้างความสำราญแก่เจ้าแวมไพร์ยิ่งนัก และเมื่อมันเห็นว่าเธอหอบหายใจเพียงพอแล้ว มันก็กดหัวเธอลงพร้อมกับยัดท่อนเอ็นเข้าไปใหม่ แต่คราวนี้มันเริ่มจากขยับเข้าออกเป็นจังหวะอย่างหนักหน่วง ซึ่งตรงนี้ วิเวียนก็ยังพอใช้ปากโอบรัดตอบสนองไหว แต่เมื่อเจ้าแวมไพร์ยัดท่อนควยสุดคอหอยอีกครั้ง เธอก็ได้แต่เพียงดิ้นรนด้วยความทรมาน

แต่ทั้งที่วิเวียนเป็นฝ่ายโดนทารุณกรรมอย่างหนักแท้ๆ แต่รสรักที่แสนป่าเถื่อนเช่นนี้กลับสร้างความหฤหรรษ์ให้เธออย่างประหลาด ไฟ ราคะในตัวเธอโดนโหมกระหน่ำให้รุกโชน จนเธอเริ่มเสียวในร่องสวรรค์ขึ้นมาทีละน้อย และเร่งทวีเสียวหนักเข้าเมื่อโดนยัดสุดคอหอย จนเธอถึงกลับเธอร่อนเอวไปมาเหมือนกับพยามควานหาสิ่งได้ก็ได้ เข้ามาสอดใส่ เพื่อให้ไฟราคะเหล่านี้มอดไป

“อยากขนาดนี้เลยเหรอ อีร่านเอ๊ยยยยย” เจ้าแวมไพร์สบถด่าอย่างหยาบคาย ก่อนจะถอนท่อนควยยาวใหญ่ออกจากปากหญิงสาว ก่อนจะเปลี่ยนมาจ่อที่เนินสวรรค์แทน ก่อนจะค่อยๆสอดมันเข้าไปช้าๆ โดยที่หญิงสาวก็ขมิบตอดรัดอย่างหนัก พร้อมกับยิ้มกริ่มอย่างสุขสมราวกับเด็กน้อยได้รางวัล แต่แล้วความสุขของเธอก็หยุดลงเพราะเจ้าแวมไพร์หยุดสอดเข้ามาดื้อๆทั้งที่ พึ่งยัดมาได้แค่ครึ่งลำ

วิเวียนหน้านิ่วอย่างขัดใจก่อนที่เธอจะใช้สองขาโอบรัดปั้นเอวของเจ้าแวมไพร์ ตรงหน้าไว้ แล้วกระแทกเนินหีเข้าไปอย่างรุนแรงพร้อมกับแช่ทิ้งไว้เช่นนั้นเพื่อซึมซับ ความคับแน่นเช่นนั้นเป็นเวลานาน แต่เมื่อเธอเห็นว่าเจ้าแวมไพร์ไม่มีทีท่าจะขยับปั้นเอวเลย เธอจึงเริ่มเป็นฝ่ายกระดกเนินหีเข้ากระแทกท่อนควยนั้นเสียเอง ภาพในตอนนี้ จึงกลายเป็นพรีสสาวสุดร่านที่โดนมัดมือเหนือหัว แต่ใต้เอวลงมา กลับร่อนกระแทกท่อนควยตรงหน้าอย่างเมามันส์

“โคตรร่านจริงน่ะ อยากรู้นักว่าถ้าพรรคพวกของเจ้ามาเห็นเจ้าในตอนนี้ มันจะว่ายังไง” คำว่าของลินคอร์นทำให้วิเวียนตื่นจากภวังค์ทันที สิ่งแรกที่เธอคิดถึงก็คือชายคนรักที่เธอกำลังตามหาอยู่ นี่ถ้าเขามาเห็นสภาพเธอในตอนนี้เขาจะคิดยังไง ยังรักผู้หญิงร่านสวาทเช่นเธออยู่ไหม ทำให้ความรู้สึกผิดชอบของเธอออกมาร่ำร้องให้หยุดกระทำ แต่น่าเสียดาย ที่ความร่านตัญหาของเธอมันเหนือกว่าเสียแล้ว

“อาร์ตตตต …. วิเวียนขอโทษ” หญิงสาวหลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆพร้อมกับบรรเลงเพลงกามต่อไป
.
.
.
ถัดไปไม่ไกลนัก ร่างชายหนุ่มคนหนึ่งที่สลบแน่นิ่งกับพื้นค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา ที่ตัวเขาสลบไปเป็นเวลานานเช่นนี้ก็เนื่องมาจากเขาไม่ได้ฝึกฝนร่างกายมาก่อน ทำให้ไม่สามารถต้านแรงปะทะระหว่างข้ามมิติ ชายหนุ่มค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้นพร้อมกับพยามเรียกสติที่ขาดช่วงไปกลับคืนมา และพอทันทีที่สติของเขากลับมาสมบูรณ์ เขาก็ต้องประหลาดใจกับทิวทัศน์รอบตัว

เขาในตอนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางต้นไม้หลากหลายพันธุ์ ที่มีลักษณะต้นผิดเพี้ยนไม่เหมือนกับต้นไม้ใดๆที่เขารู้จัก รอบตัวเขามีแต่สัตว์เล็กๆอยู่รายล้อมไม่ว่าจะเป็นนก กระต่าย กระรอก ลิงตัวน้อย แต่ว่าสีสันของมันก็ผิดแปลกต่างออกไปเช่นกัน เขาได้แต่ตั้งคำถามว่าที่นี่คือที่ไหน เพราะแม้มันจะดูคล้ายสถานที่ที่เขารู้จัก แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักอย่าง

“วิเวียน” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อหญิงคนรักของเขาขึ้นมาทันที เพราะก่อนที่เขาจะหมดสติเขาจำได้ว่าเธอกำลังอยู่ในอันตราย เขาจึงออกจามหาเธอด้วยความเป็นห่วง โชคดีที่หญิงคนรักของเธอสอนให้เขารู้จักใช้ เวทย์เชื่อมจิต ทำให้แม้ว่าตอนนี้เขาอยู่บนสถานที่ที่เขาไม่รู้จักแต่เขาก็สามารถรู้ตำแหน่ง ของเธอได้อย่างแม่นยำ

และเมื่อเขาจับตำแหน่งเธอได้ ชายหนุ่มก็รีบวิ่งลัดป่าไปหาเธอทันที แต่ทันทีที่เขาลัดเลาะผ่านป่ามาได้ เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบภาพบาดตาที่เห็นตรงหน้า วิเวียนหญิงสาวคนรักของเขานอนโดนมัดมือไว้เหนือหัว สองขาด้านล่างก็อ้าออกอย่างเต็มที่เพื่อให้ชายร่างยักษ์ที่อยู่ตรงกลางขยับ ซอยได้ถนัด เสียงครวญครางที่ดังลั่นของทั้งคู่บ่งบอกได้เลยว่ากำลังเย็ดกันอย่างถึงพริก ถึงขิงแค่ไหน และมันก็มากพอที่จะทำให้ไม่มีใครสนใจนายอาร์ตที่เดินลัดแนวป่าออกมา

วิเวียนกำลังโดนข่มขืน !! นี่คือสิ่งที่นายอาร์ตคิด เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ตัดสินใจเข้าช่วยเธอทันที

‘วิเวียน ผมมาช่วยแล้ว’ นายอาร์ตตะโกนสื่อสารทางโทรจิตผ่านเวทย์

‘อาร์ต !!!’ วิเวียนอุทานอย่างตกใจ ก่อนที่เธอจะรีบห้ามเขาไว้ทันที ‘อาร์ตอย่าเข้ามาๆๆๆ’

‘วิเวียน !!’ นายอาร์ตชะงักเท้าไปทันที

‘อาร์ตฟังวิเวียนน่ะ’ โชคดีที่แวมไพร์ลินคอร์น กำลังเมามันส์กับการเย็ดเธอ มันจึงไม่ได้สนใจนายอาร์ตที่อยู่ไม่ห่างนัก หญิงสาวจึงเอ่ยผ่านทางโทรจิต ‘อาร์ตรีบหนีไปให้ไกลที่สุด’

‘วิเวียน !! ผมไม่ทิ้งวิเวียนหรอก’ นายอาร์ตเอ่ยตอบโต้ แหมตัวเขาจะไม่ใช่พวกสู้คนเท่าไหร่ แต่การที่ผู้ชายคนนึงเห็นคนรักกำลังถูกข่มขืน แต่เขากลับหนีเอาตัวรอด เรื่องแบบนี้ เขาจะทำได้ยังไงกัน

‘อาร์ต !! อาร์ตฟังวิเวียนน่ะ ถ้าอาร์ตเข้ามาอาร์ตจะโดนมันจับ แล้วตอนนั้นเราจะตายกันทั้งคู่ ถ้าอาร์ตรักวิเวียน อาร์ตรีบหนีไปเร็วๆ’ เมื่อเห็นนายอาร์ตยังไม่ยอมไป วิเวียนก็เอ่ยขึ้นกับเขาอีกรอบ อันที่จริงเธอเองก็พอเข้าใจว่าเขารู้สึกเช่นไร แต่สำหรับเธอนั้น ความปลอดภัยของเขาสำคัญที่สุด

‘แต่ผม……’

‘อาร์ต !! ถ้าอาร์ตยังไม่ฟังวิเวียนวิเวียนจะกัดลิ้นให้ตายเดี๋ยวนี้ !!’

เมื่อเจอคำขู่ของหญิงคนรัก นายอาร์ตก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรต่อไป เขาได้แต่เดินกลับเข้าไปในแนวป่า แต่จะให้เขาหนีเอาตัวรอดเขาก็ไม่อาจทำได้ สองทางที่ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ในที่สุดก็ทำให้เขาทรุดลงนั่งยังสิ้นหวัง เขาในตอนนี้ได้แต่โทษตัวเองที่เป็นคนไม่เอาไหน อ่อนแอ ไม่อาจแม้จะปกป้องคนรักที่โดนย่ำยี เขาอยากเหลือเกินอยากที่จะมีพลังมากกว่านี้ หรือไม่ ก็อยากให้มีใครสักคนที่มีพลังมากพอมาช่วยเหลือคนรักของเขาให้ปลอดภัย

