ปกขาว
  • Home
  • Home
  • Manga
  • Doujin-TH
  • Manhwa
  • เรื่องเสียว
  • เรื่องเสียวซีรี่ย์
  • Cosplay
  • H-Anime
  • A.I.
  • Onlyfan
Prev
Next
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน

เสน่ห์ครูสาว

June 11, 2022
ตอนที่ 12 ตอนที่ 11

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน

เสน่ห์ครูสาว

June 11, 2022
ตอนที่ 12 ตอนที่ 11

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

คฤหาสน์โลกีย์

May 24, 2022
ตอนที่ 38 ตอนที่ 37
The Dark side_1

การ์ตูนแผ่น (ตอน) เดียวจบ

May 16, 2022
น้องรหัส | [Doujin Sak] Peer Mentee การ์ตูนแผ่นเดียวจบ by Xter
Nong Earn – น้องเอิร์น Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน_Page_170

ได้เวลาเปลี่ยนกะ (น้องเอิร์น) (Nong Earn) ตอนที่ 1-9 ตอนพิเศษ 2 ตอน + PDF

May 13, 2022
ตอนที่ 10 ได้เวลาเปลี่ยนกะ Ch.1-9 + พิเศษ 2 ตอน [JPG][PDF] แก้ลิ้งแล้ว ตอนที่ 9 ฝึกงาน
Specials_Vol15_001 (Large)

เปิดบริสุทธิ์

October 8, 2024
061 เปิดบริสุทธิ์ สาวมหาลัย (แหม่ม นันทิชา) 060 เปิดบริสุทธิ์ สาวเพนเฮ้าส์

เรื่องเสียวจากหนังสือปกขาว/ปกสี

May 1, 2023
106 เสน่ห์ชาย 105 ผัวน้อยผัวหลวง

ครอบครัวหฤหรรษ์

February 14, 2023
ตอนที่ 9 ครอบครัวคุณมรกต ตอนที่ 8 ครอบครัวของเรวดี (คุณพิชาญ,เรวดี,ยุ้ย,โจ้ )

รสสวาทแรงหึง (นัฐถิยา ภาค 2)

May 27, 2022
รสสวาทแรงหึง 100 รสสวาทแรงหึง 99

ครูเจ้าเล่ห์

April 30, 2023
ตอนที่ 40 ตอนที่ 39
Xter My Mother

My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป

August 17, 2024
003 My Mother The Animation พากย์ไทย 002 My Mother เมื่อคุณแม่ผมเปลี่ยนไป ZIP

นางฟ้าน้อย ๆ กับไอ้เฒ่าบ้ากาม ภาค 1 – 2

July 9, 2022
ภาค 2 ตอนที่ 3 เรอิ สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ภาค 2 ตอนที่ 2 หนิง...สาวน้อยผู้เร่าร้อน

เสน่ห์ครูสาว

June 11, 2022
ตอนที่ 12 ตอนที่ 11

คุณนายผู้น่าสงสาร ตอนที่ 1-21

August 21, 2022
ตอนที่ 21 ตอนที่ 20 เมื่อคุณนายผการับเป็นพรายเสน่ห์

Xtreme Online - Xtreme Online 43 – โจรกรรม

  1. Home
  2. Xtreme Online
  3. Xtreme Online 43 – โจรกรรม
Prev
Next

XO ตอนที่ 43 – โจรกรรม

แม็กลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงนอนสีขาวขนาดใหญ่ เขาอยู่ในห้องพักขนาดกลางของโรงแรมในเกมออนไลน์ XO เงาร่างที่สะท้อนจากกระจกเงาบนเพดานเหนือเตียงทำให้ทราบว่าเขายังคงสวมใส่ชุดนักบวชเช่นก่อนหน้า

ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามาในเกม แต่เขาก็ยังเกิดความรู้สึกสับสนเล็ก ๆ เฉกเช่นทุกครั้งที่เข้ามาในโลกแห่งนี้ มันคืออารมณ์แปลกประหลาดที่แยกไม่ออกว่าเวลานี้เขาอยู่ในเกม หรือว่าอยู่ในโลกของความเป็นจริงกันแน่

ทุกสิ่งในโลกของเกมออนไลน์นี้เหมือนจริงเกินไป ไม่ว่าจะอากาศที่สูดเข้าไปในปอด หรือแม้ทุกสิ่งที่รับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า หากจะมีสิ่งใดที่บ่งบอกว่าเขาอยู่ในเกม สิ่งนั้นก็คงจะมีเพียงข้อความสีเขียวของระบบที่กระพริบให้เห็นอยู่ภายในดวงตา

‘ท่านสังหารซอมบี้ คลาสสอง จำนวน 11 ตน’
‘ท่านสังหารทหารโครงกระดูก คลาสสาม จำนวน 7 ตน’
‘ท่านสังหาร …’
‘ระดับเลเวลพื้นฐานของท่านเพิ่มขึ้นเป็น ระดับ 12’
‘ท่านใช้พลังเวทย์มนต์จนหมด เข้าสู่สภาวะเหน็ดเหนื่อย (Over Tired) ค่าพลังเวทย์จะไม่ฟื้นฟู 24 ชั่วโมง’
‘ทำภารกิจปกป้องนักบวชระดับสูงจากนักฆ่าได้สำเร็จ โปรดติดต่ออาคารภารกิจเพื่อรับรางวัล’
‘พ้นจากสภาวะเหน็ดเหนื่อย ค่าพลังเวทย์เริ่มฟื้นฟูได้อีกครั้ง’
‘ค่าพลังเวทย์ฟื้นฟูเต็มที่ 6,400,550 / 6,400,550’

เขาเปิดอ่านข้อความของระบบด้วยความสนใจ เพราะว่าก่อนหน้านี้เขารีบร้อนออกจากเกม จึงไม่ทันได้สนใจอ่านข้อความเหล่านี้มากนัก และเวลานี้เขาก็ยังรู้สึกสงสัยว่าทำไมการฆ่าอันเดทคลาสสองและสามถึงสิบแปดตน กลับทำให้ระดับเลเวลขึ้นมาเพียงแค่นี้

สิ่งที่เขารู้สึกสงสัยจนต้องอ่านข้อความซ้ำอีกครั้งก็ข้อความที่บอกว่าเขาทำภารกิจปกป้องนักบวชระดับสูงได้สำเร็จ แต่หลังจากได้ครุ่นคิดเขาจึงค่อยพบว่าระบบภารกิจในเกมนี้ไม่ได้เป็นแบบตายตัว ไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่แรกทั้งหมด หากทว่าเมื่อมีเหตุการณ์ดำเนินไป ระบบเกมก็จะสร้างภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ๆ ขึ้นมาเองได้โดยอิสระ ซึ่งนี่นับว่าแตกต่างจากระบบเกมในยุคเก่าอย่างเห็นได้ชัด

“ต้องไปรับรางวัลด้วยซินะ อืม … เอาไว้มีเวลาก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้เอาไงก่อนดี … เกือบเที่ยงคืนงั้นเหรอ”

แม็กสลัดความสงสัยเหล่านั้นออกไปก่อน เขามองดูเวลาปัจจุบันของเกมบนหน้าจอ ก่อนนี้เขาออกจากเกมในช่วงเที่ยงของวัน และใช้เวลาอยู่ในโลกความจริงประมาณเจ็ดชั่วโมง แล้วกลับมาอีกครั้งโดยที่เวลาในเกมผ่านไปแล้วประมาณสามสิบหกชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน

“หือ อะไรหว่า”

ความคิดของเขาถูกขัดจังหวะอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนและความอุ่นร้อนจากกระเป๋ามิติ ความรู้สึกนั้นคล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังอยากออกมาด้านนอก เขาจึงหรี่ตามองดูแล้วเปิดกระเป๋ามิติออกมาด้วยความสงสัย

ทันทีที่ฝากระเป๋ามิติเปิดออก เงาสีส้มแดงขนาดเท่าลูกบอลลูกหนึ่งก็พุ่งวูบออกมาจากด้านใน มันพุ่งวาบวนเวียนไปทั่วห้องก่อนจะขยับมาเกาะลงที่หัวไหล่ของเขา แล้วขยับตัวเบียดขนฟูนุ่มเข้าหาออดอ้อนคลอเคลียกับแก้มของชายหนุ่ม

“เฟิ่งหวงนี่เอง ฟื้นแล้วเหรอ”

แม็กส่งเสียงทักพร้อมกับใช้มือลูบไล้ไปตามขนนกสีส้มแดงอ่อนนุ่ม เวลานี้เฟิ่งหวงปรากฏร่างมาในสภาพของนกรูปร่างสวยสง่าคล้ายกับนกเหยี่ยว หากทว่ามีสีสันและรูปร่างที่แลดูแข็งแรงปราดเปรียวยิ่งกว่า ซึ่งความจริงแล้วนี่คือรูปลักษณ์ของเผ่าพันธุ์วิหคเพลิงในช่วงวัยเยาว์นั่นเอง

“ข้าหิวค่ะเจ้านาย ข้าขอกินได้หรือไม่”

เจ้านกน้อยพูดออกมาเป็นภาษามนุษย์ด้วยเสียงหวานสดใสของสาวรุ่น แม็กจึงชะงักไปวูบหนึ่งด้วยความรู้สึกไม่คุ้นเคยนัก นี่อาจจะเป็นความเคยชินของคน เมื่อเฟิ่งหวงพูดกับเขาในร่างมนุษย์เขาไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลก แต่เมื่อเธอพูดกับเขาในร่างนกตัวน้อย สามัญสำนึกของเขากลับตัดสินว่าสิ่งนี้มันแปลกประหลาด

“จริงด้วย เคยอ่านเจอว่าถ้ามีสัตว์เลี้ยง ต้องใส่ไว้ในอุปกรณ์เลี้ยงสัตว์ แล้วก็ต้องมีอาหารให้ด้วยนี่นา เอาซิอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวสั่งมาให้”

แม็กส่งเสียงอุทานออกมาเมื่อได้ขบคิด เขาแทบไม่เคยเล่นเกมออนไลน์ เขาจึงยิ่งไม่คุ้นชินกับการเลี้ยงสัตว์ในเกม โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อผู้เล่นออกจากเกม สัตว์เลี้ยงจะถูกเก็บเอาไว้ในไอเท็มที่เลี้ยงสัตว์ ซึ่งแม็กยังไม่ได้หาซื้อไอเท็มประเภทนี้มาใช้งาน

ภายในไอเท็มเหล่านี้จะเป็นอีกมิติหนึ่งมีพื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงได้วิ่งเล่น ถึงแม้ระดับความหิวจะน้อยกว่าการปล่อยออกมานับสิบเท่า แต่จะอย่างไรผู้เล่นก็ต้องใส่อาหารเอาไว้เผื่อให้สัตว์เลี้ยงรับประทานยังชีพในช่วงที่ไม่อยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นสัตว์เลี้ยงอาจจะหิวโซ หรืออดตายจนระดับความสัมพันธ์ลดลง

“ขอบคุณสำหรับหนอนน้อยแสนอร่อยค่ะเจ้านาย”

นกน้อยเฟิ่งหวงส่งเสียงออกมาด้วยความยินดี จากนั้นนกน้อยก็กระพือปีกบินออกจากไหล่ของเขา ร่างเล็กเท่าลูกบอลนั้นส่องแสงสว่างวาบ ปีกนกแผ่ขยายออกมากลายเป็นแขนสองข้าง กรงเล็บทั้งสองข้างแปรสภาพไปเป็นท่อนขาเรียวยาว ส่วนหัวแปรสภาพเป็นศีรษะเหมือนมนุษย์ จากนั้นร่างทั้งร่างก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเรือนร่างของสาวสวยผมสีส้มแดงในสภาพเปลือยเปล่า

ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่แม็กนั่งนิ่งบนเตียงนอนเหม่อมองดูเฟิ่งหวงด้วยความเคลิบเคลิ้ม เบื้องหน้าของเขาเป็นสาวงามบาดตา ใบหน้าที่งดงามเปล่งปลั่งนั้นคล้ายกับเด็กสาวอ่อนวัย หากทว่าที่ขัดแย้งกันก็คือร่างกายของเธอคนนี้อวบอิ่มเต่งตึงจนแทบล้นทะลัก

เฟิ่งหวงยืนอวดเรือนร่างเปลือยเปล่าโดยไม่มีอาการปิดบังซ่อนเร้นหรือเขินอายแต่อย่างใด เผ่าพันธุ์วิหคเพลิงไม่ได้มีกฎระเบียบจารีตยุบยิบในเรื่องเช่นนี้ เธอจึงเพียงยิ้มให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะทรุดร่างลงไปนั่งคุกเข่าแล้วเริ่ม ‘กิน’ อาหารเพื่อประทังความหิวโหย

แม็กนั่งเบิกตาโพลงด้วยความแตกตื่นคาดไม่ถึง การกินของเธอกลับเป็นการรูดถอดกางเกงของเขาออก จากนั้นสาวสวยเผ่าวิหคเพลิงก็อ้าปากกลืนของเขาเข้าไปดูดเสียงดังบ๊วบจนเขาตัวเกร็งด้วยความเสียวสยิว

ชายหนุ่มนั่งสูดปากด้วยความเพลิดเพลินให้กับการ ‘กิน’ ของเธอ เฟิ่งหวงเองก็แสดงสีหน้าท่าทางเอร็ดอร่อยมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด ปากจิ้มลิ้มนั้นดูดเลียระรัวด้วยลิ้นเรียวที่ลื่นไหลราวกับมีชีวิต ชายหนุ่มที่ผ่านประสบการณ์มาไม่น้อยก็ยังแทบทานทนไม่อยู่ต้องตัวกระตุก และตะปบมือลงไปขยี้เส้นผมสีส้มแดงด้วยความซาบซ่าน

เฟิ่งหวงในร่างสาวงามไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจต่อปฏิกิริยาของเขาแต่อย่างใด เธอเพียงก้มหน้าก้มตาเลียวนดูดกลืนรสชาติเอร็ดอร่อยที่เธอชื่นชอบ และเมื่อเจ้าหนอนน้อยโดนกระตุ้นเร้าจนกระตุกหงึกด้วยทานทนไม่ไหว เฟิ่งหวงก็รีบอ้าปากงับแล้วดูดจนแก้มตอบ จากนั้นความเพียรพยายามของเธอก็ประสบผลสำเร็จ เจ้าหนอนน้อยปลดปล่อยของเหลวร้อนผ่าวให้เธอกลืนกินลงคอไปด้วยความเอร็ดอร่อยที่สุด

สาวสวยเผ่าวิหคเพลิงดูดกลืนจนของเขาสะอาดเอี่ยมไม่มีหลงเหลือแม้สักหยาดหยด แต่เธอก็ยังคงดูดเลียไปทุกซอกทุกมุมจนแทบทุกตารางมิลลิเมตร ชายหนุ่มผู้โชคดีจึงรู้สึกราวกับได้ขึ้นสวรรค์

“ขอบคุณเจ้านาย ข้าขอออกไปหาอาหารเพิ่มก่อนนะคะ”

เมื่อเธอรู้สึกอิ่มหนำแล้ว เฟิ่งหวงก็ลุกขึ้นพูดและผละจากร่างของเขา ร่างเปลือยเปล่าของผู้หญิงเผ่ามนุษย์แปรเปลี่ยนกลับไปเป็นลูกนกขนสีส้มแดงอีกครั้ง เจ้านกน้อยขยับจงอยปากซุกไซร้ขนปีกของตนเองครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับกระพือปีกบินไปรอบห้องหนึ่งรอบด้วยท่าทีเริงร่า

เพียงครู่เดียวเงาร่างสีส้มแดงก็พุ่งวาบออกไปด้านนอกแล้วกลืนหายวับไปในความมืดมิดของราตรีกาล ทิ้งให้แม็กได้แต่นั่งเกาศีรษะด้วยอารมณ์ประหลาดพิลึก เฟิ่งหวงคล้ายกับไม่มีจารีตประเพณีอันใดมาล้อมกรอบเอาไว้ เมื่อเธอกระหายก็ดื่ม เมื่อเธอหิวก็เธอกิน ซึ่งหากในมุมหนึ่งแล้วก็อาจจะต้องใช้คำว่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา

ตอนนี้เขาจึงค่อยรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาบ้าง เพราะไม่ทราบว่าเฟิ่งหวงจะมีอันตราย และหาทางกลับมาเองได้หรือไม่ แต่เมื่อนึกไปว่าถึงเธอจะอยู่แค่เพียงเลเวลหนึ่ง หากทว่าเธอเป็นสัตว์อสูรที่มีระดับคลาสสูงลิบถึงระดับเจ็ด ดังนั้นคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”

เมื่อตัวป่วนหายไปหนึ่ง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ตอนนี้แม็กจึงขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เขาไม่แน่ใจว่าผู้มาเยือนเพียงเคาะประตูตรงกับช่วงที่เขากลับมาโดยบังเอิญ หรือว่าอีกฝ่ายนั้นรู้ได้ว่าเขากลับมาแล้วจึงค่อยมาหา หากเป็นอย่างแรกก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเป็นอย่างหลังเขาก็เริ่มจะรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยเสียแล้ว

ประสาทสัมผัสแห่งกาลเวลาแผ่กระจายไปรอบด้านคล้ายกับลูกคลื่น เพื่อความปลอดภัยแล้วเขาต้องตรวจสอบผู้มาเยือนเสียก่อน และเมื่อได้พบว่าผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกเป็นผู้หญิงหุ่นเพรียวที่คุ้นเคยเพียงลำพัง เขาจึงค่อยยิ้มที่มุมปากแล้วทำท่าจะเดินไปเปิดประตูห้องเพื่อต้อนรับ

ร่างสูงกำยำสมชายชะงักไปวูบหนึ่งก่อนจะถึงบานประตู เขาก้มลงมองดูเสื้อผ้านักบวชของตัวเอง ก่อนจะจัดการผลัดเปลี่ยนไปสวมใส่ชุดลำลองตามปกติ เพราะหากปล่อยให้ใครมาเห็นเขาใส่ชุดนักบวชแบบเดียวกับที่เทพสี่ปีกสวมใส่ ความลับเรื่องเขาเป็นนักบวชคนนั้นคงจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

“เนทีเรียน มาหาเสียดึกเชียว”

แม็กกล่าวทักทายในชุดลำลองคล้ายชุดนอน ผู้มาเยือนในยามวิกาลกลับเป็นเนทีเรียนสาวสวยแห่งฝ่ายต้อนรับของวังหลวง เธออยู่ในชุดราตรีเว้าแหว่งอวดรูปร่างทรวดทรงองค์เอวมากเสน่ห์ ใบหน้าสวยนั้นยิ้มหวานเฉิดฉันท์จนเห็นไรฟันขาวสะอาด

“ข้าคิดแล้วว่าท่านน่าจะเข้ามาในโลกนี้ก่อนเวลาตามปกติ ท่านเทพธนู เอ๊ะ หรือว่าข้าควรจะเรียกว่าท่านเทพสี่ปีกดีล่ะ”

เพียงประโยคทักทายประโยคแรกของเนทีเรียน แม็กก็ต้องชะงักงันทำตัวไม่ถูก สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นความลับกลับไม่ใช่ความลับ และคำถามสำคัญก็คือมีคนล่วงรู้ความลับนี้มากน้อยเพียงใด

“คิก คิก เข้าไปคุยกันด้านในเถอะ”

เนทีเรียนมองใบหน้าของแม็กแล้วส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ก่อนจะค่อย ๆ เบียดกายหอมกรุ่นเข้ามาในห้องแล้วผลักบานประตูให้ปิดลง เธอยิ้มให้เขาอย่างหยาดเยิ้มยั่วเย้า ก่อนจะจัดการวาดอักขระสีดำร่ายเวทย์อะไรบางอย่างกำกับเอาไว้บนประตู และเดินไปกระทำแบบเดียวกันบนผนังห้อง พื้น และเพดานจนครบ

“เวทย์ป้องกันการดักฟังเพื่อความปลอดภัย ท่านฉลาด แต่ออกจะประมาทเกินไปแล้วนะ ท่านเทพธนู และท่านเทพสี่ปีก”

สาวงามหนึ่งในห้าของเมืองเลอองนิสต์วาดอักขระมนตราป้องกันการดักฟังเอาไว้จนครบ จากนั้นจึงเดินเยื้องย่างปีนป่ายขึ้นไปนอนหงายอวดหุ่นเพรียวสวยบนเตียงนอน เพียงคำพูดนี้ของเธอก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน เธอมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเทพสี่ปีกที่เพิ่งสำแดงเทวานุภาพนั้นคือเขา

แม็กได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะไม่ทราบว่าเขาพลาดที่ใด แต่ที่ยังวางใจได้ก็คือเนทีเรียนในเวลานี้อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา และการที่เธอไม่ได้แสดงท่าทีทุกข์ร้อนตื่นตกใจอะไรก็ย่อมหมายความว่าไม่มีปัญหา

“ช่วยไม่ได้นี่นา สามีฉลาดยังไง ก็ยังสู้ภรรยาสุดที่รักไม่ได้อยู่ดี”

ชายหนุ่มยักไหล่ทีหนึ่ง แล้วขยับไปนอนหงายบนเตียงเคียงข้างสาวงาม เขามองดูดวงตาคู่สวยของเธอผ่านกระจกเงาที่ติดอยู่เหนือเตียงนอน และเธอเองก็กำลังกระทำสิ่งเดียวกัน

ถ้อยคำหยอกล้อแฝงการเกี้ยวพาราสีทำให้สาวงามยิ้มน้อย ๆ ด้วยความพอใจ จะอย่างไรคำชมเชยของชายในดวงใจนั้นย่อมน่าฟังเสมอ เนทีเรียนจึงขยับตัวเล็กน้อยจับแขนซ้ายของเขากางออก แล้วขยับดันร่างวางศีรษะลงบนแขนแกร่ง และตะแคงหันหน้าเบียดเรือนร่างนุ่มนิ่มเข้าหาร่างกำยำพร้อมกับลมหายใจร้อนผะผ่าว

“คิก คิก เห็นแก่คำพูดนี้ ข้าจะเฉลยให้ท่านทราบก็แล้วกัน ข้าถูกสั่งให้มาเฝ้าดูท่าน ดังนั้นข้าจึงสั่งให้สายลับนับสิบคนคอยเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงภายในห้องพัก รวมถึงตรวจสอบคนเข้าออกโรงแรมแห่งนี้ทั้งหมด สายลับของข้าทราบว่าเสียงในห้องของท่านหายไปในเวลาเดียวกับที่เทพสี่ปีกปรากฏตัวในโรงแรม จากนั้นเสียงในห้องพักของท่านก็ดังขึ้นอีกครั้งในเวลาเดียวกับที่เทพสี่ปีกแยกตัวจากเหล่าองครักษ์แห่งวังหลวง เมื่อรวมความจริงเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกันแล้ว ถึงแม้จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเพียงใด แต่สุดท้ายความจริงก็มีเพียงหนึ่งเดียว เทพธนูที่อาจหาญที่แท้กลับเป็นคนเดียวกับเทพสี่ปีกผู้โอบอ้อมอารี”

สาวสวยเฉลยเรื่องราวพร้อมกับลากปลายนิ้วไปวนเวียนอยู่ที่บริเวณคางและคอของเขา จากนั้นจึงค่อยลากต่ำผ่านแผงอกและไปวนเวียนลูบคลำอยู่บนหน้าท้องแข็งแรง สัมผัสนั้นทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกวาบหวิวในอารมณ์ไม่ได้

“สายลับงั้นเหรอ?”