‘คนที่มีพลังมากพอ’ แต่แล้วนายอาร์ตก็เหมือนฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง นี่อาจจะเป็นทางเดียวที่ช่วยวิเวียนได้ และเขาก็ไม่มีเวลามารีรออีกแล้ว ชายหนุ่มรวมพลังเวทย์ไว้ที่ฝ่ามือก่อนจะร่ายเวทย์ใส่ตัวเอง “ห้วงนิทรา”
.
.
.
“หึ ๆๆๆๆ !! นี่มันเรียกบ้าหรือโง่กันแน่ว่ะเนี่ย นี่เจ้าเป็นคนมาหาข้าถึงที่เลยเหรอ”

เสียงหัวเราะลั่นของชายผมยาวที่ถูกมัดโดยโซ่ตรวนจำนวนมากดังก้องไปทั่วห้อง ไม่สิ ! น่าจะเรียกว่าโลกมิติอีกมิติหนึ่งมากกว่า มิติที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ชายผู้นี้เป็นชายที่แม้แต่นายอาร์ตเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ทำไมถึงมีหน้าตาเหมือนเขาไม่มีผิด และทำไม ถึงได้มาอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา

“ชั้นอยากช่วยวิเวียน” นายอาร์ตเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“ก็ได้ ……. เหมือนเดิม เจ้ากับข้าเรามาสลับที่กัน” ชายลึกลับพูดจบก็ยื่นมือออกไปทันที

“ไม่ !!” นายอาร์ตปฏิเสธลั่น “ชั้นจะช่วยวิเวียนอง ที่ชั้นมานี่ ชั้นแค่อยากยืมพลัง อยากยืมพลังที่จะได้ช่วยวิเวียนได้”

“หึ ! ตลกน่า คิดเหรอว่าข้าจะยอม” ชายผมยาวหัวเราะเบาๆพร้อมกับกล่าวเย้ยหยัน

“ถ้าแกไม่ยอม อย่างมากเราก็มาฆ่าตัวตายด้วยกัน !!” นายอาร์ตยื่นคำขาด เขาไม่รู้ว่าการยื่นคำขาดของเขาครั้งนี้จะได้ผลไหม แต่ที่แน่ๆ มันทำให้ชายลึกลับตรงหน้าบันดาลโทสะเสียแล้ว

“กล้าขู่ข้าเหรออออออออ!!!!” ชายลึกลับกระทืบเท้าอย่างโกรธเกี้ยว พริบตานั้นลมพายุที่รุนแรงมหาศาลก็พัดโหมกระหน่ำทันที ลมพายุนี้กระแทกเอาร่างนายอาร์ตอย่างจังจนเขาถึงกับผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่กระนั้นเขาก็ยังจ้องตาตอบกลับชายลึกลับตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ไม่มีวี่แววความกลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย

และเมื่อพายุตรงหน้าสงบลง ทุกอย่างก็กลับมาสงบเงียบอีกครั้งราวกับจะบอกว่าชายลึกลับตรงหน้าอารมณ์เย็น ลงแล้ว และทันใดนั้นเขาก็เปล่งเสียงหัวเราะมาเบาๆ

“หึๆๆๆๆ เจ้านี่มันชั่งโง่ดีแท้ โง่เหมือนกับตัวข้าไม่มีผิด” ชายลึกลับหัวเราะเสร็จก็เผยยิ้มที่คาดเดาไม่ออกออกมา “ก็ได้ ถือว่าข้ายอมแพ้ ถ้าจะให้พลังตามที่เจ้าต้องการ”

เมื่อชายลึกลับพูดจบ เขาก็ยื่นมือออกไปเช่นเดิม การยื่นมือแบบนี้นายอาร์ตเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเล่ห์กลอะไรของชายตรงหน้าหรือ เปล่า แต่เขาก็ไม่มีเวลาให้ลังเล เขาจึงยื่นมือออกไปสัมผัสกับมือตรงหน้า และทันใดนั้นเอง พลังความร้อนบางอย่างก็ไหลเข้าสู่มือของเขา พลังความร้อนที่ยิ่งจับมันก็ยิ่งร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ร้อนมากจนเขาไม่อาจทานไหวได้แต่เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมาน

แต่ไม่นานนักการถ่ายเทพลังก็จบลง นายอาร์ตทรุดลงนั่งอย่างเจ็บปวดพร้อมกับกุมมือที่ปวดแสบปวดร้อน โดยมีชายลึกลับจ้องมองเงียบๆ

“นั่นคือจักรพรรดิแดง” ชายลึกลับเอ่ย “มันเป็นเวทย์ธาตุไฟเลเวล 9 ที่มีอำนาจการเผาผลาญสูง นี่ล่ะคือสิ่งที่เจ้าต้องการ”

“แต่เจ้าสามรถใช้เวทย์นี้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น และข้าก็ขอเตือนสักอย่างน่ะว่า ในตอนนั้นข้าเองก็ใช้เวทย์นี้ แล้วผลของมันก็คือทำให้วิญญาณของข้าหลุดจากการครอบครองร่าง เจ้าเองถ้าใช้เวทย์นี้ ก็อาจจะหลุดออกเช่นกัน ….. คิดเอาเองล่ะกันน่ะ ว่ามันจะคุ้มค่าให้ลองเสี่ยงหรือเปล่า”