แม็กส่งเสียงโพล่งออกมาด้วยความแตกตื่น เขาเผลอคิดว่าเขาระมัดระวังตัวเพียงพอแล้ว ทุกการกระทำของเขาจึงมีการตรวจสอบเสมอ เช่นก่อนที่เขาจะออกจากห้องพักนั้น เขาได้ใช้ประสาทสัมผัสแผ่ขยายออกไปเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นเขาใส่ชุดนักบวชเดินออกไปจากห้องพัก หากทว่าเขาก็ยังประมาทเกินไป เพราะไม่นึกว่าเนทีเรียนจะเฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี้

“ไม่ต้องกังวลไป สายลับพวกนี้เป็นแค่เพียงพวกระดับล่าง พวกมันไม่ทราบว่าตนเองทำไปเพื่ออะไร พวกมันเพียงฟังคำสั่งโดยมีข้อมูลจำกัด และพวกมันก็ไม่ได้เก่งกาจขนาดที่จะสามารถได้ยินบทสนทนา มันเพียงรับรู้ได้ว่ามีเสียงหรือการเคลื่อนไหวเท่านั้น”

“แอบฟังจากที่ไหน”

เนทีเรียนชายตามองพร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปด้านบนโดยไม่ตอบคำ นั่นแปลได้ว่าสายลับของเธออยู่บนห้องชั้นบนเหนือห้องของเขา ตอนนี้แม็กจึงได้แต่เบะปากด้วยความขัดใจ เพราะความหนาระหว่างชั้นบนและล่างนั้นหนาเกินไป เขาจึงไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยสัมผัสแห่งกาลเวลา ส่วนกำแพงกั้นระหว่างห้องนั้นถือว่าไม่หนามากนัก เขาจึงสามารถสัมผัสผ่านไปยังห้องทั้งสองที่ขนาบห้องของเขาได้

“ที่แท้ท่านเป็นใครกันแน่ มนุษย์นักรบผู้เก่งกาจ หรือว่าเป็นเทพระดับสูง”

หญิงสาวถามพลางขยับเบียดทรวงอกเข้าหาร่างแกร่งกำยำ ริมฝีปากบางขยับซุกจูบพรมลงไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม ในขณะที่ฝ่ามือนุ่มนิ่มกำลังลูบไล้ไปบนความเป็นชายซึ่งกำลังพองตัวขึ้นมาเป็นลำยาว

“เป็นอะไรงั้นเหรอ ก็เป็นสามีของสาวสวยชื่อเนทีเรียนไงล่ะ”

แม็กตอบพลางใช้มือซ้ายกอดกระชับร่างงามเบียดเข้าหา เขาปล่อยให้เธอใช้ริมฝีปากและมือเล้าโลมด้วยความพึงพอใจยิ่ง

คำตอบของชายหนุ่มทำให้เนทีเรียนยิ้มด้วยความพึงพอใจเช่นเดียวกัน เธอจึงตอบแทนเขาด้วยการอ้าปากงับใบหูแล้วแหย่ลิ้นระรัว ในขณะที่ฝ่ามือนุ่มนิ่มนั้นเปลี่ยนเป็นสอดเข้าไปในกางเกงของเขาเพื่อบีบนวดระบายอารมณ์อันเร่าร้อนออกมา

“ท่านไม่กลัวข้าบอกท่านมหาอุปราชบ้างหรือไง”

เนทีเรียนกล่าวกระซิบกระซาบที่ข้างใบหูพร้อมกับพ่นลมหายใจร้อนผ่าวราดรดใส่ การที่เขาแสดงท่าทีไว้วางใจไม่ตั้งข้อระแวงสงสัยแม้แต่น้อยนั้นทำให้เธอรู้สึกยินดียิ่ง เพียงแต่จะอย่างไรเธอก็ยังอยากได้ยินคำตอบที่ชัดเจนจากปากของเขาเอง

“ไม่เห็นกลัวเลย ภรรยาที่ไหนจะคิดร้ายกับสามีตัวเองได้”

ชายหนุ่มตอบพร้อมขยับร่างนอนตะแคงหันใบหน้าเข้าหากัน มือมารของเขาขยับลูบไล้ไปที่เอวคอดกิ่ว ก่อนจะขยับไปบีบขยำสะโพกผึ่งผายเนื้อแน่นสร้างความซาบซ่านจนเธอส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมา

ก่อนหน้านี้เขาเชื่อว่าเนทีเรียนนั้นฉลาดเฉลียวมากเล่ห์อยู่แล้ว แต่เวลานี้เขาก็ยังรู้สึกว่าเขาประเมินคุณค่าของเนทีเรียนต่ำเกินไป และยังรู้สึกโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เนทีเรียนมาเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่แรก

คำตอบของเขาทำให้เนทีเรียนยิ้มพึงพอใจ เธอเสนอจูบอันร้อนแรงให้เขาไปพร้อมกับบีบกำและขยับฝ่ามือสร้างความเสียวซ่านมอบให้ ในขณะที่เขาก็เริ่มขยับมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าเนื้อบางที่ห่อหุ้มร่างงามจนหลุดลุ่ยอย่างรวดเร็ว

“อืม เดี๋ยวก่อน … บอกข้าก่อนว่าท่านทำอย่างไรจึงไม่โดนคำสาปของเจ้าหญิงพารีส เธอบอกมหาอุปราชอย่างมั่นใจว่าทำสำเร็จแล้ว แต่ว่าท่านกลับไม่โดนคำสาป”

ก่อนที่สองร่างจะเชื่อมต่อกัน เนทีเรียนรีบยกมือขึ้นผลักยันร่างของเขาเอาไว้แล้วถามไถ่จนเขาชะงักไปอีกรอบ

“รู้ได้ยังไงว่าผมไม่โดนคำสาป”

แม็กเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย การที่เนทีเรียนจะรู้เรื่องคำสาปนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก มหาอุปราชอาจจะไม่ได้บอกแผนการนี้กับเนทีเรียนตั้งแต่แรก เธอจึงไม่ได้เตือนเขาให้ระวังเรื่องนี้ แต่เมื่อเจ้าหญิงพารีสกลับไปรายงานผล เนทีเรียนก็สมควรจะรู้เรื่องนี้ เพียงแต่ประเด็นสำคัญก็คือหากเนทีเรียนสามารถตรวจสอบได้ว่าเขาไม่โดนคำสาป มหาอุปราชก็อาจจะสามารถตรวจสอบได้เช่นเดียวกัน และนั่นย่อมทำให้แผนการของเขากลายเป็นไร้ประโยชน์

“ไม่รู้หรอก การตรวจจับคำสาปนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าคิดว่าท่านโดนคำสาปไปโดยไม่รู้ตัวแล้วด้วยซ้ำ ข้าจึงเตรียมมาถอนคำสาปให้ ข้าเคยใช้คำสาปนี้มาแล้วสามครั้ง บนริมฝีปากของข้าจึงมีอักขระเก็บคำสาปแบบเดียวกับเจ้าหญิงพารีส หากท่านมีคำสาปอยู่เมื่อครู่คำสาปนั้นจะวิ่งย้อนกลับเข้ามาในอักขระ บอกข้าหน่อยว่าท่านทำได้อย่างไรจึงทั้งสามารถรอดพ้นจากคำสาป ทั้งยังสามารถหลอกลวงเจ้าหญิงพารีสได้”

เขารู้สึกอึ้งไปพร้อมกับรู้สึกโล่งใจ อย่างแรกเลยคือเรารู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างที่เนทีเรียนเคยแพร่คำสาปนี้ใส่คนอื่น เพราะนั่นหมายความว่าเธอต้องจูบปากเป็นอย่างน้อย แต่ส่วนที่เขารู้สึกโล่งใจก็คือการตรวจจับนี้ทำได้ยาก ดังนั้นเขาน่าจะยังสามารถหลอกลวงมหาอุปราชฟาร์โก้ได้อย่างที่วางแผนไว้

“… ไว้ค่อยบอกก็แล้วกัน ตอนนี้ขอชิมคนสวยก่อน”

แม็กยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะจับสองแขนของเธอแยกออก จากนั้นเพียงพริบตาเดียวสองร่างที่เปลือยเปล่าก็กอดกันแนบแน่น ต่างฝ่ายต่างเบียดร่างเข้าหากันราวกับจะหลอมรวมเข้ากับอีกฝ่าย เตียงนอนหนานุ่มเริ่มจากสั่นยวบแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสั่นสะเทือนยวบยาบด้วยต้องรองรับแรงกระแทกอันหนักหน่วงร้อนแรง

เสียงสูดปากครวญครางแว่วดังไปพร้อมกับเสียงโยกยวบยาบบนเตียงนอน ในห้วงวินาทีก่อนที่เสียงหวีดร้องแห่งความสุขจะดังขึ้นนั้น เนทีเรียนกอดรัดรั้งร่างแกร่งของเขาเอาไว้แนบแน่น เธอเปิดถ่างสองขาอ้ารับความสุขหฤหรรษ์ที่ถาโถมเข้าหาราวกับทะเลคลั่ง จากนั้นร่างของเธอก็เริ่มบิดเกร็งกระตุกไปด้วยกระแสแห่งความสุข หยาดน้ำร้อนผ่าวที่เขาปลดปล่อยเข้ามาในร่างนั้นเปรียบดั่งหยาดน้ำทิพย์จากสรวงสวรรค์

สองร่างที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อกอดกันแน่นเพื่อซึมซับความสุขสมจากกันและกัน ผ่านไปครู่ใหญ่เขาและเธอจึงค่อยผละร่างแยกจากกันมานอนหงายหอบหายใจหนักหน่วงจากเกมพิศวาส

‘สัตว์เลี้ยง เฟิ่งหวง คลาส 7 เลเวล 1 เข้าสู่สถานะการต่อสู้’
‘ท่านไม่ได้รับแบ่งค่าประสบการณ์ เนื่องจากอยู่ห่างเกินไป’
‘เฟิ่งหวง สังหารอสรพิษเขียว คลาส 0 เลเวล 15 จำนวน 38 ตัว’
‘เฟิ่งหวง สังหารค้างคาวดูดเลือด คลาส 0 เลเวล 25 จำนวน 43 ตัว’
‘เฟิ่งหวง สังหารนกฮูกสายลม คลาส 0 เลเวล 34 จำนวน 13 ตัว’
‘เฟิ่งหวง สังหารอสรพิษดำ คลาส 0 เลเวล 36 จำนวน 51 ตัว’
‘เฟิ่งหวง สังหารเหยี่ยวราตรี คลาส 0 เลเวล 65 จำนวน 25 ตัว’
‘เฟิ่งหวง เลื่อนระดับเป็น คลาส 7 เลเวล 58’

แม็กเปิดดูหน้าจอของระบบขณะนอนพักเหนื่อย เขาได้ยินเสียงประกาศถี่ยิบเริ่มตั้งแต่เมื่อครู่หากทว่าไม่ได้แบ่งสมาธิมาสนใจ และเมื่อเขามาเปิดดูประกาศในตอนนี้ก็ต้องนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ เฟิ่งหวงที่ออกไปหาอาหารนั้นเพิ่งทำการฆ่าฟันขนานใหญ่ เพียงแค่เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงสัตว์เลี้ยงเลเวลหนึ่ง ก็พุ่งทะยานกลายเป็นเลเวล 58 อย่างรวดเร็ว และที่น่าเสียดายก็คือเฟิ่งหวงคงจะออกไปฆ่าสัตว์อสูรที่นอกเมือง ทำให้เขาไม่ได้รับแบ่งปันค่าประสบการณ์ไปด้วยเนื่องจากอยู่ห่างกันเกินไป