“อ้อ …… และเรื่องสุดท้าย จังหวะที่ดีที่สุดที่จะใช้เวทย์นี้ ก็คือตอนที่เจ้าแวมไพร์นั่น เย็ดผู้หญิงคนนั้นจะเสร็จสมแล้วเท่านั้นน่ะ

“ว่าไงน่ะ !! จะบ้าเหรอไง นี่ชั้นมาหานายก็เพื่อหาทางช่วยให้เธอรอดจากโดนข่มขืนนะ” นายอาร์ตร้องลั่นอย่างเดือดดาด

“ไม่มีใครช่วยนางได้อีกแล้ว และถ้าเจ้าใช้เวทย์นี้ในตอนนี้ ลูกไฟก็จะเผาร่างทั้งนางและเจ้าแวมไพร์นั่นไปพร้อมกัน แต่ถ้าเจ้ารอให้เจ้าแวมไพร์นั่นเย็ดเสร็จ มันจะแยกออกจากตัวนาง และนั่นก็จะเป็นจังหวะที่ดีที่สุดที่เจ้าจะใช้เวทย์นี้”

“แปลว่าชั้นต้องปล่อยให้มันย่ำยีวิเวียนต่อไปอย่างนั้นเหรอ” นายอาร์ตตะโกนลั่น ก่อนที่ภาพทุกอย่างรอบๆกายเขา จะค่อยๆเลือนหายไป
.
.
.

นายอาร์ตลืมตาตื่นกลับมายังโลกอีกครั้ง เขามองไปที่มือขวาที่ตอนนี้เขารู้สึกถึงพลังมหาศาลไหลเวียนอยู่ แค่เพียงเขาลองเกร็งกำลังเล็กน้อยก็สามารถสร้างลูกไฟขนาดเล็กขึ้นได้ที่กลาง ฝ่ามือ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงมองไปยังเป้าหมายตรงหน้า เจ้าแวมไพร์ก็ยังย่ำยีคนรักของเขาโดยที่ไม่สนใจตัวเขาที่อยู่ตรงนี้เช่นเดิม ในใจของเขาตอนนี้อยากเลยเกินที่จะซัดพลังใส่ร่างเจ้าแวมไพร์นั่นทันที แต่คำที่ชายลึกลับนั่นให้ไว้ยับยั้งเขาเอาไว้ ทำให้เขาทำได้เพียงนั่งพิงต้นไม้อยู่เงียบๆ

‘วิเวียน’ เขาเอ่ยเรียกหญิงสาว

‘อาร์ต !! ทำไมอาร์ตยังไม่หนีไปอีก’ วิเวียนร้องถามอย่างตกใจ ในขณะที่เจ้าแวมไพร์เริ่มช้อนสองขาของเธอมาวางเหนือบ่า

‘ผมได้มาแล้ว ….. ผมได้พลังที่จะจัดการมันมาแล้ว’

แต่ตอนนี้วิเวียนไม่สามารถเอ่ยตอบอะไรเขาได้อีกแล้ว เพราะทันทีที่เธอถูกจัดให้อยู่ในท่าขาวางพาดบ่า ร่องเสียวของเธอจะแอ่นขึ้นเต็มที่ และเมื่อโดนท่อนเอ็นที่ทั้งยาวทั้งแข็งเป็นลำของแวมไพร์นั่นกระแทกเขามา มันจะแทงลงไปลึกที่สุดจนกระทบมดลูกของเธออย่างรุนแรง ตอนนี้พรีสสาวรู้สึกจุกไปทั่วหน้าท้องไม่มีแรงแม้จะแค่ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ ไป

‘แต่ผมยังใช้มันไม่ได้ ใช้มันไม่ได้จนกว่ามันจะย่ำยีวิเวียนเสร็จ วิเวียนผมขอโทษ’ นายอาร์ตเสียงสั่นเครือ พร้อมกับเอ่ยขอโทษหญิงคนรักออกมาเบาๆ

วิเวียนได้ยินเช่นนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลพรากออกมาอย่างไม่อาจระงับได้ เพราะในความเป็นจริง เขาไม่ควรจะมาขอโทษใดๆกับเธอเลย เป็นเธอต่างหากที่ผิดต่อเขา การกระทำที่เขาคิดว่าเธอโดนย่ำยี แต่ในความเป็นจริงเธอต่างหากที่แอ่นหีให้แวมไพร์ตรงหน้ากระแทกอย่างเต็มใจ เธอในตอนนี้ช่างชั่วช้าเหลือเกิน ที่มีอารมณ์สุขสมกับรสกามตรงหน้า สุขสมทั้งๆที่มีชายคนรักนั่งอยู่ไม่ไกล แต่ไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้ไป เขายังจะรักผุ้หญิงร่านราคะแบบเธออยู่หรือเปล่า

‘อาร์ตยังรักวิเวียนอยู่ไหม’ หญิงสาวเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา

‘ผมรักวิเวียนเสมอ’