ด้วยอัตราก้าวหน้าระดับนี้ เขาเชื่อว่าหากถึงพรุ่งนี้เช้าเฟิ่งหวงของเขาคงจะทะลุเลเวลหนึ่งร้อยได้โดยไม่ยากลำบาก ตอนนี้เขาเลยเริ่มเกิดความรู้สึกลังเลว่าควรจะออกไปร่วมเก็บค่าประสบการณ์กับเฟิ่งหวงดีหรือไม่ อย่างน้อยหากเขาเก่งกว่านี้ก็จะทำให้สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ กระนั้นความคิดนี้ก็หายวูบไปในเวลาไม่นาน เมื่อร่างนุ่มนิ่มของเนทีเรียนขยับเบียดกายเข้ามาหา

“สงครามใกล้จะเริ่มแล้วใช่หรือเปล่า”

แม็กจูบเธอตอบ แล้วกดปิดระบบเสียงเตือนของข้อความระบบ และหันไปใช้มือลูบคลำเนื้อตัวอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงถามไถ่เรื่องราว โดยที่ร่างงามของเนทีเรียนกำลังสั่นสะท้านด้วยความวาบหวามซาบซ่านจากฝ่ามือมาร

“ใช่แล้ว มหาอุปราชไม่คาดว่าการลอบสังหารนักบวชจะผิดพลาด ยิ่งได้เห็นท่านสำแดงพลังถึงขนาดนั้น ตอนนี้มหาอุปราชจึงมีทางเลือกเพียงแค่รีบเปิดฉากรบ หรือไม่ก็รอโดนพระราชาที่หายดีฟื้นมาคิดบัญชี”

“เมื่อไหร่”

“อีกไม่กี่ชั่วโมง กองกำลังจากเมืองแบล็คฟอร์ด พวกเขาจะเริ่มบุกเข้ามาทางชายแดนทิศตะวันออกและทิศเหนือ จากนั้นแผนการทุกอย่างที่มหาอุปราชได้ตระเตรียมเอาไว้ก็จะเริ่มเดินหน้า ไม่มีใครหยุดได้อีก”

“แผนการที่ว่ามีอะไรบ้าง”

“ข้าไม่ทราบแผนทั้งหมด ท่านมหาอุปราชไม่เคยไว้ใจใครนอกจากตนเอง ข้าทราบเพียงแค่บางส่วน ข้าทราบเพียงเท่าที่เล่าออกไป และข้าทราบว่ามีกองกำลังลับบางส่วนอยู่ไม่ไกลนักจากวังหลวง แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด ใครเป็นคนควบคุม และมีจำนวนมากเพียงใด”

“กองกำลังจากเมืองแบล็คฟอร์ดของเจ้าหญิงเนวาน่า อยู่ที่สุสานมืด มีทหารประมาณสองพันคน แล้วก็ยังมีซากศพอีกเกือบสองพันศพ”

แม็กพูดเฉลยจนเนทีเรียนต้องขยับยันร่างลุกขึ้นมามองดูเขาด้วยความแตกตื่น เพราะนี่สมควรเป็นความลับยิ่งยวดเรื่องหนึ่ง การที่เขาสามารถรู้เรื่องราวได้นั้นจึงนับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง

“ท่านทราบได้อย่างไร”

“บังเอิญน่ะ ตอนนั้นก็แค่แอบตามไปกะว่าจะเชือดเจ้าชายวิลเลี่ยมทิ้งเสียหน่อย แต่ดันจับพลัดจับพลูได้เข้าไปในฐานลับใต้ดิน เลยเห็นกองกำลังของเมืองแบล็คฟอร์ด แล้วก็ได้เจอกับเจ้าหญิงเนวาน่า …”

แม็กยักไหล่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ จากนั้นจึงเริ่มเล่าเรื่องราวในตอนนั้นออกมาให้เนทีเรียนรับรู้ ตามด้วยเรื่องราวที่เขาหลอกเจ้าหญิงพารีส เพราะเขารู้สึกว่าเนทีเรียนเป็นคนฉลาด หากเธอมีข้อมูลที่ถูกต้อง เธอก็น่าจะสามารถช่วยเหลือแนะนำวางแผนให้กับเขาได้

เนทีเรียนถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่อฟังเรื่องราวที่เขาบรรยายออกมา ในความรู้สึกของเธอนั้นรู้สึกราวกับว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องเหลวไหลและเต็มไปด้วยความบังเอิญจนไม่น่าจะเป็นไปได้ หากทว่าท่าทีของเขานั้นไม่ได้บ่งบอกว่านี่เป็นเรื่องโกหก

“… ช่างน่าเหลือเชื่อ … ข้อมูลเหล่านี้มาค่ามากมายนัก แต่ก่อนที่ข้าจะช่วยเสนอแผนการ ข้าคงต้องถามท่านก่อน ว่าที่แท้แล้วท่านต้องการจะยืนอยู่ฝ่ายใด ด้วยความสามารถของท่านต่อให้ไปเสนอตัวรับใช้เมืองแบล็คฟอร์ด อีกฝ่ายก็คงยินดีรับไว้”

คำถามนี้ของเนทีเรียนเรียกได้ว่าจี้ประเด็นสำคัญ โดยระดับความสัมพันธ์แล้วแม็กสามารถเข้าร่วมได้กับทุกฝ่าย เขาสามารถเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าหญิงเรนเน่ผ่านทางแม่ทัพฟาร์อีสต์ ทั้งยังสามารถเข้าร่วมกับมหาอุปราชฟาร์โก้ได้ แม้แต่ฝ่ายเมืองแบล็คฟอร์ดที่ถือไพ่ได้เปรียบก็ยังต้องยินดีรับ เพียงแค่คำร่ำลือว่าต่อสู้สูสีกับแม่ทัพตะวันออกฟาร์อีสต์ก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนเปิดประตูต้อนรับเอาไว้

ก่อนหน้านี้เขาอาจจะยังสามารถแสดงท่าทีคลุมเครือได้ หากทว่าเมื่อสงครามเริ่มต้นเขาจะต้องแสดงท่าทีให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องกลายเป็นศัตรูของทุกฝ่าย ซึ่งนั่นยังอันตรายยิ่งกว่าการเลือกฝ่ายที่อ่อนแอที่สุดเสียอีก

อย่างไรก็ตามการเลือกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย หากนับตามขุมกำลังแล้ว ฝ่ายเจ้าหญิงเรนเน่ที่แม็กใกล้ชิดที่สุดนั้นนับได้ว่าอ่อนแอที่สุด ส่วนฝ่ายมหาอุปราชที่มีกำลังกล้าแข็งกว่าเล็กน้อยนั้นก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ไว้ใจได้ หากเขาเข้าร่วมด้วยก็ต้องคอยระวังหลังไม่เปิดโอกาสให้มหาอุปราชแว้งกัด ส่วนการเข้าร่วมกับเมืองแบล็คฟอร์ดที่มีขุมกำลังเหนือกว่าในทุกด้านนั้นก็อาจจะทำให้เขาไม่มีความสำคัญเท่าสองฝ่ายแรก

“เป้าหมายสูงสุดของผมคือการปกป้องผู้หญิงทุกคนของผม ส่วนเป้าหมายรองลงมาก็คือผมจะเข้าร่วมกับทุกฝ่าย และเรียกผลประโยชน์ให้ตัวเองให้มากที่สุด สรุปแล้วก็คือผมจะเข้ากับทุกฝ่าย”

แม็กตอบด้วยรอยยิ้มมั่นใจคล้ายกับว่าครุ่นคิดเรื่องนี้มานานแล้ว เพียงแต่คำตอบนี้ดูเหมือนจะไร้สาระและไม่น่าจะเป็นไปได้ เนทีเรียนจึงขมวดคิ้วมองดูเขาด้วยสายตางุนงงไม่เข้าใจ

ชายหนุ่มคล้ายจะจับความคิดของเนทีเรียนได้ เขาจึงขยับร่างไปจุมพิตที่หน้าผากของสาวสวยครั้งหนึ่ง ก่อนจะพูดอธิบายให้เธอเข้าใจ

“สงครามเป็นเรื่องของเมืองสองเมือง เป็นเรื่องของผลประโยชน์ และความขัดแย้งที่พัวพันกันไปกันมาจนวุ่นวาย ผมขอเลือกอยู่ฝ่ายผมเอง เทพธนูจะแกล้งเป็นอยู่ฝ่ายมหาอุปราช เทพสี่ปีกจะไปอยู่ฝ่ายเจ้าหญิงเรนเน่ ส่วนที่จะเข้าร่วมกับแบล็คฟอร์ดจะเป็นอีกฐานะหนึ่ง เข้าใจหรือยัง”

เนทีเรียนอึ้งไปกับคำตอบของเขา แต่เธอเป็นคนฉลาดหัวไว เมื่อโดนเขาจุดประกายเปิดเผยเบื้องหลัง แผนการต่าง ๆ ก็พรั่งพรูออกมาราวกับสายน้ำหลาก สายตาที่มองดูเขาด้วยความผิดหวังเมื่อครู่พลันเปลี่ยนแปลงไป เธอมองดูเขาด้วยดวงตาระยิบระยับคล้ายกับรู้สึกสนุกสนานไปกับสิ่งที่เขากำลังคิดจะทำ

แม็กปล่อยให้เนทีเรียนเรียบเรียงความคิด และเมื่อเธอพยักหน้าให้เขาจึงค่อยเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“เข้าใจแล้วซินะ … เอาล่ะ เพื่อให้แผนนี้บรรลุผล อันดับแรกเราต้องมีอะไรไว้ต่อรองกับทุกฝ่ายก่อน ของฝ่ายเจ้าหญิงเรนเน่กับฝ่ายเมืองแบล็คฟอร์ดผมมีแล้ว ดังนั้นช่วยบอกหน่อย ว่าจุดอ่อนถึงตายของมหาอุปราชฟาร์โก้คืออะไร”

…………………………………..

“อยู่ในนี้แน่นะ คฤหาสน์ใหญ่โตอย่างกับวัง แถมยังมีทหารเฝ้ายามเพียบเลย ดูแล้วน่าจะเรียกว่าป้อมปราการมากกว่า”

แม็กยืนอยู่บนกิ่งไม้สูงเหนือพื้นเกือบห้าเมตร ร่างกำยำสวมใส่ชุดหนังสีดำที่ปิดคลุมทั่วตัวจนหลอมกลืนไปกับความมืด แม้แต่ด้านบนก็ยังปิดไว้เพียงมองเห็นแต่ดวงตาสีฟ้า ด้านข้างนั้นมีร่างบอบบางอ้อนแอ้นในชุดรัดรูปสีดำยืนอยู่เคียงข้าง

เนทีเรียนสวมใส่ชุดดำทั้งตัวเช่นเดียวกัน เพียงแต่ของเธอนั้นจะรัดรึงไปกับเรือนร่างโค้งเว้ามากกว่า ทั้งยังเปิดเนื้อผ้าตรงคอเสื้อเป็นรูปตัววี คล้ายเจตนาอวดส่วนลำคอและร่องอกขาวผ่องออกมาให้เห็น ตอนนี้ดวงตาสีดำมากเสน่ห์คู่นั้นกำลังจับจ้องมองคฤหาสน์ที่รายล้อมด้วยกำแพงแกร่งดำทะมึน ยิ่งค่ำคืนนี้มีเมฆครึ้มจนมองไม่เห็นดาวเดือน คฤหาสน์ก็ยิ่งให้ความรู้สึกลึกลับแปลกประหลาดออกมายิ่งกว่าเดิม

“แน่ใจประมาณเก้าในสิบส่วน ของนั้นมีคำสาปแฝงกลิ่นอายอาถรรพ์อยู่ จะนำไปเก็บส่งเดชไม่ได้ มันจะต้องโดนเก็บไว้ในที่ซึ่งมีการผนึกเวทย์เอาไว้อย่างแน่นหนา และของนั้นมีความสำคัญระดับชี้เป็นชี้ตาย จะอย่างไรมหาอุปราชก็คงต้องเก็บเอาไว้ที่ป้อมปราการส่วนตัวนี้แน่นอน”

เนทีเรียนหันมาพยักหน้าให้ด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม ก่อนจะหันกลับไปหยิบซองหนังสีดำที่มีมีดสั้นสี่เล่มไปรัดเอาไว้ที่โคนขาข้างละซอง จากนั้นจึงค่อยหันไปหยิบเอาถุงหนังขนาดเล็กที่มีอุปกรณ์โจรกรรมมาสะพายหลังเอาไว้ ก่อนจะหยิบยื่นให้เขาอีกหนึ่งใบ เวลานี้แม็กจึงหันไปมองด้วยความสงสัย

“ทำไมต้องเอาของใส่กระเป๋าแบบนั้นด้วย ใช้กระเป๋ามิติเอาไม่สะดวกกว่าเหรอ”

ชายหนุ่มขบคิดไม่เข้าใจ เพราะในมุมมองของเขานั้นกระเป๋ามิติมีขนาดเล็กกว่า พกพาสิ่งของได้มากกว่า ทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่า ดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นประโยชน์ของกระเป๋าธรรมดาที่เธอเพิ่งหยิบยื่นให้

“ใช่ กระเป๋ามิติสะดวกกว่า หากว่ามันใช้งานได้ล่ะก็นะ … โดยส่วนใหญ่แล้วในสถานที่พวกนี้มักจะมีการร่ายเวทย์กำกับเอาไว้หลายอย่าง เพื่อความปลอดภัยแล้ว มักจะเป็นเวทย์ต่อต้านเวทย์สายมิติ เช่น การเคลื่อนย้ายระยะไกล หรือการหยิบเอาข้าวของในมิติอื่น”

เนทีเรียนหัวเราะคิกคักเล็กน้อย เพราะคำถามของเขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีประสบการณ์ในโลกใบนี้มากนัก โดยปกติแล้วทั้งผู้คนที่อยู่ในโลกแห่งนี้และนักผจญภัยที่มาจากต่างโลกนั้นล้วนแล้วแต่นิยมใช้กระเป๋ามิติก็จริง หากทว่าคนที่เคยใช้ชีวิตในโลกแห่งนี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งจะทราบดีว่ากระเป๋ามิตินั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ไม่สามารถใช้งานได้ในบางพื้นที่ซึ่งมีการกำกับคาถารบกวนการควบคุมมิติ ดังนั้นทุกคนจึงมักจะต้องมีกระเป๋าสำรองเตรียมเผื่อเอาไว้เสมอ

ถึงแม้ว่าจะมีผู้ใช้ความสามารถทางด้านควบคุมมิติน้อยยิ่งกว่าน้อย เพราะความยากลำบากของมัน แต่การรบกวนคาถาควบคุมมิตินั้นง่ายกว่าหลายเท่า ทั้งยังมีความจำเป็นอย่างสูง หากไม่เชื่อก็ลองนึกภาพวังหลวงที่มีทหารเฝ้าอารักขามากมาย แต่กลับมีคนฝ่าทะลุมิติข้ามกำแพงและทหารนับหมื่นเข้าไปสังหารพระราชาในวัง หรือแม้แต่หากปล่อยให้ผู้คนพกพาระเบิดขนาดใหญ่ในกระเป๋ามิติเข้าไปในวังอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นระบบต่อต้านการบิดเบือนมิติจึงมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในจุดสำคัญของทุกเมืองด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก

“อืม แบบนี้ก็มีเหตุผลอยู่ ว่าแต่ต้องบุกไปขโมยคืนนี้เลยเหรอ”

ชายหนุ่มมองดูรูปร่างสวยเพรียวของเนทีเรียน แล้วหันไปมองดูทหารองครักษ์ในป้อมปราการด้วยความรู้สึกลังเลอยู่บ้าง เพราะข้างในนั้นน่าจะมีกองกำลังไม่ต่ำกว่าสามร้อยนาย หากให้เทียบกันแล้วอาจจะมีกองกำลังเฝ้ารักษามากยิ่งกว่าวังหลวงเสียอีก

“ใช่แล้ว หากทุกฝ่ายกระโดดเข้าร่วมสงครามแล้ว ต่อให้ได้ของสิ่งนั้นมาก็แทบจะไม่มีประโยชน์มากนัก ดังนั้นพวกเราต้องลงมือเดี๋ยวนี้”

เนทีเรียนตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจยิ่ง แม็กจึงไม่มีอะไรจะโต้แย้ง เพราะความจริงแล้วเธออาสามาทำการโจรกรรมคนเดียวเสียด้วยซ้ำ โดยอ้างว่าเธอมีทักษะของการโจรกรรมสูงกว่า เพียงแต่แม็กย่อมไม่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงของเขาต้องเสี่ยงอันตรายคนเดียว เขาจึงติดตามมาด้วย โดยให้เหตุผลว่าหากจำเป็นเขาจะสามารถช่วยเธอทะลวงหนีออกมาได้

“งั้นก็ลุยกันเลย”

แม็กยื่นมือไปรับกระเป๋าสีดำใส่อุปกรณ์โจรกรรมมาสะพายหลังเอาไว้ ส่วนที่เอวนั้นมีกระเป๋ามิติที่เขาใช้ตามปกติ เฟิ่งหวงไม่ได้ตามมาด้วยเนื่องจากรูปลักษณ์ของเธอนั้นโดดเด่นเกินไปจึงไม่เหมาะกับงานนี้ เขาจึงปล่อยให้เฟิ่งหวงออกล่าเท่าที่เธอต้องการ อย่างน้อยหากเธอแข็งแกร่งขึ้น เขาก็จะได้มีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

“งั้นก็รีบเฉลยมาได้แล้ว ว่าจะพาข้าเข้าไปได้อย่างไร”

เนทีเรียนถามพลางมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แรกสุดนั้นเธอเสนอให้หาทางลอบเข้าไปทางกำแพง แต่แม็กกลับมองดูภาพวาดแผนผังตัวอาคารแล้วสอบถามอะไรเธออีกหลายต่อหลายอย่าง ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่ามีแผนที่ดีกว่า
ชายหนุ่มยิ้มให้แทนคำตอบ ก่อนจะขยับเข้าไปใช้มือโอบเอวอ้อนแอ้นของเนทีเรียนเอาไว้ จากนั้นจึงค่อยโคจรลมปราณมารฟ้าซึ่งมากด้วยอาถรรพ์แห่งธาตุมืด ทันใดนั้นปีกสีดำเหมือนค้างคาวขนาดใหญ่ก็ผุดโผล่ออกมาจากกลางหลัง

สาวสวยเกร็งตัวเล็กน้อยเมื่อร่างงามอ้อนแอ้นโดนหอบหิ้วลอยขึ้นสูงเหนือพื้น สองมือรีบไขว่คว้าเปลี่ยนเป็นตวัดรัดรอบคอของเขาเอาไว้ขณะที่ปลายเท้าลอยสูงขึ้นไปในท้องฟ้ายามราตรีกาล และเพียงครู่เดียวป่าเบื้องล่างก็เป็นเพียงความมืดมิด แม้แต่ป้อมปราการของมหาอุปราชก็ยังเล็กลงจนเห็นเพียงแสงไฟจากคบเพลิงเป็นจุดเล็กจ้อย

เธอหรี่ตาลงเมื่อสายลมหนาวพัดตีกระทบใส่ใบหน้า จากนั้นทุกสิ่งก็กลายเป็นมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งใด อากาศรอบข้างกลายเป็นชื้นและเย็นเหมือนมีไอน้ำหนาแน่น ร่างของเธอและเขาเพิ่งโดนก้อนเมฆสีดำสนิทกลืนหายเข้าไป

เนทีเรียนจิกมือลงบนแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกหวาดวิตก ความมืดที่ไม่รู้จักทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว หากทว่าเมื่อหลุดพ้นออกมาจากก้อนเมฆสีดำน่าสะพรึง ภาพที่เห็นกลับทำให้สาวงามลืมตาค้างด้วยความตื่นตะลึง

ความกลัวเมื่อครู่คล้ายกับไม่เคยเกิดขึ้น เวลานี้เนทีเรียนไม่ได้สนใจมองดูด้านล่างแล้ว เธอกลับเหม่อมองดูดวงจันทร์ขาวนวลกลมโตราวกับต้องมนต์ เวลานี้เธอลอยอยู่เหนือเมฆดำ ด้านบนจึงเป็นดวงดาวและดวงจันทร์ยามราตรีที่ทอแสดงระยิบระยับโดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้น

เมื่อด้านล่างไร้ซึ่งแสงไฟรบกวน ภาพที่เห็นจึงยิ่งเด่นชัด ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองดูหมู่ดาวที่เรียงราวเป็นทางช้างเผือกโดยไม่รู้สึกเบื่อ หากจะบอกว่านี่คือภาพที่สวยงามที่สุดที่เธอเคยพบเจอก็คงไม่ผิดนัก

เมื่อก้มหน้าลงมาด้านล่าง ความกว้างใหญ่ของผืนแผ่นดินก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตัวเล็กจ้อย ที่ด้านล่างใต้กลุ่มเมฆสีดำนั้นเป็นอาณาเขตดินแดนของเมืองเลอองนิสต์ แต่เมื่อเงยหน้ามองไกลออกไป ความกว้างใหญ่ของแดนดินในโลกเวอร์เด้น (Verden) ก็สะกดจนเธอได้แต่นิ่งอึ้ง

ด้วยฐานะทางการเมืองแล้วนี่ย่อมไม่ใช่ครั้งแรกของเนทีเรียนในการเหินเวหา เพียงแต่ปกตินั้นเธอจะเดินทางบนอากาศด้วยเรือเหาะขนาดใหญ่เทอะทะซึ่งลอยเหนือพื้นได้ไม่สูงขนาดนี้ ความรู้สึกจึงไม่รุนแรงเท่ากับการได้บินบนฟ้าในอ้อมกอดของชายคนรักเช่นนี้

“อืม … สวยจัง”

เนทีเรียนส่งเสียงพึมพำขณะเงยหน้าเหม่อมองดูดวงจันทร์ที่ใหญ่โตกว่าเดิม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอบินสูงขนาดนี้ ความรู้สึกที่ได้เข้าใกล้ดวงจันทร์จึงยิ่งประทับตราตรึงใจยิ่งกว่าครั้งใด

ชายหนุ่มยิ้มกริ่มด้วยความพึงพอใจต่อปฏิกิริยาของเธอ เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือโจรกรรม ทั้งยังกระพือปีกอย่างต่อเนื่องจนลอยขึ้นมาสูงลิบ ถึงแม้ด้านบนนี้จะค่อนข้างหนาวเย็น แต่เมื่อเขาโคจรลมปราณอัคคีนิรันดรไปพร้อมกัน ความร้อนผ่าวที่ส่งผ่านออกมาทางร่างกายก็ทำให้เธออบอุ่นจนไม่รู้สึกถึงความหนาวเหน็บแม้แต่น้อย

“วันหลังท่านพาข้ามาอีกได้หรือไม่”

“แน่นอน มาได้อีกหลาย ๆ ครั้งเลย”

“… ปีกปีศาจ … ที่แท้ท่านเป็นอะไรกันแน่ มนุษย์ เทพ หรือ มาร”

ภายหลังจากอาการตื่นตะลึงกับความงามของทิวทัศน์ เนทีเรียนจึงหันมามองดูเขา ฝ่ามือนุ่มลูบไล้ลงที่ปีกแกร่งด้วยความหลงใหล หากจะบอกว่านี่คือสิ่งประทับใจอันดับหนึ่งที่ผู้ชายเคยมอบให้ก็คงไม่ผิดนัก

“อยากใช้ปีกเทพอยู่หรอกนะ แต่ว่ามันจะเป็นจุดเด่นเกินไป ใช้ปีกปีศาจดีกว่ากลืนไปกับความมืดดี”