‘ดีแล้ว’ วิเวียนยิ้มรับกับคำตอบที่ได้รับ เธอใช้สองขาที่วางอยู่เหนือบ่าโน้มคอเจ้าแวมไพร์ตรงหน้าลงมา ก่อนจะแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม ก่อนที่เธอจะกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง พร้อมกับปล่อยน้ำรักที่อยู่ในร่างออกมาไม่ขาดสาย บ่งบอกว่าเธอเสร็จสิ้นถึงสรวงสวรรค์เสียแล้ว

เธอในตอนนี้ช่างเหมือนคนเห็นแก่ตัวแท้ๆ เธอทำผิดต่อชายคนรักมากมาย แต่เธอก็ยังเรียกร้องขอความรักจากเขาอยู่ แต่ความรักของเขานี่แหละ ที่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีที่ยึดเหนี่ยว ไม่ให้จิตเสียสมาธิจากเพลงกามที่ได้รับ ทำให้พลังมาน่าของเธอยังรอดพ้นจากการดูดกลืนจากเจ้าแวมไพร์

“เสร็จไป 3 ครั้งแล้วยังใจแข็งอยู่อีกน่ะ ดี ลองแบบนี้ดูสิว่ายังจะทนไปได้ถึงแค่ไหน” เจ้าลินคอร์นเองก็หงุดหงิดใจไม่น้อย มันสามารถทำให้พรีสสาวตรงหน้าเสร็จสมไปได้ถึง 3 ครั้ง แต่มันก็ยังไม่อาจดูดกลืนพลังมาน่าจากเธอได้อีก ด้วยเหตุนี้มันจึงสอดมือไปใต้วงแขนของหญิงสาว แล้วเกาะกุมไปที่หัวไหล่ แถมยังทิ้งน้ำหนักตัวทับสองขาของเธอที่พาดบ่าเขาหนักขึ้นไปอีก ด้วยท่านี้ทำให้หญิงสาวโดนล็อกจนไม่อาจจะขยับไปไหน ในขณะที่เจ้าแวมไพร์ สามารถกระแทกได้สุดกำลัง

“อ๊า …… อ๊า …….. อ๊างงงงงงง” หญิงสาวครวญครางลั่นรับกับแรงกระแทกตรงหน้า ทั้งที่ในตอนแรกเธอถึงฝั่งฝันไปแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนตัวเธอโดนดึงกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ทั่วร่างของเธอบิดเกร็งไปหมดเพราะความเสียว ร่องหีของเธอขมิบรัดท่อนเอ็นที่กระหน่ำเข้ามาอย่างร้อนร่าน

แต่ร่องหีที่เปียกเยิ้มไปด้วยน้ำรักเช่นนี้ กลับสร้างความสุขสมให้กลับเจ้าแวมไพร์โดยที่มันไม่รู้ตัว ท่อนเอ็นที่เปียกเยิ้มทำให้มันสามารถเพิ่มความเร็วในการกระแทกได้อย่างเต็ม ที่ ยิ่งกระแทกมันก็ยิ่งมันส์ ยิ่งมันส์มันก็ยิ่งกระแทก จนตอนนี้เสียกระแทกนั้น ดังสนั่นจนได้ยินไปไกล แต่ทั้งที่กระแทกอย่างรุนแรงขนาดนี้ พรีสสาวตรงหน้าก็ยังไม่ยอมถอย เธอกลับแอ่นหีสู้ และขมิบตอดอย่างไม่กลัวเกรง

“อุ๊กกก” เจ้าแวมไพร์ร้องมาคำนึงพร้อมอาการของท่อนเอ็นที่บวมขยายในร่องสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ทำให้วิเวียนรู้ว่าเจ้าแวมไพร์ตรงหน้าใกล้ถึงจุดหมายแล้ว เธอจึงเร่งปลุกเร้าด้วยการขมิบตอดร่องเสียวอย่างรุนแรง แรงตอดที่รุนแรงปานลูกสูบที่สูบเอาน้ำรักที่เต็มล้นในลูกอัณฑะให้ไหลออก แรงตอดที่สูบเอาน้ำเชื้อให้หลั่งไหลออกมาตามท่อ แรงตอดที่สูบเอาน้ำกามมาอัดแอ่นตรงปลายกระบอก แรงตอดที่สูบเอาน้ำเงี่ยนแตกกระจายออกมาเต็มรูหี

“อาร์ตตตตตตตตตตต !!” หญิงสาววีดร้องอย่างสุดเสียง

“จักพรรดิแดง !!” นายอาร์ตที่รอสัญญาณจากเธออยู่ร่ายเวทย์ทันที ลูกไฟขนาดยักษ์ถูกสร้างขึ้นมาที่มือขวาและทันทีที่ลูกไฟสร้างเสร็จ นายอาร์ตก็ปล่อยลูกไฟนั่นเข้าใส่ร่างเจ้าแวมไพร์ตรงหน้าทันที

“ม่านรัตติกาลลลลลลลล !!” แต่เสี้ยววินาทีที่ลูกไฟนั่นจะเข้าถึงตัว กำแพงเงาทมิฬขนาดใหญ่ก็ตั้งตระหง่าน ก่อนจะดูดเอาพลังเพลิงลูกไฟเพลิงนั่นเข้าไปจนหมด ……. เมื่อลูกไฟที่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาสิ้นท่าเสียแล้ว นายอาร์ตก็ทรุดเข่าลงอย่างหมดแรง

ทั้งหมดนี้เพราะเขาประมาทจนเกินไป แวมไพร์ตรงหน้าเป็นแวมไพร์ขุนพลที่ได้ชื่อว่าเป็นทหารที่เก่งกาจที่สุดของรา ชาแวมไพร์เลอเซอโร่ สปีดการร่ายเวทย์ของเขาจึงไวเหนือกว่าใครในใต้หล้า แค่เขารู้ล่วงหน้าแค่เสี้ยววินาที ก็สามารถสยบไพ่ตายของเขาได้เสียหมดสิ้น

.
.

“อ๊ะ” แต่แล้วเจ้าลินคอร์นก็ต้องร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก เขาก้มมองท่อนเอ็นที่เสียบแช่ก่อนจะหันไปมองพรีสสาวที่นอนหายใจรวยระรินตรง หน้า เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาตอบรับตัวเขา สายตาและรอยยิ้มที่มุมปากของเธอตอบคำถามที่เขาสงสัยในใจได้ทุกอย่าง พลังมาน่าของเขากำลังถูกดูดออก !! หรือทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเมื่อครู่เขาใช้พลังป้องกันลูกไฟ จึงเสียสมาธิไปชั่วเสี้ยววินาที ทำให้พลังมาน่าของเขาถูกดูดออกมาพร้อมกับน้ำกาม เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจ้าแวมไพร์จึงพยามปิดกั้นไม่ให้พลังมาน่าไหลออกอย่าง เต็มที่ แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว เขาไม่อาจจะหยุดพลังมาน่าที่หลั่งไหลได้อีกต่อไป

สองมือของเจ้าแวมไพร์กำลังหมดแรงลง มันจึงดิ้นรนครั้งสุดท้ายด้วยการเอื้อมไปบีบคอของหญิงสาว เพื่อหมายจะสังหารให้เธอตายตกตามกัน แต่นั่นก็เป็นการดิ้นรนที่ไร้ค่า มันไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆอีกแล้ว ร่างของมันเริ่มซีดเผือกก่อนจะล้มลง เมื่อการดูดพลังมาน่าเสร็จสิ้นลง

.
.
.

ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิม …….. นายอาร์ต วิเวียน และลินคอร์น ยังไม่ได้ไปไหน แต่ที่แปลกไปคือหญิงสาวที่พึ่งดูดพลังมาน่าของอีกฝ่ายมาสดๆร้อนๆ แต่ตัวกลับนอนกระสับระส่ายอย่างเจ็บปวด ท้องของเธอบวมใหญ่ราวกับคนท้องใกล้คลอด เธอหวีดร้องเรียกชื่อชายคนรักตลอดเวลา โดยมีเขาคอยกุมมือเธออยู่ข้างๆ

“วิเวียนๆ” เขาในตอนนี้ทำอะไรไม่เลยนอกจากกุมมือเธอ และลูบหัวเธออย่างแผ่วเบา

“ไม่ต้องตื่นเต้นไป นางแค่ดูดพลังของข้าเข้าไปเยอะก็แค่นั้น” ลินคอร์นที่นอนหายใจรวยรินเอ่ยขึ้น “พลังมาน่าของข้า มีปริมาณเทียบเท่าแวมไพร์ชั้นราชาเลยน่ะ นางเล่นดูดรวดเดียวหมดแบบนั้น ร่างกายจึงไม่สามารถย่อยสลายได้ในทันทีไงล่ะ”

“ดูซะ ท้องนางเริ่มยุบแล้ว” ท้องของวิเวียนเริ่มยุบแล้วจริงๆ และตัวเธอก็เริ่มผ่อนคลายลง “ถ้านางตื่นขึ้นมา นางจะกลายเป็นพรีสธาตุแสงที่สามารถใช้เวทย์เลเวลไม่ต่ำกว่าเลเวล 9 เลยทีเดียว น่าเสียดายที่ข้าจะไม่มีโอกาสได้สู้กับนางในสนามรบอีกแล้ว”

“แต่ที่น่าเสียดายที่สุด คือข้าต้องตายโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าเจ้า เวโรนิก้า ….” ลินคอร์นเอ่ยขึ้นพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ร่างกายของเขาในตอนนี้เริ่มสลายลงอย่างช้าๆ

“เวโรนิก้า” นายอาร์ตทวนชื่อเบาๆ

“รู้จักนางด้วยเหรอ”

“เธอเป็นแวมไพร์ที่ตามล่าชั้น” นายอาร์ตเอ่ยตอบ “ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะน่ะ แต่ที่แล้วมาเหมือนเธอจะเข้ามาช่วยชั้นตลอด”

“ชั้นเป็นหนี้เธอ …… แกมีอะไรอยากฝากบอกถึงเธอหรือเปล่า” นายอาร์ตกล่าวขึ้นต่อเขา

“งั้นก็ช่วยบอกนางที …. เรื่องทั้งหมด ข้าขอยกให้นางแล้ว” ลินคอร์นเอ่ยฝากฝังเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของเขาจะสูญสลายหายไปจนหมด

.
.
.
.
.