แม็กตอบเสียงนุ่มพลางใช้นิ้วเกี่ยวเปิดหน้ากากให้ริมฝีปากเป็นอิสระ ก่อนจะบรรจงจูบมอบความวาบหวามให้สาวงาม จนเธอหลับตาพริ้มตัวอ่อนระทดระทวยอยู่ในอ้อมกอด อารมณ์ที่พลุ่งพล่านผนวกกับบรรยากาศเป็นใจ ทำให้จูบอันเร่าร้อนรุนแรงนั้นคงอยู่เนิ่นนานกว่าจะหยุดยั้งลงได้

“พวกเรารีบไปจัดการเรื่องราวให้จบกันก่อนเถอะ หากท่านรังแกข้ามากกว่านี้ เกรงว่าข้าคงจะต้องเปลี่ยนใจชวนท่านไปทำสิ่งอื่นแทนแล้ว”

“ก็อาจจะดีนะ แต่ไปทำธุระให้เสร็จก่อนดีกว่า”

เธอส่งเสียงออดอ้อนวาบหวามชวนให้เขารู้สึกพลุ่งพล่าน อารมณ์ของสองหนุ่มสาวในเวลานี้ไม่แตกต่างกันนัก เขาและเธอเพียงต้องการหาสถานที่ออดอ้อนพลอดรักให้สาสมใจ หากทว่ายังมีภารกิจโจรกรรมสำคัญที่ต้องกระทำอยู่

เมื่อสิ้นเสียงของชายหนุ่ม ร่างของทั้งคู่ก็เริ่มลอยต่ำไปยังเบื้องล่างอย่างเชื่องช้า พวกเขามุดผ่านก้อนเมฆสีดำอีกรอบด้วยความเชื่องช้ากว่าก่อนหน้า หากทว่าเวลานี้เนทีเรียนไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย เธอหลับตาพริ้มกอดเขาเอาไว้แน่น เพราะนี่คือผู้ชายที่เธอหลงรักจนหมดใจ

“เดี๋ยวก่อน … ท่านจะบินลงไปตรง ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ พวกเขามีหน่วยใช้เวทย์ตรวจสอบวัตถุบนอากาศ”

เนทีเรียนค่อยรู้สึกตื่นตัวขึ้นเมื่ออากาศหนาวเย็นน้อยลงไป ตอนนี้เธอเริ่มเห็นแสงไฟจากคฤหาสน์ที่ดูเหมือนป้อมปราการของมหาอุปราช และนั่นเองที่ทำให้เธอตื่นตัวขึ้นมา เพราะเธอเคยบอกเขาไปแล้วว่าอีกฝ่ายมีระบบตรวจจับวัตถุบนฟ้า

“ไม่ต้องห่วง ตรงนี้เป็นจุดปลอดภัยที่คลื่นเวทย์มนต์อ่อนแรงพอดี ถ้าเข้าไปมากกว่านี้อีกสักห้าเมตรจะมีคลื่นเวทย์มนต์แผ่ออกมา เหมือนพวกคลื่นโซน่าน่ะ อ๊ะ ลืมไปโลกนี้ไม่มีนี่นะ … ใช่แล้ว คล้ายค้างคาวน่ะ ที่จะปล่อยคลื่นเสียงออกมา ถ้ามีวัตถุอะไรก็จะมีเสียงสะท้อนกลับไป … เข้าใจหรือเปล่าเนี่ย”

แม็กทราบถึงความกังวลของอีกฝ่าย เขาจึงพยายามอธิบายให้เธอฟัง เพียงแต่เนทีเรียนไม่ใช่นักเวทย์ เธอจึงไม่ทราบในรายละเอียดของคำว่าคลื่นเวทย์มนต์ กระนั้นความจริงแล้วต่อให้เป็นนักเวทย์ระดับสูงก็ใช่ว่าจะสามารถสัมผัสคลื่นเวทย์ที่บางเบาแบบนี้ได้ แต่ที่แม็กสามารถทำได้นั้นก็เป็นเพราะความละเอียดอ่อนของสัมผัสแห่งกาลเวลา

เวทย์ตรวจจับในวงกว้างนั้นมีหลักการทำงานคล้ายกับคลื่นเสียงโซน่าที่ใช้ในการประมง และคล้ายกับระบบการรับรู้ของค้างคาว ผู้ร่ายเวทย์จะร่ายเวทย์แล้วปล่อยคลื่นมนตราออกมาในวงกว้าง หากมีสิ่งใดเข้าไปกระทบคลื่นนั้นก็จะสะท้อนกลับทำให้ผู้ร่ายเวทย์รู้ตัว

อย่างไรก็ตามการตรวจจับนี้ใช่ว่าจะไม่มีข้อจำกัด ยิ่งคลื่นวิ่งไกลออกไปความเข้มข้นของเวทย์ก็จะยิ่งลดลงจนจางหาย และระยะห่างที่แม็กลอยตัวอยู่นี้ก็อยู่ในระยะที่คลื่นเวทย์ตรวจจับหายไปพอดี อีกฝ่ายจึงไม่สามารถจับตำแหน่งของเขาได้

“อืม … ระยะทาง … น่าจะราวสองร้อยเมตร … ความถี่ … สิบห้า … ยี่สิบ … ประมาณยี่สิบวินาทีต่อรอบ … ต้องให้เร็วกว่าสองร้อยเมตรในยี่สิบวิเหรอ … วินาทีละสิบเมตรซินะ สบายมาก”

ขณะที่เนทีเรียนแสดงท่ามึนงงไม่เข้าใจ ชายหนุ่มกลับหลับตาส่งเสียงพึมพำพร้อมกับขยายประสาทสัมผัสออกไป ข้อจำกัดของคลื่นค้นหาไม่ใช่แค่เรื่องระยะทาง หากทว่ายังรวมถึงความถี่ด้วย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยคลื่นตรวจจับออกมาตลอดเวลา ทั้งยังออกจะสิ้นเปลืองเกินไป และเท่าที่แม็กสัมผัสได้นั้นเขาพบว่าความถี่ของคลื่นตรวจจับนั้นจะอยู่ที่ประมาณยี่สิบวินาทีต่อหนึ่งครั้ง และนั่นคือช่วงเวลาที่เขาตั้งใจจะฉกฉวย

“เกาะดี ๆ ล่ะ เนทีเรียน จะซิ่งแล้วนะ”

แม็กพูดบอกล่วงหน้าพร้อมกับกอดกระชับร่างนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายเอาไว้ จากนั้นเมื่อสัมผัสได้ว่าคลื่นตรวจจับแผ่ออกมาจนสุดทาง ปีกสีดำก็ขยับกางออกจนสุดแล้วสะบัดวูบด้วยความรุนแรง

เสี้ยววินาทีนั้นเองที่เนทีเรียนเกือบจะหลุดเสียงหวีดร้องออกมา เพราะว่าร่างของเธอโดนฉุดกระชากลงไปเบื้องล่างด้วยความเร็วสูง ภาพทุกอย่างกลายเป็นพร่าเลือนมองเห็นแต่เส้นตรง แม้แต่ใบหูก็ได้ยินแต่เสียงอื้ออึงจนสมองงุนงงคิดอะไรไม่ออก

เธอรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อทุกอย่างกลายเป็นหยุดนิ่งสงบ หากทว่ายังคงหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว รอจนกระทั่งเขาจูบที่ปรางแก้มทั้งสองข้างตามด้วยจูบที่หน้าผากด้วยความอ่อนโยน เธอจึงค่อยลืมตาขึ้นมามองทีละน้อย และเธอก็ได้พบว่าเธอกำลังยืนอยู่บนบริเวณหลังคาของคฤหาสน์หลังใหญ่โดยปลอดภัย และไม่มีใครพบเห็นแม้แต่คนเดียว

“เป็นไงแข้งขาอ่อนเลย ยืนไหวหรือยัง”

เขากล่าวหยอกล้อพร้อมกับค่อย ๆ ปล่อยให้เธอยืนบนหลังคาด้วยตัวเอง และเวลานี้เนทีเรียนได้สติกลับคืนมาบ้างแล้ว หากทว่าร่างกายยังคงสั่นสะท้าน โดยเฉพาะขาทั้งสองข้างที่สั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด เธอจึงต้องยื่นมือไปจับร่างของเขาเอาไว้เพื่อช่วยทรงตัว

สาวสวยมองค้อนเขาหนึ่งครั้งโดยไม่ส่งเสียง เธอแอบจดหนี้บัญชีโทษฐานที่ทำเรื่องหวาดเสียวโดยไม่บอกกล่าว แต่อีกใจหนึ่งก็ยิ่งรู้สึกเชื่อมั่นนับถือเขายิ่งกว่าเดิม เพราะว่าเขาสามารถนำพาเธอเข้ามาถึงใจกลางคฤหาสน์ได้โดยปลอดภัย ทั้งที่คฤหาสน์ของมหาอุปราชแห่งนี้เรียกได้ว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยไม่ต่างอันใดกับวังหลวง

เนทีเรียนมองซ้ายมองขวาครู่หนึ่งเพื่อนึกเปรียบเทียบหาตำแหน่งที่อยู่ จากนั้นเธอจึงส่งสัญญาณมือโดยไม่ส่งเสียง เพราะว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีระบบตรวจจับเสียง

ร่างอ้อนแอ้นในชุดสีดำเดินย่องไปบนหลังคาโดยไร้เสียง หนึ่งนั้นเธอสวมใส่รองเท้าพื้นนุ่มเก็บเสียง ทั้งยังมีทักษะย่องเบาระดับสูง (Master of Burgle) ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวรวมถึงสิ่งของบนร่างกายลดลง 65% ทั้งยังลดโอกาสที่จะเกิดเสียงด้วย เพียงแต่ที่เธอรู้สึกแปลกใจก็คือชายคนรักของเธอกลับสามารถย่องเบาได้โดยไร้เสียงเช่นเดียวกัน

สิ่งที่เธอยังไม่ทราบก็คือแม็กได้รับทักษะนั้นไปจากเธอ อีกทั้งเขายังมีปราณระดับสูงอย่างปราณมารฟ้า ขณะที่เขาโคจรปราณมารฟ้านั้นร่างกายของเขาก็แทบจะหลอมกลืนไปกับความมืด ทั้งยังไม่ต้องหายใจทางจมูกหรือปาก ดวงตากลายเป็นสีดำ มีสภาพคล้ายกับวิญญาณร้ายในเงามืด ดังนั้นแม้แต่ตัวเธอเองที่อยู่ใกล้ ๆ ยังแทบสัมผัสถึงตัวเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

สองหนุ่มสาวเดินย่องไปจนถึงบานหน้าต่างหนึ่ง เนทีเรียนทดลองดึงเบา ๆ หากทว่าด้านในของหน้าต่างมีกลอนปิดอยู่ เธอจึงแนบใบหูลงไปกับบานประตูเพื่อฟังเสียงให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ด้านใน ก่อนจะเปิดกระเป๋าสะพายหยิบเอาอุปกรณ์ตะขอเกี่ยวแบบแบนออกมา

เพียงครู่เดียวกลอนหน้าต่างด้านในก็โดนเปิดออก เนทีเรียนหันมายิ้มให้เขาราวกับเด็กน้อยที่อยากได้รางวัล ก่อนจะเปิดบานหน้าต่างแล้วมุดเข้าไปด้านใน โดยมีร่างของชายหนุ่มมุดตามเข้าไปติด ๆ

“เก่งแฮะ วันหลังสอนวิธีสะเดาะกุญแจแบบนี้บ้างซิ”

แม็กขยับเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลังแล้วส่งเสียงกระซิบกระซาบ เนทีเรียนยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะขยับเอื้อมมือไปปิดบานหน้าต่าง แล้วแกะมือที่เหมือนปลาหมึกของเขาออกจากร่าง

“ไม่เห็นยากเลย ใคร ๆ ก็สะเดาะกุญแจได้ ขอแค่มองเห็นระบบกลไกของกุญแจทั้งหมดให้ได้ก็พอ”