เมืองชายแดนระหว่างมนุษย์และแวมไพร์

ด้วยสภาพเศรษฐกิจในโลก wonderland มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดินกลายเป็นสิ่งมีค่า ในหลายๆครั้งที่ที่ดินเพื่อการเกษตรของประชาชนระดับล่าง มักถูกชนชั้นระดับสูงกว่าเข้ามายึดครองอย่างไม่เป็นธรรม แต่ประชาชนเหล่านั้นก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรที่จะไปขัดขืนได้เลย พวกเขาทำได้เพียงต้องอพยพเดินทางออกไปหาที่ดินทำกินใหม่เอาดาบหน้า ทำให้เกิดเมืองเล็กๆขึ้นมาใหม่มากมายในทุกแห่ง ไม่เว้นแม้แต่ชายแดนอย่างบริเวนนี้ก็เช่นกัน

แต่ทั้งที่เป็นเมืองริมชายแดน แต่เมืองนี้กลับสงบสุขอย่างประหลาด อาจจะเป็นเพราะบริเวณนี้ไม่ใช่จุดสัญจร จึงไม่มีมนุษย์หรือแวมไพร์แปลกหน้าผ่านเข้ามาเลยสักครั้ง แต่ความสงบสุขที่เคยมีกำลังจางหาย เมื่อมีแวมไพร์สาว 1 นาง กับพาลาดินทั้ง 5 กำลังเดินทางมาเยือน

“เจ้าแน่ใจน่ะว่านางหลบอยู่ในเมืองนี้” พาลาดินแห่งไฟเอ่ยเสียงกร้าว

“นางโดนมีดของข้า ไม่มีทางเดินทางต่อได้แน่ ไม่ว่ายังไง นางก็ต้องหลบรักษาตัวในเมืองนี้นี่แหละ” เจ้าพาลาดินแห่งลมเอ่ยยืนยันหนักแน่น

“เบิร์น … หาแวมไพร์ตัวเดียวในเมืองนี้มันไม่ง่ายเลยน่ะ พวกเราไม่มีทางหาได้เจอแน่ ถ้ายังไงก็ต้องเกณฑ์ให้พวกชาวบ้านช่วยหาอีกแรง” เจ้าพาลาดินแห่งน้ำเสนอ

แต่เจ้าพาลาดินแห่งไฟกลับไม่คิดจะใช้วิธีนั้น มันมีอีกวิธีที่คิดเอาไว้แล้ว วิธีนี้รับรองว่าหานางแวมไพร์ได้เร็วกว่าแน่ๆ เจ้าพาลาดินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายก่อนจะเอ่ยคำสั่งแก่เหล่าพาลาดินที่เหลือ

“พวกเจ้าทั้ง 4 จงฟังข้า ไปเกณฑ์ชาวบ้านทั้งหมด มาไว้ที่ลานกลางเมือง”

ณ โรงนาที่ไม่ห่างออกไปนัก ที่นี่คือสถานที่ที่แวมไพร์สาวแอบมาซ่อนตัวอยู่ เนื่องเพราะบาดแผลบริเวนสีข้างของเธอที่โดนบาดนั้น แผลมันลึกเกินกว่าที่เธอคาดไว้ ทำให้เธอไม่อาจจะหลบหนีเข้าไปในเขตแวมไพร์ได้ในทันที ตัวเธอต้องแอบหลบในโรงนาแห่งนี้ และใช้พลังรักษาตัวให้แผลหายเสียก่อน

แต่ตัวเธอไม่แค่แอบหลบในโรงนาอย่างเดียว เพราะตอนนี้ตัวเธอเองก็หาทางหลบหนีไว้ได้แล้ว เจ้าพวกพาลาดินที่ตามมามันต้องพลิกเมืองหาเธอเป็นแน่ และวิธีที่มันใช้ ก็ไม่พ้นต้องเกณฑ์คนในหมู่บ้านไล่หาเธอ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งเข้าทาง เพราะเธอจะใส่ชุดหญิงชาวบ้านที่แอบขโมยมา แล้วแอบออกไปปะปนกับชาวบ้าน ก่อนจะหาจังหวะชิ่งหนีออกไป

แต่เมื่อเธอมองลอดโรงนาออกไปเธอก็ต้องประหลาดใจ ทั้งหมดกลับไม่เป็นไปตามที่เธอคิดไว้ เจ้าพาลาดินมันกลับทำอะไรบางอย่างที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ มันเรียกระดมชาวบ้านทั้งเมืองมาชุมนุมที่กลางลานเมือง ไม่ว่าเป็นหญิงชาย เด็กหรือคนแก่ และเมื่อมีชาวบ้านมานั่งรอกันจนครบ เจ้าพาลาดินแห่งไฟก็ประกาศทันที

“เวโรนิก้า !!! ออกมาซะ” เจ้าเบิร์นร้องลั่น “ถ้าเจ้าไม่ออกมา ข้าฆ่าพวกชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้ !!”

สิ้นคำกล่าวของเจ้าพาลาดิน ก็มีแต่เสียงหวีดร้องอย่างตกใจ แม้แต่ในกลุ่มพาลาดินเองก็ยังมองหน้ากันเลิกลั่ก แต่ไม่ทันที่จะมีใครพูดต่อ ชายชราผู้หนึ่งที่มีฐานะเป็นนายบ้านของเมืองนี้ก็ก้าวออกมาหาเจ้าพาลาดิน ทันที

“ท่านพาลาดิน นี่มันอะไรกัน” ชายชราร้องถาม

“เวโรนิก้า !!” แต่เจ้าพาลาดินก็ไม่สนใจ มันยังเอ่ยต่อไป “ถ้าเจ้าไม่ออกมา ข้าจะเผาชาวบ้านพวกนี้ทั้งเป็น ข้อหาที่พวกมันคิดทรยศ ให้การช่วยเหลือแวมไพร์อย่างเจ้า”

“ท่านพาลาดิน !! ทำไมท่านพูดอย่างนั้น พวกข้าไม่รู้จักแวมไพร์ตนนั้นเลย และพวกข้าก็ไม่เคยช่วยเหลืออะไรมันด้วย แล้วท่านจะ …..” แต่ไม่ทันที่ชายชราจะกล่าวจบ ร่างของเขาก็ถูกเผาไหม้ขึ้นมาทันที ชายชราผู้นั้นร้องลั่นด้วยความทรมานก่อนจะล้มลงสิ้นใจตาย

ทันทีที่นายบ้านเฒ่าสิ้นใจ เหล่าชาวบ้านก็หวีดร้องกันระงม บ้างก็ลุกขึ้นแล้วพยามหลบหนี แต่นั่นมันก็ช้าไปเสียแล้ว เจ้าพาลาดินแห่งไฟดิ้นนิ้วทีเดียว ก็เกิดเปลวไฟลุกไหม้เป็นวงกลมปิดล้อมชาวบ้านเหล่านั้น จนพวกเขาไม่มีทางออก การกระทำเช่นนี้สร้างความแตกตื่นให้แก่เหล่าพาลาดินที่เหลือ รวมทั้งนางแวมไพร์อย่างเวโรนิก้าอย่างมาก

“ข้าจะนับ 1-3 เวโรนิก้า !! ถ้าเจ้ายังไม่ออกมาข้าจะเผาพวกมันทุกคนซะ”

“เบิร์น ! เจ้าจะทำอะไร วิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกน่า” ไอซ์เอจ พาลาดินแห่งน้ำเอ่ยห้าม

“1 !”

“เบิร์น ! จะมีแวมไพร์ที่ไหนออกมาเพราะคำขู่แบบนี้มั่งว่ะ” เจ้าพาลาดินแห่งน้ำเอ่ยห้ามต่อ

“2 !!”

“เบิร์น !!! เจ้ากำลังทำบ้าอะไร เจ้ารู้ตัวหรือเปล่า !!”

“3 !!!”

“เบิร์นนนนนนนนนน !!”

.
.

“เหมือนพ่อเจ้าไม่มีผิดเลยน่ะ”

.
.

เวโรนิก้าก้าวเดินออกมาช้าๆ นางเดินออกมาอย่างไม่หวั่นเกรงใดๆ เดินออกมาพร้อมกับจ้องไปที่ดวงตาของเจ้าพาลาดินแห่งไฟตรงหน้า ดวงตา ของชายที่โหดร้ายเหมือนดั่งปีศาจ

“ตอนนั้นพ่อเจ้าก็ใช้วิธีแบบนี้ เพื่อที่จะจับข้า พ่อเจ้าถึงกับใช้วิธีเผาทิ้งทั้งเมือง”

“ก็แวมไพร์โง่เง่าที่ยอมออกมาเนี่ย มันมีแต่เจ้าตัวเดียวนี่หว่า” แต่เจ้าพาลาดินแห่งไฟก็ส่งสายตาที่ชั่วร้ายออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

แต่เวโรนิก้าก็ไม่กล่าวอะไรต่อ เพราะทันทีที่เธอออกมา เจ้าโวลต์แห่งสายฟ้าก็เดินตรงมาหาเธอ ก่อนจะซัดฝ่ามือเข้าใส่ จนเธอแน่นิ่ง หมดสติไป

.
.
.
.
.

“อาร์ตตตตตตตต” วิเวียนเอ่ยร้องอย่างอ่อนล้า แต่ถึงอย่างนั้นอะไรๆในตัวเธอหลายอย่างก็ดูดีขึ้น ท้องที่เคยบวมโตยุบลงหมดแล้ว ผิวของเธอเปล่งปลั่งอย่างไม่น่าเชื่อ รูปร่างของเธอก็เซ็กซี่ยั่วสวาทขึ้นเป็นกอง

นายอาร์ตที่อยู่ด้านข้างค่อยๆประครองเธอนั่งทันที แต่เหมือนหญิงสาวกลับอยากลุกขึ้นยืนมากกว่า

“เราต้องรีบไปแล้วอาร์ต” วิเวียนเอ่ยบอก

“ไปไหนเหรอวิเวียน”

“ไปแซงจูรี่ย์ !!”

.
.

“ตอนนี้วิเวียนรู้ทุกอย่างแล้ว !!”

<จบตอน>