เธอหันมายิ้มจนเห็นไรฟันขาวสะอาดแล้วตอบโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ซึ่งความจริงแล้วหลักการสะเดาะกุญแจนั้นก็เป็นอย่างที่เธอพูด กุญแจนับเป็นกลไกอย่างหนึ่ง เมื่อมีลูกกุญแจก็หมายความว่ามีหนทางเปิดได้ ขอเพียงแค่มองเห็นและกระทำให้ครบเงื่อนไขของแม่กุญแจ ส่วนคำพูดที่เธอเพิ่งกล่าวออกมานี้นับเป็นคำสอนอย่างหนึ่งของสายอาชีพโจร

หากฟังหลักการพื้นฐานแล้วอาจดูเหมือนง่ายดาย หากทว่าปัญหาสำคัญก็คือต้องทำอย่างไรจึงจะมองเห็นและรู้กลไก เพราะกุญแจส่วนใหญ่นั้นอยู่ในสภาพโดนปิดเอาไว้ หากไม่ทดลองแกะแยกชิ้นส่วนออกมาก่อนก็คงไม่สามารถรับทราบได้ว่าด้านในเป็นอย่างไร ดังนั้นคำว่ามองเห็นที่ว่านี้ไม่ใช่เป็นสิ่งง่าย ๆ แต่ต้องผ่านการทดลองเรียนรู้กลไกแบบต่าง ๆ จำนวนนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อให้สามารถคาดเดากลไกกุญแจที่ต้องการไขได้

เนทีเรียนเพียงแค่เลียนแบบคำพูดของอาจารย์ด้านการลักขโมยมาอีกต่อหนึ่งโดยไม่ได้คิดอะไรมากมาย หากทว่าเมื่อคำพูดนั้นมาถึงหูของชายหนุ่ม เขากลับรู้สึกหัวสมองสว่างวาบเหมือนได้เปิดโลกทัศน์ใบใหม่ขึ้นมาโดยที่เธอไม่ทันสังเกตเห็น

สองหนุ่มสาวขยับเคลื่อนไหวไปตามทางเดินอันเงียบงันและมืดมิดอย่างไร้ซึ่งซุ่มเสียง คฤหาสน์นี้ไม่มีทหารยามเฝ้าอยู่มากนัก เนื่องจากเป็นพื้นที่ด้านใน ทหารส่วนใหญ่จะเฝ้าระวังอยู่ด้านนอกอย่างเข้มงวด จึงไม่มีใครคาดว่ามีผู้บุกรุกถึงด้านในได้เช่นนี้ การเคลื่อนไหวของทั้งคู่จึงยิ่งกระทำได้โดยสะดวก มีแค่เพียงไม่กี่ครั้งที่ทั้งคู่ต้องเดินย้อนกลับไปหลบซ่อนตัว เนื่องจากมีเหล่าสาวใช้หน้าตาคมขำเดินผ่านมาตามทางเดิน

พวกเขาหยุดชะงักเป็นระยะ เนื่องจากทักษะตาแมว (Cat Eye) ระดับหกดาวอันว่องไวของเนทีเรียนตรวจพบกับดักทั้งแบบกลไกทางกายภาพ และกลไกกับดักเวทย์มนต์ เธอลงมือปลดการทำงานของกับดักพวกนี้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะแก้ไขกลับให้อยู่ในสภาพเดิมเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตเมื่อเขาและเธอผ่านพ้นไปแล้ว

ความคล่องแคล่วชำนาญการในด้านโจรกรรมของเนทีเรียนกล่าวได้ว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง เธอสามารถสังเกตค้นหากับดักกลไกได้แทบทั้งหมด ทั้งที่ความจริงแล้วกลไกกับดักเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นกลไกระดับสูงสมฐานะของมหาอุปราช

อย่างไรก็ตามขณะที่เนทีเรียนกำลังชะโงกหน้าสำรวจ และทำท่าจะเดินนำเข้าไปในห้องที่ไร้วี่แววของผู้คนห้องหนึ่ง แม็กกลับรีบคว้าแขนของเธอและกระชากกลับมาจนเธอตื่นตกใจ เธอพยายามส่งสายตาถามไถ่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น หากทว่าเขาไม่ตอบอะไรทั้งยังยกมือปิดปากให้เธอเงียบเสียงเอาไว้

เธอโดนเขาปิดปากนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะได้ยินเสียงหาวดังขึ้นแผ่วเบาจากมุมมืดที่มองไม่เห็น และนั่นทำให้เธอได้ทราบว่ามีใครบางคนแอบหลบซ่อนอยู่ในมุมมืดเพื่อเฝ้ารักษาความปลอดภัย

เนทีเรียนถอนลมหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่ถูกตรวจพบ เธอหันไปมองเขาด้วยความสงสัยว่าเขาทราบได้อย่างไร หากทว่าเขาเพียงยิ้มให้และยักไหล่อมพะนำไม่ยอมตอบ เธอจึงได้แต่เปลี่ยนเส้นทางพาเขาเดินอ้อมไปทางอื่น

เขาและเธอย่องเบากันไปอีกครู่ใหญ่ ไม่นานนักทั้งคู่ก็เข้ามาถึงห้องที่มองดูคล้ายกับห้องทำงาน และเมื่อมองดูภาพวาดเท่าตัวจริงของมหาอุปราชบนฝาผนังแล้ว เขาก็สามารถเดาได้ทันทีว่านี่คงเป็นห้องทำงานของมหาอุปราชฟาร์โก้อย่างแน่นอน

เนทีเรียนชะโงกหน้าออกจากมุมทางเดิน แล้วใช้ทักษะดวงตาแมวมองสำรวจไปทั่วห้องด้วยความระแวดระวังรอบหนึ่ง ก่อนจะหันมาถามความเห็นของแม็กอีกรอบเพื่อความมั่นใจ และคำตอบที่ทำให้เธอใจหายวูบก็คือการส่ายหน้าของเขา

แม็กส่ายหน้าพร้อมกับดึงรั้งร่างของเธอมายืนหลบด้านหลังเหมือนจะบอกว่ามีอะไรบางอย่างที่อันตราย จากนั้นไม่นานนักเนทีเรียนก็ได้ยินเสียงครวญครางทุ้มต่ำคล้ายผู้คนกำลังเจ็บปวดทรมาน

เสียงเย็นเยียบที่แว่วดังมาจากด้านในห้องซึ่งสมควรจะไม่มีผู้คนนั้นทำให้เนทีเรียนรู้สึกหนาววูบจนหน้าซีด เธอทราบแล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร เพราะมหาอุปราชเคยอวดสิ่งนั้นให้เธอเห็นแล้วหนึ่งครั้ง ทั้งยังทราบแล้วว่าเหตุใดทักษะตาแมวของเธอจึงไม่สามารถตรวจจับสิ่งนั้นได้

สิ่งนั้นมีชื่อเรียกว่าวิญญาณมืด (Dark Soul) มันเป็นดวงวิญญาณของเผ่าดาร์คเอลฟ์ (Dark Elf) มันเป็นวิญญาณที่เต็มไปด้วยความคับแค้น มันไม่มีร่างทางกายภาพที่จับต้องได้ มันเป็นแค่เพียงดวงวิญญาณที่หลอมกลืนไปกับความมืด การตรวจจับด้วยทักษะตาแมวของอาชีพหัวขโมยจึงแทบเป็นไปไม่ได้

นอกจากการหลอมกลืนกับความมืดแล้ว มันยังมีความอันตรายในระดับเดียวกับสัตว์อสูรคลาสสี่ปลาย ๆ เธอเคยเห็นวิญญาณมืดสังหารทหารรับจ้างคลาสสามเกือบยี่สิบนายได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย ดังนั้นหากโดนมันจับได้ภารกิจในค่ำคืนนี้จะต้องถือว่าล้มเหลวอย่างแน่นอน กระนั้นคำถามสำคัญที่ผุดขึ้นมาในใจของเธอก็คือ แม็กสามารถตรวจพบมันได้อย่างไรทั้งที่อยู่ด้านหลัง

การตรวจจับในครั้งนี้ย่อมเป็นคุณงามความดีของสัมผัสทางกาลเวลา ถึงแม้เขาจะไม่ได้มองดูด้วยสายตาหากทว่าประสาทสัมผัสที่แผ่ขยายออกไปนั้นสามารถสัมผัสได้เกือบทุกสิ่ง ยิ่งเขาโคจรปราณมารฟ้าด้วยแล้วการสัมผัสกับธาตุวิญญาณก็ยิ่งยอดเยี่ยมกว่าเดิมจนวิญญาณมืดก็ไม่สามารถหลบซ่อนได้

สองหนุ่มสาวตกอยู่ในความเงียบอีกครู่ใหญ่ เนทีเรียนเริ่มรู้สึกอยากยกธงยอมแพ้ เนื่องจากนี่คือห้องจุดหมายปลายทางที่เธอต้องการเข้าไปเพื่อทำการโจรกรรม แต่หากมีวิญญาณมืดเช่นนี้อยู่ เธอคงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากถอนตัวกลับไปด้วยความผิดหวัง

การป้องกันเช่นนี้นับว่าแข็งแกร่งเกินไป เริ่มจากรอบนอกเป็นกำแพงสูงมีทหารคอยคุ้มกันราวกับป้อมปราการ เมื่อเข้ามาด้านในก็ยังมีทางเดินที่ซับซ้อนรวมไปถึงกับดักเวทย์ ทั้งยังมียามเฝ้าหลบซ่อนตามจุดสำคัญ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการให้วิญญาณมืดเฝ้าตรงจุดสำคัญ

“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่ง”

แม็กกระซิบบอกเนทีเรียนเมื่อเธอส่งสัญญาณมือให้ถอนตัว เขาหลับตานิ่งเงียบอีกครู่หนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขารู้สึกว่าวิญญาณร้ายทรงพลังตนนั้นไม่มีอันตรายต่อเขา

หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่แม็กก็ปล่อยมืออกจากเนทีเรียน แล้วเดินออกไปปรากฏตัวอย่างสง่าผ่าเผยจนเนทีเรียนสะดุ้งโหยง เธอรีบหยิบฉวยคว้าเอามีดสั้นสองเล่มซึ่งเป็นอาวุธคู่กายขึ้นมาเตรียมเหตุร้าย หากทว่าจนแล้วจนรอดเจ้าวิญญาณมืดนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากเอียงศีรษะซึ่งมีใบหูเรียวแหลมสัญลักษณ์ของเผ่าเอลฟ์ไปมา

ร่างสูงโปร่งของวิญญาณมืดซึ่งหลอมกลืนไปกับความมืดนั้นนิ่งอึ้งไปวูบหนึ่ง แต่เธอไม่อาจสังเกตเห็นสีหน้าของมันเนื่องจากสิ่งที่ดวงตามองเห็นนั้นเป็นเพียงความมืดที่ไม่มีรายละเอียด เธอจึงไม่ทราบว่าหน้าตาของวิญญาณมืดนั้นเป็นเช่นไร แม้แต่ตามร่างกายเธอก็ยังไม่แน่ใจนัก เธอเห็นแค่เพียงเกราะเหล็กสีดำ แต่ส่วนร่างกายทั้งหมดนั้นคล้ายจะเป็นเพียงก้อนอณูอันมืดมิดเหมือนกันควันไฟ
หลังจากนั้นมันก็ค่อย ๆ ลอยวูบเข้ามาใกล้จนเนทีเรียนเผลอก้าวถอยหลังด้วยความหวั่นวิตก แต่ยังดีที่มันเพียงหยุดอยู่ในระยะห่างห้าก้าวไม่ได้เข้ามาใกล้จนเกินไป

วิญญาณมืดมองดูแม็กอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงครางทุ้มต่ำที่ฟังไม่รู้เรื่องออกมา และนั่นสมควรจะเป็นภาษาของเผ่าดาร์คเอลฟ์ซึ่งแทบไม่มีใครรู้ เนทีเรียนจึงไม่สามารถแปลออกมาได้แม้แต่คำเดียว หากทว่าที่น่าแปลกใจก็คือชายหนุ่มกลับพยักหน้า แล้วพูดส่งเสียงตอบกลับออกไปด้วยภาษาที่คล้ายคลึงกันราวกับว่าเขาเข้าใจภาษาของพวกดาร์คเอลฟ์

เขาพูดประโยคหนึ่ง วิญญาณมืดก็ตอบกลับประโยคหนึ่ง สองฝ่ายพูดตอบโต้ไปมาราวกับเป็นมิตรสหายกันมาก่อน จากนั้นไม่นานนักเจ้าวิญญาณมืดก็พยักหน้าซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งเหมือนจะพึงพอใจในอะไรบางอย่าง แล้วมันก็หมุนตัวกลับลอยนำเข้าไปในห้องตกแต่งหรูหรา ท่าทีของมันราวกับจะเชื้อเชิญให้เขาและเธอเข้าไปในห้องนั้นได้

ความจริงแล้วแม็กย่อมไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องภาษาเหล่านี้ เขาไม่เคยเจอหรือรู้จักกับดาร์คเอลฟ์ด้วยซ้ำ เพียงแต่โดยพื้นฐานแล้วดาร์คเอลฟ์คือเผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่หมกมุ่นกับวิญญาณและศาสตร์แห่งความมืดจนโดนขับไล่ออกมาจากเผ่า

ดาร์คเอลฟ์มีร่างกายที่คล่องแคล่วปราดเปรียวเช่นเดียวกับเผ่าเอลฟ์ หากทว่าพวกมันแตกต่าง พวกมันไม่ใช้ภาษารูนโบราณ (Ancient Rune) เฉกเช่นที่พวกเอลฟ์ใช้เพื่อเชื่อมโยงกับธรรมชาติและสัตว์ป่าทั่วไป หากทว่าพวกมันเลือกที่จะใช้ภาษารูนแห่งความมืด (Dark Rune) ที่สามารถสนทนาสื่อสารกับเหล่าวิญญาณและสัตว์ที่หากินในความมืดได้

เมื่อเป็นภาษาของเหล่าวิญญาณ แม็กซึ่งมีศักดิ์ฐานะเป็นราชาแห่งเผ่ามารฟ้าจึงสามารถรับฟังได้เข้าใจและสามารถสนทนาได้ ถึงแม้ว่าความจริงแล้วเขาจะไม่รู้จักภาษานี้ แต่ว่าระบบเกมได้ทำการแปลงภาษาให้เขาเข้าใจ และทุกคำพูดที่เขาพูดด้วยภาษาปกติก็จะโดนแปลงออกมาเป็นภาษารูนแห่งความมืดด้วยพร้อมกัน

เนทีเรียนย่อมไม่ทราบข้อเท็จจริงเหล่านี้ เธอจึงยิ่งรู้สึกอึ้งและทึ่งในความสามารถที่หลากหลายเกินคนของเขา เธอเข้าใจว่าเขามีความรอบรู้สามารถใช้ภาษาแห่งเผ่าดาร์คเอลฟ์ได้

“ไม่ต้องกลัว ตกลงกันได้แล้ว ดาร์คจะช่วยพวกเราอีกแรง”

“ดาร์ค?”

“ชื่อของเจ้านี่ไง ดาร์คโซล”

เธอยืนนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนที่เขาจะขยับมาสะกิด แล้วชี้นิ้วเป็นสัญญาณสื่อความหมายว่าให้ไปต่อได้แล้ว เนทีเรียนซึ่งมีแต่ความสงสัยอยู่เต็มหัวทราบดีว่านี่ไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมที่จะสนทนาสอบถาม เธอจึงพยักหน้าตอบแล้วเดินตามร่างสูงโปร่งของวิญญาณมืดเข้าไปด้านใน

เธอมองดูวิญญาณมืดที่ลอยนิ่งอยู่ด้วยความรู้สึกเหมือนยังไม่ค่อยไว้วางใจ จนกระทั่งแม็กเดินเข้ามาตบไหล่บอกให้ลุยต่อเธอจึงค่อยพยายามรวบรวมสติ แล้วเดินเข้าไปที่ชั้นวางหนังสือด้านหลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ จากนั้นก็ลงมือปลดกลไกกับดักอีกครู่ใหญ่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกับดักเตือนให้เจ้าบ้านรู้ตัว ก่อนจะทดลองดึงสลักกลไกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชั้นวางหนังสือจะขยับแยกออกจากกันโดยไร้ซึ่งซุ่มเสียง

ที่แท้แล้วด้านหลังของชั้นวางหนังสือกลับเป็นบานประตูบานหนึ่ง จากที่เนทีเรียนบอกเล่าให้ฟังนั้นมหาอุปราชเคยพูดถึงประตูบานนี้ให้เธอฟัง เพียงแต่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ประตูนี้สมควรเป็นประตูลงไปสู่ห้องลับใต้ดิน และนี่คือห้องที่เนทีเรียนเชื่อว่ามหาอุปราชเก็บซ่อนของสำคัญเอาไว้ เพียงแต่บานประตูที่ว่านี้กลับดูจะสลับซับซ้อนกว่าที่เธอคิด เพียงมองจากสีหน้าที่เธอมองดูกลไกก็สามารถบอกได้

เธอขมวดคิ้วมองดูบานประตูด้วยความหนักใจ มันเป็นบานประตูที่ดูแข็งแกร่งทนทานต่อการโจมตีทางกายภาพและทางเวทย์มนต์ การใช้กำลังงัดแงะอย่างเงียบเชียบไม่ให้ใครรู้จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทางเดียวที่จะเปิดมันได้ก็คือการเปิดด้วยกลไกอย่างถูกต้อง
บนบานประตูนี้มีกลไกลักษะของวงแหวนรหัสทับซ้อนกัน มันคือวงกลมขนาดใหญ่ ที่มีวงกลมซ้อนกันด้านในสิบชั้น แต่ละชั้นมีอักขระที่แตกต่างกันไปจำนวนสิบตัวอักษร หากต้องการเปิดออกจำเป็นต้องหมุนอักขระเหล่านี้ให้ถูกต้องทั้งสิบตำแหน่ง นั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะลองผิดลองถูก เพราะความเป็นไปได้นั้นมีมากถึงหมื่นล้านรูปแบบ และนี่คือระบบกุญแจที่เหล่านักโจรกรรมเรียกขานด้วยกันว่าระบบวงแหวนสิบชั้น

เนทีเรียนหยิบเอาอุปกรณ์ช่วยฟังเสียงออกมาแนบกับกลไกแล้วทดลองขยับวงแหวน เธอกำลังทดลองฟังเสียงของกลไก โดยปกติแล้วกลไกประเภทรหัสชุดนี้หากหมุนชุดรหัสได้ถูกต้องมักจะมีเสียงที่แตกต่างกว่าตำแหน่งอื่น หากทว่าการกลไกป้องกันนี้กลับยอดเยี่ยมยิ่ง มันไม่มีเสียงอะไรให้จับได้แม้แต่น้อย

เวลานี้เธอได้แต่ยืนจิกกำมือด้วยความเคร่งเครียด หากจะบอกว่าเธออยากยกธงขาวยอมแพ้ก็คงไม่ผิดนัก เพราะระดับของการป้องกันมันเกินกว่าความสามารถของเธอ หรือต่อให้เป็นระดับปรมาจารย์ด้านการโจรกรรมเองก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถทำได้

“ขอลองหน่อย”

เธอตื่นจากภวังค์แห่งความเคร่งเครียดเมื่อฝ่ามือของชายหนุ่มวางลงบนหัวไหล่กลมมน เธอไม่แน่ใจนักว่าเขาต้องการทดลองอะไร ทั้งยังไม่ได้ตั้งความหวังว่าเขาจะสามารถกระทำอันใดได้ แต่ก็ยังขยับหลบไปด้านข้างเพื่อพยายามขบคิดหาทางเปิดกลไกเหล่านี้

การกระทำของชายหนุ่มหลังจากนั้นทำให้เธอยิ่งรู้สึกแปลกใจ เธอเห็นเขาขยับไปใช้มือซ้ายแตะลงบนวงแหวนแล้วหลับตาลง จากนั้นก็ใช้มือขวาทดลองหมุนวงแหวนรอบนอกสุดไปทีละน้อย ซึ่งความจริงแล้วการกระทำนั้นคล้ายกับที่เธอทำพร้อมกับใช้อุปกรณ์ช่วยฟังเสียงอยู่บ้าง ต่างกันแค่เพียงเขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์อันใดช่วยเหลือ และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกไม่แน่ใจว่าเขากำลังล้อเล่นอะไรอยู่หรือไม่ เธอจึงเลิกสนใจและหันไปรื้อค้นอุปกรณ์โจรกรรมพร้อมกับครุ่นคิดว่าจะสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง

ระหว่างครุ่นคิดนั้น เนทีเรียนก็แอบชำเลืองมองด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ในช่วงแรกนั้นเขาขยับหมุนวงแหวนย้อนไปมาอยู่เนิ่นนานกว่าจะตัดสินใจหยุดลงที่อักขระตัวหนึ่ง แต่หลังจากวงแหวนแรกแล้วเขาก็กระทำเช่นเดียวกันกับวงแหวนที่สองเพียงแต่รวดเร็วกว่าครั้งแรกมากนัก และเมื่อเวลาผ่านไปราวห้านาทีท่ามกลางความร้อนรุ่มใจของเนทีเรียน เขาก็ปล่อยมือออกจากวงแหวนทั้งสิบแล้วหันมายิ้มให้

“ก็ไม่ยากเท่าไหร่นี่นะ น่าจะเปิดได้แล้ว”

“… ท่านหมายความว่าอะไร นี่เป็นกลไกรักษาความปลอดภัยระดับสูงมาก มันถูกเรียกว่าระบบวงแหวนสิบชั้น การจะเปิดมันได้นั้นต้องอาศัย …”

เนทีเรียนหันไปส่งสายตาดุใส่เพราะคิดว่าเขาพูดล้อเล่น หากทว่าเธอยังพูดไม่ทันครบประโยค เขาก็ยักไหล่แล้วยกมือกดลงไปที่กลางวงแหวน เสียงกริ๊กดังขึ้นแผ่วเบาขณะที่วงแหวนด้านในที่เล็กที่สุดยุบเข้าไปด้านใน จากนั้นวงแหวนถัดออกมาก็เริ่มหมุนทีละวงจนครบ ตามด้วยเสียงกลไกขยับปลดปล่อยบานประตูโลหะผสมหนามากกว่าห้าสิบเซนติเมตรให้เปิดอ้าออก

สาวสวยเบิกตาโพลงมองดูประตูที่เปิดออกด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ กลไกป้องกันนี้สมควรเป็นระบบป้องกันระดับสูงยิ่ง หากทว่าชายคนรักของเธอกลับเปิดออกได้อย่างง่ายดาย เขาทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเขารู้ชุดอักขระที่ถูกต้องอยู่ก่อนแล้วด้วยซ้ำ

“… ไม่จริง … ท่านทำได้อย่างไร”

เมื่อยอมรับความจริงได้ เธอจึงค่อยหันไปถามเขาด้วยความรู้สึกมึนงง และคำตอบที่ออกมาจากรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ของเขานั้นก็คือประโยคที่เธอเคยบอกเขาไปก่อนหน้านี้

“ก็ไม่เห็นยากเลย ใคร ๆ ก็สะเดาะกุญแจได้ ขอแค่มองเห็นระบบกลไกของกุญแจทั้งหมดให้ได้ก็พอ”

Related

คฤหาสน์โลกีย์May 24, 2022Similar post

This World’s Harem KnightJuly 20, 2022Similar post

FRIENDLY RELATIONSHIPMay 31, 2022Similar post

Prev
Next

Comments for chapter "Xtreme Online 43 – โจรกรรม"

MANGA DISCUSSION

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

*

Tags:
เรื่องเสียวซีรี่ย์

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Notifications